โจวิ่งตามคุณโยไป
กุ้ง และ
krappom วิ่งตามโจไปด้วย เหลือสองสาวยืนยิ้มแห้ง ๆ ให้หนุ่มใหญ่
“ผมรู้ว่าคุณไม่ได้มากันแค่ 5 คน แต่ไม่ว่าจะกี่คน คืนนี้ผมจะพาลูกๆ ไปชมภูเก็ตแฟนตาซี ถ้าพวกคุณสนใจไปรอหน้าทางเข้าตอน 6 โมงเย็น ผมจะเตรียมบัตรไว้ให้ ถือเป็นการขอบคุณที่พวกคุณมีความจริงใจกับครอบครัวของผม ”
สองสาวอ้าปากหวอมองหน้ากันเลิ่กลั่ก (จริงใจตรงไหนฟระ!! พูดแบบนี้ประชดกันรึเปล่า) ยาโยย รีบปฏิเสธตามมารยาท
“เอ่อ.. คือเกรงใจค่ะ อย่าเลย ”
“พวกเรามากันทั้งหมด 18 คน เลยนะคะ” เจ๊หนึ่งกล่าวเสริมอย่างเกรงใจ
ภากรเลิกคิ้วกับคำตอบ สีหน้าตกใจไม่ใช่เรื่องค่าบัตรแต่สงสัยเรื่องห้องพัก มากัน 18 คน จองห้องพักกี่ห้องน่ะ อย่าบอกนะว่าจองแค่ห้องเดียว..
ภากรซ่อนยิ้ม
“เจอกัน 6 โมงเย็นหน้าทางเข้านะครับ ผมจะเตรียมบัตร 18 ใบไว้ให้”
สรุปแล้ว การเดินทางเพื่อร่วมกิจกรรรมสอดแนมครั้งนี้ เป็น trip ที่แสนจะวิเศษของเหล่าสมาชิกเล้าเป็ด เพราะนอกจากจะได้เข้าชมภูเก็ตแฟนตาซีฟรีแล้ว ยังได้อภินันทนาการห้องพักฟรีจากปะป๊าโยมาอีก 5 ห้อง เพราะเมื่อเริ่มสนิทกับกลุ่มเด็กหนุ่มสาวพวกนี้แล้ว คุณพ่อทั้งสองก็สัมผัสได้ถึงความน่ารักและมีอัธยาศัยของทุกคน โยธินโทรไปจองห้องพักที่โรงแรมเพิ่มอีก 5 ห้อง เขาได้ราคาพิเศษสุดๆ ในฐานะเจ้าของบริษัททัวร์ซึ่งเป็นคู่สัญญาของโรงแรมนี้
ห้าทุ่มครึ่ง ห้อง Suite สุดหรู… “ใจดีจังเลยนะครับคุณโย.. ออกค่าห้องพักให้หนุ่มสาว Boy’s love ตั้ง 5 ห้อง.. ผมขอพ่วงห้องนี้ไปด้วยได้มั้ยครับ ” เสียงทุ้มเหน็บคนรัก นึกไม่ถึงว่าจะใจป้ำขนาดนี้ ทีห้องพักตัวเองกลับให้เขาออก
“ฮะๆ ไม่ได้หรอกครับคุณโจ.. ห้องนี้มันแพงครับ ที่ผมจองให้พวกเค้า มันห้อง Standard ราคากันเองแค่ไม่กี่ตังค์ อีกอย่างคุณเป็นหัวหน้าครอบครัวนะ ให้ผมออกได้ไง น่าเกลียดตาย..”
ร่างสูงยืดอกขึ้นเมื่อได้ยินคำว่า ‘ หัวหน้าครอบครัว ’ ลำแขนแกร่งรั้งคนรักเข้ามากอด
“เข้าใจพูดนะ ช่างฉอเลาะที่สุด ไหนขอชิมหน่อยซิว่าปากหวานรึเปล่า”
“บ้า~~ ” ปากว่าแต่กายโอนอ่อนยอมให้ชิมโดยดี
สัมผัสแรกแค่ชิมแต่กลับดูดดื่มมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างเพรียวค่อยๆ เอนกายลงนอน ลำแขนเรียวโอบคอร่างสูงแน่น
TT____TT
“ฮือ~~ ฮือออ ~~~ ไม่อาว เจมจะหาปะป๊า ฮือ ~~~ ”
อารมณ์เคลิ้มหวานของปะป๊ามลายหายในเสี้ยววินาที เมื่อเสียงร้องไห้และเรียกหาของลูกชายดังแว่วเข้ามา สองมือผลักร่างสูงออกสีหน้าตื่น
“ไปดูลูกหน่อย โจ.. ร้องไห้ทำไม.. ”
“ลูกร้องหาปะป๊า ให้พ่อไปดูจะได้เรื่องเหรอจ๊ะ..”
คิ้วเรียวขมวดริมฝีปากบางขบแน่น เมื่อถูกคนรักปฏิเสธอย่างนุ่มนวล นั่นหมายถึงเขาจะต้องเป็นคนลุกไปดู แต่ก็เป็นจริงอย่างที่โจพูด หลายครั้งที่สองหนูน้อยไม่เอาพ่อเวลางอแง เดือดร้อนเขาต้องเข้าไปปลอบถึงยอมหยุด
ร่างเพรียวลุกพรวดขึ้นนั่ง ค้อนขวับให้คนรักที่นั่งเอกเขนกอมยิ้มให้
“ผมไปดูเองก็ได้..”
โยธินเข้ามาที่ห้องนอนลูกก็พบเจ้าหนูจอมซนกำลังออกฤทธิ์งอแงเต็มที่ ร่างเล็กป้อมนอนดิ้นอยู่บนเตียงไม่ยอมให้พี่เลี้ยงจับต้อง เจนนี่นั่งหน้างัวเงียอยู่ที่เตียงตัวเอง สาวน้อยตกใจตื่นเพราะเสียงร้องของน้อง
TT____TT
“ฮือ~~ ไปให้พ้น~~ ฮือออ ~~~”
“น้องเจมส์ขา.. ไม่เอาค่ะ อย่างอแงซีคะ.. ”
“หยุดร้องซะทีได้มั้ย ~~ เจนนี่หนวกหูนะ..”
“เกิดอะไรขึ้นคร้าบ เป็นอะไรลูก ร้องไห้ทำไม” ปะป๊าส่งเสียงหวานมาก่อนตัว เด็กหญิงรีบฟ้องทันที
“เจมงอแงค่ะ ปะป๊า.. อยู่ดีๆ ก็ตื่นขึ้นมาร้องไห้..”
“คงจะฝันร้ายน่ะค่ะ คุณโย.. ตกใจตื่นร้องไล่ใครก็ไม่รู้ค่ะ..” สาวใช้รีบรายงานสถานการณ์
โยธินทรุดตัวลงนั่ง ร่างเล็กนอนคว่ำหน้าบนเตียงส่งเสียงร้องในลำคอ มือเรียวลูบศีรษะหนูน้อยเบาๆ ก็ถูกตวาดไล่
“อย่ามาจับ ฮือ~~ ไป!!.. ฮือๆ ~~ ”
โยธินส่ายหน้า อาการงอแงของเจ้าหนูคงเป็นเพราะเล่นมากเมื่อตอนกลางวัน ร่างเพรียวโน้มตัวลงกระซิบปลอบ
“นี่ปะป๊านะ~~ ร้องไห้ทำไมครับ หือ~~ ใครทำอะไรลูกเจมส์ของปะป๊า”
เสียงร้องกระซิกดังขึ้นเมื่อได้ยินเสียงปลอบ ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองเห็นปะป๊าก็ร้องโฮ โยธินอุ้มหนูน้อยตัวป้อมขึ้นมาสวมกอดแนบอก
“ปะป๊าอยู่นี่ลูก หนูฝันร้ายหรือครับ... ไม่ร้องนะ คนเก่ง..”
“ช้างจะเหยียบเจมแล้ว ปะป๊า~~ อือ~~” หนูน้อยหลับตาซุกหน้ากับอกปะป๊า สะอื้นฮึกๆ
“ช้าง ?..” คิ้วเรียวเลิกขึ้น และยิ้มออกเมื่อนึกถึงการแสดงโชว์ช้างเมื่อตอนเย็น หนูน้อยกอดเขาแน่นและบอกว่ากลัวๆ เขายังคิดว่าลูกแกล้งเพราะไม่เคยเห็นเด็กที่ไหนกลัวช้าง ขนาดเจนนี่ยังบอกว่าอยากจะขี่ช้างด้วยซ้ำ
“มีที่ไหนกันครับ แค่ฝันนะลูก ไม่มีช้างที่นี่หรอก.. ลืมตาขึ้นมาดูซีครับ ว่ามีรึเปล่า..”
สาวน้อยเจนนี่กระโดดลงจากเตียงมาช่วยปะป๊าปลอบน้อง
“ไม่มีช้างที่นี่หรอก เจม.. ที่นี่มีแต่คน..”
“ฮะๆ ใช่ครับ ที่นี่มีแต่คุณพ่อ ปะป๊า พี่เจนนี่ และน้าเอียด ไม่มีช้างสักตัวเลย..”
เจ้าหนูหรี่ตาขึ้นมองเห็นใบหน้าสวยหวานของปะป๊ายิ้มให้ก็หายกลัวเลิกโยเยแต่ยังสะอื้นอยู่
“เจมฝันเห็นช้างตัวใหญ่ด้วย..” หนูน้อยเล่าเสียงสะอื้น
“ก็แค่ฝันนะครับ.. ไม่ใช่เรื่องจริงซะหน่อย..”
“ช่าย~~ แค่ฝันร้องไห้ซะตกใจหมด~~ ” เจนนี่บ่นน้อง
“ตัวเองฝันบ้างมั้ยล่ะ ดูซิว่าจะกลัวรึเปล่า..”
โยธินหัวเราะเมื่อเจ้าหนูเถียงพี่สาวกลับเสียงดัง มือเรียวเสยผมชื้นเหงื่อและเช็ดแก้มยุ้ยที่ฉ่ำนองด้วยน้ำตา ก่อนหันไปบอกสาวใช้เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ลูก
ปลอบโยนจนหายกลัวแล้วแต่เจ้าหนูเจมส์ก็ยังไม่ยอมให้ปะป๊ากลับห้อง ร้องขอให้นอนด้วยกัน
“หนูนอนกับพี่เจนนี่และน้าเอียด ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วนี่ลูก หือ..”
“เจมจะนอนกับปะป๊า.. จะได้ไม่ฝันอีก” ลำแขนเล็กป้อมกอดปะป๊าแน่น
“ที่นี่เตียงเล็กนิดเดียวปะป๊าจะนอนยังไงครับ”
“งั้นเจมจะไปนอนที่ห้องกับปะป๊า” หนูน้อยไม่ฟังเสียงคว้าเจ้าอีริคตุ๊กตาหมาคู่ใจไถลลงจากเตียงและฉุดปะป๊าให้ลุกขึ้น
โยธินทำหน้ายุ่งแต่แล้วก็ยิ้มออก พาลูกไปนอนที่ห้องด้วยก็ดีเหมือนกัน หมั่นไส้พ่อโจ.. ป่านนี้นอนหลับสบายไปแล้วมั้ง..
เจนนี่ลุกพรวดขึ้นนั่งเมื่อเห็นปะป๊าเดินตามน้องชายโดยดี แปลว่าจะพาเจมส์ไปนอนที่ห้องแล้วปล่อยให้เจนนี่นอนกับน้าเอียดเหรอ ….ไม่มีทาง ~~~ เรื่องอะไรจะยอมนอนคนเดียว…. ร่างเล็กบางกระโดดลงจากเตียงโดยไม่ลืมคว้าผ้าขนหนู่คู่กายติดมือไปด้วย
“เจนนี่ก็จะนอนด้วยค่ะ ไปนอนด้วยกันหมดเลยนะคะ ปะป๊า..”
“โอเคจ้ะ ไปนอนด้วยกันหมดเลย..”
โยธินหันมาบอกให้สาวใช้พักผ่อน เขาจะพาลูกไปนอนที่ห้อง สาวใช้ละเอียดยิ้มให้ด้วยความเอ็นดูทั้งปะป๊าทั้งคุณหนู น่ารักกันจริงๆ..
กลางดึกคืนนั้น… ร่างสูงนอนตะแคงมือท้าวศีรษะจ้องมองคนรักและลูกๆ นอนหลับอย่างมีความสุข สองหนูน้อยนอนกลาง ปะป๊าโยนอนอยู่ริมซ้าย เขาอยู่ริมขวานอนไม่ค่อยหลับเพราะถูกลูกสาวตัวน้อยป่ายแขนขาตลอดคืน เขาเพิ่งรู้วันนี้เองว่ายัยหนูเจนนี่นอนดิ้นขนาดหนัก ...ทูนหัวจ๋า หนูเป็นเด็กผู้หญิงแท้ๆ ทำไมนอนดิ้นแบบนี้.. ดูน้องซิ!! ทั้งซนทั้งเฮี้ยว.. แต่เวลาหลับสนิทแล้ว อยู่ท่าไหนท่านั้นตลอดคืน… เห็นแล้วอิจฉาเจ้าหนูจัง นอนกอดปะป๊าสบายใจเฉิบเลยนะ นั่นมันที่พ่อนะเฟ้ย !! …
…ผับผ่าซี!!.. ถ้ารู้ว่าพาไปดูโชว์ช้างแล้วจะกลับมาฝันร้าย พ่อไม่พาไปให้เสียตังค์หรอก.. แถมยังเสียโอกาสที่พ่อจะจุ๊กกรูกับปะป๊าด้วย.. หึ!! พรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมาต้องอบรมซะหน่อยแล้ว ขี้กลัวไม่เข้าเรื่อง… ลูกผู้ชายกลัวช้างได้ไง... แถมยังเป็นแค่ความฝันไม่ใช่เรื่องจริงซะหน่อย…
วันเดินทางกลับ เหล่าสมาชิกต่างทยอยแยกย้ายกันกลับ ใครมากับใครก็กลับกับคนนั้น เหลือสองหนุ่ม โจ กับ วอเตอร์ ที่ยังโต๋เต๋รั้งท้ายกันอยู่เพราะกะว่าจะค่อยๆ ขับรถกลับไม่รีบร้อนเหมือนตอนขามา ตอนมา ข้าวโพด กับ บาส ติดรถมาด้วย แต่ขากลับสองหนุ่มนั่นขอติดรถพี่เรย์กลับไปก่อนแล้ว
“ผมเข้าห้องน้ำก่อนนะพี่” วอเตอร์ ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนออกเดินทาง หนุ่มโจ แยกไปนั่งรอที่ล็อบบี้
เด็กหนุ่มเดินชนกับร่างสูงหน้าประตูห้องน้ำ
“อ๊ะ!!.. ขอโทษครับ อ้าว!!.. พี่ max มาทำอะไรที่นี่ ไหนบอกว่าไปเชียงใหม่กับคุณดาไง”
“ชูว์..” มือใหญ่ปิดปากน้องชายไว้และลากตัวออกมาจากประตู
“แล้วนายล่ะ มาที่นี่ได้ยังไง ” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามแถมยังเปลี่ยนเรื่องพูดเฉย
“ผมมากับพี่โจ.. และเพื่อนๆ อีกหลายคน..นี่กำลังจะกลับแล้ว พี่ล่ะ..”
“ฉันยังอยู่อีกสองวัน นายจะกลับก็รีบกลับ..”
“อ้าว! ทำไมมาไล่กันยังงี้อ่ะ ท่าทางพี่มีพิรุธแฮะ มากับใครเหรอ..”
“ไม่ใช่เรื่องของเด็กน่า กลับไปได้แล้ว ไป.. ขับรถมากันเองใช่มั้ย ขับดีๆล่ะ ” ร่างสูงดันน้องชายออกเดิน
“เฮ้ย!.. ผมยังไม่ได้เข้าห้องน้ำ” วอเตอร์ เบี่ยงตัวออกเดินวกกลับเข้าห้องน้ำ ชะงักเมื่อประตูถูกผลักออกและมีชายหนุ่มเดินสวนออกมา
“อ้าว!! เฮ้ย!! พี่ต้น...” วอเตอร์ อุทานอีกครั้ง วันนี้เป็นวันรวมญาติรึไง เจอแต่คนรู้จัก “ต้น” นายแบบหนุ่มรุ่นพี่ของเขาเอง
“อ้าว!! วอเตอร์.. ” ชายหนุ่มมีอาการตกใจเล็กน้อยก่อนยิ้มให้ สายตาเหลือบไปที่ร่างสูงซึ่งยืนทำหน้าเซ็งอยู่
วอเตอร์ รู้ทันทีว่าทั้งสองคนมาด้วยกัน
“โธ่เอ้ย!! ที่แท้ก็มาด้วยกัน นึกว่าผมไม่รู้เหรอ” เด็กหนุ่มค้อนพี่ชายก่อนเดินเข้าห้องน้ำ
Max รีบเดินตามเข้ามาปรับความเข้าใจกับน้องชาย และกำชับว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับคุณดา หญิงสาวที่พ่อแม่หมายมั่นจะให้เขาแต่งงานด้วย
วอเตอร์ พยักหน้าหงึกเบื่อหน่ายความเจ้าชู้ของพี่ชาย ทั้งสาวทั้งหนุ่มไม่เว้น พี่ต้นหายซ่าแน่ รายนี้เปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำหน้าเหมือนกัน งานนี้ไม่รู้ใครจะเปลี่ยนใจชิ่งหนีก่อน
ร่างสูงใหญ่ของหนุ่ม Max เดินเคียงคู่กับหนุ่มต้น นายแบบหนุ่มรูปงามที่พยายามปิดบังอำพรางตัวเองด้วยการสวมหมวกและใส่แว่นดำ ร่างสูงเดินกอดคอพาน้องชายและหนุ่มโจมาส่งที่รถ
“จริงซี พักอยู่สองวันพวกผมไม่เห็นพวกพี่เลย พักห้องไหนกันหรือครับ”
โจ ถามตามมารยาท
“ชั้น 10 ห้อง 03 พี่ไม่ค่อยได้ออกมาเดินน่ะ นอนดูทีวีในห้อง ” Max ตอบยิ้มๆ หนุ่มต้นหน้าแดงนิดๆ วอเตอร์เห็นแล้ว get ทันที
“นั่นดิ ถึงว่าไม่เจอกันเลย ไปนะครับพี่ บ๊ายบาย”
“ขับรถดีๆล่ะ”
Max โอบร่างเพรียวเดินไปสูดอากาศริมทะเล สองวันสองคืนที่พักอยู่ที่นี่แทบจะไม่ได้ออกจากห้องเลย จึงชวนกันไปเดินชายหาดให้สดชื่นก่อนจะกลับขึ้นไปดื่มด่ำกันต่อ
“สุดยอดว่ะ พี่ชายนาย”
“นั่นดิ ผมไม่คิดว่าเขายังคบกันอยู่ นึกว่าเลิกไปแล้ว”
“ทำไมคิดงั้น แสดงว่าพี่ชายนายเจ้าชู้เข้าขั้นเลยซี”
“ทั้งคู่เลยแหล่ะ.. โดยเฉพาะ พี่ต้น ปากบอกรักคุณโยแต่เจอพี่ผมเท่านั้นเปลี่ยนใจเฉยเลย”
“พอกันล่ะน่ะ ฮะ ๆ.. ว่าแต่ท่าทางรักกันจริงนะ ก็เล่นไม่ออกจากห้องเลยนี่หว่า สงสัยยังข้าวใหม่ปลามันอยู่”
“โฮ้ย!! อยู่เข้าไปได้งัย ห้องแคบ ๆ อยู่ทั้งวันอึดอัดตาย”
“ชะ!! ถ้าได้อยู่กับคนที่นายรัก นายจะไม่พูดแบบนี้”
“.....................”
“.....................”
“เฮ้ย!! วอเตอร์.. เมื่อกี้พี่นายบอกว่าเค้าพักอยู่ห้องอะไรนะ”
“ชั้น 10 ห้อง 03”
“อืมม์ ~~ ชั้น 10 ก็ 10...03 ..”
“1003... อ๊ะ! เฮ้ยยยยย !!!….”
เสียงทวนคำและอุทานดังขึ้นพร้อมกัน รถส่ายไปมาก่อนจะทรงตัวได้เหมือนเดิม เสียงหัวเราะดังเป็นระยะตลอดทาง นึกขึ้นมาทีไรก็หัวเราะทุกที แต่ถึงจะหัวเราะ วอเตอร์ ก็เค้นคอ โจ ว่า ห้ามบอกเรื่องนี้กับสมาชิกในบอร์ดคนอื่นเป็นอันขาด คนหนึ่งพี่ชายอีกคนก็รุ่นพี่ เขาอายแทน…
โจ รับปากแต่มีข้อแลกเปลี่ยน โดยหยุดรถให้ วอเตอร์ เป็นคนขับแทนจนถึงกรุงเทพฯ ส่วนตัวเขาจะขอนอนสบายๆ นึกถึงเสียงเซ็กซี่เมื่อคืนวาน
…อ๊า ~~ อา ~~…
…ถึงว่า!!.. เสียงไม่คุ้นเลยทำให้ทั้งเขาและ วอเตอร์ ทายไม่ถูกว่าเป็นใคร ที่แท้ก็เป็นรุ่นพี่และพี่ชายหมอนี่เอง หึ หึ…
The end หวังว่าจะชอบนะคะ