บทที่ 8 ****************
ทุกวันนี้ชายหนุ่มทั้งสองผลัดกันดูแลลูกๆ แต่จะไม่พาลูกไปไหนพร้อมกันโดยเด็ดขาด เพราะภากรเคยเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เขาหน้าชาและโกรธโยธินมากจนไม่ยอมพูดด้วยอยู่หลายวัน
“เฮ้! โย.. หายไปเลยนะ ไม่มาจอยกับพวกเลย นั่นแฟนใหม่นายเหรอ โวว!!!..
คนนี้ถ้าเบื่อบอกฉันขอต่อคิวนะ...”
โยธินกลืนน้ำลายลงคอ กว่าเพื่อนจะเดินพ้นหลังไปภากรก็พาลูกเดินหนีจากไปไม่เห็นเงาแล้ว หลังจากวันนั้นโยธินถูกภากรยื่นคำขาดว่า จะไม่มีการไปไหนด้วยกันอีกเป็นอันขาด หากจำเป็นต้องมีใครไปช่วยดูลูกก็ให้สาวใช้ตามไป
“โยธิน.. พรุ่งนี้นายพาเด็กๆ ไปฉีดวัคซีนหน่อยนะ ฉันไม่ว่าง.. ติดประชุมกรรมการที่สำนักงานกฎหมายของประวิช ฉันนัดหมอไว้ 10 โมงเช้า นายไปก่อนเวลาหน่อยก็ดี...”
โยธินไม่เคยปฏิเสธสักครั้ง แม้ในเวลานั้นเขาจะมีงานยุ่งขนาดไหนก็ตาม
“โจ.. ผมนัดกับลูกว่าเสาร์นี้จะพาไปสวนสนุก เผอิญมีกำหนดการด่วน ผมต้องตามไป Take care แขกผู้ใหญ่ คุณช่วยพาลูกไปแทนผมทีได้มั้ย”
“ทำไมนายชอบสัญญาอะไรกับลูกล่วงหน้า เวลาติดธุระขึ้นมาก็เดือดร้อนต้องมาหาข้อแก้ตัวกับลูก” ภากรบ่นอุบ
โยธินทอดถอนใจ เขาไม่เคยทำอะไรถูกในสายตาของภากรเลย แต่บางครั้ง… ภากรก็ทำไม่ถูกในสายตาเขาเช่นกัน
เสียงเจ้าหนูเจมส์ร้องไห้จ้า โยธินผละจากลูกสาวที่นั่งเล่นของเล่นอยู่ เดินตามหาเจ้าของเสียงตัวน้อย นึกในใจว่าภากรทำอะไรอยู่ทำไมปล่อยให้ลูกร้อง
โยธินเดินตามจนพบหนูน้อยจอมซน ยืนสะอึกสะอื้นอยู่ตรงหน้าภากร ในขณะที่ผู้เป็นพ่อนั่งจ้องหน้าลูกชายเขม็ง ในมือถือไม้บรรทัดพลาสติค 1 อัน
“จำได้ใช่มั้ย ถ้าลูกทำอีก ก็จะถูกพ่อตีอีก”
โยธินตรงรี่เข้าไปคว้าร่างหนูน้อยขึ้นมาสวมกอด เป็นครั้งแรกที่รู้สึกไม่พอใจวิธีการสั่งสอนลูกของภากร
“ปะป๊า... พ่อตีหนู... พ่อไม่รักหนูแล้ว”
หนูน้อยรีบฟ้องโยธินและตัดพ้อพ่อ ไม่คิดว่าตัวเองทำความผิดนักหนาแค่เอานิ้วแหย่เข้าไปในรูเอง พ่อต้องตีด้วย
“ทำไมต้องตีลูกด้วยอ่ะ โจ..”
ภากรโยนไม้บรรทัดลงบนโต๊ะ
“ถามดูซีว่าฉันตีเรื่องอะไร”
“ผมไม่สนว่าเรื่องอะไร พูดดีๆ กับลูกก็ได้ คุณอธิบายได้นี่ว่าอะไรถูก อะไรไม่ถูก ลูกแค่ 2 ขวบกว่าเอง.. ลงโทษด้วยความรุนแรงแบบนี้แล้ว ถ้าโตกว่านี้คุณไม่เฆี่ยนลูกหลังลายเหรอ.. อย่าทำอย่างนี้กับลูกอีกเป็นครั้งที่ 2 ผมไม่ยอมนะ เข้าใจมั้ย..”
