-- นั้นมันน้องกรู เพื่อนกรู --ทางเลือก และ มิตรภาพ 04/08/2557
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -- นั้นมันน้องกรู เพื่อนกรู --ทางเลือก และ มิตรภาพ 04/08/2557  (อ่าน 334558 ครั้ง)

zene

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สองวันถึงตามทัน
รู้สึกเรื่องไม่ได้หวือหวาตื่นเต้น มีจุดไคลแมกซ์
แต่มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้
คนทุกคนมีเหตุผลที่เราไม่สามารถเข้าใจได้
บางคนก็จะดันทุรังที่จะต้องหาเหตุผล พอรับไม่ได้ ก็จะแสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ
แต่น้องโอห์ม แม้จะไม่เข้าใจ ก็ไม่ได้แสวงหาหรือคาดคั้นคำตอบ แต่เลือกที่จะยอมรับมัน

เป็นกำลังใจให้นะคะ...^^

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อย่ามาหลอกกันซะให้ยากเลย
โอมห์

แล้วเข้ามาลบ reply 1620 เหรอ
ลบออกไปไมอ่ะ หึหึ

ยังไงก็..มิกซ์ อิอิ

อย่าเอาปลื้มมาสลับขาหลอกกันซี่
ไม่เชื่อหรอก ฮ่าฮ่า

จุ๊บๆๆๆๆๆๆ..ไอ่หน้าหล่อ


LoFT

  • บุคคลทั่วไป

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ na_near

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 971
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
 :เฮ้อ:  ไม่อยากให้ใครทำ้ร้ายใคร   เค้าก็มีหัวใจเราก็มีหัวใจ

ถ้าไม่หนักหนาเกินไปก็อภัยให้กัน  

แต่เราก็ไม่ใช่คนดีขนาดนั้น... :เฮ้อ:ทางออกที่สุดคือไม่ต้องเจอกันดีที่สุด
หลบไปพักใจ ใช้เวลากับตัวเอง  เผื่อเวลาจะช่วยให้อะไรๆมันดีขึ้นดีขึ้น


ปล.โน้ตโผล่มาทำซึ้งอีกหล่ะ^^

enhumto

  • บุคคลทั่วไป
สองสามวันที่ผ่านมา แม่ผมเพิ่งมีเที่ยวบินกลับมาหลังจากที่ผู้นำของอียิปยอมลงจากอำนาจ 14 กุมภาปีนี้ผมต้องเดินทอดน่องคนเดียวอยู่ที่เมืองหลวง ใครจะไปรู้ว่าวันธรรมดาวันหนึ่งจะดูเหงาจนจับใจขนาดนี้ เรารู้ว่าเรามีใครอยู่เต็มอก แต่มันก็เหงาจนประหลาด ภาพที่ผมไม่สามารถเห็นได้ในเมืองเล็กๆ หรือแม้กระทั่งเชียงใหม่ คนมากมายเดินถือดอกกุหลาบด้วยสีหน้าที่ดูมีความสุข ทั้งรถไฟฟ้า ทางเดิน มีความรักให้เราสัมผัสได้ ผมกลับรู้สึกเหมือนว่าเป็นคนเดียวที่ต้องเหงาบนทางเท้า ที่เดินทอดยาวไปยังจุดหมาย ความรักที่ผมพยายามบอกเล่า แต่พอถึงวันที่ผมสมควรจะได้รับ มันก็กลับไม่ได้มา เราไกลกันเหลือเกิน เฝ้าบอกตัวเองว่ามันก็เป็นแค่วัน วันหนึ่ง ที่เหมือนทุกวัน แต่ก็อดไม่ได้ ที่เห็นทุกคนมีความสุข แต่เราได้แต่มอง แม้กระทั่ง คู่ผู้ชายที่เดินจับมือ อีกข้างหอบหิ้วดอกไม้ กล่องของขวัญ สังคมมันเปิดกว้าง แต่ใจเราสิที่หดหู่เหลือเกิด ความรักที่สวยงามขนาดนั้นเราเคยเจอแล้ว แล้วก็ได้รับมันมากแล้ว แต่ก็แอบคิดเอาเองว่าลึกๆแล้วที่เรามายืนเหงา ตาแดง เพราะคิดถึงคนที่อยู่ไกลกัน มันเรื่องอะไรกัน วาเลนไทร์ นี้มันช่างทรมานสำหรับคนที่อยู่คนเดียว แม้นทุกคนที่มีอยู่ได้อยู่ด้วยกัน เขาดูมีความสุขเหลือเกิน แต่เรานี้สิถึงรู้ว่าความรักมันเดินทางมาจนถึงคำว่าเกินพอแล้ว มีกันและกันแล้ว แต่อะไรคือความสุข ผมเพิ่งเข้าใจว่าคนที่ต้องอยู่คนเดียวในวันวาเลนไทร์เป็นยังไง

...

“ทำไมต้องมาไกลถึงขนาดนี้เลยละพี่”
“อะไร” ผมหยิบซาลาเปายัดใส่ปาก ขนาดที่กำลังอร่อยกับอาหารจีนที่ราคาถูกเสียเหลือเกิน
“ก็หนีรักไงพี่ ผมรู้นะว่าพี่หนีพี่มิ๊กมา”
“รู้ดีว่ะ”
“จริงรึเปล่าละพี่”
“ไม่เชิง”
“หมายความว่าไง”
“ก็อยากอยู่กับเรามากกว่าไง เบื่อคุยโทรสับแล้ว”
“ให้มันจริงเถอะพี่ ว่าไม่ได้หนีอะไร ถ้าอยากอยู่กับผมก็แล้วไป” เวลาเกือบๆครึ่งเดือน ทำให้ผมมีเวลาได้อยู่กับปลื้มมากขึ้น หลังจากที่เราเจอเรื่องร้ายๆมาด้วยกัน แล้วมันก็ทำให้ผมรู้ด้วยว่าความรักจริงๆแล้วมันคืออะไร โน้ตได้ให้อะไรกับผมไว้มากมาย แล้วก็ยังมีเรื่องราวของโน้ตอีกเยอะที่ผมยังไม่เคยรู้ เราใช้เวลาในการเดินหาของกิน ซึ่งเป็นเรื่องถนัดของเราทั้งคู่ แม้ว่าภาษาจะเป็นปัญหา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราอดอยากในเมืองจีน อากาศที่ไม่ร้อนไม่หนาวนี้รึเปล่าที่ทำให้ ผู้ชายที่นี้มีหน้าตาผิวพรรณดีไปเสียหมด อาหารที่สามารถซื้อได้ในราคาแสนจะถูก สะอาดรึเปล่าผมกับปลื้มไม่ได้ใส่ใจ รู้แค่ว่ากินแล้วอร่อย สุดท้ายเราก็ต้องถ่ายเหมือนกัน เรามีรูปถ่ายที่พยายามบีบใบหน้าให้เล็กรูป แล้วใช้ความยาวของแขนเพื่อที่จะได้เห็นทั้งวิวกับหน้าของเราสองคน มันช่างเป็นการเที่ยวที่ผมมีความสุขจริง ไม่เสียใจที่เลือกที่จะมาในที่ที่ไม่มีแม้แต่ภาษาไทย ไม่มีคนรู้จัก ไม่มีแม้แต่เสียงของไอ้มิ๊ก
.
.
.
.
.
.
“พี่โอมห์ เดี๋ยวปลื้มกลับบ้านก่อนนะครับ แล้วเราไปเจอกันที่เชียงใหม่นะครับ” ผมกับปลื้มแยกย้ายกันระหว่างที่อยู่ที่สนามบิน ตัวปลื้มเองเดินไปแบบโล่งๆ ไม่ของไม่ได้มีอะไรมาก แต่กับผมที่หอบหิวของฝากมาจากเมืองจีนสะมากมายไปหมด หนักไปทางของผิดกฎหมายเสียด้วย แต่ก็อย่าไปได้สนใจเลยครับ ผมกลับมาถึงบ้านในวันเดียวกัน  ไม่มีผู้ใดมารอต้อนรับ บ้านที่ว่างเปล่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์อาศัยอยู่

