แม้จะมีความกดดันขมๆซุกซ่อนอยู่ภายใต้ความความสัมพันธ์ที่เร่าร้อนหากแต่อ่อนหวาน แต่ดูเหมือนว่าทินกฤตและจุนเจือจะพยายามที่จะลืมเลือนมันไป ยามเมื่อได้ลองลิ้มถึงความหอมหวานที่เนื้อในของแอปเปิ้ลแล้วคงไม่มีใครสนใจรสชาตเฝื่อนของเปลือกสีแดงสดที่ยั่วยวนใจ ทั้งสองคนยังคงเล่นบทคู่กัดในที่ทำงานกันต่อไป แต่กระนั้นจุนเจือก็ทำตัวดี ตั้งใจทำงานขึ้นมามากเพราะอย่างไรเสียนี่ก็เป็นช่วงสุดท้ายของการฝึกงานแล้ว นักศึกษาฝึกงานคนนี้ก็ทำตามคำที่ทินกฤตเคยพูดเอาไว้เป็นอย่างดี เพียงเพื่อจะได้เอ่ยชมกัน แสดงออกซึ่งความอ่อนโยนให้กันและกันในที่ทำงานได้อย่างเหมาะสมแก่โอกาสและสถานที่
โทรศัพท์ยอดฮิตถูกใช้เพื่อนัดพบกันในแต่ละครั้ง ทั้งนัดทานข้าวกันในที่ๆห่างจากออฟฟิตอย่างร้านกาแฟของรามินทร์ หรือแม้แต่ใช้เวลาชั่วคราวในการนั่งดูจุนเจือเล่นเกมส์ที่คอนโด ก่อนจะจบลงด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่เคยข้ามคืน .. ไม่ว่าจะดึกขนาดไหน ทินกฤตก็ต้องกลับไปนอนที่บ้านเสียทุกคืนไป..ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความผิดที่อยู่ในใจ
+++++++++++++++++
ทินกฤตหยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กขึ้นมาเช็คอยู่เรื่อยๆ เขารู้ว่าอีกซักพักจุนเจือก็จะมาถึงที่บ้านของเขาเพื่อทานข้าวเหมือนเช่นทุกครั้ง ส่วนเขาก็จะอาสาไปส่งเด็กหนุ่มคนนั้นเหมือนเช่นทุกที คราวนี้เขาขอให้จุนเจือ โทรไปบอกเจนสุดาก่อนว่าจะมาทานอาหารที่บ้าน
"ไก่ทอดยังไม่เสร็จอีกเหรอเจน..." เพราะว่าเห็นเจนสุดาสับกระเทียมอยู่จึงนึกว่าอีกฝ่ายจะทำไก่ทอดกระเทียมเหมือนเช่นคราวก่อน
"ไม่ๆ เทียนวันนี้เจนทำเนื้ออบคงนนานหน่อย นี่ไม่เคยทำเลยนะ ลองดู คงได้นั่งเฝ้าหน้าเตาแน่งานนี้ กลัวไหม้น่ะ" เสียงเจนสุดาตอบกลับพลางกอบเอากระเทียมสับไปใส่ลงในโถ นี่คงคิจะทำอะไรสอดไส้ใส่ไส้ด้วยเป็นแน่
"ไม่เคยทำแล้วลองทำวันนี้เหรอ...เยอะไม่ใช่เหรอนั่น.... " ทินกฤตทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ว่าจะมีใครมาทานข้าวด้วยหรือไม่
"อื้ม วันนี้เจือจะมากินข้าวด้วยน่ะ เนี่ยอยู่ๆก็โทรมา เกือบเตรียมของไว้ให้ไม่ทันแน่ะ" หญิงสาวว่าพลางถอดแว่นตาทิ้งไว้อีกทาง เหงื่อมันคอยจะไหลเข้าตาตลอดจนต้องยกมือปาดอยู่เรื่อยและแว่นตาของเธอนั้นก็เกะกะเสียเหลือเกิน
"อ้อ เหรอ....วันนี้ก็มีคนแย่งกินซิ่นะ" ทินกฤตทำเป็นพูดประชดประชัน แต่เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมาอีกจนได้
"แหม เทียน...ช่วงนี้โทรศัพท์ดังบ่อยนะ ตั้งแต่ได้เครื่องใหมม่มาเนี่ย แฟนเหรอ" เสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่แทบจะตลอดเวลานั้นทำให้อดจะแซวออกไปไม่ได้ ดูเหมือนพฤติกรรมการใช้มือถือของทินกฤตจะเปลี่ยนไปเป็นหน้ามือหลังมือหลังจากได้โ?รศัพท์ยี่ห้อดังเครื่องใหม่นี้มา เหมือนจะคอยเช็คอะไรอยู่ตลอด และก็ เป็นคนละเครื่องกับโทรศัพท์ที่ใช้ทำงานเสียด้วย แต่เธอก็ไม่เคยไปแอบดูโทรศัพท์ของทินกฤต เจนสุดาคิดว่ามันเป็นละเมิดความเป็นส่วนตัวกันมากเกินไป
"อ่ะ...ไม่มีอะไรหรอก ก็พวกข้อความขยะน่ะ ... ขายนั่นนี่ โหลดนั่นนี่น่ะ" ทินกฤคหาข้ออ้างไปเรื่อยก่อนจะเดินไปนั่งรอที่โซฟา ท่าทางเจนสุดาจะง่วนกับการทำครัวอยู่พักใหญ่ โดยที่หารู้ไม่เลยว่า การทำเนื้ออบนั้นเป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่จะหาทางสอดส่องสังเกตการณ์พฤติกรรมของน้องชายตัวเองและสามีกำมะลอคนนี้ต่างหาก
+++++++++++++++++
เพียงไม่นานหลังจากสัญญาณโทรศัพท์ของทินกฤตดัง เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น เจนสุดาละมือจากในครัว แน่ใจว่าต้องเป็นน้องชายแน่ๆ หญิงสาวรีบเปิดประตูบ้านก่อนจะกอดน้องชายเสียเต็มรัก
" มาแล้วครับ..คิดถึงพี่เจนจังเลย "เสียงนุ่มเอ่ยอ้อนพี่สาวร่างเล็ก พลางกอดตอบ หากแต่สายตากลับมองเลยไปที่ห้องนั่งเล่น ทินกฤตนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงนั้น
"คิดถึงๆ นี่ๆ วันนี้ทำเนื้ออบด้วยล่ะ..." เจนสุดาว่าพลางเงยหน้ามองหน้าน้องชาย เหมือนจะสังเกตท่าทางของเด็กหนุ่มอยู่มากกว่า
" เนื้ออบ..นานไหมเนี่ย เจือหิ้วท้องมารอเลยนะ หิวมากกกกก "เด็กหนุ่มย้ำคำในประโยคหลัง แล้วหันมาสนใจพี่สาวของตน ริมฝีปากบางยิ้มหวานก่อนจะเปิดกระเป๋า หยิบกล่องดีวีดีออกมาให้พี่สาว
" นี่ไงที่พี่เจนว่าอยากได้ .. พอดีมีเพื่อนไปหามาให้ล่ะ พี่ต้องชอบแน่ๆเลย "จุนเจือเองก็รู้สึกผิดต่อพี่สาว ดังนั้นจึงพยายามเสาะหาสิ่งที่เธอชอบมาให้อยู่เสมอ อย่างน้อยก็ช่วยลบล้างความรู้สึกผิดในใจไปได้บ้าง เวลาที่เห็นรอยยิ้มของเจนสุดา
"ตายแล้ว...เรื่องนี้อยากดูมาก ไปหามาจากไหนเนี่ย" เห็นชื่อซีรีย์บนกล่องดีวีดีเจนสุดาก็ต้องร้องออกมา เธอเริ่มเบื่อซีรีย์ที่อลิสส่งมาให้เสียแล้ว
" พี่เจนชอบก็ดีแล้วล่ะ .. เจือน่ะจะหามาให้พี่เจนทุกเรื่องเลย รับรองๆ "เด็กหนุ่มยิ้มเมื่อเห็นรอยยิ้มของพี่สาว ท่าทางดีใจของเธอทำให้เขาพลอยมีความสุขไปด้วย
"จ้า ขอบใจนะ เอ้อ ไปนั่งดูทีวีกันก่อนนะหนุ่มๆ เดี๋ยวแจ๋ว เอ้ย เจนจะเข้าครัวเดี๋ยวนี้ละเจ้าค่ะ" ว่าพลางก็ถอนสายบัวให้จุนเจือเสียหนึ่งทีก่อนจะกึ่งเดินกึ่งกระโดดไปที่ห้องครัว ยังมีงานให้ทำอีกมาก แต่เธอเร่งมือทำเนื้ออบตัวจริงไว้ก่อนแล้ว ดังนั้น การอบครั้งนี้ คงไม่ต้องมาหวังประกันรสชาตอะไรกันมากมายนัก
....จะได้เป็นสายสืบก็ดีหรอก.....
....แต่ต้องมาสือบเรื่องน้องกะเทียนเนี่ย....
....มันก็รู้สึกแย่เหมือนกัน....+++++++++++++++++
จุนเจือถอนหายใจเมื่อพี่สาวเข้าครัวไปแล้ว ก่อนจะเดินไปที่ห้องนั่งเล่น ที่โดดเด่นด้วยโทรทัศน์จอใหญ่ ทินกฤตนั่งอยู่ที่โซฟาตัวโปรดตามที่นัดกันไว้ จุนเจือมองคนรักของเขาที่ทำกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
" พี่เทียน " เสียงนุ่มเรียกชื่อพี่เขยเบาๆ
ทินกฤตลดหนังสือพิมพ์ลง มองอีกฝ่าย ริมฝีปากคู่นั้นยิ้มน้อยๆ
เด็กหนุ่มหันไปมองในครัว เพื่อให้แน่ใจว่าเจนสุดาจะไม่ได้หันมา ก่อนจะนั่งลงที่โซฟาข้างๆทินกฤต
"ทำงานเสร็จไหมวันนี้" ทินกฤตชวนคุยเรื่องทั่วไป เขาไม่แน่ใจนักว่าเจนสุดาจะได้ยินบนสนทนาของพวกเขาหรือเปล่า แต่ฟังดูจากชื่อเมนูแล้วดูท่าเธอคงจะง่ววนอยู่ในครัวได้อีกพักใหญ่
" เสร็จพรุ่งนี้ก็แล้วกัน..ไม่ต้องห่วงหรอก ผมน่ะทำเสร็จอยู่แล้ว " จุนเจือเองก็ต่อปากต่อคำเช่นทุกครั้ง ก่อนจะสบตาคนรักนิ่ง
" ก็ฝึกงานใกล้จบแล้วนี่..ผมก็อยากให้ผ่านไปแบบได้เกรดดีๆหรอก "
"ก็อยากจะให้เกรดดีหรอก ถ้ากราฟความตั้งใจมันไม่กระเด้งกระดอนเป็นลูกบาสแบบนั้น"ว่าพลางก็ทำมือขึ้นๆลงๆล้อเลียนอีกฝ่าย
" ไม่รู้ล่ะ..พี่ต้องให้เกรดดีๆกับผมด้วย " มือเรียวจับข้อมืออีกฝ่าย พลางทำหน้ามุ่ย ดวงตาคู่สวยหันไปทางห้องครัว ที่ดูเหมือนเจนสุดาจะไม่สนใจอะไร ก่อนจะดึงมือแกร่งนั้นมา จูบเบาๆที่ฝ่ามือนั้น พึมพำกับมือนั้นแทบเป็นเสียงกระซิบ
" ผม..คิดถึงพี่ "
"คิดถึงอะไรกัน เพิ่งเจอกันเมื่อกลางวัน..." ทินกฤตหัวเราะออกมาเบาๆ พลางใช้ปลายนิ้วจับจมูกของอีกฝ่ายเอาไว้ บีบเบาๆ
"อ้อนเหรอ เดี๋ยวนี้น่ะ"ดวงตาคมสบกับตาของจุนเจือนิ่ง ก่อนจะขยับถอยออกมา หลังจากวันนั้นแล้วเขาพยายามแล้วที่จะไม่นัดจุนเจือมาที่บ้าน แต่บางครั้งเจนก็อยากจะเจอจุนเจือ มันเป็นความสัมพันธ์ที่ห้ามไม่ได้ที่จะให้พวกเข้า ไม่เจอกัน
" ผมก็อ้อนแบบนี้แหละ..ชอบแบบเย็นชาไหมล่ะ จะได้จัดให้"เด็กหนุ่มยิ้มท้าทายอีกฝ่าย ไม่ต่างจากแรกๆที่รู้จักกัน
"ฮ่ะๆ...มันน่าขำมากกว่า พอมาเห็นแบบอ้อนๆแล้วน่ะ" เห็นรอยยิ้มที่อีกฝ่าย "แสดง" ให้ดูนั้นก็อดที่จะขำไม่ได้
"เรานี่เป็นแบบไหนกันนะจุนเจือ...ที่เป็นแบบนี้ หรือ เป็นเจ้าเด็กแสบที่เกลียดเกย์คนนั้นน่ะ"
" แล้วพี่ชอบแบบไหนมากกว่าล่ะฮะ.. " เด็กหนุ่มยิ้มหวาน ก่อนจะยื่นหน้าไปแตะริมฝีปากบางของชายหนุ่มเบาๆ
" อยากให้อ้อน หรือ ด่า? "
"ไม่รู้ซิ่ เลือกไม่ได้หรอก จะด้านไหนก็เป็นเราไม่ใช่หรือไง เป็นจุนเจือ" มือแกร่งลูบโครงหน้าสวยของเด็กหนุ่มแผ่วเบา เขาก็แค่อยากจะมีเวลาที่ได้นั่งคุยกับอีก่ฝ่ายแบบนี้
"แล้วเราชอบพี่แบบไหนกันนะ"
" ไม่รู้..สิฮะ.. "จุนเจือหลับตา พยายามนึกตามสิ่งที่ชายหนุ่มถาม ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วยิ้มหวานให้คนรัก
" จะแบบไหน ผมก็ชอบพี่ทั้งแหละ "
คำตอบนั้นเหมือนจะทำให้ดีใจ แต่อีกใจก็อดจะห่วงไม่ได้มันเป้ฯความรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูก
"เหรอ.... พี่มีหลายแบบเหรอ" ว่าพลางก็สะกิดให้จุนเจือลุก
"ไหนทำท่าให้ดูหน่อยซิ่ว่าพี่มีแบบไหนบ้าง เราคงโพสต์ได้ดีกว่าพี่ ฮ่ะๆ"
" ฮะ ฮะ .. อย่าให้ลองทำนะ เดี๋ยวเถอะ " เด็กหนุ่มร่างสูงเพรียวลุกขึ้น ก่อนจะชี้หน้าคนตรงหน้า
" ทำงานให้เสร็จ..ไม่งั้นไม่ต้องกลับบ้าน "ทำหน้ายักษ์ใส่อีกด้วย ดูยังไงก็ใส่ความทินกฤตชัดๆ
"ฮ่ะๆ "ทินกฤตเผลอหัวเราะออกมาเสียงดังจนต้องรีบปิดปาก เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าเลียนแบบตัวเอง ก่อนจะชี้นิ้วถาม
"เป็นแบบนี้จริงดิ่"
จุนเจือพยักหน้าแรงๆ เป็นการยืนยันก่อนจะจิ้มที่ริมฝีปากของคนรัก
" ชอบว่าๆๆๆ ผมด้วย "
"โอ้ยๆ เจ็บครับๆ...ก็น่าว่าไหมล่ะ ขอโทษนะเรื่องงานเรื่องความรักเนี่ย ถ้าเป็นไปได้พี่จะจับแยก....กันให้ได้มากที่สุด"ว่าพลางก็ดึงมือของเด็กหนุ่มออกมืออีกข้างก็ทำท่ากางออกกว้างเน้นถึงความคิดของตัวเองที่มีมาโดยตลอด
"แต่...." ก่อนจะอ้อมกลับไปจับที่ท้ายทอยของเด็กหนุ่มให้ก้มลงมาแตะริมฝีปากกับตัวเองเบาๆ
"ตั้งแต่เจอเราเนี่ย ....กฏของพี่มันก็พังลงมาหมดเลย"
" ตั้งแต่คบกับพี่..ผมก็กลายเป็นเกย์เหมือนกันนั่นแหละ "ริมฝีปากบางกระซิบต่อปากต่อคำอีกฝ่าย ได้ตลอด
"......โห พูดซะตรง...." ทินกฤตยิ้มน้อยๆ มือที่อยู่ที่ต้นคอเปลี่ยนไปสัมผัสเส้นผมนิ่มมือยึดศีรษะของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่ตัวเองจะจูบเม้มริมฝีปากบางนั้นอีกครั้ง ปลายลิ้นเล็มเลียริมฝีปากล่างของเด็กหนุ่มจนจุนเจือเผยอรับปลายลิ้นของเขาเข้าไป
มือที่ดึงท้ายทอยเขาให้ก้มลงมา พร้อมกับมอบจูบเร่าร้อนนั้นทำให้ร่างบางต้องทรุดลงนั่งคร่อมร่างของคนที่นั่งบนโซฟาอย่างช่วยไม่ได้ จุนเจือยันเขาข้างหนึ่งกับเบาะข้างตัวคนรักก่อนจะลูบกับแผ่นอกแกร่งผ่านผ้าลำลองเนื้อดีไปมา ริมฝีปากบางเผยอกว้าง ตวัดดูดรัดปลายลิ้นร้อนของคนรักแล้วจูบตอบกันไปมานัวเนียอย่างเร่าร้อน
ทินกฤตเองก็ตอบรับสัมผัสนั้นด้วยปลายนิ้วที่หยอกล้อเล่นกับยอดอกของอีกฝ่ายผ่านผิวผ้า ก่อนเลื่อนไปปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของอีกฝ่ายลงเพียงเพื่อจะสอดมือเข้าไปสัมผัสกับผิวเนื้อเนียน ร่างสูงละริมฝีปากออกจากอีกฝ่าย ก่อนจูบลงบนผิวเนื้อใช้ฟันขบเบาๆบนกายของจุนเจือ ได้ยินเสียงหอบหายใจดังจากร่างบางในอ้อมแขน
เสียงหอบหายใจ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งคร่อมกับร่างของพี่เขย ริมฝีปากบางเองก็จูบลงที่ลำคอแกร่งเข่นกัน แต่ก็ไม่ได้ทิ้งร่อยรอยใดๆเอาไว้
"อ่ะ...เจือ....."ทินกฤตเผลอครางออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาชอบที่อีกฝ่ายทำแบบนี้ให้ สองมือแกร่งประคองใบหน้าสวยขึ้นมาสบตาอีกครั้งก่อนจะมอบรสจูบเร่าร้อนให้ ปลายลิ้นสอดใส่ไล้เล็มความหวานหอมจากริมฝีปากของเด็กหนุ่มอย่างลืมตัวลืมใจไปว่าตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่บ้าน โดยที่มีภรรยาตามกฏหมายของตัวเองกำลังทำครัวอยู่
+++++++++++++++++
ฝั่งสายสืบลับอย่างเจนสุดา ไปๆมาๆ ตัวเองก็ทำกับข้าวเพลินไปอีกจนได้ หญิงสาวนั่งมองเนื้อในเตาอบอยู่นาน จนเหลือบไปเห็นว่ามีเนื้ออบสูตรพิเศษวางเตรียมอยู่อีกถาดก็ขมวดคิ้ว...
....นั่นเนื้ออบที่อบเมื่อบ่ายนี่นา....
....อบไปทำไมตั้งเยอะหว่า....
....จำได้ว่าจะสืบเรื่องเทียนกับเจือ...."โอ๊ะ...ลืมไปเลย ...." คิดได้แบบนั้นร่างบางในชุดกระโปรงยาวสีชมพูดูสวยหวานก็รีบดึงผ้ากันเปื้อนแบบแจ๋วก้นครัวออกแล้วก้าวยาวๆแบบไม่ให้มีเสียงไปที่ห้องนั่งเล่นทันที
.
.
.
.
.
.
และภาพที่เธอเห็นชัดก็คือ น้องชายคนสวยกำลังนั่งคร่อมร่างของสามีกำมะลอ ดวงตาคู่สวยหลับพริ้มขณะที่จูบกับสามีของเธออย่างเร่าร้อน ปลายลิ้นถอนออกจากปากของทินกฤตก่อนจะสอดกลับเข้าไปอีกครั้ง ใบหน้าสวยแดงระเรื่อเพราะความร้อนของจูบ
ภาพที่เห็นนั้นไม่ต้องบอกว่าทั้งสองคนกำลังทำอะไรอยู่ หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังวิงเวียน เข่าอ่อน นึกโทษตัวเองที่หยิบแว่นกลับมาใส่ตามเดิมเพราะคิดเพียงแค่ว่าคงจะไม่มีอะไร และคงจะได้เห็นจุนเจือนั่งทำหน้าบึ้งตึงอยู่คนละมุมของโซฟาเหมือนอย่างทุกครั้ง
แต่ไม่ใช่ภาพของน้องชายตัวเองกำลังขึ้นคร่อมทินกฤตอยู่บนโซฟาแบบนี้! +++++++++++++++++