โยธินอุ้มเจ้าหนูเจมส์เดินออกไปในขณะที่ภากรนั่งตะลึง เพราะเป็นครั้งแรกที่โยธินโกรธและแสดงอารมณ์กับเขา
...นี่ถ้าเจนนี่เอานิ้วแหย่เข้าไปในรูปลั๊กไฟบ้าง เขาจะลงโทษสาวน้อยยังไงถึงจะไม่ถูกหมอนี่ดุเอา...
ภากรเบิกตาโพลงด้วยความตกใจทันทีที่เลี้ยวรถเข้ามาในบ้าน เพราะสนามหญ้าหน้าบ้านกลายสภาพเป็นสนามเด็กเล่นขนาดย่อม มีเครื่องเล่นเด็กหลากหลายชนิดตั้งแต่วัยเตาะแตะไปจนถึงเด็กโต เขาส่ายหน้าด้วยความระอาใจ รู้ทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร ได้ยินเปรยๆ เมื่อสองวันก่อนว่าอยากจะมีสนามเด็กเล่นไว้ในบ้าน ลูกจะได้ไม่ต้องไปแย่งหรือรอคิวเล่นที่สนามของหมู่บ้าน…
ภากรก้าวลงจากรถหนูน้อยทั้งสองก็ผละจากเครื่องเล่น โยธินอุ้มเจนนี่ลงจากชิงช้า เท้าแตะพื้นได้หนูน้อยก็วิ่งตรงมาหาภากร ในขณะที่เจ้าหนูเจมส์รีบคลานออกจากบ้านหลังใหญ่วิ่งเข้ามาหาพ่อเช่นกัน
“พ่อจ๋า...” หนูน้อยทั้งสองร้องเรียกพ่อประสานเสียงกัน
ภากรทรุดตัวลงสวมกอดลูกๆ ไว้ สาวน้อยเจนนี่รีบรายงานคุณพ่อทันที
“คุณพ่อขา.. ปะป๊าซื้อของเล่นให้หนูเยอะแยะ”
“ปะป๊าซื้อให้เจมส์ด้วย” เจ้าหนูเจมส์รีบรายงานพ่อด้วย
“ปะป๊าซื้อให้ทั้งสองคนแบ่งกันเล่นจ้ะ.. ไม่ใช่ของใครคนเดียว”
โยธินเดินตามเด็กๆ เข้ามาจึงถูกภากรเอ่ยค่อนขอด
“ปะป๊าของลูกเขามีเงินเหลือใช้มั้ง อยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้”
“เจนนี่อยากได้ ปะป๊าเลยซื้อให้” เจนนี่ออกตัวให้ปะป๊าเหมือนรู้
“เจมส์ก็อยากได้ด้วย..” เจ้าหนูเจมส์กลัวน้อยหน้าพี่สาว
ภากรส่ายหน้าอุ้มลูกสาวเดินเข้าบ้าน โยธินอุ้มเจ้าหนูเจมส์เดินตามมาติดๆ
“เอาจนได้นะ โยธิน.. ฉันบอกนายแล้วว่าลูกยังเด็กเกินกว่าจะไปปีนป่ายเครื่องเล่นพวกนั้น”
“เด็กที่ไหน โจ.. 2 ขวบกว่าแล้ว กำลังโตวันโตคืนเลย เผลอแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ขึ้นไปปีนบนบาร์ได้แล้ว ใช่มั้ยคับลูก...” โยธินถามเจ้าหนูในอ้อมกอด หนูน้อยพยักหน้าหงึกๆ
“หึ! นายทำให้บ้านฉันมองดูเป็นสนามเด็กเล่นไปแล้ว นี่ถ้าเด็กๆ ข้างบ้านขอเข้ามาเล่นด้วยนายจะว่าไง ”
“เถอะน่า.. ดีออก จะได้เก็บตังค์ค่าบำรุงสนามด้วยไง”
“หึ! ตลกจังนะ”
........ใช่! มันเป็นเรื่องน่าตลก ที่ชายหนุ่มสองคน รสนิยมและนิสัยใจคอต่างกันโดยสิ้นเชิงจนไม่น่าคบหาเป็นเพื่อนกันได้ แต่กลับต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในฐานะ พ่อ ของลูกๆ คนเดียวกัน และช่วยกันเลี้ยงดูเด็กๆ ให้เติบโตขึ้นด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ........
