คำเตือน – หากคุณยังรักชีวิตอิสระ นอนกับใครๆก็ได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบ และยังอยากทำอย่างนั้นต่อไปนานๆ ไม่ควรอ่านเรื่องราวในตอนนี้ แล้วอย่าหาว่าผมไม่เตือนก่อนล่ะ....
ผมพูดกับตัวเองเสมอว่า”นี่มันชีวิตกูเหรอวะเนี่ย”ด้วยความสัตย์จริงสาบานต่อพระเจ้าแห่งการสืบพันธุ์เลย ทุกๆครั้งที่ผมคิดว่าชีวิตผมแปลกประหลาดหรือเป็นไปในทางเสื่อม และเลวร้ายที่สุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้ ผมมักจะภูมิใจในตัวเอง ซึ่งผมก็ไม่สามารถหาคำตอบได้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงภูมิใจกับมัน แม้ว่าจะต้องแลกความภูมิใจของผมกับน้ำตาและความเสียใจจากคนรอบข้างมากมาย
ลินเซย์คู่ขาเก่าของผมโทรมาหา เธอถามผมว่าจะขอค้างกับผมได้ไหม วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ซึ่งแกสไม่อยู่ เนื่องจากเขาต้องไปเดินทางไปติดต่อธุรกิจของเขาที่บาเซโลน่า และกว่าจะกลับก็วันอังคารไม่ก็วันพุธเป็นอย่างช้า นับว่าเป็นโชคที่เข้าข้างผมอย่างจังที่มีแฟนอย่างแกส เขาเป็นพวกที่มีตารางการทำงานที่แน่ชัด จึงตัดปัญหาการเซอร์ไพรส์อย่างที่ไม่ควรจะเป็นออกไปได้สำหรับคู่ของเรา ผมตอบตกลงกับลินเซย์ไปในทันทีเพราะเธอก็ไม่เลว เธอบอกกับผมว่าจะมาถึงประมาณ 3 ทุ่ม หลังจากวางสายจากลินเซย์ ผมก็รับโทรศัพท์จากซาร่า คู่ขาอีกคนที่ไม่ค่อยโทรมาเท่าไหร่ แม่นั่นอยู่ในสภาพเมาแอ๋ และสัญญากับผมมากมายว่าจะมาหาผมให้ได้ แต่ที่ผ่านมาเธอเมาทีไรก็โทรมาหาผมแล้วสัญญาสาบานอย่างนี้ทุกที แต่เธอไม่เคยมาเลย ผมก็เลยบอกให้เธอมาส่งๆไปงั้นเอง
จากนั้นก็มีอีกสายจากแฟนของผมเอง สายนี้เองที่ทำเอาผมปรับตัวแทบไม่ทัน เพราะหลังจากที่ผมได้เมาและก่อเรื่องต่างๆไว้จนเขารู้ เขาก็ไม่ยอมพูดกับผมไปวันนึง สิ่งที่ผมจะต้องทำคือการสวมบทเป็นซาตานกลับใจ ให้เขาได้รู้สึกว่าเขาสามารถ’เปลี่ยนผมได้’ หรืออะไรก็ตามอย่าง’การคบกับเขาทำให้ผมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น’ แค่นั้นแหละเขาก็กลับมาคุยกับผมได้เหมือนเดิม
“ที่รัก ผมกำลังจะโทรหาคุณพอดี” ผมบอกเขา ถ้าให้ผมทายเขาคงกำลังยิ้มจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง
“ขอบคุณนะ แต่วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุดของผมเลยคาแบลท์” เขาบอกผมเสียงอ่อย
“เกิดอะไรขึ้น คุณใจเย็นๆนะ...เอาล่ะเล่าทุกอย่างให้ผมฟังเดี๋ยวนี้เลย” ผมบอกพลางมองนาฬิกาไปด้วย ตอนนี้สองทุ่มถ้าเป็นเรื่องแย่แกสน่าจะเล่าทุกอย่างภายในเวลาซักสี่สิบนาที ผมมีเวลาปลอบเขาสิบนาที และอีกสิบนาทีสำหรับพูดคำหวานใส่กัน นั่นจะเป็นการทำเวลาที่ดี เพราะยังไงซะการนอนกับลินเซย์ผมก็ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรอยู่แล้ว
“พวกเขาเล่นตุกติก เขาลดค่าเงินประกันของเราไป 5% แล้วผมก็หัวเสียเอามาก หลังจากที่ออกจากที่ประชุมผมก็รีบเดินออกมาจากตึกแล้วก็โดนรถเฉี่ยวเข้า แขนแล้วก็ขาของผมช้ำไปหมดเลย” แกสเล่าเสียงเศร้า และยังพล่ามต่อไปเรื่อยๆ ทั้งเรื่องน่าเศร้าที่เขาเจอมา แล้วก็เรื่องตลกๆที่เขาเข้าไปอ่านเจอในอินเตอร์เนต
“เอาน่าที่รัก ยังไงซะเขาก็ยอมจ่ายที่เหลือ นั่นถือว่าเยี่ยมเลยนะเพราะคุณเพิ่งไปเปิดตลาดที่นั่น คุณต้องยอมให้เขาบ้าง คุณต้องระมัดระวังมากกว่านี้นะที่รัก ดูแลสุขภาพด้วย กลับมาผมจะทำซุปให้คุณเป็นไง” ผมอดจะห่วงเขาไม่ได้จริงๆ
“เยี่ยม! ผมคิดถึงคุณจัง แต่ตอนนี้ผมต้องวางแล้วล่ะ เขาจะทำแผลให้ผมล่ะ” แกสบอกเสียงร่าเริง
“ใคร?” ผมถาม
“เลโอนาร์ด คนที่ขับรถเฉี่ยวผมน่ะ” แกสบอกผม
“เลโอนาร์ดเหรอ? คุณพูดจริงเหรอ? ให้ตายสิพ่อแม่เขาไม่รักหรือไงถึงตั้งชื่อเขาว่าเลโอนาร์ดน่ะ” ผมอดจะปากเสียใส่ไม่ได้
“แต่เขาใจดีกับผมมากเลยนะ” แกสเถียง
“ไม่มีใครใจดีเพราะไม่หวังผลหรอกหนูน้อย คุณอย่าหลงเขาซะล่ะ” ผมเตือนเขา
“เถอะน่า คุณนี่ขี้บ่นขึ้นจริงๆนะ” แกสบอกผมอย่างรำคาญๆ แต่มันดูตลกซะมากกว่า ทำเอาผมอดจะหัวเราะใส่เขาไม่ได้
“ผมต้องวางแล้วจริงๆ” แกสบอกเสียงอ่อย
“โอเคๆ ผมจะคิดถึงคุณ เจอกันวันอังคารนะที่รัก”
“ที่รัก! ผมไม่ได้บอกคุณเหรอว่าผมจะกลับไปถึงวันจันทร์น่ะ” แกสบอกผมอย่างดีใจ ซึ่งผิดกับผมที่ต้องหยุดคิดและวางแผนการฟัดกับซาร่าซะใหม่
“ว้าว ว้าว วันจันทร์ นั่นเป็นข่าวดีที่สุดเลย” ผมโกหก ได้เจอแกสเร็วขึ้นมันก็ดีอยู่หรอก แต่มันคงไม่เจ๋งนักหรอกถ้าเขามาเจออะไรเข้า เพราะนั่นจะเป็นสิ่งที่ร้ายที่สุดเท่าที่เกิดขึ้นมาเลยสำหรับเขา
“ใช่เยี่ยมที่สุด โอเคบาย” เขาบอกแล้วตัดสาย
พอถึงเวลาลินเซย์ก็มา แต่เธอไม่ได้อยากนอนกับผม เธอแค่อยากมาคุยเฉยๆ
“ฮูแซก เมื่อวานฉันไปโรงพยาบาลมา ฉันท้องได้เดือนกว่าแล้ว” เธอเล่า(ผมมีอะไรกับเธอมาอย่างน้อยสามเดือนแล้ว)
“คุณไม่ได้คุมรึไง คุณบอกผมเองนะว่าไม่ต้องใส่ถุงยางเพราะคุณกินยาคุม” ผมโทษเธอไว้ก่อน
“ใช่ฉันคุม แต่คุณจำได้ไหมตอนที่ฉันติดนิวมอเนียจากกิ้กฉันน่ะ นั่นแหละๆ หมอบอกฉันว่ายาปฏิชีวนะจะสลายฤทธิ์ยาคุมกำเนิดของฉัน ฉันว่ามันคงเป็นตอนนั้นแหละ”
เราปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรอยู่ครู่หนึ่ง ผมมักจะลังเลที่จะพูดอะไรออกมาในสถานการ์แบบนี้ แต่ครั้งนี้ลินเซย์ทำให้ผมทำตัวง่ายขึ้นมาก
“เอาล่ะ ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันว่าฉันจะไปทำแท้ง คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วล่ะ” ลินเซย์ตัดสินใจ
“งั้นก็ตามนั้น แต่คุณหมายความว่ายังไงที่ว่าไม่มีทางเลือกน่ะ” ผมถามเธอ
“ฉันเพิ่งเริ่มเข้ารับคีโมเมื่อเดือนที่แล้ว” เธอค่อยๆเล่า
“คีโม” ผมทวนคำอย่างตกใจ
“ฉันไม่เคยบอกคุณหรอก...แต่ก็เอาเหอะคุณจะรู้ก็ไม่เป็นไรหรอก...ฉันเป็นมะเร็งรังไข่น่ะ เพิ่งตรวจเจอเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว” เธอค่อยๆเล่า
“เวรจริงๆ นั่นมันเรื่องใหญ่เลยนะ...แล้วคุณจะเป็นอะไรไหม” ผมเริ่มเป็นห่วงเธอ
“คงจะไม่เป็นไรหรอก แต่ระหว่างที่รักษาอยู่ยังไงซะฉันก็ตั้งท้องไม่ได้อยู่แล้ว”
เรื่องที่บังเอิญอย่างร้ายกาจก็คือ สาเหตุที่เธอตรวจพบมะเร็งเสียแต่เนิ่นๆก็เพราะเธอมีอะไรกับผมนี่แหละ การเกิดมะเร็งรังไข่ในคนอายุน้อยๆ (เธออายุ 23) นี่หาได้ยากมาก แต่การตรวจพบเร็วพอที่จะทำการรักษายิ่งยากกว่ามาก เรื่องของเรื่องก็คือ เธอมีอะไรกับผมโดยไม่ต้องให้ผมใส่ถุงยางเพราะเธอคุมกำเนิด แต่พอไม่มีถุงยางผมก็คิดถึงโรคอื่นๆ ผมก็เลยให้เธอไปตรวจกามโรคเพื่อจะได้รู้ว่าเธอมีโรคติดต่อทางเพศหรือเปล่า ผลที่ออกมาปรากฏว่าเธอไม่มีโรคติดต่ออะไรทั้งนั้น แต่กลับตรวจเจอเซลล์มะเร็งแทน
ผมว่าการเป็นผู้หญิงของผมนี่เท่ากับมีหลักประกันสุขภาพไปในตัวเลยนะ... แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น...
“คุณรู้จักคลินิกเอกชนที่รับทำแท้งบ้างหรือเปล่า ฉันอยากรีบๆจัดการให้มันเสร็จน่ะ” เธอถามผม
“คุณไม่มีประกันเหรอ” ผมย้อนถามเธอ
“มี แต่มันพ่วงอยู่กับพ่อแม่ของฉัน ถ้าฉันใช้ประกัน พวกเขาก็จะรู้เรื่องนี้ ฉันเดือดร้อนแน่ๆ แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญญาจ่ายเองรึเปล่าด้วย” ประโยคสุดท้ายของเธอเหมือนเป็นการโยนหินถามทาง
ผมยังไม่ทันหายมึนจากระเบิดที่ลินเซย์เอามาทิ้งใส่ ผมก็รู้สึกเหมือนถูกลอบโจมตีอีกครั้งจากซาร่า ที่บอกว่าจะมาหาผมในคืนนี้ให้ได้ คืนนี้มันช่างวุ่นวายจริงๆเลย
ซาร่าพรวดพราดเข้ามาในบ้านของผมด้วยสภาพเมาปลิ้น เธอคว่ำลงไปนอนกองอยู่กับพื้นทันทีที่มาถึง ผมลากเธอขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ แล้วเธอก็เริ่มสาธยายปัญหาของเธอให้กับผมและลินเซย์ฟัง จริงๆแล้วเธอไม่ได้เล่าให้เราฟังตรงๆหรอก แต่เธอโทรหาคู่ขาของเธอแล้วก็คุยเสียงดังจนเราจับใจความได้มากกว่า เรื่องของเธอเป็นประมาณนี้....
- เธอท้องได้ห้าเดือนแล้ว แต่แท้งไปเมื่อสี่วันก่อน(ผมเชื่อว่าเธอเล่าเรื่องจริง เพราะผมมีเพื่อนกลุ่มใหญ่ซึ่งรู้เรื่องนี้ และผมเพิ่งเจอเธอก่อนหน้านี้สองสามอาทิตย์และเห็นกับตาว่าเธอมีท้องใหญ่ขึ้น ซึ่งตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีท้องแล้ว แถมเพื่อนคนหนึ่งก็เพิ่งเล่าเรื่องที่เธอแท้งให้ผมฟังเมื่อวานนี้เอง)
- สามีโทษว่าการแท้งเป็นความผิดของเธอ
- เธอไม่มีความสุขเอาซะเลยกับชีวิตแต่งงานเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา(เธอท้องก่อนจะแต่งงานได้สองเดือน)
- เธอเชื่อว่าลูกในท้องไม่ใช่ลูกของสามีเธอ
- เธอแต่งงานกับไอ้หมอนั่นเพราะเธอท้องไม่มีพ่อ และเขารวยที่สุดในบรรดาผู้ชายที่เธอคบๆอยู่
- ส่วนใหญ่เธอมานอนกับผมเพราะสามีเธอเกลียดผม(ผมเคยทำให้สามีเธอหน้าแตกในงานเลี้ยงงานหนึ่ง)
คืนนี้ไม่ใช่คืนที่วุ่นวายธรรมดาๆแล้วล่ะ
มันกลายเป็นคืนที่สุดแสนจะวุ่นวายเต็มพิกัดระดับคาแบลท์ ฮูแซกซะแล้ว ผมว่ามันจะกลายเป็นเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตาเอาง่ายๆ
นอกจากผมจะทำอะไรไม่ถูกกับเรื่องราวอันน่าหดหู่ของสองสาวนี่แล้ว ผมยังมีความลำบากใจอีกอย่างคือแม่สองสาวนี่ต่างก็กำลังเสียใจ และต้องการการปลอบโยนโดยการมีอะไรกับผมทั้งคู่ ผมจะทำยังไงดี...ตอนนั้นผมมึนสุดๆนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่ามีทางเลือกไหนบ้าง ออกจากบ้านไปเฉยๆซะเลยดีมั้ย? หรือโทรไปแจ้งตำรวจแกล้งบอกว่าเธอคนใดคนหนึ่งจะเข้ามาทำร้ายผม ตำรวจจะได้จับไปสักคนหนึ่ง หรือผมจะเปลี่ยนสถานการณ์ตรงหน้าให้กลายเป็นเกมสวาทสองรุมหนึ่งดี?
ผมตัดสินใจเลี่ยงไปโทรศัพท์หาเพื่อนคู่ยากของผม
“เฮ้ แกอยากมาหาฉันแล้วเอาสาวไปนอนด้วยซักคนไหม” ผมเข้าเรื่อง
“ไอ้เวร! ฉันอยู่แอลเอ” แบรตบอกผมเสียงนิ่ง ผมได้ยินเสียงเด็กกับเสียงผู้ชายลอดเข้ามา
“น่าเสียดายจริงๆว่ะ แกไม่น่าพลาดเรื่องนี้เลย”
“ไม่หรอกว่ะ ยังไงซะฉันก็ทำใจให้นอนกับผู้หญิงแบบที่แกชอบไม่ได้ แม่พวกนั้นไอคิวต่ำกว่าฉันตั้งเกือบร้อย”
“แล้วยังไงวะ?” ผมถาม
“มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ฉันต้องนอนกับสัตว์น่ะสิ อีกอย่างฉันไม่ได้อยากนอนไปทั่วด้วย” แบรตบอกเรียบๆ ด้วยคำพูดสุดเชือดเฉือนตามสไตล์เขา นั่นทำเอาผมจุกไปไม่น้อย จากนั้นเขาก็รีบวางสายทิ้งทันทีเมื่อมีใครซักคนเรียกชื่อเขา
ตามตำราพิชัยยุทธแล้ว การรับมือกับการซุ่มโจมตี คือการเดินหน้าสู้มันซะเลย ผมตัดสินใจว่าการฟันใครคนใดคนหนึ่งเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ผมควรจัดการกับใครดี? นังกากีที่สวมเขาให้สามีและเพิ่งแท้งไป หรือผู้หญิงที่เป็นมะเร็งและยังมีลูกของผมอยู่ในท้อง?
