"The Story Of Me and You ... เรื่องเล่าของเราสอง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "The Story Of Me and You ... เรื่องเล่าของเราสอง  (อ่าน 38670 ครั้ง)

ออฟไลน์ Na_RimKLonG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16

 o13
ไม่ได้อ่านเรื่องแนวนี้มานานล่ะ

เพราะเดี๋ยวนี้หาเรื่องเศร้าอ่าน..ยากมาก


จริงๆแล้ว ที่เข้ามาวนเวียนในเล้าเป็ดแห่งนี้

แล้วติดแง่ก ไปไหนไม่รอด ซักกะที

ก็เพราะชอบบริโภคเรื่องอ่านแนวนี้..นี่แหละ

เอิ้ก..เอิ้ก


 :L2:
เป็นกำลังใจให้มีแรงเล่าต่อไปเรื่อยๆ นะครับ

อย่าทิ้งกัน..กลางคัน  ก็แล้วกัน

 :pig4:ขอบคุณคร้าบบบบ

duckhero

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ
ขอบคุณทุกเม้นต์ครับ
สัญญาว่าจะนำไปปรับปรุงครับ
คืนนี้ duckhero ขอไม่โพสต์นะครับ
เป็นไข้หวัด ไม่มีแรงจะมานั่งเรียบเรียงนะครับ
ขอบคุณครับ

subaru

  • บุคคลทั่วไป
ขอให้หายป่วยไว ๆ สุขภาพแข็งแรงนะค่ะ .... :L2:

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เก่งจะแสนดีไปถึงไหน ตุ่นนี่ รู้ หรือ ไม่รู้ความในใจเก่ง แต่น่าจะรู้นะ แต่ก็ยัง ไม่รู้สิ เป็นเราเราคงทนไม่ได้อ่ะ อวยพรได้ ให้ของขวัญได้ แต่คงไม่ไปคลุกคลี ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ เก่งช่างทนทายาด

mecon

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: :monkeysad:
เราขอชื่นชมในความเข้มแข็งของเก่งนะ ไม่ว่าเวลาหรือระยะทางจะไกลแค่ไหน
ใจเก่งก็ยังเป็นเหมือนเดิม ยิ่งมาเจอสภาพแบบนี้ด้วยแล้ว ร้องมาเหอะร้องออกมาให้ดังๆ
แล้วขอใ้ห้ความรักที่เราเคยคาดหวังเฝ้าฝันไว้มาตลอดขอให้มันยังคงอยู่ในที่เดิมๆและขุดมันไว้
ให้ลึกสุดใจนะเก่ง ...เราต้องเดินไปข้างหน้า รักครั้งนี้ดูเหมือนว่าเราไม่สมหวังแต่เราก็ได้
ปล่อยคนที่เรารักที่สุดให้เค้าไปมีความสุขกับคนที่เค้าเลือกแล้วอ่ะนะ มันอาจจะเจ็บแต่สักวันมันจะหายเอง

ตุ่นยังคงใจร้ายไม่เปลี่ยนเลยนะ เราไม่เข้าใจอย่างนึง ไม่รักทำไมถึงต้องตบหน้ากันด้วย
ทำแล้วมีค.สุขใช่มั๊ยตุ่น  

เป็นกำลังใจให้คะ +1   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2010 13:40:38 โดย mecon »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ผู้ได้รับบาดเจ็บ

http://www.youtube.com/v/UyL2S55eOiw&hl=en_US&fs=1

แค่รู้หน้า  ไม่รู้ใจ  ไม่ใช่โง่

รักใหญ่โต  แล้วโมเม  มาเฉไฉ

เดี๋ยวถอยห่าง  เดี๋ยวใกล้ชิด  เดี๋ยวปิดใจ

จะเอาไง  จะไกลใกล้  ให้บอกมา


ให้เป็นเพื่อน  ทำเปื้อนใจ  ทำไมเล่า

ไม่คิดเอา  เป็นคนรัก  ชักห่วงหา

ไม่จริงใจ  ให้ความหวัง  ทำตรึงตรา

ทำยักท่า  ห่าเหว  ไอ่เลว..จริง


ไม่ชัดเจน  เบนบิด  สะกิดอยู่

มองตารู้  ยังเรื่อยเรื่อย  ยุ่งสุงสิง

ขอให้แน่  ว่าเลือกแล้ว  ชอบหญิงจริง

จะยอมทิ้ง  เชือดใจ  ให้แน่นอน


ขอเป็นแผล  เลือดสด  หยดติ๋งติ๋ง

มันดีจริง  หายง่าย  ไม่ตามหลอน

ที่แล้วมา  แผลเรื้อรัง  เชื้อไชชอน

ขอตัดถอน  ผ่าโคนราก  จบจากกัน


 :m15: เศร้า(ว่ะ)ครับ

ป้อล่อ +1 ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2010 16:52:04 โดย broke-back »

ออฟไลน์ BlackClover

  • ◥≡Pe'un≡◤
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-3
^
^

จิ้ม คุณ โบรค  กลอนเพราะๆเข้าอารมณ์มาอีกแล้ว

แล้วก็รอไรเตอร์เอาเรื่องมาลง ^^

duckhero

  • บุคคลทั่วไป
วันที่รอคอย กับวันที่ได้แต่คอยรอ

   หลังจากวันที่เราได้แต่นอน ไม่ได้ทำสาระอะไรให้กับตัวเองมากนัก ซึ่งเป็นวันที่ตุ่นต้องไปทำพิธีเกี่ยวกับการแต่งงานตามประเพณี เวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า ก้าวสู่วันต่อมา ซึ่งเป็นอีกวันที่ทำให้เราไม่ได้มีความสุขมากนัก เพราะในค่ำคืนนี้จะมีการเลี้ยงฉลองงานมงคลสมรสของตุ่นที่โรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหาดใหญ่ ในวันนี้เราไปทำงานด้วยอาการที่ไม่ปกติมากนัก ส่วนใหญ่จะเหม่อลอย จนเพื่อนร่วมงานถึงกับแซวว่าเราเหม่อลอยไปหาใคร เพื่อนร่วมงานหยอกล้อเราหวังให้เรามีรอยยิ้ม แต่วันนี้เราเป็นเสือยิ้มยากไปซะแล้ว เราไม่สามารถที่จะยิ้มออกมาได้ แต่สิ่งที่พร้อมจะออกมาได้ทุกขณะลมหายใจนั่นคือ น้ำตา มากกว่า จนถึงเวลาเลิกงาน เรากลับไปยังที่พัก ซึ่งตอนนี้เราพักอยู่บ้านของน้าของเราที่ซื้อบ้านที่หาดใหญ่ สมาชิกในบ้านมีเพียงน้าสาวของเรา เราและลูกพี่ลูกน้องของเราอีกคน วันนี้เรายกหน้าที่ที่ต้องไปรับน้าสาวจากที่ทำงานที่เลิกงานในช่วงสี่ทุ่มให้กับลูกพี่ลูกน้องของเราแทน เพราะเราจะต้องไปร่วมฉลองงานมงคลสมรสของตุ่น
   ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่เราไม่ได้มีความสุขมากนัก เป็นวันที่เราไม่เคยหวังว่าจะมี แต่เรายังคงต้องพิถีพิถันในการแต่งตัว เพื่อเป็นการให้เกียรติกับการไปร่วมงานของคนที่เรารักที่สุด และจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไม่ไปร่วมงาน อย่างที่เพื่อนหญิงในกลุ่มของเราบางคนได้แนะนำเรา
   “ก็ไม่ต้องไปสิ จะไปทำไม มันไม่เห็นจะสนใจแกเลยเก่ง” กิ่งเพื่อนของเราพูด เมื่อเราเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้พวกเขาฟัง
   “ไม่ไปคงไม่ได้หรอก เราทำไม่ได้จริง ๆ” เราตอบ
   “ก็มันไม่เห็นจะแคร์แกเลย แกจะแคร์แล้วกลับมาเสียใจทำไม” แอ๋วเพื่อนอีกคนเสริม
   “ไม่ได้หรอก ถึงเขาจะไม่แคร์เรา แต่เราแคร์เขามาตลอดชีวิตนะแอ๋ว” เราตอบเพื่อนของเรา
   “งั้นแกก็ไปเถอะ ยังไงพวกเราก็รอแกอยู่ที่บ้านไอ้แอ๋วนะ” พี่ลิคเป็นคนเสริม
   “โอเค” เราตอบสั้น ๆ
   หลังจากเราแต่งตัวเสร็จ เราขับรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่จะมีงานฉลอง ในงานนี้เราไม่รู้จัก ไม่สนิทกับใครเลยนอกจากเจ้าบ่าว เรายังคงสงสัยว่าเราจะไปนั่งร่วมโต๊ะกับใครเขาได้ แต่พอนึกถึงคำพูดของตุ่นที่บอกว่า เพื่อนกลุ่มที่เรียนประมงหลายคนมาร่วมงาน ทำให้เราใจชื้นขึ้นมาได้หน่อย แต่เนื่องจากว่าเพื่อนคนอื่น ๆ พักอาศัยกันอยู่ที่จังหวัดอื่นทั้งนั้น เราจึงเป็นคนแรกที่ไปถึงยังงานเลี้ยง เราเดินวกไปวนมาอยู่ที่ล๊อบบี้ของโรงแรมหลายเที่ยวกว่าที่เราจะกล้าก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังห้องที่จัดงานเลี้ยงฉลอง เมื่อเราไปถึงตุ่นรีบก้าวเข้ามาหาทันที
   “เก่ง ขอบคุณนะที่มาได้” ตุ่นพูดพร้อมกับจับมือของเราไว้ทั้งสองข้าง เรารู้สึกอึดอัดนิดหน่อย ไม่ใช่เพราะเราไม่อยากที่จะให้ตุ่นจับมือเรา แต่เพราะว่าการกระทำของตุ่นนั้นอยู่ในสายตาของเจ้าสาวของเขาที่ไม่แม้แต่จะก้าวเข้ามาทักทายเรา
   “มีเพื่อน ๆ มาถึงบ้างแล้วยังละ” เราถามพร้อมกับดึงมือของเรากลับ
   “ยังไม่มีเลย เก่งเข้าไปนั่งรอก่อนสิ แล้วเดี๋ยวพวกนั้นมาตุ่นจะบอกให้เข้าไปหาเก่ง” ตุ่นพูด
   “ไม่ละ เก่งยืนรอเพื่อน ๆ อยู่แถว ๆ นี้ดีกว่า” เราพูดเสร็จเราจึงเดินเลี่ยงไปยืนอยู่ในมุมมุมหนึ่ง ซึ่งเป็นมุมที่จัดได้ว่าเหมาะสำหรับเราในตอนนั้นมาก
   ในขณะที่เรายืนรอกลุ่มเพื่อน ๆ ชาวประมง เราได้แต่ยืนแอบมองไปยังคู่บ่าว สาว ที่ต้องคอยต้อนรับแขกเหรื่อ ที่ทยอยกันเข้ามายังงานเลี้ยงฉลอง บ่อยครั้งที่เราต้องหลบสายตาที่ตุ่นเองคอยมองมายังเรา เราสังเกตว่าตุ่นจะมองมาที่เราบ่อยครั้ง น้ำตาของเราเริ่มที่จะเอ่อ เราพยายามที่จะหลบสายตาจากทุกคน เงยหน้าของเราให้สูงเพื่อกันไม่ให้น้ำตาที่เอ่อนองดวงตาของเรามันไหลออกมาได้ เราต้องพยายามเป็นอย่างหนักเพื่อไม่ให้น้ำตาสักหยดไหลออกมา
   “เก่ง ไม่เข้าไปนั่งก่อนเหรอ” ตุ่นพูดในขณะที่เดินมาหาเรา
   “ตุ่นกลับไปต้อนรับแขกเถอะ” เราพูดสั้น ๆ แต่ยังคงหลบสายตาของตุ่น ไม่ให้ตุ่นเห็นน้ำตาของเราที่เอ่อมาอย่างท่วมท้น
   “ไม่มีแขกมา ตุ่นยืนเป็นเพื่อนเก่งดีกว่า” ตุ่นพูด พร้อมกับเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ เรา เราไม่ได้หันหน้าไปมองหน้าตุ่นในตอนนั้น
   “ตุ่นกลับไปยืนกับเจ้าสาวเถอะ” เราไล่ให้ตุ่นไปยืนคู่เจ้าสาวของเขา ที่ที่เหมาะที่เขาควรจะยืนในตอนนั้น
   “เดี๋ยวค่อยไป จะมาไล่ตุ่นทำไมเนี่ย” ตุ่นพูด
   “พี่ตุ่น มานี่หน่อยค่ะ” เจ้าสาวของตุ่นเรียกตุ่นเมื่อมีแขกอีกกลุ่มก้าวเข้ามา
   “เดี๋ยวตุ่นมาใหม่นะ” ตุ่นพูด
   “ไม่ต้องหรอก เก่งยืนคนเดียวได้” เราพูด แต่ท้ายที่สุดตุ่นจะคอยวิ่งสลับไปมาระหว่างระหว่างยืนคู่กับเจ้าสาว และมายืนอยู่กับเรา
   เมื่อเพื่อน ๆ มาถึง เราใจชื้นขึ้นมาหน่อย เพื่อน ๆ เข้ามาทักทายเรา หลังจากที่ทักทายบ่าวสาวและถ่ายรูปกันเสร็จ หลายคนเรียกเราไปถ่ายรูปด้วย แต่เราได้แต่ปฏิเสธ
   “มึงมันเลวไอ้ตุ่น มึงทำอย่างนี้ได้ยังไง” โตพูดขึ้นมาในตอนที่ตุ่นเดินเข้ามาหาพวกเราที่ยืนกันอยู่
   “พูดอะไรนะโต” เราพูด
   “มึงนะ ทำให้เก่งต้องร้องไห้ได้ตลอดละ มึงมันบ้า” สมเกียรติเพื่อนอีกคนพูดขึ้น
   “พูดอะไรกันเนี่ย ถ้ายังพูดอีกเดี๋ยวเก่งจะกลับเลยนะ” เราพูดเพื่อขัดเพื่อน ๆ ในขณะที่ตุ่นได้แต่เพียงยืนเงียบ เราไม่รู้ว่าตุ่นกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงเราจะเสียใจ เราจะร้องไห้สักกี่ครั้ง เราก็ไม่อยากให้เพื่อน ๆ ไปต่อว่าตุ่น
   “พวกเราเข้าไปนั่งกันเถอะ เก่งยืนรอตั้งนานออกจะเมื่อยแล้วละ” เราพูดพร้อมกับลากมือเพื่อน ๆ เข้าไปหาโต๊ะนั่งกัน
   พิธีการต่าง ๆ ดำเนินไปเรื่อย ๆ เจ้าสาวเจ้าบ่าวอยู่บนเวที อาหารถูกเสิร์ฟออกมาตามลำดับ เราและเพื่อน ๆ ต่างดื่มกินกัน โดยเฉพาะเราได้แต่เพียงดื่มเหล้าโดยส่วนใหญ่
   “อ้าวทุกคน มาถึงกันนานแล้วยัง” สมคิดเพื่อนและเจ้านายของตุ่นที่มาถึงหลังเพื่อน ๆ เอ่ยทักทาย
   “มาทำไมป่านนี้ละ” สมเกียรติพูด
   “ก็มัวแต่รอ ว่าที่เจ้าสาวคนต่อไปอยู่นะสิ” สมคิดชี้ไปยังแฟนสาวของตัวเอง
   “อ้าว เก่ง มาด้วยเหรอ แล้วทำใจมาได้ยังไงกันเนี่ย” สมคิดพูด
   “พูดไรกัน” เราเลี่ยงคำตอบ
   “เก่งนี่เก่งจริง ๆ ถ้าเป็นเรา เราคงจะได้มาร้องไห้ที่งานเป็นแน่” สมคิดพูด
   เรายังคงทำสีหน้าให้สดใสเป็นส่วนหนึ่งของงานที่ทุกคนควรจะสดใส และมีความสุข แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าในใจของเรานั้นกำลังร้องไห้อยู่อย่างหนัก ถ้าน้ำตามันจะสามารถไหลออกมาจากหัวใจของเราได้ เราว่าน้ำตาคงท่วมหัวใจของเราแล้วในตอนนั้น จนเมื่อเจ้าบ่าว เจ้าสาวลงจากเวทีเพื่อเดินขอบคุณแขกเหรื่อไปตามโต๊ะต่าง ๆ เรารู้สึกว่าเราเริ่มกระสับกระส่าย ในใจมันร้อนรน เราไม่รู้ว่าเราจะสามารถทนไม่ให้น้ำตาของเราไหลออกมาได้อีกรึเปล่าเมื่อตุ่นและเจ้าสาวของเขาก้าวมาถึงที่โต๊ะของพวกเรา
   “ทุกคนเก่งกลับก่อนนะ” เราพูดบอกเพื่อน ๆ
   “กลับได้ไงกันละเก่ง ยังไม่เมากันเลย” สมคิดพูดขึ้น
   “เก่งต้องกลับแล้วละครับ” เราตอบไปโดยที่ไม่ได้ให้เหตุผล
   “ไม่รอตุ่นมันก่อนเหรอเก่ง” สมเกียรติพูดขึ้นบ้าง
   “ฝากบอกตุ่นด้วยแล้วกันว่าเก่งกลับแล้ว” เราตอบ
   “ให้เก่งมันกลับเถอะ ถ้าเป็นผม ผมไม่มาหรอก นี่เก่งมันเก่งขนาดไหนที่มันกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ตั้งนานนะ” โตพูดเหมือนกับเข้าใจความรู้สึกเราเป็นอย่างดี
   ตุ่นและเจ้าสาวของเขาเดินเข้ามาใกล้โต๊ะของพวกเราเต็มที่ เห็นดังนั้น เราจึงรีบลุกเดินออกไปจากงาน โดยที่ไม่ได้เหลียวหลังกลับมามอง ว่าตุ่นจะเห็นเรารึเปล่า
   เป็นอีกครั้งที่เราขับมอเตอร์ไซค์ไปพร้อม ๆ กับน้ำตาที่ไหลออกมา เราขับรถไปถึงบ้านของแอ๋วที่มีกลุ่มเพื่อน ๆ ของเรารอเราอยู่ที่นั่น ทุกคนไม่พูดจาอะไรกับเรา ทุกคนทำเหมือนกับไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ไม่ไต่ถามอะไรทั้งสิ้น
   “พร้อมกันแล้ว พวกเราก็ไปสนุกกันเถอะ” พี่ลิคเพื่อนของเราพูดขึ้น พวกเราทุกคนพากันออกไปเที่ยวที่ผับแห่งหนึ่ง คืนนั้นเราไม่ได้เมามากนัก เพราะเรารู้ดีว่าต่อให้เราเมาหลับไป ตื่นขึ้นมาความจริงก็ยังคงเป็นความจริง ตุ่นแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว เราจึงไม่ได้ยึดเอาเหล้าเป็นที่พึ่งของเรา
   หลังจากวันนั้นเราแทบจะไม่ได้ติดต่อไปหาตุ่นเลย ตุ่นเองก็คงจะยุ่งเกี่ยวกับการขอบคุณแขกเหรื่อ ญาติมิตรของเขา เรากับตุ่นจึงห่างกันอีกครั้งในตอนนั้น จนเราได้ข่าวว่าตุ่นกลับไปทำงานเหมือนเดิม และเป็นที่แน่นอนว่าภรรยาของเขาต้องไปกับเขาด้วย เราและตุ่นห่างหายกันไปอีกครั้ง นับเป็นช่วงเวลาหลายเดือนที่ไม่ได้มีการติดต่อกันเลย เรายังคงอาศัยเพื่อนและงานของเราเพื่อให้เราได้ลืมคิดถึงเรื่องราวของเราและตุ่นได้ แต่ถ้าให้เราถามตัวเราเองว่า ถึงตอนนี้แล้วเรารู้สึกเกลียดหรือโกรธตุ่นสักเพียงนิดหรือไม่นั่น คำตอบของเราเราตอบออกมาได้อย่างทันทีว่าเราไม่เคยคิดแบบนั้นเลย เรายังคงรักตุ่นเสมอมา เพียงแต่ว่าเรารับรู้ได้แล้วว่าเราเองไม่มีทางที่จะสมหวังได้  เพราะฉะนั้นการที่เราจะยินดีกับคนที่เรารักที่เขาได้เลือกทางเดินของเขาไปแล้วนั้น ทางเดินที่เขาเห็นว่าดี เราทำได้เพียงแค่นั้นจริง ๆ
   หกเดือนผ่านไป เราคิดถึงตุ่นน้อยลง เราไม่มีน้ำตาแล้วตลอดเวลาหกเดือนที่ผ่านมา เราพร้อมที่จะยิ้มสู้กับชีวิตของเรา เพราะเรารู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เราจะไปโทษตุ่น โทษโชคชะตาของเราไม่ได้เลย ในเมื่อเรายินดีที่จะเลือกมันมาเอง แต่แล้วชีวิตของเราที่กลับมาเป็นปกติสุขนั้น กลับไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดไว้ เมื่อในตอนเย็นของวันหนึ่งเราได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของเสียงที่เราคุ้นเคยนัก
   “เก่ง วันนี้ว่างไหม ไปกินข้าวกัน” เสียงตุ่นพูดมาทางโทรศัพท์
   “เก่งยังไม่แน่ใจนะ ขอดูก่อน” เราตอบออกไปเพราะไม่กล้าที่จะไปพบตุ่น การพบกับตุ่นนั้นมันไม่ยากเย็นอะไรสำหรับเราเลย ถึงแม้เราจะต้องเสียน้ำตามามากมายสำหรับเขา แต่เราก็ยังพร้อมที่จะพบเขาอยู่ดี แต่ในเมื่อคิดว่าการไปเจอตุ่นในครั้งนี้ จะไม่ได้เจอเพียงตุ่นแต่เราต้องเจอกับภรรยาของเขาด้วยนั้น เราทำใจไม่ได้เลยจริง ๆ
   “เก่งมาให้ได้นะ ตุ่นจะรอ” ตุ่นพูดย้ำก่อนที่จะวางสายไป
   และแล้วก็เหมือนทุกครั้ง เราไม่เคยปฏิเสธตุ่นได้เลย พลบค่ำในวันนั้นเราจึงไปหาตุ่นที่ร้านอาหารที่ตุ่นได้บอกเอาไว้ เราไปถึงก่อนตุ่นแค่เพียงไม่กี่วินาที เราจอดรถมอเตอร์ไซค์ของเราเสร็จเราจึงเห็นตุ่นขี่มอเตอร์ไซค์ของเขาเข้ามาจอดที่หน้าร้าน เราเลยเดินเข้าไปหาเขา
   “เป็นไงบ้าง” ตุ่นกล่าวทักทายด้วยการเอามือมาขยี้ผมของเรา มันเป็นสัมผัสที่เราเคยได้รับในตอนที่เรียนด้วยกัน สัมผัสที่เราเคยมีความสุขมาตลอดทุกครั้งที่ได้รับ แต่ครั้งนี้เรารู้สึกเหมือนเราโดนมีดบาดไปที่หัวใจของเรา เราเจ็บแปล๊บอยู่ในอก
   “อ้าว มาคนเดียวเหรอ” เราถามเมื่อเห็นตุ่นมาแค่เพียงลำพัง
   “เข้าไปหาที่นั่งกันก่อนเถอะ” ตุ่นพูดพร้อมกับเดินนำเราเข้าไปเลือกนั่งโต๊ะที่เขาพอใจ
   “สั่งอะไรมากินกันดี สั่งเบียร์ก่อนเลยแล้วกัน” ตุ่นพูดในขณะที่เรานั่งลงฝั่งตรงกันข้ามกับเขา
   “แล้วน้องเขาไม่มาด้วยเหรอ” เราถาม
   “เก่งจะกินอะไรสั่งได้เลย เดี๋ยววันนี้ตุ่นเลี้ยงเอง” ตุ่นพูด แต่มันกลับไม่ใช่คำตอบจากคำถามที่เราถามไป เราเห็นว่าตุ่นเลี่ยงที่จะไม่ตอบเราก็เลยไม่ถามอีก จนเบียร์และอาหารที่สั่งถูกบริกรนำมาวางไว้บนโต๊ะ เราลงมือกินส่วนตุ่นนั้นก็ลงมือดื่ม เราทั้งสองดื่มกินและพูดคุยกันพักใหญ่ เราทนไม่ได้ที่จะไม่ได้คำตอบ เราจึงได้ถามตุ่นไปอีกครั้ง
   “น้องตาไม่มาด้วยเหรอ” เราถามในขณะที่กำลังยกเบียร์เข้าปาก
   “ไม่มาแล้วละ” ตุ่นตอบสั้น ๆ
   “ทำไม ทำไมถึงพูดแบบนั้นละ” เราย้อนถามกลับไป เราวางมือจากแก้วเบียร์และทุกอย่าง เรารู้สึกว่าตัวของเราเริ่มเย็น มือของเราเริ่มเย็น เพราะคิดว่าคำตอบที่ตุ่นจะตอบ คงจะไม่ใช่คำตอบที่ดีนัก
   “เลิกกันแล้วละ” ตุ่นตอบ
   “อะไรกันแต่งกันได้ไม่นานเองนะ” เราพูด
   “ก็ไม่รู้จะอยู่กันไปทำไม ในเมื่อทะเลาะกันทุกวัน” ตุ่นพูดเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเลิกกันออกมา
   “คิดดีแล้วเหรอ” เราถาม
   “คิดดีแล้วน่า นี่ชวนออกมากินข้าวนะ ไม่ได้ชวนมาให้สัมภาษณ์” ตุ่นพูด
   “งั้นก็ไม่ถามแล้วก็ได้” เราตอบ
   “ขอเพลงให้ฟังหน่อยสิ” ตุ่นพูดออกมาพร้อมกับบอกชื่อเพลงที่อยากจะฟัง เราสังเกตดูมันไม่ใช่เพลงที่คนอกหักเขาฟังกัน แต่มันกลับเป็นเพลงเก่า ๆ เพลงที่ดังสมัยที่พวกเราเรียนกันอยู่ด้วยกันต่างหาก
   ตุ่นออกจากงาน มาอยู่ที่บ้านที่หาดใหญ่ ทำให้เราและตุ่นไปมาหาสู่กันอีกครั้ง บ่อยครั้งที่ออกไปกินข้าวด้วยกัน บ่อยครั้งที่เราต้องขนเอาซีดีเพลง ซีดีหนังของเราไปให้ตุ่นยืม และทุกครั้งตุ่นจะเลี้ยงข้าวเราเป็นการตอบแทน
   “เฮ้ย เก่ง แกจะกลับไปหามันอีกเหรอ” แอ๋ว เพื่อนของเราคัดค้านเมื่อรู้ข่าว
   “ไม่ได้กลับไปหาแบบนั้น ก็ให้กำลังใจเขานะ” เราตอบ
   “แกให้กำลังใจเขาแต่แกต้องกลับมานั่งร้องไห้อีกนะเหรอ” กิ่งพูดบ้าง
   “พวกแกจะไปขัดใจเก่งมันทำไม ให้มันทำที่มันอยากจะทำเถอะ” ยาเพื่อนที่เข้าใจเราเอ่ยออกมา
   ในที่สุดบรรดาเพื่อนก็คือเพื่อน เมื่อเห็นเรามีความสุขกับอะไร ก็เลยไม่มีใครคัดค้าน อีกทั้งยังบอกให้เราชวนตุ่นออกมาเที่ยวด้วยกันในคืนที่กลุ่มของพวกเราไปเที่ยว และตุ่นเองก็ไม่ปฏิเสธ ออกมาเที่ยวกับกลุ่มพวกเราและถือเป็นครั้งแรกที่กลุ่มเพื่อนของเราได้รู้จักกับตุ่นอย่างเป็นทางการ
   ทุกครั้งที่ออกมาเที่ยวกัน เราจะเป็นคนที่นั่งติดกับตุ่นเสมอ และทุกครั้งที่ดื่มเหล้ากัน เราจะสามารถเอามือของเราไปวางไว้บนหน้าขาของตุ่นได้อย่างที่ไม่ขัดเขิน ตุ่นเองก็ไม่เคยที่จะว่ากล่าวอะไรหรือแม้จะเอาขาของเขาออกไป กลับปล่อยให้เราวางมือไว้อย่างนั้น มันทำให้เรามีความสุขอีกครั้ง ถึงแม้ว่าสุขในครั้งนี้นั้นเราจะไม่ได้หวังอะไรจากตุ่น แต่แค่การได้พบ ได้พูดคุย แค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว
   “จะกลับไปเฉย ๆ เลยเหรอ” เราพูดกับตุ่นเมื่อค่ำคืนของการออกเที่ยวจบลง ตุ่นเดินย้อนกลับมาหาเราพร้อมกับเอามือขยี้ผมเราเหมือนที่เคยทำเมื่อครั้งก่อน ๆ
   “กลับแล้ว เก่งกลับดี ๆ ละ และก็เป็นที่รักของทุก ๆ คนนะ” ตุ่นพูดทิ้งทายก่อนจากไป
   ไม่เพียงแค่ตุ่นจะมาเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน ๆ ของเรา ตุ่นกลับชวนเราออกไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน ๆ ของเราเช่นกัน โดยที่ทุกครั้งเราจะไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนัก แค่รับรู้ว่าจะออกไปเที่ยวด้วยกัน แต่คราวนี้ตุ่นให้เราเอารถเราไปจอดที่บ้านที่เป็นร้านน้ำชาของเขา และให้เราซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เขาไปแทน เมื่อเราไปพบกับเพื่อน ๆ ของตุ่น ที่เราดูแล้วแต่ละคนจะอายุมากกว่าเรา เราจึงทักทายด้วยการยกมือไหว้
   “ไหนมึงบอกมึงจะพาเด็กมึงมาไงละไอ้ตุ่น” พี่คนนึงพูดขึ้น
   “ก็นี่ไงเด็กผม” ตุ่นพูดพร้อมทั้งชี้มาที่เรา พี่ ๆ เหล่านั้นต่างทำสีหน้างุนงง เพราะคำว่าเด็กน่าจะหมายถึงแฟน หรือคนที่กำลังคบกัน ซึ่งถ้าเป็นแฟนของตุ่นก็น่าจะเป็นผู้หญิง แต่กลับกลายเป็นเราแทน ตุ่นเห็นหลายคนมีสีหน้างุนงง จึงได้อฺธิบายให้ทุกคนได้ฟัง
   “ก็เก่งมันอายุน้อยกว่าผมหนึ่งปี เพราะฉะนั้นมันถึงเด็กกว่าผม ก็นี่ไงผมพาเด็กมาเที่ยวด้วย” ตุ่นพูดพร้อมกับดึงเราเข้าไปกอดไหล่
   “เออ ตามใจมึงแล้วกัน ไอ้บ้า” พี่คนเดิมพูด
   และแล้วเรา ตุ่นและบรรดาเพื่อน ๆ ของเขาก็พากันเดินเข้าไปในร้าน โดยหลังจากที่เลือกโต๊ะได้แล้ว เพื่อนของตุ่นทั้งสามคนนั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน เราและตุ่นนั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน เหมือนทุกครั้งที่ตุ่นดื่มเหล้า เขามักจะชอบนั่งยกเท้า ชันเข่าขึ้นมา เราจึงได้โอกาส นั่งจับหลังเท้าของเขาเล่นทั่งคืน โดยที่ตุ่นก็ไม่ขัดแต่อย่างใด และก็เหมือนเดิม ตุ่นให้เราขอเพลงเดิม ๆ ที่เคยให้เราขอให้ทุกครั้งที่ไปนั่งกินอาหารหรือดื่มด้วยกัน เป็นเพลงดังสมัยที่เรายังเรียนอยู่ด้วยกัน
   เรากลับมาใกล้ชิดกับตุ่นอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่หลายคนบอกว่าเราควรจะเจ็บ และจำ แต่ใจของเรามันกลับตอบมาสวนทางเสมอว่า ถึงแม้จะเจ็บสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเราได้อยู่ใกล้ ได้ใกล้ชิดกับเขา หัวใจเราก็จะยอม เรารู้ดีว่าเราไม่สามารถหวังให้ตุ่นมารักเรา แต่กับการที่เป็นอยู่ หัวใจของเราพองโต ความสุขของเราล้นปรี่ เราจึงยอม ยอมอีกครั้งถึงแม้ว่าหลังจากนี้เราอาจจะต้องเสียน้ำตาอีก เราอาจจะต้องเจ็บอีกครั้ง แต่เราก็ยังยอม ขอให้เราได้อยู่ใกล้ ๆ เขา ขอให้เราได้เห็นใบหน้า ดวงตา และรอยยิ้มของเขา เราก็พอใจแล้ว สิ่งเหล้านี้ล่วนเป็นสิ่งที่เราเฝ้ารอคอยจากคนคนนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
รัก เจ็บ รอ และน้ำตา อันนี้สำหรับเก่งนะ ไอ้ตัวตุ่นเอ้ยสงสัยมันจะสมชื่อมันแล้วล่ะนะ
เก่งตัดใจเหอะว่ะ เราชักจะรำคาญไอ้ตุ่นมันแล้วนิ

mecon

  • บุคคลทั่วไป
ดูเหมือนลมจะพัดหวนคือ แต่กลัวลมจะโกหกหนะสิ
คนที่เคยได้อะไรๆหลายๆสิ่งหลายๆอย่างจากเราแล้วพอวันนึงเราห่างหาย
อยู่ในที่ๆเราควรอยู่ คนๆนั้นมันก็กลับโหยหาอยากเข้ามาใกล้ชิดเราเหมือนเดิมอีกครั้ง
 :z3: :z3: คนหนอคน ช่างเห็นแต่ตัวยิ่งนัก

เก่ง   เก่งนะที่มา่งานแต่งคนที่ตัวเองรักได้ทั้งๆที่การปฏิบัติตัวของเค้ายังคงเหมือนเดิม
ยิ่งทำยิ่งปวดใจแล้วไหนจะบรรดาปากเพื่อนๆอีกล่ะ แต่ละคนที่พ่นมาฆ่ากันให้ตายเลยดีกว่า

แต่พอเวลาผ่านไป ครึ่งปีเชียวนะ ก็กลับมาเป็นแบบเก่า คราวนี้จะน้ำลมร้อนๆอะไรมาให้
คนๆนี้ช้ำใจอีกนะ ความสุขจะอยู่ได้นานแค่ไหนนะ
 o13 o13

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16

เพราะรัก..จึงยอม


คำนี้..คำเดียว




สุขอยู่ที่เขา

เศร้าอยู่ที่เรา

สุขเศร้าคละเคล้า

ตัวเราเลือกเอง



 :L2: ขอบคุณครับ..เก่ง

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เก่งจะเล่นกับไฟอีกหรือเปล่า ไม่อยากเห็นเก่งร้องไห้อีกรอบเลย  :monkeysad:

subaru

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ค่ะ ....ก็คนมันรักนี่เนอะ .... :L2::รักจริง เจ็บจริง  o13

duckhero

  • บุคคลทั่วไป
เหลืออีกสองตอนก็จะจบแล้วครับ
ใครที่เป็นกำลังใจให้เก่งอยู่
ฝากด้วยนะครับ ติดตามกันจนจบนะครับ
ขอบคุณครับ

4life

  • บุคคลทั่วไป
อย่าให้เก่งเศร้าเลยนะๆๆๆ
  :m15: :m15:

subaru

  • บุคคลทั่วไป
มารอดูบทสรุป อย่าเศร้าเลยนะสงสารเก่ง  :monkeysad:

ออฟไลน์ evilheart

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-3
ดูเหมือนตุ่นจะสับสนในตัวเองนะ
เหมือนจะรักเก่ง แต่คบคนอื่นเพื่อปิดบังความต้องการแท้จริง
สุดท้ายแล้วก้อต้องกลับมาหาเก่งเสมอ
นี่แหละนะความรัก
สำหรับเก่ง ขอแค่ได้รัก ได้อยู่ใกล้ ก้อเพียงพอแล้ว
ไม่เคยต้องการครอบครอง ไม่เรียกร้อง
นับถือเก่งอ่ะ ทำได้ไง เก่งสมชื่อจริงๆ
เป็นกำลังใจให้นะ สู้สู้

 o13 o13 o13 o13 o13 o13

duckhero

  • บุคคลทั่วไป
เต็มใจพูด เต็มใจฟัง

   เราและตุ่นกลับมาสนิทและใกล้ชิดกันอีกครั้ง ไปกินข้าวด้วยกัน ไปดื่มด้วยกัน หรือแม้แต่กระทั่งเรามักจะขนเอาซีดีหนังและซีดีเพลงของเราไปให้ตุ่นได้หยิบยืม  การที่ต้องไปนั่งทานข้าวหรือไปนั่งดื่มด้วยกัน เราทั้งสองคนมักจะเป็นเป้าสายตาของโต๊ะอื่น ๆ เพราะว่าหลายคนน่าจะมองท่าทีของเราออก ว่าเราคงจะไม่ได้ไปเพราะเป็นเพียงแค่เพื่อนกับตุ่น เพราะถึงแม้เราจะไม่ได้เป็นเกย์ที่แสดงออกมากมายนัก แต่เมื่อมีตุ่นเป็นตัวเปรียบเทียบแล้วนั้น เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะรู้ในทันทีที่เห็นว่าเรานั้นเป็นเกย์ ประกอบกับการหยอกล้อของตุ่นที่คอยหยอกล้อเรานั้น มันผิดวิสัยที่เพื่อนหรือผู้ชายสองคนจะทำกัน อย่างเช่น ขยี้ผม กอด หรือแม้แต่จะนั่งมองตา ซึ่งโดยเฉพาะเราจะเป็นคนที่มองตาตุ่นซะมากกว่า
   หลังจากที่เราได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ของตุ่นแล้ว มีครั้งหนึ่งที่ตุ่นไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนของเรา โดยที่วันนั้นเราไม่ได้ตั้งใจที่จะชวนตุ่น แต่เราต้องเอาซีดีหนังไปให้ตุ่น โดยที่เราไปในขณะที่เราแต่งตัวพร้อมสำหรับไปเที่ยว ซึ่งตุ่นก็คงจะดูออกว่าการแต่งตัวของเราคงจะไม่ใช่สำหรับเอาซีดีหนังมาให้เขาแค่นั้น
   “ไปเที่ยวต่อเหรอ” ตุ่นเอ่ยถาม
   “ใช่ เก่งนัดเพื่อน ๆ ไว้แล้ว” เราตอบ
   “ไปที่ไหนละ” ตุ่นถาม
   “ไปด้วยกันไหม” เราชวนตุ่นหลังจากที่เราบอกจุดหมายที่เรานัดกับเพื่อนเอาไว้
   “ไม่ไปละ นั่งกินเหล้าที่บ้านดีกว่า” ตุ่นตอบ
   “โอเค งั้นเก่งไปนะ ไว้เจอกัน” เราพูดก่อนที่จะจากไป
   หลังจากที่กลับจากบ้านตุ่น เราขับรถมอเตอร์ไซค์ของเรามุ่งตรงไปยังบ้านของแอ๋ว ซึ่งเป็นจุดนัดหมายของกลุ่มเพื่อนของเรา เรารวมกลุ่มกันที่นั่นเพื่อที่จะขึ้นรถของพี่ลิคกันไปแค่เพียงคันเดียว โดยเป้าหมายแรกของพวกเรานั้นคือไปหาอาหารค่ำกินกันก่อน เมื่ออิ่มหนำสำราญกันแล้ว เป้าหมายต่อไปของพวกเราจะเป็นร้านน้ำชา ซึ่งจะไม่เป็นอะไรที่ทานหนักกันแล้ว เพราะต่างคนต่างอิ่ม แค่ไปนั่งดื่มน้ำชา ชาเย็น ชามะนาว กาแฟ แล้วแต่ใครจะสั่ง ไปนั่งฟังเพลงเพื่อฆ่าเวลาในการไปสนุกกันต่อที่เป้าหมายอันเป็นเป้าหมายหลัก หลังจากเวลาล่วงเลยสี่ทุ่มไปแล้ว พวกเราจึงยกขบวนย้ายจากร้านน้ำชา มุ่งไปสู่ร้านเป้าหมายของเรา เมื่อเราและเพื่อน ๆ เข้าไปถึงที่ร้าน สิ่งที่เราเห็นคือตุ่นและกลุ่มเพื่อน ๆ ของเขาได้นั่งกันอยู่ก่อนแล้วและนั่งโต๊ะที่ติดกับโต๊ะของพวกเราที่ได้จองเอาไว้ก่อนแล้ว
   “อ้าวมาได้ไง ไหนบอกว่าไม่มา” เราทักทายตุ่นหลังจากที่นั่งลงที่โต๊ะของพวกเรา โดยที่พรรคพวกของเราแอบแซวเราเล็กน้อย
   “ก็ตั้งแต่เก่งออกมาจากที่บ้าน ตุ่นก็โทรไปชวนเพื่อน ๆ มานี่แหละ” ตุ่นตอบ
   “แล้วไหนบอกว่าจะไม่มาไงละ” เราย้อนถาม
   “ถ้าบอกว่ามาแล้วจะเซอร์ไพรส์ไหมละ” ตุ่นตอบเราแบบยิ้ม ๆ
   “แล้วมานั่งโต๊ะใกล้กับที่เก่งจองไว้ได้ไงเนี่ย” เราถามตุ่น
   “ก็บุพเพอาละวาทมั้ง” ตุ่นตอบ
   “เอาแค่บุพเพได้เปล่า ไม่ชอบอาละวาท” เราตอบ
   หลังจากนั้นเราจึงต้องนั่งดื่มแบบหันไปหันมา ระหว่างโต๊ะของพวกเราและโต๊ะของตุ่น ถ้าหากเราหันมาพูดคุยกับเพื่อน ๆ นานนัก ตุ่นก็จะสะกิดเพื่อขอชนแก้วกับเรา เราจึงต้องหันไปที่โต๊ะของเขาและนั่งดื่มกับเขา ดนตรีในวันนั้นเล่นโดยที่เริ่มด้วยเพลงช้าสลับกับเพลงตามคำขอ แต่เมื่อถึงช่วงของเพลงเร็วเพื่อน ๆ เราต่างลุกขึ้นเต้นกันอย่างถ้วนหน้า จะมีก็เพียงแต่เราที่นั่งคุยกับตุ่นต่อไป
   “เฮ้ย เก่งมาเต้นกัน” กิ่งเอ่ยชวน
   “เดี๋ยวก่อน” เราตอบปฏิเสธ
   “ไปเต้นสิ” ตุ่นพูด
   “ยังไม่พร้อม รอก่อน” เราตอบ
   “เมื่อก่อนไม่เห็นต้องรออะไรเลยนี่” ตุ่นพูด
   “ก็เดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนนี่” เราตอบ
   “แก่แล้วละสิ” ตุ่นพูด
   “ถ้าเก่งแก่ตุ่นก็แก่กว่าละ” เราตอบย้อนกลับไป และโดนตุ่นตบเบา ๆ บนหัวหนึ่งครั้ง
   “นี่แนะ ยอกย้อน” ตุ่นพูด
   หลังจากที่เพลงเร็วเล่นไปได้สักระยะเวลาหนึ่ง เราจึงบอกตุ่นว่าเราจะไปเต้นกับเพื่อน ๆ ตุ่นเองบอกให้เราไปสนุกกับเพื่อน โดยที่พูดต่อไปว่าเขาจะนั่งดื่มรออยู่ตรงที่เขานั่งอยู่ เราปลีกตัวไปจากเขาไปร่วมสนุกกับเพื่อน ๆ จนผ่านไปหลายเพลง เราเต้นสลับกับแวะไปนั่งดื่มกับตุ่น แต่จะนั่งไม่นานนัก จะออกไปเต้นกับเพื่อนซะส่วนใหญ่ และแล้วในขณะที่เราเต้นอยู่นั้น มีผู้ชายคนหนึ่งเดินผ่านเราไปแล้วเขาก็หยุดชะงักเดินถอยกลับมาหาเรา มายืนประจันหน้ากับเรา เราเองรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะมองดูใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาแล้วนั้น เราไม่คุ้นว่าเป็นคนที่เราเคยรู้จัก
   “ขอเต้นด้วยคนได้ไหมครับ” ผู้ชายคนนั้นเอ่ยขึ้น
   “ตามสบายเลยครับ” เราตอบ เขายืนเต้นอยู่ตรงหน้าเรา โดยที่มีเพื่อน ๆ ของเราโห่เบา ๆ เป็นการแซวเรา ในตอนนั้นเราตื่นเต้นมาก ที่ตื่นเต้นไม่ใช่เพราะว่ามีผู้ชายมาเต้นด้วย แต่ที่ตื่นเต้นเพราะเราเต้นอยู่กับผู้ชายที่เราไม่รู้จักต่อหน้าตุ่น ดังนั้นเมื่อเราเต้นไปได้สักพักเราจึงหันไปมองตุ่นที่นั่งอยู่ด้านหลังของเรา เราเห็นตุ่นกวักมือเรียกเรา
   “ขอตัวก่อนนะครับ” เราเอ่ยบอกชายหนุ่มคนนั้นและกำลังจะปลีกตัวไปหาตุ่น แต่แล้วผู้ชายคนนั้นกลับดึงมือของเราเอาไว้
   “จะรีบไปไหนละครับ เต้นด้วยกันก่อน” ผู้ชายคนนั้นพูดในขณะที่เต้นต่อไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ยอมปล่อยมือของเรา เราเห็นดังนั้นจึงเต้นกับเขาต่อไป แต่ก็ยังหันไปมองตุ่นไปด้วย ซึ่งเราเห็นตุ่นกวักมือเรียกเราอีกครั้ง แต่ทำยังไงเราก็ปลีกตัวออกไปไม่ได้ เพราะมือเรายังโดนจับเอาไว้โดยชายหนุ่มคนนั้น เราจึงเต้นกับเขาต่อไปอีกสักพัก เรารู้สึกว่ามีใครมาสะกิดที่ไหล่ของเราทางด้านหลัง เราหันไปดูจึงได้เห็นว่าตุ่นได้ลุกขึ้นมาจากที่นั่งของเขามายืนอยู่ชิดด้านหลังของเราแล้ว ตุ่นจับไหล่เราทั้งสองข้างพร้อมกับหมุนเอาตัวเราหันมาหาเขา มือของเราหลุดจากการจับเอาไว้ของหนุ่มลึกลับคนนั้นทันที
   “มาเต้นกับตุ่นนี่” ตุ่นพูด
   “เต้นเหรอ ตุ่นจะเต้นเหรอ” เราพูด
   “ทำไมละ” ตุ่นพูดสั้น ๆ
   “ก็ไม่เห็นจะเคยเต้นมาก่อน” เราพูด
   “ไม่เคยเต้นก็ใช่ว่าจะเต้นไม่เป็นนะ” ตุ่นตอบ
   และแล้วตุ่นก็เต้นกับเราได้ไม่นาน เขาก็กลับไปนั่งดื่มเหมือนเดิม ส่วนผู้ชายลึกลับที่เข้ามานั้น หายไปไม่ปรากฏเงาอีกเลย เรา ตุ่นและเพื่อน ๆ ของเราต่างสนุกไม่แพ้กัน จนถึงเวลาที่ต้องกลับ ตุ่นเดินมาส่งเราที่รถพี่ลิค โดยที่ไม่ลืมที่จะเอามือขยี้ผมเรา พร้อมทั้งบอกให้เราโชคดี ซึ่งเรียกเอาเสียงโห่จากเพื่อน ๆ เราได้อีกครั้ง
   หลังจากที่เรากลับมาสนิท ใกล้ชิดกับตุ่นอีกครั้ง เรายับยั้งใจของเราไม่ได้อีกแล้ว ยิ่งนานวันเข้าเรายิ่งอยากที่จะบอกความในใจของเขา ยิ่งหลายครั้งที่ได้พูดคุยกัน เราถามตุ่นบ่อยครั้งว่าเขาจะมีความรักใหม่อีกหรือไม่ เขาจะมีชีวิตครอบครัวใหม่อีกหรือเปล่า แต่คำตอบที่ได้รับมาจากตุ่น คือ ไม่ อยู่คนเดียวดีกว่า  ยิ่งทำให้เรามั่นใจที่เอ่ยปากบอกความในใจของเขา  ถึงแม้ว่าคำตอบที่เราจะได้รับนั้นจะเป็นคำปฏิเสธก็ตาม เราคิดว่าเราพร้อมแล้วสำหรับการรอคอยที่ผ่านมานานแสนนาน ถ้าเราไม่ได้บอกออกไป เราคงต้องอึดอัดตายแน่ ๆ ดังนั้นเมื่อเรารวบรวมเอาความกล้าของเราได้แล้ว เราจึงนัดกับตุ่นที่จะไปดื่มด้วยกันในค่ำคืนวันหนึ่ง เราบรรจงแต่งตัวในชุดที่คิดว่าตุ่นเห็นแล้วตุ่นจะต้องประทับใจ เราคิดทบทวนอยู่หลายครั้ง โดยที่ใจหนึ่งบอกเราให้เราคิดแค่เพียงว่าการเป็นอยู่ในทุกวันนี้ทำให้เรามีความสุขดีอยู่แล้ว แต่อีกใจหนึ่งบอกให้เราบอกความรู้สึกของเราไป เพราะเราอาจจะไม่มีโอกาสได้บอกหากเกิดอะไรขึ้น เมื่อเรามั่นใจแล้วว่าเราตัดสินใจถูกต้องแล้ว เราจึงได้ขี่มอเตอร์ไซค์คู่ชีพของเราไปยังจุดหมายที่ได้นัดกับตุ่นเอาไว้ เราคิดไว้ว่าถ้าความกล้าของเราไม่เต็มร้อย เราคงต้องพึ่งเอาฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เข้าช่วย เราขับรถไปได้ครึ่งทางทันใดนั้นเรารู้สึกหนาวจับขั้วหัวใจ ตัวสั่น มือไม้สั่น เราไม่สามารถขับรถมอเตอร์ไซค์ของเราอีกต่อไปได้ เราจึงแวะเอารถของเราเข้าไปจอดที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
   “พี่เกศ มารับเก่งหน่อย” เราพูดผ่านโทรศัพท์เมื่อปลายสายที่เราโทรหารับสาย
   “เป็นอะไรเหรอเก่ง” พี่เกศลูกพี่ลูกน้องที่พักอยู่ด้วยกันกับเราพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
   “ไม่รู้ เก่งรู้สึกหนาวมาก สั่นไปทั้งตัวแล้ว ขับรถไม่ไหวแล้ว” เราพูดไปด้วยน้ำเสียงสั่น เราพยายามบอกสถานที่ที่เรารอให้ลูกพี่ลูกน้องของเรามารับ เพื่อพาเราไปส่งโรงพยาบาล เรารู้สึกได้ว่าเป็นสิ่งผิดปกติที่ไม่ควรจะปล่อยเอาไว้ เมื่อพี่เกศมารับเราไปส่งที่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลแจ้งทันทีว่าต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการต่อไป เราไม่มีโอกาสได้ถามกับพยาบาลว่าเราป่วยเป็นอะไร ทำไมมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันนัก พยาบาลก็ได้ขอตัวออกไปจากห้องตรวจ พี่เกศโทรไปบอกแม่ของเรา แม่มาถึงโรงพยาบาลในคืนวันนั้น โดยที่ไม่รีรออะไร เรานอนอยู่บนเตียงในขณะที่แม่ของเรามาถึง
   “แม่มาแล้ว ไม่เป็นไรนะ แม่มาแล้ว” ประโยคแรกที่แม่พูดขึ้นเมื่อมาถึงเตียงที่เรานอนอยู่ โดยที่แม่ยกมือขึ้นลูบหัวเราเบา ๆ ไปด้วย เรายกมือขึ้นไหว้แม่
   “พ่อไม่มาเหรอแม่” เราถาม
   “พ่อไม่มาหรอกลูก แค่พ่อรู้ว่าเก่งเข้าโรงพยาบาลพ่อก็น้ำตาตกแล้วลูก” แม่บอก
   “ครับแม่ เก่งเข้าใจ” เราตอบแม่กลับไป
   เราจะดูเหมือนเป็นปกติดีทุกอย่างถ้าอาการไข้ไม่กำเริบขึ้นมา เราสามารถพูดคุยหรือทำอะไรต่อมิอะไรได้ทุกอย่าง แต่เมื่ออาการกำเริบขึ้นมา เราแทบจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เราจะเกิดอาการหนาวสั่น หนาวจากภายในร่างกาย หนาวจนปวดกระดูก สิ่งเดียวที่เราทำได้คือ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดอกของเราให้แน่นที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพียงเพื่อหวังว่าจะช่วยลดอาการหนาวนั้นได้ แต่แค่นั้นไม่สามารถที่จะทุเลาอาการหนาวสั่นของเราได้ เราหนาวสั่นจนเตียงที่นอนอยู่นั้นสั่นตามไปด้วย ในเมื่อเราช่วยเหลือตัวเราเองไม่ได้เลย หน้าที่นั้นจึงตกเป็นของหญิงชราที่ต้องมานั่งเฝ้าเราอยู่ข้างเตียง แม่เอาผ้าห่มที่ทางโรงพยาบาลให้มาห่มให้เรา แต่ผ้าแค่ผืนเดียวไม่สามารถช่วยอะไรเราได้เลย แม่จึงต้องเดินตรงไปหาเคาน์เตอร์ของพยาบาลเพื่อขอผ้าห่มมาห่มให้ลูกของแม่ที่กำลังหนาวสั่น แต่ผ้าห่มที่ได้มาแค่นั้นไม่สามารถที่จะช่วยเราได้เลย สิ่งที่แม่เราทำให้กับเรานั้นเป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิด เพราะแม่ซึ่งเป็นหญิงวัยชราที่ลำพังเดินเองก็แทบจะไม่ไหวแล้วนั้น แม่กลับค่อย ๆ ปีนขึ้นมาบนเตียงของเรา ขึ้นมานอนกกกอดเราเอาไว้เหมือนแม่ไก่กำลังกกไข่ แม่ขึ้นมานอนและกอดเราเอาไว้แน่น ปากก็คอยพูดปลอบเราตลอดเวลาว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร สิ่งที่แม่ทำนั้นอยู่ในสายตาของเราตลอด เรายังมีสติดี แต่เราไม่สามารถช่วยเหลือตัวเราได้แค่นั้นเอง และเมื่ออาการของเราดีขึ้น แม่จึงค่อย ๆ ปีนลงไปจากเตียงและนั่งเฝ้าดูอาการของเราอยู่ข้าง ๆ เตียงเหมือนเดิม แม่จะทำอย่างนี้ทุกครั้งที่อาการของเรากำเริบขึ้น สิ่งที่เราทำได้คือนอนร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของแม่ แม่คอยนั่งเฝ้าเราอยู่ไม่ห่าง แม้จะหลับแม่ก็ทำได้ดีที่สุดแค่การขดตัวหลับอยู่ใกล้ ๆ เตียงของเรา ไม่ได้นอนยืดตัวสบาย ๆ เหมือนอยู่บ้าน เรารู้สึกสงสารแม่จับใจ ทุกครั้งที่เรารู้สึกท้อ เรามักจะร้องไห้ออกมาเบา ๆ แต่เมื่อแม่เห็นแม่จะคอยเอามือของแม่มาจับมือของเราเอาไว้ มือที่หยาบกร้านเพราะต้องทำงานเลี้ยงลูก เลี้ยงครอบครัวมาทั้งชีวิต มือเหี่ยว ๆ ของหญิงชราที่ไม่เคยเจอโลชั่นบำรุงต่าง ๆ แต่มันกลับเป็นมือที่เราโหยหาที่สุดในตอนนั้น กำลังใจดี ๆ ได้มาจากมือคู่นี้นี่เอง ทุกครั้งที่เรามองดวงตาของแม่ ถึงแม้เราจะเห็นแววตาที่แข็งแกร่งของแม่ แต่เรารู้ดีว่าแม่กำลังเจ็บปวดไม่น้อย มันยิ่งทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก อีกอย่างที่แม่ทำให้เราต้องร้องไห้ออกมา นั่นคือทุกครั้งที่พยาบาลนำเอาอาหารมาส่ง แม่จะคอยป้อนให้เราเสมอ
   “อีกคำนะลูก” แม่คอยคะยั้นคะยอ
   “อีกคำนะ ไม่อยากกินก็ต้องกินนะ”
   “ไม่อยากจะเคี้ยวก็ต้องพยายามนะ ไม่กินข้าวเดี๋ยวจะไม่มีแรงนะ”
   “กินอีกคำนะลูก” เป็นประโยคที่แม่พูดทุกครั้งเมื่อป้อนข้าวให้กับเรา ตัวเราเองนั้นแทบไม่อยากที่จะกินข้าวด้วยเพราะพิษไข้ แต่เราเองก็ยังฝืนกินเข้าไปเพื่อเป็นกำลังใจให้กับแม่ที่คอยนั่งป้อนข้าวให้กับเรา
   เราต้องนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน โดยที่ทุกวันเราต้องนอนให้น้ำเกลือไปด้วยและทุก ๆ วันจะต้องมีการฉีดยาให้กับเราวันละสองเข็มเป็นอย่างน้อย ตั้งแต่วันเข้าโรงพยาบาลจนถึงวันออกโรงพยาบาลเราไม่สามารถนับได้ว่าต้องรับน้ำเกลือไปกี่ขวด โดนฉีดยาไปกี่เข็ม แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงเราไม่เคยรู้สึกท้อ เพราะทุกครั้งที่มองไปยังหญิงชราที่คอยนั่งสัปหงกอยู่ข้างเตียงของเราไม่เคยห่างหายไปไหน เรามีกำลังใจสู้ขึ้นมาก เพราะถ้าเราเองรู้สึกท้อ ไม่สู้ แล้วกำลังใจของแม่จะมีเหลือได้ยังไง
   ตลอดเวลาที่เราเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเราไม่รู้ว่าตุ่นโทรหาเราเพราะเราผิดนัดในวันนั้นหรือเปล่า เพราะว่าพี่สะใภ้ของเราที่มาเฝ้าเราพร้อมกับแม่ เอาซิมโทรศัพท์ของเขาที่แบตเตอร์รี่หมดมาใส่โทรศัพท์เราแทน แต่ในตอนนั้นเราเองไม่ได้คิดถึงตุ่นมากนักเพราะเรากำลังมีความสุขอยู่กับความรักของแม่ที่แม่ให้เราตลอดเวลาที่เราอยู่โรงพยาบาล ความรักที่ยิ่งใหญ่ของคนเป็นแม่ที่เราแทบจะไม่เคยได้คิดถึง ความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่ที่เราแทบจะไม่เคยเห็นค่า จนเมื่อเราต้องตกอยู่ในสภาพที่หมดหนทาง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เราจึงได้เห็นค่า
   จนอาการป่วยของเราดีขึ้น เรารู้จากหมอมาตลอดว่าที่เราป่วยนั้นเป็นเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด ก่อนวันที่เราจะออกจากโรงพยาบาล พยาบาลได้มาบอกให้เราไปพบคุณหมอที่ห้องทำงาน
   “ทำไมต้องไปพบคุณหมอก่อนละครับ” เราถามพยาบาลที่มาบอกให้เราไปพบหมอเจ้าของไข้ของเรา
   “เชิญเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณหมอจะเป็นคนบอกเองค่ะ” พยาบาลคนดังกล่าวพูด แต่เมื่อเราไปถึงห้องที่พยาบาลบอก กลับไม่ใช่หมอเจ้าของไข้ของเรา กลับกลายเป็นเราได้ไปพบกับจิตแพทย์แทน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เก่งจะเป็นอะไรมากไปกว่านี้หรือเปล่า  แล้วตุ่นอะ คนนอนโรงพยาบาลตั้งหลายวันไม่รู้เรื่องเลยเหรอ น่าผิดหวังจริงๆ
อีกอย่างอ่านตอนนี้แล้ว คิดถึงแม่จับใจเลย

subaru

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมต้องพบจิตแพทย์หละ ...รอตอนต่อๆไปหวังว่าเก่งคงไม่เป็นอะไรนะ เป็นกำลังใจให้จ้า...

duckhero

  • บุคคลทั่วไป
ใกล้จบแล้วครับ
บทสรุปของความรักของเก่ง
บทสรุปของชีวิตของเก่ง
เก่งและ duckhero มาขอกำลังใจครับ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ใกล้จบแล้วครับ
บทสรุปของความรักของเก่ง
บทสรุปของชีวิตของเก่ง
เก่งและ duckhero มาขอกำลังใจครับ

 :L2: :L2: :L2:

กำลังใจครับ
เก่ง และ duckhero


แอบมีความหวังในตอนจบ ว่า...
เรื่องราวที่ผ่านมาของคนสองคนตั้งแต่ต้นจนสุดท้าย
อย่างน้อย เก่งน่าจะได้รับคำตอบจากตุ่น
และจะไม่สนใจเลยว่า yes หรือ no
ขอแค่ชัดเจนในความรู้สึกที่มีต่อกัน

-- เท่านั้น..ก็พอ --

 :pig4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ลุ้นกับตอนจบน่าดูเลยว่าเรื่องจะจบในแนวไหน จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

เอาใจช่วยค่ะ  :L2:

wisa

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ StillLoveThem

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-10
...พึ่งเข้ามาอ่านก็จะจบซะแล้ว ไม่ว่าจะจบสวยไม่สวย เก่งก็ยังคงต้องดำเนินชีวิตให้ดีต่อไป
...จริงๆๆน่าเห็นใจทั้งสองคน ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก แต่ละคนมีเหตุผลของตัวเอง
...ตุ่น  รักเก่ง นะ แต่..แคร์สังคม แคร์คนรอบข้าง พยายามปกปิด ซ่อนเร้นความรู้สึกของตัวเอง
...พยายามจะทำให้เหมือนกับผู้ชายปกติตามมาตรฐานของสังคมที่ต้องรักผู้หญิง แต่งงานกับผู้หญิง
...จนลืมไปว่าจิตใจจริงๆๆต้องการอะไร...ทำให้ชีวิตรัก กับผู้หญิง ไม่สมหวังสักครั้ง
...เก่ง รักแท้ รักจริง มีความอดทนสูงมากๆ แต่มันก็ทำให้เก่งมีความสุข ที่ได้ทำ อย่างน้อยสุขก็น่าจะมากกว่าทุกข์
...สุดท้ายพี่ก็ไม่รู้ว่ารักครั้งนี้ของเก่งสมหวังหรือเปล่านะ แต่อยากบอกว่าอย่าเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำให้กับตุ่นในทุกๆๆเรื่อง
...+1เป็นกำลังใจให้ รออ่านตอนต่อๆไปอยู่นะ
:L2:

subaru

  • บุคคลทั่วไป

yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
เก่งหายแล้วสู้ๆนะ ไม่เข้าใจว่าทำมัยต้องให้เก่งไปพบจิตแพทย์ด้วยเราว่าอย่างนี้มันต้องมีเรื่องร้ายๆหรือเปล่า อย่าเลยนะสงสารเก่งง่ะ

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
เพิ่งได้เข้ามาอ่านครับ ปรากฏว่าอ่านรวดเดียวจบ อยากบอกว่าชอบมากๆๆๆๆ ได้บวกให้แล้วครับ เฮ้อออออย่าจบเศร้าเลยนะครับมันบาดหัวใจ
ขอบคุณครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด