ผมรีบร้อนรับโทรศัพท์ด้วยความดีใจ
“ฮัลโหล เบสหรอ เบสนายเป็นไงบ้าง”
“ฮัลโหล โต้งหรอ สวัสดี เราสบายดีไม่ต้องห่วงนะ”
“แล้วนี่นายเล่นหายไปเลย ติดต่อก็ไม่ได้ เราเป็นห่วงนะ”
“ขอโทษที หลังจากกลับมาจากบ้านโต้ง พ่อเค้าไม่ยอมให้เราทำอะไร หรือไปไหนเลย
พ่อเราเค้าอุตส่าห์หยุดงานมาดูแลเราเลยไงละ เราก็เลยเกรงใจพ่อ ไม่กล้าทำอะไรขัดใจเค้านะ
ขนาดมือถือ เค้ายังไม่ให้คุยเลย เอาแต่บอกว่าคนป่วยต้องนอนเยอะๆ เราเบื่อจะตายแล้วเนี่ย
นี่ดีว่าอาการเราดีขึ้น พ่อเลยยอมออกไปทำงานแว๊บนึงเมื่อกลางวัน
เราเลยได้โอกาสไปหยิบมือถือมาจากห้องพ่อ นี่ก็รอจังหวะโต้งกลับมาจากทำงานละถึงได้โทรมา”
“งั้นหรือ” ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะ ไม่ใช่เบสไม่อยากโทรมา แต่เค้าโทรมาไม่ได้
“นายละโต้ง เป็นไงบ้าง ไม่ติดไข้มาจากเรานะ”
“เราสบายดีไม่ต้องห่วง......นายอะ นอนอย่างเดียวเลย เบื่อแย่ละซิ”
“ก็ใช่ เบื่อมากเลยละ พ่อเราก็เว่อจริงๆ”
“ฮ่าๆ ดีแล้วๆ ซุปวันก่อนรสชาติเป็นไง ถูกปากปะ”
“เออ ใช่ ซุปที่โต้งต้มให้นะ อร่อยมากเลย วันหลังนายต้องสอนเราด้วยละ"
“ได้ ถ้านายหายแล้วกลับมานะ เราจะสอนให้”
“เรื่องกลับไป....คงต้องรอก่อนนะโต้ง คือพ่อเราสั่งห้ามไปค้างบ้านนายตอนนี้นะ แบบว่า เค้าว่า
เค้าเกรงใจนายนะ แต่เรารู้ว่าไม่ใช่แค่เหตผลนั้นแน่ นายไปทำอะไรให้พ่อเค้า
เอ่อ..ไม่พอใจปะ
ดูเหมือนพ่อจะติดใจอะไรนายก็ไม่รู้ แบบว่า.....”
“แบบว่ายังไง? เราไม่ได้ทำเสียมารยาทอะไรเลยนะ นอกจากถามอายุเอง หรือพ่อนายโกรธเราเรื่องนี้?”
“อ๋อ เรื่องนั้น พ่อไม่โกรธหรอก คนถามเค้าบ่อยๆ จะตาย
แต่...เหมือนพ่อเค้าจะถามเรื่องโต้งเยอะมากเลยนะ ถามว่ารู้จักกันได้ไง เป็นใคร ทำไมมาสนิทกัน......
แต่โต้งอย่าคิดมากนะ เราจะคบอะไร กับใครมันเรื่องของเรา พ่อเราก็เป็นห่วงมากไปงี้ละ“
เบสรีบแก้ตัวในตอนท้าย
“เอ๊ะ... เราทำอะไรให้คุณพ่อไม่พอใจหรือเปล่า...เราฝากขอโทษละกัน จะให้เราไปขอโทษเองก็ได้นะ...”
ทำไงดีละ ผมไปทำอะไรให้คุณพ่อเบสไม่พอใจละเนี่ย...หรือว่า
คุณพ่อดูออกแล้วว่า ผมเข้าใกล้ลูกชายเค้าด้วยจุดประสงค์อะไร ...
แย่แล้วซิ จะมีพ่อแม่ซักกี่คนที่ยินดีให้ลูกรักชอบเพศเดียวกัน... ซวยแล้วๆ
“นายอย่าเพิ่งคิดมากนะโต้ง พ่อเราก็งี้ละ ห่วงโน่นห่วงนี่ บางทีพ่อเค้าคงคิดมากไปเองละ
เดียวเราจะค่อยๆ คุยปรับความเข้าใจให้ โต้งเป็นคนดีจะตาย พ่อต้องเข้าใจแน่ๆ” เบสตอบกลับมาอย่างร่าเริง
“อึม ...ขอบใจนะ”
“เราตะหากต้องขอบใจโต้ง เราเล่าให้พ่อฟังทุกเรื่องละ พ่อต้องเข้าใจแน่ๆ ว่าโต้งหวังดีกับเรา”
“เห้ย..” ผมอุธานด้วยความตกใจ เบสเล่าหมดแล้วหรอ
หมายถึง เรื่องที่ผมลวนลามเบส สอนเบสช่วยตัวเอง เรื่องที่เรามีอะไรกันงั้นหรือ?
“มีอะไรปะโต้ง เราพูดอะไรผิดไปหรอ เราเล่าให้พ่อฟังตั้งแต่เรื่องโต้งอาสาเปลี่ยนตัวเราให้
เราเล่าว่าทำไมต้องมาอยู่กับโต้งนะ”
“อ๋อ....ค่อยยังชั่ว นึกว่าเราเรื่องนั้นนะ”
“เรื่องไหน เรื่องนั้นนะ? เราไม่เข้าใจ”
“ก็...เอ่อ...... เรื่องที่เรากับนาย เอ่อ...ช่วยกัน ...”
เบสนิ่งเงียบไป เหมือนเบสก็จะเข้าใจเรื่องที่ผมพยายามพูดแล้วละ
“บ้า...เรื่องแบบนั้นใครจะเล่าได้ละ โต้งลามกวะ” เบสพูดตอบกลับมาอย่างอายๆ
“ฮ่าๆ เออ เราก็บ้าจริงๆ “ ผมขำแก้เก้อ...
“ไม่คุยละ เราไปนอนดีกว่า ...โต้งก็ไปนอนซะ เดียวพรุ่งนี้มีเรียนเช้านิ เราก็จะไปเรียนตั้งแต่พรุ่งนี้ละ”
“หายดีแล้วแน่นะ จะไปเรียนนะ”
“ดีแล้วๆ หายดีแล้ว ไม่ต้องห่วงแล้วจริงๆ ไว้พรุ่งนี้ ไปกินข้าวกลางวันกันไหมโต้ง”
“ได้ซิ เจอกันที่เดิมแล้วกันนะ “
“ได้ งั้น ราตรีสวัสดิ์ครับ”
“ราตรีสวัสดิ์ครับเบส”
หลังวางสาย....ผมรู้สึกเต็มตื้นในจิตใจ การได้พูดคุยกับเบสในวันนี้
อาจจะชดเชยความคิดถึงที่ผมมีต่อเบสได้ไม่หมด
แต่มันก็มากจนทำให้หัวใจพองโต สดใส ที่หมดแรงก็กลายเป็นแข็งแรง
พรุ่งนี้ ทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่ พรุ่งนี้ผมจะได้เจอเบสแล้ว
อ้า....คิดถึงเหลือเกิน คนน่ารักของผม....
รีบนอนดีกว่า จะได้เจอเบสไวไว
.................................................
ใช้วันหยุดพักร้อน มาทำงานพิเศษ แต่ก็ทำให้แว่บเข้ามาลงให้ก่อนได้
เรื่องที่รำ่ลือกัน ไม่แปลกหรอกครับ แต่ตัวอย่างนะ กอดกันที่โรงพยาบาล อะไรแบบนี้ คือไม่คิดบ้างเหรอ
ว่าคนไม่สบาย ไม่มีแรง อะไรเถือกนั้น คนเราส่วนใหญ่จิตใจฝั่งไม่ดีทำงานเร็วกว่าสินะ