ข้อดีของซาร่า ข้อเสียของซาร่า
-ดูดีมากด้วยเต้าศัลยกรรมขนาดใหญ่ -เพิ่งแท้งมา
-ลีลาบนเตียงเยี่ม -เป็นนางกากีชั้นหนึ่ง
ข้อดีของลินเซย์ ข้อเสียของลินเซย์
-สวยเหมือนกันแต่ไม่มีเต้าปลอม -เธอท้อง...กับผม
-ไม่นับความรู้สึกส่วนตัวนะคุณแต่ลินเซย์ -เธอเป็นมะเร็ง...ตรงที่ผมจะเอาน้องชายมุดเข้าไป
มีลีลาบนเตียงเยี่ยมกว่าซาร่าซะอีก
ผมตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะจัดการกับซาร่าก่อน ผมตั้งใจจัดการเธอให้สุดฝีมือ เผื่อเธอจะได้รีบๆกลับไป หรือไม่ก็หลับไปเลย หลังจากนั้นผมอาจจะกลับมาทำอะไรกับลินเซย์ได้ เพราะถ้าผมจัดการกับลินเซย์ก่อน ซาร่าอาจจะโกรธจนกลับไปเลย และมีความเป็นไปได้ที่อาจจะขโมยหรือทำลายข้าวของของผมเป็นการแก้แค้นด้วย
ตอนนั้นพวกเราทุกคนยังอยู่ในห้องรับแขก ผมจึงตรงเข้าไปคว้าแขนซาร่าแล้วลากไปที่ห้องนอนพร้อมกับหันมาสั่งลินเซย์ว่า “รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันฟันแม่นี่เสร็จแล้วจะกลับมาหา” แน่ล่ะคุณ ลินเซย์ไม่ปลื้มเอามากๆ อันที่จริงเธอโกรธจนพูดไม่ออกเลยมากกว่า แต่ยังไงก็เถอะมันสายเกินกว่าจะมากังวลเรื่องนั้นอีกต่อไป ตอนนี้ผมเลือกเป้าหมายแล้วและมีหน้าที่อัดเป้าหมายให้เต็มแรงเท่านั้น
ลีลาของเธอเป็นมืออาชีพจริงๆและคืนนั้นเธอเป็นคนคุมเกมทั้งหมด(ผมรู้ว่า”มืออาชีพ”แบบนี้มีลีลาอย่างไร เพราะตอนผมอยู่ฟลอริด้าและนิวยอร์คผมเคยควงผู้หญิงแบบนี้อยู่หลายคนเหมือนกัน) ปกติเวลาผมเปิดศึกกับซาร่านั้นผมจะถึงที่หมายหลายครั้งต่อหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะผมชอบเธอเป็นพิเศษอะไรหรอกนะ แต่ร่างกายผมจะมีปฏิกิริยากับนมปลอมเป็นพิเศษเท่านั้นเอง
แค่ห้านาทีผมก็ถึงสวรรค์รอบบแรกอย่างรวดเร็ว ผมก็เลยใช้มือนวดจุดยุทธศาสตร์ของเธอไปพลางๆเพื่อรอให้ไอ้หนูฟื้น ซึ่งปกติจะใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีแต่กับครั้งนี้ไม่ใช่ สองนาทีผ่านไปมันยังคงคอพับคออ่อน...สี่นาทีมันยังคงอยู่ในสภาพมะเขือเผา จนกระทั่งสิบนาทีผ่านไปพร้อมกับการใช้มือช่วยปลุกปั้นอย่างจริงจังมันก็กลับมาอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ราว 50% ผมจึงจัดแจงยัดมันเข้าที่แล้วเริ่มอีกครั้ง
แต่ไม่ได้ผล...อันที่จริงมันกลับเหี่ยวลงไปอีกด้วยซ้ำ มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่...มันจะเกิดสภาพอย่างนี้ก็ต่อเมื่อผมเมาในระดับคาแบลท์ ฮูแซกหรือไม่ก็พ่นพิษอย่างน้อยห้าหกครั้งแล้วเท่านั้น
