“เฮีย ห้องสตูฯ ไม่มีเหรอ นี่มันอลังการเกินไป” ธนินทร์ถามเสียงอ่อย ห้องนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่มันก็เกินฐานะของธนินทร์ที่จะเข้ามาอาศัย
“ไม่พักก่อนเหรอเฮีย เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ” เสียงใสบอกอย่างเกรงใจ เรวัตช่วยเหลือเขามาตั้งเยอะแยะ เพิ่งทำงานตัวเองกลับมาก็ยังจะพาเขาไปดูห้องอีก
“เหนื่อยที่ไหนวะ แค่นั่งฟังรายงานบ้าอะไรไม่รู้ แม่งมีแต่น้ำ ฟังจนจบกูรู้แค่ว่ามันรายงานเรื่องผลกำไรอะไรเนี่ยแหละ เสียเวลาอิ๊บอ๋าย” เสียงทุ้มบ่นอย่างอดไม่ได้ “เฮ่ย กูไม่เหนื่อยจริงๆ” เรวัตย้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นธนินทร์ทำปากยื่นแก้มพอง มือใหญ่รั้งหัวน้องชายมาซบอกแล้วขยี้เบาๆ
“เฮีย ผมรบกวนเฮียมากไปรึเปล่า” ธนินทร์โอบแขนรอบเอวเรวัต รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระมากขึ้นทุกที รบกวนอาศัยบ้านมาหลายวัน อีกทั้งยังมีเรื่องอื่นอีกมากมาย
“ไร้สาระน่า มึงกับกูมีคำว่ารบกวนได้ด้วยเรอะ” เรวัตหัวเราะเบาๆ กระชับอ้อมกอดไว้แน่น น่าเสียดายจริงๆ ที่เขาไม่สามารถรักธนินทร์ได้มากเกินกว่าน้อง ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ เขาคงเป็นคนที่มีความสุขที่สุด
........................................
อาคาร สูงตระหง่านเพิ่งสร้างเสร็จใหม่เอี่ยมที่ธนินทร์มองผ่านเลยอย่างไม่ใส่ใจ แต่กลับต้องมายืนตาค้างอยู่บริเวณล็อบบี้ชั้นหนึ่ง เหลียวซ้ายแลขวาก็ยังเห็นว่าภายในตกแต่งอย่างมีระดับ และสถาปนิกอย่างเขาก็พอจะประเมินราคาได้จนต้องหุบๆ อ้าๆ ปากด้วยความตกใจ
“เฮียแวะมาทำธุระเหรอ” ตั้งสติถามไปปลอบใจตัวเองไปด้วย ถ้าจะให้สองน้าหลานมาเช่าห้องในตึกนี้ แต่ละเดือนคงไม่พ้นกินแกลบ
“ละเมอเหรอมึง ดูห้องไงดูห้อง”
“ห้องที่นี่อะนะ?” ขอคำยืนยันอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“เออ สิวะ มึงเห็นคอนโดเป็นอนามัยหมู่บ้านรึไง” คิดไว้แล้วว่าธนินทร์จะต้องตกใจ แต่เรวัตเองก็เตรียมแผนการไว้มากมายสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ
“เฮ่ย ไม่ไหวมั้งเฮีย ขายตัวมาจ่ายค่าเช่ายังไม่รู้จะพอรึเปล่าเลย” ธนินทร์ทำหน้าแหย ตึกสวย ความปลอดภัยดีเยี่ยม ทำเลเหมาะเหม็ง การคมนาคมสะดวก แต่กระเป๋าสตางค์โบ๋เบ๋
“เดี๋ยวเหอะมึง อย่าคิดเรื่องขายตัวเด็ดขาด ไม่งั้นกูเตะแม่ง ทั้งมึงทั้งคนซื้อ อ้อแถมค่าทำศพให้ไอ้เปรตนั่นด้วย” ตาคมขึงใส่อย่างไม่พอใจ น้องชายคนเดียวบวกหลานอีกหนึ่งคนแค่นี้ ทำไมเถ้าแก่เรวัตจะเลี้ยงดูไม่ได้
“โหย เฮียแค่เปรียบเทียบเฉยๆ ยังไม่อยากมองคนกินข้าวต้มงานศพตัวเองหรอก” แค่คิดก็เห็นภาพเพื่อนๆ เดินต่อแถวถือธูปคนละหนึ่งดอกมายืนฉีกยิ้มอยู่หน้าโลงที่มีรูปตัวเองขึ้นมา ลางๆ
“ไปขึ้นไปดูห้อง” เรวัตตัดบทเมื่อได้รับกุญแจพวงใหญ่จากเจ้าหน้าที่ดูแลอาคารมาไว้ในมือ
“น้านิน เราจะมาอยู่ที่นี่เหรอครับ” มือเล็กเขย่าเบาๆ เรียกน้าชายระหว่างยืนนิ่งอยู่ในลิฟต์
“พุดชอบรึเปล่า” เรวัตแย่งถามขึ้นมาก่อน
“ชอบครับ แต่ชอบบ้านเฮียต้อมมากกว่า” หนูน้อยตอบพาซื่อ
“เห็นไหมไอ้นิน กูบอกให้อยู่บ้านกู เปลี่ยนใจยังไม่สายนะมึง”
“ไม่ เอาอะเฮีย เดี๋ยวเฮียก็ไม่อยู่ หม่าม้าก็ไม่ค่อยอยู่แล้วผมจะอยู่ไงล่ะ เอาไว้ไปค้างเป็นบางวันดีกว่า ช่วยเฮียเฝ้าบ้านเป็นช่วงๆ” ธนินทร์ยังคงยืนกรานปฏิเสธ เพราะถ้าอยู่ที่บ้านของเรวัต ไม่เพียงแต่รบกวนเจ้าของบ้าน ยังรบกวนเด็กรับใช้ในบ้านอีกด้วย
“พุดจะอยู่กับน้านิน” มือน้อยกอดหมับเข้าที่ต้นขาน้าชาย กลัวจะโดนจับแยกกันอยู่
“งั้นก็อยู่ที่นี่กันแหละวะ” เรวัตว่าแล้วก็จูงสองน้าหลานออกจากลิฟต์
ห้อง แรกที่เรวัตพาไปดู ธนินทร์แค่ยืนชะโงกเข้าไปแล้วปฏิเสธทันที เพราะเป็นห้องชุดสองชั้นขนาดใหญ่ ราคาคงไม่ต้องพูดถึง ห้องที่สองมีขนาดย่อมลงมาอีกเล็กน้อยแต่ธนินทร์ก็ยังปฏิเสธอย่างหนักแน่น จนมาห้องที่สามที่เป็นห้องชุดสองห้องนอน
“ห้องนี้ห้องสุดท้ายแล้วนะมึง ไม่มีตัวเลือกแล้วโว้ย” เรวัตบังคับเสียงแข็ง
“เฮีย ห้องสตูฯ ไม่มีเหรอ นี่มันอลังการเกินไป” ธนินทร์ถามเสียงอ่อย ห้องนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่มันก็เกินฐานะของธนินทร์ที่จะเข้ามาอาศัย
“ไม่ พักก่อนเหรอเฮีย เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ” เสียงใสบอกอย่างเกรงใจ เรวัตช่วยเหลือเขามาตั้งเยอะแยะ เพิ่งทำงานตัวเองกลับมาก็ยังจะพาเขาไปดูห้องอีก
“เหนื่อยที่ไหนวะ แค่นั่งฟังรายงานบ้าอะไรไม่รู้ แม่งมีแต่น้ำ ฟังจนจบกูรู้แค่ว่ามันรายงานเรื่องผลกำไรอะไรเนี่ยแหละ เสียเวลาอิ๊บอ๋าย” เสียงทุ้มบ่นอย่างอดไม่ได้ “เฮ่ย กูไม่เหนื่อยจริงๆ” เรวัตย้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นธนินทร์ทำปากยื่นแก้มพอง มือใหญ่รั้งหัวน้องชายมาซบอกแล้วขยี้เบาๆ
“เฮีย ผมรบกวนเฮียมากไปรึเปล่า” ธนินทร์โอบแขนรอบเอวเรวัต รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระมากขึ้นทุกที รบกวนอาศัยบ้านมาหลายวัน อีกทั้งยังมีเรื่องอื่นอีกมากมาย
“ไร้สาระน่า มึงกับกูมีคำว่ารบกวนได้ด้วยเรอะ” เรวัตหัวเราะเบาๆ กระชับอ้อมกอดไว้แน่น น่าเสียดายจริงๆ ที่เขาไม่สามารถรักธนินทร์ได้มากเกินกว่าน้อง ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ เขาคงเป็นคนที่มีความสุขที่สุด
........................................
อาคาร สูงตระหง่านเพิ่งสร้างเสร็จใหม่เอี่ยมที่ธนินทร์มองผ่านเลยอย่างไม่ใส่ใจ แต่กลับต้องมายืนตาค้างอยู่บริเวณล็อบบี้ชั้นหนึ่ง เหลียวซ้ายแลขวาก็ยังเห็นว่าภายในตกแต่งอย่างมีระดับ และสถาปนิกอย่างเขาก็พอจะประเมินราคาได้จนต้องหุบๆ อ้าๆ ปากด้วยความตกใจ
“เฮียแวะมาทำธุระเหรอ” ตั้งสติถามไปปลอบใจตัวเองไปด้วย ถ้าจะให้สองน้าหลานมาเช่าห้องในตึกนี้ แต่ละเดือนคงไม่พ้นกินแกลบ
“ละเมอเหรอมึง ดูห้องไงดูห้อง”
“ห้องที่นี่อะนะ?” ขอคำยืนยันอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“เออ สิวะ มึงเห็นคอนโดเป็นอนามัยหมู่บ้านรึไง” คิดไว้แล้วว่าธนินทร์จะต้องตกใจ แต่เรวัตเองก็เตรียมแผนการไว้มากมายสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ
“เฮ่ย ไม่ไหวมั้งเฮีย ขายตัวมาจ่ายค่าเช่ายังไม่รู้จะพอรึเปล่าเลย” ธนินทร์ทำหน้าแหย ตึกสวย ความปลอดภัยดีเยี่ยม ทำเลเหมาะเหม็ง การคมนาคมสะดวก แต่กระเป๋าสตางค์โบ๋เบ๋
“เดี๋ยวเหอะมึง อย่าคิดเรื่องขายตัวเด็ดขาด ไม่งั้นกูเตะแม่ง ทั้งมึงทั้งคนซื้อ อ้อแถมค่าทำศพให้ไอ้เปรตนั่นด้วย” ตาคมขึงใส่อย่างไม่พอใจ น้องชายคนเดียวบวกหลานอีกหนึ่งคนแค่นี้ ทำไมเถ้าแก่เรวัตจะเลี้ยงดูไม่ได้
“โหย เฮียแค่เปรียบเทียบเฉยๆ ยังไม่อยากมองคนกินข้าวต้มงานศพตัวเองหรอก” แค่คิดก็เห็นภาพเพื่อนๆ เดินต่อแถวถือธูปคนละหนึ่งดอกมายืนฉีกยิ้มอยู่หน้าโลงที่มีรูปตัวเองขึ้นมา ลางๆ
“ไปขึ้นไปดูห้อง” เรวัตตัดบทเมื่อได้รับกุญแจพวงใหญ่จากเจ้าหน้าที่ดูแลอาคารมาไว้ในมือ
“น้านิน เราจะมาอยู่ที่นี่เหรอครับ” มือเล็กเขย่าเบาๆ เรียกน้าชายระหว่างยืนนิ่งอยู่ในลิฟต์
“พุดชอบรึเปล่า” เรวัตแย่งถามขึ้นมาก่อน
“ชอบครับ แต่ชอบบ้านเฮียต้อมมากกว่า” หนูน้อยตอบพาซื่อ
“เห็นไหมไอ้นิน กูบอกให้อยู่บ้านกู เปลี่ยนใจยังไม่สายนะมึง”
“ไม่ เอาอะเฮีย เดี๋ยวเฮียก็ไม่อยู่ หม่าม้าก็ไม่ค่อยอยู่แล้วผมจะอยู่ไงล่ะ เอาไว้ไปค้างเป็นบางวันดีกว่า ช่วยเฮียเฝ้าบ้านเป็นช่วงๆ” ธนินทร์ยังคงยืนกรานปฏิเสธ เพราะถ้าอยู่ที่บ้านของเรวัต ไม่เพียงแต่รบกวนเจ้าของบ้าน ยังรบกวนเด็กรับใช้ในบ้านอีกด้วย
“พุดจะอยู่กับน้านิน” มือน้อยกอดหมับเข้าที่ต้นขาน้าชาย กลัวจะโดนจับแยกกันอยู่
“งั้นก็อยู่ที่นี่กันแหละวะ” เรวัตว่าแล้วก็จูงสองน้าหลานออกจากลิฟต์
ห้อง แรกที่เรวัตพาไปดู ธนินทร์แค่ยืนชะโงกเข้าไปแล้วปฏิเสธทันที เพราะเป็นห้องชุดสองชั้นขนาดใหญ่ ราคาคงไม่ต้องพูดถึง ห้องที่สองมีขนาดย่อมลงมาอีกเล็กน้อยแต่ธนินทร์ก็ยังปฏิเสธอย่างหนักแน่น จนมาห้องที่สามที่เป็นห้องชุดสองห้องนอน
“ห้องนี้ห้องสุดท้ายแล้วนะมึง ไม่มีตัวเลือกแล้วโว้ย” เรวัตบังคับเสียงแข็ง
“เฮีย ห้องสตูฯ ไม่มีเหรอ นี่มันอลังการเกินไป” ธนินทร์ถามเสียงอ่อย ห้องนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่มันก็เกินฐานะของธนินทร์ที่จะเข้ามาอาศัย
“ไม่ มีโว้ย ถึงมีกูก็ไม่ให้มึงอยู่ ห้องใหญ่ก็มี มึงจะไปอุดอยู่ในห้องเล็กทำไมวะ ห้องรวมมิตรอย่างนั้นอึดอัดตายห่า” เลือกห้องด้วยความชอบส่วนตัวของเรวัตล้วนๆ อาตี๋หนุ่มไม่ชอบห้องที่ไม่มีสัดส่วน เตียงนอน ที่ทำงาน โต๊ะรับแขก กระจุกอยู่ในที่เดียวกันหมด คนตัวใหญ่ๆ อย่างเขาอยู่ไมได้
========
ขอบคุณทิพที่เอาเรื่องสนุกๆมาลงให้อ่านจ้า
อ๋อ เนื้อหามันซ้ำ สามรอบได้ ลองเช้คดูนะ
ปล. เสียดายน่าจะได้คู่กัน