ตอนที่ 68 ฉันกับเบสรีบเดินไปทักทายสองคนนั้นทันที แต่ อาร์ทพอเห็นฉันเดินมา เขาก็เดินกลับเข้าไปในห้องครัว ปล่อยให้ฉันยืนงงอยู่ตรงนั้น
“สวยขึ้นนะหล่อน ไม่เจอกันตั้งนานแน่ะ” นังต้อมตอนนี้ ดูสาวกว่าเดิมเป็นกอง ชีปล่อยผมยาวสยาย แต่งตัวเป็นชะนีไปเสียแล้ว โอว มาย ก๊อด
“แหม หล่อนก็ใช่ย่อย มากับแฟนเหรอ” อิอิ แซวเล่นซะเลย ทำเอาวินรีบป้องกันตัวเองใหญ่
“เฮ้ย ไม่ใช่นะ อย่าเข้าใจผิดสิ เราเพิ่งเจอกันที่งานเอง”
“อ้อเหรอ” ฉันหรี่ตาแอบจับผิดเพื่อนหนุ่ม ที่ตอนนี้หล่อตี๋ขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย
“ช่าย ๆ นังจืดนี่ ชอบยุให้เค้าเป็นแฟนกันอยู่เลย” ว่าแล้วชีก็หัวเราะคิกคัก
“เบสขา เด๋วนี้หล่อวันหล่อคืนเลยนะ มีแฟนรึยังเอ่ย” นังต้อมยังไม่รู้เรื่องเราสองคน ตาเบสก็ทำท่าจะบอกกับมันไป แต่
“มะ....” ฉันรีบหยิกแขนตาเบสก่อนที่จะปากโป้งออกไป
“นังต้อมก็ หล่อขนาดนี้ ไม่มีก็แปลกแล้ว” เบสมองฉันงง ๆ
“ก็จืด...” อ้ะ จะพูดอีกและ ไม่ได้ ไม่ด้าย โนๆ
“อะไรเหรอ ก็จืดอะไร” นังต้อมเริ่มสงสัยละ เบสก็จะพูดต่ออีก ทำเอาฉันรีบเปลี่ยนเรื่องด่วน
“นี่ ๆ แล้วรู้เรื่องนี้จากใครเหรอแก”
“อ้อ วินโทรมาบอกน่ะสิ”
“อุ้ย ยังติดต่อกันอยู่อีกเหรอ หุหุ”
ตาวินเริ่มเซ็งฉันแล้วมั้ง ที่เอาแต่แซวอยู่ได้ เลยเดินเข้าครัวตามอาร์ทไปแล้ว ส่วนนังต้อมก็
“เบสจ๋า ถ้ายังไม่มีแฟน มากิ๊กกะต้อมมั้ยคะ”
ดูมันทำ หว่านสายตาอันหยาดเยิ้มให้เบส เล่นเอาฉันแทบขำกลิ้งกับท่าทางของตาเบส
“เหอ ๆ ไม่ดีกว่าต้อม เรายังไม่อยากมีกิ๊ก” ว่าแล้วก็เดินตามตาวินเข้าไปอีกคน
ปล่อยให้สองสาวนั่งคุยกันตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน มันเล่าว่า ทุกวันนี้ตัวเองทำงานอยู่แถว ๆ บ้านนั่นแหละ เปิดร้านอาหารตามสั่ง มีตู้คาราโอเกะด้วย เปิดตั้งแต่เย็นยันเกือบเช้าแน่ะ มันบอกว่าเหนื่อยมาก ๆ เลย อยากลองไปทำอย่างอื่นดูบ้าง

แต่อย่างว่า มันก็อยากทำงานอิสระล่ะนะ จะได้ไว้ผม แต่งหญิงได้ เผลอ ๆ มีคนมาจีบมันตอนเปิดร้านด้วยอีกตะหาก หุหุ (สงสัย เค้าจะเมามากน่ะสิ)
“ถามจริง ตอนนี้แกกับเบสเป็นแฟนกันรึปล่าว” นังต้อมมันคงจะรู้แล้วล่ะ
“อืม อย่างที่แกคิดน่ะแหละ” มันตบมือดังป๊าบ
“นึกแล้วเชียว นังจืด ร้ายนะยะแก ฉันยังเสียดายอยู่เลย แหม ทำยังไงถึงเอาทำผัวได้วะเนี่ย”
“อิบ้า พูดซะน่าเกลียด สามีย่ะ อิอิ”
แล้วเราสองคนก็นั่งเม้าท์จนกระทั่งนังตั้มนังเฉา นังอั้มกะผัวก็มาด้วย งานนี้ทำเอานังเฉาซีเรียสน่าดู เพราะอะไรก็น่าจะรู้กัน
/////////////////////////////////////////
พวกเราทั้งดีใจปนเศร้าใจที่วันนี้มีการรวมตัวกันของผองเพื่อน แม้ว่ามันจะไม่ครบทีมก็ตาม แต่มากันเยอะขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว พวกเรานั่งฟังพระสวดมนต์จนเลิก ก่อนกลับก็มีถามกันว่า พรุ่งนี้ว่างมั้ย จะได้นัดไปทานอาหารกัน
“ว่างสิ อุตส่าห์ลางานมาจนถึงวันเผาเลยนะเนี่ย” นังตั้มบอก
“ส่วนฉันว่างเสมอ เพราะวิทยาลัยปิดเทอมแล้ว” นังเฉาก็ด้วย
“เราก็ปิดเทอมแล้วเหมือนกัน” วิน เบส อาร์ทและฉัน เราปิดเทอมกันแล้ว
“นังต้อมล่ะ แล้วนี่จะกลับบ้านยังไงเนี่ย” ฉันถามมัน
“ขับรถกลับเหือนเดิมแหละ” นังต้อม เด๋วนี้หัดขับรถกระบะแล้วนะมัน เปรี้ยวซะ
“ไม่ดีมั้ง ดึกแล้วนา ค้างบ้านฉันมั้ยแก”
“นั่นสิ ค้างบ้านจืดดีกว่ามั้ง” เบสเห็นด้วย แต่นังต้อมมันว่า
“อุ้ย ไม่เอาหรอก ค้างบ้านวินดีกว่า ได้มั้ยจ้ะ วินจ๋า” อ่านะ ดูมันเล่น ตาวินขนลุกแล้วนั่น
“ล้อเล่นหรอกน่า ไม่เป็นไรหรอก ฉันถึงบ้านอยู่แล้วล่ะ แต่พรุ่งนี้ไม่รู้จะมาได้รึปล่าวนะ”
“ไม่เป็นไร ยังไงก็ขับรถกลับดี ๆ ละกัน เป็นห่วงนะแก” ฉันพูดเสร็จแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน
อาร์ทที่ฉันเป็นห่วงอยู่ ก็กลับบ้านไปแล้ว ส่วนเบสก็ต้องขับรถกลับบ้านตัวเอง (แอบมีวิงวอนขอนอนค้างด้วย ฝันไปเถอะจ้ะ เมื่อวานก็อาร์ท วันนี้ก็เบส เด๋วพ่อแม่ฉันก็หาว่า เอาผู้ชายมานอนไม่ซ้ำหน้าน่ะสิยะ

)
“ใจร้ายจัง ไม่ห่วงเราเหรอ ขับรถกลับคนเดียว มันอันตรายน้า”
“ตรงไหนเนี่ย ตอนขับลงมาจากกรุงเทพฯ ไม่อันตรายกว่าเหรอ” ฉันย้อนมัน
“ก็มันสว่างอ้ะ ไม่มืดนี่” อ่ะนะ เหตุผล
“ไมได้ก็คือไม่ได้อ่ะ” ฉันยืนกราน
“ใจดำ ไม่นอนก็ได้” เง้อ มีงอนด้วยเว้ย ผู้ชายอะไร ขี้งอนจัง
“เลิกหน้าบูดได้แล้ว น่าเกลียดจะตาย”
“ก็ให้ค้างด้วยดิ”
“อะไรเนี่ย ยังไม่เลิกคิดอีกเหรอ” แม่เจ้าโว้ย ตื้อจริง ๆ
“ทำไม ทีคนอื่นยังชวนได้ แล้วเราล่ะ แฟนตัวเองแท้ ๆ ทำไมถึงไม่ยอมให้ค้างด้วย” ตาเบสพูดมา
ฉันสะดุ้งเฮือก ตาเบสพูดออกมาแบบนี้ หรือว่า มันจะรู้ว่าเรา โอ้ะ ไม่น่าจะเป็นได้ เบสมันจะรู้ได้ยังไง ฉันหันไปมองหน้าเบสก่อนที่จะถามสั่น ๆ ว่า
“เบส อ่า คนอื่น ที่ว่า ใครเหรอ” ฉันชักจะเริ่มใจฝ่อแล้วล่ะสิ
“ก็....” เบสมันชะลอรถ แล้วก็หันมาจ้องตาฉันเขม็งเลย อุ น่ากลัวจัง
“ก็ต้อมไงล่ะ” แง้ว ตาเบสทำฉันเสียศูนย์เลยงานนี้ มันน่าเจ็บใจนัก ฝากไว้ก่อนเหอะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++