My Baby by j-muay
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Baby by j-muay  (อ่าน 230279 ครั้ง)

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
My Baby by j-muay
« เมื่อ26-05-2007 18:17:33 »

ขอบคุณ คุณ j-muay ที่อนุญาตให้นำเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านกัน

ขอความกรุณาเพื่อนๆ อย่านำเอาเรื่องราวในเรื่องนี้ไปเผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากคุณ j-muay ก่อนนะครับ


ขอบคุณครับ

หมูพูห์   :teach:


**********************************************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขอนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


**********************************************************
My baby

= 1 =

****************************

“คุณภากร คนไหนคะ”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น รีบวางหนังสือพิมพ์และลุกขึ้นยืนทันที

“ครับ ผมภากร”

“ยินดีด้วยค่ะ คุณได้ลูกชายกับลูกสาว เป็นฝาแฝดแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งคู่ แฝดพี่เป็นผู้หญิง แฝดน้องเป็นชายค่ะ

เดี๋ยวอีกสักครู่ตามไปดูได้นะคะ”

“ขอบคุณมากครับ ขอบคุณ”

เขาขอบคุณพระเจ้าในใจด้วย ที่ประทานทารกน้อยที่สมบูรณ์และแข็งแรงให้เขาถึงสองคน



**********************

เสียงทารกน้อยร้องไห้จ้าทำให้หญิงสาวสะดุ้งตื่น เธอชะโงกดูนาฬิกาที่หัวเตียงก่อนจะหันมาสะกิดสามีที่ยังหลับสนิทอยู่ข้างๆ

“โจคะ ลูกร้อง...”

“อืมม์....”

“ตื่นซีคะ ที่รัก.. หลับอยู่ได้ยังไง ลูกร้องเสียงออกดัง เร็วเถอะค่ะ เดี๋ยวตื่นกันหมดพอดี”

“อือ... ของคุณหรือของผม...”

“ของคุณค่ะ”

“อีกแล้วเหรอ....” ชายหนุ่มงัวเงียลุกขึ้นนั่ง

“ถ้าครั้งนี้คุณหลอกผมอีก ผมจะกลับมาปรับคุณนะ โอเค..”

“โอเคค่ะ”

ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหาลูกที่ห้องซึ่งมีประตูเปิดทะลุถึงกันและจะเปิดไว้ตลอดเพื่อให้ได้ยินเสียงเวลาลูกร้องไห้โยเยกลางดึก

เขาหายเงียบไปไม่กี่ นาที ทารกน้อยก็เงียบเสียงลง

..
..
..
ณัฐวดีนอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ไม่อยากเชื่อเลยว่าชีวิตที่เคยผิดพลาดและไม่สมหวังของเธอจะได้พบกับความสุขอย่างเช่นวันนี้

เธอโชคดีที่ได้มาพบเขา เธอบอกไม่ได้ว่ารักเขามากเพียงใด รู้แต่ว่าชีวิตนี้เธอขาดเขาไม่ได้แล้ว
 
เธอสะดุ้งและลืมตาขึ้นทันทีที่รู้สึกหนักอึ้งที่กลางลำตัว
 
“อุ๊ย! ไม่เอานะ โจ.. ตัวคุณหนักออก ขยับไปนอนที่ของคุณซีคะ”

“เสียใจ ที่รัก..”

ชายหนุ่มขยับตัวใหม่ แต่ครั้งนี้เขาขึ้นมาคร่อมร่างหญิงสาวไว้ทั้งตัวเลย

“ผมบอกแล้วใช่มั้ย ถ้าหลอกผมอีกคุณจะต้องถูกผมปรับ” เขาไม่พูดเปล่าแต่ซุกไซ้ซอกคอหญิงสาวไปด้วย

“เมย์ไม่ได้หลอกคุณนะคะ ก็ลูกร้องจริงๆ นี่นา”

“ใช่... ลูกร้อง... พอผมถาม.. คุณก็บอกว่าของผมทุกทีเลย คุณรู้มั้ยว่ายายหนูนอนหลับปุ๋ย ไม่มีเสียงร้องสักแอะ”

“แหม!.. คุณก็.. มันพลาดกันได้นี่คะ”

“โอเค!.. เมื่อคุณพลาดได้ คุณก็ต้องรับผิด และยอมให้ผมลงโทษ”

“แต่นี่มันดึกแล้วนะคะ ทอม.. พรุ่งนี้คุณต้องไปร้านแต่เช้านะคะ”

“ไม่สนหรอก ไหนๆ ก็ตื่นมาทำธุระให้ลูกแล้ว ผมต้องทำธุระกับแม่ด้วยเลย”

เขาหาเรื่องเจ๊าะแจ๊ะเธอด้วยเหตุผลนี้ทุกที ช่วยไม่ได้..เธอหลอกให้เขาลุกไปดูลูกหลายคืนแล้ว

ทุกครั้งเจ้าหนูเจมส์จะเป็นฝ่ายร้องโยเย ทั้งๆ ที่เขาและเธอตกลงกันแล้วว่า เขาจะเป็นคนดูแลแฝดพี่คือยายหนูเจนนี่

ส่วนเธอดูแลเจ้าหนูเจมส์แฝดน้อง แต่หลายคืนมาแล้วที่เขาต้องตื่นและลุกขึ้นกลางดึกเพื่อเปลี่ยนผ้าอ้อมให้หนูน้อยทั้งสอง

เพราะเจ้าหนูเจมส์ความรู้สึกไวกว่าพี่สาว ฉี่เปียกทีไรเป็นต้องตื่นทุกที

ในขณะที่เจนนี่ยังหลับปุ๋ยอยู่เลย แม้จะเปียกแฉะไปหมดแล้วก็ตาม

***********************

ภากรอุ้มทารกแฝดวัย 5 เดือนไว้ในอ้อมแขนข้างละคน แฝดหญิงซบอยู่ที่ไหล่กำลังเคลิ้มหลับ

 แฝดชายจอมเฮี้ยวดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ที่เอว เขาเดินไปหาณัฐวดีที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

“ผมไปเป็นเพื่อนมั้ย ที่รัก..”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ เมย์นัดเจอเขาที่อำเภอเลย เสร็จเรื่องแล้วจะรีบกลับค่ะ คุณเองก็ต้องอยู่ดูลูกด้วย

ยายหนูยิ่งโยเยไม่ยอมให้ใครอุ้มอยู่ ไม่สบายทีไรเป็นต้องอ้อนคุณพ่อทุกที สู้น้องเจมส์ของแม่ก็ไม่ได้ ใช่มั้ยคับ

ใครขออุ้มก็ไปกับเค้าหมดเลย....”

ณัฐวดีหยอกเย้าลูกชายอย่างอารมณ์ดี วันนี้เธอนัดโยธินสามีเก่าทางพฤตินัยไปหย่าขาดจากกันตามกฎหมาย

หลังจากรอจนครบกำหนดระยะเวลาตามที่ตกลงกับโยธินไว้

ภากรเดินตามไปส่งหญิงสาวที่รถ

“ความจริงถ้าผมไปด้วย เสร็จธุระของคุณแล้ว เราจะได้จัดการเรื่องของเราต่อเลย”

ณัฐวดีเงยหน้าขึ้นมองสามีแล้วหัวเราะ

“อะไรกันคะ โจ.. เมย์ไม่เคยได้ยินคุณพูดเรื่องนี้มาก่อนเลย

ยังเคยนึกน้อยใจอยู่หลายครั้งว่าคุณอาจไม่คิดจริงจังกับเมย์ก็ได้..”

“เหลวไหล... คิดยังงั้นได้ไง ไม่รู้หรือว่าคุณเป็นคนสำคัญคนหนึ่งในชีวิตของผม”

ณัฐวดีขมวดคิ้ว กึ่งสงสัยและไม่พอใจ

“คนสำคัญคนหนึ่ง…แปลว่ายังมีคนอื่นอยู่ในหัวใจของคุณอีกหรือคะโจ.. ใครคะ บอกได้มั้ย..”

ชายหนุ่มก้มลงกระซิบข้างหูหญิงสาว

“ก็แฝดตัวน้อยๆ ของคุณและผมไง อีกหน่อยก็จะเติบใหญ่ขึ้นหล่อเหมือนผม..สวยเหมือนคุณไงจ๊ะ ที่รัก..”
 
เขาหยุดอธิบายและเธอก็ไม่สามารถซักถามอะไรได้อีก เมื่อถูกเขาจุมพิตละเรื่อยจากใบหูมาที่ลำคอขาวเนียนและพรมจูบทั่วใบหน้างามก่อนจะหยุดนิ่งที่ริมฝีปาก

แม้จะรู้สึกขัดเขินเพราะไม่ได้อยู่ในที่ลับตา หากแต่สัมผัสที่ได้รับช่างอบอุ่นและอ่อนหวานนุ่มนวล
จนเธอมิอาจขัดขืนและปฏิเสธการแสดงออกถึงความรักที่เขามีต่อเธอ

ซึ่งในวันนี้เธอรู้ซึ้งเต็มอกแล้วว่าเขารักเธอและลูกมากเพียงใด

ณัฐวดียิ้มอย่างขัดเขิน เมื่อสบสายตาหวานซึ้งของภากร

“แน่ใจนะ ว่าไม่ให้ผมไปด้วย”

“แน่ใจค่ะ คุณอยู่บ้านดูลูกๆดีกว่านะคะ เมย์จะรีบกลับ ไว้เราค่อยหาฤกษ์ดีๆ ไปเข้าโบสถ์ตอนเช้า

แล้วเลยไปจดทะเบียนตอนสายๆ ดีมั้ยคะ”

“โอเค!.. ตามใจคุณ”

“เมย์รักคุณค่ะ โจ.. ถึงไม่มีทะเบียนสมรส เมย์ก็จะขอรักคุณคนเดียวจนวันตาย.”

“RRRR.....”

ภากรวางหนังสือพิมพ์ลงและลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์

เขาเพิ่งจะได้พักผ่อนเมื่อห้านาทีนี้เพราะเจ้าหนูเจมส์แฝดน้องเพิ่งหลับสนิท

ในขณะที่พี่สาวหลับไปก่อนแล้วนานกว่า 20 นาที

“สวัสดีครับ”

“เมย์ออกไปชั่วโมงกว่าแล้ว นายนัดเธอที่ไหน เดินหาทั่วหรือยัง”

โยธินโทรมาตามณัฐวดี เขาว่ารอเธอเกือบชั่วโมงแล้ว..

แต่ยังอารมณ์ดีพอที่จะกระเซ้าภากรว่า หรือเธอเกิดเปลี่ยนใจไม่อยากหย่าจากเขาก็ได้...

วางสายจากโยธินภากรเดินงุ่นง่านไปมา เขาติดต่อณัฐวดีไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ทำไมป่านนี้เธอยังเดินทางไปไม่ถึง ทั้งๆ ที่จุดนัดพบอยู่ไกลจากบ้านไม่เกินครึ่งชั่วโมงแม้รถจะติดบ้างก็ตาม

“RRRR...”

ชายหนุ่มถลาเข้าไปคว้าโทรศัพท์ โดยไม่ทันระวังมือจึงปัดถูกกรอบรูปร่วงลงพื้น
เขากรอกเสียงทักปลายสายอย่างร้อนรน ในขณะที่สายตาจับจ้องที่พื้นห้อง

รู้สึกโกรธตัวเองที่ซุ่มซ่าม ณัฐวดีรักกรอบรูปเซรามิคชิ้นนี้มาก ตัวกรอบแตกเป็นสองท่อน

เศษกระจกเกลื่อนกระจายอยู่บนรูปเธอที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขภายในอ้อมแขนมีแฝดน้อยทั้งสองนอนหลับตาพริ้ม
 
ชายหนุ่มยืนนิ่งฟังเรื่องราวและคำบอกเล่าจากปลายสาย

รู้สึกชาวูบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาขยับส่วนใดของร่างกายไม่ได้

ในขณะที่สายตาก็ไม่อาจละจากใบหน้าหญิงสาวในภาพถ่ายได้เช่นกัน

********************



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2010 19:18:29 โดย THIP »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #1 เมื่อ26-05-2007 18:45:26 »

ขอบคุณ คุณ j-muay ที่อนุญาตให้นำเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านกัน

ขอความกรุณาเพื่อนๆ อย่านำเอาเรื่องราวในเรื่องนี้ไปเผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากคุณ j-muay ก่อนนะครับ


หุหุ สงสัยก๊อปมาเพลิน  :laugh:  :laugh:

ปล.เรื่องนี้ท่าทางน่ารักอีกแล้ว แต่เปิดตัวมาก็มีแววเศร้าเลยเรอะ   :impress:


-----------------------------------------

ใจร้ายยยย เห็นแล้วก็ไม่ยอมแก้ให้

ชิส์

พูห์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2007 15:26:21 โดย หมูพูห์ »

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #2 เมื่อ26-05-2007 18:52:40 »

 :impress2: :impress2: :impress2:
ดีใจจัง
เจ๊หมวยยอมให้ปะป๊าโยมาเที่ยวเล้าด้วย :like6:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #3 เมื่อ27-05-2007 20:44:05 »

ดีใจด้วยคน พ่อโจมาบอร์ดนี้แล้ว :like6:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #4 เมื่อ29-05-2007 15:27:58 »

ภากรยืนสงบนิ่งอยู่เบื้องหน้าหลุมศพเธอนานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว เขาสวมแว่นดำเพื่ออำพรางความบอบช้ำของดวงตา อันเนื่องมาจากความเศร้าโศกเพราะต้องสูญเสียเธออันเป็นสุดที่รักยิ่งของเขาไปตราบชั่วนิรันดร์
ณัฐวดีประสบอุบัติเหตุรถชนประสานงากับรถที่แซงสวนขึ้นมา เธอเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาลโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้ดูใจ เขาบอกไม่ได้ว่ารู้สึกเสียใจมากเพียงใด รู้แต่ว่าหากไม่มีทารกน้อย ๆ ส่งเสียงร้องเตือนสติอยู่ข้างๆ เขาอาจทำในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง
ภากรสะดุ้งตื่นและลุกพรวดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงลูกร้องกลางดึก เขานั่งนิ่งอย่างงุนงงเหมือนได้ยินเสียงเธอปลุกให้เขาตื่นไปดูลูก เขายิ้มให้ตัวเองอย่างขมขื่น ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง
“โอเค! ที่รัก.. เขาเป็นของผมทั้งคู่ ไม่ว่าใครจะตื่นผมจะลุกขึ้นไปดูเอง ผมสัญญาว่าจะดูแลลูกให้ดีที่สุด หลับเถอะนะ ที่รัก.. หลับให้สบาย..”
.............................................

2 เดือนหลังจากที่ณัฐวดีเสียชีวิต ภากรเริ่มทำใจได้กับการจากไปของเธอ อาจเป็นเพราะแฝดน้อยทั้งสองกระมัง ที่ทำให้เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้าง ทุกครั้งที่เขาวุ่นวายอยู่กับลูก เหมือนมีเธออยู่ใกล้คอยกระซิบบอกเขาตลอดเวลาว่าต้องทำอะไรบ้าง ทำให้เขารู้สึกว่าเธอไม่ได้จากไปไหน เธออยู่กับเขาตลอดเวลา แม้ไม่มีรูปกายให้สัมผัส แต่ก็รับรู้และสัมผัสได้ทางจิตใจผ่านลูกน้อยทั้งสอง ทุกครั้งที่เขากอดและพูดคุยกับลูก เหมือนได้กอดและพูดคุยกับเธอด้วย
“มีแขกมาพบค่ะ”
แม่บ้านเข้ามารายงานภากร ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังป้อนอาหารเช้าให้แฝดน้อยทั้งสอง
“ใครกันน่ะ”
“บอกว่าเป็นทนายความมาจากคุณโยธินค่ะ”
ภากรใจหายวาบอย่างไม่มีเหตุผล บอกไม่ถูกว่าทำไม รู้แต่ว่า.... กิจธุระของทนายความไม่เคยเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับใคร
เป็นไปตามที่ภากรสังหรณ์ เขาพบกับเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นได้ หลายความรู้สึกประดังขึ้นเป็นระลอก เขาตกใจกับข้อเสนอและโกรธมาก จนต้องออกปากไล่ทนายความของนายโยธินออกจากบ้าน เขายืนกรานที่จะไม่รับข้อเสนอใดๆ แม้ในใจจะรู้สึกตื่นตระหนกกับสถานภาพของตัวเองที่ดูรูปการณ์แล้วเหมือนเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หากมีการฟ้องร้องและสู้ความกันในศาล....

ภากรแวะมาดูงานที่ร้านอาหาร หลังจากห่างหายไปนานกว่า 2 เดือน เพราะตั้งแต่ณัฐวดีจากไป นอกจากเขาจะไม่มีใจทำอะไรแล้ว ยังต้องวุ่นวายอยู่กับลูก ๆ จนไม่มีเวลาเข้าไปดูแลงานด้วยตัวเอง
ภากรยืนทักทายลูกค้าประจำของร้าน เขาถูกต่อว่าว่าห่างหายไปนาน
“คุณประวิชมาแล้วครับ ” บริกรเดินเข้ามารายงานภากร
ชายหนุ่มพยักหน้ารับทราบและหันไปขอตัวกับลูกค้า เขานัดประวิช เพื่อนสนิทสมัยเรียนและเป็นทนายความฝีมือดีมาพบปะเพื่อหารือด้วย ตั้งใจจะขอให้ประวิชเป็นที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายของธุรกิจที่เขาทำอยู่และเป็นทนายความส่วนตัวให้เขา ไม่คิดว่าวันนี้จะได้มีโอกาสใช้บริการจากเพื่อนด้วยเรื่องส่วนตัวเป็นงานแรก
ทันทีที่เห็นหน้าเพื่อน ภากรตรงรี่เข้าไประบายความอัดอั้นบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดโดยไม่สนใจจะถามไถ่ทุกข์สุขกันก่อน เล่นเอาอีกฝ่ายนั่งอ้าปากหวอฟังตาปริบๆ
“นายต้องช่วยฉันนะ วิช.. ฉันไม่ยอมเสียลูกไป จะต้องแลกด้วยทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีอยู่ ฉันก็ยอม ”
“ใจเย็นๆเพื่อน อย่าวิตกเกินเหตุ ลูกของนายก็ต้องเป็นสิทธิของนายวันยังค่ำ ไม่ต้องถึงกับแลกด้วยทรัพย์สมบัติทั้งหมดหรอก ขอแค่นายยอมเป็นหุ้นส่วนกับฉันก็พอแล้ว”
ประวิชถือโอกาสชวนภากรเป็นหุ้นส่วนสำนักงานกฎหมายซะเลย...

***************************

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #5 เมื่อ29-05-2007 19:45:44 »

หุหุ ท่าทางพระเอกจะโผล่เร็ว ๆ นี้  o8




ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #6 เมื่อ29-05-2007 22:04:50 »

 o15

หวัดดีค่า  กระทู้นี้เจ๊หมวยยกให้คุณพูห์ช่วยโพสแทน  แต่ตอนนี้ว่างอยู่จะช่วยโพสต่อให้สักตอนสองตอนค่ะ


***********************


โยธินยื่นข้อเสนอต่อภากรว่าเขาต้องการทารกแฝดหนึ่งคนมาเลี้ยงดู หญิงหรือชายก็ได้ หากภากรยอมตกลงด้วยดี ข้อเสนอสำหรับผลประโยชน์ทางธุรกิจต่างๆก็จะตามมา แต่ถ้าไม่... เขาก็เสียใจที่จะต้องอ้างถึงสิทธิในฐานะ “พ่อ” เพราะตามกฎหมายเขายังเป็นสามีของณัฐวดีอยู่ แม้ว่าขณะนี้แฝดน้อยทั้งสองจะเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของภากร เพราะเขาจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร แต่หากร้องถึงศาลแล้ว ภากรอาจตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเนื่องจากผู้เป็นแม่จงใจปิดบังสถานภาพการสมรสของตน

ภากรตกใจแทบช็อคกับสถานภาพการเป็น “พ่อ” ของตัวเอง

“เป็นไปได้หรือ วิช.. หมอนั่นมันอ้างสิทธิเป็นพ่อของลูกฉันได้เหรอ”

“จริงๆ แล้วเขาไม่มีสิทธิหรอกนะ เพราะเขาไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของเด็ก แต่มันวุ่นวายสับสนอยู่ตรงเรื่องทะเบียนสมรสนั่น ถ้าเขาดันทุรังอยากจะมีสิทธิ เขาก็อ้างได้ในฐานะที่เขายังเป็นสามีตามกฎหมายของแม่เด็กอยู่ แต่อย่าวิตกเลย โจ.. ถึงที่สุดแล้วศาลก็จะพิจารณาตามความเป็นจริง แม้ว่าจะสับสนอยู่บ้าง แต่ตราบใดที่เด็กเป็นลูกของนาย ศาลก็ต้องให้นายเป็น “พ่อ” มีสิทธิเลี้ยงดูและปกครองเด็กๆ อยู่แล้ว....”

ประวิชให้กำลังใจเพื่อน ในขณะเดียวกันก็รู้สึกมึนกับชีวิตส่วนตัวของภากร ไม่คิดว่าจะวุ่นวายและซับซ้อนขนาดนี้


***********************


ภากร เจ้าของร้านอาหารและสวนอาหารมีชื่อ หนุ่มใหญ่วัย 38 ผู้ผ่านชีวิตรักมาอย่างโชกโชนแต่กลับต้องมาสยบและใช้ชีวิตคู่ร่วมกับหญิงสาวที่มีพันธะตามกฎหมาย ซ้ำยังเป็นผู้เลี้ยงดูลูกน้อยๆ ด้วยตัวเอง เขาทำให้ประวิชผู้เป็นเพื่อนซึ่งไม่ได้พบปะกันมานานกว่า 5 ปี รู้สึกทึ่ง...

ณัฐวดี สาวงามวัย 26 ปี หญิงสาวผู้กุมหัวใจภากรไว้ได้ เธอเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกันแต่ไปเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษ ณัฐวดีรู้จักและชอบพอกับ โยธิน เศรษฐีหนุ่มรูปงามวัย 28 ทายาทเจ้าของธุรกิจนำเที่ยวชื่อดัง ซึ่งเดินทางเทียวไปมาหาสู่เธอข้ามประเทศเป็นเวลานานเกือบ 2 ปี จนเธอใจอ่อนยอมตัดสินใจแต่งงานกับโยธินและย้ายตามเขากลับมาใช้ชีวิตในเมืองไทย

แต่แล้วชีวิตสมรสของเธอก็ต้องจบสิ้นลงภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี เมื่อเธอพบว่าโยธินมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ แม้เขาจะพยายามเอาใจใส่และปฏิบัติต่อเธออย่างดี แต่เธอก็ไม่สามารถรับสภาพและทนอยู่กับเขาต่อไปได้ เธอขอหย่าขาดจากเขาแต่เขาไม่ยอม กลับท้าให้เธอฟ้องหย่าเพราะคิดว่าเธอไม่กล้า แต่เขาคิดผิด เมื่อณัฐวดีเตรียมหาทนายจะฟ้องหย่า โยธินจึงต้องเป็นฝ่ายขอร้องเธอ โดยยื่นข้อเสนอยอมให้เธอแยกออกไปเป็นอิสระและคบหาใครก็ได้ที่เธอต้องการ โยธินขอเวลาเธอ 2 ปี จึงจะหย่าขาดตามกฎหมายให้ เพราะเหตุผลที่เกี่ยวพันกับมรดกของตระกูลที่เขาจะได้รับ ซึ่งกำหนดจะเปิดพินัยกรรมในอีก 2 ปีข้างหน้า และเขาจะมีสิทธิได้รับก็ต่อเมื่อเขาแต่งงานมีครอบครัวแล้วเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ณัฐวดีจึงแยกออกมาอยู่ตามลำพังในห้องชุดสุดหรูที่โยธินมอบกรรมสิทธิ์ให้พร้อมรถหนึ่งคัน และค่าใช้จ่ายรายเดือนที่เขายินดีส่งเสียเลี้ยงดูเธอตลอดไป จนกว่าจะถึงวันที่เขาและเธอหย่าขาดจากกันตามกฎหมาย หรือจนกว่าเธอจะมีใครคนใหม่

เมื่อเธอมาพบกับภากร หนุ่มใหญ่เจ้าเสน่ห์ที่มีประวัติในเรื่องความเจ้าชู้ แม้เธอจะรู้สึกพึงพอใจเขาเหมือนหญิงสาวคนอื่นๆ แต่เธอก็ไม่คิดจะจริงใจด้วย เธอเข็ดขยาดกับการหลงเชื่อคารมของชายหนุ่มง่ายๆ แต่เมื่อคบกับเขานานวันขึ้น รู้สึกตัวอีกครั้ง…หัวใจของเธอก็หลุดลอยไปอยู่ในกำมือของเขาแล้ว....

ณัฐวดีเล่าเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาของเธอให้ภากรรับรู้ เธอยินดีหากเขาจะจากไปเพราะเธอยังมีพันธะอยู่ แต่เขาก็ไม่ไปและยังคบหาเธอเรื่อยมาจนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อเธอบอกกับเขาว่าเธอตั้งครรภ์ เธอไม่คิดว่าเขาจะยินดีหรือต้องการลูก แต่ผิดคาด.. เขาตื่นเต้นและดีใจอย่างมาก บอกกับเธอว่าเขารอคอยวันนี้มานานแสนนานแล้ว เขาขอให้เธอย้ายไปอยู่กับเขา ชีวิตคู่ระหว่างเธอกับภากรจึงเริ่มต้นจากวันนั้นมา แม้จะเป็นการเริ่มต้นที่ไม่สมบูรณ์นักเพราะเธอยังมีพันธะอยู่ แต่ทั้งเขาและเธอต่างก็เต็มใจและพร้อมที่จะรับกับปัญหาที่เกิดขึ้น

“คุณทำให้ผมลำบากรู้มั้ย ที่รัก.. ถ้าคุณไม่จากเราไป วันนี้เราคงเป็นครอบครัวที่มีความสุขที่สุด ผมจะได้เป็นสามีของคุณและเป็น “พ่อ” ของลูกตามกฎหมาย คุณต้องช่วยผมนะ ที่รัก.. ผมเสียคุณไปแล้ว ผมไม่ยอมเสียลูกไปอีก ได้โปรด..”

ชายหนุ่มวางรูปเธอลงที่หัวเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอน บอกไม่ถูกว่ารู้สึกกลัวเพียงใด รู้แต่ว่าเขาไม่เคยวิตกกังวลกับเรื่องใดๆ เท่านี้มาก่อนในชีวิต


***********************





ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #7 เมื่อ29-05-2007 22:15:11 »

My baby
= 2 =

*****************************

“มีธุระอะไร” ภากรเอ่ยถามปลายสายด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

“อารมณ์ไม่ดีหรือโจ.. ไม่เอาน่า ผมอยากตกลงกับคุณดีๆ อีกครั้ง ไม่อยากให้เรื่องถึงโรงถึงศาล”

“ฉันไม่มีอะไรจะตกลงด้วย คนไม่มีคุณสมบัติจะเป็นพ่อคนอย่างนาย ไม่สมควรจะมาขึ้นศาลด้วยคดีแบบนี้ นายน่าจะรู้ตัวเองดีนะ โยธิน.."

“ผมรู้ โจ.. ผมรู้ว่าผมทำผู้หญิงท้องได้เหมือนที่คุณทำนั่นแหล่ะ ไม่อยากตกลงกันด้วยดีก็ตามใจ คุณจะต้องเสียใจเพราะแทนที่คุณจะได้ลูกไว้หนึ่งคน คุณอาจจะไม่เหลือใครเลยก็ได้นะ โจ..”

ภากรกระแทกหูโทรศัพท์ลงด้วยความโกรธ

..ให้ตายเถอะ! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่มีวันยอมให้แกแตะต้องลูกฉัน..


**************************

เมื่อภากรไม่ยอมตกลงตามข้อเสนอ โยธินซึ่งต้องการทารกแฝดหนึ่งคนมาเป็นทายาทของตัวเอง จึงยื่นคำร้องต่อศาลขอสิทธิในการเลี้ยงดูเด็กในฐานะ “พ่อ” เพราะตามกฎหมายเขายังเป็นสามีของณัฐวดีอยู่
ดูตามรูปการณ์แล้วภากรน่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อที่แท้จริงของเด็ก จากคำให้การของภากร เขาใช้ชีวิตอยู่กินกับณัฐวดีฉันสามีภรรยามานานกว่าปีครึ่งแล้ว เขาบอกเล่าถึงข้อตกลงในการหย่าร้างระหว่างณัฐวดีกับโยธิน และชีวิตครอบครัวที่ผ่านมาระหว่างเขากับหญิงสาวและลูกๆ เขารู้ว่าแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่เขาจะมอบความรักและสร้างครอบครัวใหม่ที่อบอุ่นให้กับเธอ ทดแทนความผิดพลาดและความล้มเหลวในชีวิตสมรสระหว่างเธอกับโยธิน

ประวิช ในฐานะทนายของภากรแถลงต่อศาลว่า เด็กควรจะได้อยู่กับพ่อที่แท้จริงมากกว่าที่จะคำนึงถึงกฎหมายแต่เพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่สมควรให้เด็กไปอยู่กับคนที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ เพราะไม่เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเด็ก

โยธินไม่ปฏิเสธและยอมรับว่าเขามีพฤติกรรมเช่นนั้นจริง สังคมและคนที่รู้จักคุ้นเคยด้วยรับรู้ว่าเขาเป็นเกย์

“ผมยอมรับว่า..ผมไม่มีคุณสมบัติของการเป็นสามีที่ดี ผมจึงตกลงที่จะหย่ากับเธอตามที่เธอต้องการ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็น “พ่อ” ของลูก”

“ทำไมคุณถึงอยากจะเป็น “พ่อ” ของเด็ก ในเมื่อคุณกับเธอแยกทางกันอยู่มานานกว่า 2 ปีแล้ว ที่สำคัญ.. คุณเองก็รู้อยู่ว่าเธอคบหาและอยู่กินกับคุณภากรฉันสามีภรรยามานานแล้วเช่นกัน”   ทนายฝ่ายโยธินตั้งคำถามนำให้ลูกความเขาตอบ

“ผมไม่ได้ทำเพราะต้องการเอาชนะใคร แต่ผมมีเหตุผลที่อยากจะเรียนให้ศาลทราบว่า ผมไม่แน่ใจว่า ..เด็กฝาแฝดทั้งสองคนอาจจะเป็นลูกของผมหรือเปล่า..”

ขาดคำโยธินเสียงพึมพำและเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น ในขณะที่ภากรรู้สึกโกรธจนห้ามอารมณ์ไม่อยู่ เขาขยับจะลุกขึ้นแต่ประวิชดึงตัวไว้

“บอกได้มั้ยว่าทำไมคุณถึงเข้าใจเช่นนั้น”

“ช่วงแรกที่เราแยกทางกัน ผมไปมาหาสู่เธอเดือนละครั้งเพื่อเอาเงินไปให้ ความจริงผมโอนเข้าบัญชีให้เธอก็ได้ แต่ผมคิดว่าการได้พบปะกันบ้างจะเป็นการดีกว่า อย่างน้อยได้ไต่ถามทุกข์สุขในฐานะที่เธอยังเป็นภรรยาตามกฎหมายของผมอยู่ ทุกครั้งที่พบกันผมสาบานได้ว่าไม่เคยล่วงเกินเธอเลย เป็นเวลานานกว่า 6 เดือน จนเดือนที่ 7 ผม.. เอ่อ… …ผมเสียใจที่จำเป็นต้องบอกความจริงว่า.. ผมมีความสัมพันธ์กับเธอในเดือนที่ 7 ก่อนที่เธอจะตั้งครรภ์”

ในขณะที่ทุกคนในศาลนิ่งฟังเรื่องที่โยธินบอกเล่าอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่สำหรับภากรแล้ว.. หัวใจเขาแทบจะหยุดเต้นกับเรื่องที่ได้ยิน ประวิชเองก็รู้สึกตกใจอย่างมากเช่นกัน

“คุณรู้หรือเปล่าว่าเวลานั้นเธอคบกับคุณภากรอยู่แล้ว”

“ผมทราบว่าเธอคบเขาอยู่ แต่วันนั้นผมห้ามใจตัวเองไม่ได้ และเพราะเธอไว้ใจผมจึงไม่ได้ระวังตัวกับผม เธอทำให้ผมเกิดอารมณ์....”

“ขอค้านครับ”

ประวิชลุกขึ้นขอคัดค้าน เนื่องจากหญิงสาวที่กล่าวถึงไม่มีชีวิตอยู่ที่จะมาชี้แจงหรือให้การใดๆได้ จึงเป็นการกล่าวอ้างแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ศาลเห็นว่าเกี่ยวข้องกับการพิจารณาจึงให้ทนายของโยธินซักต่อ

“คุณเกิดอารมณ์กับหญิงสาวได้หรือ ขอโทษที่ผมต้องถามตรงๆ ”

“บางโอกาสและกับบางคนเท่านั้น สำหรับเธอ.. เธอเคยเป็นของผมมาก่อน ผมห้ามความรู้สึกไม่ได้ วันนั้นผมมึนนิดหน่อยเพราะดื่มไวน์ด้วย ”

“คุณจึงมีความสัมพันธ์กับเธอในวันนั้น ใช่หรือไม่”

“ใช่ครับ”

“คุณจำวันเวลาได้มั้ย กรุณาบอกศาลด้วย”

“วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว เวลาประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง”

“เธอเต็มใจหรือเปล่า”

“เอ่อ.. ไม่ครับ เธอไม่เต็มใจ”

โยธินก้มหน้าลง รู้สึกละอายใจเหมือนกัน หากข่าวแพร่ออกไปในวงสังคมคงเม้าท์กันสนุกปากว่าเกย์หนุ่มขืนใจหญิงสาวที่อยู่ในฐานะภรรยาตัวเอง…พิทักษ์ ทนายความฝ่ายโยธินแถลงกับศาลถึงความเป็นไปได้ ที่ลูกความของเขามีสิทธิจะคิดว่าเด็กอาจจะเป็นลูกของตน พร้อมกับมอบเอกสารรับรองจากแพทย์ยืนยันความเป็นไปได้ในการตั้งครรภ์ของหญิงสาวหากมีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้นจริงในวันนั้น โดยเทียบจากอายุและวันเดือนปีเกิดของเด็กย้อนกลับไป จึงขอให้ศาลพิจารณาให้มีการพิสูจน์ DNA ของเด็กและคู่ความทั้งสองเพื่อหาพ่อที่แท้จริง

ทนายพิทักษ์จบคำแถลง ศาลจึงเอ่ยถามทนายอีกฝ่ายว่ามีอะไรจะแถลงต่อหรือไม่

“คุณประวิช มีอะไรจะซักหรือแถลงต่อมั้ย” ศาลถามย้ำเมื่อเห็นประวิชยังนั่งนิ่ง

“ครับ”    ประวิชรับคำและหันไปหาภากรที่ยังนั่งอึ้งตะลึงกับเรื่องที่ได้ยิน เขาบีบไหล่เพื่อนเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป

“คุณร้องขอสิทธิที่จะเป็น “พ่อ” ของเด็ก เพราะคุณคิดว่าเด็กอาจจะเป็นลูกของคุณจากการที่คุณมีความสัมพันธ์กับเธอในวันนั้นใช่หรือไม่”

“ใช่ครับ”

"คุณเกิดอารมณ์กับหญิงสาวได้ยังไงทั้งที่คุณเป็นเกย์   เท่าที่สืบทราบมาคุณเป็นฝ่ายรับไม่ใช่ฝายรุก การเกิดอารมณ์กับเธอในวันนั้นเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น"

โยธินรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้าเมื่อถูกประวิชซักตรงประเด็นอย่างไม่ไว้หน้าและความรู้สึก แต่เขาก็สามารถตอบกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

"คุณคงไม่ได้ศึกษาพฤติกรรมของเกย์หรือกลุ่มรักร่วมเพศมาดีพอถึงถามคำถามนี้ สายสืบของคุณเป็นใครผมไม่รู้ แต่คงไม่ใช่คนที่ผมเคยนอนด้วยแน่ๆ ผมไม่ใช่กระเทย ผมไม่ได้มีจิตใจเป็นหญิง ผมเป็นเกย์ รักและชอบผู้ชายด้วยกันมากกว่าผู้หญิง ผมเป็นได้ทั้งฝ่ายรับและฝ่ายรุก ในวันนั้นถ้าไม่ใช่เธอ..ผมก็คงไม่เกิดอารมณ์หรอก เป็นเพราะเธอเคยเป็นของผมมาก่อน ประกอบกับผมรู้สึกอิจฉาคนรักใหม่ของเธอนิดๆ ก็เลยเกิดเหตุการณ์ที่ผมไม่ได้ตั้งใจขึ้น"

“ทำไมคุณไม่ร้องขอในขณะที่แม่ของเด็กยังมีชีวิตอยู่”

โยธินนิ่งไป เขาเพิ่งมีความคิดว่าเด็กอาจจะเป็นลูกของเขาเมื่อไม่นานมานี้เอง หลังจากที่ณัฐวดีเสียชีวิต เขาเพิ่งได้มีโอกาสเห็นแฝดน้อยทั้งสองอย่างใกล้ชิดในงานศพของเธอ เขาหลงใหลความน่ารักของหนูน้อยจนถอนใจไม่ขึ้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเกิดความต้องการอยากมีลูกไว้เป็นทายาทสืบสกุล หากเขาสามารถได้แฝดน้อยหนึ่งคนมาเป็นลูกก็เป็นเรื่องที่วิเศษสุด เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาต้องฝืนความรู้สึกของตัวเองไปคบหาหญิงสาวคนอื่นๆ เพียงเพื่อต้องการเด็ก

และแล้ว.. โยธินก็เห็นช่องทางที่เขาสามารถอ้างความเป็น “พ่อ” ได้ ในฐานะที่เขายังเป็นสามีตามกฎหมายของแม่เด็ก แต่เมื่อลำดับเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ เขากลับพบว่ามีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเป็นพ่อจริงๆ ของเด็ก มากกว่าที่จะอยู่ในฐานะพ่อ เพียงเพราะเป็นสามีตามกฎหมายของแม่เท่านั้น

“คุณเพิ่งจะมีความคิดว่าเด็กอาจจะเป็นลูกของคุณใช่หรือไม่”    ประวิชเปลี่ยนคำถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งอึ้งไป

“ใช่ครับ”

“อยู่ๆ คุณก็อ้างว่าคุณมีความสัมพันธ์กับแม่ของเด็กเมื่อ 17 เดือนที่แล้ว และไม่แน่ใจว่าเด็กอาจจะเป็นลูกของคุณหรือเปล่า แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นสนิท หรือไม่ก็เป็นเพราะคุณไม่สนใจและไม่แคร์เลยว่าเด็กจะเป็นลูกของคุณใช่หรือไม่ ”

“ผมสัญญากับเธอว่าจะลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น จะไม่ทำให้เธอแตกร้าวกับเขา ผมสัญญาว่าจะลืม..และผมก็ลืมจริงๆ แต่หลังจากที่ผมได้มีโอกาสเห็นลูกๆ ของเธอตอนที่เธอเสียชีวิตแล้ว ผมจึงเริ่มคิดได้...”

“หึ! คุณเริ่มคิดตอนที่ได้เห็นหน้าเด็กแล้วยังงั้นหรือ.. คุณจะเป็นพ่อของลูกได้ยังไง คุณโยธิน.. ถ้าคุณลืมความสัมพันธ์ระหว่างตัวคุณเองกับแม่ของลูกได้สนิทใจขนาดนั้น ถึงคุณจะมีพฤติกรรมรักเพศเดียวกันก็เถอะ แต่หญิงสาวที่ทำให้คุณอดใจไม่ได้จนต้องใช้กำลังขืนใจเธอ มันไม่เป็นเหตุการณ์ที่ควรจะอยู่ในความทรงจำคุณเลยยังงั้นเหรอ!!..”

โยธินสะดุ้งเมื่อถูกประวิชพูดเสียงดังใส่หน้า

"ขอค้านครับ ทนายประวิชไม่มีสิทธิตำหนิหรือว่ากล่าวลูกความของผม"

ทนายพิทักษ์รีบออกรับแทนเมื่อเห็นลูกความของเขาหน้าเสียและนั่งอึ้ง

ศาลขอเวลานอกคุยกับทนายทั้งสอง เพราะรู้สึกปวดหัวกับคดีร้องขอสิทธิความเป็นพ่อครั้งนี้ เริ่มแรกดูเหมือนจะพิจารณาง่าย ไปๆ มาๆ กลับวุ่นวายน่าดู

ประวิชชี้ให้ศาลเห็นว่า เนื่องจากหญิงสาวผู้เป็นแม่ไม่มีชีวิตอยู่ที่จะมาให้การตามที่ถูกกล่าวอ้างได้ หากเหตุการณ์ที่โจทก์กล่าวเป็นความจริง เป็นไปไม่ได้ที่โจทก์จะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอาจจะเป็นพ่อของเด็ก แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าโจทก์รู้อยู่ตลอดเวลาว่าเด็กอาจจะเป็นลูก แต่โจทก์ก็ไม่ใส่ใจที่จะแสดงตัวและพิสูจน์ว่าเด็กเป็นลูกของตนหรือไม่ แสดงถึงความไม่สนใจและไม่รับผิดชอบในเหตุการณ์และเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงพฤติกรรมส่วนตัวที่ไม่เหมาะสม ประวิชจึงขอให้ศาลพิจารณาโดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ DNA

ทนายพิทักษ์ค้านว่า การพิสูจน์ DNA เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสิน ซึ่งผลพิสูจน์หากโยธินเป็นพ่อของลูก ก็แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ที่โยธินกล่าวอ้างมาทั้งหมดเป็นความจริงด้วย

“แล้วถ้าเด็กไม่ใช่ลูกของนายโยธินล่ะ ก็แสดงว่าที่ลูกความคุณกล่าวอ้างมาทั้งหมดเป็นเท็จยังงั้นหรือ” ประวิชซักทนายพิทักษ์ต่อหน้าศาล

“ผมไม่ได้หมายความเช่นนั้น หากความสัมพันธ์ระหว่างหญิงและชายแต่ละครั้งหมายถึงการต้องมีบุตร ป่านนี้มนุษย์คงล้นโลกแล้ว คุณประวิช”

“ลื้อพูดเอาแต่ได้นี่หว่า พิทักษ์” ประวิชฉุนจนต้องเอ่ยปากต่อว่าประสาคนคุ้นเคย

“ระวังคำพูดหน่อยคุณประวิช”

ศาลกล่าวเตือนประวิชและสรุปให้มีการตรวจเลือดเพื่อพิสูจน์ DNA เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะเคลียร์ความกระจ่างทั้งหมดได้ หากเด็กเป็นลูกใครก็จะให้สิทธิผู้นั้นเลี้ยงดูเด็กในฐานะ “พ่อ”


***************************


sun

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #8 เมื่อ29-05-2007 22:40:23 »

 :haun5:   มีเรื่องใหม่มาให้อ่านอีกแล้ว
เม้นก่อนไปอ่าน  อิอิ   o3

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #9 เมื่อ29-05-2007 22:43:05 »

ภากรนั่งนิ่งมาในรถ ออกจากห้องพิจารณคดีเขาไม่พูดไม่จาและอยู่ในสภาพที่ไม่น่าไว้ใจว่าจะขับรถได้ ประวิชจึงอาสาขับมาส่ง

“เฮ้! โจ.. นายโอเคหรือเปล่า.. ไม่เอาน่าเพื่อน ทำหน้าเหมือนเราแพ้แล้วยังงั้นล่ะ มั่นใจหน่อยซี.. เด็กเป็นลูกของนาย นายเลี้ยงพวกเค้ามากับมือนะ..”

“ฉันแพ้แล้ว วิช..” ประโยคแรกที่ภากรเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าและสั่นเครือ

“ว่าไงนะ!! ”   ประวิชถามย้ำด้วยความข้องใจ แต่แล้วคำตอบที่ได้รับก็ทำให้เขาเข้าใจถึงอาการและความรู้สึกของเพื่อน


***************************


เป็นเรื่องส่วนตัวที่ภากรไม่เคยบอกเล่าให้ใครฟังมาก่อน แม้แต่ณัฐวดีเขาก็ไม่เคยเล่าให้เธอฟัง
ภากรประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 15 ปีที่แล้ว หมอให้เขาทำใจว่าเขาอาจจะมีลูกยาก เวลานั้นเขาไม่รู้สึกวิตกอะไร การมีลูกยากขึ้นกว่าเดิมคงเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา เพราะก่อนหน้าที่เขาจะประสบอุบัติเหตุ มีหญิงสาวตั้งครรภ์กับเขามาแล้ว 2 รายแต่เขายังไม่พร้อม

หลังจากนั้นมาไม่ปรากฏว่ามีหญิงสาวคนไหนตั้งครรภ์กับเขาอีกเลย จนเขาเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่การมีลูกยาก แต่เขาอาจไม่สามารถมีลูกได้อีกเลยตลอดชีวิต เขาแอบตั้งความหวังที่จะมีลูกกับหญิงสาวคนใดคนหนึ่งที่เขาคบหาด้วย การใช้ชีวิตอย่างเพลย์บอยและการเปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำหน้าของเขาก็ด้วยเหตุผลนี้ เขาตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าหากเธอคนใดตั้งครรภ์กับเขาอีกครั้ง เขาจะไม่ละเลยความรับผิดชอบอีก เขารอคอยเวลานั้นมานานกว่า 10 ปี จนรู้สึกท้อและหมดหวัง

แต่แล้วณัฐวดีก็ทำให้ความหวังของเขาเป็นจริง เขาดีใจมากที่สุดในชีวิต จนเธอเองก็ยังแปลกใจ เพราะเธอไม่แน่ใจว่าเขาต้องการลูกหรือเปล่า เขาไม่เคยเอ่ยถึงเด็กเล็กๆ ให้หญิงสาวคนไหนฟัง จึงไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาแอบเฝ้าคอยวันที่จะได้มีโอกาสเป็นพ่อของลูกขนาดไหน ดังนั้นแม้เธอจะมีพันธะอยู่กับใครเขาก็ไม่สนใจ และยินดีที่จะรอคอยวันที่เธอจะเป็นอิสระตามกฎหมาย ระหว่างนั้นเขาและเธอจึงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างเงียบๆ และเรียบง่ายแต่อบอวลไปด้วยความสุข

และแล้ว.. เธอก็ทำให้เขายิ่งกว่าสมหวังเมื่อเธอตั้งครรภ์ลูกแฝด เขาช่วยเธอฟูมฟักลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนเธอคลอด เขาก็ยังเต็มใจและยินดีที่จะช่วยเลี้ยงดูลูกเล็กๆ ด้วยตัวเองจนหลายๆ คนคาดไม่ถึง

“ฉันแพ้แล้ว วิช..”

ภากรกล่าวย้ำด้วยความปวดร้าว เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้เขาไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีก ความพ่ายแพ้รออยู่ตรงหน้าเห็นๆ แล้ว

“เหลวไหลน่า โจ.. เราไม่มีวันรู้จนกว่าจะได้พิสูจน์ความจริง เด็กอาจจะเป็นลูกนายก็ได้ มั่นใจหน่อยซีเพื่อน”

“ใช่.. เด็กๆ เป็นลูกฉันแน่ วิช.. ถ้าเรื่องที่ไอ้หมอนั่นพูดไม่เป็นความจริง นายว่าเขาพูดจริงมั้ย”

ประวิชนิ่งไป เขาเชื่อว่าคำให้การของโยธินเป็นความจริง แต่เพื่อให้เพื่อนมีกำลังใจขึ้น เขาจึงกล่าวความเห็นที่อาจจะเป็นไปได้

“ไม่ทุกคนหรอกนะที่จะยอมพูดแต่ความจริงตามที่สาบานไว้ เป็นไปได้ที่หมอนั่นอาจกุเรื่องขึ้นเพื่อให้ศาลยืดเวลาพิจารณาออกไป เพราะต้องมีการตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ ถึงแม้ผลออกมาเด็กจะไม่ใช่ลูกเขา เขาก็ไม่ผิด เพราะเขาแค่สงสัยว่าเด็กอาจจะเป็นลูกเขาเท่านั้น แต่ที่แน่ๆ ก็คือเขาทำให้นายผิดหวังและเสียใจที่คุณเมย์ปิดบังเรื่องนี้ และยังทำให้นายเกิดความไม่แน่ใจว่าเด็กเป็นลูกของนายจริงหรือเปล่า หมอนั่นอาจจะเล่นสงครามประสาทกับนายก็ได้ โจ..”

“นายคิดยังงั้นเหรอ” ความเห็นของประวิชทำให้ภากรรู้สึกดีขึ้น

“ใช่.. มั่นใจหน่อยซีเพื่อน ไม่รู้หรือว่าทั้งดวงตาและรอยยิ้มของเจ้าหนูเจมส์ ถอดแบบนายมาเป๊ะเลย”

“งั้นเหรอ” ภากรหัวเราะในลำคอ “แล้วยายหนูล่ะ”

“ยายหนูก็เหมือนแม่ ไม่มีส่วนไหนของเด็กๆ เหมือนหมอนั่นเลยนะ โจ.. นายอย่ากังวลไปเลย เชื่อฉันซี..”

“ฉันพยายามจะเชื่อนายนะ แต่เรื่องที่เด็กๆ เหมือนฉันคนและเหมือนเมย์คน ฉันไม่อยากจะเชื่อ”

“ทำไม นี่นายไม่เชื่อสายตาฉันเหรอ ลองถามใครดูก็ได้ว่าจริงอย่างที่ฉันพูดหรือเปล่า”

“ไม่ต้องถามใครหรอก วิช.. นายคงลืมไปว่าเด็กสองคนเป็นฝาแฝดกัน”

ประวิชเลิกคิ้ว ...จริงซีนะ แปลก! แต่จริง... เขากล่าวเสียงอ่อยลงแต่ยังแฝงด้วยความมั่นใจ

“อืมม์.. มันก็ไม่จำเป็นเสมอไปนะ ว่าฝาแฝดจะต้องเหมือนกันเปี๊ยบ โดยเฉพาะแฝดหญิงกับแฝดชาย นายจะให้หน้าตาเหมือนราวกับพิมพ์เดียวกันได้ยังไง ยังงี้จะดูออกหรือว่าใครเด็กผู้หญิงเด็กผู้ชาย หรือไม่ก็.. อาจจะเป็นแฝดจากไข่คนละใบหรือเชื้อคนละตัวก็ได้นะ จริงมั้ย!!..”

ประวิชหันมายักคิ้วให้ภากร เขายังสามารถให้เหตุผลและข้อสันนิษฐานได้อย่างมีหลักการสมกับเป็นทนายความจริงๆ

ภากรส่ายหน้า สรุปแล้วประวิชไม่ได้ทำให้เขาสบายใจขึ้นเลย


***************************


เสียงตาหนูเจมส์ร้องไห้จ้า หนูน้อยร้องโยเยมาตั้งแต่บ่าย ตกเย็นก็เริ่มงอแงหนักขึ้น เมื่อภากรกลับมาถึงแม่บ้านก็รีบอุ้มหนูน้อยตรงเข้ามาหา

“วันนี้คุณหนูเจมส์งอแงเหลือเกินค่ะ ไม่ทราบว่าเป็นอะไร”

หนูน้อยโผเข้าหาภากรทันทีที่เห็นหน้า แต่เขากลับยืนนิ่งไม่ยอมรับลูกมาอุ้ม เพราะมัวสังเกตุดวงตาของเจ้าหนูว่าเหมือนดวงตาเขาจริงหรือเปล่า หนูน้อยส่งเสียงร้องดังขึ้น พยายามขยับตัวออกจากอ้อมแขนของแม่บ้านและโผเข้ามาเกาะตัวพ่อ ภากรรู้สึกตัวรีบรับร่างน้อยๆ ไว้และพาเดินไปนั่งที่โซฟาร์

“เจนนี่ล่ะ ป้า”    เขาถามถึงลูกสาวในขณะที่เจ้าหนูจอมอ้อนยังสะอื้นไม่หยุด

“ละเอียดพาไปอาบน้ำค่ะ เธอไม่งอแงเลยค่ะ น่ารักที่สุด” แม่บ้านเดินเข้าไปทำธุระอื่นทิ้งให้คุณหนูอยู่กับคุณพ่อ

ภากรกระซิบข้างหูเล็ก    “เห็นมั้ย ลูกงอแงอะไรนักหนา หือ.. ป้าหวานไม่อยากรักแล้วนะ เฮ้!...”

เขาขยับหนูน้อยออกจากไหล่มายืนบนตัก คราบน้ำตายังอาบแก้มใส ดวงตาและขนตาเปียกชื้นเป็นแพ เห็นแล้วรู้สึกสงสารจับใจ

“ไอ้หนูของพ่อ.. ใครไม่รักก็ช่าง.. พ่อรักลูกก็พอนะ รู้มั้ยว่าลูกเป็นดวงใจของพ่อ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง พ่อสัญญาว่าจะไม่มีวันเปลี่ยนใจเลิกรักลูก ลูกจะอยู่ในใจของพ่อตลอดไป”

ภากรจูบแก้มเปียกชื้นของหนูน้อยก่อนจับร่างเล็กซบไหล่


***************************

เมื่อคืนภากรแทบจะไม่ได้นอน หนูน้อยเจมส์ร้องโยเยกระสับกระส่ายไปมาทั้งคืนเพราะฟันกำลังขึ้น เป็นสาเหตุของอาการงอแงที่ผ่านมาทั้งวัน ส่วนเจนนี่นอนหลับปุ๋ยเหมือนทุกๆ คืนทั้งๆที่ฟันกำลังขึ้นเหมือนกัน น่าแปลกเหลือเกิน เธอช่างเป็นเด็กน้อยที่น่ารักและแสนดี ไม่ค่อยร้องไห้ โยเย จนบางครั้งภากรอดกังวลไม่ได้ว่าเป็นอาการผิดปกติหรือเปล่า

วันนี้ภากรไม่ได้เข้าไปดูงานที่ร้านอาหาร สถานการณ์ขณะนี้ทำให้เขาไม่อยากอยู่ห่างจากลูกๆ แม้เพียงนาทีเดียว วันไหนอยู่บ้านเขามักจะดูแลลูกด้วยตัวเอง ให้สาวใช้และพี้เลี้ยงไปทำงานอย่างอื่น หากเขาต้องการให้ช่วยก็จะเรียกเอง

ภากรนอนเหยียดยาวอยู่ที่พื้นห้อง หนูน้อยทั้งสองคลานเล่นไปมาอยู่ข้างๆ ของเล่นเด็กเกลื่อนกระจายเต็มห้อง เขาหัวเราะเมื่อรู้สึกเหมือนกำลังถูกงับเข้าที่แขน ไม่ต้องขยับตัวขึ้นดูก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร

“ไม่เอาน่า เจมส์ ปล่อยพ่อเดี๋ยวนี้นะ โอ๊ะ!..”    เขารีบขยับตัวลุกขึ้นทันทีเมื่อเจ้าหนูไม่ยอมเอาปากออกจากแขน ซ้ำยังออกแรงงับหนักขึ้นและถูไถเหงือกด้านล่างอย่างรู้สึกมันเขี้ยว จนเขาอดหัวเราะไม่ได้

“เฮ้!.. ไม่เอาน่าลูก เป็นอะไรหือ เจมส์.. คันเหงือกเหรอ ไหนพ่อดูซิ”

ภากรอ้าปากหนูน้อยและตรวจดูบริเวณเหงือกด้านล่าง ซึ่งมีร่องรอยของฟันที่กำลังจะโผล่ขึ้นมา

“คันมากเลยหรือลูก หือ.. อดทนซีครับ ดูพี่เค้าซิ ทำไมไม่เห็นคันเหมือนเราเลย”

เขาหันไปทางแฝดน้อยผู้เป็นพี่สาว แต่แล้วก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ รีบคว้าร่างน้อยๆ ขึ้นมาได้อย่างหวุดหวิด เพราะยัยหนูเด็กดีของเขากำลังอ้าปากหวอทำท่าจะงับหัวแม่เท้าเขาแล้ว


***************************

“มีธุระอะไร!!..”

อีกครั้งที่ภากรต้องรับสายโยธินด้วยความจำใจกึ่งไม่พอใจ

“หวัดดีโจ.. ไม่ไปทำงานอยู่บ้านเลี้ยงลูกเหรอ คุณเริ่มไม่แน่ใจแล้วใช่มั้ยล่ะ”

“หุบปากของนายซะ รีบพูดธุระมา ไม่ยังงั้นฉันจะวางสาย”

“ใจเย็นซีโจ.. คุณนี่ขี้โมโหชะมัดเลย คุณเปลี่ยนใจอยากจะตกลงกับผมใหม่มั้ย”

“ฉันไม่มีอะไรจะตกลง และไม่อยากเสียเวลาพูดคุยกับนาย”

“อย่าใจแคบซีโจ.. คุณกับผมไม่ใช่คนอื่นคนไกล อย่างน้อยเราก็เคยอยู่ในฐานะสามีของหญิงสาวคนเดียวกัน และตอนนี้ก็กำลังอยู่ในฐานะพ่อของลูกๆ คนเดียวกันด้วย”

“หุบปากของแกนะโยธิน.. ฉันจะไม่เสียเวลาคุยด้วย ถ้ายังขืนพูดหมาๆ อย่างนี้อีก”

“โอเค!..โจ.. ผมคุยเรื่องอื่นก็ได้ ผมตั้งใจจะโทรมาทบทวนความทรงจำของคุณหน่อย คุณจะได้เชื่อว่าเรื่องที่ผมพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง คุณอยากฟังมั้ย”

ภากรนิ่งอึ้งไป อีกฝ่ายจึงรีบพูดต่อทันที

“จำวันวาเลนไทน์ปีที่แล้วได้มั้ย โจ.. ผมอยากทบทวนเรื่องราววันนั้นกับคุณอีกครั้ง เมย์คิดว่าผมเป็นคุณจึงรีบมาเปิดประตูให้ ผมยังล้อเธอเลยว่ามีสามีใหม่แล้วลืมเก่าเลยเหรอ เธอไม่โกรธผมนะ โจ.. เธออารมณ์ดีเพราะเธอกำลังมีความรัก วันนั้นเธอนัดคุณไว้ 5 โมงเย็นจะออกไปดินเนอร์กัน ผมไปหาเธอประมาณบ่าย 3 เธอกำลังลองชุดที่จะออกเดทกับคุณตอนเย็น ชุดขาวเกาะอกสุดเซ็กซี่อย่างนั้น ผมไม่มีวันลืมเลย เธอคุยให้ฟังว่าคุณซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ผมขอดื่มฉลองความรักที่เธอกับคุณมีให้กันด้วยความจริงใจ ผมไม่ได้คิดอะไรจริงๆ แต่พอดื่มไวน์ไปได้สองแก้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่ควรจะรู้สึกอะไรกับเธอแต่ผมก็รู้สึก ผมอยากจะบอกกับคุณว่าผม....”

ภากรกระแทกหูโทรศัพท์ดังโครม!!!! หยุดเรื่องราวที่ได้รับฟังแต่เพียงเท่านี้ รู้สึกเจ็บที่หัวใจอย่างแรง เจ็บ... เขาเจ็บมากจริงๆ.... เจ็บที่เธอปิดบังเรื่องนี้กับเขา และเจ็บมากขึ้นไปอีก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้กำลังทำให้เขากับลูกต้องพรากจากกัน... หากเธอบอกเขาสักคำ เขาคงไม่ใจเย็นปล่อยให้การหย่าร้างของเธอยืดเยื้อขนาดนี้

เขาหวนนึกถึงเหตุการณ์ในเย็นวันนั้น ณัฐวดีไม่มีท่าทีใดๆ แสดงให้เห็นว่าเธอตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมาเลย เธอยิ้มแย้มและทักทายเขาเป็นปกติ จริงอย่างที่หมอนั่นพูด เขาตั้งใจจะพาเธอออกไปดินเนอร์ในคืนนั้น แต่แล้วก็เกิดเปลี่ยนแผนกระทันหัน เพราะเธอเปลี่ยนใจบอกว่าอยากจะฉลองกันเงียบๆ ในห้องมากกว่า เขาตามใจเธอ เธอจึงสั่งอาหารขึ้นมาที่ห้อง จากนั้นเราก็สร้างบรรยากาศวันแห่งความรักกันอย่างเงียบๆ เขามีเซ็กซ์กับเธอในคืนนั้นด้วยเช่นกัน แต่นั่นไม่ใช่ครั้งแรกของเขาและเธอ เขาคบหาและมีความสัมพันธ์กับเธอมานานกว่า 5 เดือนก่อนหน้านั้นแล้ว หากการตั้งครรภ์ของเธอเกิดขึ้นจากการที่เธอมีความสัมพันธ์กับใครในวันนั้น อย่างนี้แล้ว... เด็กจะมีโอกาสเป็นลูกของเขาได้สักกี่เปอร์เซ็นต์กัน

....โอ! พระเจ้า ล้อเขาเล่นทำไม... ไม่รู้หรือว่ามันเจ็บ ถ้าเพียงแต่เขาไม่เคยสัมผัสถึงความรักและความผูกพันของพ่อกับลูก เขาก็จะไม่เจ็บปวดอย่างนี้...

....บอกผมซิ ที่รัก.. ว่าหมอนั่นโกหก บอกผมซี...ว่าไม่เป็นความจริง…


***************************


:teach:  ขออธิบายเล็กน้อย  เรื่องนี้เจ๊หมวยเขียนไว้ตั้งแต่ปี 2003  มั้ง   ได้นำมารีไรท์และรวมเล่มขายแล้ว

แต่ชุดที่ลงให้นี้เป็นชุดที่ยังไม่ได้ผ่านการรีไรท์เพราะงั้นภาษาอาจแปลกๆ ไปบ้างก็ต้องขออภัย


:impress:  รอคุณพูห์มาต่อบทที่ 3 ให้นะคะ เจ๊หมวยจะไปนอนและ


 o15


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Novel]My Baby by j-muay
« ตอบ #9 เมื่อ: 29-05-2007 22:43:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #10 เมื่อ30-05-2007 11:16:51 »

เหอเหอ

ขอบคุณเจ้หมวย ที่มาลงต่อให้นะครับ

 o14 o15

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #11 เมื่อ30-05-2007 13:10:02 »

 o22  นิยาย daddy's love คุณหมวยอีกแล้ว   มีเด็กๆ น่ารักดี

ว่าแต่ต้องมีทนายมาเกี่ยวข้องตลอดเลยป่ะคับนี่ ...จะติดตามต่อไปนะค้าบบ o15


เรื่องราววุ่นวาย ซับซ้อนหลายตลบมั่กๆๆ  :o10:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #12 เมื่อ30-05-2007 13:55:44 »

My baby
= 3 =


*****************************


ประวิชแวะมาเยี่ยมภากรและแจ้งวันที่เขาต้องพาเด็กๆ ไปตรวจเลือดเพื่อพิสูจน์ DNA

“ฉันแจ้งทนายพิทักษ์ให้นัดนายโยธินเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ 9 โมงเช้าเจอกันที่โรงพยาบาลเลย นายจะไปเองหรือจะให้ฉันมารับ..”

ภากรยืนเกาะราวระเบียงมองลงไปที่สนามหญ้า สาวใช้สองคนกำลังเข็นรถที่มีคุณหนูตัวน้อยๆ นั่งอยู่คนละคัน

“เฮ้! โจ.. ฟังที่ฉันพูดหรือเปล่า..”

“จำเป็นต้องไปหรือ วิช..”

ประวิชถูกย้อนด้วยคำถามที่ทำให้เขาต้องส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ

“ไม่เอาน่า โจ.. เราพูดกันรู้เรื่องแล้วนี่นา ถ้านายไม่พิสูจน์ก็ยกลูกให้หมอนั่นไปเลย ดีมั้ย”

ภากรหันมาสบตาเพื่อนด้วยสายตาเย็นชาแต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าว ประวิชยิ้มแห้งๆ

“ขอโทษโจ.. ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันเข้าใจความรู้สึกของนาย แต่อยากให้นายสู้จนถึงที่สุด ไม่ว่าผลตรวจออกมาจะใช่หรือไม่... ฉันสัญญาว่าจะหาทางช่วยนายทุกวิธีที่จะให้นายได้ลูกมาอยู่ด้วย เชื่อฉันซีเพื่อน ฉันไม่ได้เป็นแค่นักกฎหมายนะ ฉันเป็นนักเจรจาตัวยงเลย ฉันเรียนการทูตมาด้วย นายก็รู้..”

