Part 40
.
.
.
.
.
.
.
I
น่านน้ำ
ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ รอบข้างเต็มไปด้วยผู้คนที่รักและหวังดี เคยคิดว่าไม่ต้องการอะไรแล้ว เพราะชีวิตนี้มันดูเหมือนว่าตัวเองจะมีไปหมดเสียทุกอย่าง
มีพ่อ มีแม่ที่คอยให้กำลังใจอยู่บ้าน มีป้าแจ่มคอยทำอาหารให้กินเวลาเขากลับบ้าน มีเจ้าปูนเปียกคอยประจบสอพลอเมื่อมันเห็นหน้าผม
น่านน้ำ หนุ่มบริหาร ดีกรีเดือนคณะ ผู้เต็มไปด้วยความสามารถ เก่งทั้งเรียน ทั้งกิจกรรม มีเพื่อนและครูอาจารย์คอยดูแลเอาใจใส่ ถึงแม้ผมจะไม่ได้แสดงออกว่ารวย ติดจะนิ่งๆด้วยซ้ำ แต่ด้วยชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล นามสกุลที่ผมใช้ ก็บอกได้แล้วว่าผู้ชายคนนี้มีชาติตระกูลเสริมบุคลิกอยู่ด้านหลัง
แต่พระเจ้าก็ช่างเล่นตลกให้กับชีวิตอันแสนเรียบง่ายของผม กลับมามีสีสันอีกครั้งเพราะผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่ง คนที่เอาหัวใจผมติดมือกลับไปด้วย โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
เหตุการณ์ตอนนั้น เขาและกลุ่มเพื่อนๆ เดินผ่านตึกคณะผม ตึกบริหาร ที่ใครๆในมหาลัยก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ผู้ชายคณะนี้หล่อดูดีมีชาติตระกูลทุกคน ผมที่เพิ่งเดินออกมาจากตึกคณะ ชนกับผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่งเข้าอย่างจัง ผมไม่ผิดนะครับ เพราะตัวเองเดินเงยหน้าดูทางไปตลอด แต่อีกฝ่ายเดินถอยหน้าถอยหลัง คุยกับเพื่อนเสียงดัง จนสุดท้ายก็เดินมาชนผม
อีกฝ่ายไม่ขอโทษ แถมยังบอกอีกว่าผมเป็นฝ่ายผิด ไม่เถียงครับ เพราะเถียงไม่ออก ไม่เคยเจอผู้ชายที่ตาใสขนาดนี้มาก่อน หน้าก็กลมๆ ขาวๆ ตาโตๆ ใสๆ เห็นแล้วอดใจเต้นไม่ได้ เผลอไปมองอีกฝ่ายนานเข้า ก็เลยโดนด่าเลยครับ คนตาใสเลยด่าผมเสียงดังฟังชัด จนเพื่อนๆของเขาที่เดินมาด้วยต้องบอกให้หยุด แล้วเพื่อนๆของเขาบอกก็ขอโทษขอโพยผมใหญ่ ผมก็ไมได้ติดใจอะไรเพราะให้อภัย เพราะพี่น่ะตกหลุมรักเพื่อนน้องแล้วล่ะครับ!
