Part 59 คู่ชีวิต ( ตอนจบ ) .
.
.
.
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ จากคนที่ต้องเดินคนเดียว ทำอะไรหลายๆอย่างคนเดียว และไม่เชื่อว่ารักแท้นั้นจะมีจริงอยู่บนโลกใบนี้ โลกที่บิดๆเบี้ยวๆ มองไปทางไหนก็มีแต่คนเห็นแก่ตัว ไม่จริงใจต่อกัน ทุกคนใส่หน้ากากเข้าหากัน เพียงเพราะคำว่าธุรกิจ เงิน ตรา สามารถซื้อได้ทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งความรัก ศักดิ์ศรี ร่างกาย วิญญาณ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้อำนาจของเงิน แล้ววลีสั้นๆว่าครอบคลุมความหมายทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างคำว่า ‘รัก’ มันจะมีอยู่จริงหรือ ยังมีคนที่วิ่งตามหารักแท้อยู่ในยุคโลกาภิวัตน์ ด้วยเหรอ ช่างน่านับถือเสียจริง ใครที่กำลังปฏิบัติภารกิจตามหารักแท้อยู่ ขอแนะนำให้หยุด ทำไมถึงบอกให้หยุด นั่นก็เพราะว่า ‘รักแท้ มันจะเดินเข้ามาหาคุณเอง เมื่อถึงเวลา....’ อย่าขวนขวายเพื่อที่จะได้รัก เพราะเมื่อใดที่ผิดหวังเสียใจแล้ว เมื่อนั้นคุณเองก็ไม่ต่างอะไรกับเศษผ้าชิ้นหนึ่งที่เดียวดายและเปล่าเปลี่ยวนั่นเอง
สำหรับน้ำซุปนั้นไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาตกหลุมรักกับผู้ชายหน้าตาหล่อเหล่าดีกรีผู้บริหารสูงสุดของแอ็คซายน์ ไม่นึกว่าตัวเองจะเป็นยอดดวงใจชองลีโอ แอ็คซายน์ ผู้ชายที่ได้รับสมยานามว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการธุรกิจ ความไม่เข้าใจกัน ในอะไรหลายๆอย่าง บอกให้น้ำซุปถอยออกมาจากจุดนั้น จุดสูงสุด จุดที่ใครหลายๆ ขวนขวายและทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้มาเป็น เมียของเจ้าพ่อ
ช่างผิดกับน้ำซุปยิ่งนัก ร่างบางไม่ต้องการที่จะมายืนอยู่จุดนี้ ไม่ต้องการความยิ่งใหญ่ที่รองรับอยู่เบื้องหลัง ไม่ต้องการอะไรเลยทั้งสิ้น สิ่งที่ใจคะนึงหานั่นก็คือความสุขและความสงบของชีวิตคู่นั่นเอง แต่เมื่อได้มาพบกับ ลีโอ แอ็คซายน์ นั่นก็ทำให้น้ำซุปได้รู้ว่า ตัวเองนั้นเดินออกมาไกลจากคำว่า สงบสุขอย่างนิรันดร์และถาวร
ลีโอ แอ็คซายน์ ดูเผินๆ เหมือนคนที่ไม่ขาดอะไรเลย สมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน เงินทอง ชาติตระกูล แต่เมื่อน้ำซุปได้มาใช้ชีวิตกับผู้ชายตัวโตคนนี้ คนที่ทำอะไรสมบูรณ์แบบไม่ทุกอย่าง คนที่ทุกคนให้ความเคารพย่ำเกรง แต่ทุกคนหารู้ไม่ว่า ที่จริงแล้วเบื้องหลังของความสมบูรณ์แบบนั้นคือความโหยหาและความเดี่ยวดาย ที่ผู้ชายคนนี้พยายามสร้างเกราะขึ้นมาป้องกันตัวเองออกจากความรู้สึกเหล่านั้น ครอบครัวทำงานเกี่ยวกับด้านธุรกิจและอยู่ในวงการมาเฟียมารุ่นต่อรุ่น ทำให้ชิวิตทั้งชีวิตของลีโอ แอ็คซายน์เต็มไปด้วยความกดดัน ความรับผิดชอบในทุกสิ่งทุกอย่างมันมากเกินกว่าที่ผู้ชายธรรมดา คนหนึ่งจะรับไหว
ลีโอ มักจะเอ่ยวาจาหยอกเหย้าเขาอยู่เสมอๆว่าเหมือนน้ำทิพย์ชโลมจิตใจยามได้พบหน้า น้ำซุปได้ยินประโยคนี้ทีไรก็ขวยเขินและหน้าแดง แก้มแดงไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง อยากจะเป็นน้ำทิพย์ที่แสนวหวานให้ลีโอดื่มกินอยู่ตลอดเวลา อยากเป็นสายลมที่พัดพาความเหนื่อยล้าให้ผ่านพ้นไป อยากตอบแทนความรักที่ไว้วางใจที่ลีโอมีให้ในตลอดระยะเวลาที่คบกันมา
ไม่มีซักครั้งที่ทะเลาะกันแล้วลีโอ แอ็คซายน์จะออกปากว่าเลิกหรือเอ่ยวาจาอันใดที่กระทบจิตใจของเขา ไม่มีซักครั้งที่จะโดนทำร้ายร่างกาย ไม่มีเลยที่จะโดนทำให้รู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า ลีโอพยายามทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะหามาให้ผู้ชายคนหนึ่งได้
ไม่รู้ว่าจะตอบแทนความรักนี้ได้อย่างไร ทำได้มากที่สุดนั่นก็คือ รักตอบ...........ตอบแทนความรัก ความดีที่ผู้ชายคนนี้ทำทุกอย่างเพื่อเขา แม้แต่ชีวิตของเขาก็สามารถที่จะให้ได้ เพราะรู้อยู่ในใจดีแล้วว่า ลีโอนั้นพร้อมพลีกายเพื่อช่วยเขาให้พ้นจากอันตราย อยากเอาใจรักษาใจและให้กายรักษากาย เมื่อใดทีหัวใจเกิดบาดแผล เมื่อนั้นหัวใจอีกดวงที่อยู่เคียงข้างกันมาเนิ่นนานก็พร้อมที่จะเป็นยารักษาบาดแผลเช่นกัน
เส้นทางของเราสองคนไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบดอกไม้ เหมือนที่ใครหลายๆคนอิจฉาและมักจะพูดถึงว่า เขาและลีโอนั้นช่างดูเหมาะสมยิ่งกว่าคู่หญิงชายเสียอีก แต่คนเหล่านั้นจะรู้ไหมว่ากว่าที่จะผ่านแรงกดดันและเสียงด่าทอ เสียงประณามได้ หัวใจก็เกือบสาหัสเหมือนกัน
หากแต่เมื่อใดที่เหนื่อยและท้อ เราสองคนมักจะมานั่งจับมือกันเงียบเพื่อเติมพลังให้กันและกัน ฝ่ามือสู่ฝ่ามือ ถ่ายเทไออุ่นส่งถึงกันและกัน และเหมือนเป็นการยืนยันให้อีกฝ่ายให้ได้รู้ว่า ไม่ว่าจะผ่านเรื่องราวร้ายแรงอะไรมา มือของเราสองคนก็จะไม่แยกออกจากกัน ขอเพียงอย่าปล่อยมือจากกัน อย่ายอมแพ้ โอบประคองและเดิมไปพร้อมกันได้ไหม อย่าทิ้งให้ใครคนใดคนหนึ่งต้องรอและท้ออยู่ฝ่ายเดียว เราสองคนจะก้าวไปพร้อมกัน
“น้ำซุปเหนื่อยเหลือเกิน....................”
“ไม่เหนื่อยนะที่รัก.....น้ำซุปห้ามเหนื่อยนะ ถ้าน้ำซุปเหนื่อยแล้วเจ้าพ่อจะเดินไปกับใคร น้ำซุปจะทิ้งเจ้าพ่อไว้คนเดียวอย่างนั้นเหรอ ...ไม่สงสารกันบ้างเหรอที่รัก” น้ำเสียงทุ้มกังวานสั่นคลอนอย่างสะเทือนใจ
“ลีโอ.......น้ำซุปไม่ได้ทิ้ง แต่เราสองคน เดินไปด้วยกัน...........ไม่ได้ มันไม่ถูกต้อง”
“อะไรคือคือความถูกต้อง..........ถ้าความถูกต้องคือการที่น้ำซุปทิ้งเจ้าพ่อไปล่ะก็ ........เอาปืนมายิงหัวใจกันเลยดีกว่า”
“ลีโอ..................”
“เราจะเดินไปด้วยกัน......น้ำซุปจำไว้นะ มือคู่นี้จะไม่ยอมปล่อยมือของน้ำซุปไปเด็ดขาด นอกจากความตายเท่านั้นที่สามารถพรากน้ำซุปไปจากลีโอได้”.
.
.
.
.
.
.
“เดียร์ครับ รีบๆหน่อยครับ กับม้ารอยู่นะครับที่รัก” น้ำซอส ส่งเสียงเรียกคนรักอยู่หน้าบ้าน ร่างสูงโปร่งอย่างหนุ่มลูกเสี้ยวนั่งพิงกระโปรงรถ สายตาคมเข้มมองเข้าไปยังตัวบ้านเพื่อคอยมองว่าคนรักจะเดินออกมาเมื่อไร
“เดี๋ยวนะซอส อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว” น้ำเสียงแววหวานดังแว่วออกมาจากห้องครัว น้ำซอสถอนหายใจออกมาอย่างปรงๆ เรื่องอาหารการกินที่รักเขาจะพิถีพิถันเป็นพิเศษ ไม่ว่าก็ไปหยุดคนสวยเขาไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องทำใจรออย่างเดียว ขืนเข้าไปยืนเสนอหน้าในครัวมีหวังได้มีตะหลิว ไม่ก็ฝาหม้อลอยปะถะหน้าแน่ๆ
“แต่มันสายแล้วนะครับที่รักกกก” น้ำซอสยังไม่ละความพยายามที่จะส่งเสียงตอบรับคนรัก
“เสร็จแล้วๆๆๆ เร่งอยู่ได้ ม้าไม่หนีไปไหนหรอกน่า” ร่างขาวผ่องเดินถือเถาปิ่นโตออกมาอย่างช้า ๆ เมื่อเห็นดังนั้น น้ำซอสก็เด้งตัวลุกจากกระโปรงรถรีบเข้าไปช่วยคนรักทันที
“ทำอะไรไปเยอะแยะ ม้ากินไม่หมดหรอกนะครับ ม้าแก่แล้ว” ลูกชายของน้ำซุปบ่นไปก็ยิ้มไป แต่สำหรับเดียร์นั้นรู้ดีว่า น้ำซอสนั้นเป็นห่วงน้ำซุปขนาดไหน ด้วยร่างกายที่แก่ชราของน้ำซุปเลยทำให้ไม่สามารถทานอาหารที่เดียร์ตระเตรียมไปให้ได้ซักเท่าไร
“ม้ากินไม่หมด งั้นซอสก็กินให้หมดซิ” ร่างบางเข้าไปนั่งคู่คนขับหน้าหล่อ โดยไม่ต้องทำอะไรเลยตั้งแต่เปิดประตู รัดเข็มขัดนิรภัย เพราะน้ำซอสทำให้หมดทุกอย่าง
“ถึงไม่บอกซอสก็กินหมดอยู่แล้วที่รัก เดียร์ทำอะไรก็อร่อยหมดนั่นแหละ”
“ปากหวานนะเนี่ยคนนี้”
“หึหึ รู้ได้ไงครับว่าเดียร์ปากหวาน สงสัยชิมบ่อยล่ะซิ” น้ำซอส ค่อยๆเคลื่อนรถออกจากโถงหน้าบ้านอย่างช้าๆ คฤหาสน์แอ็คซายน์เงียบเชียบและไร้เสียงทันทีเมื่อคนสองคนได้เดินทางออกไป เหลือเพียงแต่เสียงของจิ้งหรีด เรไรที่พากันส่งเสียงร้องเซ็งแซ่ไปตามธรรมชาติของมัน
ร่างบางของผู้สูงอายุที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โยกเยกอยู่ในห้องนอนใหญ่ทำเอาสองผู้มาใหม่ไม่กล้าที่จะเข้าไปรบกวน สายตาฝ่าฟางเหม่อมมองรูปถ่ายรูปหนึ่งที่ติดอยู่บนฝาพนังห้องอย่างไม่ไหวติง เส้นผมสีเทาแซมขาวบ่งบอกถึงอายุขัยของผู้เฒ่าได้เป็นอย่างดี ภายในห้องมีเพียงโต๊ะเขียนหนังสือที่เต็มไปด้วยรูปถ่าย ตู้เสื้อผ้าสองหลัง โคมไฟข้างหัวเตียง และเก้าอี้โยกที่ผู้เฒ่ากำลังนั่งอยู่ตอนนี้
“ม้าครับ ซอสมาแล้วครับ” ร่างสูงค่อยๆเดินเข้าไปหาผู้สูงวัยอย่างช้าๆ น้ำเสียงที่เปล่งเรียกออกไปนั้นเต็มไปด้วยความรักและความอาทร และเจือความสงสารไปด้วยเช่นกัน
น้ำซุปค่อยๆหันหน้ามามองลูกชายตัวเองอย่างช้าๆ ใบหน้าหวานที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลาบัดนี้เต็มไปด้วยริ้วร้อยที่ขึ้นตามกาลเวลา และเหนือสิ่งอื่นใดนั้น รอยยิ้มที่อ่อนหวานก็พลันหายไปเมื่อคู่ชีวิตตายจาก
“วันนี้เดียร์ทำข้าวต้มกุ้งของโปรดของม้ามาด้วย ทานซักหน่อยนะครับ” เดียร์จัดแจงเดินออกไปเอาจานชามและแก้วน้ำที่ห้องครัวอย่างรู้หน้าที่ ทิ้งให้น้ำซุปและน้ำซอสอยู่ด้วยกันตามลำพังอย่างเช่นเคย
“วันนี้ม้ามองรูปป๊านานไปแล้วนะ เลิกมองก่อนครับ...........ฮึกๆ.........กินข้าวเสร็จ..........แล้วค่อยมอง” เมื่อลับร่างของคนรักไป น้ำซอสก็หลั่งน้ำตาแห่งความสงสารออกมาทันที
เขารู้ดีว่า ม้านั่งมองรูปป๊าอย่างนี้มาเกือบห้าปีแล้ว หลังจากที่ป๊าเสียชีวิตไปม้าที่อ่อนหวานและอ่อนโยนของเขาก็เงียบและนิ่งเฉยอย่างนี้มาโดยตลอด น้ำซอสเข้าใจถึงความรู้สึกที่สูญเสียคนรักไปนั้นมันเจ็บปวดและทรมานแค่ไหน แต่ไม่ว่าจะเอ่ยวาจาปลอบโยนม้าเท่าไร ก็ไม่สามารถลบเลือนความเศร้าสร้อยไปได้เลย
และรู้ว่าอีกไม่นาน ม้าจะตามป๊าไปอีก
“..........ซอส.......ป๊ายิ้มให้เราด้วย.......เห็นไหม” ดวงตาฝ่าฟางหันกลับไปมองที่รูปถ่าย
รูปถ่ายใบนี้คือรูปถ่ายคู่ของน้ำซุปกับลีโอเมื่อนานมาแล้ว แต่ไม่ว่าจะมองไปเมื่อไรก็เหมือนกับว่าได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ลีโอยังไม่จากไปไหน ยังอยู่เคียงข้างกันดั่งคำหมั่นสัญญาที่ให้ไว้ แต่ความเป็นจริงแล้วกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ลีโอ แอ็คซายน์ ได้ตายจากโลกนี้ไปนานแสนนานแล้ว
“ม้า....อย่าทำอย่างนี้ ซอสข้อร้อง ป๊าไม่อยู่กับเราแล้ว! ป๊าตายแล้ว ม้าได้ยินไหม!” น้ำซอสร้องออกมาอย่างเหลืออด ไม่ว่าจะเกลี่ยกล่อมให้น้ำซุปกินยากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ไม่เป็นผล แม้กระทั่งอาหารก็ไม่แม้ที่แตะ แล้วอย่างนี้ ร่างกายจะไหวหรือ...
“ป๊าไม่ตายนะซอส ป๊าอยู่กับเราเสมอ อยู่ในนี้” มือเหี่ยวย่นด้านซ้ายค่อยๆแบออกมาอย่างช้าๆ
แหวนคู่ แหวนที่ลีโอ แอ็คซายน์ใส่อยู่ตลอดเวลาบัดนี้อยู่ในนิ้วนางข้างซ้ายของน้ำซุปอีกวง ทับซ้อนแหวนของน้ำซุปที่ใส่ติดตัวอยู่ตลอดเวลาไม่เคยถอดหรือให้ห่างจากร่างกายเลยสักครั้ง
“ดูแลเดียร์..........ดีๆนะซอส ดูแลหัวใจดีๆ” น้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรง ทำเอาน้ำซอสสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มือหนาจับมือเหี่ยวย่นของน้ำซุปขึ้นมากุมอย่างตื่นกลัว
“ซอสดูแลแฟนตัวเองดีอยู่แล้ว แต่ม้าก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนกันนะครับ เดี๋ยวกินยานะม้า” ค่อยๆวางมือเหี่ยวย่นอย่างช้าๆ แล้วรีบขวนขวายหาน้ำกับยาให้ผู้สูงวัยอย่างทันที
“ไม่ต้องหรอกซอส...........ม้าอยากไปหาป๊าเร็วๆ”
มือหนาของน้ำซอสที่ถือยาไว้ตกลงคู้อยู่ข้างกายอย่างจำยอม ยอมรับให้กับความรักที่ป๊ากับม้ามีให้กัน แม้ความตายจะพรากทั้งสองออกจากกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความรักนั้นเจือจางขาดหายไปแต่อย่างใด
เพราะ คนทั้งคู่ กำลังจะได้ไปอยู่ด้วยกัน .............
“ฮึกๆ. ฮือ...” ไร้ซึ่งคำพูดใดที่จะเอื้อนเอ่ยออกไป น้ำซอสรู้ดีว่าในอีกไม่ช้า ลมหายใจจะเลือนหายไปจากร่างบางของน้ำซุป
“ดูและเดียร์ให้ดีๆนะซอส...............ม้ารักซอส.............รัก.......”
ลมหายใจอันแผ่วเบาค่อยๆเลือนหายไปจากเรือนร่างบอบบางของน้ำซุปอย่างช้า และในที่สุดมันก็ขาดห้วงไป มือซ้ายที่กำไว้แน่นค่อยๆคลายออกมาอย่างช้า แหวนสองวงที่ซ้อนทับกันอยู่ส่งแสงแวววาว เหมือนหยั่งรู้ได้ว่า ถึงเวลาที่คนสองคนที่รอคอยกันมาจะได้กลับมาพบเจอกันและกันอีกครั้ง
.
.
.
.
.
.
.
หากจะสิ้นใจขาดห้วงไปก็ขอให้จารึกความรักนี้เอาไว้
หากร่างกายสูญสลาย ก็ขอให้คงเหลือแต่ความอาลัย
หากใจสองใจมาบรรจบที่ความตาย ก็ขอให้ได้อยู่ด้วยกันตลอดไป
ไม่ว่าชาติใดก็มิอาจที่จะพรากจากกันได้
*************************
มอบชีวิต ไว้ให้กัน
ให้เธอนั้นช่วยดูแล
จงรักษาไว้ให้มันดี ๆ
ต่อไปนี้ขอมีเพียงแค่
ฉันและเธอตลอดไป
ทางอีกไกลที่ต้องผ่าน
เดินคู่กันไว้อย่างนี้
เธอรู้ใช่ไหมหัวใจบาง ๆ
มีบางครั้ง อ่อนแอสิ้นดี
ขอให้มีคนปลอบใจ ไม่ห่างกัน
รัก ที่มีให้กันในวันก่อน
ไม่เคยเลือนลาง จางไปกว่านั้น
รักกลับดูเหมือนเพิ่มขึ้นทุกวัน
ยิ่งนานก็ยิ่งผูกพัน มีฉันต้องมีเธอ
คู่ชีวิตที่มอบใจ
คนสุดท้ายที่มีอยู่
ถ้าถึงวันนั้น ถึงวันชรา
อยู่กันมาร่วงโรยทั้งคู่
ฉันรู้ดี ต้องมีกัน วันสิ้นลม
Credit ; คู่ชีวิต ป้าง นครินท์ กิ่งศักดิ์
.....................................................................END……………..……………………………………………..
๐ พิมไปร้องไห้ไป ไม่รู้ว่าจะร้องอะไรนักหนา แต่มันก็ร้องไปเอง น้ำตามันไหลออกมาเรื่อยๆ -___-
๐ และแล้วนิยายเรื่อง มาเฟียที่รัก กิ๊กรักคุณชายตาโตก็จบลงอย่งสมบูรณ์แบบ
๐ ขอบคุณสำหรับทุกเสียงติชม ทุกรีพลายเป็นเหมือนแรงพลักดันให้หมวยต่อสู้และแต่งนิยายออกมาได้ดี
๐ ใครซึ้ง ใครร้อง ใครเสียน้ำตา ก็กดเป็ด กด+ ให้ด้วยนะคะรักและขอบคุณ
By Chocolate Love ~