เช้าวันเสาร์แม้ที่ประเทศไทยจะเป็นวันหยุดของบริษัท แต่ประธานบริษัทที่เพิ่งจะรับตำแหน่งใหม่มาหมาดๆอย่างทินกฤตกลับลุกมาที่ห้องทำงานของตัวเองที่จัดเอาไว้เป็นสัดส่วนในบ้านของตัวเองแต่เช้า
ร่างสูงจัดการต่อวีดีโอคอลข้ามประเทศไปยังบริษัทคู่ค้าที่คุ้นเคยในประเทศญี่ปุ่นทันที ...นี่เป็นเพียงทางเดียวเท่านั้นที่เขาพอจะนึกออกในเวลานี้ ทั้งหมด ก็เพื่อจะลบภาพใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยความกังวลของจุนเจือที่กำลังก่อกวนจิตใจของเขาออกไป
....เขาไม่อยากเห็นจุนเจือทำหน้าแบบนั้นเลย ....
"ไม่ได้พบกันนานนะครับ มิสเตอร์ ทะนะกะ" เขาเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษพลางค้อมหัวให้กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ตามธรรมเนียม ซึ่งอีกฝ่ายก็ทักทายกลับด้วยรอยยิ้ม
"เช่นกัน เทียนซัง... ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ผมรับใช้อย่างนั้นเหรอครับ" เสียงนั้นตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษแปล่งหูแต่ก็เป็นที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ทินกฤตจึงเริ่มเข้าเรื่อง
"ถ้าจำไม่ผิดทางบริษัทของคุณมีความสนใจที่จะเข้ามาทำหมู่บ้านจัดสรรแบบ ฟูลเซอร์วิสในกรุงเทพใช่ไหมครับ...ที่จะจัดไว้สำหรับนักธุรกิจ หรือ ผู้เกษียณชาวญี่ปุ่นที่ต้องการจะอยู่อย่างสบายในประเทศไทย ... คือทางผมเองก็มีความสนใจที่จะร่วมทุนกับคุณในเรื่องนี้เหมือนกันครับ... ถ้าอย่างไรแล้วไม่ทราบว่าจะเป็นไปได้ไหมที่ผมจะขอเดินทางไปเข้าพบท่านประธานและผู้ถือหุ้นของทางนั้นเพื่อปรึกษากันในเรื่องโครงการนี้...และทางเราก็อยากจะขอศึกษาเยี่ยมชมการดำเนินงานของคุณทั้งในด้านงานออกแบบ และ การบริหารการบัญชี โดยที่ทางนี้จะพาหัวหน้างานในบริษัทและเด็กฝึกงานอีกซักสี่ซ้าห้าคนไปเยี่ยมชมด้วยนะครับ...ผมเองก็ยังเป็นผู้น้อย ยังไงเสียก็อยากจะไปขอคำปรึกษาจากท่านประธานด้วย "
ทินกฤตยิ้มให้กับกล้องวีดีโอ เขารู้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ทางทะนะกะทำงานอยู่นั้นจ้องที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอยู่นานแล้ว คนๆนี้ไม่มีทางปฏิเสธข้อเสนอของเขาเป็นแน่ เพราะไม่อย่างนั้นประธานใหญ่คงได้เด็ดหัวเขาขาดเป็นแน่
"เป็นความคิดที่ดีมากเลยนะครับเทียนซัง... ถ้าอย่างไรแล้วผมจะไปบอกท่านประธานเอาไว้ให้จะได้นัดให้พอดีกัน เป็นยังไงครับ แล้วนี่ไม่ทราบว่าแผนการนี้ของเทียนซังจะมาญี่ปุ่นในช่วงไหนครับ ทางเราจะได้เตรียมที่พักรับรองเอาไว้ให้ทั้งหมด" ชายขาวญี่ปุ่นร่างท้วมรีบตอบรับคำอย่างว่าง่าย พูดไปพลางก้มหัวไปพลางเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติเสียจริงๆ
ทินกฤตเหลือบมองปฏิทินที่เขาวงวันที่เอาไว้ มันเป็นช่วงเวลาที่จุนเจือจะไปที่ญี่ปุ่นเพื่อประกวดคอสเพลย์นั่นเอง
....เด็กนั่นต้องไปงานช่วงเสาร์อาทิตย์....
....เตรียมตัวอะไรอีก..."ก็น่าจะเป็นช่วงสัปดาห์ที่สามสี่ ของเดือนสิงหาที่จะถึงนี้น่ะครับ ไม่ทราบว่าจะกระทันหันเกินไปหรือเปล่า"
"โอ้...รวดเร็วดีนะครับ ได้ครับ ถ้ายังไงแล้วทางนี้จะติดต่อกลับไปให้เร็วที่สุดนะครับ"ทะนะกะเองก็มองปฏิทิน เขามีสีหน้าตกใจอยู่ไม่น้อย แต่อย่างไรแล้วเขาก็จะทำเสียเรื่องไม่ได้เด็ดขาด นักธุรกิจหนุ่มชาวไทยคนนี้ พร้อมที่จะให้พวกเขาได้ร่วมลงทุนอยู่แล้ว มันจะเป็นโอกาสดีของเขาที่จะทำหน้าที่ให้ประธานใหญ่ได้เห็นในฝีมือ
"ครับ รบกวนด้วยนะครับ ผมจะรอการติดต่อจากทางคุณนะครับ...ซาโยนาระ" ทินกฤตเอ่ยลา ก่อนจะกดปิดระบบวิดีโอคอล
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เรื่องนี้อาจจะทำให้เขาโดนคณะกรรมการบริหารสวดยับ กับการตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นแบบนี้ แต่...เขารู้ถึงศักยภาพของบริษัทและทุนที่มีอยู่ดี ไม่มีทางที่มันจะล้มเหลวเด็ดขาด
"....นี่ฉันทำเรื่องทั้งหมดนี่ เพื่ออะไรวะเนี่ย....." ทินกฤตกุมขมับ เขาเริ่มจะหมดแผนที่มีในหัวแล้ว
+++++++++++++++
เจนกำลังทำกับข้าวอยู่ข้างล่าง โดยที่มีอลิสเป็นลูกมือ
"อรุณสวัสดิ์ครับ สาวๆ" ทินกฤตพยายามจะยิ้ม ให้กับทั้งสองคน โดยเฉพาะอลิส....
" อรุณสวัสดิ์อะไรกันยะ? ..จะเที่ยงแล้ว เมื่อคืนนอนนอกบ้านสนุกไปเลยล่ะสิ? " นางแบบสาวลูกครึ่งค่อนขอดทินกฤตอย่างทุกทีที่เจอหน้า ก่อนจะหันไปช่วยเจนคลุกน้ำสลัดกับผักผลไม้ท่าทางน่ากิน
"เจน...วันนี้ทำสลัดเหรอ น่ากินนะ...อ้อ เรื่องเจือ ผมจัดการให้แล้วนะ..."
ทินกฤตแทบจะเมินอลิสไปเลย เขาเดินเข้าไปหา "ภรรยา" มือใหญ่วางบนไหล่เล็กของเจนสุดา เขารู้ว่ามันจะทำให้อลิสแทบเป็นบ้า... แต่เขาก็มีศักดิศรีเหมือนกัน
"เหรอ...โอ้ย ขอบใจมากเลยเทียน เจนรู้ว่า เทียนทำได้" เจนสุดายิ้มร่าดีใจ พลางยกแขนกอดทินกฤตอย่างลืมตัว โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าทินกฤตหันไปยักคิ้วให้อลิสแบบไหน
" เจนนนน...อี๋~ ไปแตะตัวผู้ชายแบบนี้ได้ไง มานี่เลยนะ " ได้ผลสาวสวยอย่างอลิสโวยวายเสียลั่นพลางดึงแขนของแฟนสาวให้ออกห่างจากสามีแต่เพียงในนามคนนั้น
"ก็แค่กอดขอบใจ....อลิสเป็นไรมากป่ะ เจนไม่ได้ชอบผู้ชายซักหน่อย แล้วเทียนก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงด้วย ไม่เห็นจะเป็นไรหรอกเนอะ" ว่าพลางหันไปยิ้มให้เทียน
"เนอะ" ทินกฤตเองก็ยิ้มให้กับเจนสุดา พยายามทำท่าแบบเดียวกับที่เจนสุดาทำ
"โอย ไม่ไหว เจน ผมทำท่าแบบคุณไม่ไหวหรอก...เอาเป็นว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องเจือก็แล้วกันนะ แล้วช่วยโทรไปบอกน้องด้วยก็แล้วกันว่าให้ไปทำงานด้วย ก่อนที่จะไปญี่ปุ่นน่ะ ไม่อย่างนั้นมันคงดูไม่ดีแน่เลย"ทินกฤตว่าพลางเข้าเรื่องเขายังคงห่วงภาพลักษณ์ของจุนเจือ และ ตัวเองอยู่ไม่เปลี่ยน
ดังนั้นสิ่งที่ทินกฤตฝากบอกมาเข้าหูของจุนเจือผ่านริมฝีปากเจื้อยแจ้วของพี่สาวขณะที่หญิงสาวกำลังเอาเสื้อตัวใหม่ไปให้น้องชายลอง เพื่อที่จะใช้เข้าค่ายเก็บตัวกับกองประกวดที่ญี่ปุ่น
แล้วก็มีประกาศทางบริษัทเรียกให้หัวหน้าแผนกบัญชี แผนกวิศวกรรม และคอมพิวเตอร์ รวมไปจนถึงเด็กฝึกงานจากทั้งสามแผนกเข้าประชุมพร้อมกันเรื่องที่จะไปดูงานกันที่ญี่ปุ่นอีกด้วย
++++++++++++
"อยู่ๆก็ได้ไปญี่ปุ่นด้วยแฮะ แปลกดี" เสียงเก่งเอ่ยขึ้นหลังจากเดินออกจากห้องประชุม เขาเพิ่งเอาพาสปอร์ตไปให้กับพี่ฝ่ายบุคคลเพื่อเตรียมเอกสารในเรื่องตั๋วเครื่องบินและการขอวีซ่า ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบด่วนขนาดสายฟ้าแลบ
ในใจของหนุ่มจากเชียงใหม่เหมือนจะมีไฟสุมลุกโชติช่วง เขามีเรื่องอยากจะทำมากมายในตอนนี้
"พี่ศักดิ์ชัยไปด้วยใช่ป่ะ" อยู่ๆก็หันไปถามบาส
" แน่นอน..จะเหลือเรอะ .. ฮ่าๆๆ สะใจจริงๆ คอบนี้กูจะเหมากันพลามาทั้งอะกิบะเลย "บาสตอบกลบมาพลางหัวเราะอย่างมีความสุข เขาเพิ่งจะเห็นว่าประธานบริษัทดีขนาดไหนก็วันนี้เอง
"พี่เขาไปด้วยจริงๆซี่นะ...." เก่งทวนคำพลางอมยิ้ม เสือมาดนิ่งอย่างเก่ง อยู่ๆมายืนอมยิ้มแบบนี้ก็ทำเอาเพื่อนๆรู้สึกขนลุกขนพองอย่างบอกไม่ถูก
เพราะว่าต่างคนต่างตื่นเต้นเรื่องจะได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น บาสกับเก่งจึงลืมเพิ่มอีกคนไปเสียสนิท
++++++++++++
นักศึกษาฝึกงานเส้นใหญ่ผลักประตูห้องประธานบริษัทเข้าไปทันที โดยที่ไม่ทำตามขั้นตอนก่อน เนื่องจากเลขาหน้าห้องไม่อยู่ และเขาเองก็ทนรอไม่ไหว
" พี่เทียน..พี่ทำอะไรน่ะ? "
"พี่ทำอะไร?....พี่ทำอะไรให้เราไม่ชอบใจอีกเหรอ" อยู่ๆ จุนเจือก็โพล่พรวดเข้ามาในห้องทำงาน ทำให้เทียนเผลอถามออกไปอย่างช่วยไม่ได้
" ก็..ไม่ใช่แบบนั้น เพียงแต่ผมไม่คิดว่า พี่จะให้พวกผมไปดูงานด้วย มันไม่มากไปเหรอ? "
ดวงตาคู่สวยมองหน้าของพี่เขยอย่างมีไม่เข้าใจ เขายอมรับว่าดีใจมาก แต่แผนการของทินกฤตมันไม่ลงทุนมากไปหน่อยหรือ
"มันเป็นเรื่องของธุรกิจด้วยนั่นล่ะ พี่ไม่คิดว่ามีอะไรที่มันจะมากไปหรือน้อยไปทั้งนั้น" ดวงตาคมสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง "และถ้าเราพอใจ ไม่มาหน้าง้ำหน้างอใส่พี่อีก...พี่ว่า....เอ่อ....เจนก็น่าจะดีใจ
เราก็น่าจะดีใจ" ทินกฤตดูลังเลกับคำพูดของตัวเอง เขาโยนเรื่องเข้าเจนสุดาเสียอีกจนได้
" มันก็ใช่..พี่เจนดีใจมากเลย..แต่ที่จริง ยังไงผมก็ต้องไปอยู่ดี พี่ไม่น่า.. "พออีกฝ่ายพุดถึงพี่สาวในใจของเด็กหนุ่มก็เจ็บแปลบ
ทินกฤตยิ้ม ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเจนสุดาดีใจขนาดไหน
"พี่บอกเราแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าพี่ไม่อยากให้เราเสียเรื่องงาน เรื่องการเรียน... ถ้ามันจะช่วยให้เราจบได้แบบไม่อันตรายมากจนเกินไปนัก พี่ว่า มันก็ดีไม่ใช่หรือไง"
" เอาเป็นว่า..ยังไงผมก็ขอบคุณพี่เทียนมากนะครับ ที่ช่วยให้ผมได้ไป .. แต่ว่าผมต้องไปก่อนช่วงที่พี่จัดดูงาน ตั้งหนึ่งอาทิตย์ มันไม่เป็นไรเหรอ? " จุนเจือมองหน้าอีกฝ่ายเหมือนตัวเองเป็นเด็ก ท่าทางกวนประสาทที่เคยทำมาตลอดมันหายไปหมดแล้ว
เห็นท่าทางแบบนั้นริมฝีปากของทินกฤตคลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันไปมองจอคอมพิวเตอร์แล้วสั่งปริ้นท์กระดาษสองสามแผ่นออกมา
"นี่ตารางที่จะไปดูงานทั้งหมด ...เราไปก่อนได้เลย แล้วหลังจากวันที่เราประกวดพี่จะให้คนไปรับเราที่โรงแรมที่เราพัก แล้วย้ายมาอยู่โรงแรมเดียวกับพี่ กับทุกๆคน...เราจะได้ ดูงานกับเพื่อนๆ แล้วก็เข้าประชุมกับพี่....พี่ให้เวลาเรา ไปทำสิ่งที่เราชอบ แต่พอจบ เราต้องมาอยู่กับพี่ ทำตามเข้าประชุม ดูงานกับพี่ เข้าใจไหม"
นักศึกษาฝึกงานเดินไปที่โต๊ะประธานบริษัทเพื่อรับเอากระดาษรายละเอียดกำหนดการต่างๆมาจากพี่เขย คิ้วเรียวขมวดขณะที่อ่านรายละเอียดนั้น
...ตารางจะแน่นไปไหนวะเนี่ย?..."ตารางแน่นใช่ไหม" ทินกฤตเห็นอีกฝ่ายทำหน้ายุ่งๆ ก็เอ่ยขึ้นแหย่ ความจริงเขาพยายามที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เรื่องที่จูบกันไปเมื่อวันก่อน
" แบบนี้ไอ้บาส คงอดไปอะกิบะแน่ๆ " พอถูกแหย่ ริมฝีปากบางก็ยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงหน้าเพื่อน ที่คงจะโวยวายที่แผนกแน่นอนที่เห็นตารางนี้
" สมน้ำหน้ามัน "
"ทำเป็นพูดดีไป..." ดวงตาคมมองหน้าของเด็กหนุ่ม
"เราเองก็ต้องพยายามเข้าล่ะเข้าใจไหม...ทุกคนเขา ก็เหนื่อยด้วยกันทั้งนั้น.... ถ้ายังจะดื้อหรืออะไรก็ช่วยเกรงใจเพื่อน เกรงใจทุกคนด้วยนะ" ทินกฤตไม่ได้เอ่ยถึงตัวเอง
" ผมดื้อเหรอ?..เปล่าซักหน่อย คนอื่นไม่ยอมใช้งานผมเองนี่ "
มือเรียวเท้าแขนกับโต๊ะทำงานของพี่เขย แล้วก้มหน้าลงให้อีกฝ่ายเห็นร่องรอยจากสิวชัดๆ
" มีแต่พี่เทียนนี่แหละ..ที่สั่งงานผมจนหน้าโทรมแบบเนี้ย "
"พี่ควรจะดีใจที่ได้รับเกียรตินี้ใช่ไหม..."ทินกฤตหัวเราะออกมาเบาๆ ปลายนิ้วจิ้มเข้าที่หน้าผากของอีกฝ่าย
"ยิ่งพูดยิ่งเห็นว่าเราขี้เกียจ...ไม่มีใครเขาใช้ก็หัดเสนอตัวทำซะบ้างนะ คุณชาย"
" โอยๆ เจ็บบบ "พอถูกจิ้มหน้าผากก็โวยวายได้อีกครั้ง มือเรียวปิดหน้าผากตนแล้วทำหน้ามุ่ยอีกรอบ
" จะมาขอบคุณแท้ๆ ทำร้ายร่างกายกันอีก "
"ไว้ขอบคุณหลังประกวดชนะเถอะ" ทินกฤตยิ้มพลางโบกมือไล่อีกฝ่าย ใบหน้าสวยที่ก้มลงมาใกล้เมื่อครู่ เสื้อเชิ๊ตสีขาวที่ไม่ได้ผูกเนคไทเหมือนทุกครั้ง คอเสื้อที่เปิดกว้างทำเอาเขาเผลอมองเตลิดลงไปจนถึงไหนต่อไหน
...เขาไม่อยากเห็นอะไรที่ทำให้ใจเต้นแรงไปมากกว่านี้...มันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น เขาไม่ควรจะคิดอะไรมากมายกับเด็กคนนี้
...เทียนเอ้ย แกจะทนต่อไปได้อีกเท่าไรกัน....++++++++++++
talk : กลับมาโพสต์แล้วนะคะ happy valentine ย้อนหลังนะคะทุกคน .. ไว้คราวหน้าเรามาตามพี่เทียนกับน้องเจือไปญี่ปุ่นกันคร่า~ ..ไว้ไรท์เตอร์จะเอารูปญี่ปุ่นหน้าร้อนมาฝากนะคะ^^..