วันรุ่นขึ้นผมก็มุ่งหน้าไปตึกศิลปกรรม เลยครับ เดินหามันทุกห้องเรียกเลย แล้วก็เจอน้องน่ารักจนได้ สืบไปสืบมาน้องน่ารักเป็นเพื่อนกับรุ่นน้องผมนี่หว่า อย่างนี้ก็หวานซิครับ จีบง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วยเว้ย
หลังจากนั้นก็เดินเครื่องจีบเลยครับ ไปมาหาเช้าหาเย็น ไม่ได้เห็นหน้าวันไหน น่านน้ำสุดหล่อนอนไม่หลับครับ ไม่ได้เห็นหน้าก็ขอให้ได้ยินเสียงก็ยังดี น้องน่ารักใจหินมากครับไม่มีหวั่นไหว ไม่มีวอกแวก แต่ผมมีพ่อกับแม่คอยสอนมาตั้งแต่เกิดว่า
“ด้านได้ อายอด” นั่นแหละคติผม ตื้อเข้าไว้ เดี๋ยวก็ใจอ่อนเข้าซักวันนั่นแหละ
ยังอดแปลกใจไม่น้อยว่าตัวเองทำไมถึงไปรักคนอื่นได้ง่ายอย่างนี้ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนที่ไม่เคยสนใจใครก่อนด้วยซ้ำ แต่ผู้ชายตัวเล็กคนนี้ก็มาทำให้ผมต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่
ผมไม่เคยต้องมาตื่นแต่เช้า เพราะระยะทางระหว่างคอนโดและมหาลัยนั้นใกล้กันเพียงนิดเดียว แต่ก็ต้องไปซื้อหานาฬิกาปลุกมาวางไว้บนหัวเตียง เพื่อที่ตัวเองจะได้ตื่นแต่เช้าไปรับคนตัวเล็กมาเรียน
ไม่เคยที่จะต้องไปนั่งคอยใครนานๆ เพราะตัวเองเป็นขี้รำคาญ หงุดหงิดง่าย แต่พอได้รู้จักกับคนตัวเล็กผิวขาวคนนั้น น่านน้ำผู้หล่อเหลาก็ต้องไปนั่งรอคนตัวเล็กที่หน้าตึกเรียน เพียงเพราะต้องการที่จะเห็นหน้าอีกฝ่าย อยากได้ยินเสียง อยากเข้าไปยืนใกล้ๆ แล้วคอยถือของให้ แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว
แต่ติดตรงที่ว่า คนตัวเล็กที่ขโมยหัวใจของเขาไปตั้งแต่แรกเห็นนั้นแสดงท่าทางว่ารำคาญเขาตลอด คนตัวเล็กด่าเขา ไล่เขาอยู่เป็นประจำ แล้วชอบขุดคำพูดเจ็บๆ แสบๆ มาไล่เขา ยอมรับว่าเจ็บอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะท้อ เพราะผมรักเขาไปแล้วนี่!
ณัฐดนัย นี่คือชื่อเขา ชื่อเล่นของเขาชื่อ นัท มันช่างมาคล้องจองกับน่านน้ำพอดีเลยเว้ย โห เนื้อคู่กันชัดๆ พระเจ้าสร้างเขามาคู่กับผมครับ มองหน้าก็รู้ได้เลยว่า คนๆนี้แหละที่ผมจะดูแลไปตลอดชีวิต
กลุ่มของเขาโด่งดังมากๆเลยครับที่มหาลัย เพราะแต่คนโดดเด่นไปคนอย่างครับ ผมถูกบังคับว่าถ้าอยากจีบก็อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อ ทำตามซิครับ รักเขาแล้วนี่ น้อยใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมตัวเองทำดีตั้งนาน น้องยังไม่ใจอ่อนซักที แต่ก็ไม่ท้อครับ ในเมื่อเลือกที่จะรัก ก็ต้องเก็บรักไว้ดีๆครับ
นานกี่ปีแล้วน้า ที่ผมกับน้องรู้จักกันมา ผมจบออกมา น้องก็มาแสดงความยินดีที่บ้าน ดีใจเหมือนกัน ไม่คิดว่าน้องจะมาเซอร์ไพส์
เมื่อตัวเองเข้ามาทำงานในบริษัทกิจการของที่บ้าน ก็หน้าหนาย้ายของไปอยู่คอนโดกับน้องซะเลย นอกจากจะโดนด่าแล้วยังโดนทำร้ายร่างกายอีก แต่น่านน้ำก็ไม่หวั่นครับ ทำหน้าหงายๆ หางตาตกนิดหน่อย คนน่ารักใจอ่อนแล้วครับ ในเมื่อห่างกันคนละบ้านแล้วยังไม่ได้เป็นแฟนซักที อย่างนี้ต้องย้ายมาอยู่ด้วยซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ดูซิ ว่าใจมหาหินของน้องจะแข็งได้ไปนานอีกเท่าไร ฮ่าๆ ผมฉลาดอ่ะ
คอยๆเนียน เขาของโน่น นี่ ของตัวเองมาใส่ห้องน้องไปเรื่อยๆ ทำทุกอย่างก็ทำด้วยกัน กินข้าวพร้อมกัน แปรงฟันพร้อมกัน เข้านอนพร้อมกัน ถึงแม้จะได้แค่สัมผัสเพียงด้านนอก ก็เพียงพอสำหรับผมแล้วครับ เพราะยังไงน้องก็ไม่รอดมือผมไปแน่นอน ต้องทำหมาดพระเอกไว้ก่อน ไว้น้องยอมเมื่อไหร่ค่อยแปรงร่างเป็นราชสีห์ หึหึ
ผมบอกทุกคนหรือยังว่าเราสองคนมีแหวน กับบัญชีธนาคารด้วยกัน เรียกว่าทำทุกอย่างให้เหมือนกับเราทั้งสองคนเป็นคู่ชีวิตของกันและกันครับ ความจริงเวลาอยู่ด้วยกันสองคนผมจะเรียกเขาว่า หนูนัท ตอนแรกก็ด่ามาแหละครับ แต่ผมชอบอ่ะ จะเรียกอย่างนี้น่ะ ใครจะทำไม น้องหนูนัทก็เลยชิน แล้วทำใจยอมรับในที่สุด แต่ถ้าอยู่ในที่สาธารณะผมก็เรียกชื่อเล่นของเขาแค่นั้นแหละครับ
ทะเลาะกันบ้าง แต่ไม่เคยรุนแรงถึงขั้นหลุดปากแล้วบอกว่าเลิกรา ผมร้อนน้องเย็น และเมื่อน้องร้อน ผมก็พร้อมที่จะเป็นสายน้ำรดไฟให้ดับลงแล้วเหลือแต่ความน่ารักเหมือนเดิม
ไม่นึกว่าชาตินี้จะได้ยินคำว่า “หนูนัทรักพี่น่าน” นึกว่าผมจะแก่ตายก่อนเสียอีก ดีใจแบบสุดๆ แต่ก็ไม่แสดงออกมาก เข้าใจไหมครับ เวลาคนดีใจมากๆมักจะไม่ค่อยแสดงออกมา ไม่ใช่อะไรครับ ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดหรือต้องทำอะไรตรงไหนก่อน มือไม้ชาไปหมดเลยครับ รู้อย่างเดียวมองไปทางไหน รูปหัวใจกระจายออกเป็นวงเลยครับ ฮ่าๆ เป็นเอามากนะเว้ย
“หนูนัท ไปดูดอกทานตะวันกันไหม” ระหว่างที่นอนดูหนังกันอยู่หน้าโทรทัศน์ ผมก็ถามคนน่ารักเสียงหวาน คนตัวเล็กที่นอนหนุนแขนผมก็โผลุกขึ้นมามองหน้า แล้วทำตาโตแบบน่ารักๆ สไตร์เขานั่นแหละครับ
“พี่น่านเป็นไข้เหรอ สงสัยเพ้อ” พูดเสร็จก็ล้มตัวลงหนุนแขนผมเหมือนเดิม ผมนี่หัวเราะเลยครับ เขาใจอีกฝ่ายทันที เพราะรู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นคนหวงของ ก็เลยไม่ค่อยพาน้องออกไปไหนเท่าไร พอเจ้าตัวโดนถามเรื่องไปเที่ยวก็เลยทำท่าแปลกใจอย่างที่เห็นนั่นแหละครับ
“ไปไหมล่ะ เดี๋ยวพี่พาไป หยุดงานวันไหนครับ”
“พูดจริงเหรอเนี่ย” คนน่ารักลุกขึ้นนั่งแล้วเขย่าแขนผมไปมา ยังไม่พอ ยังลุกขึ้นไปเขียนไวท์บอร์ดที่ผนังห้องว่าผมจะพาไปเที่ยว ห้ามผิดคำพูด ไม่งั้นงอน!!!!!
“ไม่ผิดคำพูดแน่นอน ........ขอโทษที่ค่อยพาไปไหน เข้าใจนะครับ” คนน่ารักเดินเข้ามานอนหนุนแขนผมเหมือนเดิม ผมเลยกระชับแขนให้แน่นกว่าเดิม เดี๋ยวจะโดนคนน่ารักเขาบ่นว่าผมกอดไม่อุ่น
“ขอโทษทำไมครับ หนูนัทยังไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย เข้าใจว่าคนแก่แถวนี้ขี้หวงขนาดไหน ขืนขัดคำสั่งเดี๋ยวได้หัวใจวายพอดี” นอนอยู่เฉยๆ ผมก็โดนทักเรื่องอายุอีกแล้ว ก็ทำไมล่ะ คนมันเกิดก่อนผิดตรงไหน ตัวเองนั่นแหละเกิดช้าเอง
“เข้าใจก็ดีแล้วครับ ดูหนังต่อเนอะ เดี๋ยวคนแถวนี้จะไม่ได้ดูแล้วโดนคนแก่ทำประตูแทน”
พลั่กกก!!!!!!!!
