-- นั้นมันน้องกรู เพื่อนกรู --ทางเลือก และ มิตรภาพ 04/08/2557
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -- นั้นมันน้องกรู เพื่อนกรู --ทางเลือก และ มิตรภาพ 04/08/2557  (อ่าน 374467 ครั้ง)

ออฟไลน์ myall

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 525
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3

ออฟไลน์ ~NeMeSiS_PURE~

  • 행 복 하 길 바 래 ...
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2009
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +196/-2
รออยู่นะครับ เสียน้ำตากับตอนสุดท้ายย

ออฟไลน์ Cupcake

  • @--##-หนูน้ำตาล-##--@
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
อ่านทีไรก็เศร้าทุกที เป็นกำลังใจให้นะคะ

enhumto

  • บุคคลทั่วไป
 -กราบสัวดีทุกท่าน ที่ยังคงติดตามเรื่องไร้สาระของผมอยู่ ช่วงนี้เจออะไรหลายๆอย่าง เสร็จนี้ผมยังต้องไปช่วยแม่จัดการกับน้ำท่วม เป็นผู้ใหญ่นี้มันมีแต่เรื่องจริงๆนะครับ ไอ่คนข้างกายก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย ชีวิต 1 วันก็มีแต่กิน เกมส์ แล้วก็เที่ยว ไม่น่าเชื่อว่าเราจะอยู่กันมาเป็นปีๆแล้ว ผมยังอยู่และพยายามอยู่ให้ได้-




สายใย

“กลับห้องกับเหอะพี่โอมห์ ผมรู้แล้ว” ปลื้มเดินเข้ามาจับไหล่ผม ผมไม่ได้พูดอะไรถึงจะสมควรโกรธก็เถอะแต่ผมลืมมันไปหมดแล้ว
“ผมเห็นทุกอย่างแล้วพี่ ”
“เห็นอะไร”
“ก็ทุกอย่างที่พี่เห็นนั้นละครับ พี่โน้ตเขาขอให้ผมเอามาไว้ที่ห้อง”
“ปลื้มรู้”
“ครับ แต่ผมไม่เคยเปิดดู จนวันนี้ละครับ”
“กลับห้องกันนะครับพี่ เดี๋ยวเราไปพร้อมกัน บ้างที่มันอาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่พี่โน๊ตอยากจะรู้ก็ได้”






“เราเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดในห้องนั้นรึไงปลื้ม” ความสงสัยมันยังติดอยู่ในหัวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นดูกับมีใครบ้างคนคอยกำกับให้มันเดินไปตามเวลาที่สมควรจะเป็น
“เรื่องอะไร” คำตอบกลายเป็นประโยคคำถามอีกครั้ง
“ก็ทีวี เครื่องเสียง รอยเท้า แล้วก็กระดาษแผ่นนั้น”
“พี่บ้ารึเปล่าผมตามพี่มาทีหลัง เพราะผมมั่วแต่ไปตามหาพี่หอคนอื่น จนคิดว่าพี่จะมาที่นี้เป็นที่สุดท้าย แต่พอขึ้นลิทฟ์มาไม่ทันถึงผมก็ได้ยินเสียงเพลงดังลั่นชั้นแถมประตูห้องก็ไม่ได้ปิด” ปลื้มตอบด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง แววตาไม่ได้บ่งบอกเลยว่ากำลังโกหกอยู่
“ถ้าไม่ใช่แก งั้นก็คง” ผมหยุดประโยคทิ้งไว้ตรงนี้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่มาจบประโยคบอกเล่าของผม
“พี่ไม่กลัวรึไง”
“กลัวใคร”
“พี่โน๊ต”
“ถ้ากรูตายเมิงจะกลัวกรูรึเปล่าละปลื้ม”
“กลัว” ตอบพร้อมๆกับพยักหน้า
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ กล้าๆกลัวๆ แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรนิ ” ผมเปิดประตูรถลงมาทันทีที่รถหยุดนิ่ง
“พี่รอกันด้วยดิ”
“รอทำไม”
“กลัว”
“ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ อายุก็ไม่น้อยทำตัวเป็นเด็กไปได้” ปลื้มวิ่งมากระโดดขี่หลังผม
“ไอ้ปลื้ม กรูไม่มีแรงแล้ว ขา....................................” แล้วผมก็ลงไปนั่งกับพื้น
“พี่อะไรว่ะไม่แข็งแรงเลย”
“ก็แม๋งวันนี้กรูเดินไม่ใช่น้อยๆ”
“ อ่ะลุก ” จะว่าไปตลอดเวลาที่นั่งรถมาผมไม่ได้สังเกตมือของปลื้มเลยว่าเป็นยังไง จนกระทั้งตอนที่ผมต้องใช้มือข้างนั้น
“ไปโดนอะไรมา”
“แก้วบาด”
“ได้ไง”
“ก็กำมันแรงไปหน่อย”
“ตอนไหน” ผมพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นด้วยมือตัวเองแทนที่จะไปรบกวนมือของปลื้ม
“ไม่สำคัญหรอกพี่”
“ไม่สำคัญได้ไง เราเจ็บนิ”
“แต่ก็ไม่เท่าพี่เจ็บนิครับ”  ปลื้มรีบดันหลังผมให้เข้าไปในลิทฟ์ ผมว่าโลกใบนี้มันจะมีสักกี่คนเวลาที่โมโหแล้วจะไม่ทำลายข้าวของ ไม่ทำร้ายตัวเอง ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ผมยืนคิดในสิ่งที่ปลื้มทำ ในขนาดที่ปลื้มดูจะไม่เป็นอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยืนทำหน้าทะเล้นกับกล้องวงจรปิด คล้ายกับนี้เป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่ง จนลิทฟ์มาถึงชั้นเป้าหมาย
“เอากุญแจมา พี่เปิดให้” ปลื้มยังดิ้นดันที่จะเปิดเอง
“เอามา เร็วๆเหนื่อย” ผมเสียงแข็งใส่ เมื่อประตูห้องเปิดออกใครจะไปรู้ว่าห้องที่เมื่อเช้ายังดูเป็นห้องตอนนี้มีเศษแก้วตกเกลื่อนอยู่เต็มพื้น โต๊ะหนังสือที่เคยถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไร เพราะโวยวายไปห้องก็คงไม่เอี่ยม ผมมองหน้าปลื้มก็ได้แต่รอยยิ้มเด็กๆ ถึงแม้ว่ามันจะหน้าตาน่ารักมากขนาดไหน ผมก็อดที่จะโมโหไม่ได้
“พี่โอมห์ทำอะไร”
“เก็บของดิถามแปลก รกขนาดนี้”
“ไม่ต้อง นอนกันเหอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องเดินทาง”
“แล้วถ้าไม่เก็บใครจะเก็บ”
“เหอะน่า ไปอาบน้ำ เดี๋ยวอาบให้ปลื้มด้วย ปลื้มอาบเองไม่ได้”
“อะไรนะ”
“ก็เนี่ย” ปลื้มชูมือขึ้นมาให้ผมดูเพื่อเป็นการยืนยันในสิ่งที่พูด
“ก็แค่แก้วบาด ไหนว่าไม่เท่าไร”
“โห่ พี่”
“อะไร”
“ก็ป่าว” ปลื้มเดินหายเข้าไปในห้องนอน 







“พี่โอมห์”
“วันนี้เรียกแบบนี้กี่รอบแล้วว่ะเนี่ย” ปลื้มขยับหัวมานอนหมอนเดียวกับผม
“ป่าว”
“ป่าวแล้วเรียกทำไม”
“ก็ผมสับสน”
“เรื่องอะไร”
“ไม่รู้ดิ”
“เรื่องคนที่ชื่อยุ้ยนั้นใช่ป่ะ”
“ครับ”
“เล่ามาสิ เพื่อจะบอกได้”
“จะให้ผมเล่าอะไร ถ้าผมเล่าก็กลัวพี่เสียใจ”  ปลื้มเงียบหลังจากที่จบประโยคนี้ แล้วเปลี่ยนท่านอนเป็นหันมาทางข้างที่ผมนอนอยู่แล้วเอาแขนมาวางที่หน้าอกผม
“ถ้าเป็นแบบนั้นเราก็ไม่ต้องเล่า พี่จะได้ไม่ต้องเสียใจ”

