ผมมาน้อยอีกแล้ววันนี้ ขอโทษจริงๆนะครับ มั่วแต่ดูบอล + คุยสับ + ไปกินข้าวกับบ้านมิ๊ก + ต้องอ่านหนังสือสอบ เยอะไปหมด แต่ก็ไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้นะครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เกินเลย
ไม่มีเสียงตอบรับจากผม ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากยืนนิ่ง ปล่อยสิ่งต่างๆให้มันเกิดขึ้นตามที่มันควรจะเป็น เอิทปล่อยมือจากคอผม นั้นแสดงว่ามันเดินมาฉี่เองได้ตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้ว ซึ่งใจผมตอนนี้ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมามุขให้ผมพามาด้วย เอิทเปลี่ยนท่าจากที่ยืนข้างๆผม เป็นหันหน้ามาประกบผมแทน ตัวผมเองก็ได้แต่ภาวนาให้มีใครสักคนเดินเข้ามาในห้องน้ำ แต่ไม่มีวี่แววของเสียงนั้นเลย ปากมิ๊กค่อยๆเลื่อนเข้ามาประกบกับปากผม ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ดูเงียบไปหมด ที่ผมมีในตอนนี้คือไม่เข้าใจเรื่องถึงได้กลายเป็นแบบนี้ อีกมือหนึ่งมันยังคงจับมือผมให้จับน้องชายมันอยู่ ไม่นานมันก็ถอดปากของมันออกมาจากปากผม เอิทหยุดแล้วก็มองหน้าผม ซึ่งตอนนี้บอกได้เลยว่าตัวผมเองทำอะไรไม่ถูกจริงๆ
“ผมขอโทษครับพี่” แล้วมันก็ดึงผมไปกอด หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นผมไม่อยากจะเสียน้องชายไป เพราะมันก็ไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น เพราะในตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้ตอบสนองอะไรนอกจากยืนประกบปากเฉยๆ แล้วอีกอย่างก็ไม่อยากให้มิ๊กรู้เรื่องนี้ด้วย ผมเรื่องที่จะเก็บมันไว้เป็นความลับตามเท่าที่มันจะเป็นได้
เช้าวันรุ่งขึ้นเรียกว่ากำลังจะเช้าดีกว่า ผมรู้สึกตัวเพราะว่ามีมือมาตบหัวผม
“อีกแล้ว กรูบอกให้มานอนเฝ้ากรู ก็เฝ้ากรูจริงๆเลย” ไอ้มิ๊กมันเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้ว เลยไม่แปลกที่มันจะเป็นคนปลุกผมเสมอ ผมลืมตาขึ้นมาดู นี้มันยังไม่เช้าเลยนิว้าเมิงจะลืมตื่นไปไหนเนี่ย
“ตื่นมาทำไม ยังไม่เช้าเลย”
“ปวดฉี่ ” คำพูดนี้พาทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องน้ำเมื่อตอนที่ผมกลับมาเข้ามาในหัวอีกครั้ง
“เป็นไรป่าวว่ะ พาไปฉี่หน่อย” มันเอามือมาจิ้มๆผม ซึ่งกรูง่วง แถมมีอดีตก่ะส้วม
“ไปเองดิ เดินได้แล้วไม่ใช่ไง” แล้วก็หลับตานอนต่อ เวลาที่ผมง่วงมักจะไม่ค่อยสนใจใครนอกจากตัวเอง
“กลัวผี นะเดี๋ยวกรูไม่ไปจีนนะ ถ้าเมิงไม่พากรูไปฉี่” มันเอาเรื่องไปเที่ยวมาขู่ ผมลุกขึ้นพามันไปฉี่ ระหว่างทางไปห้องน้ำ ต้องผ่านเตียงของเอิท ไอ้มิ๊กบอกให้ผมหยุดที่เตียงเอิท มันเดินเข้าไปดูไอ้เอิทใกล้ๆ เอามือไปลูบหัวมัน แล้วดึงผ้าห่มมาห่มให้มัน ผมไม่หึงนะครับเพราะผมเข้าใจว่ามันอยากมีน้องชาย ถ้าไม่เพราะมันเอ็นดูไอ้เอิท มันก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้
“ไม่ปวดฉี่แล้วรึไงว่ะ นอนนี้เลยไหม” ผมประชด เพราะง่วงนอน มันเลยเดินตามผมไปที่ห้องน้ำ
“มิ๊ก รู้ไหมว่าในห้องน้ำนี้เคยมีคนมาทำแท้งด้วย” ผมเริ่มเล่าเรื่องสยอง ทั้งทีห้องนี้เป็นห้องน้ำชาย
“อย่าเล่าได้ไหมกลัว หุบปากไปเลย” มันด่าผม
“งั้นกรุออกไปรอข้างนอกนะ” กรูง้อนละชวนกรูมาแล้วเสือกไล่กรุอีก
“โอมห์ มิ๊กขอโทษ อยู่กับมิ๊กก่อนนะครับ” เสียงหวานขึ้นมาเลย แต่จริงๆผมเองก็ไม่ได้จะทิ้งมันไว้คนเดียวอยู่แล้ว พอมิ๊กจัดการธุระเสร็จ ก็พากันกลับมาที่เตียง แต่
“นอนไม่หลับแล้วอ่ะมิ๊ก” ปัญหาเกิดเลย เพราะมันแปลกที่
“ไป 7-11 กันป่ะ”ไอ้มิ๊กเสนอ ก่อนลงไปมันเก็บสมบัติมันใส่กระเป๋าเป็นอย่างดี แล้วส่งเงินให้ผม
”อะไรอ่ะมิ๊ก”
“พ่อให้มิ๊กไว้ มิ๊กเลยให้โอมห์เก็บไว้ เราใช้เงินกระเป๋าเดียวกันแล้วนิ เอาไว้ที่มิ๊กเดี๋ยวหาย” สงสัยโดนผีส้วมสิ่ง พูดดีเลย
“มิ๊กมีไรจะบอก” ผมคุยกันระหว่างลงลิฟท์
“เรื่องผีอีกป่าวไม่เอาแล้วนะ” เอามือมาบล็อกคอผม
“ตะกี้มันห้องน้ำชาย แล้วผู้ชายที่ไหนมันจะไปทำแท้งว่ะ” แล้วผมก็ขำในความซื่อของมัน
“เมิงขำอะไร เดี๋ยวกรูจูบแม๋งเลย” มันไม่เดี๋ยวแล้วครับ เพราะมันจูบเลย ในลิฟท์ แต่ในนั้นมีแค่ผมสองคนนะครับ จูบนานแค่ไหนไม่รู้ครับ แต่รู้ว่าน่าอายจริงๆ
“อุ้ย....” เสียงป้าผู้หญิงคงเป็นพยาบาล อุทานขึ้นตอนที่ประตูลิฟท์เปิด ไอ้มิ๊กทำท่าจะเดินออกจากลิฟท์
“จะไปหนู เพิ่งชั้น 4 เอง ” ป้าหันมายิ้มให้พวกผมทั้งคู่
“ไปโดนอะไรมาละ” ป้าถามมิ๊ก ผมจำได้ว่าแกดูเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีมากๆ เหมือนแกจะไม่เห็นตอนที่ผู้ชายสองคนมันยืนจูบกันเลยตะกี้
”พอดีไปโดนวัยรุ่นเมา บริจาคเท้ามาให้ครับ” ไอ้มิ๊กตอบไปแบบกวนๆ ลิทฟ์มาถึงชั้นเป้าหมายพอดี เป็นเวลาที่ผมเบาใจเป็นที่สุดเหมือนได้เอาความกดดันออกไป
“น่ารักดีนะเราทั้งคู่ หายเร็วๆละ” แล้วป้าก็เดินจากไป อย่างรวดเร็ว ขนาดที่พวกผมสองคนกำลังประคองกันออกมาจากในลิฟท์
“อายไหม พ่อคนเก่ง” มันไม่ตอบแต่เดินจับมือผมไป 7-11 แทนคำตอบ
“โอมห์ ไม่ไปเรียนได้ไหมวันนี้” จริงๆตอนนี้มันก็เช้าแล้วละครับ แค่ฟ้ายังไม่สว่างเฉยๆ
“ทำไมอ๋อ”
“อยากอยู่ด้วย จะได้อยู่กันพร้อมหน้าไง”
“พร้อมหน้ายังไง ปรกติเราก็ออยู่ด้วยกันอยู่แล้วนิ” ผมตอบตามความจริง
“เมิงนิโง่จริงๆเลย เรียนวิดวะสะเปล่า” ผมยังงง แล้วเกี่ยวอะไรกับวิดวะว่ะ
“ก็พ่อตาแม่ยาย พ่อผัวแม่ผัวไง”
“อืม ไม่ไปอยู่แล้วละ” มันยิ้มขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำตอบจากปากผม
“วันนี้วันเสาร์นะมิ๊ก ใครจะบ้าไปเรียนว่ะ” เราคุยกันไปเรื่อยระหว่างทางที่เดินไป 7-11 มันก็ถามเรื่องที่เกิดขึ้นไปกินข้าวกับพ่อกับแม่สนุกไหม คุยกันจนเดินมาถึง ใครจะไปเชื่อว่าพนังงาน 7-11 เชียงใหม่เนี่ยแต่ละสาขามีทั้งน่าตาดี ปากดี เขาเรียกว่าอะไรนะครับ ช้างเผือกสามารถหาได้ตาม 7-11 สงสัยจะจริง เพราะโน้ตเองมันก็เป็นหนึ่งในนั้น ไอ้มิ๊กมันมองไม่ละสายตาเลย
“เมิงมองมันทำไมว่ะโอมห์ อยากได้รึไง” ที่ไม่ละสายตานั้นคือ จากผม แล้วผมก็คือสะดุดตาเฉยๆนิว้า
“ป่าว แค่ดูว่าถังขยะ ใช่สแตมป์กี่ดวง” ผมโกหก จริงๆผมมั่วแต่พิจารณาไอ้น้องแคสเชียร์อยู่
“เอาไปทำไมว่าไร้สาระ เต็มห้องไปหมดแล้ว อย่าให้กรูรู้นะ”
“เจ็บ...” ผมหันไปค่อนใส่มัน มาบิดแขนกรูทำไมว่ะเนี่ย
“พวกเมิงส่งยิ้มให้กันอีก” มันออกแรงหนักกว่าเดิม
“โอ้ยๆ กรูจะไปรู้ไหมละว่าเขายิ้มให้กรู” ไอ้น้องนั้นสงสัยจะเห็นพวกผมเล่นกัน เลยยิ้ม ตามมารยาท ไอ้มิ๊ก เดินไปหยิบๆของเยอะไปหมด ไม่รู้ว่ามันอยากกิน รึว่าประชด
“ซื้อไปทำไมเยอะ เดี๋ยวสายๆก็ออกแล้ว” ผมไม่กล้าหันไปมองพนักงานกลัว
“เมิงจะได้ คิดเงินนานๆไง” มันหันหน้าไปหาไอ้น้องคนนั้น เวงเอ๋ยไม่เข้าเรื่อง
“ป่าวเอาไปฝากไอ้เอิทด้วย” มันเปลี่ยนคำถาม แล้วหันไปยิ้มให้ไอ้น้องนั้น พอจัดการเรื่องเงินเสร็จผมก็รีบหิ้วของออกมา โดยมีสายตาของไอ้มิ๊กจับจ้องตลอดเวลา
“โอมห์ ชอบแบบนั้นรึไง” เปิดประเด็นก่อนกรูอีกแล้ว
“ชอบอะไร” ต้องทำเป็นไม่รู้ไว้ก่อน
“ก็ไอ้น้อง 7-11 นั้นไง” มันหยุดเดินแล้วรอคำตอบ
“มิ๊ก เรารู้จักกันมานานแค่ไหนแล้วว่ะ” มันทำท่าคิด
“ก็นานพอ”
“นานพออะไร” ผมหวังว่ามันจะตอบเป็นตัวเลขมากกว่าประโยคสั้นๆแบบนี้
“นานพอที่เมิงกับกรูจะแต่งงานกันไง”
“ตลกละ ป๋าเมิงได้เอาปืนส่องกระบาลกรูพอดี” ผมดึงแขนมันให้เดินต่อ มันก็เดินตามมาอย่างไม่มีคำถามใดๆ แต่ดูมันก็เหมือนคิดอะไรบ้างอย่างอยู่จะพูดก็ไม่พูด แต่ผมไม่สนเดินจับแขนมัน อีกมือก็เล่นโทรสับ จนพากันขึ้นมาถึงเตียง
“ถ้าเป็นแบบนั้นกรูไม่ยอมให้พ่อกรูทำอะไรเมิงหรอก” มันบอกผมแล้วก็นอนห่มผ้าไปเลย ส่วนผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ นั่งเล่นโทรสับ เพราะรู้ว่ายังไงคงไม่มีทางได้แต่งงาน บ้าบอตามความคิดของมันอยู่แล้ว