หลังจากร่วมด้วยช่วยกันประณามเชี่ยหนึ่งพวกผมก็กลับเข้าไปทำงานกันต่อ เสร็จอีกทีก็เกือบสองทุ่ม เป็นการทำงานที่ท้าทายยิ่งกว่าปีนผาเพราะว่ายุงตัวใหญ่เท่านกกระทาบินมาเป็นฝูง ไงมึงได้เลือดกูไปกี่ลูกบากศ์แล้วล่ะ แล้วยากันยุงตราห่านฟ้า ห่านดินกินหญ้าห่านฟ้ากินเหี้ยอะไรอยู่ครับมาช่วยกินยุงให้พวกกูบ้างเหอะ คือจุดไว้ประมาณสิบกว่าขดได้แต่แม่งไม่ได้ช่วยห่าอะไรเลย พวกไอ้โป้งเกือบต้องบีบซอฟเฟลแดก
และในที่สุดหลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งแกะงานมาเกือบ72 ชั่วโมงพวกผมก็ได้เวลายกโขยงกันมาฉลองสักที เราเลือกร้านข้างถนนแถวๆมอนี่แหละครับ ไปไกลกว่านี้ไม่ได้เพราะไม่มีรถ ไม่มีเงิน ฮ่าๆๆๆ ร้านนี้เป็นร้านนั่งชิวๆอินดี้ติสท์ๆเพราะไม่มีปัญญาเข้าผับ ฟังดูเจ็บเนอะ ฮ่าๆไม่ใช่แบบน้านนน
เงินน่ะก็พอมีพอลงขันกันบ้างครับแต่มันไม่ใช่แนวเราไง คือดูสภาพพวกกูตอนนี้ด้วยครับไปที่ที่คนสวยๆหล่อๆเขาอยู่ก็ดูจะเป็นการทำร้ายเพื่อนร่วมโลกมากเกินไป อีกอย่างนี่ก็ร้านประจำของชาวศิลปกรรมครับบางทีก็มีเด็กถาปัดเพื่อนบ้านมาแจมบ้าง มาทีก็จะมีแต่ไอ้หนุ่มผมยาวสาวเซอร์ๆ ที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่าพี่เจ้าของร้านก็ศิษย์พี่ร่วมสถาบันร่วมคณะ
เพลงแต่ละเพลงที่พี่แกเปิดก็เพลงไทยนี่แหละครับแต่ด้วยความสัตย์จริงกูฟังแทบไม่ออกว่ามันร้องว่าอะไรและที่ยิ่งไปกว่านั้นผมไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ก็ไม่รู้ว่ามันคือเพลงใต้ดินหรือ ใต้บาดาล อะไรมันจะอยู่ลึกไม่คุ้นหูขนาดนั้น แต่ช่างมันยังไงก็โยกได้ อ้าว ชนนนน ฮวิกๆๆๆๆๆ
พวกผมเกือบสิบชีวิตก็ดื่มกันไป เมากันไป เอะอะบ้าบอไปตามประสา ปกติก็บ้ากันอยู่แล้วยิ่งพอได้เหล้าเข้าไปหน่อยพวกผมกลายเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ชาวโลกไม่สามารถเข้าใจได้เลยล่ะครับ นี่คือความสามารถของเด็กจิตรกรรม สิ่งมีชีวิตที่คนบอกว่าไม่ค่อยเข้าใจ พูดอะไรไปคนก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง คือบางครั้งผมยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเลยครับ ฮ่าๆ
“เชี่ยพีมนี่ไอ้หนุ่มวิศวะมันไม่โทรตามมึงเลยหรอวะ”
กูแทบจะถุยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ใส่หน้าไอ้โจ มึงจะถามหาพ่อง กูกำลังจะลืมกำลังอารมณ์สวยงามมึงจะถามเรื่องไอ้หล่อขึ้นมาเพื่ออ? ผมเอานิ้วเกี่ยวก้อนน้ำแข็งในแก้วเหล้าตัวเองขึ้นมากัดก่อนจะตอบไอ้โจที่ดูอยากรู้อยากเห็นเสียเหลือเกิน
“มันไม่โทรมาหรอกเพราะกูเคยสัญญาไว้ตอนที่ทะเลาะกันครั้งล่าสุดว่าต่อให้ผิดใจกันยังไงก็จะไม่หนีออกจากบ้าน”
และนี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่รู้สึกเดือดร้อนกับการที่ไอโฟนเน่าๆจะแบตหมดไปตั้งแต่ตอนหัวค่ำ วันนี้ทั้งวันไอ้หล่อนั่นยังไม่โทรมาเลย ไลน์ก็ไม่มีมาสะกิด ดีเนอะ หึ กูนี่ดีเนอะรู้ทั้งรู้ว่าภูมิมันต้องโมโหจนอาละวาดแน่ๆกับการที่ผมไม่ยอมกลับห้อง แต่แล้วไงวะกูก็น้อยใจเป็นนะเว้ย กูง้อมันตลอดอ่ะให้มันง้อกูบ้างดิแม่ง จะให้กูยอมมันฝ่ายเดียวรึไง โมโหเว้ยแดกเหล้าให้เมาตายห่าไปเลยวันนี้ ตาชักลายๆลิ้นชักเปลี้ยๆแล้วว่ะ เอ๊ะหรือจะเมายากันยุง คึ
“เอาน่ามึงคนรักกันก็แบบนี้เดี๋ยวก็เคลียร์กันได้”
ขอบใจนะไอ้ชายเพื่อนรัก มาชนกับกูหน่อยมา ผมน่ะมีเพื่อนหลายกลุ่มใช่ไหมละครับถึงจะสนิทกับพวกไอ้แทนไอ้คิวมากกว่าก็เถอะ แต่บางครั้งบางปัญหาถ้าได้ปรึกษากับเพื่อนกลุ่มนี้มันก็ช่วยได้บ้างเพราะถ้าคุยกับไอ้พวกเดอะแก๊งค์ยังไงมันก็เป็นทั้งเพื่อนผมเพื่อนภูมิ พวกมันคงลำบากใจเพราะอย่างเวลาที่ไอ้แทนกับไอ้ฟ่างทะเลาะกันผมก็ไม่รู้จะปลอบใจคนไหนก่อน
หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยครับนอกจากเหล้า ไอ้พวกนี้ก็รู้ใจชงให้ไม่มีขาดแต่ปัญหามันอยู่ตรงที่กูเมายากนี่สิ
“เชี่ยยยยมึงเอาเหล้าขาวมาแดกหรอ”
เสียงไอ้หนึ่งโวยวายอยู่ข้างๆผม เห็นมันบ้าๆบอๆแบบนี้แต่เชี่ยหนึ่งกระแดะเป็นโรคผู้ดีที่แดกเหล้าขาวไม่ได้ มันบอกครอบครัวมันปลูกฝังมา แหม๊ฝังกันดีเหลือเกิน มันเลยโวยวายเพราะพวกไอ้เกมส์เอาเหล้าขาวมาเปิด ส่วนผมน่ะเหรอต่อให้เป็นเหล้ากลั่นกูยังยินดีเลยตอนนี้ อะไรก็ได้พีระณัฐไม่เรื่องมากถ้ามันคือแอลกอฮอล์ ทำไมกูแลดูจิ๊กโก๋ขี้เหล้าขนาดนี้วะ เดี๋ยวว่าจะสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านความเมาแล้วล่ะครับสาวๆ
“มึงอย่ามีปากมีเสียงเชี่ยหนึ่ง มึงรู้ไหมว่านี่คือสิ่งที่บรรพบุรุษได้ให้ไว้แก่ผืนแผ่นดิน มึงอย่าดัดจริตดูถูกภูมิปัญญาไทยนะเว้ย มาๆๆคนละจอกสองจอก จะได้เมาเร็วๆเปิดเหล้านอกไปหลายขวดเงินกูจะหมดล่ะห่า”
ฮ่าๆๆๆไอ้เกมส์มึงก็ประหยัดเกิ๊น ช่วงมีตังค์ก็แดกเหล้าสีพอไม่มีก็ซัดเหล้าขาวหนักๆเข้าก็ยาดองแต่ถ้าไร้หนทางต้องหมักข้าวดื่มเอง ฮ่า สโลแกนพีระณัฐเองแหละ ใครปิดไฟวะ ฮ่าๆๆ กร้ากกกก แหมเห็นอะไรก็ขำไปหมดเลยเว้ย
“เอาสักหน่อยไหมมึง”
อยู่ๆไอ้โจมันก็ยื่นอะไรสักอย่างที่แลดูเหมือนใบฝอยๆมาให้ผมดม กูก็เริ่มตาปรือแล้วนะเพื่อนยาก ไหนเอามาใกล้ๆดิ ผมเลยต้องก้มลงไปถ่างตาดูกับมันหน่อย
“เชี่ยไรวะ”
“กระท่อม”
“สัดก็ถ้าจะให้กูดมเยอะขนาดนี้กูว่าคฤหาสน์แล้วล่ะ” มันไม่ใช่กระท่อมหรอกครับมันเด็ดใบไม้แถวๆนั้นแหละแม่งเด็ดมาดมทำท่าทำทางซะเหมือนเลย ฮ่าๆๆๆ
“ไอ้โจมึงไม่ต้องทำเป็นแอ๊บ จริงๆมึงมีของใช่ไหม กูรู้” ผมลองเลียบๆเคียงๆถามแบบว่าโยนหินถามทาง กูอยากรู้นักที่สติพวกมึงไม่เต็มบาทมันเกิดจากอาการประสาทหลอนเพราะสารเสพติดชนิดใบรึเปล่าหรือสติฟั่นเฟือนโดยสันดาน
“เวรพีมปากมงคลเหลือเกินนะมึง เกิดพ่อมึงมาได้ยินคงลากกูไปเที่ยวฮ่องกงพอดี กูไม่มีโว้ยแต่ของดีจริงๆอาทิตย์ก่อนกูลองกับเชี่ยหนึ่งแม่งขำกันข้ามวัน นอนดูตู้เย็นก็ฮา เห็นหมาตายยังฮาเลยมึง คลายเครียดๆ” สาดดด ผมหรี่ตามองมันนิดๆ มันขำกันใหญ่สรุปคือหลอกกู ขอบใจนะ นึกว่ามีแล้วไม่แบ่ง อ้าวววววววววว ฮ่าๆๆ
และแล้วคืนนี้ก็จบลงด้วยการที่ผมโก่งคออ้วกอยู่ข้างถนน มันรู้สึกมึนๆงงๆว่าขำอะไรสักอย่างเหมือนว่าไอ้โป้งเตะหมาให้ดูตอนเดินออกมาเรียกแท็กซี่ เหมือนมีใครสักคนปลอบผมว่าอย่าร้องไห้ แล้วก็มีใครอีกคนตบหัวผมบอกว่าสรุปจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ มีใครตะโกนว่ามันไม่ใช่ภูมิ อย่าดึงผมมัน
และเหมือนจะมีอีกคนมาพยุงหิ้วปีกผมพร้อมกับโวยวายว่าอย่ากอด มันอึดอัดมันไม่ใช่ภูมิ นี่กูเมาเหรอ กูเนี่ยนะเมา เพราะมึง มึงคนเดียวเลยเชี่ยภูมิ ไอ้แฟนไม่รักดี ไอ้ ไอ้ ไอ้ อั๊วะววววววว ไส้กูออกมาด้วยไหม
………………………….
“งามหน้านักนะมึงทำเพื่อนกูร้องไห้”
ไอ้แทนผลักหัวผมจนหน้าทิ่มทันทีที่ผมเปิดประตูห้องเข้ามา เอ่อ เดี๋ยวนะคือกูแฮงค์จนตาลายหรือผมกำลังฝันว่าเห็นไอ้สองตัวผัวเมีย พวกมึงมาทำอะไรในห้องกูไม่ทราบครับ ผมเดินเบียดไหล่ไอ้แทนให้ออกไปพ้นๆทาง พลางสอดส่ายสายตาอันเบลอๆมองหาภูมิแต่ก็ไม่เห็นแม้เงาหัว สงสัยจะอยู่ในห้องนอน
ผมเลยเปลี่ยนโฟกัสมาที่ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟามันเหยียดขายาวๆเกยโต๊ะเตี้ยๆตรงหน้า เอ่อ ตีนมึงกับหนังสือกูอยู่ในระนาบเดียวกันเลยว่ะ แล้วมันก็หันมามองหน้าผมด้วยสายตาที่แบบ…..เหอๆ มึงฆ่ากูเห้ออออถ้าจะกดดันกูด้วยสายตามาดร้ายขนาดนั้นน่ะฟ่าง
คือขอท้าวความนิดนึงนะครับว่ากว่าผมจะรู้สึกตัวตื่นมาก็บ่ายกว่าแล้ว ปรากว่าไอ้หนึ่งคือผู้ให้การช่วยเหลือแบกผมไปซุกหัวกลบดานอยู่ห้องมัน แล้วผมโคตรได้กำไรอ่ะเพราะตื่นมาแล้วเห็นน้องป่านยืนทำตัวเรืองแสงเปล่งออร่าหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตายิ้มโลกสว่างให้ผมได้เห็นเป็นบุญตาในตอนเช้า และก่อนที่ผมจะใช้สายตาโลมเลียลวนลามเมียเพื่อนไปมากกว่านั้นเชี่ยหนึ่งก็เตะผมออกจากห้องแบบไม่ปราณี
มันบอกว่ารีบกลับห้องไปได้แล้วเพราะไอ้คิวโทรมาตามตั้งแต่เมื่อคืน มันบอกว่าเพื่อนผมโทรหากันซะวุ่นวาย ทุกคนออกล่าตามตัวผมอยู่ ฟังแค่นี้ก็รู้แล้วว่าชะตาชีวิตของผมจะไปจบที่ตรงไหน แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องไปให้ถึง เฮ้ย นี่ไม่ใช่เวลามาเปิดคอนเสิร์ตความเชื่อของพี่ตูน ชีวิตที่เหลืออยู่กูจะไปให้ถึงปลายทาง บ๊ะ
พอถูกไอ้หนึ่งถีบหัวส่งผมก็ขึ้นแท็กซี่มายืนทำอก หืมม ทำใจดีกว่านะ ทำอกเหมือนกับว่ากูจะต้องไปโรงพยาบาลบางมด เออนั่นแหละผมเลยมายืนทำใจอยู่หน้าห้องรังรักราวๆห้านาทีแล้ว คีย์การ์ดในมือนี่กำจนแทบย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ย กลัวครับยอมรับแบบแมนๆเลยว่าผมกลัว ก็ตอนนี้ผมพอจะสำเหนียกได้แล้วว่าตัวเองทำผิดที่เงียบหายไม่ยอมกลับห้อง
ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ผิดเต็มๆแต่การหนีไปของผมคงทำให้ไอ้พวกเพื่อนๆวุ่นวายกันน่าดู ผมคงคิดน้อยไปว่าภูมิจะเป็นห่วง คนเราพอทำผิดก็งี้แหละครับ จิตสำนึกจะบินมาเกาะหน้าผากมึงเอง และพอผมทำใจได้เปิดประตูเข้ามาก็เจอกับเชี่ยแทนเชี่ยฟ่างอย่างที่เห็นนี่แหละครับ คือช่วยคิดเผื่อกูสักนิดว่ากูจะตกใจไหมที่เปิดประตูเข้ามาแล้วมีคนรอตบกบาลจนหน้านิ่ม เอ่อ ทิ่มป่ะ นี่เล่นเองแป้กเองเลย
“พวกมึงมาทำไรกันแต่เช้าวะ”
“จับยามสามตาแทนการดูนาฬิกาเหรอ แหกตาดูซะบ้างว่านี่มันกี่โมงหรือดูเวลาไม่เป็น ทีหลังหัดใช้สมองคิดซะบ้างก่อนที่มันจะฝ่อหรือเซลล์สมองมึงตายไปแล้ว” เอ่ออออออ ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆมองไอ้ฟ่างอย่างอึ้งๆ จะหันไปหาไอ้แทนให้มันช่วยเชี่ยนั่นเสือกเลี่ยงเดินเข้าในครัว
“เรื่องนี้แทนจะไม่ยุ่ง” เชี่ยแทนนนนนนน มึงแม่งงงงงงงแล้วเมื่อกี้มันด่าผมใช่ไหมว่าทำเพื่อนมันร้องไห้แล้วกูไม่ใช่เพื่อนมึงรึไงวะ
“ครั้งนี้ต่อให้น้องกูเป็นคนผิดหรือถึงแม้ว่ากูจะเคยอยากได้มึงเป็นเมียแต่กูก็จะไม่เข้าข้างมึง”
????? นี่คือประโยคอะไรมึงจะสื่ออะไรวะฟ่าง นี่เล่นบอกกูตรงๆงี้เลยหรอ ผมควรดีใจป่ะเนี่ยแต่ผมว่าผมควรร้องไห้มากกว่านะ มีเพื่อนมาบอกว่าอยากได้กูเป็นเมียแล้วจะเหลืออะไรให้กูรู้สึกปลอดภัยในชีวิตบ้างวะ
“มะ ไม่ ไม่เป็นไร” ไม่ต้องเข้าข้างกูก็ได้แค่อย่าทำร้ายร่างกายกูก็พอ มึงจะเฮี้ยนไปไหนเนี่ยฟ่าง เชี่ยกูกลัววววว
“ทีหลังจะทำอะไรก็หัดใช้สมองให้มันเยอะๆมึงอาจจะคิดว่าการที่มึงหายหัวไปคืนสองคืนมันคือเรื่องเล็กน้อยแต่สำหรับภูมิ มึงไม่รู้หรอกว่ามันคือเรื่องสำคัญแค่ไหน อย่าทำให้น้องกูเป็นห่วงจนจะกลายเป็นบ้าแบบเมื่อคืนอีก มึงโกรธมึงก็ต่อยมันดิ จะฆ่าจะกระทืบมันก็ทำไปแต่อย่าไปไหนโดยไม่บอกมันถ้าไม่อยากเห็นน้องกูตายหรือถ้ามึงยังทำอีกคนที่ตายอาจไม่ใช่ภูมิ”
ชัด ชัดเลย กูชัดๆเลยที่จะตาย แม่งเหมือนมีน้ำเย็นหยดติ๋งๆตั้งแต่ท้ายทอยลงไปถึงส้นเท้า แล้วอยู่ๆไอ้ฟ่างก็เดินเข้ามาใกล้ๆ ผมก็ตกใจถอยหลังแทบไม่ทัน แล้วมันเสือกขำหึในคอพร้อมยิ้มมุมปาก
“เลิกทำเหมือนกลัวกูได้ล่ะ กูไม่ฆ่ามึงหรอกเพราะหน้าแบ๊วๆอย่างมึงกูมีวิธีทำให้ทรมานแบบเด็ดๆไว้รอ”
“เหี้ย” คราวนี้กูสู้ยิบตาเลยครับ มาจับคางกูทำส้นตีนไร เชี่ยแม่งขนลุก
“หึหึ”
“อ้าวเชี่ยนี่จะเล่นเลสกันเหรอ มึงนี่เผลอไม่ได้เลยนะข้าวฟ่าง” ไอ้แทนที่แอบซุ่มดูสถานการณ์ก็ออกมาได้จังหวะพอดี ผมส่งกระแสจิตความพยาบาทไปให้มันเต็มที่ มึงเป็นเพื่อนที่ดีมากแทน กลัวเมียจนกล้าทิ้งเพื่อน
“อะไรกูยังไม่ได้ทำอะไรเหอะ แล้วนั่นมึงเอาโทรศัพท์กูไปทำไม”
“เล่นเกมส์”
“เกมส์เหี้ยอะไร ของมึงก็มีทำไมไม่เล่น นี่มึงแอบเช็คโทรศัพท์กูอีกแล้วใช่ไหมแทน”
เอาแล่วววววว เมื่อกี้มันยังจะเล่นงานผมอยู่เลย คราวนี้ไอ้ฟ่างมันเบนเข็มไปกินหัวไอ้แทนแล้วครับ ดี ตีกันให้ตายไปเลย แล้วจะดีกว่านี้มากถ้ามึงออกไปเคลียร์กันข้างนอก กลับบ้านพวกมึงไปเลยไป๊ ชิ่วๆๆๆ กูจะได้ไปเคลียร์กับคนของกูบ้าง ป่านนี้ไม่ใช่ว่าโกรธจนเอาคองัดฝาชักโครกตายห่าไปแล้วนะ ยัง ยัง ยังไม่สำนึกอีกกู
“พวกมึงสองตัวกลับไปได้แล้วไป”
“มึงกล้าไล่กูเหรอ”
ไอ้ฟ่างหันขวับมาจ้องหน้าผมเขม็งทำเอาผมสะดุ้งไปด้วย ไอ้แทนสบตากับผมก่อนจะลอบถอนหายใจแล้วเดินเข้ามาลากเมียมันออกไป ผมเดาว่าคงไม่ถึงบ้านหรอก เตรียมจองศาลาตั้งแต่ในลิฟต์เลยแล้วกัน
“พวกกูไม่ได้นอนเพราะต้องตามหามึง ต้องคอยปลอบภูมิให้ใจเย็นๆ แล้วมึงยังกล้าไล่กูเหรอห๊ะ”
“โอ๋ๆๆๆแม่น้องผัดจ๋าเรากลับกันเถอะจ๊ะ ไหนๆไอ้พีมมันก็กลับมาแล้ว ปล่อยให้มันคุยกับไอ้ภูมิเนอะ เมตตาปราณีเพื่อนผัวจ๋าสักครั้งเถอะนะ เรากลับไปหาลูกเรากันนะดีกว่า ป่ะๆพ่อน้องผัดหิวแล้ว”
“พ่อมึงสิหิว ไอ้แทนมึงจะกอดกูทำไมเนี่ย ควายยยยปล่อย”
“พีมพวกกูกลับก่อนนะเคลียร์กันดีๆล่ะมึง เดี๋ยวกูโทรหา”
“เออๆขอบใจมากมึง”
แต่กูว่ามึงอย่าห่วงกูเลยแทน มึงเอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อนเถอะ เสียงประตูปิดลงแล้วแต่เสียงโวยวายแว่วๆของฟ่างยังลอยมาเข้าหู พวกห้องข้างๆได้ออกมาด่ากูก็คราวนี้แหละ เฮ้อออ พ่อแก้วแม่แก้วเกิดชาติหน้าฉันใดขอให้ลูกแคล้วคลาดจากคนแบบไอ้ฟ่างด้วยเถอะ คือถ้ารอดตายจากเชี่ยฟ่างได้นี่มึงก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วครับ ฟันแทงไม่เข้าแน่นอน ไอ้แทนนี่คงเข้าขั้นถอดจิตลงคาถาอาคมแล้ว ทนมือทนตีนมาก
เอาล่ะตอนนี้ก็ได้เวลาอันเป็นมงคลแล้วขอเคลื่อนศพกระผมเข้าสู่แดนประหาร หลังจากสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดและถอนออกจนปอดลีบ ผมถึงค่อยๆผลักประตูห้องนอนเข้าไป คือเมื่อกี้ผมกับพวกไอ้ฟ่างส่งเสียงดังขนาดนั้น ผมว่าภูมิต้องได้ยินและรู้ว่าผมกลับมาแล้วต่อมันจะหลับอยู่ก็เถอะ
แต่ถ้าในกรณีที่มันไม่ได้หลับมันคงไม่อยากเจอหน้าผมถึงไม่ยอมเดินออกไป คิดแล้วแม่งก็แซด และก็จริงดั่งคาด เพราะตอนนี้ภูมิยืนรับลมอยู่ข้างนอก ประตูกระจกตรงระเบียงเปิดรับลมเย็นๆชนิดที่ไม่เกรงกลัวว่าจะเปลืองแอร์ในห้องสักนิด