นอนเน้อ พรุ่งนี้งานเข้า
“ ให้กูกลับไปเอาเสื้อผ้าให้ไหมวะ ” ไอเรเดินมาถาม มันรู้ว่ายังไงผมคงนอนเฝ้าไอดิษ
“ อืม ฝากไอเดย์ เมทกูจัดให้ก็ได้ ” ผมยังนั่งรอดิษที่หน้าห้องฉุกเฉิน แม่เลี้ยงของมันยังไม่ออกมา หรือมีเรื่องให้ผมหนักใจกว่านี้อีก
ผมนั่งรออีกไม่นาน แม่เลี้ยงของไอดิษถึงเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน พร้อมกับหมออีกหลายคน แปลกนะ ตอนที่เข้าไปไม่เห็นจะมีมากขนาดนี้ ผมรีบแจ้นไปหา
“ รออยู่เหรอลูก ”
“ ครับ ดิษเป็นยังไงครับน้า ” สีหน้าของแม่เลี้ยงไอดิษดูซีดมาก ทำเอาผมใจหายเหมือนกัน
“ ขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวพี่ขอตัวก่อน ..... คิมตามมาลูก ” ผมยกมือไหว้คุณหมอทุกคน แล้วตามแม่เลี้ยงของไอวากดิษมา
“ คิม คิมเว้ยๆๆ ไปไหนล่ะ ” ที่โรงพยาบาลตอนนี้ เวลาประมาเกือบตีสอง ชาวเกษตรเรานั่งนอนกองกันอยู่แถวนั้นหลายสิบคนครับ พวกนั้นยังไม่กลับ ผมได้ยินแว่วๆว่า จะไม่กลับจนกว่าไอดิษจะปลอดภัย
“ กูคุยอาการของพี่ดิษเดี๋ยว รออยู่ข้าวนอกก่อน ไม่นานๆๆ ” ผมรีบบอก กลัวพวกเราจะทำให้โรงพยาบาลวุ่นวาย
“ ไปเหอะ ” ยัยนัทผลักผมเข้าไป
ไอดิษนอนสลบอยู่บนเตียงผู้ป่วย ผมเพิ่งรู้ว่าห้องฉุกเฉินมีเครื่องมือผ่าตัดเล็ก (เดานะ) ด้วย
“ น้า ดิษเป็นอะไรมากไหมครับ ”
“ ปลายมีดมันคาที่ช่องท้อง ข้าวกล้องเสียเลือดมาก แม่คิดว่าหนัก ” ผมได้ยินนี่เข่าแทบทรุดเลย
“ เราเอามีดออกแล้ว แต่เค้าเสียเลือดมากตอนเอามีดออก เราช่วยเต็มที่แล้ว ถึงดึงกลับมาได้ ”
“ ตกลงยังไงกันครับ ” ผมไม่เข้าใจที่พูดเลยจริงๆ
“ แม่ไม่แน่ใจว่าจะฟื้นไวๆนี้ อาจจะวันหรือสองวัน ” ผมร้องไห้ต่อหน้าของแม่ไอดิษเลย แม่ของดิษเดินมากอดผม
ท่านต้องรอนาน กว่าผมจะหยุดร้องไห้ จากนั้นถึงอธิบายว่าเกิดจากอะไร ดิษเสียเลือดมาก่อนที่จะคลานหนีมาที่ห้องน้ำ มากน้อยไม่รู้ แต่มันทำให้มีดที่คาอยู่ ฝังลึกที่ช่องท้อง แม่ของดิษต้องผ่าเอามีดออกมา แต่ตอนนั้นเลือดของมันออกมาก และอาการโรคหัวใจที่เป็นอยู่เดิมก็กำเริบอีกรอบ มันหยุดหายใจ ถูกช่วยชีวิตสองครั้ง กว่าอาการจะน่าวางใจ ทีมแพทย์ดูอาการอยู่เกือบชั่วโมง จึงลงความเห็นว่าปลอดภัย
“ เรื่องฟื้นนี่ยังไงล่ะครับ ”
“ ช่วงนึง แม่ต้องรออ่านผลก่อน ช่วงที่ว่าคือเลือดเลี้ยงสมองไม่ทัน แม่ไม่กล้ายืนยัน แต่เข้าใจว่าใช่ ข้าวกล้องอาจจะมีปัญหาตามมา ” ผมหายใจไม่ทั่วท้อง กลัวไปหมดทุกอย่าง ผมไม่กล้าบอกเพื่อนๆ ไม่กล้าบอกพี่ๆด้วย
“ น้าครับ พ่อของข้าวกล้อง ”
“ เดี๋ยวน้าพูดเอง คิมกลับก่อนก็ได้ลูก ดิษต้องนอนให้ดูอาการก่อน ”
“ น้าครับ ผมขออยู่ดูมันซักเดี๋ยวได้ไหมครับ ” น้าพยักหน้า ผมเดินมาหยุดตรงเตียงผู้ป่วย
ครั้งนี้ ผมไม่กล้าคิดไปไกลถึงขนาดว่าดิษจะเป็นอะไรมากกว่านี้หรือปล่าว แต่ผมกลัวจะไม่ได้เจอกับมันอีก ผมไม่อยากมีมันแค่ในความทรงจำ ผมอยากได้ยินเสียงกวนๆ อยากเห็นหน้าดุๆ อยากให้มันอยู่ใกล้ๆ นี่ผมรักมันช้าไปใช่ไหม
“ คิม มึงจะเอาไง พี่ๆรออยู่ ” ไอโต้งถามผม หลังจากที่ผมตัดใจเดินออกมา
“ ใครจะลุยกับกูล่ะ ” พวกผมแทบทุกคนลุกกันทันที งานนี้ผมไม่ปล่อยแน่ ผมต้องหาที่ระบายโทสะ
ผมนัดแนะกันกลับมาที่ร้าน เราถามเจ้าของร้านว่าพวกนั้นเป็นใคร ได้ความว่าเป็นเด็กใกล้ๆนี้เอง สอบถามกันเรียบร้อย ผมกับพวก พากันไปล้อมเพื่อเอาตัวมันออกมา
ไอเด็กคนนั้น เป็นเด็กอู่ซ่อมรถ พอเจอพวกผมร่วมร้อยยืนอยู่ มันเข่าอ่อน ฉี่ราดเลย มันยกมือไหว้กราบพวกผมงกๆ
“ กราบทำเชี้ยอะไร ไอเลว มันเอามีดแทงพวกกู ตายซะไอ .... ” พี่อดีตประธาน ยกเท้าจะถีบหน้าของไอคนนั้น
“ พี่อย่าเพิ่ง ” ผมขอ
“ เอา มึงจัดการคิม ”
“ มึงเอามีดแทงพี่กูทำไม ไม่มีมือมีตีนเหรอ ” ผมถามเสียงเย็นๆใส่มัน มันยังนั่งกองอยู่ สั่นไปทั้งตัว
“ ผมไม่ได้แทงๆ ...... มีคนแทงพี่เค้า ผมไม่รู้ พี่คนนั้นจะช่วยพวกผม พี่เค้าหันหลัง ..... มีคนเอามีดแทง ไม่ใช่ผมๆ ” มันพูดซ้ำๆหลายครั้ง จนผมกลัวมันจะบ้า เลยขอให้เลิกๆกันไป
“ พี่ๆ นึกถึงใจเค้าใจเรา วันนี้เสียเลือดกันมากแล้ว กลับไปพักเถอะ คนที่เจ็บไปโรงพยาบาล ”
“ เออ บอกนักเลงกระจอกพวกมึงด้วย มีอีกครั้ง กูจะมากันทั้งมหาลัยเลย ” พี่อีกคนตะคอกใส่ พวกผมตัดสินใจไม่เอาเรื่องต่อ ต่างคนต่างไป
ผมกลับมาที่ห้องฉุกเฉิน ถึงรู้ว่าไอดิษถูกย้ายไปที่ห้องพิเศษ ใกล้กับสำนักงานของแม่เลี้ยงไอดิษ ผมตามไปที่นั่น และขอเฝ้าไอดิษ ผมต้องเปลี่ยนเสื้อ และทำอะไรอีกหลายอย่าง ทางโรงพยาบาลกลัวว่าจะมีการแพร่เชื้อกัน