ภากรกลับไปใช้ชีวิตอิสระอีกครั้ง เป็นหนุ่มเรือพ่วงเนื้อหอมที่สาวๆ หมายปอง แต่การคบหาหญิงสาวของเขาในวันนี้ต่างจากเมื่อก่อน เขาจะมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวแค่ฉาบฉวย ไม่ใช้เวลาคบหาใครยาวนานและยังไม่คิดจะมีใจให้ใครอีก ทุกวันนี้แค่ได้เลี้ยงดูลูกแฝดทั้งสอง ภากรก็มีความสุขเหลือที่จะกล่าวแล้ว
สำหรับโยธินเขาไม่สามารถหนีความจริงได้ เขาหยุดพฤติกรรมเลิกคบหาและมีเซ็กซ์กับผู้ชายได้ชั่วคราวเท่านั้น แต่ให้เปลี่ยนไปชอบผู้หญิงเลยเขาทำไม่ได้ ในที่สุดก็ตัดสินใจอยู่เป็นโสดไม่คบหาใครจริงจัง ชอบพอเป็นพักๆ แล้วก็เลิกลากันไป ชีวิตส่วนใหญ่วุ่นวายอยู่กับลูกเช่นกัน
หากแต่การใช้ชีวิตส่วนตัวของสองหนุ่มในวันนี้ มีข้อตกลงและเงื่อนไขมากมายที่ต่างฝ่ายต่างยื่นเสนอให้กันโดยเอาลูกมาอ้างอยู่เสมอ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครที่เอาแต่ได้ฝ่ายเดียว
ร่างโปร่งบางเดินผิวปากอารมณ์ดีกำลังจะก้าวขึ้นตึกก็ถูกคว้าแขนกระชากกลับไปด้านหลังอย่างแรงจนเซเข้าไปปะทะแผ่นอกกว้าง
"อ๊ะ ! .. เฮ้ย!!! คุณเองเหรอโจ.. มาดึงผมทำไมอ่ะ ตกใจหมดเลย" โยธินรีบผละออกและสะบัดแขนจากการเกาะกุม
"ไอ้หนุ่มที่มาส่งเป็นใคร" ภากรเอ่ยถามเสียงเรียบหากแต่สายตาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างจับผิด
"เพื่อน" คำตอบสั้นๆ เพราะรู้สึกไม่พอใจสายตาที่จ้องมองมา
"นอนด้วยกันมารึเปล่า"
โยธินสะดุ้งเฮือก ใบหน้าเนียนแดงจัด รู้สึกโกรธมากกว่าอายที่อีกฝ่ายมาถามเรื่องส่วนตัวของเขาอย่างถือสิทธิ์
"เกี่ยวอะไรกับคุณล่ะ ผมจะนอนกับใครต้องขออนุญาตคุณก่อนเหรอ ทีคุณล่ะนอนกับผู้หญิงที่ไหนผมยังไม่เคยไปก้าวก่าย"
ภากรแค่นยิ้ม… โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้ แปลว่านอนกับไอ้หมอนั่นมาแน่นอน
"ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันหรอก ฉันไม่สนอยู่แล้วว่านายจะไปนอนกับใคร เพียงแต่…"
"แต่อะไร…"
"หลังนอนกับใครมา ห้ามมาอุ้มหรือแตะต้องตัวลูก"
โยธินอ้าปากหวอกับกฎเกณฑ์ที่ภากรบัญญัติขึ้นใหม่
"อะ…อะไรนะ ล้อเล่นน่ะ"
"ไม่ได้ล้อเล่น พูดจริง"
"เราตกลงเรื่องนี้กันตั้งแต่เมื่อไร ทีคุณล่ะ ทำไมยังกลับมาอุ้มลูกได้เลย"
"ฉันไม่ได้นอนกับใครมา"
"แต่เมื่อวันเสาร์ที่แล้วคุณนอนกับผู้หญิงมา กลับมาถึงก็มาอุ้มลูกเลย ผมจำได้"
ภากรลอบยิ้มในใจ นึกขำที่โยธินจำวันที่เขาไปนอนกับผู้หญิงได้ เพราะตัวเขาเองไม่เคยจำเรื่องไร้สาระแบบนั้น
"นั่นมันเมื่ออาทิตย์ก่อน กฎนี้เพิ่งเริ่มใช้วันนี้ และตอนนี้"
