เช้าวันรุ่งขึ้น ยังคงเป็นวันทำงานตามปกติ .. ถึงแม้จะรู้ตัวว่าร้องไห้หนักมาก จนหน้าตาอิดโรย เห็นรอยช้ำที่ดวงตาอย่างเห็นได้ชัด แต่เด็กหนุ่มหน้าสวยก็ยังมาฝึกงานที่บริษัทอยู่ดี
...ไม่ค่อยสบาย...จุนเจือให้เหตุผลกับคนที่เข้ามาถามอย่างเป็นห่วงเป็นไยไปแบบนั้น ที่โต๊ะทำงานของเขา งานที่ค้างไว้ถูกนำมาสะสางไปอย่างเงียบๆ เด็กหนุ่มพยายามที่จะไม่สนใจบาสที่เหมือนจะใช้สายตาในการถามเขาอย่างคาดคั้นตลอดทั้งวัน
++++++++++++++
"บาส เจือมันเป็นอะไร วันก่อนยังดี๊ด๊าอยู่เลย" เก่งโพล่หน้าข้ามพาเทชั่นมาถามบาส
" มันบอกว่าไม่สบาย ก็ไม่สบายนั่นแหละ .. แม่ง มีอะไรไม่บอกเพื่อนฝูง " หนุ่มอารมณ์ดีทุกวันนั้นคนนั้น พลอยเครียดตามไปด้วย แต่คนที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทกับประธานบริษัทอย่างเขา มีหรือจะเดาไม่ออก
...เป็นไงล่ะ แล้วมึงก็ต้องมานั่งเสียใจ..บาสรู้นิสัยเพื่อนดีว่าตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่จุนเจือไม่เคยตัดสินใจอะไรพลาด กลับต้องมาพลาดเพราะความไม่ประสีประสาเรื่องความรักนี่แหละ
"อืม...งั้น...คงไม่เป็นไรซิ่นะ" เก่งพึมพำออกมาเบาๆก่อนจะส่ายหัวแล้วก้มลงไปทำงานของตัวเองต่อ
++++++++++++++
วันนั้นทั้งวัน จุนเจือไม่พูดจาเล่นหัวเหมือนทุกครั้ง งานที่กองอยู่เต็มโต๊ะ ช่วยให้เขามีอะไรทำเสียบ้าง ดีกว่าการนั่งอยู่ที่หอแล้วร้องไห้ออกมาอีก ทินกฤตเหมือนจะไม่ได้ส่งข้อความเข้ามาที่โทรศัพท์ของจุนเจือเลยตลอดทั้งวัน ชายร่างสูงเดินออกมาเหมือนจะเดินไปยังห้องครัวเหมือนทุกที แต่ก็เดินอ้อมไปอีกทาง ไม่ได้เฉียดเข้าใกล้จุนเจือเลยแม้แต่น้อย
ไม่มีการเดินเข้ามาแวะเวียนหา ยิ่งทำให้คนที่รู้เรื่องทุกอย่างอย่างบาสแปลกใจ เขาเพิ่งเคยเห็นจุนเจือเป็นแบบนี้ตั้งแต่คบกันมา
...มีอะไรคุยกับกูได้นะมึง...ข้อความที่เด้งขึ้นตรงหน้าจอตรงหน้าจุนเจือ คือความห่วงใยจากเพื่อนสนิท หนุ่มหน้าสวยอ่านมันก่อนจะหันไปทางเพื่อนรัก ริมฝีปากบางพยายามยิ้มเป็นเชิงบอกว่าเขาไม่เป็นไร
++++++++++++++
จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน จุนเจือที่กลับคอนโดพร้อมกับกระเป๋าเพียงใบเดียว วันนี้กลับหอบงานใส่เต็มแขนอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นจุนเจือที่เป็นแบบนี้มาก่อน
ใช่ว่าจะไม่สังเกตเห็นทินกฤตที่มักจะกลับออกมาจากบริษัทในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันก็มองเห็นได้ไม่ยาก ชายหนุ่มร่างสูงถอนหายใจออกมา เขารู้ตัวว่าเมื่อคืนเขาก็ใช้อารมณ์กับอีกฝ่ายไปไม่น้อย
อีกฝ่ายที่ร้องไห้ อีกฝ่ายที่เสียใจแบบนั้น เขาอยากจะเข้าไปปลอบมากเหลือเกิน แต่เขาทำไม่ได้ เพราะถ้าเข้าไปเพียงเพราะไม่อยากจะเห็นอีกฝ่ายร้องไห้ ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เด็กหนุ่มคนนั้นทำหน้าเศร้าอีก ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วคนที่เสียก็คือจุนเจือเอง มันไม่ต่างอะไรกับการสปอยเด็กคนนึงเลย
++++++++++++++
จุนเจือหอบเอางานกลับไปไว้ที่คอนโด ก่อนจะนั่งรถไฟฟ้าไปต่อแอร์พอร์ลิ้งเพื่อไปยังบ้านของพี่สาวกับทินกฤต ดวงตาคู่สวยเหม่อมองออกไปด้านนอก ขณะที่เดินทางก่อนจะนึกได้ว่ายังไม่ได้โทรหาเจนสุดา มือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างของตนเองเพื่อหาโทรศัพท์ หากแต่มือถือเครื่องที่เขาหยิบขึ้นมากลับเป็นโทรศัพท์ที่ทินกฤตซื้อให้ .. ใช่มันไม่ดัง และไม่มีการส่งข้อความมากว่าหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนแล้ว...
เด็กหนุ่มหลับตาลง ก่อนจะวางมันลงในกระเป๋าเช่นเดิมแล้วหยิบเอา ไอโฟนของตัวเองมากดโทรศัพท์หาพี่สาวของตน
" พี่เจน อยู่บ้านรึเปล่า? "
"อยู่จ้า...ทำไมเหรอ จะมากินข้าวที่บ้านเหรอ อยากกินอะไรไหมพี่จะทำให้กิน ขนมเค้กไหมวันนี้พี่อบเค้กด้วยนะ"
" เจือมีเรื่องจะคุยกับพี่น่ะ..เดี๋ยวจะไปถึงแล้วนะฮะ ไว้เจอกัน "เด็กหนุ่มพูดตัดบทก่อนจะตัดสาย เสียงหวานของพี่สาว บาดหูเขาจนเจ็บปวดในอกเหลือเกิน จุนเจือไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย ความรู้สึกเจ็บในอกที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆนี้
++++++++++++++
จนกระทั่งถึงสถานีปลายทางที่อยู่หน้าหมู่บ้านจัดสรรของทินกฤต เด็กหนุ่มใช้เวลาเดินเข้าไปเพียงแค่สิบนาทีก็ถึงเรือนหอหลังงามหน้าโครงการมือเรียวกดออดหน้าบ้านเบาๆ
"ค่า...มาแล้วค่า....." ร่างเล็กของพี่สาววันนี้ยิ่งดูแปลกตาที่เจนาสุดาวิ่งมารับในชุดเสื้อไม่มีแขนกับกางเกงขายีนส์ขาสั้นสีเข้ม
"เจือ...มากินข้าวกับพี่เหรอ"ร่างเล็กแทบกระโดดกอดน้องชาย ท่าทางร่าเริงไม่น้อย
" เจือมีเรื่องจะคุยกับพี่เจนนะ..เรื่องสำคัญมากด้วย "น้ำเสียงของเด็กหนุ่มแผ่วเบากว่าทุกครั้ง
"เรื่องอะไรล่ะ ไป ไปนั่งคุยในบ้าน พี่ต้มซุปอยู่ แต่เค้กเสร็จแล้ว จะกินเลยไหม " เจนสุดาว่าพลางดึงมือน้องชายให้เดินเข้าไปในบ้าน
เมื่อเข้ามานั่งที่โซฟาแล้ว จุนเจือก็เริ่มเปิดประเด็นทันที
" พี่เจน..จะหย่าเหรอ ""............................" ร่างเล็กที่ทำท่าจะเดินเข้าไปในครัวนั้นหยุดกึกอยู่ตรงนั้น
" พี่เจนจะหย่า..แล้ว
ทิ้งเจือไปอยู่กับพี่อลิสกันสองคนใช่ไหม? "เด็กหนุ่มก้มหน้าลงมองเข่าของตัวเองขณะที่ถามออกมา
"เจือ...ทำไมเจือพูดแบบนั้นล่ะ" เจนสุดาเดินกลับมานั่งลงใกล้ๆกับอีกฝ่าย มือเล็กจับแขนของเด็กหนุ่มอาไว้
"พี่ไม่ได้จะทิ้งเจือไปไหนเลยนะ"
" แล้วทำไม พี่เจนไม่บอกเจือซักคำล่ะ? " ดวงตาคู่สวยมีน้ำใสๆคลออยู่
" พี่จะทิ้งผมจริงๆนี่..ถ้าหย่า งั้นพี่เจนไม่หย่าไม่ได้เหรอ"
"พี่ไม่ได้บอกเจือ เพราะมันยังเป็นเรื่องไม่แน่นอน...ในตอนนั้น แต่ตอนนี้มันค่อนข้างแน่นอนแล้วพี่ก็จะบอก พี่...จะไปอเมริกากับอลิส แต่ก่อนหน้านั้นพี่จะไปอยู่ที่ญี่ปุ่นกับอลิสก่อนซักครึ่งปี เพราะอลิสมีสัญญาที่นั่น" ดวงตากลมโตของเจนสุดาอ่อนแสง สองมือจับหน้าของเด็กหนุ่มให้หันกลับมามองหน้าของตัวเอง
"ถ้าพี่ไม่หย่า พี่กับเทียน กับอลิส จะติดแหง็กกันอยู่แบบนี้ เราจะไม่มีชีวิตของตัวเองเลย เจือ...ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่ให้เจือได้เสมอ...พี่ขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น...อย่าบังคับพี่เลยนะ"เจนสุดาเอ่ย เธอไม่ต้องถามอีกฝ่ายก็รู้ว่าจุนเจือไปรู้เรื่องแผนการของเธอมาจากใคร...จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากทินกฤต แสดงว่าแผนของเธอที่ต้องการหลอกให้ทินกฤตกับจุนเจือคายความจริงออกมานั้นได้ผล...ทั้งสองคนนี้กำลังคบหากันอยู่แน่ๆ เพราะถึงขั้นพูดกันถึงเรื่องหย่าของเธอด้วย หญิงสาวสบตาของน้องชายอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปากถาม
"เจือไม่อยากให้พี่ไป หรือกลัวว่า จะไม่ได้เจอเทียนอีกกันแน่?" "พี่เจน?!" คำถามของเจนสุดาทำให้น้องชายต้องเงยหน้ามองอย่างตกใจ ..พี่สาวของเขารู้เรื่องระหว่างเขากับทินกฤตแล้วงั้นหรือ?..ใบหน้าขาวซีดเผือด นี่คือสิ่งที่เขากลัวที่สุด.. เจนสุดาคงเสียใจที่เขาเป็นแบบนี้
" เจือ..เจือ.. " ริมฝีปากบางอยากจะหาคำพูดอะไรที่จะมาแก้ตัว แต่เขาเองก็จนคำพูด ลองเจนสุดาถามออกมาแบบนี้นั่นแปลว่าเธอคงรู้เรื่องระหว่างพวกเขาแล้วแน่นอน
"เจือสบายใจไหมที่มันเป็นแบบนี้ ...ที่เจือต้องคอยหลบพี่...หนีใครต่อใคร" เห็นท่าทางแบบนี้ของน้องชายแล้ว เจนสุดาถอนหายใจออกมาหนึ่งคำรบ หญิงสาวจับมือของเด็กหนุ่มมากอบกุมเอาไว้
"เจือ..กลัว..พี่เจน เจือขอโทษนะ..
แต่เจือรักพี่เขาเข้าแล้วจริงๆ "ท่าทางของเด็กหนุ่มดูสับสน มือเรียวเขย่ามือพี่สาวเป็นการยืนยัน
"รัก? รักแล้วทำไมเจือต้องร้องไห้แบบนี้? เทียนเขาทำอะไรเจืออย่างนั้นเหรอ..เขา...ทำร้ายเจือเหรอ? เขาบังคับเจือรึเปล่า!!...โธ่เจือ" เจนสุดาพิจารณาใบหน้าหมองเศร้าของจุนเจือมาได้ครู่ใหญ่แล้ว เทียนทำอะไรเจือกัน ทำไมน้องชายของเธอถึงได้ร้องไห้มากมายจนใบหน้าดวงตาช้ำแบบนี้ ทั้งหมดนี่เป็นผลจากที่เธอพูดออกไปว่าจะพาเจือไปอยู่ด้วย ทินกฤตถึงได้โกรธหรือเปล่า?
"ไม่..ไม่ใช่เขา..
แต่เป็นเจือเอง..เจือบังคับเขา.. " พูดถึงตรงนี้มือเรียวทั้งสองข้างก็ยกขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง
"บังคับเขา...ไม่ให้หย่ากับพี่..
เจือไม่อยากเสียพี่ทั้งสองคนไป..ถ้าหย่าพี่เจนก็จะไปกับพี่อลิส เจือเห็นแก่ตัว ไม่ยอมเลือกอะไรเลยซักอย่าง ..เจือทำร้ายพี่เทียนไปแล้ว.. "ไหล่บางสั่นเทิ้ม อย่างเจ็บปวด
เจนสุดาสูดลมหายใจเข้าลึก เธอไม่เคยเห็นเจือเป็นแบบนี้ น้องชายของเธอมักจะมั่นใจในทุกๆเรื่องที่ทำ แต่ตอนนี้น้องชายของเธอมีแต่ความกลัวและสับสน
"เจือ...เจือมีความสุขไหม ตอนนี้? พี่อยากให้เจือได้เห็นตัวเองตอนนี้...แต่พี่คิดว่าบางที ถ้ามันเหนื่อยนัก หนักนัก ก็ต้องพักซะบ้าง" มือเรียวลูบผมของอีกฝ่ายเบาๆ ดวงตากลมโตของเจนสุดามองหน้าของอีกฝ่ายหลังจากทำท่าคิดอยู่พักหนึ่ง
"ไปกับพี่ไหม ญี่ปุ่น...ถือเสียว่าไปพักหัวพักสมองก็ได้" ++++++++++++++
คำชวนของเจนสุดาทำให้จุนเจือต้องครุ่นคิด แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องทำงานที่ค้างเอาไว้อย่างหนักเพื่อให้ทันเก่ง หรือแม้กระทั่งบาส จากที่ได้ลองประมาณราคาวัสดุก่อสร้าง สุดท้ายแล้วก็ได้ไปไซต์งานจริงๆ เด็กฝึกงานแผนกวิศวกรจึงเดินทางไปยังสถานที่ก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรูใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าส่วนที่กำลังขยายใหม่ในเขตชานเมืองกรุงเทพ โดยที่ศักดิ์ชัยเป็นคนพาไป แต่ดูเหมือนว่าเก่งจะอาสาดูแลศักดิ์ชัยเสียเองมากกว่า จุนเจือยิ้มให้กับความพยายามของเก่งที่ตั้งใจทำงานบวกกับลูกตื๊อไม่มีถอย จนทำให้ชนะใจของหนุ่มเชื้อสายจีนใส่แว่นท่าทางจริงจังกับงานคนนั้น พอเห็นคนทั้งคู่ยืนคุยกันแล้วทั้งๆที่เก่งสวมเสื้อช็อปนักศึกษา คนละสีกับเขาและบาส ส่วนศักดิ์ชัยก็สวมชุดทำงาน ทั้งๆที่แตกต่างแต่กลับรู้สึกถึงช่องว่างที่น้อยมาก พวกเขาคงไปได้ดีจริงๆ
"เป็นไรมากป่ะวะเนี่ย หน้าซีดนะเมิง..." บาสทัก ในใจห่วงแต่ปากก็หัวเราะยิ้มๆแซวเล่นเหมือนทุกที
" อือ..นอนไม่ค่อยหลับมั๊ง.." เด็กหนุ่มหน้าสวยตอบก่อนจะมองไปอีกด้าน
" มึงดูไอ้เก่งกะพี่ศักดิ์ชัยดี่..เปิดเผยดีเนอะ.. "
"ก็...ระดับนึง" บาสตอบ
"ทำไม...อิจฉา? "
" มั๊ง..สำหรับกูมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วนี่ " ว่าพลางหยิบหมวกนิรภัยมาสวมก่อนจะเอากระดาษที่เป็นแบบแปลนการก่อสร้างอาคารขึ้นมาดู
" ร้อนเนอะ..แม่ง อย่างกับฝนจะตก "
"อื้ม...ร้อนชิบโหง..." บาสจับกระดาษแบบมากางดูอีกคน ดวงตาคมเห็นเหงื่อหยดลงจากผิวหน้าขาวซีดราวกับจะไม่มีเลือดของอีกฝ่าย
"ไม่เป็นไรแน่นะมึง หน้าซีดชิบ"
จุนเจือส่ายหน้าไปมา ก่อนจะพยักเพยิดให้เพื่อนหันไปทางเก่งที่กำลังเรียกพวกเขาให้ไปดูสถานที่ก่อสร้างด้วยกัน
++++++++++++++
แดดร้อนระอุยามบ่ายบนตึกสูงที่ยังสร้างไม่เสร็จทำให้คนผิวขาวที่ซีดเพราะการพักผ่อนน้อยต้องนิ่วหน้า ปากก็บ่นว่าร้อนไปตลอดทาง แถมยังเอาแปลนก่อสร้างมาบังแดดอีก
"เฮ้ย เจือ...ไม่ไหวก็ไปนั่งก่อนดีกว่าไหม "อยู่เสียงของเก่งก็ดังขึ้น เมื่อมองอยู่นานแล้วท่าทางเพื่อนจะไม่ไหว
" กู..ไม่เป็น..ไร " น้ำเสียงขาดห้วง แดดร้อน อากาศก็ดูเหมือนจะน่าอึดอัดเหลือเกินสำหรับเขา เด็กหนุ่มพยายามจะก้าวขาไปข้างหน้าแต่ดูเหมือนว่าร่างกายจะไม่ยอมตอบสนองเอาเสียเลย กระดาษที่ยกขึ้นบังแดดหลุดออกจากมือ พร้อมกับร่างของเขาที่ไม่สามารถจะฝืนสภาพเอาไว้ได้อีกต่อไป
"เฮ้ย ไอ้เจือ..." เสียงของเก่งดังลั่น ทำเอาบาสที่กำลังยืนคุยขอความรู้จากหัวหน้างานอยู่ต้องหันตามด้วยความตกใจ
++++++++++++++
talk : น้องเจือ T_T