สองวันผ่านมาแล้ว อาการของยังทรงๆอยู่ ไอดิษไม่ได้สลบแบบไม่รู้ตัว มันยังขยับไปมาได้ แต่ไม่ลืมตา ผมไม่รู้ว่าตอนที่ผมป่วย ผมเป็นแบบนี้หรือปล่าว ผมรู้แค่เพียงว่าตอนนี้ ผมสงสารไอดิษมาก ถ้าเป็นอย่างที่ไอเด็กนั่นพูดจริง แสดงว่ามันทำตัวเป็นฮีโร่จนกลายเป็นแบบนี้
“ น้าครับ มันจะฟื้นขึ้นมาไหมครับ ”
“ คิมเป็นห่วงข้าวกล้องมากเลยนะ ลูก ” ผมหลับตาลง และตัดสินใจทำสิ่งที่ไอดิษหวังมาตลอด
“ น้าครับ ผมชอบกับดิษมาระยะนึงแล้วครับ ”
“ ........... ”
“ ผมอาจทำในสิ่งที่ไม่ปกติ แต่ผมไม่อยากโกหกใครอีกแล้วครับ ผมไม่รู้ว่ามันจะฟื้นขึ้นมาพูดกับผมอีกหรือปล่าว ดังนั้นผมไม่สนใจแล้วว่า .......... เฮ้ย ” ขณะที่ผมกำลังพูดๆอยู่ มีมือเย็นๆมากุมที่มือของผม
“ ข้าวกล้อง เค้าฟื้นแล้วจ้ะ สงสัยจะนอนหลับ ” ผมยิ่งตกใจกว่าเดิม นี่มันฟื้นตั้งแต่เมื่อไร แล้วทำไมผมถึงไม่รู้
“ ได้ยินสิ่งที่อยากได้ยินแล้วใช่ไหมล่ะ ” ไอผู้ป่วยจอมกะล่อนนอนยิ้มจืดๆ
“ มันพูดได้หรือยังครับ ”
“ พี่ไม่ได้เป็นใบ้นะ ...... หูไม่หนวกด้วย ” ผมเริ่มโมโห รู้สึกร้อนหูวูบๆ แม่ของท่านวากคงดูออก รีบเล่าความจริงให้ผมฟัง
ไอดิษอาการหนักอย่างที่เห็นกันจริงๆ เพียงแต่อาการไม่ได้กระทบสมองหรือหัวใจ ทำให้มันฟื้นตัวเร็ว บาดแผลที่ท้อง และที่ผ่าตัดน่ากลัวมากทีเดียวครับ
“ งั้น ทำไมน้าไม่บอกผม ตอนที่ผมอยู่ด้วย ” ผมหันไปค้อนแม่ท่านวากนิดหน่อย
“ ตามใจคนป่วยน่ะจ้ะ อย่าคุยมากนะ ข้าวกล้องยังไม่หายดี ” แม่ท่านวากยิ้มอย่างจริงใจให้ แล้วเดินออกไป ผมหันกลับมา หักนิ้ว เตรียมจะประหารไอที่นอนอยู่บนเตียง
“ หยุดๆ ” ไอดิษยกมือยอมแพ้
“ วางแผนกันใช่ไหม หือออออ ”
“ ปล่าว แม่พี่รู้ตั้งนานแล้ว พี่แค่อยากให้เห็นกับตาไง ” มันพูดติดๆ ห่างๆ นะครับ ไม่ได้พูดชัดเหมือนปกติ
“ เหรอ อะไรต้องเห็นกับตา ”
“ ว่าน้องรักพี่ไง ” มันยิ้มไปพูดไป น่ารักน่าชังเชียวมึง ไม่ติดว่าป่วย กูเตะมึงแน่ไอวากบ้า
ผมถามถึงเหตุการณ์วันนั้น ว่าเป็นอย่างที่ไอเด็กนั่นพูดไหม ปรากฏว่าไอดิษบอกตรงกัน เฮ้อออ โชคดีที่ไม่อัดคนผิด
“ คิมใจเย็นขึ้นนะ น่าดีใจจัง ” หึ ชมหรือล้อเลียน
“ ข้าวกล้อง ..... ” ผมกำลังนั่งอยู่กับไอดิษ พ่อของมันเดินเข้ามาพอดีครับ
“ สวัสดีครับอา ”
“ เป็นไงลูก ” พ่อของไอดิษไม่สนใจผมเลยครับ แปลกแฮะ ทำไมเมินๆกันผิดปกติ
“ ไม่เป็นไรหรอก ...... คิมสวัสดี ไม่รับไหว้เหรอ ” พ่อของไอดิษยังไม่มองหน้าผมอีก
“ อืม ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว คิมออกมากับอาหน่อย ”
“ จะไปไหนกัน โอ๊ยยย ” ไอดิษรีบพยุงตัวขึ้น จนแผลที่ท้องมีรอยเลือดซึม
“ มึงนอนเหอะ เดี๋ยวกลับมา เชิญครับอา ” ผมตามอาออกมาข้างนอก
“ คิม อย่ายุ่งกับลูกน้า มันไม่สนใจคิมหรอก ” ผมช็อกนะครับ พี่ของไอดิษรู้เรื่องนี้แล้วเหรอ หรือเป็นแม่ของไอดิษบอก
“ อะไรนะครับ ”
“ ดิษหลอกคนมากแล้ว อาไม่อยากให้มันหลอกคิม อาไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แต่ขอดีกว่า แยกๆกัน วันนี้ไม่ต้องมาเฝ้าลูกของอานะ ” อาพูดจบ ก็เดินไปอีกทาง ทันทีนั้นเอง ที่ผมเกิดเดือดขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ
“ เป็นพ่อคนหรือปล่าวครับ ” ผมโพล่งออกไปเสียงดังพอสมควร
“ ว่าอะไรนะ ” พ่อของท่านวากเดินกลับมา หน้าตาโหดพอดี แต่ผมหรือจนกลัว พ่อกูน่ากลัวกว่านี้หลายเท่า
“ ผมเคารพอา เพราะอาเป็นเพื่อนพ่อ ผมเคารพที่อาเป็นผู้ใหญ่ แต่ในฐานะพ่อของดิษ อาทำแย่มากนะครับ อาบอกว่ามันเป็นลูกอา แต่มันไม่ใช่ทาสที่อาจะบังคับขู่เข็ญมันได้ทุกวี่ทุกวัน ตั้งแต่เล็กจนโตหรอกนะครับ ผมไม่กล้าพูดว่าผมรู้จักมันดีกว่าอา แต่ผมมั่นใจว่า ผมทำให้มันมีความสุขได้ และอย่านะครับ อย่าให้มันต้องตกนรกเป็นรอบที่สอง ผมขอตัวครับ ”
“ คะ คิม ช่วย .... ช่วยอา ” ผมหยุด และมองกลับไป
“ อาครับ อา ..... ” พ่อของท่านวากนอนฟุบ ผมตะโกนเรียกพยาบาล แม่ของท่านวากอยู่พอดี ท่านช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น ไม่นานก็อาการดีขึ้น พ่อท่านวากโดนส่งมานอนอีกห้อง ไม่ไกลจากไอดิษมากนัก
ผมมาทำให้ครอบครัวนี้เกิดปัญหาหรือปล่าว ผมทำเกินไปไหมนะ ผมเพียงแต่อยากให้พ่อของไอดิษ เข้าใจไอดิษมากกว่านี้ แค่อยากพูดในสิ่งที่ไม่มีใครคิดจะพูด ไม่รู้ล่ะ ผมไม่ตัดสินสิ่งที่ตัวเองทำหรอก ผมจะให้ทั้งไอดิษ พ่อของมัน และแม่เลี้ยงของมันตัดสิน ว่าผมทำถูกแล้วหรือปล่าว
************************************************
ปล. ฝากเชียร์แมนฯยูให้โตยเน้อ