ในที่สุดผมก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น บางครั้งผมมีอะไรกับผู้หญิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงมากชายอย่างซาร่า จิตใต้สำนึกของผมมักจะเล่นตลกด้วยเสมอ มันมักจะดอดเข้ามาบ่อนทำลายเส้นทางสู่จุดสุดยอดของผม แต่จิตสำนึกของผมซึ่งเป็นอำนวจที่หนุนหลังไอ้หนูอยู่มักจะเป็นฝ่ายขับไล่จิตสำนึกออกไปได้
แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เพราะหลังจากที่ผมเผชิญกับเรื่องทั้งหมดที่เล่าให้คุณฟัง จิตสำนึกของผมอยู่ในสภาพเดียวกับจอร์จ โฟร์แมนในยกที่ห้าจากศึกที่เจอกับมูฮัมหมัด อาลี ทั้งเหนื่อย เหวี่ยงหวัดเปะปะ และงุนงงเพราะประเมินคู่ต่อสู้ต่ำเกินไป
“คาแบลท์...นายมีความสุขจริงๆเหรอ” แกสเคยถามคำถามนี้กับผมหลังจากที่ผมเมาเละเทะกลับมาบ้าน
“แกชอบฟันของบานๆงั้นเหรอ? ไอ้ช่องคลอดที่แกกำลังใช้อยู่น่ะมันช่องเดียวกับที่ตัวอ่อนอายุห้าเดือนตายแล้วไหลออกมานะเว้ย ฉันว่ามันน่าจะต้องพักสักสองสามอาทิตย์นะก่อนที่จะเอามาใช้งานได้เหมือนเดิม” จิตใต้สำนึกผมกระซิบอย่างชั่วร้าย
จิตสำนึกของผมพยายามหาเหตุผลมาหักล้าง แต่ซาร่าไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นเลย เธอเอาแต่กรีดร้องซึ่งทำให้ผมขยะแขยงเธอมากขึ้นไปอีก เพราะตอนนี้ไอ้หนูของผมไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะทำให้ใครร้องได้ขนาดนั้นซักหน่อย แต่เธอก็ยังร้อง
”ทะลวงฉันด้วยปืนใหญ่ของคุณเลย” ทั้งๆที่ไอ้หนูของผมเกือบจะปวกเปียกอยู่แล้ว ผู้หญิงอย่างแม่นี่คงชินกับการเสแสร้งทำให้ผู้ชายโง่ๆที่จ่ายเงินให้เธอรู้สึกดีด้วยการร้องแบบนี้
“ฉันละสงสัยจริงๆว่าแม่นี่จะคิดค่าร้องซักเท่าไหร่? ฉันว่าแม่นี่ทำระดับที่ควรจะจ่ายซักพันนึงได้เลยนะ แต่นายได้ฟรี นายว่าไหนเธอต้องไปฟันกับใครมาก่อนแล้วแน่ๆ ดูน้องสาวเธอสิ! มันดูลื่นนผิดปกติไม่ใช่เหรอ ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าวันนี้เธอเล่นมากี่เกมแล้ว” จิตใต้สำนึกบอกผมอีกครั้ง
“โอว คาแบลท์ ฉันรักปืนใหญ่ของคุณจริงๆ” ซาร่าเอาแต่ร้องซ้ำไปซ้ำมา
“ฮูแซก นายก็รู้ดีนี่ว่าการที่จะทำให้ผู้หญิงร่านได้ขนาดนี้มีวิธีเดียว คือการที่พ่อเลี้ยงของเธอข่มขืนเธอตั้งแต่เธออายุสิบขวบ แล้วนายคิดเหรอว่าน้องชายของนายจะใหย่กว่าไอ้คนที่ข่มขืนเธอตั้งแต่เด็กได้ ฉันพนันว่าแม่นั่นไม่มีทางรู้สึกว่านายใหญ่หรอก แม้ว่านายจะใหญ่จริงก็ตาม” จิตใต้สำนึกยังพูดกับผมต่อไปเรื่อยๆ
“แรงอีกๆ โอ้ววว พระเจ้า” เธอร้อง
“เธอเพิ่งแท้งมานะเพื่อน...ฉันว่ายังมีเศษเหลวๆของตัวอ่อนตกค้างอยู่ในนั้นแหงๆมันเลยลื่นเป็นพิเศษไง ฉันว่าจริงๆแล้วเธอไม่ได้แท้งเองหรอก แต่ใช้เครื่องดูดเอาเด็กออก มันเลยทำให้วันนี้เธอบีบเป็นพิเศษไง เพราะมันเพิ่งบีบเอาเด็กออกไปคนนึง” จิตใต้สำนึกทำหน้าที่ของมันต่อไป