“หึ! หมอนั่นจะยอมเจรจาด้วยเหรอ..”

“เถอะน่า.. ถึงวันนั้นฉันจะจัดการเอง เชื่อฝีมือประวิชซี..”

ประวิชรับปากเพื่อนอย่างแข็งขัน ทั้งๆ ที่ก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำอย่างไรหากผลตรวจออกมาแล้ว..หนูน้อยทั้งสองไม่ใช่ลูกของภากร แค่คิดก็รู้สึกปวดใจพร้อมๆ กับรู้สึกปวดหัวกับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า



************************


หนูน้อยเจนนี่ร้องไห้จ้าเมื่อพยาบาลแทงเข็มฉีดยาผ่านผิวเนื้อบอบบางที่เท้าเล็กๆ ของเหลวสีแดงถูกดูดเข้าหลอด Syringe พยาบาลอีกหนึ่งคนช่วยจับเท้าหนูน้อยไว้ไม่ไห้ดิ้น ในขณะที่พี่เลี้ยงสาวกอดคุณหนูตัวน้อยไว้แนบอกและกระซิบปลอบเบาๆ

ภากรอุ้มลูกชายยืนดูอยู่ข้างๆ เขาส่งเจ้าหนูซึ่งเริ่มจะร้องโยเยขึ้นบ้างตามพี่สาวให้ประวิชอุ้ม และรับลูกสาวตัวน้อยจากพี่เลี้ยงเข้ามาสวมกอดและกระซิบปลอบ

“ทูนหัวของพ่อ พี่เค้าทำหนูเจ็บเหรอ.. โอมเพี้ยง!.. หายแล้วนะลูก ไม่ร้องนะเด็กดี หนูเป็นคนเก่งของพ่อรู้มั้ย”

หนูน้อยเงียบเสียงลงเมื่อได้ยินเสียงปลอบของพ่อเหลือเพียงอาการสะอื้นไห้ เขาส่งลูกสาวให้พี่เลี้ยงพาออกไปเดินเล่นและรับลูกชายจากประวิชไปนั่งประจำที่เพื่อรอเจาะเลือดเป็นรายที่สอง เสียงร้องไห้ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดังกว่าเดิมสามเท่า

“เฮ้!.. หยุดได้แล้วลูก เจมส์.. ไม่เจ็บแล้วนะ คนเก่ง..”

ภากรกอดลูกไว้แนบอกและตบที่ก้นเบาๆ เป็นกิริยาที่เจ้าหนูชอบและพร้อมจะหลับในท่านี้เสมอ เขาขยับหนูน้อยออกจากอ้อมกอดและส่งให้ประวิชอุ้ม แต่เจ้าหนูไม่ยอม.. ส่งเสียงร้องขึ้นมาอีกและหันกลับมาดึงรั้งเขาไว้ น้ำตาร่วงผล็อย จนเขาสงสาร

“โอเค!.. พ่ออุ้มก็ได้ อยู่นิ่งๆ นะ แล้วอย่าร้องโยเยด้วย”

“ตายจริง! ออเซาะคุณพ่อจังเลยนะคะ”    พยาบาลพูดในขณะที่กำลังใช้สายยางรัดท่อนแขนชายหนุ่มเพื่อหาเส้นเลือด เธอไม่รู้หรอกว่าคำพูดของเธอบาดหัวใจเขาขนาดไหน

…ออเซาะคุณพ่อ… ให้ตายเถอะ !.. ทำไมเขาต้องมานั่งให้พยาบาลเจาะเลือดพิสูจน์ความเป็นพ่อของลูกตัวเองด้วย ทำไม...
หนูน้อยซบนิ่งอยู่ที่ไหล่เหมือนรู้คำที่พ่อพูด เขารู้สึกเจ็บแปลบที่แขนจนต้องกอดลูกแน่นขึ้น และรู้สึกว่าร่างน้อยๆ นั้นกอดเขาแน่นขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นกัน

ภากรและลูกๆ จัดการเจาะเลือดเรียบร้อยแล้วโยธินก็ยังไม่มา ทนายพิทักษ์เดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าห้องด้วยความร้อนใจ

“ขอโทษนะครับ คุณภากร คุณโยธินโทรมาบอกว่าอีกประมาณ 10 นาทีจะมาถึงเพราะรถติดมาก”

“แล้วไง.. อย่าบอกนะว่าให้ผมคอยเขา” ภากรรีบดักคอทนายหนุ่มของโยธิน

“เอ่อ.. จริงๆ แล้วคุณโยธินแกสั่งผมไว้อย่างนั้นเหมือนกัน เขามีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ แต่ผมว่าคงไม่รีบด่วนเท่าไร เด็กๆ อาจจะอยากกลับบ้านแล้วด้วย”

พิทักษ์กล่าวอย่างรู้สึกเกรงใจ เมื่อเห็นหนูน้อยที่ซบไหล่ภากรอยู่เริ่มร้องโยเย

“เอ่อ.. เด็กๆ คงจะเจ็บนะครับ รีบพากลับไปบ้านพักผ่อนก็ดีเหมือนกัน”

ประวิชเดินออกจากห้องตรวจตรงมาหาเพื่อน

“ฉันจะอยู่คอยโยธินเอง  นายพาลูกๆ กลับบ้านก่อน โจ..”

“อย่าเพิ่งรีบกลับซีครับ รอก่อน..”

เสียงหวานใสดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยกรุ่นทันทีที่ร่างโปร่งบางก้าวเข้ามา ใบหน้าขาวเนียนยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี เสื้อผ้าที่สวมใส่แลดูสำอางบ่งบอกรสนิยมของเขา ชายหนุ่มเดินตรงเข้ามาจับต้องหนูน้อยก่อนทันที

“รอก่อนซีทอม ผมขอคุยอะไรหน่อย เฮ้!.. สุดหล่อ ขอพ่ออุ้มบ้างซีครับ”

โยธินถือวิสาสะทั้งคำพูดและการกระทำดึงหนูน้อยออกจากอ้อมแขนของภากรโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว และเจ้าหนูเจมส์ก็ไม่ทันรู้ตัวด้วย

โยธินสวมกอดเจ้าหนูไว้ด้วยความพึงพอใจ เขาต้องการลูกชายมากกว่าลูกสาว เพราะเป็นเงื่อนไขหนึ่งของการเป็นเจ้าของมรดกหลายสิบล้าน

ภากรฉุนอย่างแรง โกรธที่โยธินแย่งลูกออกไปจากอ้อมกอดเขาดื้อๆ ในขณะที่เจ้าหนูเจมส์ก็ตั้งตัวได้แล้วเช่นกันว่าคนที่อุ้มตัวเองอยู่ไม่ใช่พ่อ เป็นใครก็ไม่รู้… แถมยังมีกลิ่นตัวประหลาดด้วย หนูน้อยแผลงฤทธิ์ด้วยการแผดเสียงทันที ขยับตัวออกจากอ้อมแขนของโยธินถลาเข้าหาภากร และยื่นสองแขนให้พ่อช่วยพาออกไปจากอ้อมกอดของใครก็ไม่รู้ที

ภากรรับร่างน้อยไว้และพยายามจะดึงกลับแต่โยธินไม่ยอมปล่อย ภาพที่เห็นจึงกลายเป็นชายหนุ่มสองคนกำลังแย่งเด็กเล็กๆ

“ปล่อยลูกฉัน!!.. ปล่อยเดี๋ยวนี้!!..”

ภากรกัดฟันกระซิบด้วยความโกรธ เขาต้องใช้ความพยายามอย่างสูงควบคุมอารมณ์ โยธินรีบคลายอ้อมแขนออกเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายโกรธจริง สายตาและน้ำเสียงทำให้เขาไม่กล้ากระเซ้าต่อ

“ขอโทษ.. ผมแค่อยากลองอุ้มบ้าง เผื่อว่าผมจะต้องเลี้ยงแกจะได้อุ้มเป็น”

“นายไม่มีวันได้อุ้มเด็กคนนี้ และไม่มีวันได้เลี้ยงใครทั้งนั้น ไม่มี...”

ภากรเดินผละจากไปด้วยความโกรธ พี่เลี้ยงสาวอุ้มคุณหนูผู้หญิงยืนดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ รีบตามคุณผู้ชายออกไปทันที



************************


ภากรนั่งเล่นกับแฝดน้อยทั้งสองที่สนามรอสาวใช้ขนของขึ้นรถ เขาตั้งใจจะพาลูกๆ ไปหาที่สงบเงียบพักผ่อนสักหนึ่งสัปดาห์ ก่อนจะถึงวันที่ศาลนัดฟังผลและตัดสินคดี เขาไม่รู้ว่าหากผลพิสูจน์ออกมาทำให้ลูกๆ ต้องพรากจากเขาไป เขาจะทำใจยอมรับได้หรือเปล่า ไม่รู้ว่าถึงวันที่เขาจะต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีลูกๆ เขาจะอยู่ยังไง เวลาที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่วันนี้ เขาจึงอยากใช้ชีวิตอยู่กับลูกในฐานะ “พ่อ” ให้คุ้มค่ามากที่สุด

“ขนของขึ้นรถหมดแล้วค่ะ คุณผู้ชาย” แม่บ้านเดินเข้ามารายงาน

ภากรพยักหน้ารับทราบ โดยไม่พูดอะไร

แม่บ้านยังยืนรีรออยู่เผื่อว่าภากรจะเปลี่ยนใจสั่งให้ใครติดตามไปด้วย เพราะเธอไม่แน่ใจว่าคุณผู้ชายจะดูแลคุณหนูทั้งสองด้วยตัวเองตามลำพังโดยไม่มีเธอหรือสาวใช้ช่วย

“เอ่อ.. คุณผู้ชายไปกับคุณประวิชสองคนหรือคะ”

“เปล่า” ภากรนึกขัน เขารู้ว่าแม่บ้านคิดอะไรอยู่

“มีคนอื่นอีกหรือคะ หรือว่า.. คุณผู้ชายจะให้ละเอียดหรือศรตามไปช่วยดูแลคุณหนูๆด้วยคะ”

ภากรอดหัวเราะไม่ได้ ที่ป้าหวานไม่เชื่อว่าเขาดูแลลูกๆ ได้

“เราจะไปด้วยกัน 4 คน มีผม นายวิช เจมส์ และเจนนี่”

“เอ่อ.. คุณประวิชเธอมีลูกหรือยังคะ”

“ทำไมล่ะป้า ห่วงอะไรเหรอ..”

“ก็.. ห่วงคุณๆ จะดูแลคุณหนูๆ ไหวหรือคะ”

“นี่ป้ายังไม่เชื่อฝีมือเลี้ยงลูกของผมอีกเหรอ”

“คุณผู้ชายป้าเชื่อค่ะ แต่คุณประวิชเธอจะถนัดหรือเปล่าไม่ทราบ ป้าว่าน่าจะให้ใครสักคนตามไปช่วยชงนมหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมนะคะคุณ”

ภากรหัวเราะ เสียงรถแล่นเข้ามาจอด บุคคลที่ป้าหวานเอ่ยถึงและกังวลว่าจะช่วยดูแลคุณหนูๆ ของเธอไม่ได้ ก้าวลงจากรถพร้อมกระเป๋าเดินทางขนาดย่อม 1 ใบ เดินตรงไปที่ท้ายรถของภากรซึ่งเปิดค้างไว้

“เดี๋ยวผมจะถามให้นะป้า ว่าเขาทำอะไรเป็นบ้าง”

ประวิชเดินเข้ามาคว้าหนูน้อยเจนนี่ขึ้นจากรถเข็นและหอมแก้มซ้ายขวา

“เห็นมั้ยป้า อย่างน้อยเขาก็อุ้มเด็กเป็น แค่นี้ก็เหลือใช้แล้ว แต่เพื่อให้ป้าสบายใจ เดี๋ยวผมจะหัดให้เขาเปลี่ยนผ้าอ้อมด้วย”

“อะไรหรือ โจ..”

“ป้าหวานไม่เชื่อว่านายจะช่วยฉันดูแลเด็กๆ ได้”

ประวิชหันมายิ้มให้แม่บ้าน เธอยิ้มแห้งๆ ตอบและขอตัวเดินจากไปไม่กล้าซักถามอะไรต่อ



************************




ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #13 เมื่อ30-05-2007 14:09:57 »

“มีคนตามเรามาว่ะ โจ..”

ประวิชเหลือบมองกระจกหลัง เขาสังเกตุเห็นรถที่ขับตามหลังวิ่งตามอย่างกระชั้นชิดมานานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว เขามั่นใจว่าถูกตามเพราะ BMW สปอร์ต ไม่ควรมาวิ่งตามหลัง CHEROKEE ที่มีความเร็วเพียง 100 ก.ม.ต่อ ชม. เขาขับรถช้าเพราะมีเด็กเล็กๆ นั่งอยู่เบาะหลัง และต้องรับอาสาขับเพราะภากรติดนิสัยขับรถเร็วมากโดยเฉพาะเวลาออกต่างจังหวัดไม่เคยเหยียบต่ำกว่า 160

ภากรหันไปมองด้านหลังรู้สึกฉุนทันทีที่เห็นรถ ไม่ต้องเห็นว่าเป็นใครก็เดาได้ทันที เขาบอกให้ประวิชจอดรถเข้าข้างทาง เมื่อเชโรกีหยุดนิ่งที่ไหล่ทาง บีเอ็มคันงามก็ชะลอความเร็วและหยุดนิ่งตามด้วย

ภากรเปิดลิ้นชักหน้ารถหยิบปืนพกออกมา ประวิชเห็นเข้าร้องลั่นด้วยความตกใจ

“เฮ้ย! ไม่เอานะ โจ.. พูดกันดีๆ ก็ได้”

“เฉยเถอะ วิช.. ฉันจัดการเอง”

ภากรสอดปืนพกเข้ากระเป๋ากางเกงและก้าวลงจากรถเดินตรงไปที่บีเอ็ม เจ้าปัญหา เขาตรงไปหาชายหนุ่มที่นั่งคู่มากับคนขับซึ่งเป็นหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาดี

โยธินลดกระจกลงและยิ้มให้ภากรอย่างมีอัธยาศัย โดยไม่สนใจกับสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ของอีกฝ่าย

“หยุดรถทำไมล่ะ โจ.. มีปัญหาอะไรเหรอ”

ภากรแค่นยิ้ม พยายามสงบอารมณ์ให้มากที่สุด

“นายจะไปไหน”

“เอ่อ.. ก็ไปพักผ่อน คุณไปไหนผมก็จะตามไปด้วย จะได้ช่วยคุณดูลูกไง”

“กลับไปซะ ถ้าไม่อยากมีเรื่อง”

“คุณห้ามผมไม่ได้นะ โจ.. ผมจำเป็นต้องตามไปด้วย เผื่อคุณพาลูกผมหนีไปจะทำยังไง”

ภากรสะอึก คว้าคอเสื้อโยธินกระชากขึ้นด้วยความโกรธ

“หุบปากของแกนะ แกไม่มีสิทธิเรียกเด็กๆว่าลูก ตราบใดที่ผลพิสูจน์ยังไม่ออกมาและศาลยังไม่ตัดสิน” ภากรปล่อยมือออกพยายามระงับอารมณ์อย่างที่สุด

“ฉันไม่สิ้นคิดถึงขนาดพาลูกตัวเองหนี กลับไปซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”

“ไม่เอาน่า โจ.. ทำไมต้องโกรธขนาดนี้ด้วย ผมแค่ขอตามไปห่างๆ ไม่ไปวุ่นวายกับคุณหรอก”

“ไม่.. ออกไปให้พ้นทาง ถ้านายตามมาอีก อย่าหาว่าฉันโหด”

ภากรกลับมาขึ้นรถโดยไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น ประวิชถอนใจโล่งอก เพราะรู้นิสัยเพื่อนดีว่าหากโกรธถึงที่สุด ภากรมักจะจบเรื่องราวต่างๆ ลงด้วยความรุนแรงเสมอ    ประวิชเคลื่อนรถออกและขับต่อไป รู้สึกว่าการเดินทางวันนี้เริ่มจะมีอุปสรรคกวนใจแล้ว และอาจจะต้องจบลงด้วยความรุนแรงอย่างช่วยไม่ได้

ภากรให้ประวิชหยุดรถอีกครั้งเมื่อโยธินไม่ยอมเลิกตาม เขาลงจากรถพร้อมด้วยปืนในมือ ประวิชตกใจเพราะรู้ว่าเพื่อนเอาจริง แต่ป่วยการร้องห้ามได้แต่ตามลงไปดูสถานการณ์

ร่างสูงเดินดุ่มมายังบีเอ็มเจ้าปัญหา และหยุดยืนข้างรถในระยะประชิด เขาส่งยิ้มหวานให้โยธิน อีกฝ่ายยิ้มตอบและลดกระจกลงแต่แล้วก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นวัตถุสีดำในมือของภากร

“เปรี้ยง!!!... เปรี้ยง!!!..”

สองหนุ่มในรถสะดุ้งเฮือก ภากรยิ้มให้อีกครั้งอย่างสะใจก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถ

โยธินกลืนน้ำลายลงคอและค่อยๆลืมตาขึ้น เขาต้องหยุดการติดตามแต่เพียงเท่านี้ หมดปัญญาตามต่อเพราะยางด้านซ้ายระเบิดทั้งล้อหน้าและล้อหลัง  :try2:



************************


ภากรปล่อยแฝดน้อยทั้งสองลอยคอในสระอย่างสบายใจ เพราะมีห่วงยางรัดที่ต้นแขนสองข้างของหนูน้อย เจ้าหนูเจมส์หัวเราะเอิ้กอ้ากและตีน้ำเล่นอย่างสนุกสนาน ในขณะที่ยายหนูเจนนี่ยังกล้าๆ กลัวๆ ไม่ยอมออกห่างจากพ่อ
ประวิชจับกล้องวีดีโอไปที่สระน้ำ ชายหนุ่มกับลูกแฝดตัวน้อยๆ สองคน กำลังลอยคออยู่ในสระ รอยยิ้มของพ่อและเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากของหนูน้อย ช่างเป็นบรรยากาศของความสุขที่น่าเก็บไว้ในความทรงจำอย่างยิ่ง เขาไม่รู้ว่าจะช่วยรักษาบาดแผลในหัวใจของเพื่อนได้อย่างไร หากผลการตรวจดีเอ็นหนูน้อยทั้งสองไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของภากร

“เด็กๆ หลับแล้วเหรอ” ประวิชเอ่ยถามภากรซึ่งยืนรับลมอยู่ที่ระเบียง

ภากรพยักหน้าให้ทั้งที่ยืนหันหลัง

“นายควรทำใจให้สบายนะโจ.. ลืมปัญหาต่างๆซะ อย่างน้อยระหว่างที่พักผ่อนอยู่กับลูกที่นี่ ก่อนที่นายจะกลับไปเจอปัญหาที่ต้องใช้สติและกำลังใจต่อสู้กับมัน”

ภากรหันมามองหน้าเพื่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงขมขื่น

“หึ! พูดเหมือนนายไม่ได้เป็นทนายว่าความให้ฉัน ทนายเขาพูดกับลูกความอย่างนี้หรือ วิช.. นายไม่คิดจะช่วยให้ฉันชนะ แต่กลับให้ฉันทำใจยอมรับความพ่ายแพ้อย่างนั้นหรือ”

“ฉันพูดในฐานะเพื่อนนะโจ.. นายจะอยู่กับความทุกข์ใจในเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นทำไม ช่วงเวลาที่อยู่กับลูกที่นี่นายต้องอยู่อย่างมีความสุข เพื่อสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง และในฐานะที่ฉันเป็นทนายว่าความให้ ไม่ว่าผลพิสูจน์และการตัดสินจะออกมายังไง นายจงมั่นใจว่าฉันไม่ยอมแพ้ ถ้านายยังต้องการเด็กโดยไม่สนใจว่าพวกเค้าไม่ใช่สายเลือดที่แท้จริงของนาย ฉันสัญญาว่านายจะต้องได้เด็กมาอยู่ในความดูแล เชื่อฉันซีโจ..”

ภากรยิ้มให้เพื่อน

“โอเค! วิช.. ในฐานะลูกความฉันอยากได้ยินคำนี้จากนาย ฉันเชื่อในคำสัญญาของนาย และในฐานะเพื่อนฉันขอบใจที่นายเตือนสติฉัน ฉันจะลืมเรื่องทุกข์ใจให้หมด จะใช้เวลาอยู่กับลูกที่นี่ให้คุ้มค่ามากที่สุด...”

เสียงร้องไห้ของทารกน้อยดังแว่วออกมา

“แต่ที่รู้ๆตอนนี้ก็คือ นายตามฉันมาดูวิธีเปลี่ยนผ้าอ้อมก่อน ตั้งแต่พรุ่งนี้เช้านายต้องผลัดกับฉันเปลี่ยนคนละครั้ง”

ภากรดึงแขนประวิชตามเข้าไปในห้อง

“อะไรวะ!!.. นายเป็นพ่อนะ นายเปลี่ยนซี”

“แต่นายสัญญากับป้าหวานไว้แล้วนะ... ว่านายจะช่วยฉันเปลี่ยนผ้าอ้อมลูก นายไม่เคยผิดคำสัญญากับใครนี่นาเพื่อน มาเถอะน่า... แค่บทเรียนบทที่หนึ่ง อีกหน่อยนายมีลูกจะได้ไม่ลำบาก ฉันจะสอนทฤษฎีและให้นายลงภาคปฏิบัติกับทารกจริงๆเลย สองวันนี้นายจะเป็นหมดทุกเรื่องตั้งแต่ชงนม เปลี่ยนผ้าอ้อม อาบน้ำให้เด็ก ถ้าคุณฟ้าพร้อมจะมีลูกเมื่อไร นายก็ลุยได้เลยนะเพื่อน..”

ประวิชพยักหน้าหงึกๆ เชื่อว่าเพื่อนลืมเรื่องทุกข์ใจได้แล้ว... เพราะตั้งแต่ออกเดินทางมาจนถึงค่ำวันนี้ภากรพูดนับคำได้ โดยเฉพาะตั้งแต่โยธินทำให้เขาเสียอารมณ์ ภากรเปลี่ยนไปนั่งที่เบาะหลังกับลูกๆ และนิ่งเงียบไม่พูดไม่จามาตลอดทาง มีเพียงเสียงแฝดน้อยทั้งสองผลัดกันร้องและส่งเสียงเป็นระยะเท่านั้น



****************************


พรุ่งนี้ก็จะถึงกำหนดวันที่ศาลนัดฟังผลพิสูจน์และตัดสินคดีเรียกร้องสิทธิความเป็น “พ่อ” คืนนี้ภากรพยายามข่มตานอนอย่างไรก็ไม่หลับ โอกาสที่เขาจะชนะและได้เป็นพ่อของลูกมีน้อยมากเหลือเกิน แม้จะพยายามเตรียมใจไว้แล้ว แต่ไม่รู้ว่า…ถึงนาทีที่ศาลตัดสิน เขาจะทนรับความรู้สึกที่เจ็บปวดนั้นได้หรือเปล่า

แต่ถึงภากรจะเตรียมทำใจยอมรับความพ่ายแพ้ในเรื่องที่เด็กๆ อาจไม่ใช่สายเลือดของเขา ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมมอบสองหนูน้อยให้โยธินแต่โดยดี เขาจะสู้จนถึงที่สุดแม้จะต้องตามไปสู้กันถึงนอกศาล

ตั้งแต่ณัฐวดีจากไป… ภากรย้ายเตียงนอนของลูกๆ มาอยู่ในห้อง ลูก… ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นไม่อ้างว้างเดียวดาย แต่สำหรับคืนนี้แม้หนูน้อยทั้งสองจะนอนอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว เขากลับรู้สึกเหมือนห่างไกลมากเหลือเกิน

ความรู้สึกที่แย่มากจนข่มตานอนไม่หลับ ทำให้เขาต้องลุกขึ้นไปอุ้มลูกๆมานอนด้วย เขาขยับเข้าไปสวมกอดแฝดน้อยทั้งสองไว้ และพยายามข่มตาให้หลับลงอีกครั้ง


....ไม่ว่าผลพิสูจน์จะออกมายังไง พ่อไม่สนอะไรทั้งนั้น... ความเป็นจริงก็คือ พ่อเฝ้าฟูมฟักลูกๆ มาตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่เค้าแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าวันนี้หรือวันข้างหน้า จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของเรา พ่อให้สัญญา....

 
************************


 o15

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #14 เมื่อ30-05-2007 14:11:41 »

เหอเหอ

กะว่าบ่ายจะมาลง ไม่ทันเจ้หมวยซะแล้ววววว

ขอบพระคุณครับ

 o13

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #15 เมื่อ30-05-2007 16:26:23 »

= 4 =

*****************************


"วิช.. ฉันอยากฟังคำสัญญาจากนายอีกครั้ง ได้มั้ย”

ภากรถามประวิชขณะเดินคู่กันไปที่ห้องพิจารณาคดี ประวิชรู้ว่าเพื่อนกำลังรู้สึกอย่างไร เขายืนยันคำสัญญาอย่างหนักแน่นอีกครั้งเพื่อให้ภากรสบายใจ และมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับความรู้สึกเจ็บปวดที่อาจจะได้รับในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

ประวิชและภากรเข้ามาในห้องก็พบทนายพิทักษ์และโยธินนั่งคอยอยู่ก่อน
แล้ว วันนี้ไม่มีกองเชียร์หนุ่มๆ ตามมาให้กำลังใจโยธินเหมือนวันก่อน

ศาลขอให้คู่ความทั้งสองฝ่ายขึ้นกล่าวความในใจอีกครั้ง ก่อนจะอ่านผลพิสูจน์และคำตัดสิน

โยธินเป็นฝ่ายขึ้นกล่าวก่อน
“....ผมขอยืนยันว่าพฤติกรรมทางเพศที่ผมเป็นอยู่ ไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นพ่อของลูก ได้โปรดให้โอกาสผมได้ทำหน้าที่นี้ หากเด็กเป็นลูกของผม ผมพร้อมที่จะเลี้ยงดูแก พร้อมที่จะให้เวลาและเสียสละทุกอย่างแม้กระทั่ง... ต้องแลกด้วยคำมั่นสัญญา… ที่ศาลต้องการให้ผมเลิกพฤติกรรมรักร่วมเพศ ผมก็พร้อม... หากมันมีผลกระทบกับการเลี้ยงดูลูกจริงๆ.....”

ทนายพิทักษ์สะดุ้งพร้อมๆ กับที่ทุกคนในห้องรู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าโยธินจะกล้ายื่นข้อเสนอกับศาลเช่นนี้ เพราะต่างก็รู้กันดีอยู่ว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเช่นที่ว่านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

“คุณพูดอย่างนั้นทำไม” พิทักษ์กระซิบกับโยธิน “คุณทำได้ตามที่พูดหรือครับ”
โยธินยิ้มให้ทนายและกระซิบตอบ
“ผมจะทำถ้าศาลสั่ง แต่เชื่อผมเถอะคุณพิทักษ์ ศาลไม่กล้าสั่งหรอก”
ทนายพิทักษ์ถอนใจในความดื้อรั้นของลูกความ โยธินไม่จำเป็นต้องยื่นข้อเสนอใดๆ ให้ศาลชั้นต้นนี้ เพราะการตัดสินชี้ขาดที่ผลตรวจอยู่แล้ว ถ้าศาลให้ทำตามข้อเสนอขึ้นมาเขาจะลำบาก แต่โยธินกลับเชื่อมั่นว่าศาลไม่สั่ง
“พูดในสิ่งที่นายอยากพูด โจ..” ประวิชพยักหน้าให้เพื่อนและยิ้มให้กำลังใจ

ภากรเป็นฝ่ายขึ้นกล่าวบ้าง
“...ตั้งแต่ภรรยาผมจากไป ผมเข้าใจในสัจธรรมที่ว่าชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน ความไม่แน่นอนพรากเธอไปจากผม ผมพยายามทำใจยอมรับและคิดเสมอว่าเรายังเป็นครอบครัวที่อบอุ่น เพราะผมยังมีลูกเล็กๆ ที่จะต้องดูแล แต่วันนี้ความไม่แน่นอนกำลังจะพรากลูกเล็กๆ ของผมไปอีก ผมไม่รู้ว่าจะทำใจยอมรับมันได้หรือเปล่า....

.....ผมขอเรียนให้ทราบว่า ไม่ว่าลูกจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผมหรือไม่มันไม่สำคัญสำหรับผม ความเป็นจริงก็คือ ผมเฝ้าฟูมฟักทะนุถนอมพวกเค้ามาตั้งแต่ยังไม่ลืมตาออกมาดูโลก ผมดูแลลูกเล็กๆ ด้วยตัวเองตั้งแต่ภรรยาผมยังมีชีวิตอยู่ และจนถึงวันนี้.. ผมเป็นทั้งพ่อและแม่ให้ลูก และลูกๆ ก็เป็นชีวิตจิตใจของผม....

.....จนถึงเช้านี้ เรายังเป็นครอบครัวที่อบอุ่นอยู่ ผมอาบน้ำให้ลูกๆ ป้อนอาหารเช้าให้ก่อนจะออกจากบ้านมา แต่หลังจากชั่วโมงนี้ผ่านไป ครอบครัวผมอาจจะต้องแตกสลายไป เพียงเพราะลูกที่ผมเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดและกำลังจะมีอายุครบ 8 เดือนเต็มในวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่สายเลือดของผม...”

น้ำเสียงที่แหบพร่าและสั่นเครือจนแทบจะฟังไม่ได้ศัพท์ ทำให้ภากรต้องหยุดพูดชั่วขณะ

“...ผมไม่รู้ว่าความยุติธรรมคืออะไร ผมไม่รู้ว่าใครคิดยังไงกับเรื่องของผม แต่ผมหวังว่า... คงไม่มีใครอยากเห็นครอบครัวของผมแตกสลายลงไปแบบนั้น....” ก้อนแข็งจุกที่ลำคอจนภากรต้องหยุดให้การแต่เพียงเท่านี้

ศาลรู้สึกหนักใจกับการตัดสินคดีในวันนี้ และเข้าใจความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายดีว่า ต่างก็มีความรักและต้องการที่จะมีสิทธิเลี้ยงดูลูกในฐานะ “พ่อ” แต่การพิจารณาในชั้นนี้ หากผลพิสูจน์ออกมาอย่างไร ศาลก็จะให้สิทธิความเป็น “พ่อ” กับผู้นั้น หากอีกฝ่ายไม่พอใจในคำตัดสินก็ให้ยื่นอุทธรณ์และฎีกาต่อไปตามลำดับ

ประวิชคอยชำเลืองดูเพื่อนตลอดเวลา ภากรดูท่าไม่ดีและมีอาการหน้ามืดตั้งแต่ตอนที่เขาไปรับเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน เขาเข้าใจว่าเพื่อนกำลังตื่นตระหนก และกังวลกับคำพิพากษาของศาล แม้ภากรจะบอกเขาว่าทำใจเตรียมรับกับความพ่ายแพ้ไว้แล้ว แต่ประวิชก็อดกังวลไม่ได้ว่าถึงนาทีนั้นจริงๆ แล้ว ภากรจะเป็นอย่างไร

ผลพิสูจน์ DNA ระหว่างพ่อกับลูกครั้งนี้ ศาลสั่งให้ส่งผลการตรวจมาที่ศาลโดยตรง เพราะต้องการให้คู่ความทั้งสองมารับฟังคำตัดสินพร้อมๆ กัน

“ศาลจะแจ้งผลก่อนและอ่านคำตัดสินทีหลัง ฝ่ายใดมีปัญหา ศาลอนุญาตให้ท้วงถามได้ ....ผลการตรวจ DNA ของ ด.ญ.ภาวดี และ ด.ช.ณัฐกร พบว่า.. ด.ญ.ภาวดี แฝดพี่ มี DNA ตรงกับนายโยธิน พัฒนะไพศาล และ ด.ช......”

ศาลต้องหยุดอ่านเพราะทนายประวิชขอเวลานอก เนื่องจากลูกความฟุบลงไปต่อหน้าต่อตา

**********************************************

ขอบคุณเจ้หมวยที่ชี้แนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2007 16:55:41 โดย หมูพูห์ »

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #16 เมื่อ30-05-2007 16:49:54 »

 :teach:  คุณพูห์จ๋า  ต่อบทที่ 4 เลยค่ะ 

กระทู้ข้างบนโพสซ้ำ    ขอโทษด้วยที่ลืมบอก  ว่าให้ต่อตอนไหน 

คุณพูห์ช่วยแก้ด้วยนะ  เดี๋ยวคนอ่านงง   o15






abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #17 เมื่อ30-05-2007 16:54:46 »

พูห์โก๊ะๆๆ   :3043:  แน๋วลงคนเดียวยังโก๊ะเยย  :o8:   แล้วนี่ช่วยกันโป๊ดตั้ง2คน จะไม่งงได้อย่างไร  :try2: แบ่งภาคกันจิว่าใครจะโป๊ดครึ่งไหนอ่ะ






ปล. และแล้วก็ถึงคราวที่พูห์โก๊ะบ้างแย้ว คิคิ  แบร่ส์ๆๆชอบแซวเราดีนัก  :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2007 16:58:59 โดย ๑۩ n★ew ۩๑ »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #18 เมื่อ30-05-2007 16:59:19 »

ชิส์

คุณรีบน

ผมโก๊ะ ก็โก๊ะไม่เยอะนะครับ

ไม่เหมือนบางทู้ ลงอีกที ข้ามไปจบเรื่องเลย

กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

 :laugh3: :laugh3:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #19 เมื่อ30-05-2007 17:11:00 »

 o9  จามไว้ๆๆๆ พูห์ลงเรื่องไหนแน๋วจาตามไปดูมานทุกเรื่องเยย อย่าให้พลาดบ้างนะ  :serius2:



 :o12:  :o12:  :o12:  :o12:  :o12:  :o12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Novel]My Baby by j-muay
« ตอบ #19 เมื่อ: 30-05-2007 17:11:00 »





ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #20 เมื่อ30-05-2007 17:49:37 »


:impress2:   คุณพูห์~~~    กอลลั่มแปลงโฉมแล้วเหรอ~~~ 


ดีใจจังเลย  อย่ากลับไปใช้อีกนะ!!..  น่ากลัวจะตาย   :try2:   ว่าจะบอกหลายครั้งและ


ตอนที่เป็นกอลลั่มน่ะ       

:angry2:  กรูมันเลว สาดดด ไม่ต้องมายุ่งกะกรู



เจ๊หมวยอยากจะบอกว่า   

:o12:  ใครอยากจะยุ่งด้วย  น่ากลัวจะตาย  เห็นก็วิ่งหนีแล้ว      


:impress2:   ดีจังเปลี่ยนเป็น บอยคุงเซ็กซี่ๆ แบบนี้ค่อยเจริญตาหน่อย   





pasira

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #21 เมื่อ30-05-2007 23:18:34 »

อ่านแล้ว ก็อ่านอีก ชอบมากๆค่ะ

ขอบคุณค่ะ เจ๊หมวย คุณพูห์ 

 o14 o15

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #22 เมื่อ31-05-2007 09:54:35 »

หุหุ ชอบมาก ๆ เลยค่ะ เรื่องของเจ้หมวยนี่มีทนายแทบทุกเรื่องเลยรึเปล่านี่  :give2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #23 เมื่อ31-05-2007 15:19:52 »


ประวิชขอเวลาศาล 10 นาทีปฐมพยาบาลลูกความ ศาลจึงสั่งพักรอจนกว่าภากรจะรู้สึกตัวและพร้อมจะรับฟังคำตัดสิน ทนายพิทักษ์ตรงเข้ามาช่วยประวิชอย่างมีน้ำใจ ในขณะที่โยธินยังนั่งตะลึงเพราะตื่นเต้นและดีใจกับผลที่ได้รับ

ภากรถูกหามมานอนเหยียดยาวบนม้านั่ง ประวิชกล่าวขอบคุณทนายพิทักษ์และขอตัวปฐมพยาบาลเพื่อนเอง พิทักษ์จึงเดินกลับออกมา ประวิชคลายไทด์และปลดกระดุมคอเสื้อภากรออก เจ้าหน้าที่วิ่งเอายาดมมายื่นให้ เขากล่าวขอบคุณและรับยาดมมาจ่อที่จมูกพร้อมกับโบกกระดาษไปมา เพื่อให้ภากรหายใจสะดวกขึ้น

“โจ.. โจ.. ตื่นเถอะ”

ภากรได้ยินเสียงประวิชเรียกซ้ำไปมา เปลือกตาหนักอึ้งจนลืมแทบไม่ขึ้น และทันทีที่สายตาจับภาพได้ความรู้สึกต่างๆ ก็ตามเข้ามาทับถมเป็นระลอก

“ฉันขอโทษ...”
ประโยคแรกที่ภากรเอ่ยเมื่อรู้สึกตัว พร้อมๆ กับส่งมือให้ประวิชดึงเขาลุกขึ้นนั่ง

ภากรเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ การตัดสินคงจบลงแล้วกระมัง.... เหลือคนในห้องเพียงไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือโยธินซึ่งนั่งเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ โยธินยิ้มให้ภากรอย่างรู้สึกเป็นมิตร แต่ภากรกลับรู้สึกเหมือนถูกยิ้มเยาะ เขาเมินหน้าหนีทันที รู้สึกเจ็บร้าวที่หน้าอกเหมือนหัวใจกำลังจะแตกสลาย

ภากรก้มหน้าลงกับฝ่ามือ ประวิชทรุดตัวลงข้างๆ และตบไหล่เพื่อนเบาๆ
“นายโอเคมั้ย โจ.. ไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องอยู่ฟัง ไปคอยฉันที่รถ”
ประวิชใจหายวาบเมื่อเห็นน้ำใสไหลพรากอาบแก้มเพื่อน
“ฉันเจ็บเหลือเกิน วิช.. เจ็บยิ่งกว่าที่คิดไว้ เจ็บจนอยากจะหยุดหายใจเดี๋ยวนี้เลย ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ลูกๆ จากฉันไปหมดแล้ว วิช..”
ประวิชขยับเข้าไปปลอบและบังเพื่อนไว้ แต่คงไม่รอดพ้นสายตาโยธินที่คอยสังเกตุการณ์อยู่ห่างๆ
“ศาลหยุดพัก ยังอ่านผลไม่จบ เหลือน้องเจมส์ ถ้านายไม่อยากฟังก็ไม่ต้องอยู่ เข้มแข็งซีเพื่อน ลืมสัญญาที่ฉันให้ไว้กับนายแล้วเหรอ”
ภากรเช็ดน้ำตากับแขนเสื้อเหมือนเด็กและยิ้มให้ประวิช
“ฉันขอโทษ วิช.. ฉันจะเข้มแข็ง ฉันพร้อมจะรับฟังคำตัดสินด้วยตัวเอง รีบๆ ฟังจะได้รีบกลับ ฉันคิดถึงลูกแล้ว..”
“นายแน่ใจ”
ภากรพยักหน้า ประวิชจึงฉุดเขาลุกขึ้นพาไปห้องน้ำจัดการกับสภาพตัวเองให้พร้อมที่จะกลับมารับฟังคำตัดสินใหม่

 “พร้อมจะรับฟังต่อแล้วใช่มั้ย คุณภากร..” ศาลเอ่ยถามอย่างเข้าใจและเห็นใจ
“พร้อมครับ”

“เอาล่ะ ถ้างั้นศาลขอทวนผลการตรวจ DNA ของ ด.ญ.ภาวดี ผู้เป็นแฝดพี่อีกครั้งว่า ผลการตรวจเด็กหญิงเป็นบุตรสาวของนายโยธิน พัฒนะไพศาล ส่วน ด.ช.ณัฐกรแฝดน้อง มีผลการตรวจ DNA ตรงกับ...”

TBC...

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #24 เมื่อ31-05-2007 15:58:02 »

เง้อ ทำไมตอนนี้ยังวกวน ไม่ไปไหนเลยง่า  :onion_asleep:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #25 เมื่อ01-06-2007 13:04:46 »

..
..
..

“เอาล่ะ ถ้างั้นศาลขอทวนผลการตรวจ DNA ของ ด.ญ.ภาวดี ผู้เป็นแฝดพี่อีกครั้งว่า ผลการตรวจเด็กหญิงเป็นบุตรสาวของนายโยธิน พัฒนะไพศาล ส่วน ด.ช.ณัฐกรแฝดน้อง มีผลการตรวจ DNA ตรงกับ...”

แม้ว่าจะพยายามทำใจรับฟังแล้ว เอาเข้าจริงๆ ภากรกลับยกมือปิดหูทั้งสองข้างอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนที่ศาลจะหลุดชื่อออกมา

“.....ตรงกับนายภากร ธีรวัฒน์...”

จบคำอ่านของศาลทุกคนในห้องนั่งตะลึงด้วยความตกใจกับผลที่ได้รับ อย่าว่าแต่คนที่รับฟังจะตกใจเลย แม้แต่ศาลยังสงสัยและแปลกใจถึงขนาดต้องเรียกเจ้าหน้าที่มากระซิบถาม

ความรู้สึกของประวิชตอนนี้มิใช่แค่ตะลึงและตกใจ เขาตื่นเต้นและดีใจจนเกือบจะกลายเป็นภากรไปเสียเอง ประวิชหันมาทางเพื่อนก็พบภากรนั่งนิ่งอยู่ในอาการไม่ยินดียินร้าย ไม่มีอาการตื่นเต้นดีใจหรือตกใจใดๆ

“โจ.. ได้ยินที่ศาลพูดมั้ย”
ภากรไม่ได้ยินช่วงที่ศาลเอ่ยชื่อเขาเพราะยกมือปิดหูไว้ทันพอดี แต่เพื่อให้เพื่อนสบายใจเขาจึงพยักหน้าให้
“นายไม่ดีใจหรือ โจ.. หรือว่าไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปได้”

ภากรขมวดคิ้วยังไม่ทันจะเอ่ยถามให้หายข้องใจ ศาลก็ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ และให้เจ้าหน้าที่ของศาลอ่านเหตุผลอธิบายทางการแพทย์ประกอบ เพราะรู้ว่าทุกคนงุนงงและสงสัยกับความเป็นไปได้

ภากรนิ่งฟังเจ้าหน้าที่อ่านเหตุผล เขาจึงได้รู้ว่าเจ้าหนูเจมส์..แฝดน้องชายเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา

....โอ! ขอบคุณสวรรค์ เขาไม่สนใจว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อหรือแปลกประหลาดอย่างที่คนอื่นรู้สึก สวรรค์เมตตาเขาต่างหาก จึงบันดาลให้แฝดน้อยที่เหลืออีกคนเป็นของเขาทั้งร่างกาย จิตใจและสายเลือด โอ.. ไอ้หนูของพ่อ.. พ่อดีใจที่ลูกเป็นของพ่อ อยู่เป็นเพื่อนพ่อสักคน ก็ดีกว่าที่พ่อจะว่างเปล่าไม่เหลือใครอีกเลย....

และแล้วผลตัดสินของศาลในวันนี้ ใครเป็นพ่อของแฝดน้อยคนไหนก็มีสิทธิเลี้ยงดูและปกครองเด็กในฐานะ “พ่อ” แม้ศาลจะเข้าใจว่าการแยก “ฝาแฝด” ให้จากกันจะส่งผลกระทบกับสภาพจิตใจและความผูกพันกันเป็นพิเศษของหนูน้อย ทั้งสอง แต่ศาลก็ไม่มีทางเลือกเพราะผลที่ได้รับออกมาในรูปนี้ อย่างน้อยทารกทั้งสองก็เป็นแฝดต่างเพศกัน ผลกระทบคงไม่มากเท่าไร และเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคู่ความทั้งสอง

แต่เพื่อไม่ให้ทารกแฝดหญิงมีผลกระทบกระเทือนทางจิตใจ เพราะต้องเป็นฝ่ายถูกแยกออกไปอยู่กับคนที่ไม่รู้จักคุ้นเคย ศาลจึงให้เวลาหนูน้อยอยู่กับภากรต่อไปอีก 1 เดือน โดยระหว่างนี้ให้โยธินไปมาหาสู่ทำความคุ้นเคยกับลูกสาวก่อนจะรับไปอยู่ด้วยอย่างถาวร

“ขอบใจนะ วิช..” ภากรสวมกอดประวิชด้วยความดีใจ
“ขอบใจเรื่องอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรให้เลย ฝีมือนายเองต่างหาก”
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะ โจ..”
ภากรผละออกจากประวิช ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันทีที่เห็นเจ้าของเสียงยืนยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
“ยินดีเรื่องอะไร” น้ำเสียงภากรไม่มีความเป็นมิตรด้วย
“ยินดีที่คุณได้ลูกชาย ผมยังเสียดาย แต่ก็ โอเค.. ลูกสาวก็ได้ ดีกว่าไม่ได้เลย”

ภากรนิ่งอึ้ง
....ให้ตายเถอะ! ไอ้หมอนี่มันพูดเหมือนเจนนี่เป็นเพียงแค่สิ่งของหรือสมบัติมีค่าที่มันได้รับส่วนแบ่ง มันไม่มีสามัญสำนึกของความเป็น “พ่อ” และไม่รู้จักความหมายของคำว่า “ลูก” เลย...

ภากรรีบยื่นข้อเสนอ
“ถ้านายไม่ชอบเด็กผู้หญิง ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบก็ได้ โยธิน.. ฉันจะเลี้ยงลูกเอง”
“ขอบใจนะ โจ.. ผมเลี้ยงเองได้ ถ้าไม่เลี้ยงเองคงไม่ได้ส่วนแบ่งมรดกแน่ ถึงจะเป็นหลานสาวก็คงได้บ้าง แต่ถ้าเป็นหลายชายผมได้เต็มๆ คุณแลกกับผมได้มั้ย โจ..”
กล่างจบร่างโปร่งบางก็ถลาลงไปกองกับพื้น ภากรตามเข้าไปกระชากคอเสื้อ
“ฉันไม่เคยดูถูกหรือสมเพชที่แกมีจิตใจวิปริตรักชอบผู้ชายด้วยกัน แต่วันนี้ฉันรู้สึกสมเพชและเกลียดแกเข้ากระดูก ที่บังอาจมาร้องขอสิทธิความเป็นพ่อ ทั้งๆ ที่แกไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นได้ ไม่ใช่เพราะแกผิดปกติ แต่เพราะแกมันงก เห็นแก่เงิน คนอย่างแกจะรู้ซึ้งถึงความหมายของคำว่า “พ่อ” ได้ยังไง...”

“โจ.. พอเถอะ กลับบ้านได้แล้ว”
ประวิชดึงภากรออกจากโยธิน ก่อนจะมีเรื่องวิวาทกันใหญ่โตกว่านี้
“ทำร้ายคนถึงสลบเหมือด ต้องติดคุกมั้ย วิช..”
ประวิชส่ายหน้า เปิดประตูรถให้เพื่อน
“ขึ้นรถเถอะ สงบสติอารมณ์หน่อย โจ..”
ประวิชนั่งประจำที่คนขับ กำลังจะเคลื่อนรถออกก็ต้องถอนใจและส่ายหน้าด้วยความระอา โยธินตามเข้ามาเคาะกระจกข้างที่เขานั่งและขอคุยด้วย
“มีอะไรอีกหรือครับ คุณโยธิน..”
ประวิชเอ่ยถามอย่างสุภาพ นึกในใจว่าคนบางคนก็หาเรื่องอยากจะสลบเหมือดโดยไม่รู้ตัว
“ผมอยากจะขอตามกลับไปหาลูก ผมมีสิทธิทำได้ใช่มั้ยคุณประวิช”
ประวิชนิ่งไปอึดใจก่อนจะหันไปหาคำตอบ ภากรนิ่งเฉยเบือนหน้าไปอีกทางพยายามไม่สนใจกับการสนทนาที่ได้ยิน เพราะไม่อยากเสียอารมณ์อีก
“เอ่อ.. คุณโยธิน.. ผมขอเวลาให้ลูกความผมได้มีโอกาสอยู่กับลูกสาวตัวน้อยๆ ตามลำพังสัก 2 - 3 วัน ขอเวลาให้เพื่อนผมทำใจบ้าง หวังว่าคุณคงเข้าใจ”

“โอเค!.. คุณประวิช ผมไม่มีปัญหา ถ้างั้นผมจะเริ่มไปเยี่ยมลูกตั้งแต่วันจันทร์”

ประวิชพยักหน้ารับทราบและจบการสนทนาด้วยการกล่าวลา แต่โยธินยังเซ้าซี้ไม่ยอมจบง่ายๆ

“คุณเป็นทนายที่มีฝีมือและยังเป็นเพื่อนที่ดีด้วย เพื่อนคุณน่าจะมีอัธยาศัย เหมือนคุณสักครึ่งหนึ่งก็ยังดีนะ”

โยธินแกว่งปากหากำปั้นจริงๆ ประวิชส่ายหน้าอย่างนึกขันและระอาใจ ในขณะที่ภากรเอื้อมมือเปิดลิ้นชักหน้ารถ หยิบวัตถุต้องห้ามออกมาลูบคลำเล่น โยธินเห็นเข้าก็รีบผละออกและยิ้มแห้งๆ ก่อนจะหันหลังเดินจ้ำอ้าวกลับไป

การที่แฝดน้อยทั้งสองซึ่งคลอดห่างจากกันเพียง 11 นาที มีพ่อคนละคน ไม่ใช่เรื่องปาฏิหารย์แต่อย่างใด แต่เป็นเพราะความบังเอิญต่างหาก

....วันที่ณัฐวดีมีความสัมพันธ์กับชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีทั้งสองคนนั้น เป็นวันที่เธอมีไข่สุก 2 ฟอง แทนที่จะเป็นฟองเดียวเช่นปกติในระหว่างรอบเดือน และไข่ทั้งสองฟองนั้นก็บังเอิญได้รับการ “ผสม” กับเชื้ออสุจิของโยธินฟองหนึ่งในบ่ายวันนั้น และอีกฟองหนึ่งไปเจอะกับเชื้ออสุจิของภากรในตอนค่ำของวันเดียวกัน....

ข้อสันนิษฐานของประวิชที่ว่า… แฝดน้อยทั้งสองอาจจะเกิดจากไข่คนละฟองหรือเชื้ออสุจิคนละตัวเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ที่คาดไม่ถึงคือ… ไม่คิดว่าเชื้ออสุจิคนละตัวที่ว่านี้จะมาจากเจ้าของเชื้อคนละคนกันด้วย..

*****************************

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #26 เมื่อ01-06-2007 13:12:22 »

เหอ เหอ กลายเป็นลูกคนละพ่อไปซะงั้น  :o7:

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #27 เมื่อ01-06-2007 18:12:33 »

โอ๊ะโอ กลายเป็นลูกคนละพ่อ 

เอ แล้วdady's love จะเป็น boy's love ยังไงอ่า....  หรือว่า โยธินกับภากร ต่อไปจา ...... หุหุ  ทีนี้ลูกก็ได้อยู่ด้วยกานแว้วว อิอิ :o9:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #28 เมื่อ04-06-2007 10:28:44 »

..
..
..
ภากรเฝ้ามองแฝดน้อยที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน ทุกครั้งที่สายตาจับจ้องที่เจ้าหนูเจมส์ เขาก็อดยิ้มกับตัวเองด้วยความรู้สึกยินดีไม่ได้ หวนนึกถึงคืนวันที่เขาและเธอมีความสัมพันธ์กันจนก่อกำเนิดเจ้าหนูเจมส์ขึ้นมาได้อย่างปาฏิหารย์ เขาไม่อยากจะเดาว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่เขาจะมาหรือเปล่า จึงทำให้เธอชวนเขามีเซ็กซ์ด้วย จำไม่ได้ว่ากี่ครั้งรู้แต่ว่าตั้งแต่หัวค่ำจนถึงกลางดึก เจ้าหนูของเขาจะมีโอกาสกำเนิดมาหรือเปล่านะ ถ้าเขามีอะไรกับเธอเพียงครั้งเดียวเหมือนหมอนั่น... ความรู้สึกของภากรปวดร้าวขึ้นมาทันที เมื่อหันมาทางลูกสาวตัวน้อยที่นอนหลับตาพริ้มอยู่

เจ้าหนูเจมส์ขยับตัวไปมาและส่งเสียงครางในลำคอ เขารู้ว่าถึงเวลาตื่นของหนูน้อยแล้ว และอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็จะมีเสียงร้องโยเยตามมาเพื่อเรียกหาใครมาอุ้ม ผิดกับเจนนี่..ตื่นแล้วก็มักจะนอนเล่นไปมาจนกว่าจะมีใครมาพบ เธอไม่ค่อยร้องโยเยยกเว้นเวลาหิวและไม่สบายเท่านั้น

เจ้าหนูลืมตาขึ้นก็ส่งเสียงร้องตามนิสัยทันที ยิ่งเห็นเขายืนอยู่ยิ่งส่งเสียงร้องดังขึ้นขยับแขนและเท้าเหมือนจะบอกให้เขาอุ้มหน่อย

ภากรจับมือเล็ก ๆ ของลูกชายไว้และจุ๊ย์..ปากให้เงียบ
“จุ๊ย์... อย่าเสียงดังซีลูก พี่เค้ายังหลับอยู่เลย เฮ้!.. พ่อจะไม่อุ้มนะ ถ้าลูกไม่หยุดร้อง เจมส์...”

เจมส์ส่งเสียงร้องดังขึ้นกว่าเดิมเมื่อพ่อไม่ยอมอุ้มซะที เจนนี่ซึ่งนอนหลับอยู่ในเตียงถัดไปตกใจสะดุ้งตื่นและส่งเสียงร้องแข่งกันทันที ภากรส่ายหน้าก้มลงดุลูกชาย
“เห็นมั้ยว่าลูกทำให้พี่เค้าตกใจตื่น พ่อจะไม่อุ้มขึ้นมาจนกว่าลูกจะหยุดร้อง”
ภากรปล่อยมือลูกชายและขยับไปอุ้มแฝดพี่สาวขึ้นจากเตียง
“โอ!.. ทูนหัวของพ่อ น้องทำให้หนูตกใจตื่นเหรอ..”
เขากอดหนูน้อยไว้แน่น รู้สึกปวดร้าวและเสียใจอย่างมากที่ชีวิตน้อยๆ ในอ้อมกอดนี้ต้องพรากจากเขาไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า..

“ชีวิตของหนูจะเป็นยังไง เจนนี่.. ถ้าหนูต้องไปอยู่กับไอ้หมอนั่น พ่อจะช่วยหนูได้ยังไง ทูนหัว...”

เจนนี่นิ่งเงียบเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของพ่อ คงเหลือแต่เสียงร้องของเจ้าหนูน้อยเจมส์ ที่พยายามตะเบ็งเสียงเรียกพ่อจนไอค้อกแค้ก ทำให้ภากรรู้สึกตัว ก้มลงไปดูอีกครั้ง ใจหายวาบเมื่อเห็นหนูน้อยน้ำตาไหลอาบแก้มและหมอนจนเปียกชื้น เจ้าหนูหยุดไอก็สะอื้นฮักฮัก กำลังจะอ้าปากตะเบ็งเสียงร้องต่อ ก็ถูกพ่ออุ้มขึ้นจากเตียงเข้าไปซบที่ไหล่พอดี..

*********************************

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #29 เมื่อ04-06-2007 10:37:42 »


บทที่ 5

ภากรต้องพยายามทำใจยอมรับโยธินแม้จะรู้สึกเกลียดชังมากจนบางครั้งแทบไม่อยากจะมองหน้า และหากไม่ใช่คำสั่งของศาลอย่าหวังว่าเขาจะยอมให้หมอนี่เข้าออก ”บ้านธีรวัฒน์” เป็นว่าเล่นอย่างนี้

โยธินแวะมาเยี่ยมลูกสาวเกือบทุกวัน ทุกครั้งที่มาจะมีอาหารและผลไม้ติดมือมาฝากแม่บ้านและสาวใช้เสมอ เพียงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์เขาก็สามารถสร้างสัมพันธ์และผูกมิตรกับทุกคนในบ้านได้ ยกเว้นภากรคนเดียวที่เขาไม่สามารถเข้าใกล้หรือพูดคุยได้ด้วยดี

เมื่อต้องพบปะกันเกือบทุกวัน ภากรก็เริ่มเห็นอุปนิสัยที่แท้จริงของโยธิน บุคลิกที่เคยแลดูสำอางจากการพบเห็นแค่ฉาบฉวย อาจมาจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ บ่อยครั้งที่โยธินแต่งตัวง่ายๆ มาหาลูก เขาพูดจาไพเราะกับทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นสาวใช้หรือแม่บ้าน แต่ที่ภากรได้ยินกับหูและอดทึ่งไม่ได้ก็คือเวลาที่โยธินพูดกับลูกสาวตัวน้อยๆ

“เจนนี่จ๋า.. เมื่อไรหนูจะยอมให้ปะป๊าอุ้มซะที ถึงเราจะเพิ่งรู้จักกัน แต่ปะป๊าก็รักหนูไม่น้อยกว่าที่คุณพ่อของหนูรักจริงๆ นะลูก...”
คำแทนตัวที่โยธินใช้เรียกตัวเองกับลูก ทำให้ภากรนึกขำอยู่ในใจด้วยเช่นกัน

ช่วงสัปดาห์แรกภากรไม่อนุญาตให้โยธินจับต้องและหยอกล้อกับเจ้าหนูเจมส์ ทุกครั้งที่โยธินมาถึงแม่บ้านและสาวใช้ก็จะรู้หน้าที่ดีว่าต้องพาคุณหนูผู้ชายแยกออกไป และเปิดโอกาสให้โยธินได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณหนูผู้หญิง แต่ห้ามปล่อยให้อยู่ตามลำพังต้องมีใครสักคนอยู่เป็นเพื่อน

แต่แล้วเขาก็รู้สึกสงสารลูกสาวตัวน้อยที่ต้องอยู่ตามลำพังกับโยธิน แม้จะเริ่มรู้จักและคุ้นเคยด้วยแล้ว แต่หนูน้อยก็ยังหงอยๆ ไม่ร่าเริงและไม่หัวเราะเหมือนเวลาที่น้องชายอยู่ด้วย เขาจึงยอมอนุญาตให้โยธินอยู่กับแฝดน้อยทั้งสองพร้อมหน้ากัน ยัยหนูเจนนี่ร่าเริงขึ้นและหัวเราะได้ทันที แต่เจ้าหนูเจมส์นี่สิ..คอยแต่จะหงุดหงิดน่าดูและส่งเสียงร้องไม่สบอารมณ์อยู่บ่อยๆ ตามนิสัย จนโยธินแอบค่อนขอดว่านิสัยเจ้าหนูถอดแบบมาจากพ่อเป๊ะเลย

************************

ทันทีที่เลี้ยวรถเข้าบ้านภากรก็พบกับภาพที่ทำให้ไม่สบอารมณ์และหงุดหงิด ขึ้นมาทันที...
เขาคงไม่รู้สึกโกรธหรือหงุดหงิดหากโยธินอยู่กับแฝดน้อยทั้งสองเพียงลำพังเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา แต่วันนี้กลับมีหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาดีสามคนนั่งล้อมหน้าล้อมหลังสองแฝดน้อย และหยอกล้อกันสนุกสนานที่พื้นสนามหญ้าหน้าบ้าน ในขณะที่โยธินยืนคุยโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ

“ใครอนุญาตให้นายพาคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านฉัน”
หนุ่มน้อยหน้าใสมองหน้ากันเลิ่กลั่กและพากันลุกขึ้นยืน โยธินรีบจบการสนทนาทางโทรศัพท์ทันที
“ผมมีงานเดินแบบน่ะ โจ.. ผ่านมาทางนี้พอดีก็เลยแวะมาเยี่ยมลูก น้องๆ เขาอยากเห็นเด็กๆ เลยขอตามลงมาดู”

ภากรยังคงมีสีหน้าบึ้งตึง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น เขาพอจะรู้ว่างานโมเดลลิ่ง..เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่โยธินทำเป็นงานอดิเรก นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โยธินมีเด็กหนุ่มหน้าตาดีๆ ห้อมล้อมหรืออยู่ข้างกายด้วยเสมอ

“ฉันไม่สนใจว่านายกำลังจะไปทำอะไร บ้านนี้ไม่ใช่ที่ที่นายมีสิทธิจะพาใครเข้ามา โดยเฉพาะเด็กๆ ไม่ใช่ของเล่นผ่อนคลายอารมณ์ของใคร”

โยธินลอบถอนใจ รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธมากเกินกว่าจะพูดจาต่อกรด้วย เขาบอกเด็กหนุ่มที่ยืนจับกลุ่มกันอยู่ให้กลับไปคอยที่รถ และหันกลับมายิ้มให้ภากร
เป็นนิสัยส่วนตัวที่ดีของโยธิน เขาไม่ค่อยโกรธหรือโมโหใครง่ายๆ โดยเฉพาะกับภากรเขาไม่เคยโกรธหรือรู้สึกขุ่นเคืองชายหนุ่มเลย เข้าใจดีถึงเหตุผลที่ภากรไม่ชอบหน้าเขา

“ผมขอโทษนะ โจ.. ที่ทำให้คุณเสียอารมณ์ คุณนี่หวงลูกจริงๆ นะ ไม่ยอมเผื่อแผ่ให้ใครชื่นชมเลย”
“หึ!.. กับคนอื่นฉันไม่เคยหวง แต่กับนายแค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว โยธิน.. กลับไปทำงานของนายได้แล้ว เด็กๆ คู่ขาของนาย รออยู่ จริงๆ แล้วถ้าไม่ว่างไม่จำเป็นต้องถ่อมาทุกวันก็ได้นะ ”

โยธินหัวเราะที่ภากรจงใจเน้นคำว่า คู่ขาของนาย เขาก้มลงอุ้มเจ้าหนูเจมส์ซึ่งกำลังคลานออกจากเสื่อลงไปที่สนาม เพราะเลิกสนใจกับของเล่นที่อยู่ตรงหน้า เขาส่งหนูน้อยให้คุณพ่อเจ้าอารมณ์ และก้มลงอุ้มลูกสาวตัวน้อยขึ้นมากอดและหอมอย่างรักใคร่ต่อหน้าต่อตาภากร ซึ่งเดี๋ยวนี้พอจะทำใจยอมรับได้บ้างแล้ว ไม่เหมือนวันแรกๆ เห็นเขากอดและหอมลูกสาวทีไร ทำหน้าเหมือนถ่ายไม่ออกทันที

“โอเค! โจ.. ตั้งแต่วันจันทร์ผมจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก เพราะเย็นวันอาทิตย์ผมจะมารับลูกไปอยู่ด้วยแล้ว พรุ่งนี้ผมไม่เข้ามาจะให้เวลาคุณร่ำลาลูกสาวหนึ่งวัน ข้าวของเครื่องใช้เด็กผมเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าคุณคิดว่ามีอะไรที่เจนนี่ติดและควรจะเอาไปก็ช่วยเตรียมไว้ด้วยนะ โจ.. ปะป๊าไปก่อนนะลูก.. อีกสองวันปะป๊าจะมารับหนูน้าาา… ”

ประโยคสุดท้ายโยธินหันไปร่ำลาลูกสาว จากนั้นก็แกล้งส่งหนูน้อยให้ภากรอุ้ม โยธินไม่คิดว่าภากรจะรับเจนนี่ไปอุ้มได้เพราะมีเจ้าหนูตัวจ้ำม่ำอยู่ในอ้อมแขนแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับรับลูกไปอุ้มไว้ในวงแขนอีกข้างอย่างสบายๆ

ภากรขยับลูกชายซบไหล่ด้วยมือขวา มือซ้ายรับลูกสาวจากโยธินเข้ามาซบอก เขานิ่งอึ้งไปเพราะกำลังตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน เวลาที่เจนนี่ต้องจากเขาไปมาถึงแล้วหรือนี่…. เวลาหนึ่งเดือนทำไมรวดเร็วเหลือเกิน เขาเพิ่งเห็นโยธินแวะมาเยี่ยมเยียนลูกสาวตัวน้อยได้ไม่กี่วันเท่านั้น

************************

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด