ความเหงาของผมเกิดจากคนที่เรารักไปทำงานสำคัญ.........
เมื่อวานนี้อยู่ดีๆ ไอ้เฟคมันก็เดินเข้ามาหาผมตอนที่ผมอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ แล้วมันก็มานั่งลงข้างผม ผมจึงละสายตาจากตัวหนังสือขยิกขมัวตรงหน้าไปมองหน้ามันแทน แต่มันก็ไม่พูดอะไร แต่ที่ผมมองจากสายตาแล้วไอ้กันต์มันจะต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน แต่มันไม่กล้าพูดกับผม จนตัวผมเองเริ่มรำคาญที่จะเล่นเกมส์จ้องตากันไปมา ผมจึงเป็นคนเริ่มเปิดประเด็นเสียเอง
“มีอะไรก็พูดมาซิพี่เฟค จะจ้องตาจนมีลูกเลยหรือไง”
“มีได้ด้วยเหรอลูกนะ งั้นพี่ต้องพิสูจน์เสียแล้ว”
ว่าแล้วมันก็ลุกขึ้นมาทำท่าเหมือนกับจะกดผม ดีที่ผมเอามือดันตัวมันไว้ทัน ไม่งั้นมีหวังเรื่องที่จะพูดคงไม่ได้พูดเป็นแน่ แล้วหนังสือที่จะต้องอ่านเพื่อเตรียมตัวสอบก็คงไม่ได้อ่านด้วยเหมือนกัน ไอ้นี่ไว้ใจไม่ได้ในหัวสมองของมันคงมีแต่เรื่องอย่างนี้เรื่องเดียว
“โถ....บีมอ่ะ ใจร้ายว่ะ”
นั้นยังมีการมาต่อว่า ว่าผมใจร้ายอีกมันน่าไมล่ะ
“ใจร้ายอะไรกัน มีเรื่องอะไรจะพูดก็พูดมาอย่ายักท่าให้มันมากนัก เร็วๆ ผมจะได้อ่านหนังสือเตรียมตัวสอบอีก”
มันทำหน้างอใส่ผมหน่อยหนึ่งก่อนที่มันจะพูดว่า
“คือว่าพรุ่งนี้พี่จะไปประชุมที่เชียงใหม่นะครับ”
“แล้วไง...”
“คือพี่จะบอกว่า พี่จะไปหลายวันและก็คงเอาบีมไปด้วยไม่ได้”
ตอนแรกที่มันบอกว่าจะไปเชียงใหม่ผมก็คิดว่ามันจะเอาผมไปด้วย อันที่จริงผมนะอยากไปเที่ยวเชียงใหม่ตั้งนานแล้ว ไม่เคยไปสักครั้ง แต่พอมันบอกว่ามันไม่ให้ผมไปด้วย ผมล่ะปรี๊ดขึ้นมาทันที
“ทำไมล่ะ พี่เฟค ปกติพี่ไปไหน พี่ก็จะให้ผมไปด้วยทุกครั้งนี่หน่า แล้วทำไมครั้งนี้ไม่ให้ผมไปด้วยล่ะ”
“ก็พี่ไปทำงานนี่...แล้วอีกอย่างบีมเองก็ใกล้สอบแล้วไม่ใช่หรือไง แล้วอย่างนี้จะตามพี่ไปทำไมล่ะ”
ผมฟังเหตุผลของมันแล้วก็ โอเค ผมรับได้ แต่ในใจมันก็รู้สึกเหงาขึ้นมานิดๆ
“ก็ได้ครับ...งั้นพรุ่งนี้พี่เฟคไปกี่โมงล่ะ ผมจะได้ไปส่งถูก”
“ไม่ต้องหรอกครับคนดี พี่ไปตั้งแต่เช้า เดี๋ยวพี่นั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้ครับ บีมจะได้ไม่ต้องตื่นขึ้นมาตอนดึกแล้วไปส่งพี่ บีมนอนเถอะครับ”
“เอางั้นก็ได้ครับ แล้วไปเชียงใหม่แล้วก็โทรหาผมด้วยนะครับ”
“อืม..ได้เลย แล้วพี่จะโทรหานะครับคนเก่ง อ่านหนังสือต่อเถอะ”
นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานครับ
“ไอ้บีมมึงรีบอ่านหนังสือเร็วๆ เข้าแล้วมึงจะได้มาอธิบายให้พวกกูฟัง”
เสียงของไอ้อ้นเรียกผมเมื่อมันเห็นว่าผมหยุดอ่านหนังสือนิ่งอยู่อย่างเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ไม่รู้ว่ามันหวังดีกับผมกลัวว่าผมจะอ่านหนังสือไม่ทันหรือว่ามันจะกลัวเสียประโยชน์ที่ผมอ่านหนังสือไม่ทันแล้วไปสอนมันอีกต่อไม่ได้กันแน่
“สัด..มึงก็หัดอ่านแล้วทำความเข้าใจเองบ้างซิ อาศัยแต่กูล่ะมึงอ่ะ”
“ก็มึงสอนแล้วเข้าใจมากกว่านี่หว่า จริงป่ะไอ้แบงค์”
เมื่อมันเถียงผมไม่ได้มันก็รีบไปหาพรรคพวกทันที ไอ้กระหล่อนเอย... ไอ้แบงค์ก็พลอยเป็นไปกับมันด้วย ผมระอากับพวกมันจริง แต่ก็ต้องให้อภัยพวกมันครับ เพราะถึงเวลาใกล้สอบที่ไร พวกเราจะพลัดกันติวให้เพื่อนคนอื่นในกลุ่มครับแล้วแต่ว่าใครจะถนัดอะไร ผมว่าบางครั้งไอ้พวกนี้มันติวให้ผม ผมยังเข้าใจมากกว่าตอนที่เรียนในห้องเสียอีก เพราะตอนนี้ก้เป็นคิวของผมแล้ว
“งั้นพวกมึงก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีล่ะ กูจะถ่ายทอดวิชาให้แล้ว”
หลังจากนั้นการพูดเล่นกันในกลุ่มก็เงียบลงเหลือแต่เพียงการพูดคุยในเรื่องของวิชาการล้วนๆ และแล้วชั่วโมงแห่งการเคร่งเครียดก็จบลง ขณะที่ผมกำลังเก็บหนังสือใส่กระเป๋านั้นไอ้แบงค์ก็ลุกขึ้นมานั่งข้างผม
“มีอะไรว่ะแบงค์”
“คือกูมีเรื่องอยากปรึกษากับมึงนิดนึงนะบีม”
พอไอ้อ้นได้ยินไอ้แบงค์พูดว่ามันมีเรื่องอะไรจะปรึกษากับผม ไอ้อ้นก็หยุดเท้าที่กำลังจะก้าวแล้วหันหลังกับมานั่งที่เดิม หน้าตามันบอกชัดเจนว่าอยากรู้ด้วยอย่างยิ่ง สมแล้วที่เป็นไอ้อ้น
“เชี๊ย...อ้นมึงไม่ต้องทำท่าสนใจขนาดนั้นก็ได้”
เสียงไอ้แบงค์ด่ามัน
“สัดแบงค์กูอยากรู้ที่ไหน กูแค่สนใจเฉยๆ แล้วทำไมมึงไม่มาปรึกษากูว่ะ มีเชี๊ยอะไรก็หาแต่ไอ้บีมอ่ะ”
“ก็มึงมันน่าปรึกษาหรือเปล่าล่ะ แนะนำกูแต่ล่ะเรื่องวอดวายทั้งนั้น”
ผมฟังมันสองคนเถียงกันไปมาพร้อมกับเก็บของลงกระเป๋าจนเสร็จนั้นแหละครับ จนผมเก็บของเสร็จไอ้แบงค์มันจึงหันมาสนใจผมอีกรอบ
“มึงมีเรื่องอะไรล่ะแบงค์ถ้ากูช่วยได้กูก็จะช่วย ยกเว้นเรื่องเงินนะมึง”
“เออ...ไม่ใช่เรื่องเงินหรอก ค์อ..ว่า ๕ว่า”
“คือว่าอะไรว่ะไอ้แบงค์”
เสียงไอ้อ้นดังแทรกขึ้นมามันคงลุ้นจนเก็บอาการเอาไว้ไม่ไหว
“ไอ้อ้นมึงเงียบก่อน กูเลยพูดไม่ถูกเลย”
“เออ...จริงอ้นมึงเงียบสัก 5 นาทีได้ป่ะ รอไอ้แบงค์พูดจบแล้วค่อยพูด”
“ชิ...”
ไอ้อ้นมันทำท่างอนแล้วสะบัดหน้าหนี ผมล่ะอยากเดินไปโบกหัวมันสักครั้งให้หายหมั่นใส้ แต่ตอนนี้เอาไว้ก่อน เอาเรื่องของไอ้แบงค์ให้จบก่อนดีกว่า
“มึงมีอะไรก็ว่ามาเถอะแบงค์”
“คือว่ากูไปนอนกับผู้ชายมา กูจะทำไงดีว่ะ กูสับสนว่ะ ”
“ห่ะ/ห่ะ”
ทั้งผมกับไอ้อ้นต่างร้องขึ้นมาพร้อมกัน แต่แปลกที่ครั้งนี้ไอ้อ้นมันร้องแค่นั้นแล้วมันก้เงียบไม่พูดหรือถามอะไรอีก ทั้งๆ ที่ไม่ใช่นิสัยของมันเลย
“เออ...แล้วมึงไปมีได้อย่างไงล่ะ มึงตั้งใจหรือเปล่า”
“กูไม่ได้ตั้งใจว่ะ กูเมาแล้วมันก็เลยเถิดไปกันใหญ่ กูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะโว๊ย แล้วน้องเขาก็เมาด้วย มันก็เลยเกิดเรื่อง”
“แล้วเรื่องมันเกิดขึ้นนานหรือยัง”
ผมถามมันอีก
“ก็วันเสาร์ก่อนนะ พอดีกูไปเที่ยวแล้วเจอน้องเขา กูเห็นว่าน้องเขามาคนเดียว กูก็เลยชวนให้น้องเขาไปนั่งด้วย ก ตอนแรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่พอเมา กูก็เลยพาน้องเขาไปที่ห้องว่ะ แล้วก็ก็ซัดซะเต็มที่ แต่ผ่านมาหลายวันแล้วก็ยังรู้สึกผิดว่ะที่ไปทำอย่างนั้นกับน้องเขา กูไม่รู้ว่าน้องเขาจะคิดไงเหมือนกัน ตื่นขึ้นมาน้องเขาก็เฉยๆ ไม่พูดอะไร แต่งตัวแล้วก็กลับไปเลย”
“นอกจากรู้สึกผิดแล้วมึงยังคิดอะไรกับน้องเขาหรือเปล่าว่ะ กูว่าแค่ไปนอนกับผู้ชายครั้งสองครั้งคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง มึงอย่าคิดมากซิ แล้วมึงจะให้กูช่วยไงล่ะ กูไม่เข้าใจ”
“คือกูอยากเจอกับน้องเขาอีกว่ะ ตั้งแต่เกิดเรื่องกูก็คิดถึงแต่เรื่องของน้องเขามาตลอด แต่กูไม่กล้าไปเจอหน้าเขาอีก บีมมึงช่วยกูหน่อยซิ”
“จะให้กูช่วยไงล่ะไอ้แบงค์กูรู้จักกับน้องเขาหรือไงว่ะถึงจะให้กูช่วยนะ”
“มึงรู้จักดีเลยล่ะ”
ผมงง ที่ว่าผมรู้จักกับน้องเขาดีถึงขนาดจะไปช่วย
“ใครว่ะ”
“ก็น้องไผ่ไง”
“น้องไผ่ไหน อย่าบอกนะว่าคนที่เป็นเดือนนะ”
ไอ้แบงค์มันไม่พูดมันได้แต่พยักหน้ารับเท่านั้น ผมถึงกับเอามือกุมขมับ ไอ้แบงค์มันเสือกมากินคนใกล้ตัวอีก แล้วผมก็ไม่รู้ว่าไผ่มันจะอยากเจอคนที่พามันไปมีอะไรด้วยอีกหรือเปล่า
“เฮ้ย...เหี๊ยแล้วไง...”
อยู่ดีๆ ไอ้อ้นก็ทะลึ่งพุดขึ้นมาเหมือนกับว่ามันตกใจกับชื่อของคนที่มันได้ยิน ไม่ใช่แต่มันหรอกผมเองก็ตกใจเหมือนกัน แต่ไม่ถึงขนาดไอ้อ้น
“ไอ้แบงค์กูว่ามึงอย่าไปยุ่งกับน้องมันเลยว่ะ น้องมันอาจมีแฟนแล้วก็ได้นะมึง”
ไอ้อ้นพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“กูแค่อยากไปขอโทษน้องเขาเฉยๆ เออ..มึงพูดมาก็ดีแล้วไอ้อ้น มึงพากูไปก็ได้นี่หว่า น้องไผ่ก็สนิทกับมึงนี่หว่า มึงพากูไปหน่อยซิ เย็นนี้เลยก็ได้นะเพื่อนอ้น แล้วกูจะเลี้ยงมึงชุดใหญ่”
ไอ้อ้นทำท่าคิดใหญ่เลย ไอ้แบงค์ก็เสือกรู้จุดอ่อนของมันอีก แต่ยังไม่ทันที่ผมจะรู้คำตอบของไอ้อ้นเลย ที่รักของผมก็โทรมาหาพอดี ผมจึงลุกขึ้นไปคุยที่อื่น แต่ผมก็พอเดาอาการของไอ้แบงค์ได้ว่ามันได้คำตอบอย่างไง ผมเห็นว่าไอ้อ้นกดโทรศัพท์ อ้นมันมันคงโทรไปหาไผ่นั้นแหละครับ
พอผมคุยจบผมก็กลับมานั่งที่เดิม เพียงไม่นานผมก็เห็นแล้วว่าตัวต้นเหตุของเรื่องก็เดินมาพร้อมกับรอยยิ้มที่เห็นครั้งใดก็อดยิ้มตอบกลับไปไม่ได้ มันคงดีใจนะครับที่ไอ้อ้นโทรไปตามมันมา แต่พอไผ่มันเห็นว่ามีใครนั่งอยู่ด้วย มันก็หุบยิ้มทันที แล้วทำหน้านิ่งๆก่อนที่จะมานั่งใกล้ๆ พี่มัน
“พี่อ้นครับ...มีอะไรหรือเปล่าครับถึงโทรไปตามผมมา”
“กูนะไม่มีอะไรหรอก แต่พี่แบงค์เขามี อ่ะคุยกันซะกูไปก่อนแล้ว ไอ้แบงค์แล้วอย่าลืมเรื่องที่มึงสัญญาไว้นะโว๊ย...”
ว่าแล้วไอ้อ้นก็มาดึงแขนผมให้ลุกขึ้น ผมมองหน้ามัน
“ลุกซิไอ้นี่ มึงจะอยู่ทำไม พี่น้องเขาจะคุยกัน”
ผมลุกตามแรงดึงของไอ้อ้น ด้วยอาการงงๆๆ พอผมหันกลับมาอีกครั้งก็เห็นว่าไอ้แบงค์ลงไปนั่งอยู่กับพื้นโดยที่มีมือทั้งสองกุมมือของน้องเขาเอาไว้ ผมหวังว่ามันจะจบด้วยดีนะ...หรือว่าผมคิดผิดไป ใครก็ได้ช่วยบอกที