"อะ.. ไอ้.." เสียงใสขาดหายไปเพราะเห็นสีหน้า ถมึ_งทึงของอีกฝ่าย "คุณมันขี้โกง คุณแกล้งผม ก็ด้ายยย… ในเมื่อไม่ให้ผมแตะต้องลูก คืนนี้เชิญคุณดูลูกเองล่ะกัน ผมจะกลับบ้าน"
กล่าวจบก็หมุนตัวจะเดินกลับ แต่ถูกมือใหญ่ฉุดให้หันกลับไปอีก
"กลับไม่ได้"
"เอ๊ะ ! ก็ผมจะกลับบ้านอ่ะ"
"ฉันจะรู้ได้ไงว่านายกลับบ้าน นายอาจจะไปนอนกับไอ้หนุ่มนั่นอีกก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้น ไม่ใช่แค่คืนนี้ที่นายจะไม่ได้กอดลูก แต่รวมถึงพรุ่งนี้ทั้งวันด้วย”
"อะไรนะ!! นี่มันจงใจแกล้งกันชัดๆ กฎเกณฑ์บ้าบออะไรของคุณผมไม่สนหรอก ผมจะกอด เจนนี่ คุณไม่มีสิทธิมาห้าม"
"เจนนี่เป็นลูกฉันเหมือนกัน ฉันมีสิทธิจะห้าม ถ้าไม่เชื่อล่ะก็..อย่าหาว่าฉันร้ายนะ"
ร่างสูงใหญ่หักนิ้วตัวเองดังกร๊อบ!! เล่นเอาอีกฝ่ายหน้าจ๋อย เห็นแล้วนึกสงสารแต่ยังอยากกระเซ้าต่อ
"ฉันแค่ไม่ให้นายกอดลูก แต่อนุญาตให้ไปยืนดูได้ แต่ถ้าอยากกอดมากจนทนไม่ไหวล่ะก็ ไปอาบน้ำซะก่อน"
"แต่ผมอาบมาแล้วนี่" เสียงใสอ่อนลง เพราะอีกฝ่ายยอมพูดดีด้วย
"ไม่ กลิ่นตัวนายไม่ใช่กลิ่นนี้ ไปอาบใหม่ซะ ฉันไม่อยากให้กลิ่นตัวคนอื่นไปติดตัวลูก"
โยธินอ้าปากจะเถียง เห็นสายตาที่จ้องมองมาแล้วเปลี่ยนใจไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย
"ก็ได้.." โยธินกระแทกเสียงใส่ ใบหน้าหวานงอเง้า
"ทีใครทีมัน คุณอย่านอนกับผู้หญิงมาบ้างก็แล้วกัน ฮึ! "
…คนบ้า!!! ทำเป็นจมูกดี รู้ได้ไงว่ากลิ่นตัวเราไม่ใช่กลิ่นนี้
เชอะ ! สงสัยจะเป็นโรคจิต ชอบแอบดมกลิ่นตัวชาวบ้าน…
โยธินหน้าร้อนวูบกับความคิดของตัวเอง หันหลังกระแทกส้นเท้าเดินกลับห้องอย่างไม่สบอารมณ์ แทนที่จะได้กอดและหอมลูกให้ชื่นใจ กลับมีมารมาผจญซะได้…
ภากรอมยิ้ม สนุกที่ได้กระเซ้าอีกฝ่าย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าออกกฎบ้าๆ นั่นออกมาได้ยังไง รู้แต่ว่าหมั่นไส้ภาพที่เห็นหน้าประตูรั้วเมื่อสักครู่ จนทำให้นึกอยากจะแกล้งคนขึ้นมา ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นจริงๆ สาบานได้
.…คิดจะย้อนกฎนั้นกลับมาใช้กับฉันหรือ โยธิน.. ฮึ! ที่นี่บ้านใครไอ้หนู… เจ้าของบ้านมีสิทธิออกคำสั่งและเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว นายเป็นลูกบ้าน อย่าฝืนคำสั่งเข้าใจมั้ย… วันนี้เป็นเวรของโยธินอยู่ดูแลลูกๆ ภากรออกไปดูงานที่ร้านตั้งแต่บ่ายสอง เวลาตอนนี้เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว เด็กๆ ยังนอนกลางวันไม่ตื่น หลับยาวแบบนี้มีหวังคืนนี้ไม่ยอมนอนแน่ ช่างปะไรคืนนี้เป็นเวรของหมอนั่นพาลูกเข้านอน ฮึ! ชอบคุยโอ่นักว่าเลี้ยงลูกเก่งกว่าเรา หมั่นไส้!!!!