“พี่โอมห์”
“อะไรอีกว่ะ”
“ผมถามพี่จริงๆนะ พี่ยังรักพี่โน๊ตอยู่รึเปล่า”
“พี่รักมันมากกว่าเมื่อก่อน”
“หมายความว่ายังไงครับพี่”
“ก็ไม่รู้ดิหลังจากที่มันไป มันก็ทิ้งหลายๆอย่างไว้ให้พี่ ไม่ใช่ข้าวของเงินทองนะแต่เป็นความรู้สึกดีๆแล้วทั้งเราด้วยไง”
“พี่มายถึงอะไรครับ เรา”
“ก็เราไง ไอ้ตี๋หน้าหม้อ” ผมเอาแขนที่เหลืออีกข้างดึงหัวปลื้มมาวางไว้ที่หน้าอก
“พี่คิดตลอดละปลื้มว่าสักวันเราต้องมีเรื่องให้ทะเลาะกัน แต่มันจะเป็นเรื่องอะไรที่ทำให้เราทะเลาะกัน แล้วเราจะทะเลาะกันนานรึเปล่า นานพอที่พี่จะเสียใจรึเปล่า ” ผมเพ้อหัวเราะออกมาในขนาดที่กำลังคิดเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
“พี่หัวเราะอะไร”
“ก็ใครจะไปโกรธแกได้ลงว่ะ เกย์ในมหาลัยมีตั้งเยอะหน้าตาดีกว่าพี่มีตั้งหน้าคน แต่แกเสือกเลือกพี่ แถมแกเองก็ไม่เคยชอบผู้ชายด้วย”
“ไม่รู้ดิ พี่โน้ตยังเป็นได้เลยพี่ ผมไม่ได้ลองเป็นนะ แต่มันเป็นของมันเองตอนแรกผมก็คิดว่าทำไมผมต้องมาดูแลพี่ด้วย พี่รู้ไหมว่าตอนที่พี่ป่วย ผมแถบอยากจะให้พี่ตายๆจากผมไปเลย เพราะผมไม่อยากดูแลพี่”
“แล้วทำไมยังดูอยู่ละ”
“ก็ไม่รู้อีกเหมือนกันครับ ตอนพี่โน้ตป่วยเขาก็คงอยากให้พี่อยู่ใกล้เขาแบบนี้เหมือนกัน ผมรู้ว่าผมเป็นคนหน้าตายังไง แต่ที่ผมเลือกพี่ไม่ใช่เพราะว่าผมชอบพี่ที่หน้าตา ก็ถูกแบบที่พี่บอกผมว่าคนเป็นสิบเป็นร้อยทั้งในมหาลัยแล้วก็ร้านเหล้า ผมจะเลือกใครก็ได้ แต่มันจะมีสักกี่คนที่ผมนอนกอดแล้วสบายใจ เดินจับมือแล้วมีความสุข กินข้าวด้วยกันทุกมื้อแล้วไม่เบื่อ ทุกคำถามในใจผมมันได้คำตอบคือพี่ ”
“ปลื้ม”
“ครับพี่” ผมจำได้ว่าคืนนั้นเราจบประโยคสนทนากันเพียงเท่านี้ แค่นี้จริงๆถึงหัวปลื้มจะหนักแต่ใจของผมมันหนักกว่า คำพูดที่เป็นประโยคก่อนนอนมันช่างสวยงามแล้วให้กำลังให้มากมาย มันมากจนผมคิดว่าหัวใจที่เคยให้มิ๊กไปมันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง พรุ่งนี้เช้าความรักจะกับมาเป็นของผมอีกครั้ง


“ปลื้ม เช้าแล้ว” วันนี้ผมตื่นก่อน ตื่นก่อนให้แน่ใจว่าเรื่องที่ได้ยินเมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน ปลื้มยังนอนอยู่ที่อกผมเหมือนเมื่อคืน เช้านี้ผมมีโอกาสที่ได้ดูหน้าปลื้มใกล้ๆ หลังจากเมื่อคืนถึงผมไม่ได้ให้คำตอบอะไรแต่ก็รู้อยู่แล้วว่าเราต้องเปลี่ยนสถานะจากพี่น้องมาเป็นคนที่กำลังคบหาแน่นอน ถ้านี้เป็นตอนจบของไดอารี่เล่มนี้แสดงว่าผมจะไม่มีชีวิตต่อไปแล้ว ความรักของปลื้มมันทำให้ผมหลุดพ้นจากทุกสิ่งทุกอย่าง
“พี่โอมห์ มองอะไร” นี้ละครับคือความจริงที่ผมกำลังพูดถึง
“ป่าว ไม่ได้มอง”
“พี่ จู๋แข็งหมดละ” มันพูดเล่นรึว่าละเม๋อ
“ละเม๋อรึไงว่ะ”
“จับดูดิ” มือที่ว่างอีกข้างถูกมือที่วางทับอกอยู่ดึงไปเบื้องล่างอยากรวดเร็ว
“เห้ย” ผมสัมผัสถึงความหมายของตอนแปดโมงเช้าได้ทันที ก่อนที่จะดึงมือออก
“พี่ตกใจอะไร”
“ก็ตกใจดิ” แล้วมือปลื้มก็มาจับของผมเช่นกัน จากที่มีอารมณ์อยากจะนอนมองหน้าใกล้ๆ กลายเป็นอารมณ์อย่างอื่นไปแล้วเรียบร้อย
“พี่ก็มีอารมณ์เหอะ” ปลื้มทำทีจะมุดผ้าห่ม
“หยุดเลย มีเรื่องต้องทำ ไว้ก่อนอยากก็ไปช่วยตัวเองในส้วมไป”
“ผมมีแฟน แฟนผมก็ต้องช่วยดิ”
“ช่วยนี้ดิ” ผมออกแรงถีบปลื้มจนตกเตียง
“โอมห์แม๋งใจร้ายว่ะ เดี๋ยววันนี้จะจุดธูปบอกพี่โน๊ต”
“ว่า”
“ว่าพี่โอมห์ไม่ทำหน้าที่”
“อะไรของเมิงว่ะไอ้ปลื้ม”
“ไม่ต้องเลย ถีบผมอีก วันหลังอยากอย่ามาสะกิดนะพี่”
“เสียงอะไรว่ะ ปลื้ม เงียบก่อนดิ”
“โทรสับพี่รึเปล่า”
“เอ๋อมันอยู่ตรงไหนว่ะไม่เห็นตั้งแต่เมื่อคืนละ”
“ผมไม่เห็นได้ยินเลยพี่ ”
“แต่พี่ได้ยินนะโวย”
“เสียงหัวใจผมรึเปล่า” ปลื้มตอบหน้าตาเฉย  เล่นเอามากลั้นหัวเราะไม่อยู่ สายตาก็มองหาโทรสับ
“ปลื้ม ขอร้องไปอาบน้ำก่อนเลยป่ะ จะได้กลับบ้าน NOW”

.........................................XXXXXXXXXX.......................................... เบอร์แบบนี้อีกแล้ว
“สวัสดีครับ” ผมกดรับโดยที่ไม่รังเล เอาว่ะจะมาคืนภาษีก็มาเลย กรุไม่กลัวอยู่แล้ว
“โอมห์” เสียงนี้มันส่งตรงมาที่สมองอย่างรวดเร็ว มันเร็วพอๆกับที่ผมรู้ทันทีว่าเป็นเสียงใคร
“อืม พูดอยู่”
“มิ๊กนะ”
“รู้แล้ว ว่าไง” ไม่รู้ว่าผมสมควรดีใจรึว่าเสียใจดีที่ได้ยินเสียงนี้ ผมพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้อย่างถึงที่สุด ฟันล่างกับฟันบนที่พยายามกัดกันเอาไว้จนผมรู้สึกถึงรสชาดของเลือดที่ออกมาจากปาก
“กว่าจะติดต่อได้ ไม่ดีใจรึไงว่ะ”
“อืม” น้ำตาหยดแรกไหลลงมาโดนมือข้างที่ผมไม่ได้ใช้ยกหูโทรสับ
“อืมนี้ดีใจรึว่าไม่ดีใจว่ะ คนอุตสาห์พยายามโทรหา”
“อืม แล้วอยู่ที่ไหน”
“จีน”
“จีน หมายถึงเมืองจีนรึไง”
“อืม คุนหมิง”
“อ๋อ ไปทำอะไรที่นั้น”
“ไม่รู้ดิ พ่อกับแม่ให้มา”
“โอมห์ร้องไห้”
“ป่าว จะร้องทำไม”
“กรูรู้ว่าเมิงร้อง”
“         ” ผมเงียบไม่ได้พูดอะไร ค่อยฟังว่ามิ๊กจะพูดอะไรต่อ
“กรูขอโทษโอมห์ กรูพยายามจนถึงที่สุดแล้วนะโว้ย กรูอยากเป็นคนที่ปกป้องเมิงได้ กรูอยากเป็นคนที่อยู่ข้างๆเมิงเวลาที่เมิงมีปัญหา กรูอยากเป็นคนที่ค่อยดูแลเอาใจใส่เมิง แล้วกรูก็อยากเป็นคนที่เมิงรักด้วย”
“ก็ได้เป็นแล้วนิ  อ๋อไม่ดิ เคยเป็น กรูลืมไป” ผมตอบไปอย่างโมโห เพราะครั้งนี้ก็ไม่ได้ต่างจากหลายๆครั้ง
“แต่”
“แก้ตัวว่ะมิ๊ก พอเหอะ เปลืองค่าโทรสับ”
“โอมห์”
“พอเถอะ จะวางแล้วมิ๊ก”
“แต่เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่รึไงว่ะ เมิงลืมไปแล้วรึไงว่ะ”
“คำว่าเพื่อนกรูไม่เคยลืมหรอกมิ๊ก ถ้าเมิงจะบอกว่าแค่เพื่อน ยังไงเมิงกับกรูก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว แต่อย่ามาเสือกใช้คำว่าคนรักอีก ”
“พี่โอมห์เป็นอะไรรึเปล่า” ปลื้มตะโกนถามออกมาจากห้องน้ำ
“ป่าว พี่กำลังคุยกับเพื่อน”
“อ๋อ แล้วไป”
“เพื่อนเก่า ..................” มิ๊กถ้วนคำพูดนี้ขึ้นมา
“ทำไมรึ”
“ถ้าไม่คุยก็แค่นี้นะมิ๊ก” มือที่เต็มไปด้วยเหงื่อ พอๆกับน้ำตาที่ยังค้างอยู่เต็มสองตา ผมไม่ได้รอให้ได้รับประโยคตอบกลับจากปลายสาย เลือกที่จะกดวาง แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง หยิบหมอนใบที่ผมเคยนอน ไม่สิ ต้องเรียกว่าผมกับมิ๊กเคยนอนด้วยกันขึ้นมากอด แล้วปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา ออกมาเรื่อยๆจนผมลืมไปแล้วว่ายังมีปลื้มอยู่ในห้องนี้อีกคน
         มือที่อุณหภูมิผิดปรกติ มันเย็นจนทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นจากความคิดที่วิ่งวนไปทั่วสมองใบเล็กๆ ผมจ้องมองหน้าปลื้มถึงมันจะไม่ชัดเพราะน้ำตามันยังมีอยู่เต็มไปทั้งสองตา ปลื้มไม่พูดอะไรแต่ยิ้มให้ผมแบบทุกครั้ง รอบนี้ผมมีความเศร้า ความรู้สึกสับสนอยู่เต็มหัวไปหมด
“พี่มิ๊กใช่รึเปล่าครับ” ปลื้มถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก่อนที่จะมานั่งข้างๆผม
ผมไม่ได้ตอบอะไรได้แต่พยักหน้า ปลื้มค่อยๆดึงหัวผมไปวางไว้ที่ตักของปลื้ม ผมเองก็ไม่ได้ขัดขืนปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามสิ่งที่มันควรจะเป็น
“พี่มีความทุกข์ ผมก็มีความทุกข์ด้วย รู้ไหมครับ” ความรู้สึกห่วงใยถูกถ่ายทอดพาอุ้มมือที่ลูบหัวของผมอยู่อย่างอ่อนโยน นี้ ปลื้มไม่ได้มีความผิดอะไรเลยทำไมผมต้องทำร้ายคนที่ดีกับผมด้วย ระหว่างที่คิดถึงคำพูดรวมถึงการกลับมาของมิ๊กน้ำตาก็ไหลออกมา นี้เองที่เขาเรียกว่าอาการน้ำตาอาบแก้ม ปลื้มไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากความเงียบที่เข้ามาเยี่ยมเยือนห้องนี้อีกครั้ง
“พี่โอมห์โทรสับ” ปลื้มยื่นมือถือให้ผม
“อืม เนส ว่าไงครับ”
“พี่ผมรออยู่ที่หน้าคอนโดแล้วนะครับ”
“เอ๋อ เดี๋ยวลงไปกันแล้ว รอกำ” ปลื้มมองหน้าผมตาไม่กระพริบ ผมเองไม่อยากให้การเดินทางครั้งนี้มีแต่เรื่องเศร้า ผมเก็บน้ำตา เก็บเรื่องมิ๊ก แล้วเอาความสุขกลับคืนมาคนที่ผมควรจะทำให้เขามีความสุขมันยืนอยู่ตรงหน้าผม ไม่ใช่เอาความทุกข์ของผมไปแบ่งปันคนที่เขารักผม
“ยิ้มอะไรพี่”
“เปล่า ยิ้มให้ก็ต้องยิ้มตอบดิ มีมารยาทหน่อย”
“ครับ ที่รัก” ปลื้มเดินเขามาหอมแก้มผมเบาๆ
“ไปแต่งตัวไป ไอ้เนสมันมารอละ”
“แล้วพี่อ่ะ”
“ก็ไปชุดนี้ละ ค่อยไปอาบที่บ้าน”
“ยี้................”
“อย่าให้มันเรื่องมาก เร็วๆไอ้เนสรออยู่”
“พี่จะใส่box box ก่ะเสื้อกล้ามไปจริงอ๋อครับพี่” มันน่าแปลกตรงไหนกับการแต่งตัวสบายๆนั่งรถ ผมไม่เข้าใจว่าถ้าเราแต่งตัวหล่อ ถึงเวลาเอาเข้าจริงๆใครจะมาดูเรา หล่อก็หล่ออยู่ในรถ แฟนก็มีแล้ว ผมไม่ได้สนใจคำพูดของปลื้ม ถึงปลื้มมันจะอาย แต่ผมไม่อาย อายุมากแล้ว แฟนก็มีแล้วทำไมต้องสนด้วย มือหยิบกระเป๋า อีกมือหยิบมือถือแล้วเดินนำปลื้มออกมาจากห้องทันที
“เร็วๆนะ พี่เอาของไปเก็บที่รถก่อน”     “เอ๋อปลื้ม เมิงไม่ต้องหล่อมากนะครับ เพราะมีกรูอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องหล่อโชว์ใคร”
ผมเดินออกจากห้องตรงไปที่ลิทฟ์ใช้เวลารอไม่นาน ลิฟท์เลื่อนจากชั้นบนสุดลดลงมาเรื่อยๆจนหยุดที่ชั้นของผม ใครจะไปรู้ว่ามีคนร่วมโดยสารตู้เหล็กใบนี้ลงมากับผมด้วย
“น้อง”
“ครับ”
“เป็นอะไรรึเปล่าดูไม่เหมือนทุกวัน” คือทุกวันผมกับพี่เจอกันแล้วยิ้มให้กัน ทำหน้าสดใสให้กันรึไงว่ะ ผมคิดในใจแล้วมองหน้าคู่สนทนาก่อนจะยิ้มให้แบบงง
“ป่าวนิครับพี่”
“น้อง” โชคดีที่ตู้ใบนี้ลงถึงชั้น หนึ่งแล้ว
“ไปก่อนนะพี่”
“กลับบ้าน หรอค่ะ ลูกโอมห์” เสียงทักทายป้าที่นั่งเฝ้าล๊อบบี๊
“ฝากห้องด้วยนะป้า” ผมเดินตรงมาหาเนสที่นั่งรออยู่ที่โซฟาอยู่แล้ว
“เป็นอะไรมากรึเปล่าพี่ ดูสภาพดิ“ ก็คงไม่แปลกที่คนเพิ่งรู้จักกันจะเอ๋ยปากถามคำถามแบบนี้
“บังเอิญว่าพี่เป็นคนง่ายๆว่ะ” ผมเองงก็ได้แต่ตอบไปอย่างง่ายๆ ก็ชีวิตมันเป็นแบบนั้นจริงๆนิคราฟ
“แต่มันก็ง่ายไปรึเปล่าพี่ สภาพนี้”บักวอกนี้มันยังไม่จบ
“เอ๋อ เดี๋ยวก็ชิน เชื่อพี่ดิ” ผมเลือกที่จะตัดบทแล้วเดินไปที่จอดรถ  เวลาผ่านไปไม่ถึง 15 นาทีทั้งคู่ก็เดินลงมาพร้อมกัน เหมือนเมื่อคืนไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่เคยมีเรื่องเข้าใจผิด หึงรึว่าห่วงกันเลย ผมยิ้มแล้วคิดในใจ
“หล่อใช่ไหมละ” ผมขวมดคิ้วกับคำถามของปลื้ม
“หมายความว่าไง”
“ก็หล่อใช่ไหมละ เห็นมองแล้วยิ้ม” แล้วมันก็ยิ้ม
“เปล่า ที่บ้านเรียกยิ้มเหลือ” ผมเปิดประตูแล้วรีบเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง สีหน้าของทั้งคู่แสดงถึงความงุนงง
“พี่โอมห์ไม่นั่งหน้า” ผมรีบส่ายหัว
“ไมอ่ะ จะนอน เมื่อคืนหนัก”
“หนัก”
“เอ๋อหนัก จะไปกันได้รึยัง” น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปคงทราบแล้วมั้งครับว่าผมไม่ได้เล่นด้วยแล้ว ทั้งคู่ขึ้นรถ แล้วผมก็รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนที่ของยานพาหนะคันนี้



DVD ที่ผมเพิ่งเจอเมื่อคืน ถูกเอามาเปิดอีกครั้งในรถ แน่นอนว่าผมนั่งยิ้มอยู่คนเดียว เวลาที่มองหน้าเนส มันยังเหมือนว่าโน็ตไม่ได้หายไปไหนเลย ผมยังนั่งยิ้มแล้วก็หัวเราะกับท่าทางเก๊กๆของโน้ต
“นี้คนที่พี่พูดถึงใช่ไหมครับ”
“อืมเหมือนกำลังส่องกระจกอยู่ใช่ไหมละ” เนสส่ายหน้า
“ทำไมว่ะเนส” ปลื้มถาม
“ก็เนสหล่อกว่า”
“ไม่จริงมั้ง” ผมพูดทำลายมุกที่เนสสร้างขึ้น
 



เราแลกเปลี่ยนบทสนทนามากมาย มันมากจนเหมือนทำให้ผมกลับรู้สึกว่าโน้ตยังอยู่กับผมแล้วก็ไม่ได้ไปไหน ภายใต้รอยยิ้มที่ดูมีบ้างอย่างซ่อนอยู่เสียงหัวเราะที่ออกมาโดนไม่แส้แสร้ง แววตาที่ไม่บ่งบอกถึงความโศกเศร้า ทุกอย่างมันคือตัวของคนที่เราเคยรู้จักและจากเราไป เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงรถก็เลี้ยวเข้ามาถึงบ้านที่ผมรู้จักมันดีพอๆกับที่คนในบ้านหลังนั้นรู้จักผม ครั้งสุดท้ายที่ผมมาเหยียบที่นี้มันเต็มไปด้วยน้ำตา บ้านหลังนี้เปลี่ยนไปมากตั้งแต่ที่ไม่มีเขาคนนั้นอยู่ หลายอย่างในบ้านที่มันสมควรจะเป็นมันก็ยังคงเป็นอยู่ ผุ้ใหญ่ดูใจดีที่แววตายังคงมีร่องรอยของน้ำตา ยืนรอพวกผมอยู่ที่บันไดบ้านแล้ว
“พี่โอมห์ แน่ใจแล้วใช่ไหมครับ” ผมใช่เวลาช่วงครู่คิดถึงผลลัพท์ในสิ่งที่ผมกำลังจะทำ แต่ที่สุดแล้วไม่ว่าเรื่องนี้จะออกมายังไง ผมยังคิดว่า มันก็เป็นเรื่องที่เนสเองควรจะรู้
“รอในรถก่อนนะเนส”
“ป่ะปลื้ม” ปลื้มเดินอ้อมมาเปิดประตุให้ผมขนาดที่ผมกำลังจะหิ้วถุงของฝากลงไปให้แม่
“หิ้วอะไรมากันหนักกันหนาละลูก”
“สวัสดีครับป้า” ปลื้มยกมือไหว้ ผมส่งถุงที่หิ้วมาจากเชียงใหม่ให้แม่ของโน็ต
“แม่ครับ ผมมีอะไรจะบอก” ปลื้มเอามือมาแตะไหล่ผม
“มีอะไรกัน ขึ้นไปคุยกันบนบ้านก็ได้ ตรงนี้ร้อน ไปกินน้ำกินท่ากันก่อน”
“ไม่ได้ครับ ต้องบอกตอนนี้”
“คุณลุง สวัสดีครับ” พ่อของโน็ตรีบยกมือรับไหว้แล้วเดินลงมาให้ผม ที่ยืนคุยกับแม่อยู่ตรงบันได
“อ้าว เห็นแม่ว่ามีอะไร ถึงขนาดต้องมากันถึงบ้านเลยรึไง”
“คิดถึงครับ ไม่ได้มาบ้านนี้นานแล้ว ว่าจะมานอนค้างสักคืนสองคืนไม่รู้ว่าคนบ้านนี้ยังตอนรับอยู่รึเปล่า”
“เจ้าโอมห์ อู๋ไปเรื่อย คนอื่นคนไกลตี้ไหน”
“ครับ พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันก็ดีแล้ว ผมจะได้บอกทีเดียวเลย”
“อะหยั้ง แม่มัน เจ้าโอมห์มันมีอะไร”
“เฮาบ่ฮุ้ คอยมันอู้ตะแต่มะคืน ให้มันบอกก็บ่บอก”
“ผมมีเพื่อนมาด้วยอีกคนหนึ่งครับ จะมาขอพักด้วย”
“จะอี้เองก่ะ แล้วมีไหน”
“สักกำครับ” ปลื้มตอบแทนผม แล้วเดินลงไปเปิดประตูเรียกเนสลงมา
“ลงมาได้ละ”
“มีอะไรกันรึเปล่าว่ะ ปลื้ม” ปลื้มเบะปากให้แล้วเดินนำเนสมาหาผม












enhumto

  • บุคคลทั่วไป
แม่โน็ตยืนนิ่ง  พ่อก็เหมือนกัน เวลาเหมือนหยุดเดินไปชั่วขนาดหนึ่งในขนาดที่รอบข้างยังคงดำเนินต่อไป ผมยืนมองปติกิริยาที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด เนสยกมือไหว้คนทั้งคู่ด้วยเพราะมารยาทหารู้ไม่ว่าคนที่ไหว้อยู่คือพ่อแม่บุญธรรมของโน้ต
“แม่ครับ” น้ำตาที่หน้าของแม่โน้ตค่อยๆไหลอาบแก้มลงมาอย่างช้าๆ พ่อยืนนิ่งโดยที่ไม่พูดไม่จาอะไร
“คุณป้า เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เนสเองคุณจะแปลกใจที่อยู่ดีๆคนสองคนที่เพิ่งรู้จักมายืนมองหน้า และอีกคนหนึ่งยืนร้องไห้อยู่ต่อหน้า
“พี่โอมห์” เนสเรียกผม
“คุณป้าครับ นี้เนสครับผม”
“ไม่ใช่ โน๊ตหรอลูก”
“โอมห์ นี้ล้อเล่นอะไร” คุณลุงตะคอกใส่ผม
“ป่าวครับ มันมีเรื่องที่ผมอยากรู้อยู่บ้างเรื่อง”
“เรื่องอะไรนี้มันไม่ตลกเลยรู้ไหม เรารู้ไหมว่าใช้เวลานานแค่ไหนกว่า”
“พี่โอมห์ ไอ้ปลื้มนี้มันเรื่องอะไรว่ะ”
“พี่โอมห์ ผมว่ามันเริ่มจะวุ่นวายละ ” ปลื้มกระซิบบอกผม
“เอ๋อว่ะ”
“ไปๆขึ้นบ้านก่อนลูก” คุณป้าชวนขึ้นบ้านเพราะแดดเริ่มจะร้อนแล้ว อีกอย่างคนงานที่บ้านก็มองเยอะด้วย เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ผ่านสายตาลุงกับป้าไม่มีบทสทนา ไม่มีคำพูด ไม่มีประโยคใดๆทั้งสิ้น
“อุ้ย คุณโน๊ต”
“ไม่ใช่ครับพี่” ผมยิ้มบอกพี่สาวคนสวยที่ยกน้ำมาให้
“แม่ครับ ฟังผมนะครับ ผมเจอเนสโดยบังเอิญ  คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าแม่ไม่ใช่โน๊ตแน่ๆเพราะว่าเราก็อยู่ตรงนั้นด้วยกันทั้งคู่ในวันนั้น”
“แล้ว หนู” แม่ยกมือขึ้นมาลูบหน้าเนส
“นั้นละครับที่ผมอยากรู้ถึงว่าน้องคนนี้มาหาพ่อกับแม่  ให้เขาเล่าเองดีกว่า” ผมสบตาเนสแล้วพยักหน้า
“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าพ่อแม่จริงๆผมเป็นใคร แต่ที่รู้ๆคือผมมีแม่คนหนึ่งที่คอยเลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เกิด ผมเกิดที่ไหนผมเองก็ไม่รู้แต่ผมโตขึ้นมาในบ้านไม้เล็กๆ แม่ผมมีอาชีพรับจ้างทำสวนชีวิตไม่ได้ดีอะไรเลยครับ เราหาเช้ากินค่ำตั้งแต่ที่ผมจำความได้ ผมเคยถามหาพ่อ แม่ผมไม่ได้บอกอะไรบอกแค่ว่าพ่อผมเป็นคนดี ทุกวันแม่จะเฝ้าบอกผมว่าให้ตั้งใจเรียนโตขึ้นแล้วจะได้ไม่ลำบากชีวิตจะสบาย แม่จะได้สบายด้วย ผมก็เชื่อจนผมสอบติดแล้วได้เข้ามาเรียนที่เชียงใหม่นี้ละครับ” เนสนั่งก้มหน้าเงียบหลังจากที่พูดจบ
“แล้วตอนนี้แม่เราอยู่ที่ไหนละ” แม่โน้ตถาม
“ไม่อยู่แล้วครับ”ความเงียบเข้ามาปกคลุมในห้องอีกครั้ง รวมถึงตัวผมที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
“หมายความว่าไงที่ว่าไม่อยู่”คุณลุงเอ่ยปากถาม
“แม่เสียไปก่อนที่ผมจะเข้าเรียนนี้ละครับ”
“ขอโทษนะเนส”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่”
“เอานี้” แม่ส่งอัลบั้มรูปของโน้ตที่ผมเคยดูสักสองสามรอบแล้วเห็นจะได้ให้โน้ต
“อะไรครับ”
“เอาไปดูสิ” แล้วเนสก็รับไป ผมทิ้งเนสไว้กับแม่แล้วเดินลงตามปลื้มลงมา
“พี่โอมห์ ผมมีอะไรจะบอก” ผมเดินตามปลื้มลงถึงรถ กำลังจะเอ่ยปากชวนกลับบ้าน
“อะไร”
“ผมขอโทษที่เปิดอ่านก่อนนะพี่ ”
“เห้ยอะไร จะเครียดทำไม” ผมปลอบ
“ไม่เครียดได้ไง ”
“แล้วมันมีอะไรให้เครียดละ” ผมขมวดคิ้ว
“พี่อ่านเองแล้วกัน” ปลื้มยื่นจดหมายซองสีชมพูอ่อนๆให้ผม จ่าซองถึง โอมห์

แล้ววันเวลาก็เดินย้อนกลับมาที่เก่าอีกครั้ง ผมได้เดินทางกลับมาที่บ้าน ถนนที่เคยมีผู้คนผ่านไปมาวุ่นวายในเช้า ภาพที่คนระแวงบ้านออกมาใส่บาตร มาจางหายไปแล้ว บ้านผมไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ชีวิตเราเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่เราเลือกเดินออกจากบ้านหลังนี้ไป ผมนั่งอยู่คนเดียว ไม่ได้ร้องไห้ ไม่มีน้ำตา พ่อกับแม่ก็ไม่มีใครอยู่บ้านอีกแล้ว มันเป็นเรื่องปรกติที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คงจะเป็นเพราะว่าแปลกที่นอน มันมีเหตุผลที่ผมเดินทางกลับมาที่บ้านโดยที่ไม่ได้บอกพ่อกับแม่ล่วงหน้า มันคงเป็นเพราะข่าวจากเพื่อนเก่าที่ผมได้รับ ถึงครั้งแรกที่ผมได้ยินข่าวนี้จะไม่เชื่อกับหูก็เถอะแต่สุดท้ายก็ทนแรงดึงดันของเพื่อนๆไม่ได้เลยต้องกลับมา แล้วจริงๆก็คงไม่ใช่เพราะแปลกที่ แต่คงเป็นเพราะเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นตั้งหากที่ทำให้ผมตื่นเช้า ไม่ได้นอนแบบนี้คงจะถูกกว่า
“ว่าไงปลื้ม” ผมกดรับ
“ตื่นแล้วอ่อพี่”
“อืม ตื่นแล้ว เราละยังไม่ตื่นก็ไปนอนต่อเหอะ”
“ได้นอนรึเปล่า”
“นอนดิ แต่ไม่หลับ”
“เอาน่าพี่ ผมเข้าใจพี่นะ ที่แย่กว่านี้พี่ก็ผ่านมาแล้ว เชื่อผม”
“เอ่อพี่อะเชื่อเรา แต่ตอนนี้เราไปนอนก็เหอะ ไม่ต้องห่วง เพื่อนมาแล้ว”
“ครับ.................. จุ๊บๆ”



“เห้ยโอมห์..................” นิวเดินเข้ามาหาผม
“เอ๋อ” ผมวางสายแล้วยกมือทักทาย
“เมิงจะเข้ามาก่อนรึเปล่า”
“ไม่ละว่ะ กลัวงูกัด”
“งั้นเมิงรอกรูแป๊บ” ผมเดินเข้าไปในห้องนอน แล้วหยิบกล่องไม้ใบไม่ใหญ่มาก แต่มันก็ใหญ่พอที่จะใส่หนังสือสักตั้งหนึ่ง  ผมคงอ่านมันหมดแล้ว ครั้งเดียวก็เกินพอละสำหรับผม ถึงมันจะทำให้ผมยิ้มบ้าง มีน้ำตาบ้าง แต่ผมก็ดีใจที่ได้เอามันมาอ่าน วันนี้มันถึงเวลาที่ต้องกลับไปหาเจ้าของแล้ว
“โอมห์”
“เอ๋อ ไปแล้ว” ผมเดินออกมาพร้อมกับกล่องไม้แล้วก็ของขวัญสำหรับวันสำคัญ
“กล่องอะไรว่ะ”
“กล่องความลับว่ะ” เพื่อนๆในรถถามผม
“พวกเมิงรู้จักรึเปล่าว่ะ ความลับ” ผมย้ำคำพูด
“เอ่อ อันนี้ของเมิง” เพื่อนผมส่งซองสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อนๆให้ผม ถึงแม้ว่าตลอดเวลาผมจะปฏิเสทตลอดว่ามันไม่ใช่แบบที่ผมคิด มันเป็นแค่ความลือ รึแค่เป็นแค่เรื่องตลอดเรื่องหนึ่งที่ใครหลายๆคนชอบแกล้งผมแต่ ผมก็หลับตาลงพร้อมน้ำตาเม็ดใหญ่ มันใหญ่พอที่จะทำให้ตัวหนังสือที่เขียนด้วยปากกาบนหน้าซองเลอะจนอ่านไม่รู้เรื่อง
“เห้ยโอมห์”
“ปล่อยมันเหอะ เป็นกรู กรูก็ร้อง” โชเฟอร์พุดดีจริงๆ
“ขอบใจว่ะ ขอบใจพวกเมิงจริงๆ” คงเป็นแค่วันนี้ละมั้งครับที่อยากให้บ้านผมกับบ้านมิ๊กไกลกันสักคนละทวีปเลย แต่รถก็ใช่เวลาไม่นานแบบที่ใจผมคิด มันก็หยุดเคลื่อนที่ เสียงเพลง ดอกไม้ ผู้คน รอยยิ้ม มีเต็มไปหมด
“ถ้าเมิงไม่อยากลงไป ก็อยู่ในนี้ก่อนก็ได้นะ” ผมมองหน้าเพื่อนผม แล้วก็พยักหน้า
“เอ๋อ งั้นพวกกรูเข้าไปในงานก่อน ถ้ามีไร เขนไม่กล้าเข้าไปเมิงโทรมาแล้วกัน”
“อืม ไปเถอะ” มือผมยังกำซองไว้แน่น ยิงได้ยินเสียงเพลงกลิ่นดอกไม้จากข้างนอกยิ่งทำให้ในหัวใจมันเจ็บ มันเป็นอีกครั้งที่นั่งหลับตา อยู่เงียบๆคนเดียวในขนาดที่ด้านนอกอบอุ่นไปด้วยความยินดีและความสุข

...............ปัง................................................เสียงประตูรถปิด ผมรู้สึกได้ว่ามีคนมานั่งข้างๆผม
“กำไว้สะแน่นเลย แบบนี้ไม่สงสารคนที่เขาออกแบบรึไงว่ะ” เสียงนี้ผมจำได้
“มิ๊ก” แค่พูดน้ำตาผมก็ไหลแล้ว
“เห้ย เป็นอะไร นี้ดีใจขนาดนั้นเลยรึไง” มิ๊กเอามือมาปาดน้ำตาผม วันนี้ในชุดเทกซิโดสีดำ กับกางเกงยีนท์ถึงมันจะดูคัดกันแต่มันก็ดูดีในสไตล์ของมันไม่น้อย
“อืม”ผมพยายามทำเป็นยิ้ม
“หายไปไหนมา” เราทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน
“กรูอยากรู้เรื่องเมิงมากกว่า”
“แต่งานมันจะเริ่มแล้วไม่ใช่รึไง”
“ช่างหัวไงมันเถอะ ไหนๆก็ได้เจอกันแล้ว” มิ๊กลวงโทรสับขึ้นมาโทรหาใครสักคน
“เห้ยกรุยืมรถแป๊บนะโว้ย”
“ใครถามก็บอกว่ากรูท้องเสียขี้แตก ให้รอก่อน”
“บอกไปสิว่ะว่าคนจะขี้ มันห้ามได้รึไง ปัญหาของเมิงแล้ว แล้วไม่ต้องเสือกบอกพ่อกับแม่กรูนะว่ากรูเจอไอ้โอมห์ รำคาญ”

“แค่นี้ก็ไปได้แล้ว” มิ๊กขยับไปนั่งเบาะหน้า แล้วออกรถทันที
“ดีใจฉิบหายเลยว่ะที่ได้เจอกันจริงๆสักที”
“ดีใจ ทำไมว่ะ”ผมถามกลับ
“ก็ไม่ได้เจอกัน........................”
“เกือบปี”
“เอ่อใช่ๆ เล่ามาเลยนะว่าหายไปไหนมา”
“กรูว่ากรูต้องถามเมิงมากกว่ารึเปล่ามิ๊กว่าหายไปไหนมา กรูยังอยู่ที่เดิม เรียนที่เดิม ไม่เคยเปลี่ยน”
“ทำไมพ่อกับแม่กรุไม่เห็นบอกแบบนั้นเลย”
“ไม่รุ้ดิ พ่อแม่เมิงนิครับใครจะไปรู้”
“แล้วตอนนี้ ” มิ๊กทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด
“จะถามว่าคบใครอยู่ใช่ป่ะ”
“อืม”
“ปลื้ม”
“ไอ้หน้าหล่อกวนๆคนนั้นใช่ป่ะ”
“หล่อ หรอไม่รู้ว่ะแต่กวนๆคงใช่มัน”
“แล้ว” มิ๊กเอ๋ยปากถาม แต่ก็ไม่จบประโยคอีกครั้ง
“ถามอะไรให้มันจบสักอย่างได้ไหม ถ้าจะถามว่าวันนั้นเป็นยังไง ก็ดี เหมือนจะพิการ ได้ 3 เดือน แล้วก็พยายามจนเป็นแบบที่เห็น”
“แล้วมิ๊กละ หายไปไหนมา”
“ไม่รู้ดิ จำอะไรไม่ได้เลย ตื่นมาก็เบ๋อไปหมด มีสายอะไรไม่รู้เต็มไปหมด พ่อกับแม่บอกว่ากว่าจะรู้สึกตัวแล้วพุดจารู้เรื่องก็เกือบๆ ครึ่งปี ”
“ครึ่งปี”
“อืม ครึ่งปี ที่จำอะไรไม่ได้เลย คล้ายๆกับครั้งก่อน หมอบอกว่าครั้งนี้โชคดีมากเพราะนี้มันเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่มิ๊กก็ยังจำโอมห์ได้นะ” มิ๊กฉีกยิ้ม
“จำได้แค่ไหนละ”
“ก็จำได้ว่าเราเคยเป็นอะไร ทุกอย่างละ”
“เมื่อไร”
“ก็หลังกลับมาจากเมืองจีน”
“หมายความว่าไง”
“ก็พ่อกับแม่ไม่อยากให้อยู่ที่นี้ เรื่องเรียนก็ดรอปไว้ โอมห์ไม่รู้เรื่องอะไรเลยรึไง”
“ป่าว”
“อืม คงเป็นเพราะพ่อมิ๊กอีกนั้นละ” ผมยิ้ม แล้วโทรสับมิ๊กก็ดังขึ้น
“ต้องกลับแล้วละมั้ง วันสำคัญนิ”
“ไม่หรอก สิ่งสำคัญที่สุดในวันนี้เราทำมันไปแล้ว”
“หมายความว่าไง”
“คนมีสมองเขามั้งจะคิดเองได้ รึว่าไม่มีสมอง” มิ๊กหันมาต่อปากต่อคำ
“กลับไปเถอะคนของนายรออยู่”
“หมายถึง แอมนั้นรึ”
“เราไม่รู้จักชื่อหรอก”
“อืม ไว้จะแนะนำให้รู้จักนะ”
“มิ๊ก ทำไมทำเหมือนมันไม่มีอะไรเลยว่ะ”
“ก็มันไม่ได้มีอะไรนิโอมห์ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะตัวโอมห์เองที่ขีดเส้นให้มัน บังคับให้มันเป็นแบบนู้นแบบนี้ ทั้งที่ทุกอย่างมันมีทาง หนทางที่สมควรจะเป็นไปตามแบบฉบับของมัน”
“กรูไม่เข้าใจ”
“ไว้วันหนึ่งก็จะเข้าใจ”  ผมเงียบไม่ได้คิดอะไร แค่มองหน้าคนที่กำลังจะเป็นเจ้าบ่าว
“คงได้เวลาแล้ว กลับไปที่งานก่อนนะ โอมห์จะยืนเป็นเพื่อนมิ๊กรึเปล่า”
“คงไม่ละ ส่งที่บ้านเลยแล้วกัน”ผมหลับตาปล่อยให้น้ำตาที่เอ้ออยู่ที่เบ้าตาไหลออกมา







“ของที่อยู่ท้ายรถนี้เราเอามาคืนนะ”
“อะไร”
“ของที่ยืมมา มันคงต้องกลับมาหาเจ้าของมันแล้วละ” ผมเปิดประตูแล้วเดินลงมา แต่มิ๊กก็เดินตามลงมาแล้วดึงมือผมไว้
“ไม่ต้องลงมาส่งก็ได้”
“ป่าวเอานี้ เก็บไว้นะ ” มิ๊กส่งกล่องสีน้ำตาลใบขนาดเท่ากระเป๋าให้ผม
“อะไร”
“ไม่ต้องถามว่าอะไร ไว้เอาไปดูแล้วจะเข้าใจทุกอย่างเอง” ผมรับมาแบบไม่ตั้งใจ
“โอมห์” ผมกำลังจะดึงประตูบ้านเปิด
“อะไรอีกว่ะ”
“ขอกอดทีนึงนะ” ผมไม่ได้ปฏิเสทคำขอนั้นแต่ก็ไม่ได้เอ๋ยปากตกลง อ้อมกอดที่ผมโหยหายมาตลอดหลังจากที่เสียโน้ตไป หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มิ๊กไม่มีน้ำตาเลยสักหยด แต่เป็นผมที่ตาแดงกล้ำและใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา ผ่านสายตาผู้คนที่มองชายสองคนที่ยืนกอดกันหน้าบ้าน ผมไม่ได้อายเลยสักนิด คงเพราะคนแถวนี้เห็นผมกับมิ๊กตั้งแต่เด็ก
“โอมห์จำไว้อย่างหนึ่งนะ” ผมไม่ได้ตอบและไม่ได้ถามว่าให้จำอะไร
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องที่เราสองคนคิดไปเอง” แล้วอ้อมกอดก็ถูกคลายออก มิ๊กเดินขึ้นรถและขับออกไปโดยที่ไม่ได้หันมองกับมาทิ้งให้ผมยืนมองรถที่ค่อยๆจากออกไป แค่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างของเราตัดขาดจนไม่เหลืออะไรอีกแล้ว สิ่งที่ดูจะเป็นเรื่องที่ยังติดค้างกันอยู่ก็มีแต่เพียงของในมือผมเท่านั้น



เย็นในวันนั้นผมเลือกที่จะเดินทางกลับเชียงใหม่ในทันทีโดยที่ไม่ได้แวะไปหาปลื้ม เพราะผมเองก็ไม่อยากทำให้ปลื้มไม่สบายใจ ชีวิตคนสองคนกำลังจะจบกันและเริ่มต้นใหม่ ผมหยิบของที่มิ๊กฝากไว้ก่อนที่จะจากกัน ขึ้นมาดู ค่อยๆเปิดมันออกมา แล้วก็เป็นที่หน้าแปลกใจ มันคือ สิ่งสิ้นเปลืองที่ผมเคยเห็นหลายๆคนอยากได้ แล้วตัวเจ้าปลื้มเองก็มีของแบบนี้เหมือนกัน มันคือไอแพด แต่สิ่งอื่นใดที่ผมสงสัยยิ่งกว่าคือให้ผมมาทำไม มันคงไม่ใช่ของฝากจากเมืองนอกแน่นอก เพราะนี้ไม่ใช่วาระและโอกาสอะไร มีกระดาษโน้ตใบเล็ก เขียนลายมือที่ผมคุ้นตา
----- ทุกอย่างอยู่ในนี้หมดแล้ว  0234  ----- ผมดึงกระดาษแผ่นเล็กๆนี้ออก แล้วก็ปลดลีอกเพื่อเข้าไปด้านใน

มันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายในเครื่องที่เป็นที่น่าสนใจหากแต่เป็น Ebook ที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบ แล้วก็คลิปวีดีโออีก กว่า 10 คลิป ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มจากอะไรก่อนดี สิ่งที่ง่ายและสะดวกที่สุดก็คงจะเป็นรูปภาพ  ภาพแรกที่ผมเห็นถึงขึ้นต้องหยุดดู คือสภาพรถที่เสียหายยับเหยิน แล้วก็ตามมาด้วยรูปของมิ๊กในขนาดที่เข้าโรงพยาบาลแล้วก็เรื่อยมา จนกระทั่งดีขึ้น แล้ว


..ถ้าโอมห์ยังอยู่ที่ไหนสักแห่ง บนโลกใบนี้ ผมเคยเชื่อตลอดว่าเราเกิดมาเพื่ออยู่คู่กัน เป็นเพื่อนกัน เป็นคู่ที่ไม่เคยห่างจากกัน ในวันที่ผมป่วยผมก็คิดเสมอว่ามีคุณนั่งอยู่ข้างๆแล้วค่อยดูแลผม ตอนนี้ผมอยู่คนเดียวในที่ที่ไม่มีใครรู้จักผม ผมมองออกไปในทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ได้แต่นึกถึงวันเก่าๆที่ ดูรูปนี้ดิ เห็นรึเปล่าแค่รอยเท้าบนพื้นทราย รูปนี้ผมแอบถ่ายไว้ตอนที่เราไปเที่ยวทะเลครั้งสุดท้ายกับพ่อกับแม่ ถึงมันจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุด แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากที่สุด มิ๊กดึงมือขึ้นมาปาดน้ำตาก่อนที่จะเงียบไป
..... โอมห์ เราทำอะไรผิดพลาดไปรึเปล่า ทำไมวันนั้นเส้นบางๆที่นายพูดถึง เราเลือกที่จะเป็นคนเดินข้ามมัน เราทั้งคู่ไม่ใช่รึที่ต้องการแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเราวันนี้ ผมต้องอยู่ไกลจากคุณเกือบครึ่งโลก ถึงผมจะรู้ว่าตอนนี้เรานั่งมองดวงอาทิตย์ดวงเดียวกัน แต่มันก็ไกลกันเสียเหลือเกิน ผมไม่เคยที่จะรักคุณน้อยลงเลยแม้แต่น้อย มันเริ่มต้นจาก 1 แล้วก็มากขึ้นเหลือๆ ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นผมเคยคิดว่ามันน่าจะเป็นเครื่องพิสูทธ์เราทั้งคู่ แต่ไม่เลย ผมแพ้ ....................... เราแพ้มันทั้งคู่ ผมคิดว่าเราพร้อมที่จะสู้กับมัน ผมขอโทษ.........      ผมวางมันลง แล้วดึงแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดหน้าตาและน้ำมูกในขนาดที่หลายๆสายตาจับจ้องการกระทำของผม

nona159

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้ยยาวได้อีก

ดีใจจริงๆค่ะที่มาต่อ

เริ่มเข้าใจความรู้สึกของทั้งสองคนมากขึ้น

เอานะเป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ อิสระ

  • ถ้า add ให้กอด,ถ้า give five ให้จุ๊บ,ถ้า ment ให้เบอร์ คิคิ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-8
    • https://www.facebook.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-1433707443445407/?modal=admin_todo_tour
 :mc4: :mc4: :mc4:
ในที่สุดก็มาต่อ
อยากบอกว่ายังติดตามอยู่ตลอดตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
มิกแต่งงานเหรอ

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
อึดอัด  อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ออฟไลน์ myall

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 525
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
อืม ตกลงว่ามิ๊กแต่งงานเหรอคะ แต่ว่ายังไงเราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ทำไมดูมันจะไปไกลเหลือเกิน แล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
มากี่ทีๆ ก็ทำเอาพูดไม่ออกเลยทีเดียว

ตามที่ว่าไม่มีใครผิดไม่ได้โทษใคร แต่มันเป็นเส้นทางชีวิตที่ถูกกำหนดมาแล้ว

ดีใจที่โอห์มกลับมาเล่าให้ได้อ่านกันอีก

ปล คิดถึงโอห์มจัง อิอิ

artit

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วทั้งอึดอัดทั้งเศร้า เรื่องเหมือนจะจบกับคนคนนี้ แต่ก็มีเรื่องเข้ามาอีก ดูคาราคาซัง สงสารทุกคนเลย เอาใจช่วย สู้ๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
 :sad11:
ยิ่งอ่าน
ยิ่งบีบคั้นจิต..อีดอัดใจ
มาอ่านเรื่องของโอห์มทีไร ใครก็ได้ช่วยที

เหมือนจะหมด..แต่ไม่หมด
ใจรันทด..กระถดถอย

เหมือนจะคอย..แต่ไม่คอย
ใจเลื่อนลอย..พลอยเลือนลาง

^
 l
 l
รู้สึกอย่างนี้ จริงๆ
..กาซิก..
 :sad4:

ออฟไลน์ i-love-you

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 716
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-3
เส้นบางๆ เส้นเดียว แต่ ทำความเจบปวดหั้ยคัยหลายคน

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
 :o12:
ไม่อยากให้ยอมแพ้เลย
สู้อีกครั้งจะเป็นไรไหม
โอห์ม มิ๊ก

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
อึดอัดแทน....
สงสารคนที่เลือกทางเดินชีวิตของตัวเองไม่ได้
+1

subaru

  • บุคคลทั่วไป
 :monkeysad:อ่านแล้วเศร้า

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
อึดอัดว่ะ

ออฟไลน์ Tinton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ดีใจมากครับ ที่พี่โอห์มมาต่อเรื่องราว


สู้ต่อไปนะครับ ^_^

ออฟไลน์ StillLoveThem

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-10
...ตอนนี้มันเคียร์ทุกเรื่องเลยเนอะ ปัญหาต่างๆที่มันเกิดขึ้นรอบตัวน้องโอมห์
...แต่มันก็แปลกน่ะทุกครั้งที่ทุกอย่างเหมือนมันจะราบรื่น โอมกำลังจะเริ่มต้นใหม่
...มันจะมีบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับน้องมิกซ์ มาเกิดขึ้นให้โอมห์ได้รับรู้เสมอ
...มันเหมือนกับ..ใครก็ไม่รู้..พระเจ้ามั้ง..ได้เขียนวงจรชีวิตของทั้งสองคนนี้ไว้แล้ว
...มันจะมี..บ่วง..โซ่..สายสัมพันธ์ ที่มันจะต้องคล้องกันเกี่ยวกันไว้ตลอดเวลา
...แล้วที่คิดว่ามิกซ์ต้องแต่งงานจริงๆๆเค้าได้แต่งหรือเปล่าหว่า
...น่าจะไม่ ดูแล้วมิกซ์...ไม่แคร์อะไรเลยยังคงเป็นตัวของตัวเองอยู่เหมือนเดิม
...สำหรับเรื่องน้ำท่วม สู้ๆๆละกันโดนกันทั้งประเทศ เราต้องอยู่กับมันให้ได้
...แล้วคนที่อยู่ข้างกายบ้านเค้าไม่โดนน้ำเหรอ ถึงได้นั่งเล่นเกมส์แบบสบายใจ
:m20:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ หลงไหลในม่านหมอก

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 548
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +298/-2
กอดโอห์มก่อนเลย  คิดถึงมาก  เข้ามารอตลอดเลย

และแล้วก็มาพร้อมน้ำตาอีกเช่นเคย เฮ้อ มิ๊กซ์ก็ยังเป็นมิ๊กซ์ที่เราไม่เข้าใจในกระบวนการความคิดเช่นเคย

มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สุดอะ  เฮ้อ อยากให้โอห์มยิ้ม อยากให้โอห์มมีความสุข ฉันต้องรออีกกี่ตอนเนี่ย

บอกตรงๆเชียร์น้องปลื้มตั้งแต่กระโน้น แต่ไม่ยักรู้สึกถึงความสุขตอนโอห์มอยู่กับน้องนะ

สู้ๆ^^

kokoky

  • บุคคลทั่วไป
นึกว่าตาฝาดค่ะ
ดีใจมากที่ได้ข่าวคราวของโอห์ม

ถึงเรื่องจะกระจ่างมาบ้าง แต่ก็เหมือนยิ่งซับซ้อนขึ้นนะคะ
เหมือนมันยังไม่หมด เรื่องที่ไม่เข้าใจยังมีอีกมากมายเลย

เป็นกำลังใจให้นะคะโอห์ม

ออฟไลน์ ~NeMeSiS_PURE~

  • 행 복 하 길 바 래 ...
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2009
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +196/-2
รอเนื้อเรื่องว่าจะดำเนินต่อไปในทางไหน เพราะปัญหามันเยอะ ปมต่าง ๆ  :เฮ้อ:

ไม่คิดว่าชีวิตคน ๆ นึงจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ ในขณะที่บางคนเรียบง่าย

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
รู้สึก หน่วงๆๆๆๆ
..ถ่วงที่ใจ..


ยิ่งนึกถึงเรื่องมิก..ยิ่งรู้สึกขัดใจ
ไอ่บ้าเอ๊ย

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
โอ้
ใช้เวลาวันครึ่ง ในการอ่านเรื่องนี้จนจบ(ทัน) :jul1:
ขอบอกว่าเหนื่อยมากๆแรกๆก็เหมือนอะไรๆจะดีไปสะหมด
แต่หลังๆมันไม่ใช่เลยมีแต่เรื่องร้ายประดังเข้ามา
อ่านและบีบหัวใจดี(แต่ก็ยังนั่งอ่าน น้ำตาเล็๊ดจนจบ) :o12:
ไม่คิดเลยว่าชีวิตคนคนหนึ่งจะต้องพบเจอกับอุบสรรคอะไรขนาดนี้
อ่านไปก็มีงงบ้างไม่เข้าใจบ้าง
แต่ก็พยายามจะเข้าใจเพราะมันไม่ใช่นิยาย
มันคือเรื่องเล่า มันเลยไม่ค่อยจะต่อกันมากนะ(บางทีก็ข้ามสะงง) :laugh:
แต่ช่วงหลังๆ มันดูเหตการณ์ไม่ค่อยปะติดปะต่อกันเท่าไหร่(หรือเราจะงงเอง)
ยังคงสงสัยเรื่องเนส เหตการณ์มันผ่านๆไปแล้วเหมือนจะไม่ได้เล่าถึงตอนนั้นอีกเลยก็มี
ทำไห้มีบ้างทีี่ยังคาใจในบางเรื่อง
อ่านจนมาถึงตอนนี้อยากจะบอกว่า เสียน้ำตาไปพอควร
เข้าใจในอารมณ์ของโอมห์นะ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมยังรักมิ๊กมากขนาดนั้น
หรือเพราะ เราเข้าไม่ถึงอารมณ์ของความรักในตัวมิ๊ก เห้นตอนแรกที่ได้รับรุ้เรื่องว่าตอนที่เอิทถูกยิง
นึกว่าตัดใจได้แล้วสะอีก ความรักคงลืมได้ยากจริงๆ(เข้าไม่ถึงเพราะไม่เคยมีความรัก :o8: )
ยังไงก็ขอไห้มีชีวิตเพื่อความสุขในวันข้างหน้าต่อไป
อุปสรรคมีไว้ไห้เราก้าวเดิน :a2:
สุ้ๆนะ :m18:
จะรออ่านจนถึงเล่าตอนปัจจุบันเลย :กอด1:

GuLaZeng

  • บุคคลทั่วไป
 :o12: :o12: :o12: อินครับเด๋วขอไปร้องไห้ก่อนอินจัด  :o12: :o12: :o12: :o12:

JipPy

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ยยย ย ยย


อ่านแล้วเศร้าอ่ะพี่ เจ็บๆๆๆๆ



เรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไปเนี่ย???

ออฟไลน์ August_lovers

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3

Rubaiyat

  • บุคคลทั่วไป
เศร้ามากๆเลยอ่ะ

enhumto

  • บุคคลทั่วไป
อีกแค่ 2 อาทิตย์ก็จะสิ้นปีแล้ว เชื่อว่าเป็นอีก 1 วันที่คนไม่มีคู่จะรู้สึกว่าตัวเองเหงาเป็นพิเศษ ถ้าวันหนึ่งเราโตจนเป็นผู้ใหญ่พอเราจะรู้ว่าความเหงามันก็เป็นเรื่องหนึ่งในชีวิตที่ทำให้เรามีความสุข ปีหนึ่ง ผมเคยยืนดูพลุที่จุดขึ้นฟ้า แล้วมองไปดูรอบตัวเห็นคู่รักมากมายกำลังจับมือ บ้างก็โอบกันเพื่อดูพลุ เวลาเกือบครึ่งชั่วโฒงที่ผม หันมายืนกอดตัวเอง (กอดอกนะครับ) ผมน้ำตาก็ซึมๆ ก็เหมือนกับวาเลนไทน์ในปีถัดไป


แขกไม่ได้รับเชิญ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

“อะนี้พี่”มีชายคนหนึ่งส่งผ้าพื้นเล็กๆให้ผมสีขาวสลับกับสีฟ้าคาดกันไปมา ซึ่งผมปริเสทไป เลือกที่จะใช้คอเสื้อที่ใส่อยู่ดีกว่า
“เอาไปเถอะพี่” ใครว่ะเขาไม่เอาก็ยังจะยัดเหยียดใส่อีก
“ไม่เป็นไรครับ”
“พี่จะไม่เป็นอะไรได้ไง ผมเจอพี่สองครั้งก็ร้องไห้สองครั้งเลย” ประโยคนี้เริ่มจะน่าสนใจสะแล้วสิ
“ครับพี่” น้องคนนั้นยืนยิ้มให้ผม
“เรารู้จักกันด้วยรึ” ผมรีบเช็ดน้ำตา
“ไม่รู้สิคราฟ ผมคิดว่าผมรู้จักพี่นะ แต่ไม่รู้ว่าพี่จำผมได้รึเปล่า”
“ไม่รู้” ผมส่ายหัว
“ผมนั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้หรอกพี่ พอดีไป 7-11 มาแล้วบังเอิญเห็นพี่ ร้องไห้อีกแล้วเลยแวะเข้ามาดู ถ้าจำผมได้ค่อยเดินมาทักนะ” น้องคนนั้นบอกลาผมรึเปล่าผมไม่แน่ใจแต่ก็ทิ้งปริศนามากพอที่ทำให้ผมต้องวางเครื่องเล่นในมือ มากุมหัวแล้วค่อยๆนึกแทน
..... ผู้โดยสายที่มีความประสงค์จะเดินทางจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยรถของบริษัท สามารถขึ้นรถได้ที่ ชานชลาที่ 18 ค่ะ.....
ผมคงไม่มีโอกาสที่จะนึกออกหรอก ถึงนึกออกก็คงไม่ทันได้บอกแล้วว่าพี่จำน้องได้ รึว่าน้องเป็นคนที่พี่จำได้ ผมสะพายกระเป๋าแล้วก็ของที่ติดมือมาจากบ้าน ออกเดินไปขึ้นรถ
“ 1A 2A 3A 4A แถวนี้ละ” ผมเอากระเป๋าสอดไว้ในช่องวางบนหัว แล้วทิ้งตัวลงไปนั่งที่เบาะ
“พี่ครับพอดีผมรู้จักกับพี่ชายคนนี้ ผมยอมแลกที่นั่งติดหน้าต่างให้พี่เลยนะครับ”



“ขอโทษนะครับพี่ พอดีที่ผมอยู่ด้านใน”
“ไม่เป็นไรครับ ตามสบายเลยครับ” ผมไม่ได้สนใจที่จะมองหน้าคู่นั่งผมหรอกนะครับ รู้แต่ว่าเป็นผู้ชายก็พอแล้วเพราะเดี๋ยวรถออกก็หลับต่างคนก็ไม่รู้จักกันอยู่แล้ว
“พี่ครับ”
“ครับผม” ผมหันไปมอง
“อ้าว”
“สรุปว่าพี่นึกออกรึยังว่าผมคือใคร”
“ไม่ นึกไม่ออก”
“พี่เคยเอาผ้าเช็ดหน้าผมไปพื้นหนึ่งแล้ว”
“เห้ยจริงสิ”
“จริงสิครับ บนโรบินสัน ในห้องน้ำ” ผมนึกออกแล้ว ไอ้น้องคนนั้นนั้นเอง แต่หน้าไม่เห็เหมือนเดิม
“ใช่เอ๊งจริงๆรึ”
“ทำไมละครับ”
“เหมือนน้องคนนั้นมันจะดูดีกว่านี้”
“โห่พี่มันจะเกินไปละ ไม่ขอบคุณแล้วยังจะสบประมาทอีก” ผมยิ้ม
“ก็จริงนิว้า”
“จริงยังไงครับ”
“เหมือนตอนนั้นจะน่ารักกว่านี้”
“คงเพราะผมใส่ชุดนักเรียนมั้ง”
“ไม่รู้สิ แล้วนี้มาทำไมที่พิโลก”
“งานแต่งเพื่อนครับ แล้วพี่ละ”
“เหมือนกัน” ไอ้น้องนั้นรีบหันนาฬิกามาดู
“นี้เพิ่งบ่ายโมงเอง พี่ทำไมรีบกลับละ”
“ไม่รู้สิพี่ก็คงต้องถามเราเหมือนกัน”
“ผมอยู่ไม่ได้ว่ะพี่ มันเจ็บ” ผมก็ยิ้มเหมือนเจอคนหัวอกเดียวกัน
“อืม คล้ายๆกัน”
“ผมหนีว่ะพี่ ไม่กล้าอยู่” ผมก็อยากจะบอกว่าเหมือนกัน
“แล้วพี่ละ เห็นนั่งร้องไห้อีกแล้ว”
“พี่ไม่ได้ร้อง แค่น้ำตามันไหลเอง เคยเป็นรึเปล่าละ”
“หรอ ผมไม่ได้อ่อนแอ่ขนาดนั้น”
“เอ๋อ คงจริงว่ะพี่คงอ่อนแอ่ ว่าแต่ไอ้คนเข้มแข็งจะมานั่งทำไมตรงนี้ว่ะทำไมไม่อยู่ในงานแต่ง”
“เอาจริงๆนะพี่ ผมก็ไม่แพ้พี่หรอก” แล้วน้องคนนั้นก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
“ทำไมว่ะพี่” พี่จะรู้ไหมละน้องว่าทำไม
“เอาน่า”ผมเอื้อมมือไปจับที่บ่า
“พี่สงสารผม”
“ป่าวถ้าพี่สงสารแก ก็เท่ากับพี่สงสารตัวเอง ลืมไปแล้วรึไงว่าเราก็เพิ่งเจอเรื่องเดียวกัน”
“ป่ะพี่” น้องคนนั้นจับมือแขนผม
“ไปไหน”
“ทำไมเราต้องหนีไปนั่งร้องไห้คนเดียวละ” ผมชะงักแล้วรอฟังประโยคถัดไป
“ไปลุยให้มันส์ไปเลยดีกว่า”
“แป๊บนะ”
“พี่คราฟ ผมสองคนไม่ไปแล้วรบกวนให้คนขับรถเขาจอดได้รึเปล่าครับ”
“ตรงนี้”
“ครับตรงนี้เลยครับ” รถหยุดระหว่างแยกที่จะมุ่งไปได้อีกหลายจังหวัด ผมหยิบของแล้วเดินลงมาอย่างงงๆ ผมไม่รุ้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ แต่น้องคนนั้นดึงแขนผมแล้วเราก็มายืนอยู่ที่ทางแยกนั้นท่ามกลางแสงแดดจัดๆในเวลาเกือบบ่ายสองโมง
“พี่โอมห์ สรุปว่าพี่จะแวะมาหาผมที่ลำปางรึเปล่า”
“พี่ตัดสินใจแล้วว่ะปลื้ม พี่จะลุย มารับพี่ที่บ้านนะ”
“ต้องแบบนี้สิ คนดีของปลื้ม” ผมกำกระเป๋าอย่างแน่น แล้วก้าวออกมาจากทางแยก และก็โบกรถ
“โถ่พี่ ผมก็คิดไว้แล้วถ้าทำแบบนั่งฝรั่งพี่คงโดนรถชนตาย”
“ก็ว่า” ผมหัวเราะ แล้วเราทั้งคู่ก็พาตัวเองนั่งรถเข้าเมือง
“พี่จะทำอะไรเป็นอย่างแรก”
“พี่ก็คงรอเวลาที่จะกล่าวอวยพรบ่าวสาวมั้ง แล้วค่อยแสดงตัวแบบในหนังไง”
“พี่ผมลืมถาม ว่าพี่เป็นเพื่อนของเจ้าบ่าวรึว่าเจ้าสาว”
“อะไรว่ะคุยมาตั้งนานยังไม่รู้อีกรึไง”
“ไม่รู้ รู้แล้วจะถามรึไง”
“พี่เป็นเกย์”
“เห้ย จริงดิ”
“ทำไมต้องทำหน้างั้นว่ะ รังเกียจรึไงว่ะ”
“ป่าว ผมไม่ได้รังเกียจ แต่ผมไม่ใช่เกย์นะ คิดสะว่ากำลังหัดเป็นก่อนละกัน ดีไหมพี่ เราจะได้คุยกันสนิทใจ”
“ไอ้น้องเมิงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้”
“ผมล้อเล่น”
“ผมขอไปกับพี่นะ ผมไม่แกร่งพอที่จะไปหาผู้หญิงคนนั้นอีก”
“อะไรว่ะ เมิงน้ำเน่าอีกละ จะมาก็มา” ผมหยิบโ?รสับขึ้นมากดหาเพื่อน
“เห้ยโอมห์เมิงหายไปไหนว่ะ คิดว่าไอ้มิ๊กเอาไปฆ่าสะแล้ว”
“ยังอยู่ มารับกรุด้วย ตรงตลาดนะเดียวรอตรงร้านเครื่องเขียน”
“รับทราบ”
“เราเคยมาพิษณุโลก รึเปล่า”
“ไม่ครับ”
“เอ่อ ชื่อเอ็งพี่ยังไม่รู้จักเลย”
“เรียกผมว่าไฟ แล้วกันนะครับพี่”
“ชื่อเล่นชื่อเพลิง ชื่อจริงไม่ชื่อ อัคนี รึไงว่ะเนี่ย”
“พี่รุ้ได้ไง”
“จริง”
“เปล่า ผมชื่อจริงว่า ว่าชลนที”
“แปลว่าน้ำ”
“ใช่พี่ พอดีว่าพ่อผมเป็นคนอารมณ์ร้อนเหมือนไฟ ส่วนตัวผมพอแม่บอกว่าผมเกิดมาก็ทำให้พอเย็นลงไปได้เยอะเลยชื่อว่าชลนที” พอดีว่าเพื่อนผมมารับพอดี
“ร้ายนะเมิงหายไปแป๊บเดียวไปเอาเด็กที่ไหนมาละเนี่ย น่ารักฉิบหาย”ป้าๆในรถเริ่มส่งเสีย
“เมาใช่ไหม”
“ไม่เมา ใครจะเมาเมิงไม่อยู่ไม่สนุกเลย”
“นี้ขนาดไปสนุกนะ”
................ปรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พวกเมิงจะคุยกันอีกนานไหม กรูจะรีบไปส่งเมีย ......... เสียรถคันที่ตามมาบีบแตรไล่
“ขอโทษครับพี่ ขอโทษครับ เพลิง ขึ้นรถ”
“ครับ”
“แม้ๆ ชื่อเพลิง จะมาเผาพี่ใช่ไหมเนี่ย แค่นี้ก็ร้อนรุ่มจะตายอยู่ละ” ผมหันไปมองหน้าเพื่อนผมที่กำลังกระชับความสัมพันธ์กับน้องที่ผมเพิ่งจะรู้จัก
“ทำบุญนะเพลิง พวกเพื่อนพี่อยู่ที่นี้ไม่ค่อยเจอเพชร ทุกทีมันเจอแต่ขี้”
“ยังไงของเมิงว่ะไอ้โอมห์”
“อย่าคิดว่ากรุไม่เห็นนะที่พวกเมิงไปเนียนจีบเด็กใน Fbกรู กันอ่ะ”
“โอมห์ เมิงก็”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมเต็มใจ”
“เห็นไหม น้องมันเปิดทางแล้ว”
“เมิงพูดเองนะเพลิงเดี๋ยวก็รู้”
“เห้ยพวกเมิงกรูอยากทำอะไรอย่างหนึ่งว่ะ”
“อะไรว่ะ”
“เอาน่าขอแค่ช่วยรึไม่ช่วย”
“ผมช่วยครับพี่”
“ขอบคุณมากเพลิง แต่พี่ถามพวกเพื่อนพี่”
“เรื่องดีรึเปล่าว่ะ”
“ดีอยู่แล้ว เชื่อกรู”
“กรูเห็นมีแต่เรื่องดีๆทั้งนั้นเวลาเมิงกับไอ้มิ๊กเจอกัน”
“อะนี้เอาไปซื้อตามที่กรูจดไว้นะ”
“อะไรว่ะ ทำไมต้องให้มาตั้งเยอะ”
“เอาน่า เพื่อนกรูจะแต่งงานทั้งที อีกอย่างกรุเบิกคืนมาหมดแล้ว”
“ยังไงว่ะ”
“ด้วยเจ้านี้ไง” ผมยกไอแพคให้พวกมันดู



“โอมห์ ลูก มาตั้งแต่เมื่อไร”
“สวัสดีครับคุณน้า เสียงดูแปลกใจจังเลยนะครับ” บรรยากาศในงานดูเต็มอิ่มไปด้วยความสุข อาหาร ดนตรี ต้นไม้ ได้ไม้ รูปภาพบ่าวสาว ใช่สินะลูกชายคนโตของบ้านจะเสียหน้าได้ยังไง
“พอดีว่าเพื่อนผมแต่งงานทั้งที่ ผมก็ต้องมาแสดงความยินดีสิครับ”
“แต่”
“ไม่เป็นไรครับ ผมสัญญาว่าจะไม่มีเรื่องที่ทำให้คุณน้าเดือดร้อนแน่ๆ สบายใจเถอะครับผมขอตัวไปหาพ่อกับแม่ผมก่อนนะครับ”

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด