" เอาล่ะ ไอ้บาส กูมาคิดๆดูแล้ว .. เราน่าจะช่วยบริษัทประหยัดพลังงาน จะได้ช่วยลดโลกร้อนนะมึง " จู่ๆจุนเจือที่ออกมาจากห้องของเจ้านายใหญ่ก็เดินตรงเข้ามาพูดกับเพื่อนที่กำลังนั่งไรท์แผ่นดีวีดี แต่โดยที่ไม่รอคำตอบเขาก็เดินกลับไปนั่งยังที่ทำงานของตนทันที ปากก็ขมุบขมิบอะไรบางอย่างที่ใครก็ฟังไม่เข้าใจ
จุนเจือกำลังครุ่นคิดในสิ่งที่พี่เขยตัวเองเพิ่งจะตอกหน้ากลับมาหมาดๆ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเขาจะรู้สึกผิดอะไร ตรงข้าม เด็กหนุ่มร่างสูงเพรียวคนนี้กำลังคิดหาวิธีแก้เกมส์อยู่ต่างหากล่ะ!
++++++++++++++++++
วันต่อมา เด็กฝึกงานเส้นใหญ่ก็เดินทางมาถึงบริษัท ท่าทางอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย ปากก็เอ่ยทักทายคนนั้นคนนี้ไปทั่ว จนกระทั่งถึงแผนกที่ตนฝึกงานอยู่
"เจือ วันนี้อารมณ์ดีแต่เช้าเลย...โอ้...แมคบุค เออรุ่นนี้ก็อยากได้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีตังค์อ่ะ " เก่งที่เดินมาอีกทางพร้อมกระเป๋าคอมพิวเตอร์ที่แสนจะสมบุกสมบันของตัวเอง
หยุดทักเพื่อนร่วม "ฝึก"งาน
" ซื้อซะ .. คุ้ม ชาร์ทแบตทีเล่นได้ตั้งแปดชั่วโมง .. ไม่เปลืองไฟ"บริษัท"ด้วย " เด็กหนุ่มหน้าสวยหันไปยิ้มให้เพื่อนจากเชียงใหม่ ก่อนจะแกะถุงอาหารเช้าที่ซื้อจากสถานีรถไฟฟ้า แล้วยื่นห่อแฮมเบอร์เกอร์ให้
" อะ..ซื้อมาเผื่อ "
"โอ้ว แต๊งกิ้ว...." เก่งว่าพลางรับห่อแฮมเบอร์เกอร์มาจากอีกฝ่ายแล้วลากเก้าอี้ ที่นั่งประจำมานั่งข้างๆ
"เออ ขอดูหน่อยดี่ว่าเป็นไง...เผื่อๆจะได้ไปดู สเปคอะไรเอาไว้ก่อน...ไอ้เจ้าตัวนี้ก็งอกง่อยเต็มทีเหมือนกัน"
ภาพของจุนเจือที่ยิ้มแย้มให้กับเพื่อนในตอนเช้าทำให้คนที่เดินเข้างานมาติดๆ โดยที่เด็กหนุ่มไม่ได้รู้ตัวเลย ต้องหยุดมอง
"ห้องครัวก็มี มานั่งกินอะไรที่โต๊ะเนี่ย... "
เสียงทุ้มของทินกฤตดังขึ้นจากด้านหลัง ของสองหนุ่ม ทำอานายเก่งสะดุ้งเฮือกแทบสำลักเบอร์เกอร์ตาย
"แค่กๆ...ขอ...ขอโทษครับคุณทินกฤต..."
" โหยยย พี่เทียนนนน นี่เพิ่งจะกี่โมงเองฮะ .. หยวนๆหน่อยเถอะน่า " จุนเจือลุกจากเก้าอี้ไปเกาะแขนพี่เขยตัวเองต่อหน้าคนหมู่มากทันที ก่อนจะมองหน้าอีกฝ่าย สายตาออดอ้อนเต็มที่
"ผมนะ ยังไม่ได้กินอะไรมาเล้ย หิ๊วหิว พี่เทียนจะผมเป็นโรคกระเพาะเหรอ ระวังต้องเคลียร์กับพี่เจนยาวน้า~ "
"........" แขนผอมๆที่สวมกอดแขนของเขาทำให้ทินกฤตต้องก้มลงมองแขนของเด็กหนุ่มสลับกับมองหน้าสวยๆนั่นนิ่ง
"ปล่อยพี่... นี่บริษัท...พี่ไม่ใช่เพื่อนเล่นเรา" ทินกฤตพยายามทำเสียงให้เข้มและดังเข้าไว้ อยู่ในบริษัท ต่อหน้าครอบครัว ไม่เคยมีใครรู้ถึงรสนิยมของเขา เขาสู้ปิดมันมาตั้งนานจะให้มาเป็นเสียงซุบซิบนินทาเพราะท่าที...ออดอ้อน ผสมกวนประสาทของ น้องเมียที่เพิ่งจะแต่งเข้าบ้านมาได้ไม่ถึงเดือนนี่ได้อย่างไร
พูดออกไปแบบนั้นเสร็จมือแกร่งก็ดึงแขนของอีกฝ่ายให้ปล่อย
"ไป...ทั้งสองคน ห้องครัวโน่น...จะกินไปกินตรงโน้น ไม่งั้นพี่จะทำห้องไว้ให้พนักงานพักกินข้าวกินน้ำชงกาแฟกันไว้ทำไม ... สิบนาทีจะงานเข้าแล้ว ไปจัดการให้เรียบร้อย"
น้ำเสียงสั่งหนักแน่น พลางชี้นิ้วไปอีกทาง ท่าทางเหมือนจะเขินๆแบบนั้นเป็นท่าทีที่พนักงานบริษัทของทินกฤตแทบจะไม่เคยได้เห็นมาก่อน
....เฮ้ย....คุณเทียนเขินว่ะ....
...เพิ่งเคยเห็นเนอะ.... เด็กฝึกงานคนสำคัญ ยิ้มอย่างถูกใจกับเสียงรอบข้าง ก่อนจะสบตาพี่เขยอย่างท้าทาย แล้วจึงเดินไปลากแขนเก่งพร้อมกับถุงใส่แฮมเบอร์เกอร์ให้เดินไปตามทางที่ทินกฤตชี้
" เอาล่ะ งั้นเราไปกินข้าวกันสองต่อสองดีกว่าเนอะ พี่เทียนใจดีอนุญาตแล้ว ไปๆๆๆ "
"............." ทินกฤตทำหน้าไม่ถูกกับท่าทางของอีกฝ่าย เขาอยากจะโกรธ อยากจะยั๊วะกับท่าทางยียวนแบบนั้น แต่ก็ทำไมได้ สายตารอบข้างกำลังจับจ้องมา เขา...ทำอะไรไม่ได้เลย
".....แล้วกลับมาทำงานด้วยล่ะ...."
ทินกฤตเอ่ยทิ้งท้ายให้กับอากาศธาตุไม่ทันแล้ว....เจ้าเด็กจอมแสบนั่นสะบัดก้นหนีไปโน่นแล้ว
ร่างสูงเดินเกือบจะเรียกได้ว่าปึงปังเข้าห้องทำงานไปแทบจะในทันที
...เจ้าเจือเอ้ย.....ทำเรื่องได้ทุกวันซี่น่า....++++++++++++++++++
จุนเจือดูจะอารมณ์ดีเป็นพี่เศษที่ได้แกล้งพี่เขยแต่เช้า งานที่คุณศักดิ์ชัย หัวหน้าแผนกให้มายังคงกองไว้บนโต๊ะ มีบ้างที่เขานึกจะหยิบๆมันมาอ่าน เอาดินสอขีดไว้บ้าง แต่ก็ยังไม่ได้คิดจะทำอย่างจริงๆจัง
...กว่าจะถึงเวลาส่งงานก็อีกตั้งนานนี่นา..ในตอนนี้ที่เขาตื่นเต้นที่สุดก็คงไม่พ้น การวางแผนเรื่องจะไปประกวดคอสเพลย์ที่ญี่ปุ่นนั่นแหละ .. เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงเปิดแมคบุคที่เตรียมมา พร้อมกับเอากระจกมาตั้งไว้ด้านหน้าเหมือนทุกที
" ไม่ใช้ไฟก็เล่นได้ตั้งแปดชั่วโมง .. ดูซิจะมาว่าอะไรได้อีก " เด็กหนุ่มพึมพำอย่างพอใจกับแผนของตัวเอง ก่อนจะฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
จุนเจือนั่งส่องกระจกไปพลางโพสต์ท่าไปพลาง แต่ก็ต้องสะดุดเมื่อมีมือใหญ่ยื่นเข้ามาหยิบกระจกนั้นหนีไป
"เวลางาน...ส่องกระจกเป็นนกหงส์หยกอยู่ได้... "
ร่างเพรียวหมุนเก้าอี้ทำงานไปตามเสียงนั้น คิ้วเรียวขมวดอย่างไม่พอใจ
" เอาคืนมาเลย นี่มันของส่วนตัวผมนะ พี่จะยึดเหรอ เป็นครูรึไง? " มือเรียวเอื้อมไปพยายามยื้อแย่งกระจกตั้งโต๊ะนั้นคืน
"ยึด?...โอ้ย พูดอะไรแปลกๆ..." ทินกฤตยิ้มพลางโยนกระจกพับเล็กๆ นั่นไปอีกทาง
" อ๊า " เสียงอุทานอย่างตกใจก่อนจะวิ่งไปเก็บทันที กระจกเล็กๆอันนั้นเขารักมันมาก เพราะเป็นกระจกพับสีชมพูคิดตี้ที่พี่สาวให้มา .. และทุกอย่างที่พี่สาวให้มาเขาก็หวงมันมากๆด้วย
"โอเค...ตามเข้าไปเอาของที่โดนยึดที่ห้องฝ่ายปกครองด้วยก็ละกันนะ..." ไม่พูดเปล่า ทินกฤตหยิบเอาโน๊ตบุ๊คของอีกฝ่ายขึ้นมาชูให้อีกฝ่ายดูก่อนจะเดินหายเข้าไปในออฟฟิศของตัวเอง
การกระทำนั้นเรียกเสียงฮือฮาจากพนักงานหลายๆคนได้ไม่น้อย
แต่คนที่ดูจะไม่สนอะไรเลยก็คงจะเป็นบาสที่ยังคงนั่งโหลดการ์ตูนและไรท์แผ่นอย่างเมามันส์จนแทบจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดูเลยว่าเพื่อนสนิทอย่างจุนเจือกำลังประสบปัญหาชีวิตอะไรอยู่
" เฮ้ย เดี๋ยว! " เสียงของจุนเจือโวยลั่น มือก็รีบคว้ากระจกพับใส่กระเป๋ากางเกงแล้วก็แทบจะวิ่งตามทินกฤตเข้าไปในห้อง ถ้าไม่ติดว่า เลขาของพี่เขยตนเรียกเอาไว้
" เดี๋ยวค่ะ น้องจุนเจือ ยังเข้าพบท่านไม่ได้นะคะ "
เสียงเลขาสาวห้ามเอาไว้ พลางให้เหตุผลว่าทินกฤตกำลังจะต้องเข้าประชุมกับบริษัทคู่ค้า
" แต่..แต่พี่..เอ่อ ไม่ทราบว่าจะประชุมเสร็จกี่โมงครับ? " ดวงตากึ่งรีเรียวนั้นมองตามประตูห้องทำงานบานใหญ่นั้นเข้าไป ท่าทางกังวลใจเป็นอย่างมาก
ถ้าเขาไม่เอาแมคบุคคืนวันนี้ พี่เขยอาจจะเอาไปคืนพี่สาวหรือแม่ของเขาแทน แล้วเขาก็จะต้องโดนดุเป็นแน่
" คงจะราวๆสองชั่วโมงน่ะค่ะ ยังไงน้องจุนเจือไปรอที่แผนกก่อนดีไหมคะ ถ้าเสร็จแล้ว พี่จะโทรไปเรียกนะ " เลขาสาวยิ้มแหยๆกับท่าทางที่ดูจะเป็นเด็กขึ้นมาอย่างกะทันหันของเด็กฝึกงานเส้นใหญ่คนนี้
" แต่อีกครึ่งชั่วโมงก็จะเลิกงานแล้วนะครับ .. ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมรออยู่ตรงนี้แหละ " ว่าแล้วก็เดินกระวนกระวายใจไปแทบจะตลอดเวลา ถึงจะทำเก่งไปแบบนั้น แต่ก็ไม่พ้นกลัวที่จะถูกแม่กับพี่สาวดุอยู่ดี
"คุณเทียนเขาชอบทำงานล่วงเวลาน่ะจ้ะ ใครจะมาเข้าพบ นัดประชุมเอาช่วงบ่ายนี่จะรู้ดี...." เลขาสาวยิ้มแห้งๆ ก่อนจะหันกลับไปทำงานของตัวเองต่อ
++++++++++++++++++
จนเมื่อเวลาผ่านไปกว่าอีกสองชั่วโมง แขกจากต่างบริษัทก็พากันเดินออกมาจากห้องประชุม ด้วยสีหน้าท่าทางอิดโรย แต่ก็แฝงไปด้วยความยินดีที่ติดต่อธุรกิจครั้งนี้สำเร็จเสร็จสิ้นลงไปได้ด้วยดี
ประธานบริษัทคนนี้เพิ่งจะรับช่วงต่อจากพ่อมาได้ไม่ถึงครึ่งปี แต่ก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่น้อย เป็นคนหนุ่มที่ดูมีไฟแรงในการทำงานมากเลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้นยังเพิ่งจะตกลงปลงใจสร้างครอบครัวเล็กๆ กับลูกสาวของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่อีกด้วย สมกับเป็นการผนึกกำลังทางธุรกิจอย่างแท้จริง
ที่หน้าห้องทำงานของทินกฤต เลขาสาวได้กลับไปแล้ว ดังนั้นจึงเหลือจุนเจือที่นั่งขัดสมาธิตรงพื้นหน้าห้องเล่นทวิตเตอร์บนโทรศัพท์ของตัวเองอยู่แบบนั้น หลายประโยคทั้งบ่นทั้งด่าไปอย่างไม่มีเกรงใจตัวต้นเหตุเลย เพียงแต่ไม่ได้เอ่ยชื่อออกมาเท่านั้น
"นี่...จะเข้ามาไหมนักเรียน... " เสียงทุ้มของพี่เขยดังขึ้นที่หน้าห้องทำงาน เขายืนมองอีกฝ่ายนั่งบ่นโดยไม่เอ่ยชื่อใครมาพักใหญ่
" เค้ากลับกันหมดแล้ว พี่คืนแมคบุคผมมาเลยนะ " เด็กหนุ่มร่างสูงเพรียวลุกขึ้นจากการนั่งทวิตเตอร์ด่าคนตรงหน้า แล้วยื่นมือไปทวงของสำคัญของตน
"..."ดวงตาคมมองท่าทางของอีกฝ่าย ริมฝีปากบนใบหน้าหล่อเหลานั่นหยักยิ้ม ก่อนจะพยักเพยิดให้อีกฝ่ายเดินตามเข้ามาในห้องทำงาน
++++++++++++++++++
" ไหนล่ะ? "
"นึ่ถึงขนาดพกคอมตัวเองมาบริษัทเลย?...บริษัทของพี่มันขาดแคลนขนาดนั้นเลยรึไง เจือ..." ร่างสูงว่าพลางนั่งลงที่เก้าอี้บริหารของตัวเอง
" ก็ผมหาวิธีช่วยพี่ประหยัดค่าไฟอยู่นี่ไง .. แล้วคอมของผมก็ไม่ได้ใช้ไฟบริษัทพี่ซักหน่อย..ขอคืนด้วย " ดวงตาคู่สวยสบตาของพี่เขยอย่างเอาเรื่อง
"ประหยัดไฟ?...ก็เลยเอาคอมมาเล่นเอง?...งานการไม่คิดจะทำ พี่เห็นเอกสารกองพะเนินอยู่บนโต๊ะ" ทินกฤตถอนหายใจอย่างเหนื่อยอก
"นี่พี่ถามจริงเถอะ ...มาฝึกงานหรือมาทำอะไร นอกจากมากินไฟบริษัทแล้วยังจะส่องกระจกเป็นนกหงษ์หยกแบบนั้นน่ะ ตอไปจะทำอะไรอีก เอาแป้งมาโบ๊ะ ปัดขนตาทาลิปสติก?.."