..................................... พ่อกับแม่ไปบ้านยายนะลูก  ....................................................
ประโยคสั้นๆเขียนลงบนกระดาษด้วยลายมือที่รีบร้อน ผมคงเดาว่า ได้เลขเด็ดกันแน่ๆ ถูกแปะไว้ที่หน้าทีวี แล้วยังไงกันวันนี้สรุปคือผมต้องอยู่บ้านคนเดียวใช่หรือไหม คงทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ผมเก็บของให้ขาที่เข้าทาง ก่อนจะออกเริ่มต้นเดินทางอีกครั้ง ทุกครั้งที่ผมต้องอยู่คนเดียว ผมมักจะนึกถึงเขาคนนั้นเสมอ 15วันที่ผมหายไป ก็คงไม่ต่างอะไรจากทุกๆครั้งที่เขาเองก็เคยหายหน้าไปแบบนี้เหมือนกัน โรงพยาบาลก็ยังคงวุ่นวายเหมือนเดิม หมอ พยาบาล ญาติผู้ป่วย เดินกันจนหน้าปวดหัว
“พี่ครับ นาย.....................  อยู่ที่ไหนครับ” ผู้หญิงที่ยืนอยู่หลังเคาเตอร์ใช้เวลากับคอมพิวเตอร์สักพัก
“ห้อง10..  ค่ะน้อง เดินขึ้นไปอีกชั้นแล้ว.....”
“ครับผม” หลังจากที่ได้รับคำตอบ ผมก็เลยขึ้นบันได เพียงไม่กี่ครั้งมันก็พาผมขึ้นมาถึงจุดหมายที่ต้องการจะมา โถงทางเดินยาวสุดลูกหูลูกตา ประตูสีขาวที่อยู่เบื้องหน้าผม มีชื่อเอิทเขียนด้วยตัวหนังสือสีดำ ผมค่อยๆเอื้อมมือไปบิดลูกบิดโดยหวังลึกว่าเรื่องทุกอย่างจะปรกติดี
“อีกคำดิ บอกให้กินเข้าไปอีกคำ” นี้คือเสียงที่ผมได้ยินหลังจากที่เปิดประตูเข้ามา
“พอแล้ว พยาบาลมาแล้ว” นี้คือเสียงเอิทแน่ๆ แต่ใครละที่กำลังยัดเหยียดอาหารให้เอิทกินอยู่
“อ้าว กลับมาแล้วรึไง”
“อืม” ไม่แปลก รึว่ามันน่าแปลกที่ผมได้เห็นภาพนี้ ชายคนหนึ่งที่นอนอยู่บนเตียง อยู่ในวงแขนของเพื่อนคนหนึ่งที่ผมพยายามจะหนีเขาไปให้ใกล้ มิ๊ก ถอดแขนออกมาจากเอิทแล้วเอาจากข้าววางไว้บนตรงข้างๆ
“เป็นไงบ้างเอิท” ผมถามโดยที่พยายามจะข่มใจให้ไม่คิดถึงภาพเหมือนสักครู่นี้
“ดีขึ้นแล้วครับพี่ ดีนะเนี่ยที่หน้าตาไม่เสียโฉม”
“เอ๋อ นี้ขนาดยังไม่เสียโฉมนะเนี่ย” สีหน้ามิ๊กดูจะมีความสุข มาก เรียกได้ว่ามากกว่าครั้งสุดท้ายที่ผมเห็น
“พี่มิ๊กอะ” สองคนหยอกล้อ ประหนึ่งว่าเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เอ๋อ เห็นแบบนี้ก็ดีละ ” ผมเดินออกมาอย่างเงียบๆ
“จะกลับแล้วรึไงโอมห์”
“อืมไม่รู้จะอยู่ทำไม น้องหายดี ก็ดีละ จะกลับไปเก็บของ ไว้เจอกันที่มหาลัยแล้วกัน” ผมหันหลังพูด ไม่ได้มองแม้แต่หน้ามัน  อันที่จริงสองคนนั้นกลับมาดีกัน รักกัน ดูแลกันเหมือนเดิมแล้วมันก็ดีแล้วนิ ทำไมเราต้องมารู้สึกอะไรด้วย รึว่าตัวเราเองเสียดาย ที่คนที่สมควรอยู่ในอ้อมแขนนั้นน่าจะเป็นเรา บ้างที่เราอาจจะลืมอะไรไปแล้วก็ได้ ว่ามิ๊กเคยพูดอะไรกับเราไว้ รึว่าจริงๆแล้วที่เราเสียใจคือครั้งหนึ่งเราก็มีโอกาสได้ทำแบบนี้ แต่เราก็ไม่ทำ เป็นเพราะเราไม่แน่นอนและก็ไม่หนักแน่นกับคำว่ารัก แล้วคำว่ารักมันคืออะไรละ หลังจากปิดห้อง ครั้งแรกที่ผมหลับตา รู้สึกได้ว่ามีหยดน้ำตาเม็ดโตไหลหลงมาอาบแก้ม คงยังมีโชคอยู่บ้างที่ในบริเวณนั้นไม่มีใครอยู่ และก็คงดีที่ไม่ต้องมีใครมาเห็นผู้ชายขี้แง้คนนี้ 
“เห้ย มายืนบังประตูทำไมเนี่ย” มิ๊กดันประตูออกมา ผมเลยจำต้องเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
“อ้าว โอมห์ เป็นอะไรว่ะ” ผมไม่ตอบ ได้แต่ค่อยๆเดินจากไป แต่เท้าผมรึจะเร็วกว่ามือของมิ๊ก
“เปล่าโว้ย จับทำไมว่ะ กรูจะกลับแล้ว”
“เมิงไม่เป็นไรก็หันหน้ามาคุยกับกรูดิว่ะ” มือ ข้างที่ไม่ถูกจับ พยายามเช็ดคราบน้ำตาให้ดูเป็นปรกติ
“ไม่มีอะไร ปล่อยแขนกรูได้แล้ว”
“เมิงร้องไห้ใช่ไหม”
“ป่าว”
“เมิงร้อง”
“กรูบอกว่าป่าว”
“แต่เมิงตาแดง”
“กรูอดนอน นั่งเครื่องนาน”
“เมิงตาแดง ”
“กรูว่าเมิงคุยไม่รู้เรื่องแล้ว”
“เมิงนั้นละโอมห์ที่คุยไม่รู้เรื่อง ไปกลับบ้านกลับกรู”
“กรูเอารถมากลับเองได้”
“ไม่ต้อง เมิงต้องคุยกับกรูให้รู้เรื่อง”
“แล้วรถกรู”
“จอดไว้โรงพยาบาลใครจะขโมย ยังไงวันนี้กรูก็ต้องนอนกับเมิงอยู่แล้ว เพราะแม่เมิงบอกไว้”
“เมิงอย่ามาเนียน เมิงรุ้เมื่อไรว่ากรูจะกลับมาวันนี้ ”
“โอมห์ เมิงช้ากว่ากรูเสมอ เชื่อกรุเหอะ”
“แล้วไอ้เอิท”
“มันอยู่ได้”
“มองอะไรกันครับ พอดีแฟนผมเพิ่งกลับจากต่างประเทศคิดถึง จะจับไม้จับมือไม่ได้รึไงครับ” มิ๊กพูดใส่ พวกพยาบาล ทั้งหญิงและชายที่นั่งอยู่แถวๆนั้น พวกนั้นถึงกับต้องหลบสายตา แล้วเปลี่ยนกิจกรรมไปทำอย่างอื่นแทน มิ๊กยังคงลากแขนผมเดินลงมาตามทางต่อสู้และฝาดฟันกับสายตาคนอีกมากมาย ไม่มีบทสนทนาอะไร เลย ระหว่างที่ถูกลากมา อันที่จริง ทุกครั้งที่ผมกับมันคุยกันไม่รู้เรื่องตั้งแต่เด็กจนโตมันก็เป็นแบบนี้มาจนตลอดอยู่แล้ว   สัญญาณกันขโมยถูกปลดออก
“อะ คุณชาย ขึ้นไปนั่ง แล้วไม่ต้องเสือกเปิดประตูลงไปไหนนะ” ผมกำชับ ก่อนจะกระแทกประตูปิด
“เมิงโมโหอะไรกรูว่ะ” ผมถามด้วยความสงสัย
“เมิงหนีกรูไปไหนมาละ”
“ไม่ได้ไปไหน”
“ไม่ได้ไปไหน พ่อเมิงสิ โอมห์ เมิงจะบอกกรูได้รึยังว่าเมิงหายหัวไปไหนมา เกือบเดือน”
“เมิงอย่ามาเวอร์ไอ้มิ๊ก”
“ว่าไง”
“ไม่ได้ไปไหนไกล หรอก แค่จีนนี้เอง”
“พ่อเมิงดิ ไม่ไกลเลยนะ”
“สองรอบแล้วนะ มิ๊ก”
“อะไร สองรอบ”
“เมิงพูดถึงพ่อกรูสองรอบแล้ว”
“ไปไหนกันดี” มันถามผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“แล้วแต่เมิงเหอะ วันนี้พ่อแม่กูไม่อยู่”
