บ้านหลังใหญ่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าคือที่หมายของทินกฤต ข้างตัวเขานั้นยังมีคนที่ได้ชื่อว่าเป็น อดีตน้องเมีย ที่กลายมาเป็น คนรัก อยู่ข้างๆ ตลอดทางที่กลับมา จุนเจือนั่งเงียบและออกอาการค่อนข้างเครียดและที่สำคัญคือ ความกลัว .. กลัวไปเสียทุกอย่าง ..
รถเอสยูวีคันใหญ่สีดำจอดที่หน้าประตูบ้าน เพียงไม่นาน เด็กรับใช้ก็รีบวิ่งมาเปิดประตูให้ รถคันนั้นค่อยๆแล่นผ่านพื้นกระเบื้องไปยังโรงจอดรถ ใบหน้าขาวของคนอายุน้อยกว่าเริ่มซีดลงเรื่อยๆ
"..........."ทินกฤตมองหน้าคนรัก จุนเจือที่เครียดแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้สภาพจิตใจภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้นนิ่งได้เลย แต่เขาก็ต้องนิ่งเข้าไว้ ด้วยไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียขวัญไปมากกว่านี้
ร่างสูงเปิดประตูรถเขาหันมาพยักหน้าให้จุนเจือเดินตามลงมา ชายหนุ่มเดินนำอีกฝ่ายเข้าไปภายในบ้านโดยไม่ลืมที่จะหยิบกล่องให้องุ่นสดลงมาด้วยอีกกล่องใหญ่ จนเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าพ่อแม่ของทั้งสองบ้านอยู่กันพร้อมหน้า ทินกฤตปั้นยิ้มจอมปลอมให้พวกผู้ใหญ่ทันที
++++++++++++++++++
"อ้าว ทำไมอยู่กันพร้อมหน้าเลยครับ สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ นี่ของฝากจากโคราชครับ องุ่นสดอร่อยมากเลยนะครับ"
"แล้วไปเที่ยว......................คนเดียวเหรอลูก? " กฤษณาเงียบไปนาน กว่าจะถามออกมา ส่วนคนเป็นพ่อทั้งคู่ ไม่พูดอะไรเลย ทั้งอดีตพ่อตา และพ่อของเขาเอง ต่างก็ยืนเงียบอยู่ในมุมของตน
จุนเจือยังคงอยู่ที่ประตู เด็กหนุ่มไม่กล้าเข้ามาทั้งๆที่มันเป็นบ้านของเขา เด็กหนุ่มยืนประสานมือทั้งสองข้างเข้าหากันแน่น ทั้งๆที่เขาตกลงกับทินกฤตแล้วแท้ๆว่าวันนี้จะพูดความจริงออกไป แต่เขาก็...ไม่กล้าอยู่ดี..ในหัวเริ่มคิดถึงเรื่องโกหกสารพัด เขาจะทำอย่างไรดี จะโกหกว่า เจอทินกฤตที่หน้าปากซอยเลยเข้ามาด้วยกันจะดีไหมนะ?...คิดได้แบบนั้นจึงสูดลมหายใจลึกแล้วรวบรวมแรงกำลังทั้งหมดก้าวขาเดินเข้าไปในบ้านของตัวเอง
" สะ..สวัสดีครับ คุณลุงคุณป้า.. " มือเรียวรีบยกมือไหว้พ่อแม่ของคนรัก พยายามทำหน้าแปลกใจ ราวกับว่าไม่ได้มากับทินกฤตตั้งแต่แรก
"เจือ! ไปไหนมาลูก มาหาแม่..เร็วเข้า " ทันทีที่เห็นหน้าลูกชาย ราตรีที่ปิดสีหน้ากระวนกระวายใจบนใบหน้าไม่ได้นั้นก็รีบเดินไปดึงแขนลูกชายให้มาหาทันที มือของเธอนั้นเย็นเฉียบ ใบหน้าขาวซีดไม่ต่างจากลูกชาย ผู้เป็นแม่สบตาลูกชายราวกับจะถามอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป
นั่นทำให้กฤษณาเป็นคนถามขึ้นมาเสียเอง
" น้องจุนเจือไปไหนมาเหรอลูก .. เป็นยังไงมายังไงถึงเข้าบ้านพร้อมพี่เขาได้ล่ะจ๊ะ? " รอยยิ้มที่พยายามปั้นให้เป็นผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งนั้น ทำไมทินกฤตจะไม่เข้าใจในเมื่อความสามารถพิเศษในการปั้นหน้าเข้าสังคมของเขานั้นมันก็ได้รับการถ่ายทอดมาตามพันธุกรรมนี่ล่ะ
"คุณพ่อ...คุณแม่...มีอะไรจะพูดอย่างนั้นเหรอครับ...ผมรู้ว่าเจนไม่ได้กลับมาที่เมืองไทย ทำไมจะต้องโกหกด้วยล่ะครับ" ทินกฤตมองหน้าแม่ของตัวเองสลับกับใบหน้าขาวซีดของอดีตแม่ยาย
" คุณคะ "กฤษณาหันไปทางยิ่งยศสามีของตนที่ยืนเครียดอยู่อีกมุม เขายกมือขึ้นเป็นเชิงบอกให้ภรรยาเป็นคนจัดการทั้งหมด หล่อนจึงหันไปสบตาราตรีแล้วจึงเดินมาอยู่ตรงหน้าลูกชายของตัวเอง
++++++++++++++++++
พวกเขา..พ่อและแม่ของทินกฤตและจุนเจือได้รับรู้เรื่องบางอย่างจากหนังสือพิมพ์รายวันที่ถูกโยนลงกับโต๊ะทานอาหารในเช้าวันหนึ่ง หลังจากงานการกุศลงานใหญ่นั้นผ่านไปได้ด้วยดีเพียงสองวัน ทำเอาคุณนายกฤษณาที่กำลังนั่งทานโจ๊กร้อนๆอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมองสามีของตนเองอย่างตกใจ
" มีอะไรหรือคะคุณ โมโหอะไรแต่เช้ากัน? "กฤษณาเอ่ยทักสามีใบหน้าที่มีริ้วรอยแห่งวัยดูประหลาดใจอยู่ไม่น้อยกับท่าทีฉุนเฉียวของสามี
"ก็ดูไอ้หนังสือพิมพ์บ้านี่มันเขียนข่าวซิ่...บ้าหรือเปล่า มาหาว่าลูกชายเราหย่ากับเมียเพราะไปเอาน้องแทนน่ะ" เสียงยิ่งยศผู้เป็นสามีเอ่ยอย่างหัวเสียพลางโบกมือ "คุณเอาไปดูเองเถอะไป.....ผมต้องโทรหาทนายแล้วแบบนี้มันกล่าวหากันชัดๆ"
"ว๊าย..น้องไหนกันคะคุณ ลูกเทียนของเราชอบเด็กสาวๆซะที่ไหนกันคะ? " ว่าแล้วก็รีบกลางหนังสือพิมพ์ หน้าข่าวสังคมกับคอลัมน์ซุปซิบนั้น ว่ากันว่าก็เป็นพวกไฮโซด้วยกันนี่แหละที่แอบขายข่าว บางครั้งก็จริงบ้าง บางครั้งก็ไม่จริงเอาเสียเลย ดวงตาเล็กเบิกกว้างเมื่อเห็นข้อความที่ปรากฏอยู่ในนั้น
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะจ๊ะ เซเล็บสาวน้อยใหญ่ทั่วเมืองไทย ที่ประธานบริษัทหนุ่มหล่อไฟแรงแถมยังหม้ายหย่าเมียหมาดๆ ใครก็ว่าเป็นสุภาพบุรุษสุดๆ ที่ไม่เค้ย ไม่เคยชายตาหลีสาวใหญ่สาวน้อยคนไหน จะไม่มีทางตกถึงท้องใคร .. เพราะอะไรน่ะเหรอ .. ก็โดนน้องเมียหน้าสวยงาบไปแล้วน่ะสิคะ คุ๊ณณณณณณ...แหม อนุรักษ์ป่าไม้ก็ไม่บอก!!
"น้องเมีย??...น้องหนูเจนน่ะเหรอ? .. ว๊ายย จะบ้ารึเปล่าคะ คุณ น้องหนูเจนน่ะ เป็นผู้ชายนะคะ!! "คุณนายกฤษณาโวยวายเสียดังลั่นห้องเป็นปกติธรรมดาของครอบครัวคนจีนอยู่แล้วที่แสดงออกไปตรงๆเสมอ
"ก็ถึงได้บอกไง....แล้วนี่คุณจะเอายังไง ผมจะให้ทนายเราโทรไปฟ้องไอ้หนังสือพิมพ์บ้านี่..ซี้ซั้วเขียน!!" ยิ่งยศเองก็เสียงดังไม่แพ้ภรรยา ตื่นเช้ามาก็ตั้งใจว่าจะกินข้าวจิบชาไปตามประสาว่าคนไม่ต้องเข้าไปบริษัทแล้ว กลับต้องมาเจอข่าวคราวอะไรแบบนี้ นี่ถ้าหากว่าเป็นการพูดถึงว่าลูกชายของเขาไปก้อร่อก้อติกกับหญิงสาวคนอื่นที่ไม่ใช่เจนสุดาเขาจะไม่ว่าเลย แต่นี่มัน...ผิดคาดจริงๆ
"ป่านนี้ทางบ้านนั้นจะรู้หรือยังก็ไม่รู้.... เกิดอ่านข่าวเจอไอ้นี่ขึ้นมา ไม่ลมจับกันไปเลยเหรอ ทางนั้นยิ่งอยากให้ไอ้เทียนมันไปง้อหนูเจนกลับมาอยู่ด้วย...นี่คุณโทรหาลูกหัวแก้วหัวแหวนคุณซิ่ ถามมันซิ่ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน!"
" ไม่ได้นะคะ! .. ทำไมเราจะต้องไปเชื่อข่าวพวกนี้ด้วย ลูกเทียนเป็นลุกที่ดีขนาดไหนคุณก็รู้นี่ "หล่อนสูดลมหายใจลึก
"มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว อีกอย่าง เด็กนั่นนั่นก็ทำมารยาทแย่ๆกับลูกเราด้วยซ้ำไป "
ยิ่งยศนิ่งฟังคำของภรรยา...ใช่ เขารู้ว่าลูกชายของเขาเป็นลูกที่ดี...แน่นอนว่าดีในความหมายที่ว่าพอได้มารู้จักกับเจนสุดาผ่านการแนะนำของพวกเขาแล้ว ทินกฤตก็เปลี่ยนจากเล่นๆหัวๆไปวันๆมาเข้าบริษัทอย่างสม่ำเสมอและจริงจังกับงานมากขึ้นเสียจนเขาซึ่งเป็นพ่อเองยังอดที่จะแปลกใจไม่ได้
"แล้วจะปล่อยให้พวกนั้นมันเขียนข่าวพาดพิงแบบนี้เหรอ...คิดถึงบ้านโน้นเขาด้วยซิ่ ถ้าข่าวไปถึงบ้านโน้นเขาก็จะเสียหายด้วยหรือเปล่าหนูเจนจะว่ายังไง" ....
" คุณคะ .. ฉันว่าเราควรจะปรึกษาทางโน้นก่อนดีกว่าค่ะ ยังไงก็โดนพาดพิงกันทั้งสองฝ่ายแบบนี้ .. คุณยศ คุณใจเย็นๆนะ..ให้ฉันจัดการเอง " คุณกฤษณาวางมือลงกับแขนของสามี ท่าทางกังวลใจไม่น้อย ในตอนนี้เธอต้องใจเย็นให้มากกว่าสามี ไม่อย่างนั้นก็จะเสียทั้งสองฝ่าย คิดได้แบบนั้นก็รีบโทรศัพท์ไปที่บ้านของอดีตลูกสะใภ้ทันทีเพื่อปรึกษากับเกี่ยวกับเรื่องข่าวบ้าๆนี่ ... และนี่จึงเป็นที่มาของการอยู่พร้อมกันโดยถ้วนหน้าในวันนี้
++++++++++++++++++
" เทียนไปวังน้ำเขียวกับจุนเจือมาใช่ไหม? "คำถามตรงๆนิ่งๆนั้นทำให้จุนเจือถึงกับสะดุ้งเฮือก ใบหน้าสวยก้มลง ดวงตาหลุบต่ำมองพื้น เห็นท่าทีประหนึ่งคนร้อนตัวไปก่อนของลูกชายนั้นสายตาของคนเป็นแม่อย่างราตรีนั้นมองลูกราวจะขาดใจ
"....ผม?...ไปกับจุนเจือ?...แม่พูดอะไรกันครับผมไปกับเพื่อนมา แล้วนี่เห็นน้องเขาอยู่หน้าปากซอยเลยรับมาด้วย..." ทินกฤตโกหกทันควัน เขาทำมาจนเสียนิสัยไปเสียแล้ว
"จริงใช่ไหมลูก..เจือ ตอบ..แม่มาสิ "น้ำเสียงของผู้เป็นแม่ที่แสนจะจะดีนั้นถามลูกชายของเธออย่างแผ่วเบา
" เจือ..เจอกับพี่เขา..ที่ปากซอยก็เลย.. " ทั้งที่ปากตอบไปแบบนั้นแต่ใบหน้าสวยของจุนเจือยังคงก้มนิ่ง
" ใครมันสั่งสอนให้แกเป็นคนโกหกแบบนี้หา จุนเจือ!! "ยังไม่ทันที่ลูกชายจะพูดจบ จรัญ พ่อที่ใจสลายก็ไม่อาจทนไหว ชายวัยกลางคนนั้นเดินเข้ามาในวงสนทนาทันที หากแต่ผู้เป็นภรรยาก็รีบกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเอาไว้
" อย่านะคุณ จะทำอะไรลูก! .. เชื่อที่ลูกพูดสิ!! "
"
จะไปเชื่อได้ยังไง...พวกมันสองคนไปเริงรัก กอดกันนัวเนียที่วังน้ำเขียว คุณกฤษณาก็เอาไอ้ของพวกนี้มาให้ดูแล้วคุณยังจะเถียงเรอะ!!!"
อดีตพ่อตาที่มักจะดูใจเย็นและยิ้มให้น้อยๆตลอดมาคนนั้นปาซองสีน้ำตาลลงบนโต๊ะตรงหน้าของสองแม่ลูก ภาพถ่ายหลายใบกระเด็นออกมา เผยให้เห็นภาพของทินกฤตและจุนเจือตระกองกอดกันอยู่ที่หน้าบ้านที่วังน้ำเขียว ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีตอนที่พวกเขาเดินจูงมือแวะซื้อของกันที่ห้างก่อนจะเดินทางไปยังที่พักอีก หลากหลายอากัปกิริยาที่พยายามซ่อนเร้นเอาไว้ บัดนี้เปิดเผยออกหมดตรงหน้าของทั้งครอบครัว ทั้งๆที่พวกเขายังไม่ได้เอ่ยปากและไม่แม้แต่จะได้รู้ตัวมาก่อนด้วยซ้ำไป
ทินกฤตเดินไปหยิบภาพพวกนั้นขึ้นมาดู มือแกร่งขยำภาพนั้นจนยับย่นคามือ
"นี่แม่บอกให้คนตามสืบผมอย่างนั้นเหรอ!!!" ชายหนุ่มที่พยายามเก็บซ่อนทุกอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ตลอดตั้งแต่โตมาหันไปตะคอกมารดาเสียงดังลั่น ดวงตาวาวโรจน์ฟันขบแน่นด้วยความไม่พอใจ
" แล้วแกทำแบบนี้ทำไม!? " ร่างเล็กๆกฤษณาปราดเข้าไปเขย่าแขนของลูกชาย น้ำเสียงนั้นราวกับว่าจิตใจของเธอจะสลายด้วยนึกว่าลูกชายจะสำนึกแต่กลับแสดงท่าทีก้าวร้าวออกมาเช่นนี้
" นักข่าวเอาข่าวแกกับมันไปลงนะ .. มัวแต่
กกกันอยู่ในห้องรึยังไง ถึงไม่รู้เรื่องเลยนะหา !? " เธอชี้ไปที่ลูกชายของอีกบ้าน สรรพนามที่เรียกเปลี่ยน ไม่มีไว้หน้า นั่นทำให้ราตรีทนไม่ได้เช่นกัน
" คุณเรียกลูกชั้นว่ามันได้ยังไง ในเมื่อเรื่องนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดังอยู่แล้ว!!
ลูกชายคุณนั่นล่ะ ตัวดี เอาเชื้ออะไรมาติดลูกชายฉันกันแน่!" คำพูดประณามหยามเหยียดนั้นไม่ได้เข้าหูของทินกฤตเลยแม้แต่น้อยเลย
"ใช่ ผมอาจจะไม่รู้เรื่องที่พวกนักข่าวมันไปคุ้ยกันมา...แล้วขอผมถามพ่อกับแม่กลับทีเถอะ เคยรับรู้อะไรกับความเป็นไปของผมบ้างไหม เรื่องที่ผมเป็นเกย์ ที่ผมอดทนปิดพ่อแม่มาเป็นสิบปีเนี่ย
พ่อแม่ไม่เคยสนใจแม้แต่จะสังเกตเห็นความทุกข์ของผมเลยหรือยังไง!..." ทินกฤตเองก็เสียงดังกลับเหมือนกัน สิ่งเดียวที่เขาโกรธในตอนนี้คือผู้เป็นแม่แท้ๆของตนเอง ความอดทนที่มีมาโดยตลอดด้วยไม่อยากจะทำให้ผู้เป็นพ่อกับแม่ต้องเสียใจในสิ่งที่เขาเป็นมันพังครืนลงมาเสีย ณ วินาทีนี้
"สงสัยทำไมถึงไม่ถามล่ะ มองหน้าผม มองตาผม แล้วถามผมซิ่....ไม่ใช่ให้ไอ้หน้าไหนก็ไม่รู้มันมาตามสืบ...ฮ่ะ...กลัวซิ่นะ พ่อแม่ก็กลัวที่จะรับรู้ความจริง พอๆกับที่ผมกลัวที่จะบอกนั่นล่ะ สมกับเป็นพ่อแม่ลูกกันจริงๆ ห่วงกันอยู่แค่สองสามอย่าง หน้าตากับเงิน เพื่อจะปกป้องเรื่องพวกนี้ใช่ไหมที่มันทำให้พ่อแม่ทำได้ทุกอย่างแม้แต่จ้างหมามาคุ้ยเรื่องของลูกเลยใชไหม!"
"ตาเทียน!! " กฤษณาแทบใจสลาย เมื่อได้ยินคำตอบของลูกชาย คนที่เป็นความหวังทุกอย่างของเธอและครอบครัว ใบหน้าสูงวัยที่ฉาบเคลือบด้วยเครื่องสำอางค์นั้นนั้นบูดเบี้ยวด้วยหัวใจที่สลาย เจ็บปวดและเคียดแค้น หล่อนตรงเข้ามาดึงราตรีที่กำลังนั่งตระกองกอดลูกน้อยออกไปทันที มือที่มีแต่รอยเหี่ยวย่นประดับเพชรเม็ดงามตบเข้าที่หน้าเด็กหนุ่มคนที่เธอเรียกว่า "เด็กนั่น" มาโดยตลอด
--เผี้ยะ--"เทียนไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แน่
มันต้องเป็นเพราะแก ไอ้เด็กผี ผีห่าซาตานอะไรดลใจให้แกทำอย่างนี้ แกทำลงไปได้ยังไง!! ใจแกทำด้วยอะไร ถึงได้คิดจะแย่งผัวพี่สาวแกน่ะ!!"
ใบหน้าสวยสะบัดตามแรงตบ พร้อมกับน้ำตาที่ผล็อยลงมาจากดวงตาคู่นั้น ริมฝีปากบางขมเม้ม ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ หรือทำให้ใครรังเกียจไปมากกว่านี้ มือเรียวยกขึ้นไหว้อีกฝ่าย สั่นระริก
"ผม..ผมขอโทษ.. ""นี่ คุณ!! จะมาตบลูกชายฉันแบบนี้ไม่ได้นะ คุณนั่นล่ะ ลูกเป็นเกย์แล้วยังจะให้มาแต่งงานกับลูกสาวฉัน แล้วนี่ยังจะมาเอาตัวลูกเจือของฉันไปอีก มักได้! วิปริตกันหมดทั้งบ้าน!" ผู้เป็นแม่เข้าปกป้องลูกชายคนเล็กของตัวเองทันที
"เจือบอกแม่ซิ่ เทียนมันบังคับลูกใช่ไหม ถึงได้เป็นแบบนี้ ก็แค่โดนมันหลอกใช่ไหมลูก" สองมือของราตรีประคองใบหน้าแดงช้ำของลูกชายขึ้นมาดู
"คิดใหม่ก่อนจะพูดนะครับคุณแม่!
ผมไม่ได้หลอกเจือ...เรารักกัน...ด้วยใจ เจือไม่ได้แย่งผัวใครเพราะผมกับเจนเราไม่เคยมีอะไรกัน...หากในที่นี้จะมีใครโดนหลอก ก็คงเป็นคุณพ่อกับคุณแม่...ทั้งสี่คนนั่นล่ะที่โดนผมกับเจนหลอก อยากให้พวกผมแต่งงานกันนัก เคยถามความรู้สึกความเต็มใจของพวกผมบ้างไหม...วันดีคืนดีก็จับพวกผมมานั่งคู่กันเหมือนจับหมาจับม้ามาทำพันธ์ จับหมั้นกันโดยไม่ได้ถามพวกเราก่อน อยากได้ผลทางธุรกิจกันนัก พวกผมก็จัดให้ไง...แต่งแล้วก็หย่าแม่ง! อยากให้ผมทวนความจำให้ไหมครับว่า พวกพ่อแม่ได้เงินจากที่พวกผมหย่ากันไปคนละกี่ล้าน...ผมมีบัญชีละเอียดเลยล่ะ
อยากได้อะไรพวกผมก็ทำให้ไปหมดแล้ว จะมากะเกณฑ์อะไรกับชีวิตของผม ของเจือ กับ เจนอีก!"
"ตาเทียน!! "เสียงของกฤษณาหวีดขึ้นมาอีกร่างของหญิงสูงวัยง้างมือสูงหมายจะเข้ามาตบหน้าลูกชายตัวดีซักฉาด
"พอได้แล้วคุณ! "คุณยิ่งยศเดินมาดึงแขนของภรรยาเอาไว้
"จะร้องโวยวายเป็นงิ้วไปเพื่ออะไร? "
ท่าทีนั้นทำให้ทินกฤตมองหน้าผู้เป็นแม่และพ่อนิ่ง ใบหน้าที่ทั้งสองคนเคยเห็นว่ายิ้มแย้ม ท่าทีทีเหมือนเป็นคนหลักลอยรักสนุกมาโดยตลอดนั้นเปลี่ยนไป ทินกฤตมองคนทั้งสองด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยและเย็นชาทีสุดเท่าที่สองสามีภรรยาเคยเห็น
"แม่จะร้องเท่าไร จะจ่ายเงินอีกซักเท่าไร มันก็เปลี่ยนผมไม่ได้....ผมทนมามากแล้ว
เจือ มาหาพี่ เราจะไปกันแล้ว" มือแกร่งยื่นไปหาคนรัก
" กูไม่ให้มันไปกับมึง! " จรัญดึงแขนลูกชายที่กำลังจะก้าวออกไปอย่างแรง จนจุนเจือต้องร้องออกมาอย่างตกใจ ดวงตาที่เคยเอ็นดูอดีตลูกเขยบัดนี้กลับมองทินกฤต ด้วยดวงตากร้าว ฝ่ายราตรี แม่ของจุนเจือเองก็กัน สองมือเข้ามาฉุดแขนของลูกชายเอาไว้แน่นดั่งกลัวนักว่าจะเสียของรักไป
" ไม่..ฉันยอมหรอก .. กลับไปซะ พวกคุณทุกคน เราไม่อยากจะเกี่ยวข้องอะไรกับพวกคุณอีกแล้ว! "
“ปากดี ราตรีนี่คุณกล้าไล่ฉันเหรอ!” กฤษณาเองเมื่อโดนไล่เฉกเช่นหมูหมาเช่นนั้นก็ระเบิดอารมณ์ออกมาอีก ร่างเล็กตรงเข้าไปหาราตรีทันที แต่ก็ถูกยิ่งยศ ผู้เป็นสามีคว้าตัวเอาไว้ได้เสียก่อน
"นี่คุณยศ ปล่อยฉันนะ! " เสียงโวยวายจากกฤษณาดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสามีของเธอลากเธอออกจากบ้านหลังนั้น ด้วยเขาอับอายเกินกว่าจะทนอยู่ได้อีกแล้ว ทินกฤตมองดูพ่อของตัวเองกำลังพยายามลากแม่ของเขาออกไป เขาเองก็ต้องตามไปเช่นกัน แต่ต้องมีจุนเจือไปด้วย
"เจือ มาหาพี่" ถึงจะเห็นว่าเด็กหนุ่มโดนรั้งเอาไว้แบบนั้นแต่ทินกฤตก็ยังยื่นมือออกไปอีกครั้ง เขารู้ว่าถ้าจุนเจือจะมาหาเขา เพียงแค่รวบรวมความกล้า เด็กหนุ่มก็จะสามารถสะบัดพันธะทั้งหลายออกมาได้แน่ๆ
"ถ้ามึงไป มึงกับกูไม่ต้องมาเรียกพ่อเรียกลูกกันอีก! "คุณพ่อผู้เคยใจดียื่นคำขาดที่ทำให้เด็กหนุ่มใจสลาย
" พ่อ? "จุนเจือถึงกับร้องไห้ออกมากับคำพูดเด็ดขาดของพ่อผู้ใจดีของตน ใบหน้าสวยหันมาทางคนรัก .. ทำไมเขาต้องเลือกด้วย?..
"ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก!
ไอ้น้องชายที่แย่งผัวพี่แบบนี้! " คุณกฤษณายังไม่ลดละแล้วดิ้นจนหลุดจากสามีก่อปรี่ไปหาลูกชายของตัวเอง
"แกก็ไม่ต้องไปตามมัน ไอ้ลูกเลว ฉันเลี้ยงแกมาตั้งเท่าไร ทำไมถึงได้วิปริตผิดเพศแบบนี้ " ร่างของหญิงสูงวัยพยายามผลักอกของร่างสูงนั้น รวบรวมแรงเศร้าโศกทั้งหมดผลักชายหนุ่ม ครั้งแล้วครั้งเล่า จนเหมือนกับว่าสองมือนั้นจะทุบลงไปบนอกนั้นเสียมากกว่า แต่แรงกระเทือนนั้นกลับไม่เป็นผลใดๆกับทินกฤตเลย แม้ไม่ได้ก้าวขาออกไปเพื่อดึงรั้งคนรักให้กลับเข้ามาซบที่กลางอก แต่ดวงตาที่มองไปยังเด็กหนุ่มคนนั้นกลับพยายามปลอบโยน ตอนนี้หากยิ่งดึงรั้งทุกอย่างคงแย่ลง และอีกฝ่ายคงไม่ดื้อรั้นมาหาเป็นแน่ จุนเจือไม่เคยดื้อรั้นกับบุพการีอยู่แล้ว
"ไม่เป็นไรนะเจือ.... ขอโทษที่วันนี้พี่คงต้องกลับก่อน...แล้วพี่จะมารับเรานะ" มือที่ยื่นออกไปเมื่อครู่ยกขึ้นเชิงบอกให้จุนเจือหยุดและถอยกลับไปพร้อมกับบิดา
จุนเจือไม่กล้าแม้แต่จะตอบรับอะไร ในสถานการณ์แบบนี้ ได้แต่ยืนหอบจากการร้องไห้เสียแบบนั้น ใบหน้าสวยเจ็บปวด ได้แต่สบตาของคนรัก
... จะมารับเหรอ...ทุกคน..ไม่มีใครรับเรื่องของเราได้เลย .. พี่จะมารับเจือได้ยังไงกัน..++++++++++++++++++
talk : พูดไม่ออกเลยทีเดียว...ทิชชู่ไหมคะ?