มาแล้วจ้า ตอนพิเศษ 2 เอาครึ่งแรกไปก่อนเนอะ
เอามาลงแก้เครียด เมื่อวานเจอข้อสอบเหมือนเข้าสอบผิดวิชาเลยแหะๆ
---------------------------------------------------------------------------- จอมไตรซีรี่ส์-คนมืดมนที่หลงรักคุณหมดใจ
ตอนพิเศษ : 2 ครึ่งแรกเสียงเพลงดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ แสงไฟมืดสลัวจนแทบมองไม่เห็นอะไร ร่างเพรียวบางโยกย้ายไปตามท้วงทำนองเพลง พลิ้วไหว ไม่ใช่โยกย้ายอย่างตั้งใจยั่วยวนเหมือนโคโยตี้บนเวที แต่การกระทำนั้นกลับเป็นเป้าสายตาของทั้งหนุ่มๆและสาวๆ เสื้อแขนกุดสีขาวเข้ารูป กับกางเกงยีนขายาว แต่มีรอยขาดเล็กๆมากมายนั้นขับผิวขาวให้ยิ่งดูเด่น
....ทุกครั้งที่ร่างนั้นยกแก้วเครื่องดื่มสีอำพันขึ้น สัมผัสริมฝีปาก และกลืนน้ำเหล่านั้นลงคอ ก็ทำเอาคนที่จ้องมองอยู่ต้องกลืนน้ำลายกันเป็นแถว ท่าทางที่ไม่ได้ตั้งใจยั่วยวนแต่กลับเย้ายวน.... หากแต่ยังไม่มีใครเข้าหาร่างอันเป็นที่หมายปองนั้นสักคน เหตุเพราะยังไม่สบโอกาสหรือมัวมองร่างนั้นจนเพลินก็ไม่อาจรู้ได้
อีกร่างที่เรียกความสนใจได้ไม่แพ้กันนั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกันนั้นเอง แต่อีกคนนั่งนิ่ง โยกไหวตามเพลงบ้าง แต่ก็แค่ร่างท่อนบนเท่านั้น เสื้อเชิ้ตสีฟ้ากับกางเกงสีดำทำให้คนที่นั่งอยู่เฉยดูเย็นชา แต่เซ็กซี่อย่างประหลาด ร่างนั้นยกแก้วขึ้นดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าราวกับนั้นเป็นเพียงน้ำเปล่า ดวงตาปรือปรอยไม่ต่างจากคนที่โยกย้ายไปมาอยู่ใกล้ๆ ทั้งสองคนปล่อยฟีโรโมนออกมาไม่ยั้ง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้สักนิด คนรอบข้างยังคุมเชิงกันอยู่ หากอีกไม่นาน ต้องมีคนเข้าไปทักทั้งคู่แน่ๆ แล้วตอนนั้นอะไรจะเกิดขึ้น......
“ครับ อยู่ทั้งสองคนครับ ครับ ครับ”
ผู้จัดการผับที่กลัวว่าจะไม่ทันการรีบโทรไปแจ้งเจ้านายให้ทราบถึงการมาของทั้งคู่ทันที
“เฮ้อ.....”
ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปสั่งให้พนักงานในร้านคอยเฝ้าระวังทั้งคู่ไว้ให้ดี หากใครคนใดคนหนึ่งเป็นอะไรไป
.......ไม่อยากจะคิดเลย.....
............................
น้ำรับโทรศัพท์จากผู้จัดการผับแล้วก็ส่ายหัว เมื่อคนของเขาทำเรื่องยุ่งอีกแล้ว
“คงโกรธอะไรอีกแน่ๆ”
พูดกับตัวเองก่อนจะโทรไปหาน้องชาย เมื่อคนรักของทางนั้นก็อยู่ที่นั่นไม่ต่างกัน
.............................
“นี่มันบ้าอะไรกัน”
ทันทีที่ไม้เข้ามาถึง ก็เดินตรงไปยังโต๊ะตามคำบอกเล่าของผู้จัดการผับ ภาพที่เห็นทำเอาความโมโหกรุ่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ภาพที่เอกำลังขยับตัวตามเสียงเพลงโดยมีสายตาโลมเลียจากรอบๆตัวนั้นทำให้ไม้ไม่พอใจอย่างมาก แล้วยังมีร่างของคนรักของตนนั่งอยู่ไม่ไกลซึ่งก็เป็นเป้าสายตาไม่แพ้กัน
“ให้ตายสิ!”
ไม้เดินเข้าไปจับแขนเอให้หยุดนิ่งโดยที่คนเมาหันมามองงงๆ คงยังคิดไม่ได้ว่าคนที่เดินเข้ามานี่เป็นใคร ส่วนกลอน พอเห็นว่าคนที่มาจับตัวเอไว้คือไม้ก็นั่งตัวแข็ง และยิ่งเย็นสันหลังไปอีกเมื่อมองเห็นสายตากร้าวที่ส่งตรงมา
“ตามมานี่!”
ถึงจะไม่พอใจที่โดนตะโกนใส่แบบนั้น แต่กลอนก็เรียนรู้ว่า ตอนนี้อย่าเพิ่งขัดใจหรือชวนทะเลาะจะดีกว่า ไม้หันหลังกลับพร้อมกับการดึงตัวเอให้เดินไปด้วยกัน เหลียวมามองกลอนอีกครั้งเป็นเชิงบอกว่าให้ลุกจากเก้าอีและเดินตามมาได้แล้ว
กลอนมองภาพเบื้องหน้าแล้วรู้สึกเจ็บแปลบในใจ กลอนเดินช้าและเซเล็กน้อยด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่คนที่เดินอยู่ข้างหน้าไม่สนใจจะรับรู้ซักนิด มือแกร่งนั้นโอบประคองตัวของเอไว้ไม่ให้ล้มและบังคับให้ก้าวเดินไปพร้อมๆกัน กลอนคิดมาตลอดว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้พิเศษ แต่ก็ไม่เคยที่จะกล้าเอ่ยปากถาม ไม่อยากให้ไม้คิดว่าเขางี่เง่า คิดมาก หรือไม่เชื่อใจ ....
....แต่ จะเอาอะไรมาเชื่อใจในเรื่องของเอ เมื่อกลอนเห็นมาตลอดถึงความพิเศษของเอ ไม้ให้ความสำคัญกับคนๆนี้ กลอนอยากจะไม่ชอบหน้าเอ แต่ก็ทำไม่เคยได้ เมื่ออีกฝ่ายเอาใจใส่และดูแลเขาเสมอ คนๆนั้นเป็นคนดี ดีและน่ารักจนเกลียดไม่ลง กว่ากลอนจะออกจากห้วงความคิดตัวเองได้ ขาก็พาร่างกายที่หนักอึ้งเดินมาจนถึงรถแล้ว ไม้ยืนคุยอยู่กับใครบางคนที่ข้างรถอีกคันใกล้ๆ คนๆนั้นที่กลอนจำได้ว่าคือ น้ำ พี่ชายของไม้ น้ำโอบประคองเอไว้และคุยกับไม้ด้วยท่าทางเครียดๆ ทั้งสองคนกำลังโมโหพอๆกัน กลอนรู้
“เชิญครับ”
คนขับรถเปิดประตูรถให้เรียกความสนใจจากกลอน ร่างโปร่งเข้าไปนั่งในรถเอนพิงหลังแล้วหลับตาลง เพื่อกลั้นน้ำตา จะไม่ร้องไห้ กลอนบอกกับตัวเองแล้วขยับตัวตะแคงข้างไปทางหน้าต่างฝั่งที่ตนนั่ง ไม่นานไม้ก็ตามขึ้นมานั่งบนรถ เขามองร่างที่หันหลังให้ด้วยความหงุดหงิด แต่ไม่ ไม้จะไม่ทะเลาะกับกลอนตรงนี้ ไม่ใช่ตอนที่มีคนอื่นอยู่ด้วย
...............................
“นายคิดยังไงถึงได้พากันไปที่แบบนั้น ห๊ะ!”
ทันทีที่ถึงบ้าน ทันทีที่กลอนนั่งลงตรงโซฟา อีกฝ่ายก็ระเบิดอารมณ์ใส่ไม่ยั้ง กลอนนิ่งเงียบ ในหัวจี๊ดๆเหมือนใกล้จะระเบิด ในใจเจ็บแปลบๆเหมือนเป็นแผล
“แล้วปล่อยให้พี่เอไปเต้นยั่วคนอื่นแบบนั้น นายคิดอะไรอยู่!”
“......”
“นายทำอะไรอยู่หึกลอน ทำไมนายไม่รู้จักห้าม!”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดขึ้นทุกที ในขณะที่กลอนยังคงนิ่งเฉย เหมือนไม่รับรู้ว่าไม้กำลังพูดอะไร แต่สมองกลับจำได้และย้ำทุกๆคำพูดเหล่านั้น
ไม่มีตรงไหนที่ไม้แสดงท่าทีว่าเป็นห่วงกลอน ไม่มีตรงไหนที่บ่งบอกว่าไม่โกรธเพราะกลอนหนีไปเที่ยว ที่ไม้โกรธคือ การที่กลอนไปเที่ยวที่แบบนั้นโดยมีเอไปด้วย การที่กลอนปล่อยให้เอเต้นแบบที่ไม้เรียกว่ายั่ว ในขณะที่กลอนไม่เห็นว่ามันเป็นแบบนั้นสักนิด ทุกอย่างที่ไม้โกรธ เพราะเอ........
.....................
กลอนอยู่ในห้องนอนคนเดียวในขณะที่อีกคนอยู่ที่ห้องทำงาน ช่วงนี้ไม้ทำงานหนัก หนักมาก.................และงานหนักเหล่านั้นดึงเวลาของไม้ไปจนหมด แต่มันจะไม่แย่ในความคิดกลอนเลย ถ้าหากว่ากลอนยังคงทำงานในตำแหน่งเดิม เป็นผู้ช่วยของไม้เหมือนเดิม
แต่ไม่ หลังจากที่กลับจากเกาะภาพจันทร์ ไม้ไม่ได้ให้กลอนกลับไปทำงาน เขาให้กลอนอยู่ที่บ้านเฉยๆ นั่งๆนอนๆ ทำตัวเป็นคนไร้ค่าไปวันๆ แรกๆก็ยังดีเพราะไม้กลับมาทานข้าวเย็นด้วย บางครั้งก็ให้คนมารับไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีเลย ไม้กลับบ้านดึก กลอนที่นั่งกินข้าวคนเดียวทุกวันเริ่มคิดมากๆขึ้นทุกที แล้ว......เรื่องบนเตียง ตั้งแต่ครั้งที่ไม้โดนยา มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีก ไม้ไม่ทำอะไรมากไปกว่าการกอดและจูบ ..ซึ่งหลังๆแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ
กลอนไม่ได้ต้องการมากมาย แต่พอมันไม่มีอะไรเลยก็อดคิดมากไม่ได้ กลอนต้องการอะไรสักอย่างที่จะเรียกความมั่นใจในความความรักของไม้ และความมั่นใจในตัวเองกลับมา หรือไม่ก็อะไรสักอย่างที่ชี้ชัดๆไปเลยว่า เขามันเป็นคนไร้ค่าจริงๆ
......................
แล้วเมื่อเย็น เอที่ดูท่าทางไม่ปกตินักมาหากลอน มารับและพาออกไปกินข้าว ก่อนจะลากกลอนไปต่อที่ผับแห่งนั้น กลอนไม่ได้อยากไปมากมาย แต่เมื่อเอขู่ว่าถ้ากลอนไม่ไปเขาจะไปคนเดียว กลอนที่มองเห็นความไม่ปกติของเอก็ไม่อาจปล่อยไปแบบนั้นได้
แต่เขาก็ผิดจริงๆที่ไม่ได้ห้าม ผิดจริงๆที่ปล่อยให้ตัวเองดื่มเยอะจนลืมสนใจสิ่งรอบๆตัวของเอ เขาไม่ได้รู้สึกถึงคำว่ายั่วยวนสักนิดตอนที่เขามองเอเต้น แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะมองแบบเดียวกัน เห็นได้ชัดจากที่ไม้พูด ใช่! ไม้พูดว่าเอยั่วยวน ทั้งๆที่กลอนไม่คิดอย่างนั้น.....เพราะกลอนไม่ได้มองเอเป็นอะไรมากไปกว่าพี่ชายที่น่ารัก แล้วไม้ล่ะ ไม้คิดอะไรกับเอรึเปล่า ถึงได้มองว่ายั่วยวนได้
กลอนคิดไปถึงรอยยิ้มที่ไม้มีให้เฉพาะแต่กับเอในสมัยมหาวิทยาลัย ความเอาใจใส่ของไม้ที่มีให้เอสม่ำเสมอ แล้วยังวันนี้ เห็นได้ชัดเจนว่าระหว่างกลอนกับเอ ไม้เลือกใคร เป็นห่วงใครมากกว่ากัน ตลอดบทสนทนาอันน่าตึงเครียดของเมื่อครู่ ไม่มีตรงไหนสักนิดที่ไม้จะถามกลอนว่าเป็นอะไรมากไหม รู้สึกแย่รึเปล่า ไม่เลย เพราะไม้ไม่แคร์ แล้วคำว่ารักพวกนั้นล่ะ กลอนพยายามคิด เถียงกันเองในใจ สมองตีกันจนวุ่นวาย น้ำใสๆไหลออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่ทันรู้ตัวเองด้วยซ้ำ กลอนซบหน้าลงกับหมอนก่อนจะด่าตัวเองเบาๆ
“งี่เง่า!เจ้าน้ำตา!”
………………….
“กลอนนนนนนนนนนน”
เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกจากด้านนอกนั่นทำให้กลอนลืมตาตื่น เสียงคุ้นหู... กลอนขยับตัวอย่างเชื่องช้า รู้สึกเวียนหัวและเหมือนว่ามันกำลังโดนบีบ
“เป็นไงบ้าง”
หน้าตาเอสดใสราวกับว่าสีหน้าเครียดขึงเมื่อวานเป็นเรื่องโกหก
“ก็ดีครับ”
ยิ้มเซียวๆกลับไปให้ก่อนจะเดินกลับไปทางเตียงนอนและล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
“หน้าตาไม่บอกแบบนั้นสักนิด”เอพูดก่อนจะเดินมาอังหน้าผากเขา
“กลอนตัวร้อน”
ใช่ กลอนเองก็รู้ตัวว่าตัวร้อน และคงมีไข้ แต่ แล้วไง…ไม้ไม่สนใจอยู่แล้วนิ่
“เดี๋ยวพี่ไปเอายามาให้”
เอรีบเร่งเดินออกไป แล้วกลับมาพร้อมยา และข้าวต้ม
“กินข้าวหน่อย เดี๋ยวจะได้กินยา”
กลอนส่ายหัวเบาๆ ไม่อยากลุกไปทำอะไรทั้งนั้น
“ไม่ได้ ลุกเร็ว”
เอเริ่มทำเสียงดุ จนกลอนจำยอมลุกขึ้นมานั่งกินข้าวตามที่อีกฝ่ายต้องการ
“เดี๋ยวพี่โทรไปบอกนายไม้ก่อน”
“อย่าครับ!”
กลอนรีบห้ามทันที ดึงแขนเสื้อเอไว้พลางส่งสายตาอ้อนวอน
“หือ??”
“คือคุณไม้งานยุ่ง ผมไม่เป็นอะไรมาก แค่นี้เดี๋ยวเย็นๆก็หายครับ”
กลอนพูดเร็วปรือ กลัวเอจับได้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น กลัวว่าเอจะรู้ว่าตอนนี้ตนเองหวาดระแวงเรื่องระหว่างเอกับไม้มากแค่ไหน กลัวว่าโทรไปแล้วไม้จะไม่สนใจ และที่กลัวที่สุดคือ กลัวว่าที่ไม้ให้ความสนใจเพราะว่ามันเป็นความต้องการของเอ
“นี่คงไม่ได้ทะเลาะกันเพราะเรื่องเมื่อคืนหรอกนะ”
เอหรี่ตามองคนที่เสหลบตาไปแล้วอย่างจับผิด
“ปะ...เปล่าครับ”
“แน่ใจ?”
กลอนพยักหน้า
“.......”
“ผมไม่อยากรบกวนจริงๆครับ”
กลอนพูดเร็ว กระตุกแขนเสื้อเอที่จับไว้เป็นการยืนยัน และดวงตาที่จ้องกลับมานั้นคลอไปด้วยน้ำตาที่เตรียมพร้อมจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ
“แบบนี้มันผิดกฎนิ่”
เอพูดพลางสั่นหัว เอามือลูบผมกลอนเบาๆก่อนจะก้มลงหอมแก้มกลอนหนึ่งครั้ง
“ค่าปิดปาก”
ยิ้มแก้มแทบปริเมื่อเห็นว่าใบหน้าของคนไม่สบายแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด น้ำตาที่เกือบจะรินไหลหายไปแล้วจากดวงตาคู่สวย ก่อนจะนั่งลงเฝ้าให้กลอนกินข้าวต่อจนหมด
เอมองคนกินข้าวนิ่งๆแล้วต้องถอนหายใจ อยากจะบอกไม้อยู่หรอก แต่ว่าเจอใบหน้าอ้อนๆพร้อมน้ำตาคลอๆแบบนั้นใครจะไปขัดใจไหว แล้วก็รับค่าปิดปากมาแล้วด้วย
‘ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรแต่...ให้นายไม้หาทางแก้เอาเองล่ะกัน หึหึ ว่าไปก็น่าสนุกดี’
คิดพลางแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ โดยที่คนนั่งกินข้าวต้มข้างๆ ไม่ได้มองเห็นเลยสักนิด
........................
.....TBC.....