RRRR~~~~
โยธินสะดุ้งจากภวังค์ รีบลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์
“สวัสดีครับ บ้านธีรวัฒน์ครับ” เสียงใสทักปลายสายอย่างอ่อนหวาน
“พ่อบ้านใช่มั้ย ขอสายคุณโจหน่อย”
คำพูดที่โต้ตอบกลับมาทำให้น้ำเสียงที่ตอบกลับไปแข็งและห้วนขึ้น
“คุณโจไม่อยู่”
“ไปที่ร้านรึเปล่า”
“ไม่ทราบครับ ไม่ได้สั่งไว้”
“เป็นพ่อบ้านประสาอะไรเจ้านายไปไหนไม่รู้ ฝากบอกคุณโจด้วยว่า ลัดดาจะเข้าไปหาที่ร้านตอน 1 ทุ่ม”
โยธินสะดุ้งเมื่อปลายสายกระแทกหูโทรศัพท์ดัง โครม !!!
“ยัยบ้า!! ไม่มีสมบัติผู้ดีเลย ผู้หญิงอะไรวะ... ฝากบอกคุณโจด้วยยย... ว่าลัดดาจะเข้าไปหาาาา... ได้เลยครับคุณผู้หญิง เดี๋ยวผมจะไปเรียนให้เจ้านายทราบถึงที่เลยคร้าบบบ..” ใบหน้าหวานผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น เมื่อนึกแผนอะไรบางอย่างได้
“ปะป๊า... ”
โยธินหันขวับไปด้านหลัง น้ำเสียงเรียกยังงัวเงียอยู่เลย ร่างเล็กๆ ของลูกชายตัวน้อยยืนหน้ายุ่งผมหยิกกระเซิงอยู่ที่ประตู
“โอ๊ว!! ตื่นแล้วเหรอค้าบ~~~”
ร่างเพรียวปราดเข้าไปทรุดตัวลงสวมกอดหนูน้อยไว้ด้วยความรัก จูบที่แก้มหนึ่งทีก่อนใช้สองมือเสยผมยุ่งเหยิงให้เรียบร้อย
“พี่เจนนี่ตื่นรึยังครับ”
หนูน้อยไม่ตอบแต่ส่ายหน้าให้ความหมายว่ายังไม่ตื่น ก่อนจะซบลงกับไหล่พ่อทำท่าจะหลับต่อ
“เฮ้!! ไม่หลับแล้วนะครับ ไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยปะป๊าพาไปทานมื้อเย็นที่สวนอาหารของคุณพ่อดีมั้ย สนรึเปล่า..หือ..”
หนูน้อยตาสว่างขึ้นทันที
“สนคับ เจมส์อยากไปหาคุณพ่อ”
“โอเค... เจมส์อยากทานอะไรคิดไว้เลยลูก มื้อนี้ปะป๊าเลี้ยงเองครับ”
“ปะป๊าไม่ต้องเลี้ยง คุณพ่อเป็นเจ้าของร้านไม่ต้องจ่ายตังค์หรอก”
“จริงด้วย ถ้างั้นให้คุณพ่อเลี้ยงล่ะกันเนอะ” โยธินหัวเราะกับความฉลาดของลูกชายตัวน้อย “ไปปลุกพี่เจนนี่กันดีกว่า ไป..”
มือเล็กป้อมคว้ามือปะป๊ากุลีกุจอพาไปปลุกพี่สาว เพราะอยากไปหาคุณพ่อที่ร้านเร็วๆ
มื้อเย็นวันนี้สองแฝดน้อยก็ได้มาทานอาหารอร่อยที่ร้านคุณพ่อตามแผนที่ปะป๊าโยธินวางไว้ โยธินได้พบหญิงสาวที่เขาคุยสายด้วย เธอสวยมากจนใครๆ พากันเหลียวหลังมอง แต่เขากลับมองด้วยความรู้สึกสมเพช สวยแต่รูป เชอะ !!!
งานนี้โยธินไม่ได้ทำอะไรเลยแค่นั่งเฉยๆ ลูกแฝดสองคนจัดการเองหมด สองหนูน้อยป่วนจนหญิงสาวออกอาการหงุดหงิด และชวนภากรออกไปต่อข้างนอก แต่เขากลับบอกว่าต้องกลับบ้านพร้อมลูก เธอโกรธและต่อว่าภากรอย่างไม่ไว้หน้าต่อหน้าโยธินที่นั่งอยู่ด้วย
“อุตส่าห์โทรไปบอกก่อนแล้วนะคะว่าจะมาหา ยังจะพาลูกมาอีก ถ้าไม่อยากคบด้วยบอกกันตรงๆก็ได้ ดาเองก็ไม่อยากเสียเวลากับพ่อม่ายเรือพ่วงอย่างคุณหรอก”
หญิงสาวกระเง้ากระงอดกลับไป ภากรหันมามองโยธินก็เห็นสายตาของชายหนุ่มจับจ้องเธอที่กำลังเดินลับหลังไปด้วยสีหน้าอมยิ้ม ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบ
“นายรับโทรศัพท์เธอเหรอ”
โยธินสะดุ้ง กำลังนั่งสะใจอยู่จึงตั้งตัวไม่ทันกับคำถาม
“เอ่อ.. คือ..”
“ใช่หรือเปล่า” เสียงดังขึ้นและสายตาที่จ้องเขม็งมาทำให้โยธินต้องยอมสารภาพ
“ชะ.. ใช่..” เสียงตอบแผ่วเบาและไม่กล้าสบตาด้วย “คือ.. ผมกะว่าจะมาบอกที่นี่ คุยไปคุยมาจนลืม..”
ภากรส่ายหน้า รู้ทันทีว่าโยธินจงใจแกล้งพาลูกมาป่วน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดเขานึกขอบใจชายหนุ่มอยู่ในใจ เพราะเขาเองพยายามหาทางบอกเลิกกับเธอหลายครั้งแล้ว แต่เธอก็ยังเซ้าซี้ นึกไม่ถึงเลยว่าความวุ่นวายของเด็กๆ จะทำให้เธอยอมตัดสัมพันธ์ด้วยง่ายๆ รู้งี้ชวนไปที่บ้านนานแล้ว
โยธินใจหายเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไป จะโกรธรึเปล่านะ เขาไม่น่าเล่นอะไรแบบนี้เลย กำลังจะเอ่ยขอโทษก็ต้องผวาเฮือกเมื่อร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามายืนท้าวสองแขนกับพนักเก้าอี้ของเขา และก้มลงกระซิบ 2 ประโยค
“อิ่มแล้วก็ลุกซะที จะนั่งอ่อยเหยื่อรึไง” กล่าวจบก็ผละไปหาลูกๆ ที่ยืนส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวอยู่หน้าตูปลาขนาดใหญ่
โยธินถอนใจโล่งอกเพราะนึกว่าจะได้ยินคำพูด ...“ฝากไว้ก่อนเถอะ กลับถึงบ้านเจอดีแน่”....
ใบหน้าสวยยิ้มระรื่นดีใจที่แผนการณ์ร้ายคืนนี้จบลงด้วยดี แต่แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆจางลง หน้างอทันทีเมื่อนึกทวนคำพูดประโยคสุดท้ายเมื่อครู่
...จะนั่งอ่อยเหยื่อรึไง... ....ถูกกัดอีกจนได้ ผู้ชายอะไรวะ!! ปากจัดชะมัด...