ตอนที่ 8 เกราะป้องกัน......หัวใจ
“เฮ้ยตื่น”
“มึง”
“เฮ้ย”
โอ้ยเสียงใครแม่งหนวกหูว้อย อันนี้ไม่ได้พูดนะครับ(ขี้เกียจอ่ะคนพึ่งตื่นนอน)
“ไอ้ทิศ”
“อืม” ผมพูดพร้อยพยักหัวหงึกๆ
“ตื่น” มีคนพูดครับแต่ผมยังไม่รู้ว่าใคร(ขี้เกียจนึก)
“แปป” ผมยังนอนคว่ำอยู่
............5 นาทีผ่านไป............
“เฮ้ยตื่นยัง” มีเสียงคนพูด
“เออๆ ตื่นแล้ว” ผมลุกขึ้นมา แต่ก็อยากจะล้มตัวไปนอนต่อเหลือเกิน.....ผมนั่งนิ่งอยู่นาน....ระลึกชาติ.....นึกออกนิดๆ
“ไอ้คมเหรอ” ผมถาม
“เออ มึงไปอาบน้ำซะ แล้วมาแดกข้าว” ก็น่าจะเป็นมันนะเพราะนอกจากมันก็ไม่มีใครที่ผมรู้จักที่อยู่หอตอน
summer นี่นา
“อือ” ผมเดินไปอาบน้ำ ระหว่างนั้นก็ ระลึกถึงชาติเมื่อคืน ....อืมจำได้แต่ว่า...เจ็บมือเพราะชกไอ้คมไม่โดน
ไปโดนพนักพิงแทน พอเอามือมาดู
“อ้าว มีพลาสเตอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่” นึกๆไป ยิ้มไป เฮ้ย กูบอกอะไรมันไปป่าววะ ซวยแล้วกู มันจะไม่เอาไปแฉเหรอวะ หรือกูต้องย้ายที่เรียนเนี่ย
“เหยิ้ยก”ผมสบถ บ่นอุบอิบไปเรื่อย พออาบน้ำเสร็จก็กลับมาใส่เสื้อผ้าที่ห้อง อ้ะๆ รู้นะคิดอะไร
ปกติเขาจะใส่ผ้าขนหนูผืนเดียวไปเข้าห้องน้ำกันน่ะ อย่าคิดมากดิ
“มึง”ผมพูดกะไอ้คมที่นั่งบนโต๊ะเตี้ยที่พื้น พร้อมกับเช็ดผมที่เปียกอยู่
“อะไร”มันถาม พร้อมกับลวนลามผมด้วยสายตาเที่ยวหนึ่ง อันที่จริงผมไม่ได้หุ่นดีอะไร แต่ผมเล่นกีฬาทุกวัน
บวกกับความผอม กล้ามเนื้อจึงค่อนข้างเห็นได้ชัด บวกกับความขาวและหน้าหวานๆด้วยแล้ว5555
มีแต่คนหลง555 ต่อๆ มัวแต่ชมตัวเอง พอผมเห็นมันมองผมก็รีบหันหน้าหนี ใส่เสื้อผ้าทั้งๆที่เปียก
“เมื่อคืนกูพูดอะไรบ้าง” ผมถามมันในใจก็กลัวคำตอบที่จะได้รับ
“เปล๊าไม่มีอะไรนี่ ทำไมอยากรู้เหรอ” มันบอกพร้อมกับบุ้ยใบ้ให้ผมนั่งลง
“เอ๊มึงนี่กูจะได้รู้ว่ากูเผยความลับของสวรรค์ มากขนาดไหนไง5555” ผมพูดพลางนั่งลงไป
“ไม่มีอะไรมาก มึงแค่บอกว่ามึงเหงา แล้วมึงก็ด่ากูซะเสียหาย จะชกกูด้วย แล้วก็.........” มันจ้องหน้าผมที่กำลังโซ้ยโจ๊กที่มันซื้อมาถวาย แต่ผมมีเหรอจะเผยพิรุธ ผมก็ทำหน้าเฉยๆ มั้งๆที่หน้ามืดจะเป็นลมอยู่แล้ว
“แล้วมึงก็อ้วก....กูก็เลยถอดเสื้อมึงออก” มันว่า
“จริงดิกูขอโทษนะ เมื่อวานกูไปดูหนังเศร้ามาน่ะเลยอินไปหน่อย” ผมว่า 555 การโกหกระดับกูไม่ทีใครจับได้หรอก
“พ่อมึงเป็นไร”มันถามผมครับ
“คน”ผมตอบขณะที่เป่าโจ๊กอยู่
“กูถามดีๆ มึงพูดดีๆได้มั้ยวะ” มันทำตาโตแล้วครับ
“กูพูดถึงพ่อเหรอเมื่อวาน” ผมกินไปทำท่าไม่รู้ไม่ชี้
“เปล่ากูได้ยินตอนที่มึงไป กินกะพี่จาง” มันเพ่งเลยครับไม่ไช่จ้อง
“ยอมรับแล้วอะดิ๊ว่าตามกูมา555” ผมพูดพร้อมกับเอาช้อนชี้หน้ามันยิ้มเยาะๆ
“เออน่า” มันทำท่ารำคาญ
“...มะเร็ง..” ผมพูด ขณะที่ช้อนตักโจ๊กเข้าปาก
“....มึงเหงามากเหรอ...” มันทำหน้าสงสารครับ
“กูบอกมึงแล้ว ว่ากูแค่อินกะหนังมึงจะอะไรมากเนี่ย แล้วมึงไม่ต้องมาสงสารกูนะ กูไม่ชอบให้คนมาสมเพช”
ผมบอกมันเริ่มยัวะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
“ เมื่อไหร่มึงจะเลิกโกหกวะ” มันทำท่าเอือม ผมกระแทกช้อนลงถ้วยแล้วเงยหน้ามองมัน
“...ถ้ากูบอกว่าเหงาแล้วมึงจะทำอะไรได้....มึงจะอยู่กับกูรึไง....ถ้ามึงจะทำอย่างเมื่อวานก็เงียบไปเลย.....
กูเกลียดที่สุดคือความเหงาแล้วก็ความผิดหวัง......แล้วเมื่อวานกูเจอทั้ง 2 อย่างมึงพอใจยัง”
“...ก็กูบอกกูขอโทษแล้วไงเมื่อวานน่ะ” มันพูดครับน้ำเสียงเริ่มอ่อยๆลง
“กูจำไม่ได้......แต่ช่างมันเถอะ...กูเป็นคนมีเหตุผลเดียว....เรื่องเล็กน้อยแค่นี้กูไม่แคร์หรอก...แต่อย่าทำอีกละกัน”
ผมพูดพร้อมกินที่เหลือจนหมด
“....ขอโทษ..”มันก้มหน้าพูด
“...มึงโรคจิตป่าววะ.....เมื่อวานคนที่เป็นบ้าน่ะกู....แค่มึงไม่มากูกะจะชกมึงซะงั้น” ผมพูดให้มันสบายใจ
พร้อมๆกับปิดบังความรู้สึกให้ลึกมากกว่าเดิม เมื่อรู้ว่ามันแคร์ผมขนาดไหน
“ไม่หรอก....กูเข้าใจมึงนะไอ้ทิศ....ว่ามึงต้องอยู่คนเดียวมานานขนาดไหน.....ก็ตอนขากลับมึง...พูดออกมาหมดเลย”
มันยังนั่งก้มหน้าอยู่ครับ
“เฮ้ย....ไหนมึงบอกกูว่ากูไม่ได้พูดอะไรไง” ผมขมวดคิ้ว
“แหะๆๆ.....กูแค่บอกว่ามึงพูดอะไรออกมาเฉยๆหนิ แล้วมึงก็พูดเยอะมาก กูจำได้ไม่หมดหรอก” มันเดินหนี
ไปนอนที่เตียงแล้วครับ(เตียงผม)
“นี่ๆ......กูพูดอะไรแปลกๆรึเปล่า” ผมสะกิดๆ มันครับ
“...ก็ไม่นี่นา...”มันทำท่าคิดครับ
“เออ...ก็ดีแล้ว”ผมโล่งอกเลยครับ กำลังจะเอาจานไปล้างซะหน่อย มันดันพูดว่า
“แต่ว่า....” ผมนี่นะเอามือตบหน้าผากด้วยความเซ็งจัด
“อะไรของมึงอีก”ผมบ่น
“มึงบอกว่าอยากไปเดินราชดำเนิน” มันพูดแล้วทำท่านึก
“ตอนไหนวะ” ผมงงเกาหัว แกรกๆ
“เออน่าจะไปป่าว เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน” มันว่า
“แล้วแต่มึงละกันวันไหนล่ะ”อ้าวแบบนี้ผมก็ยอมไปกะมันอะดิครับ งงๆตัวเองเหมือนกันนะ
“วันศุกร์ละกันนะ” มันฟุบลงกับผ้าห่มพูดอู้อี้
“เออๆ” ผมตอบไปอย่างอารมณ์ดี(อย่าถามนะว่าทำไม)
หลายวันผ่านไปวันนี้ก็วันพฤหัสบดีแล้ว พรุ่งนี้ผมก็จะได้ไปเที่ยวกะไอ้คม ใจหนึ่งก็ดีใจ ใจหนึ่งก็กลัว
เมื่อวันนั้น(วันที่มันนัดผมน่ะครับ) มันส่ง message มาหาผมว่า “มึงไม่เข้าใจหรอกว่ากูห่วงมึงขนาดไหน
แต่ก็ไม่เป็นไร ยังไงกูก็ห่วงมึง” ผมงี้ปลื้มเลยครับ ผมใช้เวลาหลายวันว่าผมควรทำยังไงกับความรู้สึกที่ผมมีต่อมัน
ผมก็ได้ข้อสรุปว่า “ผมมัวแต่คิดถึงคิดถึงความรู้สึกคนอื่น และสายตาจากคนรอบข้างมานาน
การทำอย่างนั้นมันทำให้ผมยิ่งจมดิ่งลงไปในหลุมแห่งความโดดเดี่ยว ดังนั้นผมจะไม่ปฏิเสธสิ่งที่มันมอบให้
แต่ก็จะไม่เรียกร้องอะไรจากมันด้วยเช่นกัน” นั่นคือถ้ามันมาหาผมมาคุยกับผม
ผมก็จะคุยกับมันปกติหยอกล้อธรรมดา แต่ผมจะไม่คอยชวนมันคุยหรือแคร์มันออกหน้าออกตา
ถ้ามันโทรมาผมก็จะรับแต่ผมจะไม่เป็นฝ่ายโทรหามันก่อน และยังมีมาตรการอื่นๆอีกมากมายที่ไปในทำนองนี้
“สวัสดีครับ”ผมรับโทรศัพท์ครับ
“เฮ้ย เป็นไงไม่เจอกันนานไปกินข้าวกัน”พี่จางครับ พี่รหัสของผมเอง
“พี่อยู่ไหนน่ะ แล้วจะไปกินกี่โมง กินที่ไหน” ผมถามคำถามเป็นชุดเลยครับ
พอฟังความจบผมก็ออกไปกินของฟรีทันทีเลย กินกันได้สักพัก พี่จางก็ยืมมือถือผมออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก
พักนึงแกก็กลับเข้ามา
“แกกับไอ้คมเป็นอะไรกัน” พี่จางถามไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยครับ
“เฮ้ยพี่ ทำไมว่างี้ล่ะ”ผมตกใจครับหน้าซีดเลย หรือพี่จางจะรู้ว่าผมชอบไอ้คม
“ก็เห็น message รักที่มันส่งมาหาแกไง” พี่เขาทำท่าทางผู้ชนะครับเค้นถามความจริงใหญ่เลย
“อ๋อ พอดีวันนั้นผมดื่มหนักน่ะมันเลยมาส่ง”ผมก็แก้ตัวไป แต่ไม่ได้โกหกนะครับแค่ปิดบังความจริงบางอย่างเฉยๆ 5555 คนอย่างผมถ้าได้แก้ตัว ต่อให้เปาบุ้นจิ้นก็จับไม่ได้ 5555
“แต่มันไงๆ อยู่นา ผู้ชายเค้าไม่ส่งของแบบนี้หากันหรอก.......อืมหรือว่ามันชอบแกวะ”พี่จางพูดพร้อมยื่นหน้าเข้ามา
“เฮ้ยไม่หรอกพี่....คิดมากน่า”ผมกินไม่ลงเลยครับ พอคิดๆดู มันก็ทำดีกับผมเกินไปนะครับ เกินกว่าที่เพื่อนทำให้กัน
“แกคิดดีๆนะอย่าเล่นกับไฟนา....เดี๋ยวไอ้คมมันจะเสียใจ.....ถ้าแกจะชอบผู้ชายมาชอบพี่ดีกว่า”
พี่จางพูดพร้อมทำหน้าจริงจัง
“เฮ้ยพี่....ไม่ขำนา.....ผมไม่ได้....”พูดไม่ออกครับเพราะผมก็ไม่รู้ตกลงผมเป็นอะไร...
“อ้าวแกไม่รู้เหรอ.....พี่เล็งแกมาตั้งนานแล้ว”พี่จางทำหน้าทะเล้น
“พี่ๆเกินไปแล้ว......ผมอิ่มแล้วผมกลับก่อนนะ”ผมลุกขึ้นยืน กลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย
กลัวพี่จางจะเป็นเหมือนพี่ต้อม ผมไม่อยากทำให้พี่จางเสียใจ
“เฮ้ย....เราก็เป็นพี่น้องกันเหมือนเดินนั่นแหละ......เพียงแต่ให้แกรู้ไว้ว่าพี่ก็ชอบแกเหมือนกัน”พี่เขาทำหน้าจริงจังครับ
“แล้วแต่พี่ละกัน”ผมอยากกลับแล้วครับมันงงไปหมด
“....ถ้าพี่ทำให้ไม่สบายใจพี่ก็ขอโทษละกันนะ...”พี่เขาทำหน้าเศร้าๆ
“...พี่ผมไม่เป็นไร...........ผมขอโทษนะครับพี่”ผมก็รู้สึกผิดครับ
“งั้นไปฉลองที่พี่อกหักกันเถอะนะ”พี่จางพูดพร้อมจูงมือผมเลย
“เฮ้อ.........ซวยกูอีกแล้ว”ผมบ่นอุบอิบให้ตัวเองครับ คืนนั้นพี่จางเล่าประสบการณ์ชายรักชายให้ผมฟังมากมาย
พี่แกโชกโชนจริงๆครับ พี่แกบอกตอนนี้พี่แกก็มีแฟนแล้ว แต่เขาเห็นผมตลกดี แล้วพี่จางเค้ารู้สึกเป็นห่วงผม
พี่จางเลยบอกผมว่าผมไม่ต้องอึดอัด ให้คิดว่าพี่จางเป็นพี่ชายคนหนึ่งที่ผมพึ่งพิงได้พี่เขาก็พอใจแล้ว
ผมได้อะไรหลายอย่างจากพี่จาง แต่ผมก็ไม่สามารถตอบแทนอะไรพี่แกได้ แต่ดูๆแล้วพี่จางไม่ได้เสียใจมากมายนะ
ผมก็ดีใจ..........ระหว่างทางที่ผมเดินกลับหอพร้อมๆกับพี่จางที่แกล้งเมาแล้วโอบผมอีกตามเคย....
ผมก็ฉุกใจคิดคำๆนึงที่พี่จางพูดออกมา.... “แกคิดดีๆนะอย่าเล่นกับไฟนา....เดี๋ยวไอ้คมมันจะเสียใจ”
คำพูดนี้ดังสะท้อนก้องอยู่ในความคิด........อันที่จริงในตอนแรกๆผมตั้งสมมุติฐานไว้ว่า
ไอ้คมมันไม่ได้ชอบผม...มันแค่อยู่กับผมแล้วสนุกดีเพราะความฮาของผมก็ได้.....
ผมจึงยอมที่จะเป็นฝ่ายแอบชอบมันโดยไม่เรียกร้องอะไรจากมัน....ผมยอมทรมาน......
แต่ถ้ามันชอบผมและเราเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อนกัน......เราคงมีความสุข......
แต่ความสุขนั้นผมไม่รู้ว่ามันจะนานขนาดไหน......ไม่ไช่ผมไม่เชื่อใจมัน........ไม่ไช่ผมไม่ไว้ใจตัวเอง....แต่....
ผมรู้ดี......ไม่ว่าเราจะรักกันมากเท่าไหร่ความรักแบบนี้ก็ต้องจบลงในวันหนึ่ง.......
เพราะเราไม่สามารถอยู่ข้างกายกันได้ตลอดไป..........และรสชาติของการร้างลามันยากเกินทนรับได้จริงๆ......
ผมไม่รู้ว่าความสุขจากการได้มีความรักมันจะคุ้มค่ากับการลาจากในวันนึงมั้ย............ผมไม่รู้.....ไม่รู้จริงๆ....
และไม่อยากเสี่ยงด้วย......ท้ายที่สุดแล้วผมจึงคิดว่า.......
“การที่เราเปิดใจจะรักใครสักคน....ก็หมายความว่าเราถอดเกราะที่ป้องกันจิตใจออกและปล่อยให้ความรู้สึก
โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างเต็มที่.....ไม่ว่าสุขหรือเศร้า......ไม่ว่าดีหรือร้าย....โดยที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้........
จวบจนวันที่ทุกอย่างจบลง”พอผมส่งพี่จางเรียบร้อยแล้ว ผมจึงมานั่งลงที่ชิงช้าที่เดินเช่นเคย
และตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะมีความสุขจากการได้แอบชอบคนๆหนึ่ง.......
เพราะผมจะหยุดความสัมพันธ์ของเราตรงนี้......เพื่อไม่ไห้ทั้งมันและผมต้องเจ็บปวดในภายหลัง.......
น้ำตาไหลอีกแล้วครับ......สมเพชตัวเอง........ตัดพ้อโชคชะตา.........ผมเดินกลับหอด้วยความเหงาหงอย...........
แต่อย่างน้อยผมก็ได้ตัดสินอนาคตของตัวเองแล้ว......... “คนอย่างกูอยู่คนเดียวดีที่สุด”...ผมพูดเบาๆ...
ให้มันล่องลอยไปตามสายลมที่พัดไหวอย่างอ่อนโยน
story by นายโฮะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปกติผมแต่งได้วันละ 1 ตอนเลยพยายามลงวันละ 1 ตอนด้วย ตอนนี้แต่งถึงตอนที่ 14 แล้ว คาดว่าอีกไม่เกิน 3 ตอนก็จบ ไม่รู้มันสั้นไปมั้ย แต่ผมก็ไม่อยากยืดเรื่องนะ เอาเป็นว่าตามนั้นละกัน