“โอวพระเจ้า แทงฉันหนักๆเลย ระเบิดเข้ามาให้ตัวฉันเลยนะที่รัก”“ถ้าเธอทำแท้งจริงต้องมีเศษสมองหลงเหลืออยู่แน่ๆ ไอนั่นล่ะที่ทำให้ลื่นสุดๆ นายลองตั้งใจทำสิ นายจะได้รู้สึกถึงไอ้เศษพวกนั้นแน่ๆ”
และนั่นคือหมัดน็อคของจิตใต้สำนัก จิตสำนักของผมร่วงลงไปกองกับเวทีไม่มีการนับแปด ไม่มีเสียงระฆัง มันนอนแผ่หลาดวงตาเห็นดาวระยิบระยับ
ไอ้หนูของผมหมดแรงโดยสมบูรณ์ ไม่มีการตอบสนอองอะไรอีก การพยายามทำต่อก็เหมือนการเอาขี้ผึ้งลนไฟยัดใส่รู
ผมผละจากเธอแล้วออกจากห้องมาซะเฉยๆโดยไม่ได้แกล้งว่าเสร็จด้วยซ้ำ และไม่ลืมจะไล่เธอให้กลับไปอย่างด่วนที่สุดด้วย
ลินเซย์โกรธเอามากๆแต่เธอก็ยังรออยู่ที่เดิม ที่เดิมจริงๆ แล้วหลังจากผ่านเรื่องราวอันหนักหน่วงทั้งหมดมา ผมก็ชักอยากอยู่คนเดียว แต่จะไล่เธอกลับไปก็ไม่ได้
“คุณเสร็จเรื่องกับแม่นั่นแล้วอาบน้ำรึยัง” เธอถาม
“ยัง”
“งั้นก็ไปอาบซะ” เธอสั่ง
“อาบทำไม”
“ฉันจะนอนกับคุณบ้าง”
“เรายังจะทำอีกเหรอ”
เธอก็เลยตัดสินใจกลับ แต่ก็หลังจากที่เธอขอให้ผมเซ็นเช็คให้เธอเป็นค่าทำแท้งให้เธอ ขณะที่ผมกำลังเซ็นเช็คจำนวนสี่ร้อยเหรียญอยู่นั้นผมก็ชั่งใจควรจะถามเธอมั้ยว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกผมรึเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้ถามเพราะจิตใต้สำนึกของผมยังอยู่บนเวทีอยู่เลย
พอพวกเธอกลับไปกันหมดผมก็มานั่งนึกถึงสิ่งที่ทำลงไป
ผมเรียกผู้หญิงมาเพื่อสนองอารมณ์...
เธอคนนั้นตั้งท้องกับผม....
แถมยังเป็นมะเร็งรังไข่
ในขณะที่เธอคนนั้นมาหาผมเพื่อขอรับการปลอบประโลมเพื่อให้เธอพร้อมเผชิญกับเรื่องร้ายๆอยู่ ผมก็เรียกผู้หญิงอีกคนมาเพื่อสนองตัณหาอีกครั้ง...
ผู้หญิงคนนั้นแต่งงานแล้ว...
เพิ่งแท้งลูกมา.....
และมาฟันกับผมเพื่อประชดสามีเท่านั้น...
ผมก็ดันสนองให้เธอ แต่ก็ต้องเลิกราเพราะไม่สามารถสลัดภาพสมองของเด็กที่ยังค้างอยู่ในตัวเธอออกไปจากใจได้...แล้วผมก็มาปฏิเสธผู้หญิงอีกคนที่รออยู่เพียงเพราะรังเกียจตัวเองที่กลับมามีอารมณ์พร้อมจะนอนกับหล่อน
และที่สำคัญที่สุด
ผมนอกใจแฟนที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมา...
“ที่รัก เดี๋ยวผมจะให้คนขับรถไปส่งนะ คุณจะได้ไม่ต้องลำบากออกมารับ” แกสบอกผมทันทีที่ผมกดรับสาย ตอนนี้ก็แปดโมงแล้วผมยังไม่ได้นอนเลย
“ไม่ต้องหรอก...คุณไม่ต้องมาแล้วล่ะ” ผมตัดสินใจบอกเขา
-----------------------------------------------------------

คิดว่าตอนนี้จะเป็นตอนจบได้นะ?
คนอ่านว่าไง?