“ไปนอนบ้านกรูไหม”
“อย่าหาเรื่องมิ๊ก พ่อแม่เมิงเข้าเลิกผีเข้าแล้วรึยังไง”
“ไม่รู้”
“งั้นไม่เป็นไร กรูมีบ้าน กรูนอนคนเดียวได้”
“เมิงลืมใช่ไหมเนี่ย”
“ลืมอะไร”
“เมิงลืมแน่ๆโอมห์”
“ลืมอะไรว่ะ” ผมก้มมองซิปกางเกงตัวเอง ก็ไม่ใช่นิว้า หยิบเจ้ามือถือตัวน้อยมาดูวัน และเวลา พระเจ้าช่วย วันนี้จริงๆด้วย ผมมองหน้าไอ้มิ๊ก ที่ดูจะไม่ยิ้มแย้มเอาเสียแล้ว
“ป่าว ถ้ากรูลืม กรูจะกลับจากจีนวันนี้ทำไมว่ะ”
“จริงอะ”
“จริงดิ เมิงเป็นใครละเมิง กรูจะลืมได้ยังไง”
“เมิงพูดจริงๆนะ”
“อืม อยากไปนั่งร้องไห้คนเดียวละกัน”
“กรูไม่ใช่เด็กแล้วนะโอมห์”
“จ๊ะเพราะคนใหญ่คนโต” ความเศร้าที่ผมเพิ่งรู้สึกเมื่อสักครู่หายไปหมดแล้ว เหมือนว่ามิ๊กเป็นคนสลัดมันทิ้ง ถึงเรื่องราวที่ผ่านมาจะเลวร้ายสักแค่ไหน แต่อย่างน้อย วันนี้ก็เป็นวันที่สำคัญกับมิ๊ก บ้างทีคงเป็นแบบที่มิ๊กว่าก็คงจริง จะแบกมันไว้ทำไมในเมื่อเราเลือกที่จะลืมมันได้ พิษณุโลกกลายเป็นเมืองที่น่าอยู่ไม่แพ้กับเชียงใหม่ ภาพอดีตที่วิ่งผ่านเราสองคนอย่างรวดเร็ว ร้านไอติมร้านเดิมที่เราจะได้กินถ้วยพิเศษในวันเกิด ร้านขายขนมเค้กเก่าแก่ ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่อร่อยเหมือนเดิมแล้วก็เถอะ การกระทำรั่วๆของผู้ชายสองคน ที่วันนี้คนหนึ่งอายุอายุนับเลขสองแล้ว แต่ความคิดแบบเด็กของเราก็ไม่เคยจางหายไปเลย
“กรูอยากจะเป็นแบบนี้ตลอดไปเลยว่ะโอมห์”
“ยังไงว่ะ” ผมกับมิ๊กยืนอยู่บนสะพานใหม่ล่าสุดในจังหวัด สายตาที่มองทอดลงไปในแม่น้ำ นี้คงเป็นครั้งแรกจริงๆที่ผมกับมิ๊กได้คุยกันแบบไม่มีเรื่องร้ายๆ
“ขอจับมือหน่อยดิ” ไม่มีคำตอบออกจากปากของผม ผมปล่อยให้มือของผมถูกกุมไว้อย่างง่ายดาย รอยยิ้มที่ปรากฏบนหน้าของมิ๊ก มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน
“จริงๆแล้วเราไม่เคยเลิกรักกันเลยใช่ไหมโอมห์” ผมไม่ได้ตอบอะไร ความเงียบของถนนเส้นนี้ยังคงอยู่เป็นเพื่อนเรา แสงสีส้มของหลอดไฟข้างถนน มันทำให้สะพานนี้เป็นสะพานที่ดูงดงามมากในความรู้สึกของผม
“กรูลองแล้ว กรูลองที่จะลืมเมิงแล้วจะหาคนมาแทนที่เมิงแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้ กรูพยายามให้ความรู้สึกที่มีกับเมิงลดลงมาแค่เพื่อน กรูทำไม่ได้” มิ๊กไม่ได้มองหน้าผม ระหว่างที่พูดประโยคนี้
“แล้วหวังอะไรละมิ๊ก”
“ไม่รู้”
“ยังไงเราก็อยู่คู่กันมาตั้ง 20 ปีแล้ว พ่อกับแม่เราก็เป็นเพื่อนสนิทกัน ที่เรากำลังทำอยู่เนี่ย ......................................ไม่รู้ว่ะไม่อยากทำให้ใครต้องมาเดือดร้อนอีก แม้แต่มิ๊ก ไม่ใช่ว่าไม่รัก ไม่ใช่ว่าหมดรัก แต่มันรักไม่ได้ตั้งหาก เราไม่อยากเห็นพ่อแม่ต้องมาเจ็บปวดกับความสัมพันธ์ของเรา”
“ทำไมต้องสนใจผู้ใหญ่ด้วยละโอมห์ มิ๊กคิดว่าโอมห์จะ”
“จะอะไรละมิ๊ก ยังไงเขาก็เป็นพ่อเป็นแม่”
“แต่มันจะต่างอะไรกันละ ในเมื่อตอนนี้มิ๊กก็ยังคบไอ้เอิทได้เลย”
“ไม่รู้ ผู้ใหญ่เขาก็มีเหตุผลของเขา”
“แล้วมันหมายความว่ายังไงละ ไอ้คำว่ารักไม่ได้ เพราะโอมห์รักคนอื่นอยู่แล้วใช่ไหม”
“ครั้งหนึ่งเราเคยให้ใจคนคนหนึ่งไปแล้ว แล้วตอนนี้มันก็ยังอยู่กับเขาคนนั้น” เสียงมอไซค์ที่บิดแข่งกันดังมาแต่ไกล จนดูเหมือนว่านี้คงเป็นถนนอีกสายที่ไม่น่ามาเหยียบในเวลาดึกขนาดนี้ รถนับสิบจอดอยู่เบื้องหน้า ล้อมผมกับมิ๊กไว้
“เห้ยพวกเมิงดู กรูเกย์มาจู่จี้กันว่ะ” เสียงโห่ร้องดังลั่นในกลุ่มของพวกมัน
“Kไรว่ะ กรูไม่ใช่เกย์โว้ย ไอ้สัดเมิงรู้ไหมว่าพ่อกรูเป็นใคร”
“มิ๊ก”
“โอมห์ไม่ต้องกลัว ยังไงกรูก็ต้องปกป้องเมิง”
“ไอ้เหียนี้มันเรื่องจริงนะโว้ย ไม่ใช่หนัง”
“เอ๋อ”
“พวกเมิงอยากได้อะไรก็เอาไปเลย ” ผมส่งกระเป๋าตังค์กับมือถือให้มัน
“โอมห์อย่าไปยอมมัน”
“เมียเมิงดีว่ะ ไปกันดีกว่าพวกเรา ปล่อยให้พวกผิดเพศจู้จี้กันต่อ”
“ไอ้สัดกรูบอกแล้วไงว่ากรูไม่ใช่ตุ้ด” มิ๊กเดินไปเข้าไปทำท่าจะชกมัน คงผิดที่ผมเองที่รั้งมิ๊กไว้ไม่ทันทั้งที่พวกนี้ก็กำลังจะจากพวกผมไปแล้ว มิ๊กยืนนิ่งในขนาดที่พวกนั้นพากันสตาทเครื่องแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
“มิ๊ก พวกมันไปแล้ว” มิ๊กหันหน้ากลับมาหาผม มีดเล่มใหญ่ถูกปักอยู่ที่บริเวณไหล่ของมิ๊ก
“มิ๊ก” มิ๊ก ยิ้มแล้วก็พยายามเดินเข้ามาหาผม ไม่ทันแล้ว ขาที่พยายามพาร่างกายเดินมาหาผม มันค่อยๆหมดแรงแล้วก็ทรุดลงตรงหน้าผม  เรื่องนี้ ภาพนี้เหมือนได้เลาย้อนกลับมาที่เดิม
“มิ๊ก เมิงเจ็บไหม” มันเหมือนที่ครั้งหนึ่ง ครั้งหนึ่งที่เคยมีผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่บนตัก
“ไม่เจ๊บหรอก กรูมีความสุขมากกว่าที่ได้อยู่กับเมิง เอานี้” มือข้างเดียวกับที่ถูกแทงพยายามยกขึ้นมา กระเป๋าตังค์ที่เต็มไปด้วยเลือด
“อย่าร้องไห้สิโอมห์ไม่ตายหรอก แค่หัวไหล่” แต่ตามิ๊กแทบจะไม่มองมาที่หน้าผมแล้ว
“กรูทำเมิงเจ็บอีกแล้วมิ๊ก กรูขอโทษ”
“มันเป็นหน้าที่ของกรูอยู่แล้ว โอมห์ สัญญากับกรูหน่อยได้ไหม”
“สัญญาอะไร” เลือดไหลออกมาเยอะไปหมด ตัวผมเองก็ไม่กล้าดึงมีดออกจากหัวไหล่
 “สัญาญาว่าจะไม่ทิ้งกรูไปอีก”
“อืมกรูสัญญา ไปโรงบาลกันนะมิ๊ก”





“พี่โอมห์”
“ว่า”
“บ้างทีผมว่าพี่คงไม่ได้รักผมจริงๆใช่ไหมครับ พี่ยังรอเขาคนนั้นอยู่”
“หมายความว่ายังไง ปลื้ม”
“ก็ปลื้มว่าพี่ยังรักพี่มิ๊กอยู่”
“ไม่หรอก เราคิดมาก ทำไมไม่มีความสุขรึไง”
“เปล่า ผมแค่รู้สึกว่าพี่ดูแปลกๆ ผมว่าเรากลับเมืองไทยกันดีกว่าพี่”
“แปลกยังไง”
“ไม่รู้ครับ บอกไม่ถูก”

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
นั่นสินะ  ทำไมพ่อแม่มิ๊กต้องตั้งท่ารังเกียจโอห์มซะมากมาย  แต่กับเอิททำไมยอมรับได้
ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่มิ๊กกับแม่โอห์มเป็นเพื่อนสนิทกัน  อย่างนี้เรียกว่าจริงใจได้หรือเปล่า
สำหรับเราโอห์มเป็นคนที่ปล่อยวางและปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องตัดสินใจได้ดี
ถ้าเป็นเรา  เราคงถาม  คงหาข้อเท็จจริงแล้วว่าเพราะอะไร
มีเหตุการณ์อะไร  หรือใครที่ทำให้สองคนนั้นแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งขนาดนั้น
และถ้าเขามีเหตุผลในการรังเกียจเราจริง ๆ  เราคงออกห่างจากครอบครัวเขาทั้งหมดแน่นอน
ไม่เห็นประโยชน์ที่จะต้องไปปฏิสัมพันธ์กับคนที่เขารู้สึกไม่ดีกับเรา  เขาไม่จำเป็นสำหรับชีวิตเราเท่ากับคนที่รักเราหรอก
โอห์มอาจจะโทษตัวเองที่เหมือนจะโลเล  แต่เราอยากบอกว่ามิ๊กก็โลเลเหมือนกัน
การกระทำของมิ๊กมันก็ทำร้ายจิตใจของโอห์มเช่นกัน 
เราอาจเป็นคนใจแคบที่ไม่สามารถยอมรับการกระทำที่รักคนหนึ่งแต่คบอีกคนหนึ่งของมิ๊กได้นะ
คือไม่ชอบแบบนี้จริง ๆ
วาเลนไทน์ก็คือวันธรรมดา ๆ วันหนึ่ง  จะสุขจะทุกข์จะเศร้าอยู่ที่ใจของเราเท่านั้นเอง

artit

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อ ละครชีวิต อ่านเรื่องนี้ทีไรเศร้าทู้กที คนเขียนเขียนอธิบายความรู้สึกเก่งอ่ะ รอตอนต่อไป  :L2:

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อไหร่จะเคลียร์คัท ซะทีน๊า 

รอ ๆๆๆ 

แลัเป็นกำลังใจให้

ปล น้องโอมห์คร๊าบ  วาเลนไทน์ก็เป็นแค่วันธรรมดาๆที่มีหลายต่อหลายคนอยู่คนเดียวอย่างมีความสุข 

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
อย่างที่หลายคนเค้าบอกว่าหนีอะไรก็หนีได้ แต่ใจตัวเองเนี่ยหนียังไงก็ไม่พ้นต่อให้ไกลคนละครึ่งโลก

ยังไงเสียใจเราก็อยู่ที่เดิมคิดแต่เรื่องเดิมๆและคับ

ตอนนี้อยากรู้เหตุผลของพ่อแม่มิ๊ก ว่าทำไมถึงไม่ให้โอห์มคบกับมิ๊ก ทีกับเอิทยังคบได้ ยังค้างคาใจอยู่

มันน่าจะมีเหตุมากกว่านั้น  หรือว่าเวลาที่มิ๊กอยู่กับโอห์มแล้วต้องทำให้มิ๊กเจ็บตัวตลอดหรือเปล่า อย่างตอนที่เล่าล่าสุดเนี่ยข้างบน

ได้เลือดกันอีกแล้ว

เดาไปต่างๆนานา  รอโอห์มมาเล่าต่อดีกว่า

ปล  รักโอห์มจังเลย อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
โอห์มขออ่านยาวและชัดเจนบ้างเถอะ
ตามอ่านมาตลอด เริ่มอึดอัดแล้ว

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
บรรเลงพิณ ได้ยินเสียง สำเนียงแทรก
เรื่องราวแปลก หมั่นแจกรัก ชักสับสน
ความเป็นมา เพื่อนรักเพื่อน ดูมืดมน
ทั้งสองคน ต่างค้นหา เวลานาน

เสียงซออู้ ดูกู่ก้อง ร้องครวญคร่ำ
รักลำนำ ต่างคลำหา พาฝันหวาน
รักพรุ่งนี้ รักวันนี้ รักวันวาน
ใจแตกซ่าน ประจานตน ดั้นด้นไป

กลองกระหน่ำ เข้าห้ำหั่น ฟันไม่เลือก
เชือดปอกเปลือก เปิดปากแผล ใจหวั่นไหว
รักแล้วทุกข์ สุขห่างหาย สลายใจ
ไม่เป็นไร ตายด้านใจ ไม่เจ็บเลย

ทำนองเพลง ละเลงรัก กระอักอยู่
มิ๊กหาคู่ อยู่แทนโอมห์ เอิทเปิดเผย
โอมห์เจ็บช้ำ เป็นซ้ำซ้ำ เหมือนเคยเคย
จบซะที รักเกินเลย ลงเอยไป

 :กอด1:โอมห์..กอดกันเน๊อะ

 :m16: ทำไมว่ะ..มิก

 :เฮ้อ:ทนได้ทนไป..สองคนนี้ จริงๆเลย


คนอ่าน อึดอัด ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
กาซิก

ออฟไลน์ ellary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอมห์...เราไม่รู้ว่าจะบอกว่าอะไรดี

แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นในตัวมิ๊กคือ

ทุกครั้งที่โอมห์มีอันตราย  มิ๊กจะเป็นคนที่ปกป้องโอมห์เสมอ

อ่านตอนนี้แล้วเราไม่รู้ว่าจะบอกอะไรนอกจาก

โอมห์เป็นคนที่โชคดีที่สุด  ที่คนที่โอมห์รักที่สุด 

ได้ปกป้องโอมห์มาตลอดมากที่สุดเช่นเดียวกัน

โชคดีจริงๆ   :m15: :m15: :monkeysad: :monkeysad: :bye2: :bye2:

kokoky

  • บุคคลทั่วไป
มิกเจ็บอีกแล้วอ่ะ มีเรื่องอยู่เรื่อยเลย
น่าเป็นห่วงจริงๆ โอห์มเป็นไรรึเปล่าคะ ต้นเรื่องที่เล่าว่าอยู่เมืองหลวง
ฟังๆดูหดหู่ยังไงชอบกล

เป็นกำลังใจให้โอห์มนะคะ
 :L2:

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
งงกะผู้ใหญ๋ที่สูดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

enhumto

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องที่เกิดของผู้ใหญ่มันมีที่มาที่ไปจริงๆนะครับ แต่มันยังไม่ถึงเวลาของมัน อย่าเพิ่งใจร้อน เพราะทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเองหมด
เรื่องนี้มันดูไม่ค่อยน่าเชื่อแล้วครับ แต่ในหน้าสมุดบันทึกมีเรื่องราวพวกนี้อยู่จริง อาศัยคำบอกเล่าของคนรอบข้าง

อากาศร้อนเอาเรื่องนะครับ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ทุกครั้งที่ตื่นมาในตอนเช้า คุณนึกถึงอะไร ผมเคยเจอหน้าคนคนหนึ่งทุกเช้าที่ตื่นมา ไม่ว่าเขาจะทำกิจกรรมอะไรให้รำคาญมากแค่ไหนในช่วงเช้า แต่เราก็ยังรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่มีเขาอยู่ด้วย เวลาแล้วเลยมาเกือบ ปีมีผู้คนมากมายเดินเข้ามาในชีวิตของผมและเขาคนนั้น ต่างคนต่างความคิด มีทางเลือกมากมายที่เราสามารถจะเลือกเดินได้ การล้ำเส้นในความรู้สึกของคำว่าเพื่อนทำให้เราทั้งคู่ต้องตกอยู่ในสภาวะที่ไม่มีจุดยืนในครอบครัวของเขาคนนั้น

“มิ๊ก เจ๊บไหม” ผมเหลือบตามองไปที่แผลของมิ๊ก มิ๊กยังยิ้มให้ผมเสมอ แต่เลือดที่ไหลออกมามากจนผมไม่สามารถที่จะวางใจได้ว่ามิ๊กไม่เป็นอะไร กลิ่นคาวที่คลุ้งไปทั่วรถ มันบอกได้อย่างชัดเจนว่าสถานการณ์ต้องไม่ดีแน่ๆ แล้วผมจะบอกกับพ่อแม่ของมิ๊กยังไง
“ไม่หรอกโอมห์ ที่ผ่านมาเจ็บกว่านี้เรายังรอดมาได้เลย แผลแค่นี้เล็กน้อย...............” เสียงที่ดูอ่อนล้า กับคำพูดที่พยายามปฏิเสทสภาพของร่างกายที่เหนื่อยอ่อนนี้
“อย่าหลับนะมิ๊กเดี๋ยวก็ถึงแล้ว” ผมเหยียบคันเร่งจนมิด ด้วยความรีบที่ไร้สติของผม ทำให้เกิดเรื่องที่เลวร้ายกว่านี้เสียแล้ว รถทลายผ่านสัญญาณไฟจราจรอย่างรวดเร็ว คงเป็นเพราะตัวผมเองที่ไม่ทันระหว่างถึงสัญญาณไฟ รึว่าความมั้งง่ายก็ไม่รู้ที่ทำให้เรื่องราวทั้งหลายกลับแย่ลงไปมากกว่าเก่า มีรถมอเตอร์ไซค์ วิ่งผ่านหน้าเรา ด้วยความเร็วเท่าๆกัน ผมหักพวงมาลัยเต็มที่เพราะตระหนักแล้วว่าความเร็วขนาดนี้ ถ้าเราชนต้องมีการสูญเสียแน่นอน แล้วนี้ก็คือสิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้
.
.
.
.
.
.
.
“น้อง น้อง น้อง...........................” เสียงไซเรนที่ดังลั่นบริเวณนี้บ่งบอกว่าเรื่องราวร้ายๆต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ผมรู้สึกว่าหัวตัวเองหนักมาก แขนและขาชาจนแทบไม่มีความรุ้สึกอะไร ตาที่พยายามจะลืม แต่ก็ทำไม่ได้ มีกลิ่นคาว + กับกลิ่นไหม้ของยางรถยนต์ สิ่งที่ผมสัมผัสได้มันไม่เท่ากับสิ่งที่ผมคิดได้ในตอนนี้
“พี่ครับ เพื่อนผมละครับ”
“เห้ยๆ มาเอาน้องคนนี้ออกไปก่อน มันรู้สึกตัวแล้ว”
“ดึงออกไปไม่ได้ครับพี่ คอนโซนหน้ามันทับขาอยู่”
“ไปเอาเครื่องถ่างมาสิว่ะ” ขอให้ผมหลับไปอย่างไร้สติได้ไหม จะได้ไม่ต้องรับรู้อะไรว่าตัวผมเองได้ทำเรื่องราวอะไรลงไปอีก
“พี่ครับเพื่อนผมละครับ”
“เพื่อนน้อง ส่งโรงบาลไปแล้วครับ”
“ครับ”
“น้องครับ เดี๋ยวพี่จะดึงน้องออกมาจากเบาะนะครับ”  แล้วความคิดก็ถูกปิดลง จนร่างกายถูกเคลื่อนย้ายอีกครั้งจากอีกที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง แต่ทำไมผมกับรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ผมกำลังอยู่ที่ไหนสั่งแห่งที่คุ้นตา มีตึกสูงอยู่ด้านหลังผม เบื้องหน้าเป็นลานจอดรถมอเตอร์ไซค์มองยาวถัดออกไป เป็นสนามฟุตบอล 
“โอมห์” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่ผมโหยหายแล้วอย่างได้ยินมามาตลอดหลายเดือน กำลังเรียกผมแล้วก็ยิ้มให้ผม
“โน้ต.......” ร่างกายผมถึงขาพาก้าวไปหาผู้ชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว มันกลายเป็นความรู้สึกที่อบอุ่น ผมดีใจเสียเหลือเกินที่ได้กอดโน้ตอีกครั้ง
“มาทำไมที่นี้” โน้ตในชุดนักศึกษาถามผมด้วยความแปลกใจ
“ไม่รู้สิ แล้วโน้ตมาอยู่ทำไมที่นี้ ปิดเทรอมแล้วไม่ใช่รึ”
“ใครบอก ไปห้องสมุดกันป่ะ” ผมพยักหน้า ตอบรับคำชวนของโน้ตแล้วเดินตามไปโดยดี
.
.
.
“โอมห์ ลูก โอมห์.............” เสียงแม่ผมนิ ทำไมแม่ผมถึงต้องร้องไห้ด้วยละนี้ แสงไฟสีขาวบนเพดานที่ค่อยๆเลื่อนพาไปทีละดวงทีละดวง มันทำให้ผมรู้สึกแสบตาเสียเหลือเกิน แม่ร้องไห้ทำไมละครับ ร่างกายที่ไม่ตอบสนองกับความรู้สึกของผม มันไม่สามารถขยับได้เลย
.
.
.
.
.
แล้วผมก็ตื่นขึ้นอีกครั้งในห้องสีเหลี่ยมที่มีรูปภาพการ์ตูน และของเล่นเต็มไปหมด อากาศในห้องนี้มันเย็นจริงๆเลยนะ
“โอ้ย.” ผมร้องออกมา เพราะดูเหมือนว่ายุงจะกัดผมที่แขนอย่างแรง  ไม่นานก็มีคนเปิดประตูเข้ามา
“อ้าว ตื่นแล้วอ๋อโอมห์” โน้ตเปิดประตู คงเพราะได้ยินเสียงที่ผมร้องเมื่อกี้ ผมเอามือขึ้นมากลุ้มหัว เพราะรู้สึกว่าตัวเองเจ็บหัว แล้วมีอากาศมึนหัวสลับกันไป
“แบบนี้ละ ”
“อะไร แบบนี้ คืออะไรอ๋อ”
“ก็ใครบอกให้นอนตอนเย็นละคนดีของผม” โน้ตเอามือมาจับหัวผม ทำทีเป็นบีบนวด
“อะ หายนะครับคนดี” น่าแปลกที่อากาสนั้นมันหายไปในทันที ผมรู้สึกว่าหัวโล่งขึ้นมาทันที แต่อากาศสิที่ยังเย็นอยู่
“ไปสูดอากาศ บ้านนอกกันดีกว่า ” โน้ตจูงมือผมออกมาจากห้องนอน วันนี้บ้านเงียบจริงๆ
“เขาไปไหนกันหมดละโน๊ต”
“ไม่รู้ดิไปธุระมั้ง” ไม่นานผมก็มารู้สึกตัวอีกทีว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนสะพานเดิมที่ผมเคยมานั่งดูดาวกับโน้ต
“โอมห์ เราคงทำได้แค่นี้แล้วละมันสุดทางแล้วนะ” หน้าของโน้ตดูเศร้ามากๆ ถึงแม้ว่าจะไม่มีแสงไฟของถนน แต่ในคืนเดือนหงายวันนี้ แสงของพระจันทร์ก็ยังทำให้ผมเห็นหน้าโน้ตได้อย่างชัดเจน
“หมายความว่ายังไง”
“ก็เราสองคนไง เราเดินมาสุดทางแล้ว โน๊ตขอโทษที่ปกป้องโอมห์ไม่ได้อีกแล้ว” มือของโน้ตกำมือผมจนรู้สึกได้
“ไม่เห็นจะเข้าใจพูดอะไรว่ะ  นี้เราก็ยังอยู่ด้วยกันอยู่นิ โน๊ตจะไปไหนอีกละ”
“ไม่รู้สิ บอกไม่ถูก แต่นี้มันไม่ใช่ที่ของโอหม์”
“บอกไม่ถูกก็ไม่ต้องบอก ให้เรานอนหนุนตักอยู่แบบนี้ละ” โน้ตก้มหน้าลงมาจูบหน้าผากผม
“โอมห์เห็นแม่น้ำไหม มันไหลไปเรื่อยๆ ” ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่บนสะพานนั้นอีกแล้ว กลายเป็นร้านนมที่ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำที่ผมมั้งจะไปนั่งกินทุกครั้งที่มีโอกาส โน๊ตยกมือมาให้ผมดู
 “สีเปื้อนหมดเลย” ผมลุกขึ้นแล้วเอามือของโน้ตมาเช็ดเสื้อของผม
“โอมห์”
“ครับ”
“โอมห์ต้องกลับไปนะ โอมห์จะมีความสุขที่ได้มีเพื่อนสนิทที่สุดเป็นแฟน เราก็อยากจะเป็นคนคนนั้นแต่เราคงไม่มีโอกาสแล้ว เราขอโทษที่ความรักของเรามันมีเวลามาเป็นตัวบังคับ มันยังไม่ถึงเวลาที่โอมห์จะต้องมาหาเรา ยังไงเราก็ไม่ไปไหนอยู่แล้ว เราจะคอยดูนายอยู่ห่างๆ ไม่ไปไหน”
“แล้วโน๊ตจะหนีไปไหนอีก”
“ก็คงไม่ไปไหนไกลหรอก โอมห์” ผมมองหน้าโน๊ตได้ชัดขึ้นกว่าเดิมเพราะแสงไฟที่สาดมาจากถนน
“สัญญากับเรานะ”
.
.
.
.
.
.
.
ผมกำลังจะตายรึไงเนี่ย ทำไมตอนนี้ผมถึงรู้สึกว่าร่างกายผมเจ็บไปหมด ผิดกับเมื่อสักครู่ตอนที่ผมอยู่กับโน้ต แขน ขา หน้าอก แล้วก็หัว ทุกอย่างมันรู้สึกปวดรวมๆกันไปหมด ตอนนี้เรารู้สึกว่าร่างกายกระหายน้ำเสียเหลือเกิน ผมค่อยๆพยายามลืมตาหลังจากที่ครั้งล่าสุดผมเห็นแค่แสงสีขาว
“พี่โอมห์ ” เสียงปลื้มนิว้า ผมพยายามบีบมือให้ปลื้มรู้สึกตัว
“แม่ครับ พี่โอมห์ฟื้นแล้ว ผมไปตามหมอก่อนนะครับ”
“โอมห์ ”ผมมองไม่อะไร แม้แต่หน้าของแม่ผม แสงสีขาวยังเป็นแสงด้วยที่ผมมองเห็นอยู่ แต่ผมกลับรับรู้ได้ว่ามีอีกหลายครั้งที่อยู่ในห้องนี้ มือที่จับมือผมอยู่เหมือนสักครู่เปลี่ยนเป็นมือของแม่ผมแล้ว ผมเองพยายามบีบมือให้แม่รู้ว่าผมรู้แล้ว ว่าแม่เรียก แต่ก็ปากอีกนั้นละที่พยายามพูดแล้วมันพูดไม่ได้ อาการปวดที่ทยอยส่งอาการกันมาเป็นระลอก
“ปลอดภัยแล้วนะครับ ถ้าน้องเขาฟื้นแล้ว ส่วนที่หน้าเนี่ย รอสักพักอาการบวมก็จะเบาลงเอง หมอดูแล้ว ประสาทตา ยังปรกติอยู่นะครับ ตอนแรกที่เราห่วงเรื่องสมองกัน ตอนนี้ก็คงวางใจได้แล้ว”
.
.
วิญญาณถูกขังในร่างกายนี้นานเท่าไรไม่รู้ ผมเองก็ไม่สามารถนับวันเวลาได้ ผมนอนแล้วตื่น นอนแล้วตอน ไม่ได้ลิ้มรสชาติของอาหารมานาน เกือบเดือน ใบหน้าที่บวมจนตาปิด ปากที่ไม่สามารถขยับได้เพราะความเจ็บปวด มีเพียงมือที่พยายามบอกได้ว่าผมตื่น หรือหลับ แล้วก็ยังเป็นมืออีกนั่นละที่ทำให้ผมรู้ว่ามีคนอยู่ข้างๆผม  แล้วมิ๊กละ มิ๊กเป็นยังไงบ้างทำไมตลอดเวลาไม่มีใครเอ๋ยถึงเลย ไม่มีใครพูดถึงคนที่ผมกำลังจะเอามาส่งโรงพยาบาลเลย ผมอยากจะถามคำถามนี้เสียเหลือเกิน แต่ดูท่าว่าคงต้องรอให้ปากผมใช้งานได้เสียก่อน แล้วเมื่อไรที่หน้าผมจะกลับเข้าที่ อาการบวมจะเบาลง แล้วเวลาก็ผ่านไป อย่างช้าๆ กับความรู้สึกที่เฝ้ารอและพยายามเปิดปากของผม แต่มันคงแพ้กับอาการเจ็บปวดของใบหน้า เมื่อไรที่มันจะหายดี จนที่สุดความพยายามของผมก็เอาชนะความเจ็บปวดได้ ตาที่เริ่มจะมองเห็นได้บ้าง วันนี้ผมพยายามอยู่จนสามารถเอ๋ยปากถามคนที่นั่งจับมือผมอยู่ได้
“มิ๊ก” แน่นอนว่าไม่ใช่มิ๊กแน่ๆที่นั่งกุมมือผมอยู่ในขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองใด จากฝ่ามือที่กุมอยู่ ดูท่าว่าคงจะหลับอยู่แน่นอน
“แม่.....” ผมพยายามเปล่งเสียงเรียกแม่ผม ถึงแม้ว่าแต่ละคำพูดมันจะเจ็บปวดเสียเหลือเกินกลิ่นที่ถูกเก็บไว้ในปาก ทั้งคาวเลือดที่ถูกเก็บไว้ ทำไมวันนี้ผมถึงอยากจะแปรงฟัน ใครก็ได้ช่วยตอบผมที   เวลาผ่านไปเกือบ 5 นาที การที่ผมถูกขังไว้ในร่างกายที่ไม่สามารถขยับได้ มันถูกสอนให้ผมรู้จักการประมาณเวลาได้อย่างดี
“โอมห์ ลูก” เป็นแม่ผมจริงๆด้วย ขออย่าให้ใครมาอยุ่ในห้องนี้นอกจากแม่ผมอีกเลย
“อืม........” ความพยายามที่จะพูดของผม เปลี่ยนไปเป็นปล่อยกระแสลมให้กลายเป็นเสียงเบาๆแทน
“มีอะไรจ๊ะลูก หิวน้ำรึเปล่า” ผมพยายามส่ายหน้า เบาๆ
“มิ๊ก....” ได้เวลาถามสิ่งที่อยากรู้ได้แล้ว แม่เงียบหายไปสักพัก แม่ปล่อยมือผมแล้วหายออกไป มีเสียงคนเปิดปิดน้ำในห้องน้ำสักครู่
“พี่โอมห์” เสียงปลื้มแน่ๆ ผมไม่สามารถแสดงอาการรับรู้ถึงการมาของปลื้มไปได้มากว่าการบีบมือที่พอจะทำได้ง่ายที่สุด
“พี่ถามหาพี่มิ๊กใช่ไหมครับ” ผมมือมือเพื่อเป็นการตอบสนองคำถาม
“พี่มิ๊ก ไม่ได้อยู่ที่นี้แล้วนะครับ พ่อกับแม่พี่มิ๊กเขาย้ายพี่มิ๊กเข้าไปในกรุงเทพ ที่ผมรู้ก็เท่านี้ละครับ” ปากของผมอยากจะถามคำถามมากมายเกี่ยวกับอาการของมิ๊ก แต่ก็ทำไมได้ น้ำตาที่ไหลออกมา มันบ่งบอกว่าผมสมเพศกับสิ่งที่ผมเป็นเหลือเกิน กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ผมพาเรื่องเดือนร้อนมาหาทุกคนที่รักผม เพราะตัวผมเองรึเปล่า มีมืออีกข้างของใครบ้างคนมาปาดน้ำตาผม ทั้งห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบ บรรยากาศที่สนจะอึดอัด ผมจะต้องทนแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน

    จาก 1 วัน เป็น 1 สัปดาห์และ 1สัปดาห์ก็ล่วงเหลือมานับเดือน ร่างกายที่เริ่มมีการฟื้นฟู แต่ห่างเป็นเป็นใจผมตั้งหากที่กำลังถดถอยลงเรื่อย ความรู้สึกที่อยากจะร่าเริงมันไม่มีอีกแล้ว ข้อความให้กำลังใจมากมายจากเพื่อน ยังคงต้องนอนอยู่กับเตียงที่โรงพยาบาลนับจากวันเกิดมิ๊กนี้ก็ 20 วันแล้วเห็นจะได้ที่ผมอยู่ติดกับโรงพยาบาลนี้ มีโอกาสได้หัดเดินใหม่คล้ายกับเด็กน้อย ไม่มีอะไรหัก ในร่างกายของผม เพียงแต่มันไม่มีเรี่ยวแรง ร่างกายถูกเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันสมัย ประถม โอบอุ้มทำกายภาพบำบัด ในทุกๆวันจะเห็นแม่ผมมานั่งอยู่ข้างๆแล้วเล่าเรื่องราวต่างๆมากมายให้ผมฟัง ในบ้างครั้งที่ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาในตอนกลางคืน จากภาพเดิมๆในวันสุดท้ายที่สติผมยังอยู่ ผมมักจะเห็นแม่นั่งดูรูปใครบ้างคนแล้วร้องไห้  แล้วทุกๆวันก็เกือบจะเป็นเช่นนี้ตลอด นัยน์ตาที่ว่างเปล่าของผม ไม่บ่งบอกว่าต้องการสิ่งใด การใช้ชีวิตไปวันๆคงเหมาะสมกับสิ่งที่ผมได้กระทำไว้ มิ๊กไม่มีการติดต่อมาเลย มีเพียงปลื้มที่โทรมาหา แล้วร้องเพลงให้ฟังก่อนผมนอนเท่านั้น เสียงหัวเราะเลือนหางไปจากชีวิตผมในทันที มาในวันนี้ผมสามารถพูดได้ และมองเห็นทุกอย่างได้เป้นอย่างดี มือ แขน และขา ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกกลบฝั่งไว้ด้วยเศษเหล็กจนเกือบที่จะใช้การไม่ได้ แต่วันนี้มันกลับหายดีจนเกือบจะเรียกได้ว่าปรกติแล้ว
   ถามคำตอบคำ ผมได้ยินประโยคนี้บ่อยมาก เวลาที่แม่ผมถามหมอ หรือบอกใครๆที่โทรเข้ามาถามอาการของผม จริงๆผมไม่ได้มีความปรกติทางด้านสมองเลยสักนิด คงเป็นเพราะผมไม่อยากพูดหรือว่าคุยกับใคร ผมใช้เวลากับโลกส่วนตัวใบเล็กๆของผม นั่งมองโทรสับ เยอะเรื่องราวในอดีตมาต่อเป็นภาพมากมาย และความฝันที่ดูแสนจะเลือนลานของผม เวลาที่มีมากมายในแต่ละวัน ผมสามารถนั่งเขียนเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต ผมนั่งมองสมุดที่เป็นลายมือของมิ๊ก อ่านทุกเรื่องราวที่มันได้เคยทำและได้บันทึกไว้ ตอนนี้เรากำลังคิดถึงมิ๊กมากจนเกินไปรึเปล่า รึว่าอะไรที่หายไปจากชีวิตเรา ทุกๆวันผมตื่นนอนขึ้นในห้องนอนของผมแล้วก็มองหาคนที่นอนข้างๆ เสียงทีวีที่เคยได้ยิน แต่วันนี้มันไม่มีแล้ว ทุกวันนี้เราหลอกตัวเองในโลกส่วนตัวว่ายังมีใครบ้างคนอยู่ข้างๆเรา นอนข้างเราเพื่อปกป้องเรา น้ำตาในตอนเช้าเป็นเรื่องปรกติ การที่ผมได้เห็นพ่อแม่ต้องมานั่งกลุ้มใจเรื่องพฤติกรรมของผมกลายเป็นเรื่องชินตาไปแล้วสำหรับบ้านหลังนี้

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
โฮก......... ซดมาม่า เต็ม ๆ แต่วันเลยชั้น 555

อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่มีใครย้อนกลับไปแก้ไขได้อีก

เพียงได้แต่แก้ไข กับสิ่งที่กำลังจะเกิดต่อจากนี้ไปก็เท่านั้น
+1

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-02-2011 14:00:47 โดย Little Devil »

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
 :monkeysad:มิ๊กกกกกกกกกก  โอมห์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เศร้าอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ al2pocalypoe

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มันเศร้าเกินไปแล้วพี่โอห์ม :m15:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
 :sad11:
ลมเบาเบา แต่เก่าก่อน บอกว่ารัก
ลมเบาเบา กระเซ้าหนัก ว่าคิดถึง
ลมเบาเบา พัดเอื่อยเอื่อย มีกู..มึง
ลมเบาเบา หวงและหึง ยังซึ้งใจ

แต่วันนี้ ไม่มีลม พัดห่มรัก
แต่วันนี้ เหงาใจนัก ชักหวั่นไหว
แต่วันนี้ ไม่มีเธอ อยู่ข้างกาย
แต่วันนี้ แสนเดียวดาย เธอหายไป

อยากกอดลม ไม่มีลม จะให้กอด
อยากหอมฟอด จุ๊บแก้มลม ก็ดมหาย
อยากจับมือ ประสานลม พัดทะลาย
อยากแนบกาย จูบลม ก็ขมคอ


 :L1: โอมห์ + มิกซ์

 :m15: อ่านแล้ว..เหมือนกำลังถูกเชือกรัดคอ
อึดอัด หายใจไม่ค่อยออก

ขอบคุณครับ..หนุ่มหน้าหล่อ

กาซิก  :L3:

cascada

  • บุคคลทั่วไป
เศร้าได้อี๊กกกกกก

ออฟไลน์ na_near

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 971
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1

kokoky

  • บุคคลทั่วไป
โอห์ม สุดยอดเลยที่ผ่านมาได้ รักตัวเองมากๆ แล้วค่อยๆก้าวต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
โอย ชีวิต ทำไมช่างโหดร้ายขนาดนั้น
 :o12:
เป็นกำลังใจให้โอห์มนะ
อย่าท้อกับโชคชะตาเลย  :กอด1:

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
อ่าห์  น้องโอมห์ก็ประสบอุบัติเหตุด้วยเหรอนี่  แต่ยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว  

หลังจากเหตุการณ์นี้คิดว่าเรื่องราวต่างๆได้เริ่มคลี่คลายจนลงตัวอย่างปัจจุบันที่เป็นอยู่ใช่มั้ยจ๊ะ

ต่อจากนี้ก็ขออย่าให้เจออะไรร้ายๆอีกเลยนะ สู้ๆ  o13

ออฟไลน์ Baruda

  • มีความสุข
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ StillLoveThem

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-10
....วาเลนไทน์ ทำไมเหงาหงอยจัง อยู่ห่างกัน ก็โทรหากันได้นี่ มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆๆเหรอน้องโอมห์
....ทั้งคู่อายุ 20 ปีทำไมมันมีเรื่องมากมายเข้ามาในชีวิต แถมมันเฉียดเป็นเฉียดตายด้วยสินะ
....ที่สงสารคงต้องบอกว่า หัวอกของพ่อและแม่ ของทั้งสองครอบครัว คงต้องทำให้ดีที่สุดในเวลานั้นเพื่อรักษาลูกของตัวเองไว้
....มิ๊ก มันจะ..ชิน บ้างไหมนะ กับการเจ็บตัวเนี่ย ถ้าไม่ ..โมฯ หน้าตา ร่างกาย ใหม่ ทั้งตัวคงมีแต่แผลเป็น
....ชีวิตต้องสู้นะ แต่รู้สึกว่ามันเยอะ และหนักหนาสาหัส มากเกินไป สำหรับเด็กอายุ 20 แต่ยังไงก็รอดมาแล้วคิดซะว่าใช้ชีวิตคุ้มละกันเนอะ
...น้องโอมห์ ก็อย่าคิดว่ามันเป็นความผิดของตัวเองที่ทำให้มิกซ์เจ็บตัวอีก โอมห์ทำดีที่สุดแล้ว ณ.ตอนนั้น
:L2:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด