อากาศเย็นของอำเภอวังน้ำเขียวพัดลอดผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่าง ที่แม้จะปิดเอาไว้ค่อนข้างสนิทแล้วแต่กระนั้นก็ยังไม่พ้นที่ความเย็นจะเข้ามาสัมผัสผิวกายเปล่าเปลือยของสองร่างที่ยังคงตระกองกอดกันอยู่บนเตียงไม้สี่เสา ผ้าม่านสีขาวไหวปลิวน้อยๆ แสงแดดที่ส่องลอดช่องกระจกสำหรับรับแสงเข้ามานั้นตกกระทบลงบนผ้าห่มผืนหนาที่ใช้ปกป้องร่างกายจากอุณหภูมิโดยรอบ
ทินกฤตขยับแขนกระชับกอดร่างอุ่นให้แน่นขึ้น ดวงตาคมปรือขึ้นเล็กน้อยก่อนจะต้องหยีตาลงเมื่อพบกับแสงแดดยามเช้า ความรู้สึกหนาวทำให้ยิ่งไม่อยากขยับ เมื่อรู้ว่ามีร่างอุ่นๆของคนรักให้นอนกอดแบบนี้แล้วยิ่งไม่อยากจะจากไปไหน ริมฝีปากบรรจงจูบที่หัวไหล่ของเด็กหนุ่มที่นอนหันหลังให้ตัวเองแผ่วเบา
"หนาว..แต่กลัวแมวจะหนาวตายซะก่อน..." ทินกฤตยิ้มเมื่อเห็นร่างบางในอ้อมแขนกระชับแขนกอดตัวเองแน่น ท่าจะหนาวใช่ย่อย คิดได้แบบนั้นจึงจำยอมขยับลุกจากเตียงไปหยิบรีโมทแอร์มาปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้น คงช่วยบรรเทาอากาศหนาวให้อีกฝ่ายได้บ้าง ส่วนตัวเองนั้นหรือก็คว้าเสื้อผ้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าปล่อยให้ "แมวน้อย" นอนขดอยู่ในผ้าห่มตามเดิน แต่ก็ไม่วายจะหันกลับมามองด้วยสายตาห่วงใย กลัวว่าจะหนาว อยากปลุกให้ลุกมาอาบน้ำ...แต่ถ้าปลุกก็อาจจะต้องฟังเสียงบ่นไปทั้งเช้าแน่
สัมผัสของผ้าห่มตามมาหลังจากที่เด็กหนุ่มร่างบางรู้สึกหนาวเพราะอุณหภูมิของคนที่นอนกอดเอาไว้ทั้งคืนละจาก คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยก่อนจะปรือตามองหาคนรักของตัวเอง
" อือ..พี่เทียน..ไปไหน..อะ " เสียงงัวเงีย ยังไม่ทันตื่นดีเสียด้วยซ้ำ เมือพบว่าเจ้าของตัวเองหายไปเสียแล้ว "แมวน้อย"ของทินกฤตจึงค่อยๆยันตัวเองลุกจากที่นอน ความปวดร้าวที่เล่นขึ้นมาจากบั้นท้ายทำให้เขาต้องนิ่วหน้าเล็กๆ
"อาบน้ำ..." เสียงตะโกนดังออกมาจากในห้องน้ำ
เมื่อได้รับคำตอบนั้น จุนเจือจึงค่อยๆขยับตัวอีกรอบ คว้าผ้าห่มมาคลุมตัวก่อนจะลุกขึ้น ค่อยๆขยับเดินไปเปิดผ้าม่าน วิวยามเช้าท่ามกลางธรรมชาติ เห็นไร่องุ่นจากไร่ข้างๆ ทำเอาเขาตื่นเต็มตามเลยทีเดียว
++++++++++++++++
เวลาผ่านไปซักพัก แต่จุนเจือยังคงยืนอยู่ที่เดิม ทินกฤตเดินกลับออกมาจากในห้องน้ำ สวมเสื้อเสว็ตเตอร์สีเขียวเข้ม อากาศหนาวไม่น้อยไม่อบอุ่นร่างกายไว้จะแย่เอา แต่แล้วก็ต้องยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำนั่นเอง...ภาพตรงหน้าของร่างบางคลุมทับด้วยผ้าห่มผืนหนา เส้นผมสีน้ำตาลแดงสะท้อนกับแสงแดดนั้นดูจะเป็นประกายโดดเด่นท่ามกลาง แสงสะท้อนจ้าจากผ้าห่มสีขาวที่ราวกับจะทำให้ร่างตรงหน้านั้นเลือนหายไปกับแสงแดด
.....เจิดจ้าจนอยากจะหยุดเวลาเอาไว้......".....เดี่ยว....ก็เป็นหวัดหรอก"
" ก็ดีสิ..พี่จะได้หยุดงานมาดูแลคนไม่สบายไง " จุนเจือหันมาต่อปากต่อคำได้ทุกที รอยยิ้มสวยปรากฏบนใบหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะเดินไปเปิดประตูที่ต่อกับระเบียงชั้นบนของบ้าน เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ แต่เมื่อเปิดประตูออกไปก็ต้องกระชับผ้าห่มคลุมกายเสียแน่น
" หนาว.. "
"ยืนแก้ผ้าท้าลมหนาวหรือไง..." ถึงจะพูดแบบนั้นทินกฤตกลับเดินเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง กระชับผ้าห่มที่คลุมร่างบางให้ห่อร่างนั้นให้มากขึ้น และหวังว่าอีกฝ่ายจะได้ไออุ่นจากเขาไปด้วย
"สวยนะ..."ร่างสูงเอ่ย
" เจือ หรือว่า วิว เหรอ..ที่ว่าสวยน่ะ? " จุนเจือยิ้มกับอ้อมกอดอุ่นๆนั้น แล้วหันหน้าไปถามพลางทำหน้า "สวยๆ" ให้อีกฝ่าย
"หลงตัวเองจริง....ชมวิวต่างหาก" ทินกฤตว่าพลางหัวเราะปลายนิ้วแต่ที่จมูกอีกฝ่าย นึกอยากจะบิดให้รู้แล้วรู้รอด
เสียงหัวเราะนั่นทำเอาจุนเจือต้องหันกลับมาพลางทำหน้ามุ่ยเป็นแมวหน้ายุ่งได้เหมือนแรกๆที่ไม่ชอบหน้าผู้ชายคนนี้
"อ้าว หรือพี่พูดไม่จริง น่ะ ทำหน้ายุ่งอีกแล้วเดี๋ยวไม่น่ารักนะ หน้าจะแก่เร็วเข้าใจไหม" ทินกฤตยังแหย่เด็กหนุ่มต่อไม่วายจูบริมฝีปากนั้นแผ่วเบา
" อื้อ.. "เด็กหนุ่มอ้าปากจะเถียงแต่ก็โดนจูบเอาไว้เสียก่อน เจ้าของร่างเพรียวบางถอนริมฝีปากออกห่าง เมื่ออีกฝ่ายผละออกจากริมฝีปากของเขา
" เจือยังไม่ได้แปรงฟันเลยนะ..เหม็นแย่ "
"ไม่เห็นเป็นไร...
อย่างอื่นก็จูบมาแล้วกลัวอะไรกะแค่ปากเหม็น" ดวงตาคมสบตาอีกฝ่ายมีเลศนัย ริมฝีปากอมยิ้มน้อยๆเหมือนทุกครั้ง
คำว่าอย่างอื่นที่ทินกฤตพูดถึงนั้น ก็คงไม่พ้นเรื่องทะลึ่งตึงตังอีกตามเคย ชายหนุ่มมักจะแหย่ให้เขาจนคำพูดด้วยเรื่องแบบนี้อยู่ตลอด นี่คงเป็นเรื่องเดียวที่จุนเจือไม่สามารถต่อล้อต่อเถียงได้เลย ได้แต่มองไปทางอื่นพร้อมกับใบหน้าที่แดงขึ้นเล็กน้อย
"เขินพี่เหรอ..." เสียงทุ้มเอ่ยถามดังเพียงกระซิบ
" ก็ชอบพูดแบบนี้ตลอดนี่..คนแก่ลามก " ประโยคหลังนั้นเด็กหนุ่มพึมพำในคอเบาๆ ไม่กล้าพูดเสียงดัง
"หืม?....อะไร?...."ทินกฤตยิ่งยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีก
"ว่าใครลามก ว่าใครแก่นะ..."
" อ้าว..ได้ยินเหรอ เจือนึกว่า คนแก่ต้องหูตึงซะอีก "ริมฝีปากสวยยิ้ม พลางพูดแหย่แต่ก็ขยับหน้าหนี
" ใครรู้ตัวว่าแก่แล้วยังลามกก็คนนั้นแหละ "
"อืม...ก็ดีนะ แก่แล้วลามกแบบนี้ยังได้เมียเด็กโคตรฮอทแบบนี้พี่ก็ยอมแก่ล่ะวะ" ทินกฤตว่าสองแขนกระชับร่างของอีกฝ่ายเข้าหา พลางจูบที่ข้างแก้มของแมวหน้ายุ่ง
"เข้าไปข้างในเถอะ...เดี๋ยวเป็นหวัดนะครับ"
" นี่..จะเข้าไปอาบน้ำแล้วนะ ห้ามตามเข้าไปด้วย เข้าใจไหม? " เด็กหนุ่มพูดดักคอ ก่อนจะชวน
" วันนี้เจืออยากไปเที่ยวไร่องุ่นด้วย..อาบน้ำแล้ว เราไปกันนะ "
"ครับๆ ไม่ตามครับ "ทินกฤตยกมือขึ้นทั้งสองมือ
"เอาเป็นว่าพี่ลงไปทำอะไรให้เรากินก่อนละกัน...รออยู่ข้างล่างนะ"
" ครับ " เด็กหนุ่มยิ้มก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เพราะว่าสายมากแล้ว หากจะไปเที่ยวไร่ก็ควรต้องทำเวลาเสียหน่อย
++++++++++++++++
ไร่องุ่นที่อยู่ห่างออกไปจากบ้านพักคือที่หมายของคนทั้งคู่ ไร่องุ่นขนาดใหญ่แบ่งส่วนออกเป็นไร่องุ่นสำหรับทานสด และไร่องุ่นทำไวน์ แต่สำหรับจุนเจือที่ดื่มไวน์มาตั้งแต่เมื่อเย็นวานไปแล้ว วันนี้จึงสนใจองุ่นสดพวงสีม่วง ที่พร้อมให้นักท่องเที่ยวเก็บได้ ร่างบางดูจะกระตือรือร้นในการเก็บองุ่น มือเรียวคว้าตะกร้ากับกรรไกรเล็กสำหรับตัดขั้วพวงองุ่น ส่วนมืออีกข้างก็คว้าแขนทินกฤตให้ตามมาด้วยกัน องุ่นมากมายในตะกร้าถูกจัดใส่กล่องขนาดใหญ่อย่างดี ซึ่งเด็กหนุ่มเองก็ตั้งใจว่าจะแบ่งเอาไปฝากทางบ้านด้วย หลังจากเพลิดเพลินกับการเก็บองุ่นก็ ทานอาหารกลางวันเสียในร้านอาหารในไร่นั้น
ช่วงบ่ายก็เริ่มหากิจกรรมสนุกๆทำด้วยการขับรถ ATV กินลมชมวิวไปด้วยกัน จุนเจือดูจะกลัวแดดน้อยลงมากหลังจากได้ผ่านการฝึกงานวิศวกรที่ต้องออกไซต์งานก่อสร้างในช่วงหลังมานี้ แต่ก็ไม่วายที่จะค้นกระเป๋าแล้วทาครีมกันแดดให้ทั้งตัวเองและทินกฤต ปากก็บรรยายคุณสรรพที่ดีของครีมกันแดดไปด้วยเสียแบบนั้น
ทินกฤตลอบมองใบหน้ายิ้มแย้มของจุนเจือ พลางคิดในใจว่าเขาควรจะต้องรีบทำอะไรเพื่อคนตรงหน้านี้ได้แล้ว จนถึงตอนนี้ พวกเขาต่างก็ทำเพื่อตัวเองกันมามากแล้ว ...
....การโกหกหลอกลวงที่รังแต่จะทำให้เจ็บปวดนี่ควรจะต้องจบลงเสียที.....++++++++++++++++
"เจือ..." ชายหนุ่มเอ่ยขณะที่กำลังช่วยอีกฝ่ายหิ้วกระเป๋าลงมาใส่ที่รถ พวกเขากำลังจะเดินทางกลับ มันเป็นสามวันสองคืนที่มีแต่ความสุข และเขาไม่อยากให้มันหยุดลงแค่นี้อีกต่อไป หลังจากครุ่นคิดมาตลอดตั้งแต่บ่ายเมื่อวาน ดวงตาคมสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง
"ถ้า...กลับไป...เราไปบอกพวกพ่อกับแม่กันนะ ""พี่เทียน?" ริมฝีปากบางเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างตกใจ ก่อนจะถามออกมา
" ไม่เป็นไรจริงๆเหรอฮะ..
เจือกลัว..ถ้าพ่อแม่รับเราไม่ได้ แล้วจะทำยังไง " ดวงตาคู่สวยหลุบต่ำมองพื้น ท่าทางกลัวเหมือนเด็กเล็กๆ
"พี่ก็กลัว...แต่พี่ไม่อยากเห็นเจือหนีแล้ว...พี่เองก็จะไม่หนีเหมือนกัน...เราต้องบอกเขา ไม่ว่าผลมันจะเป็นยังไง เราก็ต้องบอก ...เขาจะไล่เรา ด่าเรา ก็ไม่เป็นไร
ขอแค่พี่มีเจืออยู่พี่ก็ไม่กลัว..." มือแกร่งยื่นออกไปจับใบหน้าสวยนั้นให้มองหน้าตัวเอง...
"และพี่ก็จะอยู่เพื่อเราเหมือนกัน..."สัมผัสของมือแกร่งอุ่นๆและคำพูดของชายหนุ่มทำให้จุนเจือต้องเงยหน้าจากพื้นขึ้นสบตา ดวงตาคู่คมฉายแววมั่นคง และจริงจังในคำพูดจนรู้สึกได้ และในเมื่อรักคนตรงหน้าขนาดนี้ เขาก็ควรจะเชื่อมั่นในตัวของทินกฤตสิ เส้นผมสีน้ำตาลแดงขยับเบาๆเมื่อพยักหน้าให้คนตรงหน้า
" อืม..เจือเชื่อพี่.. "คำพูดพร้อมกับร่างบางที่โผกอดคนรักราวกับเด็กเล็กๆ เขาต้องการพลังที่จะเผชิญกับความจริง ต้องการความอบอุ่นเพื่อที่จะกล้าพอที่จะเดินไปพร้อมกับคนๆนี้
ทินกฤตไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่ลูบเส้นผมนุ่มมือนั่นเบาๆ ....ดวงตาคมมองท้องฟ้าสวยเบื้องบน เขาเองก็ต้องการพลังที่จะก้าวไปบอกความจริงต่อหน้าพ่อกับแม่ของเขาเช่นกัน
++++++++++++++++
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเมื่อทินกฤตขับรถกลับมาจนเข้าเขตกรุงเทพ หน้าจอโทรศัพท์ขึ้นว่า "แม่"
"ฮัลโหล แม่เหรอครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ?"
"เทียนอยู่ไหนแล้วลูก " เสียงสูงของกฤษณาดังลอดออกมาจนจุนเจือที่นั่งอยู่ข้างๆยังได้ยิน เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกในใจ ... เพราะแม่ของคนรักไม่ค่อยจะโทรมาหาสักเท่าไหร่
"เอ่อ...ก็ใกล้ถึงบ้านแล้วล่ะครับ.." ทินกฤตหันไปมองหน้าของจุนเจือเล็กน้อยก่อนจะขับรถต่อไป
"มีอะไรเหรอครับ?"
"ตอนนี้พ่อกับแม่อยู่ที่บ้านหนูเจน..แม่หนูเจนว่าเมียเราน่ะหายงอนลูกแล้วนะจ๊ะ รีบๆไปง้อเถอะลูก เชื่อแม่นะ " ผู้เป็นแม่ยังคงยกเรื่องนี้มาพูดอยู่เสมอๆ หากว่ามีโอกาส
"หาย...งอน?" ทินกฤตถึงกับถามขึ้นมาเสียงสูง เริ่มรู้สึกไม่ดีกับคำพูดของแม่ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยในเมื่อเจนสุดากับเขาไม่เคยมีเรื่องงอนอะไรกัน ทุกอย่างก็เป็นแค่คำโกหกพกลมมาโดยตลอด
"แล้ว...ยังไงครับ คุณแม่จะให้ผมทำยังไง" แต่กระนั้นก็แสร้งทำตัวไม่รู้เรื่องต่อไป
"ก็ไปง้อสิ..ทางนี้งานก็ซาๆไปแล้วนี่ แม่โทรเช็คกับศักดิ์ชัยเค้าแล้วนะ .. รีบไปง้อหนูเจนเถอะจ๊ะ แบบนี้แม่ไม่สบายใจเลย " คุณกฤษณาถอนหายใจ
"แล้วแม่จะให้ผมไปหาเจนเขาที่ไหนครับ...เจนเขาหนีผมไปญี่ปุ่นแล้ว... ให้ผมไปง้อตอนนี้คงได้ทำวีซ่าอีกเดือน"
"ที่จริงแม่ก็กะว่าจะเซอร์ไพรซ์เสียหน่อย แต่เนี่ย...
หนูเจนเพิ่งกลับมานี่แหละ รีบๆมาที่บ้านหนูเจนเดี๋ยวนี้เลยนะ แม่จะรอ "
คำพูดของผู้เป็นแม่ทำให้ทินกฤตถึงกับนิ่งเงียบ ไม่มีทางเลยที่เจนสุดาจะกลับมาเมืองไทย อย่างน้อยก็โดยที่ไม่บอกเขาหรือจุนเจือก่อน หญิงสาวคนนั้นทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อที่จะหนีไปให้ไกลสุดหล้า ไปให้พ้นจากสังคมที่ยังไม่เคยให้คำตอบอย่างจริงใจที่จะยอมรับผู้ทีมีรสนิยมรักร่วมเพศอย่างพวกเขา แล้ว มีหรือที่เธอจะกลับมาง่ายๆ นี่คงเป็นทริคอะไรที่พ่อกับแม่ของเขาใช้เป็นแน่
"ครับ คุณแม่...แล้วผมจะขับรถไปที่บ้านโน้นเลยนะครับ" ทินกฤตว่าก่อนจะตัดสายไป จุนเจือคงได้ยินสิ่งที่พูดทุกอย่างแล้ว
"พ่อกับแม่ต้องเล่นอะไรกันอยู่แน่ๆ...."
" เจือว่ามันแปลกอะ..ทำไงดี..พี่ไปส่งเจือที่BTS ก็ได้ เดี่ยววันนี้เจือกลับคอนโด ดีไหม? " เด็กหนุ่มเองก็รู้สึกได้ จากข้อมูลที่ได้รับมา เจนสุดา ไม่มีทางกลับเมืองไทยตอนนี้แน่นอน ถ้ากลับเธอก็ต้องติดต่อเขาก่อน
"ไม่เป็นไร...ไปด้วยกันนี่ล่ะ ให้พี่จัดการเอง... ของๆเจือก็เอาไว้บนรถพี่ก่อน อยากรู้เหมือนกันว่าพ่อกับแม่จะเล่นอะไร" มือแกร่งเอื้อมไปจับมือของเด็กหนุ่มเอาไว้ พวกเขาตัดสินใจแล้วหากจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะบอกพ่อกับแม่มันเสียตรงนั้นเลย คิดพลางเหยียบคันเร่ง รถเอสยูวีคันใหญ่ของทินกฤตพุ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว
++++++++++++++++
talk : เริ่มเข้าไคลแมกซ์แล้วค่ะ มาเอาใจช่วยทั้งคู่นะคะ