:serius2:อ้ากกกกก เงินหายอ้า ปวดอเฮดมากกกกก ยิ่งถังแตกอยู่ด้วยอ่ะ
o14สวัสดีจ้าสาวและไม่สาวทั้งหลาย :teach:จืดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย (อย่างแรง) ตอนพิเศษของเค้าคงต้องเป็นโรคเลื่อนไปวันเสาร์นี้นะ ยังไงก็อ่านตอนหลักไปก่อนละกัน รับรองว่าต้องแอบคิดลึกกันแน่ๆ
o11เจ๊เหมยฮัว มะยอมพูดเลยแอบมาแล้วก็แอบไปเลยนะ เรื่องตัวเองเขียนลงต่อยังหว่า เด๋วไปดูก่อน
ตอนที่ 51 ฉันโทรไปบอกที่บ้านแล้ว พ่อไม่อยู่ไปทำงาน เหลือแต่แม่คนเดียว แม่ฉันพอรู้เรื่องแล้วก็ตกใจมาก รีบให้อาขับรถพามาที่โรงเรียนเลย ส่วนทางด้านเจ้าของกระเป๋าตังค์ดูจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเอาซะเลย จนฉันรู้สึกแปลกใจ
ฉันนั่งฟังครูฝ่ายปกครองเทศน์แล้วเทศน์เล่า โดยที่ฉันก็พูดอะไรไม่ออกเลย ใช่สิ ฉันไม่มีหลักฐานอะไรเลย ที่จะไปแก้ต่างได้ว่าตัวเองโดนกลั่นแกล้งเข้าแล้ว
ในที่สุดแม่ก็มาถึง แม่เข้ามาพูดคุยกับครูฝ่ายปค.ว่าให้ให้สืบดูให้แน่ชัดก่อน เพราะฉันก็ไม่เคยไปลักขโมยของใคร แต่ผู้ปกครองทางฝ่ายยัยนั่นก็ไม่ยอม บอกว่าต้องลงโทษฉันให้ได้ โชคยังดีที่แม่ไกล่เกลี่ยให้ฉันได้ ฉันเลยโดนแค่ พักการเรียน 1 อาทิตย์ เท่านี้มันก็แย่พอสำหรับฉันแล้ว เพราะอะไรน่ะเหรอ มันจะสอบเก็บคะแนนแล้วน่ะสิ ฉันกลัวเรียนไม่ทันจริงๆ
“ลูกจืด แม่เชื่อนะว่าลูกไม่ได้ขโมย แต่แม่ขออย่างหนึ่ง อย่าไปโกรธหรือเกลียดคนที่เค้าทำกับลูกเลยนะ มันจะเป็นบาปเป็นเวรกันเสียปล่าวๆ บทเรียนคราวนี้ก็จำเอาไว้สอนไม่ให้ตัวเองประมาท เข้าใจนะลูกแม่” แม่ที่แสนดีของหนู หนูรักแม่ที่สุดเลยจ้ะ
“จ้ะแม่ หนูจะจำเอาไว้ให้ดีที่สุด” ใช่ ฉันจะจำเอาไว้ว่า ใครมันทำกับฉัน มันจะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสมแน่ ๆ ให้ฉันรู้ก่อนเถอะว่าใครมันเป็นคนทำ
วันนั้นฉันขอตัวลากลับบ้านพร้อมแม่ก่อนเลย อีกสองคาบไม่ได้เข้าเรียน แน่นอนเรื่องของฉันแพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียนภายในวันรุ่งขึ้น มีสายรายงานมาค่ะ ก็คือเพื่อนสาวสองคนนั่นเอง มันมาหาที่บ้านของฉันเย็นวันนั้นนั่งเอง
“ฉันว่านะอิคนที่มันใส่ร้ายหล่อน มันต้องเกลียดหล่อนเข้ากระดูกดำแน่ๆ” นังเจี๊ยบมี่พูดปล่าวแต่มือยังยัดขนมเข้าปากเช่นเคย
“กรูก็ว่าน่าจะใช่นะ มึงลองคิดสิว่า ใครในห้องที่มันเกลียดมึงบ้างอิจืด” อิเฉาก้วยมันสมทบตาม
“ไอ้มีน่ะมีแน่ มีคนนึงเกลียดชั้นมาก ต้องเป็นมันแน่ๆ นังแจง” ฉันพยามยามระงับความโกรธเอาไว้
“อืม แล้วเราจะหาหลักฐานมามัดตัวมันยังไงล่ะ” นังเจี๊ยบกังวลแทนฉัน
“ไม่รู้เหมือนกัน เฮ้อ ช่างมันเถอะ ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมของฉันเองละกัน” ฉันชักจะปลงๆเสียแล้ว
“แหม นังแม่พระ หล่อนนี่เข้มแข็งจังนะ ถ้าเป็นฉัน คงอายแทบแทรกแผ่นดินหนีไปแล้ว” นังเฉาก้วยมันพูด โดยที่มันไม่รู้หรอกว่า ฉันน่ะเจ็บใจแค่ไหน มันทำให้แม่ฉันต้องเสียใจ มันทำให้ครอบครัวฉันต้องอับอายที่คิดว่ามีลูกเป็นหัวขโมย ตัวฉันเองน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ครอบครัวน่ะสำคัญกับฉันมากแค่ไหน
พวกมันพากันกลับบ้านไปแล้ว เย็นวันนั้นเกือบหกโมงเย็นแล้ว ขณะที่ฉันกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ที่โต๊ะนั่งเล่นหน้าบ้านนั่นเอง หมาปุยที่บ้านก็เห่าขึ้น ปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์ ฉันมองออกไปที่ถนนหน้าบ้าน เห็นเด็กนักเรียนผู้ชายคนหนึ่งยืนโบกไม้โบกมืออยู่ ฉันเลยเดินออกไปดู
“เฮ้ ออกมาช้าจังล่ะ เรียกหลายทีแล้วนะแก” :oง่า นายอาร์ทน่ะเอง
“เฮ้ย แกมาได้ไงเนี่ย แล้วไม่กลับบ้านตัวเองล่ะ” ตอนนั้นฉันรู้สึกดีใจมากกว่าแปลกใจเสียอีก ฉันไม่เคยคิดเลยว่า ผู้ชายคนนี้จะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันทำลงไป
“พอดีโทรไปบอกที่บ้านแล้วว่าวันนี้จะค้างบ้านเพื่อนน่ะ” อาร์ทมันพูดว่าค้างบ้านเพื่อน บ้านใครน่ะ
“อ้าว มีบ้านเพื่อนอยู่แถวนี้ด้วยเหรอ ไม่เห็นยักกะรู้เลยล่ะ”
“แน่ะ อย่ามาทำไก๋ ก็บ้านแกไงล่ะ” มันพูดแล้วก็ยิ้มยิงฟัน น่าเกลียดชะมัดเลย ตานี่
“อะไรนะ บ้านฉัน แกจะมาค้างที่นี่ยังงั้นน่ะเหรอ” มันก็พยักหน้าหงึกๆ แต่มันก็ทำหน้าเศร้าอีก
“ถ้าแกไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร งั้นฉันกลับก่อนล่ะ” อ้าย มาไม้นี้อีกแล้วนะแก เง้อ
“เด๋ว” ฉันเรียกมันไว้ก่อน มันหันมายิ้มใหญ่เลยล่ะ
“ให้เราค้างด้วยแล้วใช่มั้ยอ่ะ” สรรพนามแทนตัวเองเริ่มเปลี่ยนไปนะยะ
“ปล่าว แกจะเดินกลับเหรอไง เด๋วฉันเอารถไปส่ง” อิอิ แกล้งมานซะเลย
“โหย จืดอ้ะ” มันโวยวายใหญ่เลยค่ะ นารักตายล่ะแก
“ล้อเล้นน่า มาๆ เข้ามาในบ้านก่อน” มันรีบเดินตามเข้ามาในบ้านฉัน ปล่าวติดฉันหรอกนะคะ มันกลัวหมากัดเอาน่ะ คริคริ
พอเราเดินเข้ามาในบ้านแล้ว มันก็สวัสดีพ่อแม่ฉัน ส่วนน้องสาวสองคนก็สวัสดีมัน เพราะอาร์ทมันเคยมาบ้านฉันครั้งนึงแล้ว หลังจากกินข้าวกันเรียบร้อยแล้ว ฉันกับอาร์ทก็เดินไปนั่งโต๊ะหน้าบ้าน ตอนนั้นก็มืดแล้ว แสงไฟก็สว่างไม่มากนัก แต่นั่นก็เป็นข้อดีอย่างนึง
“ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างเหรอ” ทั้งที่ฉันรู้ทั้งรู้ก็ยังถามมันออกไป
“ก็ ลือกันไปทั่วแล้วล่ะ แต่ยังไงซะ เราก็ไม่เชื่อหรอกนะ ว่าจืดเป็น...คนเอาไปน่ะ” ฉันเห็นมันนั่งก้มหน้าพูดไป ก็ให้รู้สึกว่า การเชื่อใจใครสักคนมันคงยากมากสินะ
“อืม แล้วแต่แกจะคิดนะ ฉันไม่ได้อยากให้แกเชื่อฉันทั้งหมด แต่อยากให้ลองคิดดูละกัน ว่าฉันเป็นคนยังไง เราก็รู้จักกันมานานแล้ว แต่ฉันก็ต้องขอบใจนะ ที่ยังอุตส่าห์เป็นห่วงฉันน่ะ”
“อะ อืม เป็นห่วงสิ หยุดไปตั้งอาทิตย์ เรียนตามไม่ทันแน่ๆอ่ะ” นั่นสินะ แต่ฉันสู้ตายอยู่แล้วล่ะน่า
“แล้ววินกับต้อมล่ะ เป็นไงบ้าง” ฉันถามหาสองคนนั้น ไม่รู้จะยังเชื่อใจฉันอยู่มั้ย
“อ้อ สองคนนั้นนะเหรอ ไม่ต้องเป็นห่วง เห็นว่าพรุ่งนี้จะมาหาจืดนะ”
“จริงเหรอ ดีใจจังที่ยังคิดถึงเราอยู่” ฉันทำหน้าดีใจเกินไปรึปล่าวไม่รู้นะ แต่ว่าตาอาร์ทน่ะ
“แหม ทีสองคนนั้นจะมาล่ะดีใจใหญ่เชียว ที่ฉันมาล่ะก็นะ” ดูมันงอนสิ ไม่น่ารักเอาซะเลย
“โธ่ แกก็ เพื่อนมาฉันก็ดีใจทั้งนั้นแหละ ว่าแต่ คืนนี้แกนอนพื้นนะยะ” ฉันเริ่มเข้าเรื่องล่ะค่ะ
“อะไรนะ นอนพื้นเหรอ โห ไม่เอาอ้ะ
เตียงออกกว้าง นอนคนเดียวได้ไง” มันชักเริ่มงอแงเหมือนเด็กๆอีกแล้ว ตัวก็โตซะขนาดนี้
“อยากจะนอนนอกบ้านหรือในบ้าน หา
” ฉันเล่นขู่แบบนี้ ยังไงมันก็ต้องยอมล่ะ
“หง่ะ ก็ได้ๆ นอนพื้นก็ยังดีกว่านอนนอกบ้านล่ะว้า” หลังจากบ่นอุบอิบ แล้วเราสองคนก็เดินเข้าบ้านไป ตอนนั้นก็เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว ฮ้าววว ชักง่วงละสิ
*********************************
เด๋วจะรีบมาต่อให้ตอนไหนดีน้า
:
:เราจะโดนตาอาร์ททำอะไรรึปล่าวน้อ