นักเขียนใหม่ครับฝากตัวด้วย ครั้งแรกแถมให้ 2 ตอน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่อง..........ทางที่เลือกเดิน
ตอนที่ 1 แนะนำตัว
“เอ่อ.........สวัสดีครับ ...ผม เมท ใหม่นะครับ พี่ๆ” ผมเอ่ยอย่างค่อนข้างมั่นใจ
“ชื่อ ทิศ นะครับ มนุษศาสตร์ ปี 1 ครับ” ต่อด้วยการแนะนำตัวอย่างรวดเร็ว พร้อม ๆ กับการวางกระเป๋าเป้อันหนักและเต็มไปด้วยสัมภาระต่างๆมากมายลงบนเตียง
“เอ๋า...นึกว่าจะไม่มีคนมาแล้วนะเนี่ย” พี่คนหนึ่งเอ่ยปากขึ้นมา “เอ้า พี่ชื่อ หนึ่ง อยู่ ทันตะนะ
แล้วไอ้นั่น ชื่อ ปอ คณะ วิทยา อยู่ ปี 2 ทั้งสองคนส่วน นั่น ชื่อ พี่ นาว คณะ วิดวะ อยู่ ปี 3 แล้ว” พี่อีกสองคนที่เหลือ พยักหน้าทักทาย
ใช่แล้วครับผมพึ่งจะย้ายมาอยู่หอในเป็นวันแรก เราต้องอยู่กันห้องละ 4 คน แล้วผมก็ต้องอยู่กับรุ่นพี่ด้วย
“ทำไมเพิ่งมาอยู่หอล่ะนี่เลยครึ่งเทอมมาแล้วนะ” พี่หนึ่งเอ่ยถามขณะที่อ่านหนังสืออย่างขะมักเขม้น
“อ๋อ ผม สัมพาสน์ ตอนอยู่หอตอนต้นเทอมไม่ผ่าน น่ะครับ ก็เลย ทำเรื่องเข้ามาซะเลย 5555” ผมพูดพร้อมๆกับหัวเราะ
เพื่อผ่อนคลายตัวเอง และมือก็ยังคงจัดข้าวของจากกระเป๋าเข้าตู้อย่างวุ่นวาย
“อ้าว มีด้วยเหรอ การทำเรื่องเข้าหอเนี่ย” พี่ ปอ พูดขึ้นมา ขณะที่กำลังนอนกลิ้งเกลือกบน ที่นอนของแกอยู่
“แหมๆ พี่ มันก็ต้องมีบ้างดิ ตอนเรามาทำตามระเบียบดันไม่อยากให้เราอยู่เองหนิ มันก็ต้องใช้ เส้นสายบ้างดิ” ผมพยายามพูด เพื่อให้ เป็นกันเองที่สุด พร้อมทำหน้า เจ้าเล่ห์ นิสนึง
“เดี๋ยวผมไปซื้อของเดี๋ยวมานะครับ” ผมจัดของจนเข้าที่แล้วรีบเดินออกมาจากห้อง ......เฮ้อกูอยู่ที่นี่กูจะมีความสุขมั้ยวะเนี่ย ผมคิดพร้อมๆ กับ หยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาโทรหาเพื่อนคณะคนเดียวที่รู้จักว่าอยู่ที่หอนี่
“เฮ้ย กู ทิศนะเว้ย พากูไปซื้อของหน่อยดิ” ผมพูดไปในใจก็เกรงใจมันนะ เพราะเจอที่คณะเราก็ไม่ค่อยคุยกันมากมาย แต่ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นมิตรดีนะ มัน ชื่อ นิว ครับ
“เออๆ มา ใต้หอเลยเดี๋ยวกูพาไป”
“เออๆ ให้ไวล่ะมึง” ผมพูดเสร็จแล้วก็วางสายไป
.............................................................
...............................................ผ่านไปหลายวัน ชีวิตของผมเริ่มเข้ารูปเข้ารอย คือสามารถดำเนินชีวิตเองได้อย่างสบายๆ
แต่ผมก็ยังไม่มีเพื่อนเลยสักคน ไม่ค่อยสนิทกะเมทด้วย เพราะ เค้า เป็นรุ่นพี่ มันมีความเกรงๆกันนิดๆน่ะ
ส่วนไอ้นิวมันก็ เด็ก เรียน ไม่ค่อยไปไหน ผมต้องเดินคนเดียวตลอด เพราะผมไม่รู้จักใคร เพราะเข้ามากลางเทอม
คนอื่นเขาก็รู้จักกันหมดแล้ว ตอน ม.ปลาย ผมมีเพื่อนรุมล้อมอยู่ตลอดเวลา และผมก็รักเพื่อนๆมากๆด้วย
ถ้าผมทุ่มเทให้ใครแล้ว ผมทุ่มสุดตัวแน่ๆ ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์แบบคนรักเท่านั้นนะ แบบเพื่อนก็เหมือนกัน
ทำให้ผมรู้สึกเหงามากๆ มากที่สุดเท่าที่เคยรู้สึกมา
ทุกวันพอเรียนที่คณะเสร็จผมก็จะกลับมาที่หอทันที และ เริ่มที่จะเล่นกีฬาเพื่อหาเพื่อนๆ 55555
ต้องใช้แผนตีซี้ ผมก็เลยไปตีแบต ที่โรงยิมต่อทุกวัน แหมๆ อย่างน้อยผมก็ตัวแทนโรงเรียนนา555
และผมก็รักกีฬานี้มากๆด้วย วันแรกที่ไป ผมก็ได้เจอเพื่อนๆมากหน้าหลายตา แต่ผมก็นั่งอยู่เฉยๆ
เพราะ เขามากันเป็นกลุ่มๆ ผมก็ไม่กล้าขอเค้าเล่นด้วย............นั่งไปจนเซ็ง ผมเลยลุกหันหลังกลับดีกว่า
ไม่ได้รอให้คนชวนนะแต่ไม่กล้าขอเล่นมากกว่า
“เฮ้ยนายน่ะ จะเล่นมั้ย “ ผมรีบหันขวับไปตามเสียง ก็ เจอ คนที่พูดอยู่ เขาเป็นคนสูงทีเดียวนะ สูงกว่าผมหน่อยนึงมั้ง
ขาวเชียว แต่ทำไมหน้าเข้มจังวะ คิ้วก็ดกเข้มด้วย ตาก็ลึกจัง ตัวก็หนามาก แขนนะ เห็นกล้ามเลย
“เฮ้ยจะเล่นมั้ย” มันถามย้ำอีกครั้งครับ
“เล่นดิเล่น ออมมือให้ด้วยนะ” แหม เล่นตอนแรกจะให้โม้ว่าเก่งได้ไง ต้องหลอกให้ตายใจ แล้วจะรู้ว่าความเก่งกาจเป็นเช่นไร 5555555 เราเล่นเกมส์แบบคู่ครับ ผมได้อยู่กับไอ้คนนึงที่หัวฟูๆ ครับ หน้าก็ดำๆ ตาโตๆ ไว้ผมทรงแอฟโฟ่อ่ะครับ
ส่วนไอ้คนที่มันชวนผม(ต่อไปผมเรียกมันว่าไอ้งั่งนะครับเพราะตอนนี้ยังไม่รู้ชื่อมันครับ)ได้อยู่กับคนตัวสูงมากๆ
ผมว่า 180 กว่าๆ ไม่ขาวเท่าไหร่ หน้างี้ เหลี่ยมเชียว
“เกมส์เท่าไหร่” ผมถามแต้มที่จะเล่นกันครับ
“ 15 เอาเลยนะ” ไอ้งั่งมันพูดครับ ผมคิดในใจไอ้เชี่ยนี่ กูยังไม่ได้วอร์มเลยนับแต้มซะละ
“ เราไม่เก่งนะ อย่าว่าเราหละ” ไอ้แอฟโฟ่ที่คู่กับผมมันพูดครับ
“ เออน่า เราก็ไม่ค่อยเก่งหรอก” ผมก็ถ่อมตัวไปงั้นๆ อ่ะครับ พอเริ่มเล่นผมก็รู้เลยครับว่าไอ้งั่งนั่นเล่นเก่งพอตัว เลยครับ “ผัวะ” ผมตบสุดแรง แต่ไอ้งั่งนั่นรับได้ครับ หยอดสวนซะงั้น พอมันได้แต้มแล้วยื้มใหญ่เลยครับ ผมงี้แค้นสุดๆ
ไอ้แอฟโฟ่ที่คู่กะผมก็ห่วยจริงๆครับ รับไม่ได้เลย ส่วนเพื่อนไอ้งั่งก็เก่งกว่าไอ้แอฟโฟ่นิดๆ
สรุปคือมีผมกะมันครับที่ไม่รู้ว่าใครเหนือกว่ากัน 5555 ท้ายที่คู่ของผมก็แพ้ไปตามระเบียบ
เพราะไอ้แอฟโฟ่คนเดียวเลย(ไม่ค่อยโทษคนอื่นเล้ยผม555) พอแพ้ผมก็มานั่งพักครับ ไอ้แอฟโฟ่มันเลยชวนผมคุยครับ
“เฮ้ยมึงชื่ออะไรวะ กูชื่อรัน คณะมนุษย์ ปี 1”
“กูก็ปี 1 คณะเดียวกัน ชื่อ ทิศ” ผมก็ตอบไปครับ ดีใจได้เพื่อน 1 คนแถมคณะเดียวกันด้วย หลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่อยเปื่อยครับ นับแต่นั้นผมก็ไปตีแบตทุกวันครับ ค่อยรู้จักคนมากขึ้น แต่ผมก็ยังไม่เจอเพื่อนที่จะกลายมาเป็นเพื่อนตายเลยครับ
ไอ้รัน มันก็มีเพื่อนเยอะครับ ไม่ค่อยไปใหนกับผมเท่าไหร่ ผมก็ไม่ค่อยเห็นหน้ามัน ผมจึงยังต้องเดินไปไหนมาไหนคนเดียวเสมอ ยอมรับว่าเหงามากๆครับ แต่ที่หน้าแปลกก็คือไอ้งั่งครับ ผมเจอมันบ่อยมากๆ โรงอาหารก็เจอ
ทางเดินไปกินข้าวตอนดึกๆหลังมหาลัยก็เจอ แล้วมันก็อยู่กับไอ้เพื่อนมันทุกครั้งเลยครับ(ไอ้คนที่คู่กะมันนั่นแหละ
ผมจะเรียกมันว่าเพื่อนไอ้งั่งละกันนะครับ) ส่วนเหตุผลที่ผมไม่ชอบมันจนต้องเรียกว่าไอ้งั่งก็เพราะกีฬานี่ล่ะครับ
วันนึงไม่มีคนมาเล่นแบตเลยครับ ผมเลยต้องเล่นเดี่ยวกะมัน ทั้งที่จุดอ่อนของผมอยู่ที่ความเหนื่อยง่ายนี่หละ
“เล่นเซตเดียวนะ เราไม่ค่อยมีแรง” ผมบอกมันก่อนเล่น
“ เออๆ ก็ได้”มันว่า เราสู้กันอย่างไม่ยอมใครเลยครับ มันเห็นหุ่นผมผอมๆมันคงไม่นึกว่าผมมวยกำลังครับ แรกๆผมเลยตบอัดมันยับเยินด้วยความสะใจ
“5555555 ยอมแพ้ยัง” ผมว่า
“เหนื่อยแล้วเหรอ” มันถามครับ ผมอึ้งเลยครับ นี่มันรู้จุดอ่อนผมแล้วเหรอเนี่ย
“5555555” มันเห็นผมหน้าเสียครับ เลยหัวเราะด้วยความสะใจ ครึ่งเกมส์หลังมันโยกผมซะจนผมแทบไม่มีแรงกำไม้เลย เหงื่อหยดจากเสื้อผ้าติ๋งๆ สุดท้ายผมก็แพ้มันด้วยความคับแค้นครับ
“แฮ่กๆๆๆๆ” ผมนั่งเลยครับ หอบจนหน้าแดง
“แฮ่กๆ เหนื่อยอ่ะดิ ยอมแพ้ยัง 555” มันเยาะเย้ยผมครับด้วยคำพูดที่ผมเยาะเย้ยมันตอนกลางๆเกมส์
“อีกเกมส์นึง” ผมพูดพร้อมยืนขึ้นครับ
“ก๊าาาากก จะตายอยู่แล้วยังจะเล้นอีก” มันหัวเราะลั่นเลยครับ
“เออ แพ้เลี้ยงข้าวมั้ยล่ะ” ผมท้าทายมันครับ มันตกลงครับ แล้วเราก็เล่นกัน ผมเลยตัดกำลังมันบ้างครับโยกมัน
แต่มันเห็นผมหมดแรงมันเลยเล่นลูกเร็วใส่ผม สุดท้ายผมก็แพ้มันขาดลอยเลย
“ไง แฮ่กๆๆ แพ้กูอยู่ดี” มันเยาะเย้ยอีกแล้วครับ
“เลี้ยงข้างกูด้วยล่ะอย่าลืมสัญญา” มันทวงเลยครับ
“แฮ่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผมตอบไม่ได้เลยครับนั่งหอบอย่างเดียว
“ก๊ากกก....แฮ่ก..ปัญญาพูดยังไม่มีเล้ย......อ่อนๆ” ขนาดมันเหนื่อยๆมันยังกัดผมเลยครับ
“...แฮ่กๆๆๆๆ...อีกเกมส์...” ผมบอกมันด้วยความแค้น
“ อย่างี่เง่าเหมือนเด็กๆ เดี๋ยวก็ตายห่าหรอก” มันบอกผมแล้วเก็บของออกไปเลยครับ
“แฮ่กๆๆๆๆๆ” ผมยังหอบต่อไป......................นี่ล่ะครับเป็นเหตุผมที่ผมไม่รู้ชื่อมันซะที ไอ้งั่งใครจะอยากคุยกะมันวะ
ประจวบกับช่วงนั้นมีพี่จังหวัดพาผมไปกินข้าวทำความรู้จักกันครับ ก็เลยไม่มีเวลาสนใจไอ้งั่งมากมายนัก
(พอเรียกมันแล้วก็รู้สึกดีจัง เหมือนได้ด่ามันไปในตัว 55555) ดั๊นมีพี่คนหนึ่งเขาดันมาชอบผมครับ
ปัญหาก็คือเขาเป็นผู้ชายอะดิ พี่เขาชื่อว่า ต้อมครับ ออกสาวนิดๆ พี่เขาบอกว่า ผมหน้าตี๋ดี ผมไม่ดีใจกับคำชมเลย
เพราะผมไม่ได้ตาตี่นี่นา และผมก็ไม่ค่อยคิดว่าตัวเองหน้าตาดีนะครับ รู้แต่ว่าเวลาผมพูดจามันจะเหมือนกับผมยิ้มไปด้วย
ซึ่งนั่นทำให้ผมดูเป็นคนมีอัธยาศัยดี ประกอบกับผมเป็นคนพูดเก่งมาก ทำให้ผมค่อนข้างเป็นที่รู้จัก ของคนในหอ
พี่เขาชอบชวนผมไปกินข้าวด้านหลังมหาลัยตอนดึกๆครับ ด้วยความที่เป็นคนที่ไม่ค่อยคิดอะไรมาก
ผมก็เลยไปกะแกช่วงพักนึง พี่ต้อมแกก็ชอบมาเกาะแกะผมครับ
“นี่ๆ พี่ พี่ไม่คิดว่ามันเกินไปเหรอครับ” ผมพูดเมื่อพี่แกจับมือผมครับ แรกผมก็นึกว่าแกแค่จะแกล้งผม
หลังๆไม่ไหวแล้วครับ บอกตรงๆนะ......กลัว พี่แกก็จะโทรมาหาผมทุกวัน จนเริ่มมีข่าวแปลกๆ ครับ แรกๆผมก็ไม่รู้หรอก
แต่ผมเป็นคนที่รับรู้เวลาที่มีคนจ้องมองมา เลยรู้สึกถึงสายตาแปลกๆเวลาที่กินข้าว(ซึ่งยังกินคนเดียวอยู่)
หรือเวลาลงมาจากหอ จนวันหนึ่ง ผมมารู้จากไอ้รันครับว่า มีข่าวลือว่าผมกับพี่ต้อมเป็นแฟนกันครับแล้วก็มีอะไรกันแล้วด้วย ส่วนผมเหรอ เดือด ดิครับ โมโหมากๆ ตาจากที่เคยหม่นๆเหนื่อยๆ กลับกลายเป็น คุกรุ่นไปด้วย ความโกรธ
แต่ไม่รู้จะไปโกรธใครดี
ตอนที่ 2 คำสัญญาที่ไม่ได้ยิน
นับแต่นั้นผมก็ต้องเดินคนเดียวโดยมีสายตาที่แปลกๆมองมาทุกเวลาเลย ผมพยายามไม่ติดต่อกับพี่ต้อมอีกครับ เขาโทรมาผมก็ไม่ค่อยรับอ้างไปต่างๆนาๆ ช่วงนี้กินเวลาเป็นเดือนเลยครับ จนไอ้รันมันทักว่าผมหงอยๆไป
ผมเลยบอกมันว่าผมกลัวข่าวลือครับ ผมจึงพยายามไม่อยู่ใกล้ใครอีกไม่อยากให้มันมีข่าว ไอ้รันผมก็ไม่อยากให้มันเดือดร้อน
เย็นวันหนึ่งผมนั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใกล้ๆกับสนามแบต คิดถึงพ่อครับ พ่อผมไม่ได้เป็นคนที่ดีอะไรมากนัก
แต่ผมเห็นครับว่าแกทำอะไรให้ครอบครัวบ้าง ผมจำตอนที่ผมโอบเอวพ่อนั่งรถมอไซ วิบากไปเรียนประถมได้เสมอ
มันสูงมากๆ ล้อใหญ่ๆ มีดอกยางเต็ม เสียงดัง พอนั่งบนนั้นเราจะอยู่สูงกว่าหลังคารถยนต์อีกครับ ผมไม่มีวันลืม
มันอบอุ่นมากๆ ขาของพ่อไม่ถึงพื้นเลยครับ เพราะรถมันสูงมากๆ เมื่อมาถึงโรงเรียนเพื่อนผมพากันมามุงดูเลยครับ
เพราะไม่เคยเห็นรถวิบาก ผมภูมิใจมากครับ แต่ไม่กี่วันต่อมาผมได้ยินคนแถวบ้าน ว่ากันว่า พ่อผมเกาะเมียกิน
ไม่ยอมทำงาน ผมร้องไห้เลยครับ บ้านผมมีลูกหลายคน ต้องมีคนดูแลไม่แม่ก็พ่อ แต่แม่ผมทำงานเก่งกว่า
อันนี้ทุกคนก็รู้ดี พ่อจึงต้องดูแลพวกผมแทน ผมสงสารพ่อครับที่โดนชาวบ้านนินทา พ่อผมแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
พ่อผมต้องทนการหยามหยันมามาก แต่แกไม่เคยบ่นเลย หัวเราะร่าเริง ดูแลผมและแม่เป็นอย่างดี......
สมัยก่อนพ่อเป็นนักเลงครับ.....เมื่อต้องมาอยู่บ้านดูแลครอบครัวพ่อจึงหงอยๆไป......
แต่พ่อไม่เคยเอาเรื่องนี้ไปทำให้แม่ไม่สบายใจ.....พ่อรักแม่มากครับแต่พวกแกไม่เคยหวานกันให้ผมเห็น........
มีแต่แม่ที่เล่าตำนานรักของพ่อกับแม่ให้ผมฟังหลังจากพ่อไม่อยู่แล้ว..........................คิดไปคิดมามืดซะแล้ว.............
ผมมองท้องฟ้าสีม่วงๆ หลังอาทิตย์ตกหมาดๆ .............ใจหายเลย เพราะอาทิตย์หายไปจากฟ้าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
รู้ตัวอีกทีก็มืดซะแล้ว ผมน้ำตาไหล พระอาทิตย์ก็เหมือนพ่อผมที่ผมยังไม่ตั้งตัว.....ก็ลาลับจากไป.......
ผมไม่รู้เรื่องเลยตอนนั้น......เหมือนชีวิตของผมช่วงนั้นมันหายไป......ผมจำไม่ได้ว่าผมผ่านช่วงนั้นมาได้ยังไง....
รู้แค่ว่า.....พ่อ.......ไปแล้ว......ผม.........คิดถึง........พ่อ.....แม่.......เพื่อนเก่า......แฟนเก่า.......
แต่ผมก็ต้องอยู่คนเดียวเพราะผมไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะข่าวลือ.......ผมไม่กล้าหาเพื่อนใหม่.....
เพราะกลัวการพลัดพราก............แต่ผมก็สงสัย....ทำไมผมต้องอยู่คนเดียวด้วย.................ทำไมต้องเป็นผม...............
ผมไม่รู้จริงๆ
วันต่อมาผมก็ใช้ชีวิตปกติ ไปเล่นกีฬาตามปกติ ได้เจอกับรุ่นพี่ที่คณะคนหนึ่ง ตัวดำๆ แต่หน้าโคตรหล่อ ดูมั่นคงดี
เหมือนเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็เข้ากับผมได้ดี อันที่จริงผมเป็นน้องรหัสของพี่เขาครับเราเลยสนิทกัน พี่เขาชื่อจางครับ
วันนั้นผมก็เล่นกีฬาไปตามปกติ แต่ไอ้งั่งดิครับมันจ้องผมไม่วางตาเลย จนผมไม่สบายใจ
“เมื่อวานมึงร้องไห้ทำไม” มันถามผมครับ ผมอึ้งเลย หันขวับไปมองหน้ามัน กระชากตัวมันออกมาที่เงียบๆ
“มึงอย่าบอกใครนะกูอาย” ผมกระซิบมัน
“แล้วมึงร้องไห้ทำไม” มันทำหน้าเจ้าเลห์ครับ เหมือนถือไพ่เหนือกว่า ผมก็ไม่สนใจ ต่อให้มันบอกคนอื่นผมก็บอกคนอื่นว่ามันตอแหลก็แล้วเรื่อง55555
“เออน่าไม่ต้องรู้หรอก” ว่าแล้วผมก็เดินออกมาเลย
“เฮ้ยๆมึง....มึง” มันเรียกแต่ผมทำท่าไม่ได้ยิน.....ก็มันไม่ได้เรียกชื่อผมนี่นา ผมเลยเดินหนีมันไปเลย55555555
“ไอ้ทิศ มึงมานี่” มันเรียกผมครับ ไม่รู้ชื่อผมได้ไงสงสัยถามไอ้รันมั้งครับ ไม่งั้นคงจากที่จางมั้ง ว่าแล้วมันตรงเข้ามาหาผมเลยครับ จับแขนเสื้อผมเอาไว้ ผมเลยหันกลับไปมองมัน
“หือ”ผมถามมัน
“มึงจะไม่ถามชื่อกูเลยเหรอวะ” มันถามครับท่าทางยัวะเหมือนกัน
“มึงชื่ออะไรล่ะ”ผมถามมันเซ็งๆ
“ชื่อคม” มันตอบ
“อ้อ เหรอ หวัดดีไอ้คม” แล้วผมก็เดินกระหยิมยิ้มย่อง มาเล่นแบตคู่กะพีจางซะ ปล่อยไอ้งั่งที่ชื่อว่าคมยืนเป็นควายตัวเดียว
.............พอตอนดึกๆผมไม่รับโทรศัพท์ที่พี่ต้อมโทรมาครับไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย...กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง ปรากฏว่าพี่ต้อมแกโทรมาถึง 30 สาย .....................................พอแกโทรมาอีกครั้งผมก็เลยใจอ่อนรับไปจนได้ในที่สุด
“ทำไมไม่รับสายพี่” พี่ต้อมถามผม ผมปวดแปลบเลยครับ เพราะ เขาร้องไห้ครับ สะอื้นด้วย
“พี่ครับอย่าโทรมาหาผมอีกเลยนะครับ ผมชอบพี่ไม่ได้หรอกครับ” ผมตอบไปตามจริงเพื่อให้พี่เขาเจ็บน้อยที่สุด
“เพราะเรื่องนั้นใช่มั้ยเพราะข่าวลือใช่มั้ย.....เพื่อนพี่มันแกล้งพี่ พี่รักเรานะน้องทิศ พี่รักเรา” ผมอึ้งเลยครับ
เกิดมาพึ่งโดนผู้ชายบอกรัก
“....................................” ผมเงียบไป
“....................ทำไมหนูรักพี่ไม่ได้.............” พี่ต้อมถามผม ด้วยเสียงสะอื้น
ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าเพราะผมไม่ชอบผู้ชายด้วยกันเอง แต่ก็กลัวว่า พี่ต้อมจะเสียใจมาก ผมเลยบอกไปว่า
“..........ผมยังไม่พร้อมครับเพราะผมเข็ดขยาดต่อความรัก...” ผมไม่ได้โกหกนะครับเพราะผมเลิกกับแฟน
ตอนก่อนเรียนมหาลัยนี่เองโอกาศหน้าจะเล่าให้ฟังนะครับ ความจริงผมจะโกหกไปก็ได้ต่างๆนาๆ แต่ผมดันไม่ชอบคนโกหก
ก็เลยพาลเกลียดการโกหกไปด้วย
“.....ไม่เป็นไรพี่รอได้นะ...” พี่ต้อมตอบมาด้วย ความหวังที่ริบหรี่เต็มที
“ .....พี่ต้อมครับผมขอโทษแต่ทิศไม่มีทางรักพี่ได้ครับพี่ต้อมผมขอโทษครับ....” ผมตอบพร้อมกับเสียใจ
ไม่ได้เสียใจที่ปฏิเสธนะครับ แต่เสียใจที่ไปกินข้าวกับแก ทำให้แกคิดว่าผมมีใจให้ ผมช่างเลวจริงๆ
“................................” พี่ต้อมเงียบครับ มีแต่เสียงสะอื้นเล็กๆ
“.....มันอาจลำบากช่วงแรก แต่ไม่นานพี่ก็จะเห็นว่ามันก็แค่เรื่องหนึ่งที่ผ่านเข้ามานะครับ...” นี่เป็นคำปลอบใจที่ผมใช้เสมอๆตอนเลิกกับแฟนเก่า ............คิดแล้วก็เศร้าแฮะ
“...........................”มีแต่ความเงียบเป็นคำตอบ
“...........งั้นแค่นี้นะครับพี่ ผมขอโทษนะครับ.........” พอผมวางหูเท่านั้นแหละ น้ำตาผมก็ไหลเป็นทาง เพราะความไม่รู้จักคิดไม่รู้จักระวังตัวของผมนี่แหละเลยทำให้คนดีๆคนหนึ่งต้องเสียใจ ผมรีบเดินไปจากห้องทันทีคิดว่าจะไปหาที่สงบๆ
คิดอะไรเรื่อยเปื่อย พอเดินมาจากห้องกำลังจะลงบันได ผมก็เจอไอ้คมครับ(ไอ้ที่ขาวๆ เข้มๆ อ่ะครับ)(ไอ้งั่งนั่นเอง)
“ไปไหน”ไอ้คมมันถามผม
“เดินเล่น” ผมรีบก้มหน้าก้มตาเดิน กลัวมันจะเห็นน้ำตา ผมอายมัน ผมรีบเดินผ่านตัวมันไป
.........................................แต่มันดันกระชากแขนผมกลับมาครับ ผมเผลอมองหน้ามันจังๆ ดูมันชะงักนิดนึง
ที่รู้ว่าผมร้องไห้
“อะไร” ผมถามมันแล้วรีบก้มหน้าลงไม่ให้มันเห็น
“ไปเป็นเพื่อนมั้ย” มันถาม........ผมก็ดีใจ....เออมันห่วงเราด้วยแฮะ
“....ไม่เป็นไร....” ผมรีบเดินไป พร้อมกระตุกแขนให้มันปล่อยมือออกซะ
“.....ขอโทษ...” มันตกใจเมื่อรู้ว่าตัวเองยังไม่ปล่อยมือ ผมรีบเดินลงไปแต่ก็หันมาบอกมันว่า
“....ขอบใจนะ....คม” มันยิ้มให้ผมครับ สงสัยมันคิดว่าผมยิ้มให้มันมั้ง ไอ้บ้าคนกะลังเสียใจมายิ้มให้ซะงั้น
ผมออกเดินเรื่อยเปื่อย เตร่ดเตร่ไปมา จนมีคนมาทัก
“เฮ้ยไอ้ทิศ 5 ทุ่มยังไม่กลับหออีกเหรอ” ผมหันกลับไปครับ เป็นพี่จางครับ พี่เขากำลังเดินมาหาครับใส่ชุดกีฬา
คงเพิ่งกลับจากคอร์ท
“มาเดินเล่นครับ”ผมตอบไปตามมารยาท
“อ้าว...ร้องไห้เหรอ” พี่เขารีบเดินมาเลยครับทีนี้
“เฮ่ย......รู้ได้ไง” ผมตอบไป แกล้งกวนพี่เขาไปครับ
“ก็ตาแดง....หน้าแดงขนาดนั้น”.พี่เขาเอื้อมมือมาแตะบ่าครับผมรู้สึกมีที่พึ่งยังไงไม่รู้
“ไปไปกินข้าวกันแล้วเล่าให้พี่ฟังด้วย...เรื่องนั้นใช่มั้ย” พี่เค้ารู้ครับก็แน่ล่ะผมออกจะดังขนาดนี้ ฮือๆๆ
ผมเลยเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังเลยครับ
“แล้วเราไปกินข้าวแล้วก็คุยกับเขาทุกวันทำไม” พี่จางถามผม
“ก็ผมนึกว่าเขาดูแลในฐานะพี่จังหวัดนี่หว่า” ผมก็บ่นอุบอิบไป
“เอ็งนี่มันอ่อนต่อโลกจิงๆนะ”พี่เขาพูดเปรยๆ พร้อมๆกับตักข้าวเข้าปากไป
“พี่”
“ผมเหมือนเกย์ตรงไหน”
“........ตรงไหนเหรอ......” พี่เขาทำท่าคิด
“ก็แก หน้าหวานนี่หว่า ขาวๆ ตัวก็เล็กๆ ผอมๆ ขี้อ้อน ยิ้มตลอดเวลา พูดเก่งด้วย”พี่เขาตอบผม เพื่อเป็นการแก้เขิน
ผมเลยทำตาโต ปากเบี้ยว พยักหน้าหาเรื่อง พร้อมกับพูดว่า
“ถือว่าชมใหมเนี่ยหาาาาาาาาา”พี่จางขำใหญ่เลยครับบอกว่า
“ยิ่งเหมือนกว่าเดิมอีก” ผมหน้าเจื่อนลงทันทีเลย
“เอา เบียร์มั้ยพี่เลี้ยง”พี่เขาบอก
“อุย ผมไม่เคยกินอ่ะชาตินี้ บอกตรงๆนะ รังเกียจอ่ะ เหม็น” ผมตอบพร้อมโบกไม้โบกมือ
“เออน่าฝึกไว้ เวลาจำเป็นจะได้ไม่เมาง่าย” พี่จางบอกพร้อมเดินไปซื้อมาเลย
..................................เฮ้อ.............ไม่มีใครตามใจกูซักคน........................ผมคิด
ผ่านไป 1 ชั่วโมง
“เน่ะ พี่จาง ผ๊มอะนะ โคตรสงสาร พี่ต้อมเลย ดันมารักผมซะงั้น ผมก็เล๊วเลวทำพี่ต้อมเสียใจ......
แต่ก็โค๊ตรสงสารตัวเองนะที่เหมือนตุ๊ดเหมือนเกย์”ผมพูดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ เดินโซเซ จนพี่จางต้องจับไหล่ไว้
“พี่รู๊ป่าว ผ๊มอ่ะนะโดนล้อว่าเป็นเกย์ตั้งแต่เด็กเลย ก็เลยไม่มีคนคบผ๊มเลยต้องพูดมากปากหมาอย่างที่เห็นน่ะแหละนะ
เพื่อจะได้มีคนคบ เน่ะ ผมว่า ไอ่รันกะไอ่นิว มันต้องเกลียดผมแหงๆ ที่ผมเหมือนเกย์”ยิ่งเดินผมก็ยิ่งกระดกเข้าไปใหญ่
พี่จางก็ทำท่าจะเมา ผมเลยย่ามใจ พี่เค้าตื่นมาคงลืมเรื่องที่เราพูดหมดแล้วแหละ
“ผมคงไม่มีเพื่อนแล้วอ่ะนะ พี่ ขนาดพี่ต้อมนะผมกะเอาเป็นพื่อนดั๊นร๊ากผมซะงั๊น ผมแค่อยากมีคนคุยด้วยง่ะ
ทามมายต้องร๊ากผมด้วยน๊า ต่อไปผ๊มคงต้องอยู่โคนเดียว ในมหาลายแล้วหละ เข้าใกล้ใครใครก็รักผมหมดนิ
มีเพื่อนมันก็ไม่เคยส๊นจายผ๊มเลย เน่ะ พี่อย่ามาว่าผ๋ม ขี้อ้อนนา ก็พ่อผมตายตอน ผ๊ม อยู่ ป.4 แม่ก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ม่ายมีใครดูแลผมเลย โผมน้อยจายนา ผมรักแม่มากๆเลยนา เอิ๊ก” พี่จางเอามือมาโอบไหล่ผมครับ โซเซไปมา
“อย่ามาโอบไหล่นาเด๋วหาว่าเกย์ไม่เตือน55555”ผมปรามแกไปเพราะกลัวคนเข้าใจผิด เดี๋ยวแกเสียหาย ส่วนผมน่ะเหรอ
ไม่มีอะไรให้เสียแล้ว
“น่านะ น้องทิศนะ พี่เดินไม่หวาย” พี่จางไม่ปล่อยมือ มืออีกข้างยังมาโอบเอวอีก ขนลุกเลย
“อาร๊าย ตัวเป้งๆอย่างพี่ แค่เบียร์ 2-3 ขวดก็เมาแล้วเรอะ มามะ กลับกาน” ด้วยความที่เป็นลูกคนเล็กเลยชอบเอาอกเอาใจคนอื่นเลยพากันลากกันและกันมาจนถึงหอ............ปล่อยพี่จางขึ้นลิฟท์ ส่วนผมเดินบันไดอย่างงงงวย
“ทำไมมามทรมานอย่างงี้วะรู้งี้ไม่กินซะก็ดี”ผมก็บ่นไปตามประสา
“แล้วใครให้กิน” ผมสะดุ้งโหยง เสียงไอ้คมนี่หว่า มองขึ้นไปเห็นมันยืนอยู่บนบันได มองด้วยสายตาอาฆาต
“...ยืนมองทามมายมาช่วยดิไอ้คม” ผมสั่งอย่างวางอำนาจและกวนโอ๊ยที่สุดและไม่นึกว่ามันจะมาตามที่ผมขอร้อง
แต่มันก็มา ประคองผมอย่างรวดเร็ว
“ทีหลัง ถ้าไม่เคยกินก็อย่ากิน”ไอ้คมพูดเสียงดุๆ
“เอ๊ะมึงนี่เรื่องมากจัง....................................เฮ้ย มึงรู้ได้งายวะว่ากูไม่เคยกิน” ผมถามมันอย่างประหลาดใจ
“.......................”มันเงียบไม่ยอมตอบ
“อั๊นแน่ตอนนั้นตามกูมาอะดี๊”ผมชี้หน้ามันและยิ้มอย่างผู้มีชัย
“งั๊นมึงก็ได้ยินที่กูพูดทุกอย่างช่ายม้าย” ผมหันหน้าไปคาดคั้นกับมัน รู้สึกร้อนหน้า และรู้สึกว่าตัวแดงจากฤทธิ์เหล้า
“อือ”มันก้มหน้าก้มตาตอบ พร้อมๆพยุงผมเดิน
“งั๊นมึงช่วยกูทีดิ๊”ผมจับไหล่มันไวทั้ง 2 ข้าง รู้สึกน้ำตาคลอๆ
“อะไร”มันจ้องหน้าผม
“............อ้ายคม.......กู.......ฮือ......ฮือ.....กู ..........เหงา.........มึงช่วยกูที...........นะ......ฮือฮือ.....กูเหงา........”
ผมพูดสิ่งที่โหยหามานานคือคนที่จะมาเอาใจใส่ผม พร้อมกับร้องไห้ออกมาน้ำตานองหน้า แล้วกอดมันไว้ สะอื้นอยู่นาน..........จนหลับไปตอนไหนไม่รู้ และผมคงล้มไปแล้วถ้ามันไม่กอดผมเอาไว้
“.......ได้...กูจะดูแลมึงเอง.....”ไอ้คมพูดขึ้นมาเบาๆ
story by นายโฮะ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใช้ได้มั้ยครับ
