“อย่าคิดแบบนั้นได้ไหม”
ไม้เดินเข้ามาหากลอนช้าๆ โกรธที่กลอนไปผับนั้นก็ยังโกรธ แต่ตอนนี้เขาต้องจัดการเคลียปัญหาความคิดที่ค้างคาใจของกลอนไปให้หมดซะก่อน ไม้ไม่เคยรู้เลยว่ากลอนคิดแบบนี้ แล้วกลอนคิดอย่างนี้มานานแค่ไหนแล้ว
“พี่เอเขาก็มีพี่น้ำอยู่แล้ว”
ไม้พูดเมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย ยิ่งมาเห็นใกล้ๆก็ยิ่งเห็นว่ากลอนนั้นกำลังร้องไห้จริงๆ มือหนาเอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้ก่อนจะกอดกระชับร่างนั้นเข้ามาไว้แนบอก
กลอนพยายามดันร่างสูงออกไปแต่เรี่ยวแรงแทบไม่มี ที่สำคัญ ส่วนลึกในใจกลอนอยากจะอยู่ในอ้อมกอดนี้ แต่ไม่ได้ ต้องพูดกันก่อน
“ผมไม่สนเรื่องนั้น”
กลอนพูดเรียบๆ เงยหน้ามองคนที่จ้องลงมาอยู่แล้ว
“ผมไม่สนว่าพี่เอเป็นอะไรกับคุณน้ำ หรือพี่เอคิดยังไงกับคุณ”
“........”
“ที่ผมสนใจคือ คุณคิดยังไงกับพี่เอ”
ไม้อมยิ้มเล็กๆ เรียกว่ากลอนหึงได้ไหมนะแบบนี้
“ฟังนะ ฉันรักพี่เอ....แต่เป็นแบบที่น้องชายรักพี่ชาย ไม่ก็ลูกที่รักแม่ล่ะมั้ง”
กลอนขมวดคิ้วเพราะไม่ค่อยเข้าใจที่ไม้พูดนัก
“พี่เอเขาเป็นพี่เลี้ยงของฉันตั้งแต่ฉันเข้ามาอยู่ที่นี้ เลี้ยงฉันมา เพราะงั้น ถึงได้ให้ความสำคัญเหมือนเป็นคนในครอบครัว แล้วยิ่งเขามาเป็นคนรักของพี่ชาย ก็ยิ่งเหมือนคนในครอบครัวเข้าไปใหญ่”
กลอนยังทำท่าทางไม่เชื่อในพูดนั้น แต่สีหน้าที่เริ่มสับสน ไม่มั่นใจในความคิดตัวเองนั้นสำหรับไม้มันดูน่ารักมากทีเดียว
“ถ้าถามว่ากลอนกับพี่เอใครสำคัญมากกว่ากัน ฉันเองก็ตอบไม่ได้ มันอยู่ที่สถานการณ์ ถ้าถามว่ารักใครมากกว่ากัน ฉันก็บอกไม่ได้อีกเพราะมันเป็นความรักคนล่ะแบบ เอาไปเปรียบกันไม่ได้หรอก”
“แต่เมื่อวาน….”
“เมื่อวานนี้ ฉันแค่เห็นว่าพี่เอเมามาก ในขณะที่กลอนเหมือนยังสบายๆ แต่ที่ละเลยกลอนไปนั้นต้องขอโทษจริงๆ ก็มันโมโหนิดๆ เลยไม่อยากพูดอะไร กลัวจะทะเลาะกันเปล่าๆ”
กลอนเริ่มคิดว่าเมื่อวานตัวเขาเองดื่มไปมากก็จริง แต่ก็ยังนั่งนิ่งกับเก้าอี้ เคยมีคนทักหลายคนเหมือนกันว่ากลอนเมากับไม่เมาไม่ต่างกันซักนิด ชักจะเริ่มรู้สึกละอายที่เอาแต่คิดเองเออเองเสมอ แต่มันก็ยังเหมือนมีอะไรติดค้างในใจ
“ฉันรักกลอนจริงๆ นะ ขอให้เชื่อ”
ไม้พูดพลางก้มลงมองใบหน้าที่แดงเอาๆ มันช่างน่าฟัดจริงๆ และครั้งนี้อดใจไม่ไหวเลยต้องก้มลงหอมแก้มแดงๆนั้นหนึ่งที
“ครอบครัวกับคนรัก กลอนคงไม่อยากให้ฉันเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งหรอกใช่ไหม”
“แต่......”
“ถ้ากลอนลองมองดีๆ ฉันให้ความสำคัญกับทุกคนในบ้าน ไม่ใช่แค่พี่เอ”
กลอนเริ่มคิดสิ่งที่ตนมองข้ามไป และก็รู้ว่าไม้พูดถูก เขาไม่เคยใส่ใจหากไม้จะให้ความใส่ใจกับคนอื่น เฉพาะกับเอเท่านั้นที่กลอนจะมองเห็น ตอนนี้อะไรที่ติดอยู่ในใจกลอนหลุดออกไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังพูดไม้ได้ว่ามันทั้งหมด
“เอาล่ะ ที่นี้มาพูดเรื่องวันนี้กันต่อ”
ไม้เริ่มเข้าสู่บทสนทนาในเรื่องที่เขาต้องการคำตอบหรือคำแก้ตัวจากอีกฝ่าย
“ก็ผมน้อยใจ”
เสียงพูดอ่อมแอ้ม แต่ก็ดังพอให้ได้ยินเมื่อคนพูดอยู่ในอ้อมกอดเขา
“แล้ว?”ไม้พูดเป็นเชิงให้กลอนพูดอะไรมากกว่านั้น
“แล้วผมก็ไม่ชอบอยู่บ้านเฉยๆ แล้วคุณก็ไม่ค่อยว่าง”
“ทำไมต้องไปเที่ยวกลางคืน แถมแต่งตัวแบบนั้น”
“ก็.......พี่เอ.....”
กลอนไม่กล้าพูดว่าทั้งหมดนั้นเป็นคำแนะนำของเอ แต่จะโทษเอก็ไม่ได้ซะทีเดียวหรอก
“เฮ้อ.......”
ไม้ถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินชื่อเอแว่วๆจากปากกลอน เขาน่าจะคิดได้ คนที่ชอบทำอะไรพิเรนแบบนี้ก็มีแต่เอเท่านั้น
“แต่นายก็ผิดที่ยอมใส่มัน”กลอนพยักหน้าอย่างขอลุแก่โทษ
“ดี นายทำผิด ต้องโดนลงโทษ”
“หา?”
กลอนทำหน้าเหวอ ตกใจยังไม่หายไม้ก็กดกลอนลงกับเตียงซะแล้ว
“คุณจะทำอะไร”
“ลงโทษ ต่อจากบนรถไง”
“ห๊า”
ไม้ไม่สนใจท่าทางไม่รู้เรื่องของกลอน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนริมฝีปากนั่น ก่อนที่จะเคลื่อนลงมาทาบทับริมฝีปากบางด้านล่าง
“อืมมมมม”
เสียงจากลำคอกลอนเรียกความมั่นใจในการรุกรานต่อไปของไม้ได้เป็นอย่างดี
มือหนาเปะป่ายไปทั่วร่างกาย ลูบไล้ผ่านผิวผ้าเบาบางของชุดนอนก่อนจะสอดมือเข้าไปสัมผัสผิวเนื้อภายในลูบไล้ไปทั่วก่อนจะหยุดลงตรงยอดอก
“อึก”
กลอนสะดุ้งสุดตัว ยังคงเจ็บจากการกัดอย่างแรงของไม้ ร่างสูงรับรู้ถึงอาการนั้น จึงค่อยลูบไล้บริเวณนั้นอย่างเบามือ ถอนปากจากริมฝีปากบาง พลางมองจ้องเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย
“ขอโทษนะ”
ทั้งเสียง และดวงตาบอกความเสียใจจริงๆ กลอนพยักหน้า เหมือนจะบอกว่ายกโทษให้
“อ๊ะ”
ไม้ก้มต่ำลงมาฝังใบหน้าตรงซอกคอ ก่อนจะทิ้งรอยจูบสีกุหลาบไว้ ความเจ็บที่ทำให้เกิดความเสี่ยวซ่านเท่านั้น ไม่มีความเจ็บปวด กระดุมเสื้อนอนถูกปลดออก กางเกงโดนดึงออกไปทั้งชั้นนอกชั้นใน ไม้ขยับใบหน้าลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดทำแผลให้บริเวณยอดอก มันแดงจากที่โดนเขากัดไว้ แต่ก็ราวกับมันกำลังเรียกร้องให้เขาเชยชมมัน ลิ้นร้อนเคลื่อนตัวลงต่ำ และแตะบริเวณปลายยอดอกแผ่วเบา
สัมผัสที่ไม่ทำให้เจ็บ แต่กลับทำให้ความรู้สึกพุ่งขึ้นสูงกว่าเก่า แก่นกลางลำตัวของกลอนขยายขึ้นจากสัมผัสนั้น นั่นทำให้ใบหน้านวลแดงซ่านด้วยความอับอาย ไม้สังเกตเห็น แต่คราวนี้เขาไม่ทัก ไม้ไม่อยากทำให้บรรยากาศดีๆเสียเพราะความช่างแกล้งของเขา
มือหนาขยับไปจับยึดสิ่งนั้นไว้พร้อมกับที่เลื่อนตัวลงต่ำ จนใบหน้าอยู่ห่างจากกลางลำตัวอีกฝ่ายไม่ถึงคืบ ลมหายใจร้อนๆที่เป่ารินรดนั้นเป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดี
“คุณไม้....จะทำอะ....อ๊ะ”
เสียขาดหายไปเมื่อไม้ส่งส่วนนั้นเข้าไปในโพรงปาก
“อา....อย่า”
ถึงจะร้องประท้วง และพยายามหุบขาเข้าแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย เมื่อไม้แทรกอยู่ตรงนั้น ไม้ใช้ลิ้นกระตุ้นแก่นกายจนมันขยายเต็มที่ กลอนพยายามดันตัวเองขึ้นแต่ก็ทำไม่ได้มากนักเมื่อความรัญจวนเข้าบุกรุกทุกขุมขนแห่งการสัมผัส
“คุณไม้....อา”
สัมผัสที่ได้รับทำเอากลอนแทบกลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่ แต่ก่อนที่อารมณ์จะเคลื่อนไปสู่จุดสุดท้าย ไม้กลับผละออกมาอย่างรวกเร็วพลางยิ้มสวยให้
“ถ้าให้ไปถึงง่ายๆก็ไม่ใช่การลงโทษสิ”
ไม่พูดพร้อมขยับตัวลุกขึ้นเพื่อถอดเสื้อผ้าของตนออกบ้าง กลอนมองตามภาพนั้น ในสมองก็ประมวลคำพูดของไม้ว่าเขาพูดอะไรเมื่อครู่ กว่าจะคิดได้ อีกฝ่ายก็ตามมาทาบทับด้วยร่างเปล่าเปลือยเสียแล้ว
“นายน่ากินไปทั้งตัวจริงๆนะ”
พูดแล้วก้มลงสูดดมความหอมจากแก้มใสๆแดงๆนั้น
“ที่อย่างนี้ล่ะมาทำเป็นพูด”
กลอนย้อนให้จนอีกฝ่ายต้องขมวดคิ้ว ก่อนจะอมยิ้มออกมาเมื่อเข้าใจว่ากลอนพูดถึงเรื่องอะไร
“ก็แค่ไม่อยากฝืนใจกลอน”
“ผมบอกรึไง”
พูดแล้วทำแก้มป่องจนไม้ต้องก้มลงหอมอีกที
“รู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”
ยังไม่วายแกล้ง กลอนเลยยิ่งหน้าแดงเพราะรำลึกได้ว่าตนพูดเรื่องน่าอายเหลือเกินออกไป ราวกับจะบอกว่ารอคอย ราวกับจะบอกว่าต้องการ
“ถึงร้องไห้บอกให้หยุดก็ไม่หยุดแล้วนะ”
ไม่พูดก่อนจะแนบริมฝีปากลงมาเพื่อยุติการสนทนาทั้งหมด ลิ้นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดให้อีกฝ่ายตอบรับ และดูเหมือนกลอนจะยอมคล้อยตามแต่โดยดี
“อืม.....อือ”
มือที่ลูบไล้เปะปะนั้นเหมือนจะสร้างความรุ่มร้อนให้ทุกๆพื้นที่ที่มันลากผ่าน ผิวเนียนแดงซ่านไปทั่วทั้งตัวเพราะอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง ยิ่งเมื่อไม้หยุดมือตรงแก่งกลางลำตัวและจับมันไว้ขยับรูดรั้งก็ยิ่งทำให้กลอนอารมณ์กระเจิง
“อา....อ๊ะ”
ริมฝีปากนั้นผละออก แล้วเคลื่อนที่ไปชิมความหวานทั่วใบหน้า วกมาขบย้ำที่ติ่งหูเบาๆ มือที่อยู่ข้างลำตัวขย้ำผ้าปูที่นอนจนแน่น และยิ่งแน่นไปอีกเมื่อรับรู้ถึงการบุกรุกในส่วนซ่อนเร้น
“อ๊ะ....อะ...เจ็บ”
ถึงเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่กลอนก็ยังไม่ชินพอที่จะรับเข้าไปง่ายๆ นิ้วเพียงนิ้วเดียวก็ทำให้รู้สึกเจ็บ ไม้คานิ้วไว้อย่างนั้น มืออีกข้างก็ยังขยับรูดรั้ง ถึงจะหยุดบ้างเพื่อเบรกอารมณ์ไม่ให้กลอนไปถึงก่อน แต่ก็ทำให้กลอนลืมความเจ็บทางเบื้องหลังได้
ส่วนหลังเริ่มผ่อนคลายและตอบรับนิ้วที่เข้าไปเบิกช่องทาง ไม้จึงขยับช้าๆจนกลอนเริ่มชิน และเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปเรื่อยๆโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้รู้ตัว กลอนที่โดนกระตุ้นทั้งด้านหน้าและด้านหลังเริ่มทนไม่ไหวไปทุกที และคราวนี้ไม้คิดว่าการปล่อยให้กลอนไปถึงสักครั้งน่าจะดีกว่า จึงไม่มีการหยุดมืออีก
สองมือขยับทำหน้าที่อย่างรวดเร็วและถี่กระชั้นเหมือนสนองตอบต่ออารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นทุกทีของร่างบาง
“อ๊ะ....อา”
ไม่นานมันก็มาถึงจุดสิ้นสุด ของเหลวขุ่นขาวเปรอะไปทั่วทั้งนิ้วมือของไม้และหน้าท้องแบนราบ กลอนพยายามสูดอากาศเข้าปอดให้ได้มาที่สุด รู้สึกราวกับขาดอ๊อกซิเจนจนจะเป็นลม ไม้ไม่ทิ้งให้เวลาผ่านไปนานนัก นิ้วที่สอดทางเบื้องหลังถอนออกมาช้า ก่อนจะปาดเอาน้ำที่เปรอะเปื้อนนั้นเข้าชโลมแก่นกายที่ขยาดเต็มที่นานแล้วของตน
“ขอนะกลอน”
ร่างบางไม่มีสติรับรู้ แต่ก็ยังพยักหน้าออกไป ร่างทั้งร่างถูกจับให้พลิกคว่ำลงก่อนสะโพกมนจะถูกยกให้ลอยสูงขึ้น ไม้มองเห็นช่องทางเร้นลับที่ถูกเตรียมความพร้อมกำลังเต้นตุบๆราวกับรอคอย ส่วนแข็งแกร่งจดจ่ออยู่ทางปากเข้านานก่อนจะขยับสอดใส่ช้าๆ
“อึก.....อา”
กลอนซบหน้าลงกับที่นอน พยายามผ่อนลมหายใจ มือขย้ำผ้าปูที่นอนแน่นเพื่อระบายความเจ็บ ไม้ขยับเข้าจนสุด เขาอดใจเต็มที่ๆจะไม่ดันกายเข้าไปในทีเดียวทั้งๆที่อยากทำแทบตาย ย้ำกับตัวเองว่ายังไม่ใช่ครั้งนี้ เขาต้องไม่ทำให้กลอนเจ็บจนตื่นกลัว จนไม่มีครั้งต่อไป และที่สำคัญหากกลอนเจ็บจริงๆ เขาเองนั่นล่ะที่จะไม่กล้าให้มันมีครั้งต่อไป
“อา.....อ๊ะ”
กลอนหายใจอย่างยากลำบาก รู้สึกเจ็บไปหมด แต่เพราะไม้ยังคงค้างนิ่งไว้เฉยๆ กลอนเลยผ่อนคลายลงได้มาก มือหน้าเอื้อมสอดมากระตุ้นกลางลำตัวร่างบางอีกครั้ง และดูจะไม่อยากเลยที่จะทำให้มันขยายขึ้นอีกครา
“อ่ะ...อะ”
ไม้เริ่มขยับตัวช้าๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพร้อม มือหนาปล่อยแก่นกายด้านหน้า แล้วมาจับยึดสะโพกกลอนไว้ให้ขยับตามจังหวะ
“อ๊ะ...อา”
ทั้งที่ไม่ชอบใจเสียงครวญครางของตน แต่ก็ไม่อาจกลั้นมันเอาไว้ได้ ตอนนี้อารมณ์ที่มากมายทำให้สติหลุดลอยไปหมดแล้ว
“กลอน....กลอน”
ไม้เรียกชื่อเจ้าของร่างที่กำลังรับแรงกระแทกกระทั้นของตนอย่างลุ่มหลง ก้มตัวลงทาบร่างเข้ากับแผ่นหลังเปล่าเปลือยกอดไว้อย่างรักใคร่ ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้จังหวะสะดุดเลยสักนิด
“อ๊ะ....อา”
ก้มลงจูบตรงหลังคอและแผ่นหลังพร้อมทิ้งรอยไว้ และยิ่งเร่งจังหวะมากขึ้น เมื่อตอนนี้กลอนตอบสนองเขาเองโดยที่ไม้ไม่ต้องจับสะโพกไว้อย่างตอนแรก
มือที่ว่างเคลื่อนไปรูดรั้งแก่นกายด้านหน้าของร่างบางอีกครั้งเพื่อให้อีกฝ่ายขยับอารมณ์ไปพร้อมกัน อีกมือก็ใช้ลูบไล้ยอดอกที่ไว้ความรู้สึกนั้นจนมันยิ่งเครียดเกร็ง
“อ่ะ ....คุณไม้”
เสียงที่เรียกชื่อตนยิ่งกระตุ้นให้ไม้ขยับรุนแรงขึ้น และนั่นก็ทำให้กลอนขยับตามอย่างรุนแรงขึ้นไม่แพ้กัน
“อ๊า....อาคุณไม้ ม่ะ...ไม่ไหว อ๊ะ....อา”
ในที่สุดกลอนก็ไปถึงจุดหมายอีกครั้ง นั่นทำให้ไม้เร่งขยับส่วนแข็งแกร่งกับช่องทางที่ตอดรัดนั้นด้วยความเร็วและแรงมากขึ้น
“อึก....อืม”
เสียงทุ้มต่ำๆหลุดออกมาจากริมฝีปากก่อนที่ของเหลวอุ่นจะพุ่งฉีกเข้าไปภายในช่องทางร้อนนั้นราวกับต้องการเพิ่มความร้อนให้มันมากขึ้นไปอีก
ร่างสองร่างทาบทับกันลงมาพลางหายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างเต็มที่
“รักกลอนนะ”
ไม้กระซิบเบาๆที่ข้างหูทำเอาที่คนเหนื่อยหอบไม่หาย หน้าแดงขึ้นมาทันตา
“ผมก็รักคุณ”
กลอนพูดแล้วซุกหน้าลงกับที่นอนด้วยความอาย คนฟังอมยิ้มก่อนจะหอมแก้มใสนั้นหนึ่งที มือหนาเริ่มลูบไล้ไปตามร่างเนียนตรงหน้าเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นอีกอารมณ์
“คุณ!”
กลอนเรียกเสียงหลงเพราะส่วนที่ยังคงค้างทิ้งไว้เริ่มขยายตัวขึ้นมาอีกครั้งจนเขารับรู้ได้
“ก็นายยั่วเอง บอกแล้วว่าจะไม่หยุด”
กลอนอยากจะเถียงนักว่าเขายังไม่ได้ทำอะไร แต่ดูเหมือนไม้จะไม่ให้เวลากลอนมากขนาดนั้น แล้วเสียงครางระงมก็ดังขึ้นทั้งคืนจนกระทั่งเกือบเช้า
..............................
แน่นอนสำหรับคนที่เพิ่งหายไข้แล้วไปกินเหล้าจนเมา แถมยังไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะกิจกรรมบนเตียงทั้งคืนนั้น ตื่นเช้าขึ้นมาคงไม่สามารถเป็นปกติได้มากนัก
หลังจากให้เอมาตรวจดูคร่าวๆก็ได้รู้ว่ากลอนไข้กลับ แถมเป็นหนักกว่าเดิม จนคุณหมอเอต้องสั่งห้ามไม่ให้ไม้รบกวนกลอนบนเตียงไปหนึ่งอาทิตย์ แต่พอไม้ย้อนเรื่องชุดของกลอนเมื่อวาน คุณหมอใจดีเลยจำใจลดให้เหลือสามวัน
ไม้ไม่ยอมไปทำงาน และยืนยันที่จะเฝ้าไข้กลอนด้วยตัวเอง แม้กลอนจะพยายามพูดให้ไม้เปลี่ยนใจในทีแรก แต่เมื่อไม้บอกว่า
“ก็คนรักนอนเป็นไข้อยู่นี่ จะให้ทิ้งไปได้ไง”
ก็ทำเอาความตั้งใจหายไปจนสิ้น
“พอหายแล้ว มาช่วยกันนะ”
“ครับ?”
กลอนที่นอนอยู่บนเตียงกำลังกินข้าวจากช้อนที่อีกฝ่ายป้อนอดงงไม่ได้ว่าไม้พูดเรื่องอะไร
“ก็งานไง ถ้าหายแล้วมาช่วยกันนะ”
“ไม่ต้องฝืนใจหรอกครับ”
กลอนยังไม่หายน้อยใจในเรื่องนี้ ห้ามเขาไปทำงานซะตั้งนาน ตอนนี้จะมาพูดอะไร
“ไม่ได้ฝืน แต่อยากให้มาช่วยจริงๆ”
“ก็คนใหม่ก็ทำงานได้ดีไม่ใช่หรือครับ”
กลอนแอบเหน็บถึงผู้ช่วยคนที่มาแทนกลอนของไม้ ทำเอาไม้อมยิ้มกับสีหน้างอนๆของกลอน
“ใช่ แทนกลอนได้ดีเลยล่ะ แต่”
ไม้ขึ้นคำว่าแต่ไว้เพราะเห็นว่าคนตรงหน้าที่เมินหน้าหนีไปทำราวกับกำลังจะร้องไห้อีกแล้ว
“แต่ข้างๆฉันยังไงก็ต้องเป็นกลอน”
เมื่อเห็นกลอนยังเฉยไม้เลยต้องเผยไต๋ออกมาจนหมด
“ที่จริง ที่ๆจะให้กลอนไปทำเป็นบริษัทใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวน่ะ”
กลอนหันขวับมามองหน้าคนพูดทันที
“ที่ช่วงนี้งานยุ่งก็เพราะต้องส่งงานที่นั่นให้ภพเขารับช่วงต่อ แต่วันนั้นเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายแล้วล่ะ”
ไม้ยิ้มอย่างพอใจ
“ตั้งใจจะเซอร์ไพร์คิดว่ากลอนคงดีใจ แต่กลอนดันมาโกรธไปซะก่อนได้”
“ก็คุณ..........”
กลอนกำลังจะเถียง แต่ก็ต้องหยุดด้วยการถอนหายใจ เอาเถอะ ยังไงมันก็ผ่านมาแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ติดอยู่ในใจเหมือนจะหลุดออกไปจนหมดแล้วด้วย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปรื้อฟื้น ที่ไม้ทำไปก็เพราะอยากให้กลอนดีใจ ที่กลอนทำไปก็เพราะอยากให้ไม้สนใจ ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ทำทั้งหมดนั้นด้วยความรัก
กลอนอ้าปากเป็นเชิงว่าให้ป้อมข้าวต่อได้แล้ว ไม้เลยรีบป้อนข้าวต้มให้ตามที่อีกฝ่ายต้องการทันที จากนี้ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกไหม ไม่รู้ว่าความรักของทั้งคู่จะเป็นยังไง แต่เมื่อทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของคำว่ารักแล้ว ทั้งคู่ก็เชื่อว่าทุกอย่างจะต้องเป็นไปด้วยดี.........สิน่า
.............END.............ps... เค้าลืมบอกอ่ะ ว่าให้เตรียมทิชชูมาด้วย