เต็มๆเลยครับ โดนทุบตรงหน้าอกเต็ม ๆ เน้นๆ เล่นเอาจุกไม่น้อย คนน่ารักเขาน่าแดงบวกเขินแล้วชอบทำอะไรรุนแรงอย่างนี้ประจำครับ
“คนแก่ทะลึ่ง”
“แล้วคนอายุน้อยไม่ทะลึ่งหรือไง เห็นพอโดนทีไร ร้องดังทุก...อื้อ”
ยังไม่ทันจบประโยค มือบางๆก็ยกขึ้นมาปิดปากผมทันที ฮ่าๆ แกล้งหนูนัททีไรตัวเองได้กำไรตลอด ไม่มีขาดทุน ฮิ้วววววๆ
“พอเลยพี่น่าน เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวจะไม่ได้ทำ”
“ถ้าไม่ให้ พี่น่านก็จะปล้ำหนูนัทเอาเองก็ได้ ตัวเล็กๆอย่างนี้แรงไม่ค่อยมีหรอก พี่น่านรู้”
“พอเลยๆ พูดทีไรหนูนัทเสียเปรียบตลอด พี่น่านขี้แกล้ง ทะลึ่งมากๆ เดี๋ยวหนูนัทจะไปมีกิ๊กให้ดู”
“อ้าวๆ หนูนัทไม่รู้เหรอว่าพี่น่านหึงโหด ถ้าไม่อยากโดนทำรักจนสลบคาอกก็อย่าทำเป็นอันขาด พี่น่านบอกไว้แล้วนะ เดี๋ยววันหลังสั่งทำป้ายชุบทองมาห้อยให้หนูนัทว่า มีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว”
“ว่าแต่เขา หนูนัทก็จะทำเหมือนกัน ว่าพี่น่านน่ะมีเมียแล้ว เห็นมีคนชอบส่งสายตาให้บ่อยๆนี่ ชอบไม่ใช่เหรอ เหอะ!” ลืมไปครับ ว่าตัวเองมีคดี ก็ไม่ร้ายแรงเท่าไรหรอก เมื่อวานหนูนัทขับรถไปส่งผมที่บริษัท เพราะผมขี้เกียจขับรถ เลขาพ่อเดินผ่านมาพอดี เขาก็ทักแล้วยิ้มให้ หนูนัทก็เลยหึงละซึ่มอย่างที่เห็นครับ
“เอาเลย เดี๋ยวพี่น่านดีไซร์ให้ดีกว่า ว่าเอาแบบไหน ขนาดไหน” คนตัวเล็กที่นอนหนุนแขนผมอยู่ ทำท่าขัดใจทันที เพราะยังไงก็สู้ผมไม่ได้ อดไม่ได้ต้องก้มลงไปชิมริมฝีปากช่างพูดช่างคุยนั้นซักทีสองที เห็นแล้วอดใจไม่ไหวจริงๆครับ
“อื้อ! หนูนัทจะดูหนัง” คนน่ารักดิ้นไปมา แล้วก็ตีแขนผมใหญ่ ยอมเขาซิครับ ตัวเล็กแค่นี้แต่อำนาจสั่งการเยอะมหาศาล ไม่ถึงกับกลัวแต่เกรงใจครับ
…………………………………..
“พี่น่าน ลืมของหรือเปล่า”
“หนูนัทตรวจดูกี่รอบแล้วครับ พี่น่านว่ามันจะรอบที่สิบอยู่แล้วนะ ไม่ลืมอะไรแล้วครับ” ผมยกกระเป๋าสัมภาระขึ้นรถ แต่ยังไม่เดินขึ้นรถ ต้องรอให้คนน่ารักยืนนึกอยู่ซักแปป
“กล้อง โทรศัพท์ กระเป๋าตังค์ เสื้อผ้า นาฬิกา ไดอารี่ อืม....” ทำท่านึกได้น่ารักตรงใจน่านน้ำอย่างนี้ เอาไปเลย จุมพิตแบบซอฟๆหนึ่งที
“ไม่ลืมแล้ว ครบหมดทุกอย่าง ถ้าลืมเดี๋ยวค่อยไปซื้อเอาข้างหน้าก็ได้” นั่นแหละครับ คนน่ารักถึงได้ยอมขึ้นมานั่งคู่กลับผม และแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางเสียที
“ฮัลโหล ไอ้ตัส กูไปดูดอกทานตะวันแล้วเว้ย ไม่ต้องพึ่งมึงแล้วไอ้ปลวก ....เออๆ ไม่อ่ะ ทำไมกูต้องซื้อมาฝากมึง เอาอย่างนี้ดีกว่า กูซื้อมาแล้วเก็บเงินมึงทีหลังดีกว่า ฮ่าๆ” คงโทรไปเยาะเย้ยเพื่อนเขานั่นแหละครับ ตัสเป็นรุ่นน้องผมครับ เรียนคณะเดียวกัน น้ำซุปก็เหมือนกันครับ แต่ผมไม่ค่อยสนิทเท่าไร เพราะรายนั้นร่ายล้อมไปด้วย เพื่อนฝูง และแฟนคลับเยอะแยะ
“อะไรจะเหนียวปานนั้น”
“ขับไปๆ พูดมากอ่ะพี่น่าน เปลี่ยนให้หนูนัทขับก็ได้นะ”
“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวจะไม่ถึงลพบุรีพอดี” ก็หนูนัทของผมขับรถเร็วแล้วก็ซิ่งมากเลยครับ ขืนให้ขับมีหวังไม่ถึงลพบุรีพอดี
“ง่วงอ่ะ”
“ง่วงก็นอน เสื้อโค้ชพี่อยู่ด้านหลัง”
“ถ้าหนูนัทหลับ แล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อนพี่น่าน”
“ไม่ต้องห่วง พี่น่านไม่หลับคาพวงมาลัยแน่นอน หนูนัทนอนซะนะ”
เพราะพวกผมเดินทางแต่เช้าครับ เพราะดอกทานตะวันมันบานแต่เช้า รู้ว่ายังไงก็ไม่ทันดูมันบานรับแสงอาทิตย์แต่เช้าแน่นอน แต่ก็อยากไปถึงให้เร็วที่สุดเหมือนกัน
“ไม่เอาอ่ะ หนูนัทจะนั่งคุยไปเป็นเพื่อน”
ในเมื่อเจ้าตัวยืนยันอย่างนั้น ผมก็คงขัดไม่ได้ ก็เลยปล่อยให้คนเก่งเขานั่งปรือตามองโน่นมองนี่ไปตามเรื่อง
“เปิดเพลงไหมหนูนัท รถจะได้ไม่เงียบ”
คนน่ารักกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีเลยครับ เจ้าตัวเอาแผ่นเพลงแสนรักแสนหวงของตัวเองมาเปิดกล่องแล้วเอาแผ่นใส่เครื่องเล่น อะไรจะกลัวแผ่นเป็นรอยขนาดนั้น
อดอิจฉาแผ่นเพลงไม่ได้ หนูนัทถนอมมันมากกว่าผมเสียอีก เหอะ!!!!!!!
Song: Until you
Artist: Shayne Ward
Baby life was good to me
ที่รัก ชีวิตที่ผ่านมามันก็ดีอยู่แล้ว
But you just made it better
แต่คุณก็ยิ่งมาทำให้มันดีมากขึ้นกว่าเดิม
I love the way you stand by me
ฉันชอบที่คุณยืนอยู่เคียงข้าง
Throught any kind of weather
ไม่ว่าจะหนาวหรือร้อน
* I don’t wanna run away
ฉันไม่ต้องการที่จะหนีไปไหน
Just wanna make your day
แค่ต้องการทำให้เราไปด้วยกันได้ดี
When you fell the world is on your shoulders
เมื่อเวลาที่คุณรู้สึกทุกข์ เหมือนคุณแบกโลกทั้งใบที่หนักอึ้งไว้บนบ่า
Don’t wanna make it worse
ไม่ต้องการที่จะทำให้มันเลวร้ายลง
Just wanna make us work
แค่ต้องการทำให้เราไปด้วยกันได้ดี
Baby tell me I will do whatever
ที่รัก บอกฉันมาซิ ฉันทำให้ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
** If feels like nobody ever knew me until you knew me
มันรู้สึกเหมือนว่าไม่มีใครเคยรู้จักฉันจนกระทั่งคนได้รู้จักฉัน
Feels like nobody ever loved me until you loved me
รู้สึกเหมือนไมมีใครเคยรักฉัน จนกระทั่งคุณได้รักฉัน
Feels like nobody ever touched me until you touched me
รู้สึกเหมือนไม่มีใครเคยได้สัมผัสฉัน จนกระทั่งคุณได้สัมผัสฉัน
Baby nobody , nobody , until you
ที่รัก ไม่มีเลย ไม่มีใคร จนกระทั่งคุณ
Baby it just took hit of you now I’m addicted
ที่รัก การที่ได้สัมผัสจากคุณแค่ครั้งเดียว มันทำให้ฉันหลงใหล คลั่งไคล้คุณแถบบ้า
You never know what’s missing
คุณไม่เคยรู้หรอกว่าอะไรขาดหายไป
Till you get everything you need
จนกว่าคุณได้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ
เพลงยังเล่นวนไปวนมาไปเรื่อยๆ เพราะหนูนัทกดให้มันเล่นซ้ำอยู่เพลงเดียว ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพลงนี้มันเพาะอยู่แล้ว ฟังกี่ทีก็อดยิ้มตามไปไม่ได้ เนื้อหาเพลงกิดขาดครับ มันช่างตรงกับชีวิตผมไปซะทุกอย่าง
แค่ท่อนแรกที่บอกว่า ชีวิตที่ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อมีไอ้ตัวเล็กเข้ามามันก็ดียิ่งขึ้นไปอีก ได้ใจน่านน้ำไปเต็มๆ ใครมันแต่งว่ะ สุดยอดได้อีก หวานไปทั้งเพลง หวานไม่หวาน คนเปิดเองเขานั่งฟังไปก็หน้าแดงไปแหละครับ
“จะบอกรักพี่น่านทางอ้อมหรือเปล่าครับ”
“บ้า! เพลงมันเพราะของมันเอง อีกอย่าง.................. ถ้าจะบอกรักพี่น่าน ทำไมต้องบอกทางอ้อม บอกไปตรงๆเลย ว่า ณัฐดนัย รัก น่านน้ำ”
ตรงแบบนี้ได้ใจน่านน้ำไปอีกแล้ว !!!!!!!
“เหมือนกันครับที่รัก” ผมพูดเสียงหวาน แล้วส่งสายตาอ้อนไปให้คนที่นั่งเคียงคู่อยู่ข้างๆ ขำตัวเองไม่ได้ อายุก็มากแล้วยังมาทำท่าทางเป็นหนุ่มน้อยหัดรักอยู่ได้
“นึกออกแล้ว!!!!!!!!!!!!!!” นั่นประไร กำลังหวานอยู่ดีๆ คนน่ารักก็เปลี่ยนโหมดมาเป็นตื่นเต้นซะงั้น ตามเขาไปครับ ตามเขาไป
“นึกอะไรออกหืม”
“รู้แล้วว่าลืมอะไร .......ลืมกีตาร์ไงพี่น่าน โหหหหหห!!!!!!!!!!! อดเลย”
ไอ้เราก็ว่าลืมอะไรที่มันยิ่งใหญ่นักหนา ที่แท้ก็ลืมกีตาร์ คนตัวเล็กเคยบ่นๆว่าอยากให้ผมดีดเพลงสากลเพราะๆให้ฟัง ผมก็ไม่ขัด จะดีดให้ฟังเดี๋ยวนั้นก็โดนห้ามไว้ เพราะเจ้าตัวอยากให้ผมดีดในบรรยากาศยามเย็นในทุ่งดอกไม้ที่ไหนซักแห่งก็ได้ แต่ต้องเป็นทุ่งดอกไม้เท่านั้น
ผมเลยถามว่า ที่อื่นไม่ได้เหรอ อย่างทะเล ภูเขา ไรเงี๊ย เลยโดนแขวะกลับมาครับ ว่าสถานที่ที่ผมบอกมานั้นคนอื่นเขาทำกันเยอะแล้ว อยากทำอะไรที่คนอื่นเขาไม่ทำกันบ้าง
“เพราะพี่น่านคนเดียว เลยทำให้หนูนัทลืมของสำคัญ”
เอ๊า!! ขับรถอยู่ดีๆ ผมผิดซะงั้น ไอ้ท่าทางง่วงเหงา หาวนอนเมื่อกี้ไม่มีแล้วครับ หนูนัทตอนนี้กำลังทำหน้ายุ่งนั่งทำหน้าเซ็งสุดขีด จนอดไม่ได้ผมต้องยกมือไปผลักหัวอีกฝ่ายอย่างหยอกเล่น
“ไว้คราวหลังค่อยฟังก็ได้ เดี๋ยวพี่จะไปเที่ยวทุ่งดอกกระเจียว”
“กษัตริย์ ตรัสแล้วไม่ขืนคำ”
“พี่น่านไม่ได้เป็นกษัตริย์ครับ พี่น่านเป็นรองผู้บริหาร” ไม่ได้เล่นมุกครับ ผมพูดเรื่องจริง
“ตลกล่ะๆ เดี๊ยะๆ เดี๋ยวนี้หัดเล่นมุกนะ”
“เล่นทำไมมุก เล่นหนูนัทดีกว่า เร้าใจกว่ากันเยอะ”
“พีน่าน!!!!!!”
สเต็บเขานั่นแหละครับ อายแล้วโมโหตลอด
“รู้แล้วครับ ไม่ลืมหรอกน่า ก่อนหนูนัทไปนอก พี่น่านจะพาไปเที่ยวรอบประเทศไทยเลย” พูดเสียงสดใจ แต่หัวใจผมนี่เศร้าได้อีก
ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เรียนในประเทศ สถาบันในประเทศก็มี เปิดสอนโทด้วย ทำไมต้องไปเรียนเมืองนอกเมืองนาด้วย พูดเรื่องนี้ทีไรตีกันตลอดครับ และหนูนัทก็เป็นฝ่ายแพ้ทุกที เพราะสู้ผมไม่ได้ มาเจอนัยน์ตาเศร้าๆของผม จอดทุกทีครับ
“โอ๋ๆ ไม่ต้องเศร้านะ เดี๋ยวจะโทรหา ออนคุยกันกันทุกวันเลย โอเคป่ะ”
“ไม่โอ ของอย่างนี้มันต้องเจอตัวต่อตัว เห็นแค่ภาพมันไม่ได้อารมณ์” รู้ครับว่าเมื่อกี้พูดเสียงแข็ง ทำไงได้ล่ะ ผมทำใจไม่ได้อ่ะ ห่างกันตั้ง 2 ปี ผมจะขาดใจตายไหมเนี่ย
“พี่น่านอ่ะ นัทไปแป็ปเดียวเอง แค่สองปี เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
“แป๊ปเดียวของหนูนัท แต่นานมหาศาลสำหรับพี่น่าน .......พี่น่านเพิ่งได้หนูนัทมาเป็นแฟนนะ จะอยู่ให้ชื่อใจนานกว่านี้ไม่ได้หรือไง”
“พี่น่านไม่ให้หนูนัทไปเหรอ”
มาเจอประโยคนี้ น่านน้ำ ก็น็อคเหมือนกันครับ รู้ว่าถ้าเอาเรื่องความรักมาขัดเรื่องอนาคตเป็นงี่เง่า แต่ทำไงได้ล่ะ ผมเลือกที่จะงี่เง่าแล้วกัน ไม่แคร์ด้วย ว่าใครจะมองว่าอย่างไร
“พี่ห้ามหนูนัทได้เหรอ .........ไม่ได้อยู่แล้วนี่”
แล้วบรรยากาศในรถก็อึมครึมทันที ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นอย่างนั้น เอาเข้าจริงๆ ถ้าหนูนัทให้ผมเป็นคนเลือกให้เขา ว่าจะให้ไปหรือไม่ให้ไป ผมกลับกลัวว่าถ้าเอาความรักไปขัดขวางเส้นทางอนาคตของเขา มันจะทำให้รักเราจืดชืด และล่มไปในที่สุด
ช่วยผมคิดหน่อย ว่าผมต้องเลือกทางไหนดี