" เอ๊ะ..หรือว่าพี่อยากเห็นผมทำแบบนั้น .. เอ จะลองทำดูดีไหมน้า~ " แทนที่จะรู้สึกรู้สมกับคำต่อว่าของพี่เขย จุนเจือกลับย้อนคำพูดนั้นแล้วทำท่ากวนประสาทอีก ด้วยการเดินอ้อมโต๊ะทำงานของอีกฝ่ายมายืนอยู่ตรงหน้า แล้วยิ้มหวาน
" งั้นไว้พรุ่งนี้ผมจะเข้ามาแต่งหน้าให้พี่เทียนดูเป็นขวัญตาก็แล้วกันนะ แต่วันนี้ .. "ใบหน้ายิ้มแย้มนั้นถลึงตาใส่พี่เขยอย่างไม่กลัวเกรง
" เอาแมคบุคผมคืนมานะ!! "
"ไม่...เพราะคนที่กินไฟบริษัทไม่ได้มีแต่เราคนเดียว...รับปากมาก่อนซี่ว่าจะไปเตือนไอ้เจ้าเพื่อนคนนั้นของเราด้วย... แล้วพี่อาจจะคืนแมคบุ๊คให้...อืม คอมพี่เสียซะด้วยซี่ ยึดไว้ใช้ซักสองสามเดือนดีไหมนะ" ไม่วายทินกฤตยังยียวนกลับ เห็นอีกฝ่ายเต้นผางๆกะอีกแค่โน๊ตบุ๊คเรื่องเดียวนี่ก็ทำให้เขาอยากจะขำลงไปนอนกลิ้งด้วยความสะใจจะตายอยู่แล้ว
" เอ๊ะ ก็ผมบอกมันแล้วนี่ เตือนมันแล้ว .. แล้วอีกอย่างผมไม่ใช่พ่อใช่แม่มัน จะได้ไปสั่งอะไรมันได้ ซักหน่อย! " คิ้วเรียวขมวดอย่างไม่พอใจ
"เราใส่ใจที่จะบอกเขาจริงๆหรือเปล่าล่ะ" ทินกฤตถามกลับ
"แต่ดูท่าไม่ได้ใส่ใจจริงๆซี่นะ...พี่บอกแล้วไงให้ดูแลกันให้ดี...หรือจะให้พี่ทำยังไงดี...
หักเงินเดือนอย่างว่าซี่นะ...อืม คงมีแต่ทางนี้เท่านั้นล่ะ" ว่าพลางก็หยิบเครื่องคิดเลขมานั่งกด
"อืม เอาค่าจ้างเราไปจ่ายค่าไฟจะได้เท่าไรนะ.... โอ้ ประหยัดในช่วงครึ่งปีแรกไปได้หลายพันเหมือนกัน ..."
" นี่ ..ผมไม่เกี่ยวเลยนะ จะหักเงินก็หักไอ้บาสคนเดียวเลย "เด็กหนุ่มรีบผัดความผิดเหมือนเด็กๆ พลางกอดอกไม่ยอมรับท่าเดียว
แต่เมื่อเห็นว่า ขืนยังเถียงมากอะไรมากไป ก็คงจะเสียเปรียบแน่ๆ .. ดังนั้น ถ้าลองทำเหมือนทุกทีล่ะ?..
" แหม พี่เทียนฮะ อย่าซีเรียสน่า..ขอคอมผมคืนเถอะ น้า~ " ว่าแล้วก็พลางประชิดตัว มือเรียวจับแขนแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั้น บีบนวดต้นแขนอย่างเอาใจ
ดวงตาคมมองคนที่เข้ามาบีบนวดตัวเองอย่างพึงใจ...แต่อีกใจก็พยายามข่มกลั้นเสียเหลือเกินไม่ให้อะไรๆที่มันอาจจะอันตรายต่อสวัสดิภาพของเด็กหนุ่มหน้าสวยคนนี้ได้แสดงออกมา
ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึก...ด้านสีขาวกับด้านสีดำในหัวกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
"ถ้าอย่างนั้นเรามีอะไรมาแลกเปลี่ยนกับพี่ล่ะ? "
ใบหน้าสวยขยับเข้ามาใกล้ ยิ้มยั่วแบบทุกที ที่เขาทำกวนประสาททินกฤตต่อหน้าคนหมู่มาก
" แล้วพี่จะเอาอะไรล่ะคร้าบ " มือเรียวกอดแขนแกร่งของพี่เขยเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน ยังไงก็ต้องเอาคอมคืนให้ได้
"โอเค...."ทินกฤตยักไหล่ เขาคงจะต้องยอมแพ้ในการต่อรองครั้งนี้...
"พี่จะคืนคอมให้ก็ได้ แต่...พี่ไม่คิดค่าไฟจากเงินเดือนเราก็ได้ แต่จะคิดจาก
อย่างอื่นแทน ดีไหม ..."
ไม่พูดเปล่ามือแกร่งรั้งต้นคอของเด็กหนุ่มเข้ามาหวังเพียงเพื่อสั่งสอนว่าอย่าเที่ยวเอา "ความลับ "ของคนอื่นไปล้อเล่นแบบนี้ ริมฝีปากของทินกฤตประกบจูบริมฝีปากสวยของเด็กหนุ่มอย่างร้อนแรง ปลายลิ้นไล้เล็มไม่แม้จะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ต่อต้าน หรือ โต้เถียงใดๆอีก
สัมผัสเอาแต่ใจเปิดปากของอีกฝ่าย กวาดไล้เล็มเลียเอาความหวานเข้ามาลองลิ้มอย่างนึกสนุก และกินเวลานาน...เขาที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวอดกลั้นไม่ไปเที่ยงกลางคืนที่ไหนมาได้ตั้งนานสองนานรู้สึกเหมือนกับว่าความอดกลั้นของตัวเองจะพังทลายลงเสีย ณ ตอนนี้ แต่เขากำลังจูบอีกฝ่าย อย่างมีสติ ใช่ เขาต้องการให้มันเป็นแบบนั้น ทินกฤตหยอกล้อกับปลายลิ้นของเด็กหนุ่มที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน แต่มือแกร่งอีกข้างก็รวบร่างนั้นเข้าหา ...รู้สึกได้ว่าร่างกายบางๆของ "น้องเมีย" กำลังจะสิ้นแรง จึงค่อยละริมฝีปากถอนออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตาคมเป็นประกายเชื่อมด้วยความต้องการท่ามกลางสติของผู้ล่าของตัวเอง
"เอาเป็นว่า พี่คิดค่าไฟเรา ร้อยละสามนาทีจูบก็แล้วกัน " +++++++++++++++++++
talk: โดนดีเข้าแล้วไงจุนเจือ~~
ว่าแล้วก็ขอคะแนนค่าจูบให้น้องจุนเจือหน่อยนะคะ .. แถมน้องเอกสุดโมเอ้ อีกคนค่า~
ปล.กติกาก็คือ คะแนนโหวดใครสูงสุดก็มีภาคพิเศษต่อจากเรื่องนี้เลยค่ะ นับคะแนนโหวดถึงวันที่โพสต์ตอนจบของเรื่องนี้นะคะ
