ดีใจจังที่ทุกคนชอบ
-----------------------------------------------------------Title : จอมไตรซีรี่ส์-คนมืดมนที่หลงรักคุณหมดใจ
Chapter : 4ผมถูกท่านประธานเรียกให้ไปพบที่ห้องทำงานในวันจันทร์ ถ้าผมจะรู้สึกผิดต่อปาม มันก็หมดไปทันทีที่ท่านประธานถามผมว่าทะเลาะกับปามเรื่องอะไร ผมตอบไปสั้นๆว่า
“เรื่องส่วนตัว” ความโกรธทำให้ความกลัวหมดไป ท่านประธานท่าทางไม่พอใจอย่างที่สุดที่ผมไม่ตอบ เราเงียบกันอยู่หลายนาทีท่านจึงบอกให้ผมกลับมาทำงาน ผมมาคิดๆดูแล้วถ้าเป็นแบบนี้เดี๋ยวผมต้องถูกไล่ออกแน่ จดหมายลาออกจึงถูกพิมพ์ขึ้นทันที ถ้าผมออกจากที่นี้เรื่องอะไรต้องให้เขามาไล่ ผมไปเองได้ ผมคงหางานใหม่ทำได้อย่างยากลำบากแน่เพราะบริษัทส่วนใหญ่อยู่ในเครือจอมไตร แต่ก็ยังดีกว่าอยู่อย่างอึดอัดแบบนี้
....ตอนเที่ยงผมไม่มีอารมณ์ไปกินข้าวจึงอยู่เคลียงานให้หมดๆ ผมไม่รู้ว่ามีคนก้าวเข้ามาในห้องทำงานจนกระทั่งตัวผมถูกกระชากให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้
“นายจะต้องทำร้ายจิตใจคนอื่นอีกเท่าไหร่ถึงจะพอ”
คุณไม้นั่นเองที่กระชากคอเสื้อผมขึ้นและตะคอกผม สายตาโกรธแค้นเย็นชาทำให้ผมเจ็บร้าวไปทั้งใจ เวลาเราทำร้ายจิตใจใครสักคน ไม่คิดหรือว่าคนที่เจ็บกว่าคือเรา ผมอยากบอกไปแบบนั้น แต่ที่ผมทำก็แค่เพียงยิ้มเยาะบนใบหน้า และคำพูดที่ว่า
“ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“นายมันเลว”
คุณไม้เหวี่ยงผมอย่างไม่ปราณี ร่างผมเซไปชนขอบโต๊ะอย่างแรง ผมเจ็บแต่ไม่ร้องสักแอะ ถ้าคิดจะทำให้ผมเจ็บเพื่อความสะใจล่ะก็ เขาจะไม่มีวันได้เห็นมัน
“คุณจะมาพูดแค่นี้หรือ”
ผมรู้อยู่แล้วล่ะเรื่องที่ผมมันเลวน่ะ ไม่ต้องให้คุณไม้มาย้ำหรอก ผมยืนจ้องคุณไม้โดยที่ไม่หลบตา สายตาที่ส่งตรงมามีแต่ความเย็นชา ถึงมองแล้วมันเจ็บ ถึงมองแล้วปวดใจ แต่ผมก็ยังจ้องกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
คนในแผนกกลับจากกินอาหารกลางวันและแปลกใจที่เห็นคุณไม้ยืนอยู่ในห้องนี้ พอมีคนอื่นมา คุณไม้ก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไป แผ่นหลังกว้างที่ตั้งตรงค่อยๆลับตาไป จากไปพร้อมๆกับใจผมที่แตกยับเยินไม่มีชิ้นดี
ผมยื่นใบลาออกให้หัวหน้าหลังเลิกงาน โดยในเหตุผลผมเขียนเพิ่มไปอีกข้อว่า “ถูกทำร้ายร่างกายจากคนในครอบครัวของท่านประธาน”ทำเอาหัวหน้าที่เห็นว่าผมเป็นคนเงียบๆและยอมคนตกใจมากทีเดียว
“ผมจะทำงานวันนี้วันสุดท้าย ขอบคุณที่กรุณามาโดยตลอดนะครับ”
ผมบอกหัวหน้าและเดินออกจากบริษัท ไม่คิดจะทำงานหลังยื่นใบลาออกอีก 30 วันตามระเบียบอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก ดีจังนะ เสียเพื่อน ตกงาน โดนคนที่ผมรักเกลียด ผมยิ้มให้กับตัวเอง คนนิสัยไม่ดีอย่างผม เจอแบบนี้ก็สมควรแล้วล่ะ
..........................................................................
“พี่กลอนออกจากงานเพราะน้ำตาลรึเปล่าค่ะ”ผมรีบปฏิเสธทันทีที่น้ำตาลถามแบบนี้
“พี่แค่เบื่อน่ะ อยากทำอย่างอื่นดูบ้าง”
น้ำตาลยิ้มรับคำตอบของผม เงินเก็บผมยังเหลืออีกมาก ผมอาจอยู่เฉยๆไปได้สักเดือนสองเดือน แต่ผมก็เริ่มหางานทำแล้ว โดยเริ่มเช็คอย่างแรกว่าต้องไม่ใช่บริษัทในเครือจอมไตร
.............................................................................
“พี่ดีใจที่เจอเรานะกลอน”พี่กุ้งกับพี่กั้งมาหาผมในวันถัดมา
“พี่คงต้องพาน้ำตาลไปอยู่ด้วยสักพัก กลอนคงเข้าใจนะ”
ผมพยักหน้า ก็จะว่าอะไรได้ล่ะในเมื่อมันดีกว่าอยู่กับผมเห็นๆ
“กลอนแน่ใจนะว่าไม่อยากไปอยู่กับพวกพี่”
“ไว้ผมจะไปเที่ยวหาบ่อยๆนะครับ”
ผมรับปากจะไปเยี่ยมพี่ชายและน้ำตาลที่จังหวัดทางภาคเหนือ
“พี่กลอนไม่ไปหรือคะ”
น้ำตาลร้องไห้ไปพูดไป ผมเองก็อยากให้แกอยู่ด้วยหรอกแต่ติดที่ผมเป็นคนว่างงานคงดูแลน้ำตาลได้ไม่ดีพอ สถานสงเคราะห์เด็กจะมารับน้ำตาลไปอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแน่ๆหากว่าผมไม่ให้น้ำตาลไปอยู่กับพี่ๆ
“พอพี่ได้งานจะติดต่อไปนะ คิดว่าคงอีกไม่นาน”
+
+
+
+
น้ำตาลไปแล้ว บ้านเงียบลงจนน่าใจหาย ผมไม่เหลือใครอยู่ข้างๆแล้วอย่างแท้จริง
….......................................
ทั้งที่เวลาล่วงเลยมาถึงบ่ายสามแล้ว แต่ผมยังไม่รู้สึกหิวสักนิด
ผมเกิดมาทำไมนะ ผมไม่น่าเกิดมาบนโลกนี้ ไม่น่ามีชีวิตอยู่
มีคนบอกว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่อใครสักคนและมีใครสักคนที่มีชีวิตอยู่เพื่อเรา
แต่ผมไม่มี ไม่มีใครที่อยู่เพื่อผมและผมไม่อยู่เพื่อใคร งั้นผมจะอยู่บนโลกนี้ไปทำไมกัน
ผมนอน นอน นอน ตั้งแต่บ่ายจนมืด จนเช้าและมืดอีกครั้ง ไม่ออกไปไหน กินแต่น้ำเปล่าและผลไม้นิดหน่อยในตู้เย็น ตู้เย็นที่ผมไม่เคยคิดจะซื้อมันจนน้ำตาลมาอยู่ด้วย จานสีสวยลายตัวการ์ตูนน่ารักของน้ำตาลยังวางอยู่ในอ่างล้างจาน แก้วน้ำลายการ์ตูนก็เช่นเดียวกัน ผมไม่อยากล้างมัน ไม่อยากคิดว่าเจ้าของมันได้ไปเสียแล้วและอาจไม่กลับมาใช้มันอีก น้ำตาลอาจจะพอใจที่จะอยู่ในบ้านของพี่กุ้งและพี่กั้งซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่อบอุ่นและมีคนมากมายรายล้อม จนไม่อยากมาอยู่กับผมสองคนอีกแม้ว่าผมจะได้งานใหม่แล้ว
พี่กุ้งกับพี่กั้งเล่าให้ผมฟังว่าสาเหตุที่พี่ทั้งสามคนออกจากบ้านมาไม่ใช่เพราะผมหรอก แต่เพราะพี่ๆเองก็อยากเลือกเดินทางที่ตัวเองต้องการ เรื่องของผมเป็นแค่ส่วนประกอบด้วยก็เท่านั้น หลังจากที่ออกจากบ้านพี่ทั้งสองก็ซื้อที่ดินทางภาคเหนือทำฟาร์มโคนม ทำสวนลิ้นจี่ ลำไย แต่งงานและมีลูก รูปถ่ายที่พกมาด้วยทำให้ผมรู้ว่าพี่ๆมีความสุขกันดีในครอบครัว น้ำตาลอยู่ที่นั่นจะดีกว่ารึเปล่านะ
เสียงเคาะประตูห้องดังมาเป็นครั้งที่สามของวันนี้ โทรศัพท์ก็ดังไม่ขาดสาย ผมไม่อยากเปิดห้องหรือรับโทรศัพท์ ผมโทรไปหาน้ำตาลแล้วเมื่อเช้า คิดว่าแกคงไม่โทรมาหรอก นอกนั้นใครจะโทรมาก็ไม่สำคัญ
ผ่านไปสิบนาที เสียงเคาะประตูก็ยังดังไม่หยุด
“เอาล่ะนายชนะ”
ในที่สุดผมก็ทนเสียงเคาะประตูไม่ไหวและเปิดรับ ปามอยู่ที่หน้าห้องด้วยหน้าตาตื่นตระหนก พร้อมด้วยคุณไม้ คนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุด
“กลอน”
ปามกอดผมแน่น แต่ผมไม่ได้กอดตอบ ผมดึงปามออกช้าๆและถามอย่างเหนื่อยหน่าย
“นายมาทำไม”
ผมเห็นปามหน้าเสียทันที และรับรู้ถึงสายตาโกรธเคืองมากจากคนข้างๆ ช่างเถอะ ผมไม่แคร์อะไรแล้ว ผมจะไม่กินอะไรมากไปกว่าของในตู้เย็นซึ่งใกล้จะหมดเต็มที ผมไม่คิดจะซื้อของมาเพิ่ม และเมื่อมันหมดลงผมก็คงตายเพราะขาดอาหาร ผมคิดอย่างขำๆกับตัวเอง
“ปามเป็นห่วงกลอน แล้วก็เรื่องงานน่ะ ”
ผมถอนหายใจและหันหลังให้เพื่อจะปิดประตูห้อง แต่กลับโดนดึงไว้ซะก่อน มือแกร่งแข็งแรงจับข้อมือผมไว้แน่นจนเจ็บ
“คุณไม้ อย่า”ปามร้องห้ามแต่คนทำไม่สนใจ
“ฟังคุณปามพูดให้จบก่อน”
คุณไม้พูดรอดไรฟัน ผมไม่มีแรงขัดขืนผมรู้ตัว แค่ยังพยุงตัวได้ก็เก่งแล้ว
“นายกลับไปซะ พาคนๆนี้กลับไปด้วย”
ผมหันไปพูดกับปามที่สีหน้าย่ำแย่ลงกว่าเดิม
“ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก นายเป็น ‘คนอื่น’ สำหรับฉันแล้ว ไม่ใช่เพื่อนของฉันอีก”
แรงบีบที่แขนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ผมพูดแต่ผมไม่สนใจ อยากบีบให้แหลกคามือก็ตามใจ เอาให้มันสลายไปเหมือนใจผมเลยก็ยิ่งดี
“กลอน ฉัน”
“นายล้ำเส้นมากเกินไป เรื่องของเราสองคนก็จะเป็นเรื่องของเราสองคน... ถ้าอีกฝ่ายไม่เต็มใจจะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องของกันและกัน นายเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือ”ผมย้ำคำพูดที่ครั้งหนึ่งปามกับผมเคยพูดคุยกันด้วยความเข้าอกเข้าใจ ปามก้มหน้านิ่ง ตัวสั่นไหว ผมรู้ว่าปามร้องไห้ ผมเองก็อยากร้อง แต่มันกลับไม่มีน้ำตา แทนที่ผมจะหยุดแค่นั้น ปากมันยิ่งขยับต่อไป
“นายมายุ่งเรื่องน้ำตาลซึ่งฉันไม่ได้บอกนาย นายรู้มาจากใครกันหึ”
ปามยังเงียบไม่ตอบ แรงบีบที่แขนไม่คลายลงสักนิด ผมคิดว่ากระดูกผมอาจจะร้าว แต่ช่างเถอะ คนกำลังจะตายเจ็บนิดเจ็บหน่อยก็คงไม่เป็นไร
“ฉันคิดว่าการที่ฉันไม่พอใจนาย โกรธนาย หรือต่อว่านาย เป็นเรื่องของเราสองคน แต่กลับมีทั้งท่านประธานและคนๆนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง มันยังเป็นเรื่องของเราสองคนอยู่อีกหรือ”
“นายมันไร้เหตุผลสิ้นดี”
คนที่ตอบผมไม่ใช่ปามแต่เป็นคุณไม้ นี่ไงล่ะ ทั้งๆที่ผมอยากให้ปามพูดบ้าง แต่คนที่ตอบกลับเป็นคนอื่น แค่พูดมาง่ายๆว่าไม่ได้ขอร้องใคร หรือไม่ได้ฟ้องใคร ทำไมปามถึงไม่พูด แน่นอนเพราะปามเป็นคนดีน่ะสิ กลัวว่าพูดไปแล้วจะทำให้เรื่องยิ่งแย่ กลัวว่าผมจะเกลียดคนที่ยื่นมือเข้ามายุ่ง เลยเลือกที่จะเงียบ ก็ได้ ในเมื่อเลือกแบบนั้น ก็เท่ากับเลือกที่จะให้ผมเกลียดปามดีๆนี่เอง
“เรื่องน้ำตาล...คุณปามเขาเป็นห่วงความรู้สึกของนายมากที่สุดนะ ถึงได้ดีใจมากที่นายยอมรับน้ำตาลมาอยู่ด้วย เพราะนั้นแปลว่านายจะไม่ต้องมานั่งรู้สึกว่าตัวเองทำผิดอีกต่อไป ไม่เหมือนฉันที่ไม่สนใจความรู้สึกของคนอย่างนายสักนิด ที่ฉันห่วงคือความรู้สึกของเด็กเท่านั้น”
ผมรู้ ทำไมผมจะไม่รู้ ทั้งความคิดของคุณไม้และความคิดของปาม เรื่องแค่นี้ผมคบกับปามมานานทำไมผมจะอ่านความคิดของเพื่อนผมไม่ออก แล้วทำไมคนที่เพิ่งพบกันไม่นานอย่างคุณไม้ถึงรู้ความรู้สึกของปามได้ล่ะ แน่นอนเรื่องง่ายๆ ก็ปามบอกไงล่ะ ปามเล่าให้ฟัง
“เรื่องที่นายตัดความสัมพันธ์กับคุณปาม คุณปามไม่ได้บอกใคร แต่ท่าทางเหม่อๆหลังกลับจากการรีบมาหานายแต่เช้ามันก็แจ้งแก่ใจแล้วล่ะ”
นั่นผมก็รู้อีก ปามไม่มีทางพูดหรอก แต่ท่าทางที่แสดงออกก็คงปิดใครไม่ได้เหมือนกัน ปามเป็นคนดีใสซื่อ เจ้าหญิงที่แสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาแม้ไม่ได้ตั้งใจ ก็ช่วยไม่ได้ที่ผมมันเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ เป็นแม่มดใจร้าย
ผมอิจฉาน้ำตาลที่ได้รับความห่วงใยจากคนอื่นๆ อิจฉาปามที่มีคนใส่ใจความรู้สึกแบบนี้ อิจฉาอาจารย์ที่ได้รับรอยยิ้มอ่อนโยนและความรักจากคุณไม้ ยิ่งอิจฉาคนอื่นผมก็ยิ่งเกลียดโลกใบนี้และตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ตัวผมที่เลว คิดแต่เรื่องแย่ๆแบบนี้ผมอยากทำลายให้ย่อยยับ
“นายมันมืดมน เหมาะแล้วล่ะที่จะไม่มีใคร เชิญอยู่คนเดียวไปเถอะ”
เขาว่าและปล่อยแขนผม
“กลับกันเถอะคุณปาม”
ฉุดแขนปามเบาๆให้ตามไป ปามยังหันมามองผมทั้งน้ำตา ผมเองยิ้มเหยียดให้กับใบหน้าเศร้าๆนั้น คิดเลวๆได้แค่ว่าบางทีคนดีก็น่าหมั่นไส้ ก่อนจะพยุงตัวเดินเข้าห้องอย่างยากลำบาก พรมผืนเล็กที่ใกล้ที่สุดคือที่ๆผมทิ้งตัวลงนอน ไม่รู้ว่าเพราะไม่ค่อยได้กินอาหาร ไม่ค่อยได้นอน หรือเหนื่อยใจ ที่ทำให้ผมหลับอย่างรวดเร็ว
..................................................................
TBC...............