อะกาลิโก..รักไร้กาล
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อะกาลิโก..รักไร้กาล  (อ่าน 64679 ครั้ง)

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
ตอน ๑๒.๒


   
   ไตติลาคิดมาตลอด ว่าช่องว่างของเวลาร่วมห้าสิบปีนั้นเกิดขึ้นจากอะไร ทว่ามันเกินกว่าที่เขาจะคาดเดาได้ ด้วยหลักการที่อธิบายได้  อพาร์ทเม้นต์เจในส่วนห้องนั่งเล่น สว่างด้วยแสงไฟ  ทำให้ไตติลารีบก้าวขายาวๆ ไปตามทางเดินที่ทำจากกรวดก้อนเล็กๆ  ด้วยความรีบร้อนนั้น จะลื่นที่บันไดขั้นบนสุดของชั้นหนึ่ง มือทั้งสองข้างที่ยันกับพื้นตามสัญชาติญาณ จึงเป็นแผลถลอก และเลือดซึมน้อยๆ  ทว่าไตติลาไม่สนใจ เขารีบลุกขึ้นราวกับไม่เจ็บ ก่อนจะก้าวยาวๆต่อไปจนถึงประตูหน้าห้อง ตัวหนังสือสีทองบนบานประตู สะท้อนแสงจากไฟถนนด้านนอก ไตติลาไขประตูเปิดด้วยหัวใจระทึก

“กลับมาแล้วหรือ?” ไตติลายิ้มรับกว้างขวางกับเสียงที่มาจากหลังเคาท์เตอร์ครัว

“เช็คของเดือนนี้สอดไว้ใต้ประตูแล้วนะ” รอยยิ้มของไตติลาระเหยไปอย่างรวดเร็ว เพราะคนที่ทักเขานั้นไม่ใช่ใครที่รอคอย แต่เป็นรูมเมตของเขาเอง

“ขอบใจมาก วิทโตลิโอ้”

“เฮ้ เสื้อเลอะแน่ะ”รูมเมตของไตติลาว่าพลางชี้มาที่เสื้อสีอ่อนที่ไตติลาใส่วันนี้  มีรอยสีแดงคล้ำเปรอะ

“อ้อ หกล้มนิดหน่อยน่ะ”  ไตติลาว่า ก่อนจะเดินตรงไปที่ตู้ครัวของตนเอง หยิบแก้วน้ำรองน้ำดื่ม

“ใกล้สอบไฟนอลเหมือนกันสิ?” ไตติลายิ้มรับจางๆ เมื่อรูมเมตขอตัวกลับเข้าห้อง ไตติลาจึงรั้งไว้

“วิทโตลิโอ้รู้จักผู้ชายเอเชี่ยน สูงหน่อยๆที่ชื่อกษิดิสหรือเปล่า?” รูมเมตของไตติลานิ่งคิดอยู่อึดใจ

“ไม่นะ ไม่เคยรู้จักเลย”

“อย่างนั้นหรือ” ไตติลาจ่อมจนลงสู่ห้วงคิดตัวเองอีกครั้ง

   ไตติลาทิ้งกายลงนั่งที่ปลายเตียง อย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาพยายามเรียบเรียงสิ่งที่รับรู้จากสมองที่เหนื่อยล้าของตนเอง เขามีกระดาษเก่าหนึ่งใบที่เก่าจนกรอบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  มีพยานคนที่บอกว่า ไม่เคยรู้จักกษิดิส ทั้งที่เจ้าตัวว่าเป็นเพื่อนกัน  ที่สำคัญมีเอกสารระบุภาพ และปีที่เป็นอดีตนับไปจากปัจจุบันร่วมห้าสิบปี ไตติลาไม่เชื่อว่ากษิดิสจะเป็นคนขี้โกหก  ไตติลายืนเต็มความสูง  ตรงดิ่งไปเปิดตู้เสื้อผ้าฝั่งที่ใช้เก็บของ วันนี้เขาต้องรู้ให้ได้ว่าอะไรอยู่ในช่องที่เขาเคยเก็บกระดาษขึ้นมาได้ เขาออกแรงยกที่นอนเก่าขึ้น คลานไปตามผืนพรม ก่อนจะใช้มือถือส่องสว่างด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้าง ล้วงลงไปในซอกเล็กๆนั้น  ไตติลาได้กระดาษปึกบางๆออกมาหนึ่งปึก  ตัวกระดาษมีสภาพเดียวกับใบก่อนหน้า

“แบบบ้าน?” ไตติลาฉงน เมื่อคลี่กระดาษปึกนั้นออกมาทีละแผ่นอย่างเบามือยิ่ง ลายเส้นปากกาดำคุ้นตาคุ้นใจในกระดาษแผ่นไม่ใหญ่นักมีรายละเอียดของแบบ เหมือนอย่างที่ผู้วาดเคยพูดให้ไตติลาฟังพลางขีดเขียนลงในกระดาษ แม้ไตติลาจะอ่านแบบได้ไม่ปรุโปร่งอย่างผู้ชำนาญ แต่ก็พอเข้าใจ 

ไตติลายังจำดวงตาคู่นั้นได้ ในยามพูดถึงสิ่งที่ตัวเองรัก ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายน่าหลงใหลอย่างไร กระดาษแผ่นอื่นๆในปึกก็เป็นภาพลายเส้นของอาคารต่างๆที่มีสถาปัตกรรมโดดเด่น   ทว่าไม่มีแผ่นใดเลยที่พอเป็นเบาะแสได้ ไตติลาถอนหายใจ  ตัดสินใจตรึงภาพแบบบ้านหลังนั้นไว้กับบอร์ดของตนเอง ด้วยเกรงว่าหากพับแล้วคลี่ออกมาอีกครั้ง กระดาษจะขาดไปเสียก่อน   มือนวลนั้น รื้อบอร์ดที่ใช้หมุดยึดกระดาษหลายใบออก  ภาพๆหนึ่งจึงร่วงลงมา  ภาพที่เคยมีไตติลาและกษิดิส ชัดเจน กลายเป็นภาพที่เสียไปเกือบครึ่ง เนื่องจากภาพทางฝั่งกษิดิสเป็นสีขาวมาจากมุมภาพ ลามมาจนถึงดวงหน้าคมสันของกษิดิสทำให้เหลือเพียงเลือนลาง

“คุณดิส...”  ไตติลากำลังรอคอย รอให้กษิดิสเป็นผู้อธิบายให้ฟังว่า ช่องว่างของเวลาที่หายไปนี้ ควรจะเติมเตมอย่างไร



   จนคล้อยดึกแล้ว ไตติลายังคงรอคอยอย่างเงียบเชียบ ใจหนึ่งก็คิดเข้าข้างตนเองว่า ต่อให้ดึกแค่ไหนกษิดิสก็จะมา  ทว่าอีกใจหนึ่งกลับนึกกลัวว่า เมื่อกษิดิสมาแล้ว จะเริ่มพูดกันอย่างไร   ไตติลานอนขดบนเตียง พลางมองรูปภาพที่ครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีขาว ด้วยความอับจนหนทางที่จะติดต่อกษิดิส ขบคิดสิ่งต่างที่ได้พบอย่างคนหมกมุ่น  ลางสังหรณ์บางอย่างเต้นเร้าอยู่ในอก ว่ามีเรื่องบางอย่างไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น  ไตติลาสะดุ้ง เมื่อโทรศัพท์มือถือของตน สั่นพลางส่งเสียงเพลง

“ว่าไงแหม่ม?”

“ติลา แหม่มจะชวนไปด้วยกันหน่อยวันพรุ่งนี้” ไตติลาซุกหน้าลงกับหมอน เขาไม่อยากจะออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว

“ไปไหน จะสอบแล้วนะแหม่ม ยังจะเที่ยวอีกหรอ?”เพื่อนสาวรีบหาเห ตุผลมาตอบ แต่ในหัวไตติลากลับไม่อยากรับรู้

“แกไปเหอะ พอดีเป็นตาแดงน่ะ” ไตติลาเลือกที่จะโกหก เพื่อนสาวยังซักไซ้ต่อไปอีก จนไตติลาชักเริ่มรำคาญอย่างไม่มีสาเหตุ

“หาหมอไหม?”

“ไม่ล่ะ จะอยู่บ้านจนกว่าจะหาย”  เพื่อนรักทั้งสองเงียบไป ไตติลาอึดอัดอยู่ในอก เหมือนมีความลับมากมายที่อยากจะระบายเพื่อให้คลายลงบ้าง

“แหม่ม แกว่าคนเราจะย้อนเวลาได้หรือเปล่า  แบบเดินทางย้อนเวลา หรือ เดินทางไปอนาคต”

“เฮ้ย ดูหนังมากไปหรือเปล่า?”

“ไม่สิ  เอาจริงๆ”

“มันมีแต่ในนิยายหรือหนังแหล่ะ”

“แล้วถ้าฉันเจอใครบางคนที่เขามาจากอดีตที่เวลาห่างกันห้าสิบปีล่ะ?”

“ติลา....แกเล่นยาหรือเปล่าเนี่ย?” แหม่มถามอย่างไม่แน่ใจ แม้ไตติลาจะเป็นเพื่อนที่ดี เป็นคนดีๆคนหนึ่งที่เธอเจอ แต่ไตติลาก็มีบางด้านที่เธอเองก็เข้าไม่ถึง

“นี่คิดได้แค่นี้หรือไง!” ไตติลาถามเสียงแข็งอย่างโกรธจัด

“ติลา ช่วงนี้เราเหมือนไม่ได้เป็นเพื่อนกันเลย” เพื่อนสาวพูดด้วยเสียงเศร้า  ไตติลาไม่อยากรับรู้  แค่ชีวิตเขาคนเดียวก็วุ่นจนเกินไปแล้ว

“ถ้าเป็นเพื่อนกันหมายถึงต้องตัวติดกันตลอด ถ้างั้น...อย่าดีกว่า” ปลายสายเงียบไปหลายอึดใจ

“ติลา เราเป็นเพื่อนกันนะ ทำไมต้องพูดแบบนี้”

“แหม่ม เราอยากอยู่เงียบๆ “

“เอาเลย! อยู่เงียบๆ ให้กลายเป็นคนไม่มีสังคม  เอาให้เต็มที่ไตติลา จะได้รู้เสียทีว่า ตัวเองไม่มีใครจะคบขนาดไหน!” นี่เป็นครั้งแรกที่แหม่มขึ้นเสียงใส่แบบนี้  ไตติลาเอง ก็โกรธเกินกว่าจะรับฟังและซึมซับอะไรจากใครได้อีก  เพื่อนรักสองคนที่แม้จะทะเลาะกันบ้าง แต่ครั้งนี้ คือรุนแรงที่สุด  จึงหมดเรื่องจะพูดกัน  ไตติลากดวางสายเหมือนคนไร้เยื่อใย ก่อนจะเห็นว่ามือตนเองทั้งสองข้างมีแผลที่ยังสดใหม่

“เจ็บ”




   ไตติลาพยายามรอคอยอย่างอดทน  ทว่าทุกวินาทีที่เวลาเดินผ่านไป เหมือนไฟแผดเผาหัวใจไตติลา  เขาเกลียดการรอคอย ยิ่งการรอคอยอย่างที่ไม่รู้ที่สุดสิ้นแล้วยิ่งเกลียดสุดบรรยาย จากวินาที เป็นนาที จากนาที เป็นชั่วโมง จนเป็นวัน จนสี่วันผ่านไปแล้ว ไตติลากำลังจะเป็นบ้า  โกรธ หงุดหงิดงุ่นง่าน สับสน คิดถึงและซึมเศร้า  ห้องทั้งห้องดูบีบแคบลงทุกขณะ จนไตติลาอึดอัด อยากจะหนีออกไป ทว่าอีกใจกลับเกรงว่าจะคลาดจากกษิดิส...คนที่ไตติลาคิดถึงสุดหัวใจ

“คุณดิส  ติลาจะเป็นบ้าอยู่แล้ว” ไตติลาเดินไปตามผืนพรมอย่างเลื่อนลอย  หลายวันมาแล้ว  ไตติลากวาดสายตาที่หล่อรื้นด้วยน้ำตาไปรอบห้องที่ว่างเปล่า ก่อนน้ำตาหยดแรกจะร่วงริน น้ำตาที่ไม่มีใครมองเห็น

“ติลา ติลาใช่ไหม?” เจ้าของชื่อรีบมองไปที่เงาร่างที่เคลื่อนไหวอยู่ที่หน้าต่างห้องครัว  ด้วยหัวใจหวัง  มือนวลรีบเช็ดน้ำตา ก่อนจะเปิดประตูด้วยความยินดียิ่งที่การรอคอยแสนทรมาน จบลงเสียที

“ติลา  เป็นอะไร? ทำไมถึงเป็นแบบนี้บอกพี่สิ”  รอยยิ้มบนดวงหน้าไตติลาระเหยหายราวหมอกควัน  ด้วยเพราะคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่ตั้งตารอ  ไตติลาปิดประตูโดยไม่ฟังเสียงใดๆทั้งสิ้น ไม่สนใจว่าบานประตู หนีบแขนที่ยืนออกมาขวางไว้เต็มแรง 

“เจ็บ!  ไตติลาเธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย!” คริษฐ์ตวาดเสียงดังจนไตติลาตกใจแลยอมปล่อยประตู

“ทำไมครับ ผมจะเป็นบ้าแล้วใครจะทำไม”เสียงที่เปร่งออกไปนั้น ราวกับไม่ใช่เสียงของตนเอง มันฟังดูแหบแห้ง และเย็นชา

“กับคนที่คุณทิ้งๆขว้างๆ คุณจะมาสนใจทำไม หรือว่าคุณนิทเช ก็ทิ้งคุณเหมือนขยะมาเหมือนกัน เอ๊ะ หรือคุณนิทเชจะจืดไปเสียแล้วจนถึงเวลาต้องหาใหม่เสียที” ไตติลายิ้มมุมปาก ราวกับได้รับชัยชนะ เมื่อเห็นอีกฝ่ายสีหน้าบิดเบี้ยว

“จะมากไปแล้วนะไตติลา  เธอจะเป็นบ้าอะไรก็เป็นไป  แต่อย่าพูดถึงนิทเชอย่างนั้น  เขาไม่เกี่ยวอะไรด้วย”

“แล้วผมเกี่ยวกับพวกคุณหรือ  คุณคริษฐ์เองไม่ใช่หรือที่เข้ามาทำใจดีกับผม เพียงเพราะต้องการเพื่อนแก้เหงา”
“แต่เธอก็ขี้เหงาพอให้ชั้นเล่นสนุกด้วยไม่ใช่หรือ” คำพูดนั้นทิ่มแทงเข้ากลางอกไตติลา  รสชาติของมันเจ็บแสบนัก

“ยังไม่ตายเสียก็ดีแล้ว เพื่อนเธอโทรมาขอร้องให้มาดูเธอหน่อย รู้ไว้เสียด้วย” คริษย์หุนหันเดินลงส้นเท้าหนักๆออกไปพร้อมกับเหวี่ยงประตูอพาร์ทเม้นต์เจปิดตาเหลังอย่างแรง

“หึหึหึ” ไตติลาหัวเราะออกมา พลางยกมือปิดหน้า น้ำตาที่ไร้ค่าหลั่งออกมาไม่ขาดสาย

ความสับสน และการรอคอยอันไร้ที่สุดสิ้น ทำให้ไตติลาเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ


โปรดติดตามตอนต่อไป


เดาว่าคนอ่านคงจะไม่ปลื้มเเน่ๆ  เมศวางเเผนไว้ว่า จะจบในสิบห้าตอน ปัจจุบันที่ลงบลอคไว้ ซัดไปตอนที่15เเล้วค่ะ ซึ่งอาจจะยืดไปอีกตอน เเล้วขึ้นภาคใหม่(ดีไหมคะ)  ซึ่งก็ เดาว่าคนอ่านไม่ปลื้มเเน่นอน 5555+

เเต่เอาน่า...เดี๋ยวเมศจะหาทางเเก้ให้(เเบบไหน???)นะคะ กร๊ากกกก


ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค๊า

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ค่ะ  ไม่ปลื้มอย่างแรง  โดยเฉพาะคนที่ถูกขอร้องให้มา
มาเพื่อซ้ำเติมเป็นการเฉพาะ  สงสารติลามาก  ไม่ใช่เรื่องที่รอคุณดิสแต่เป็นเรื่องไอ่คุณคริสนี่แหละ

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
โปรดหาอุปกรณ์เคาะหรือปรบมือประกอบจังหวะ 





รอชั้นรอเธออยู่ เเต่ไม่รู้เธออยู่หนใด
เธอจะมาเธอจะมาเมื่อไร....เธอจะมาเธอจะมาเมื่อไร
อัพนานเเล้วทำไมไม่มา(*ซ้ำ)


 :call:



เมนต์ได้อะไรได้ตามจิตศรัทธานะคะ ฮ่าๆ ไม่ได้บังคับ(เเต่อย่าเผลอหลับนะเดี๋ยวจะ inceptionซะเลย) :m20:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
บวกพี่เมศ
สงสารติลากับคุณดิษ

heavenly**yaoi

  • บุคคลทั่วไป
เเล้วขึ้นภาคใหม่(ดีไหมคะ) ไรท์เตอร์ค่ะอันนี้ดีเยี่ยมมมมมม 
ซึ่งก็ เดาว่าคนอ่านไม่ปลื้มเเน่นอน 5555+   อันนี้ไม่จริงค่ะ

ตามติดผลงานอยู่นะคะ
ถึงจะเม้นน้อยไป
แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
ระยะห่างตั้ง 50 แค่ 10 20 ปีก็ว่าไปอย่าง
แต่นี่มันครึ่งศตวรรษ
คริสต์นี่มันเลวจริงๆ
เฮ้อ อ่านตอนนี้แล้วกดดัน
แล้วก็จะดันๆๆๆๆ คนแต่งอย่าหายไป นานนนนนนนน

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
ชักจะเริ่มใจเสียแล้วค่ะ รูปคุณดิสขาวๆเลือนๆแบบนี้
สงสารติลาจังเลย

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ปล. แอบเซ็งคุณคริษฐ์เล็กน้อย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
ไม่ได้อ่านมาจะเดือนนึง
มาอ่านต่อแล้วแทบจะร้องไห้สงสารทุกตัวละคร
เศร้าจังเลยไม่รู้จะเป็นยังไงต่อไป

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
เห็นใจติลานะ แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ได้ตายโดยไม่มีใครรู้แนๆ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
รอแบบหาที่สิ้นสุดไม่เจอนี้มันน่าอึดอัดเนอะ เครียดนะเนี่ย  :เฮ้อ:

ปล. ขอจบในภาคนี้เลยดีกว่าค่ะ ไหนๆ จะเศร้าก็ขอเศร้าภาคนี้ไปเลยแล้วกัน  :o12:

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
อ่านตอนล่าสุดสงสารติลามากมาย..พี่ก็อยากให้ติลาเจอคุณดิสค่ะ(เพราะพี่หลงรักคุณดิสเหมือนที่ติลากำลังเป็นนี่ล่ะค่ะ  :o8:)
คุณคริษฐ์นี่ก็นะ โดนประตูงับนิดงับหน่อยก็โมโหไปได้555
คุณดิสคะ..ขอให้ได้มีโอกาสบอกติลานะคะ (แอบหอมแก้มเบา ๆ อ๊าาาา จริตเตลิดเปิดเปิง)
กอดดดดดคุณเมศแรง ๆ ดราม่าได้อีกนิดมั้ยคะ..สงสารตัวเอกจังเลยอ่ะ




ปล.  คุณเมศคะ..ปล.ของคุณเมศดิชั้นยอมรับได้ค่ะ  15  ตอนก็  15  ตอนค่ะ..แต่ขอให้คู่นี้เค้าได้เจอกันและมีโอกาสสานต่อความรักผ่านประตูเวลานะคะ
ปล.2 คุณเมศให้ดิชั้นน่ังรอคุณเมศแล้วร้องเพลงนี้จริง ๆ เหรอ?
 :jul3: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
ตอน ๑๓

   ไตติลามองผ่านหน้าต่างในห้องนั่งเล่นออกไปยังโบสถ์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม  เสียงระฆังบอกเวลายามเช้าดังเหง่งหง่างวังวาลใส ปลอบประโลมหัวใจให้เย็นลงได้บ้าง  ไตติลารีดเค้นความอดทนทั้งหมดออกมา เพื่อสะกดความว้าวุ่นในอกนี้ให้สงบนิ่งลง   วันนี้เป็นวันที่ห้าแล้ว วันที่ห้าที่ไตติลาเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องอย่างคนสิ้นไร้หนทาง  ทำได้เพียงเฝ้าสงสัยว่ากษิดิสอยู่ที่ไหน  สุขสบายดีหรือไม่  ไตติลาเดินเท้าเปล่าไปตามผืนพรม ที่เคยชอบ ทว่าหัวใจไตติลาเย็นชาเกินกว่าจะใส่ใจสิ่งใดๆได้อีก  ห้องนอนไตติลายังเหมือนเดิม มีแต่ความว่างเปล่า เปลี่ยวเหงา  และเงียบ เสียจนได้ยินเสียงน้ำหยดเบาๆจากห้องน้ำด้านใน

“ติลา!” ไตติลาตกตะลึงจนตัวแข็งค้าง  ปล่อยให้อ้อมกอดอบอุ่น ที่ไตติลาโหยหามาตอลดโอบล้อมตน

“ผมนึกว่าจะไม่ได้เจอติลา”  ไตติลาแรกคิดว่าเป็นฝัน  ทว่าดวงหน้าคุ้นใจ กับสัมผัสอบอุ่นนี้ ไตติลาแน่ใจว่าเป็นของจริง

“คุณดิส” ไตติลาเงยหน้ามองเจ้าของอ้อมกอดที่โอบล้อมตนด้วยดวงตาแสบร้อน  มือทั้งสองจิกกำเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่น

“คุณดิส เดินออกมาจาก...ห้องน้ำ?!” คนถามนั้นออกจะสับสน  กษิดิสมองด้วยแววตาที่สื่อประกายหลากหลาย ทั้งแสนรัก ทั้งโล่งใจ  พลางหัวเราะเบาๆ

“ใช่ครับ แล้วก็เจอติลายืนรอที่หน้าเตียง”ทั้งสองดื่มด่ำความอบอุ่นของอีกฝ่ายเงียบๆ

“อย่าร้องไห้เลย ในที่สุด เราก็ได้เจอกันแล้วนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนนั้น อาบไล้ไปทั่วหัวใจไตติลา  เจ้าตัวจึงไม่อาจควบคุมน้ำตาตัวเองได้  มือแข็งแรงลูบศรีษะอย่างปลอบขวัญ

“คุณดิส นี่มันเกิดอะไรขึ้น เมตของผมบอกว่าไม่เคยรู้จักคุณ  และผมเจอชื่อคุณในหนังสือผลงานนักศึกษา ที่ระบุปี 1958....มันห่างจากปีที่ผมอยู่ตั้ง50กว่าปี คุณดิส ช่วยบอกหน่อยเถอะ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมทุกอย่างถึงได้ผิดสับสนไปหมด”

“ติลาเชื่อเรื่องมิติเวลาไหม? เชื่อไหมว่า สถานที่บางที่ มิติเวลาเหลื่อมซ้อนบรรจบกัน”

“ในห้องน้ำ?”  กษิดิสหัวเราะเต็มเสียงเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน พลางว่า โธ่...เด็กน้อย

“ทั้งห้องอพาร์ทเม้นต์นี้เลยต่างหาก  ติลา...ลองสังเกตดูรอบๆให้ดีสิ”  ไตติลาสังเกตห้องนอนของตัวเอง ทว่าคราวนี้ห้องนี้กลับเป็นห้องที่คล้ายกับห้องของเขาเท่านั้น ด้วยเครื่องเรือนที่มีนับชิ้นได้

“ห้องคุณดิส?” เจ้าของห้องพยักหน้ารับ

“นี่ต้องเป็นความฝันแน่ๆ” ไตติลาไม่อยากจะเชื่อ  สิ่งที่เกิดขึ้นกับตนจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อเช่นนี้

“ต่อให้เป็นความฝัน ก็เป็นฝันที่ดีใช่ไหม?”  ดวงตาที่ไตติลาปักใจรัก ทอดมาอย่างเว้าวอน รอคอยคำตอบ

“ครับ”  กษิดิสยิ้มรับ ก่อนจะจับมือนวลอย่างสุภาพ สัมผัสริมฝีปากลงที่ข้อมือด้านใน ผิวแผ่ว

“ติลาครับ  ติลาอาจไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เกิดกับเรานี้เป็นเรื่องจริง  แต่ผม อยากให้ติลารู้ไว้นะครับว่า” มือแข็งแรงคู่นั้น กอบกุมมือนวลของไตติลาให้แนบฝ่ามือลงกับอกข้างซ้าย นอกจากสัมผัสอุ่นๆแล้ว ยังสัมผัสได้ถึงหัวใจ ที่กำลังเต้นอยู่ในอกนั้น

“ความรู้สึกของผมนี้..เป็นเรื่องจริง” ไตติลามองสบกับแววตาเข้มแข็งคู่นั้น ที่ทอดมองอย่างจงรัก หนักแน่น ไตติลาอาจเคยได้ฟังคำบอกรักมามากมาย แต่นี้เป็นครั้งแรกที่ทำให้ลำคอของไตติลาตีบตันด้วยเพราะตื้นตัน

“ต...ติลาก็รักคุณดิส”

“ติลาสัญญาได้ไหม?ว่าจะ ต้องใช้ชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็ง แม้ว่าเราจะไม่ได้พบกันอีก”

“ไม่เอา ติลาจะอยู่กับคุณดิส” มือแข็งแรงนั้นเช็ดน้ำตาให้อ่อนโยนนัก  จนไตติลาต้องกอบกุมมือนั้นไว้ให้แนวดวงหน้าตน

“ความรักอย่างเดียวทำให้เราอยู่ด้วยกันไปตลอดไม่ได้หรอก....ความผูกพันต่างหาก ที่จะผูกใจเราไว้ด้วยกันเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน  สัญญานะติลา” เมื่อเห็นกษิดิสเฝ้ารอคำตอบ ไตติลาจึงพยักหน้ารับ

   ริมฝีปากหยักสวยยกยิ้มจาง ไตติลาลอบเห็นร่องรอยแห่งความอาวรณ์ในดวงตาคู่นั้น  ก่อนจะหลับตาลงรับสัมผัสอุ่นหวานลงบนริมฝีปากตน  เนิ่นนาน อ้อยอิ่ง  ราวกับค่อยๆหลอมละลายร่างกายนี้ช้าๆ ไตติลาซวนเซยืนไม่อยู่ จึงทรุดกายลงนั่งปลายเตียง ร่างสูงนั้นจึงทรุดกายลงยืนเข่า  ก่อนจะมอบจุมพิตหวานซ่านนั้นอีกครั้ง  ไตติลาตอบรับอย่างเต็มใจ รอยจูบที่เคยอ่อนหวานจึงลุกโหมด้วยความร้อนเร่า

“แน่ใจหรือ?” กษิดิสถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่ากว่าทุกคราว ไตติลายิ้มที่มุมปากน้อยๆ คล้ายจะยั่วเย้า

“ผมไม่มีอะไรจะเสียหรอกครับ” เมื่อได้ยินดังนั้น กษิดิสจึงกระซิบหยอกล้อที่ข้างหู ทำให้ไตติลาหัวเราะพลางเอียงคอด้วยความจักกระจี้  ก่อนร่างสูงนั้น จะลุกยืนเต็มความสูง  ปลดกระดุมเสื้อที่สวมอยู่อย่างไม่เร่งร้อน  ผิวกายที่สีทองจางๆทำให้ไตติลาเผลอเม้มริมฝีปากโดยไม่รู้ ก่อนร่างนั้นจะก้มลงมอบจุมพิตร้อนแรงให้อีกครั้ง

   ไตติลารู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกแผดเผา ด้วยไฟรักเริงร้อน ผิวกายสัมผัสของเขาตอบสนองทุกความอ่อนโยนที่ๆมือแข็งแรงคู่นั้นไล้ผ่าน ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ เขาได้ยินเสียงตนเองครวญด้วยความรัญจวน  เสียงหอบหายใจของคนสองคนพร้อมกับไอระอุร้อน ไตติลารับรู้ได้ว่าเม็ดเหงื่ออุ่นร้อนหยาดหยดใส่หน้าตน  เห็นกล้ามเนื้อสมส่วนของใครอีกคนเกร็งเขม็งราวกับกำลังอดทน

“เรา...เหลือเวลาอีกเท่าไหร่  เราควบคุมมันไม่ได้เลย”  กษิดิสมองร่างในอ้อมแขน ดวงตาที่แม้จะฉาบไปด้วยแรงปรารถนา แต่กลับฉายประกายรวดร้าวเช่นกัน เขาส่ายหน้าเบาๆด้วยเพราะไม่รู้ ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นเช่นไร   ริมฝีปากหยักสวยคลี่ยิ้มจาง เฝ้าบอกถ้อยความปลอบขวัญผ่านดวงตา  ก่อนกษิดิสจะจูบลงที่ขมับนุ่มนวล ความอ่อนโยนนั้นห่อหุ้มหัวใจไตติลาไว้ให้รู้สึกปลอดภัย

   กษิดิสเฝ้าภาวนาให้เวลาหยุดเดินสักหนึ่งวัน หนึ่งชั่วโมง หรือเพียงหนึ่งนาที  ให้ได้อยู่กับผู้เป็นหัวใจรักนานขึ้นอีกนิด  ทั้งที่รู้สิ่งที่ภาวนาไว้นั้นไม่อาจเป็นจริง  เขาอาจอยากตีอกชกหัวตัวเองนักที่ไม่อาจห้ามใจตนเองให้ตอบสนองความร้อนเร่านี้ได้  ทว่าก็ไม่อาจต้านทานความรัญจวนใจที่อีกฝ่ายเสนอให้ได้อีกเช่นกัน  ภาพที่เขาเห็นตรงหน้านี้ คือภาพแห่งความปรารถนาโดยแท้ เรือนกายนวลสะอาดบิดเร้าตามจังหวะความปรารถนาที่เขาเป็นผู้ควบคุม พร้อมกับมอบสัมผัสบีบรัดผ่อนคลายให้ยิ่งเตลิดไปในห้วงปรารถนา  จวบจนความรุ่มร้อนระเหิดหาย  กษิดิสกอดไตติลาไว้แนบอก ความจริงที่หนีไม่พ้นปรากฏขึ้นในห้วงคิดอีกครั้ง เวลาของคนทั้งสองกำลังหมดลง เหมือนเม็ดทรายเม็ดสุดท้ายในนาฬิกาทรายที่กำลังร่วงสู่พื้นล่าง...การพลัดพรากน่ากลัวเสมอ

“คุณดิส  ติลากลัว”

“อย่ากลัวไปเลย ดิสจะอยู่กับติลาเสมอ ไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่าเมื่อไหร่”กษิดิสกระซิบแผ่วเบา เพียงชั่วพริบตา อ้อมแขนที่เคยโอบล้อมราวกับจะปกป้อง ที่ไตติลายึดไว้เป็นหลัก พลันเหลือไว้เพียงความว่างเปล่า....มีเพียงไตติลาให้เดียวดาย


๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
อิอิ มาต่อแล้ว อะจึ๊ก อะจึ๊ก

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
เข้ามาปรบมือประกอบจังหวะ o18

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
เศร้าอ่าาาาาาาาาาาา แล้วมิติมันเหลื่อมกันยังไงอ่า

มีกระจกแบบทวิภพก็ไม่ใช่ >.<

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
โห แล้วแบบนี้จะได้เจอกันอีกมั้ย ติลาต้องอยู่คนเดียวตลอดไปจริงๆ เหรอ  :z3:
แค่คิดถึงตอนจบก็เศร้าล่วงหน้าไปเรียบร้อยแล้วเรา  :monkeysad:

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
หึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึ

เมศไม่ใจร้าย(มาก) หรอกคะ หึหึหึหึ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
^
จิ้มบวกพี่เมศ
ขอแบบใจดีบ้างได้มั้ยค๊า

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
ตอน ๑๓.๒


หากเปรียบไตติลาเป็นเรือน้อยหนึ่งลำละก็ เรือน้อยลำนี้เห็นจะไร้ซึ่งเข็มทิศ ถึงได้หลงทางไปแสนไกล  ไตติลาในยามนี้เป็นเช่นนั้น ชีวิตที่ไร้ซึ่งกษิดิส ช่างหลักลอย ไตติลาไม่ได้ฟูมฟายร้องไห้ดั่งคนเสียสติอย่าเมื่อก่อนหน้า เพราะรับปากสัญญาว่าจะอยู่อย่างเข้มแข็ง การอยู่อย่างเข้มแข็งของกษิดิสคืออะไรหนอ? ไตติลาได้แต่เฝ้าคำนึงคิดหาคำตอบ ทว่าสำหรับเขาแล้ว การอยู่อย่างเข้มแข็ง คือกลับไปใช้ชีวิตปรกติ ทั้งที่ในอกนี้กลวงเปล่า

“เฮ้  อาจารย์เริ่มสอนแล้วนะ”  ไตติลากระพริบตาถี่ๆขับไล่ละอองน้ำในตา  ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามบังคับให้ตนเองยิ้มให้เพื่อนร่วมชั้นเรียน

“เป็นอะไรหรือเปล่า?” สมิท  ไทสัน กระซิบถามทอดสายตามองมาอย่างเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรหรอก”

“ช่วงนี้นายเหม่อๆนะ เหมือนคนอกหัก  ไปถูกสาวที่ไหนหักอกมาล่ะ?”  ไตติลาฝืนยิ้มกับคำถามเชิงหยอกล้อนั้น  ทั้งที่ดวงตาที่เคยมีคนชมว่าสวยนัก ไม่อาจซ่อนร่องรอยแห่งความเศร้าสร้อยไว้ได้

“นิดหน่อยน่ะ”  ไตติลาตอบอย่างขอไปที ก่อนจะบังคับตนเอง ให้ตั้งใจเรียน ระหว่าง สมิท ไทสันและไตติลาจึงไม่ได้พูดกันอีก

“แน่ใจหรือ ว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ  ถ้าไม่ไหวจะกลับไปพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวผมหาข้อมูลเพิ่มเอง” ไตติลาที่เงยหน้าขึ้นมองคนถาม สมิท ไทสัน ถามด้วยสีหน้าจริงจัง ไตติลาคิดทบทวน วันนี้หลังเลิกเรียนแต่เดิมนัดไว้ว่าจะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ห้องสมุดเก่าแก่นั้น

“แน่ใจสิ” ไตติลาแน่ใจ ต่อให้ต้องคลานไป วันนี้เขาก็จะไปหาข้อมูลของกษิดิสให้ได้  อย่างน้อย ให้ได้ดูหนังสือเล่มนั้นอีกครั้งก็ยังดี

“หน้าตานายดูไม่สบายเลย” ไตติลาลูบหน้าอย่างอ่อนเพลีย สองสัปดาห์มานี้ เขาแทบไม่พักผ่อนหรือนอนหลับ ด้วยเพราะใจหวังลึกๆว่า กษิดิสอาจจะมาหา  ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าช่างยากเย็น

“ไม่ค่อยได้นอนน่ะ”

“ขับรถไหวแน่หรือ ให้ไปส่งบ้านไหม?”

“อย่าเลย...” ไตติลาหลับตาลงรู้สึกราวกับสมองกำลังเผาไหม้อย่างช้าๆ

“ทำงานกันก่อนเถอะ”


   ห้องสมุดที่ไตติลาเคยชื่นชมถึงความสง่างาม ทว่าไตติลาวันนี้กลับเดินผ่านทุกสิ่งไปโดยไม่เหลียวแล มีแต่หัวใจที่มุ่งมั่นที่จะค้นหา  หาสิ่งที่ตนเองก็ไม่แน่ใจว่ามีตัวตนในห้วงเวลาของเขาหรือไม่  ไตติลารู้เพียงเขาต้องการอะไรก็ได้ ที่เป็นหลักฐานว่า กษิดิส ไม่ใช่ ‘ความฝัน’ ให้เห็นกับตาอีกครั้ง  ไตติลาหันไปบอกคนมาด้วยกันเหมือนอย่างคราวก่อน ก่อนจะย่ำเท้ามุ่งตรงไปยังชั้นบนของห้องสมุด   ลองค้นหาจากฐานข้อมูลหอสมุดแห่งนั้นทว่าไม่พบ ลองสอบถามบรรณารักษ์ กลับกลายเป็นว่า  หนังสือที่ไตติลาต้องการไม่เคยปรากฏอยู่ในห้องสมุดนี้

   ไตติลาผิดหวัง ผิดหวังซ้ำๆซากๆอย่างนั้นมาสองสัปดาห์ กษิดิสดูห่างไกลเกินกว่าที่ไตติลาจะเอื้อมมือคว้าถึงอีกต่อไป  หรือกษิดิสจะเป็นเพียงความฝันที่ไตติลาสร้างขึ้น  แต่ทุกอย่างก็ดูแจ่มชัดสมจริงเกินกว่าจะเป็นฝันไตติลานึกค้าน  ความหวังที่เคยมีริบหรี่ลงอีกจนแทบดับมอด    ดวงตาที่กษิดิสกระซิบชมที่ข้างหู  กวาดมองไปรอบโถงห้องสมุดอันเงียบสงบนั้นด้วยหัวใจหนาวเยือก  กษิดิส ไม่อยู่ที่ไหนๆเลย  ความจริงข้อนี้กำลังทิ่มแทงให้เจ็บปวดช้าๆ  น้ำหนักของความผิดหวัง หนักพอที่จะทำให้ไตติลาเจ็บชา เขาแบกร่างที่กลวงเปล่าของตนเอง ลงบันไดมาอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง  ในหูได้ยินเสียงรอบกายดังสะท้อนในหัวทว่าจับศัพท์ใดไม่ได้  เห็นแสงสีต่างๆรอบกายเป็นเพียงเส้นแสงที่ให้ความสว่างไสวใดๆไม่ได้เช่นกัน มือนวลเกาะยืดราวบันไดไว้แน่น  เหมือนโลกทั้งใบกำลังจะถล่มลงมา  ทั้งสั่นคลอนไม่มั่นคง  และกึ่งจริงกึ่งฝันจนยากจะเชื่อ

“ติลา!” ชั่ววินาทีนั้น ไตติลาคิดไปว่า ตนได้ ‘ความฝัน’ มากอดไว้แนบอก

๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓
   

   ไตติลาลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งด้วยสมองที่มึนชา ก่อนที่จะเริ่มระลึกได้ว่า กำลังนอนอยู่บนเตียงของตนเอง  ในห้องของไตติลายังคงเหมือนเดิม ไม่ได้แปลเป็นห้องที่มีเครื่องเรือนน้อยชิ้นอย่างเมื่อครั้งนั้น ความผิดหวังแล่นริ้วขึ้นมาอีกครั้ง กระบอกตาร้อนผ่านทว่ากลับไม่มีน้ำตาหยาดหยด ขาที่กล้ามเนื้ออุทธรณ์ด้วยอาการร้าวระบม ทำให้ไตติลาหย่อนขาลงข้างเตียง ค่อยลุกขึ้นทรงตัว ทั้งที่ผืนใต้เท้าไตติลายังไม่มั่นคงเท่าใดนัก  มือนวลไล้เกาะไปตามกำแพง ที่สุดปลายทางเดินอันแป็นห้องครัวและห้องนั่งเล่น มีแสงไฟสว่าง พร้อมกับเสียงกระทบกันของโลหะ  หัวใจไตติลาเต้นด้วยความหวังที่สว่างวาบขึ้นอีกครั้ง

“เฮ้ย ลุกมาทำไม!?”  ร่างโปร่งบางนั้นละมือกับงานครัวตรงมาพยุงไตติลาให้นั่งลงบนโฟซาเก่าๆในส่วนของห้องนั่งเล่น

“ไอ้แหม่ม”  ไตติลาเรียกเพื่อนรักด้วยเสียงสั่นเครือ พลางจิกเสื้อเพื่อนสาวไว้แน่น

“ปวดหัวหรือเปล่า?  เอายาไหม?” ไตติลาส่ายหน้าเบาๆ  เขามองหน้าเพื่อนสนิทที่สุดของเขา  ใช้สติไตร่ตรองอย่างเงียบเชียบ

“ไอ้แหม่ม ติลาขอโทษ”  แหม่มถอนหายใจแผ่วเบา

“รู้ว่าผิดก็ดีแล้ว ฉันก็ขอโทษที่พูดไม่ดี”    แหม่มอาจจะเคยโกรธไตติลาที่ให้คุณค่ากับมิตรภาพของเธอต่ำไป  อาจจะหัวเสีย ที่ไตติลามีโลกส่วนตัวมากเสียจนเธอคิดว่าไตติลาจะตัดขาดจากเธอ  ทว่า เมื่อเธอได้เห็นไตติลาวันนี้  ที่สมิท ไทสันอุ้มกลับมาด้วย  ติลาเพื่อนรักที่หน้าซีดโทรม และร่างกายผ่ายผอมไปกว่าเดิมทำให้หัวใจเธออ่อนยวบลง

“หิวไหม? วันนี้ทำกับข้าวให้พิเศษเลยนะเนี่ย”

“กินได้แน่หรอ?”  แหม่มมองค้อน ถึงกระนั้นก็ต้องยอมรับว่า ฝีมือการทำอาหารของเธอสู้ไตติลาไม่ได้เลย

“ย่ะ แค่พอยาไส้ไปพลางๆก่อนสิยะ”

   การมีเพื่อนอยู่เคียงข้างทำให้วันเวลาของไตติลาเดินผ่านได้รวดเร็วขึ้น  บรรเทาความเจ็บปวดในอกลงได้บ้าง   เพราะอย่างน้อย ไตติลาก็ไม่ได้ตัวคนเดียว ไม่ได้ถูกทิ้งให้เงียบเหงาเดียวดาย  ไม่ถูกทำให้ทุกข์ทนด้วยหัวใจห่วงหาของตนเอง ที่คอยแต่จะไล่ตามเงาฝัน อย่างเดาสุ่มทิศทาง 

“สมิทอุตส่าห์อุ้มแกมาส่ง โทรตามฉันใหญ่เลยว่าแกเป็นลม”

“แกก็เลยรีบมา?”

“แน่สิยะ ฉันไม่ได้ใจยักษ์ใจมาร จะได้ไม่เหลียวแล”  ไตติลาฟังแล้วจุดยิ้มที่มุมปาก

“ขอบใจนะ”  แหม่มยิ้มรับน้อยๆเช่นกัน

“จริงๆ เขาก็เป็นคนดีนะ  หัวดี หน้าตาดีอีกต่างหาก”

“จีบเขาสิ” ไตติลายุยง

“แหม ก็อยากหรอก  แต่เดี๋ยวตัวจริงจะเอาตาย!” แหม่มพูดถึงแฟนหนุ่มของตัวเอง

“แหมคิดดัง เดี๋ยวมาได้ยินเก๊าะงานเข้า”  ทั้งสองหัวเราะให้กับความคิดนี้

“อย่ายุใครให้เราเลย แหม่ม  เราเหนื่อยแล้ว” ไ ตติลาทอดสายตามอง โต๊ะอาหารของตัวเอง ที่ครั้งหนึ่งเคยมีใครอีกคนร่วมโต๊ะ  ไตติลายังจำรอยยิ้ม และดวงตาคู่นั้นได้  จำรสมืออาหารที่ถูกปาก  เสียงหัวเราะทุ้มต่ำนั้นได้แม่นยำนัก

“กับคุณคริษฐ์ล้มเหลวหรอ?” แหม่มมองมาอย่างใคร่รู้  ไตติลากรอกตาเบาๆ ก่อนจะเน้นเสียง

“มาก”

“สงสัยต้องอยู่เป็นโสดไปตลอดเสียละมั้ง” ไตติลาไม่ได้ตอบกระไร เพียงแต่หัวเราะที่คล้ายกับจะถอนใจ

๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓

   ชีวิตไตติลาเกือบจะกลับเป็นปรกติทุกอย่างแล้ว ไตติลากลับไปเรียนหนังสืออย่างตั้งใจจนสอบปลายภาคเสร็จสิ้น  กลับไปทำงานเก็บเงินส่งตัวเองต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ทว่ายามใดที่เดินเข้าไปในฝูงชน ไตติลาห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะเหลียวหา  ‘กษิดิส’ในความคิดไตติลา เริ่มเป็นความฝันมากกว่าความจริง  นี่เองอาจทำให้ไตติลามีนิสัยประหลาดเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง  เพราะไตติลาชอบดูข่าวต่างประเทศเป็นพิเศษ  ด้วยความหวังอย่างเพ้อฝันว่า บางที คนที่หัวใจไตติลาเหลียวหานั้น อาจอยู่ที่มุมใดของโลกใบนี้  อาจมีตัวตนอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน  ไตติลามักหยุดยืนดูแบบบ้านบนกระดาษเก่าคร่ำนั้นครั้งละนานๆก่อนจะเข้านอน  นานพอให้จดจำรายละเอียดในกระดาษแผ่นนั้นได้ถี่ถ้วน



   การสอบปลายภาคผ่านไปแล้ว ไตติลากลับมาจากทำงาน  อาบน้ำค่อนข้างเย็น เนื่องจากอากาศที่นี่ร้อนมากราวกับแดดประเทศไทย ในฤดูร้อน พลางคิดทบทวนกับการเรียนในเทอมต่อๆไป  ซึ่งเขาตัดสินใจจะหยุดเรียนสักหนึ่งภาคเรียน  ด้วยเพราะรู้สึกเหนื่อยล้า  และคิดถึงบ้านที่มากขึ้นทุกที  เสียงออดหน้าประตูอพาร์ทเม้นต์เจดังขึ้น ไตติลาขมวดคิ้วพลางมองนาฬิกา  อีกไม่นานก็จะเข้าสู่วันใหม่



   ไตติลาเปิดประตูห้องด้วยเพราะคิดว่าอาจจะเป็นรูมเมตที่เมาจนไม่รู้ทิศเหนือทิศใต้จนหากุญแจเข้าห้องไม่เจอ อย่างที่เขาพอจะเคยๆเจอมาบ้างกับรูมเมตคนก่อนๆ แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูนั้น ห่างไกลจากรูมเมตของเขาอยู่มากนัก  ร่างนั้นไม่พูดอะไรกับไตติลา แต่กลับยื่นกระดาษที่ถูกพับทบไว้ให้กระดาษขาวนั้นให้สัมผัสเป็นปึกหนาให้  ไตติลารับมาอย่างงงงัน แล้วคลี่ออกดูด้วยท่าทางลังเล  ไตติลากวาดสายตา มองสิ่งที่อยู่ในกระดาษใหม่ขาวนี้ ด้วยดวงตาที่รื้นน้ำตาขึ้นทุกที  ก่อนจะมองสบตาผู้ที่หยิบยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้


“ไตติลา  คุณจะกลับเมืองไทยกับผมได้หรือเปล่า?” สมิท ไทสัน พูดออกมาอย่างหนักแน่นด้วยภาษาที่คนไทยเข้าใจกันด้วยสำเนียงชัดเจนราวกับเจ้าของภาษา   ไตติลาทำได้เพียงทอดมองเจ้าของคำถามนั้นอย่างสับสนด้วยดวงตารื้นน้ำตา



โปรดติดตามตอนต่อไป


ลืม!

มัวเเต่ไปโยนโบลิ่ง  เเหม....ปวดเเขน :laugh:

ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค๊า

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
อาไรกันเนี่ยยยยยยยย อยากอ่านต่อค๊า >.<

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
งะ แลดูน่ากลัวมันมีความหมายอะไรแฝงอยู่ในกระดาษปึกนั้นนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2010 00:23:22 โดย [N]€ẃÿ{k}uñĢ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






aojroonra

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกก เค้าคือใครหนอ เค้ามาจากไหนนนนน..

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
เม้นท์ทีเดียวสองตอนรวด!!
ตอนที่แล้ว..ติลาจ๋าาาพี่ทั้งสงสารและอิจฉาในคราวเดียวกัน 
อิจฉาที่ผ่านกระบวนการวมร่างกับคุณดิส (ของพี่)ไปแล้ว 
สงสารที่ยิ่งโหยหาและรอคอยยิ่งกว่าเดิม..แต่คุณดิส(ของพี่)น่าจะเป็นยิ่งกว่าติลาหลายเท่านัก
ตอนล่าสุด..ทุกอย่างกำลังจะถึงจุดไคลแม็กซ์ใช่มั้ยคะคุณเมศ?
ดิชั้นจะเตรียมใจรับมือกับตอนจบในแบบของคุณเมศนะคะ
ดิชั้นชอบงานของคุณจริง ๆ ค่ะ..อ่านแล้วมันเหงาได้ถึงขั้วจริง ๆ
จิ้มบวกขอบคุณและเป็นกำลังใจให้นะคะ..หวังว่าจะเป็น  1  เม้นท์ที่ทำให้คุณเมศมีกำลังใจในการเล่าเรื่องค่ะ
 :pig4: :กอด1:


ปล.ไม่ได้หายไปไหนนะคะ..ติดอบรมและมีงานเข้าน่ะค่ะ  แต่ตอนจบไม่อยากใช้อีโมนี้นะคะ  :m15: (ดิชั้นกดดันคุณเมศรึเปล่าหว่า555)

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
สงสารไตติลา

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
ีที่ลืมบ่อยๆ ก็ไม่ได้น้อยใจอะไรนะคะ

เเต่ว่าเมศงานเข้าค่ะ ฮ่าๆๆ  ซีเนียร์โปรเจค ค่อนข้างวุ่นๆ

เเต่ก็มาเช็คคอมเม้นต์บ่อยค่ะ


ส่วนตอนต่อไป หรือจะจบเเบบไหน 







หึหึหึหึหึหึหึหึ

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
แบบบ้านแหงๆ สงสัยสมิทต้องเกี่ยวดองกับดิสแน่ๆ เป็นหลานอะเปล่า

heavenly**yaoi

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมชีวิตของไตติลามีแต่คนผ่านมาแล้วก็ผ่านไป น่าสงสาร
ตกลง ไม่ใช่กษิดิสหรอที่เป็นพระเอก?

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
บอกไปสิว่า กลับ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
กรี๊ดดดดดดด อยากอ่านต่อแล้วค่ะ สมิท ต้องรู้อะไแน่ๆๆเลย  :z3:

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
สงสัยตอนนี้กำลังอยู่บนเครื่องบิน เงียบไปเลย

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
 ตอน ๑๔.๑

   กว่าสองสัปดาห์หลังจากวันนั้น วันที่สมิท ไทสัน มาพร้อมกับกระดาษแผ่นนั้น  กระดาษขาวสะอาดแทบจะไม่สิ้นกลิ่นใหม่  กลับมีลายเส้นเจนตาขีดวาดอยู่บนนั้น ทุกรายละเอียดใหญ่น้อยในแบบร่าง ถอดมาจากกระดาษเก่าคร่ำที่ไตติลาทำได้แต่เพียงเฝ้าดู ให้คิดถึงเจ้าของผลงานที่ได้ร่างไว้ ณ เวลาหนึ่งในอดีตอันห่างไกล  ทีมุมหนึ่งของกระดาษขาวสะอาดนั้น มีลายมือที่ไตติลาจำได้ขึ้นใจ เขียนข้อความเพียงสั้นๆ  ‘ระลึกถึง...ไตติลา’ พร้อมลงชื่อ ‘กษิดิส’ และวันที่ ย้อนหลังไปสองเดือน ในปีเดียวกันนี้!

“ไตติลา  คุณจะกลับเมืองไทยกับผมได้หรือเปล่า?”  ไตติลาจำได้แม่นนัก ว่าได้ใช้ดวงตารื้นน้ำตามองเจ้าของคำถามอย่างไร

“คุณอาจจะไม่เชื่อ  แต่กษิดิสของคุณ ยังใช้ชีวิตร่วมเวลากับเราอยู่”  ไตติลายกสองมือขึ้นปิดหน้า  รู้สึกเหมือนตนเอง ตกลงสู่ก้นหุบเหวแห่งอารมณ์อ่อนไหว ดั่งเช่นวันนั้น วันที่พบกษิดิสเป็นครั้งสุดท้าย

“อย่ามาล้อเล่นนะ!” อย่าเอาหัวใจใครมาล้อเล่น เพราะมันเจ็บปวดเกินกว่าไตติลาคนนี้จะรับไหว   มือแข็งแรงสองข้าง บีบไหล่ไตติลาจนรู้สึกเจ็บ ราวกับบังคับให้ไตติลาเงยหน้าขึ้นมอง

“ผม...ไม่ได้ล้อเล่น” ดวงตาของคนที่ยืนยันหนักแน่น มีน้ำหนักเหมือนกับน้ำเสียงของเขา  ความหวังเล็กๆของไตติลาถูกเติมเชื้อไฟขึ้นในคราวนี้เอง


   ไตติลามองออกไปทางหน้าต่างเครื่องบิน ลำตัวของเครื่องสั่นสะเทือนตามแรงเสียดทานของอากาศ ขณะเหินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า  เหลือเพียงภาพแสงไฟนับแสน ค่อยๆหรี่เล็กจนลับสายตา  ในหัวไตติลากำลังเค้นหาคำตอบมาให้ล้านคำถามที่เกิดขึ้นในใจ  ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่ไตติลาระลึกได้ในเวลานี้คือ ‘กษิดิส ยังคงมีชีวิตอยู่’  อยู่ที่ไหนสักแห่งบนแผ่นดินเกิดของเขาเอง 

“นอนเสียก่อนไหม? ยังอีกเป็นสิบชั่วโมง” สมิท ไทสันกระซิบถามแผ่วเบา ด้วยภาษาไทยที่ชัดเจนเช่นเจ้าของภาษา

“นี่ไม่ใช่เรื่องล้อกันเล่นแน่ๆใช่ไหม?”

“ครับ”  มือแข็งแรงของคนที่ยืนยันแน่นหนัก ยื่นยาแก้แพ้ให้ไตติลาหนึ่งแผง

“ทานเสีย จะได้หลับ” ไตติลา รับมาแกะพร้อมกับที่คนนั่งข้างกายขอน้ำเปล่ามาให้  ไตติลากินยาอย่างว่าง่าย เอนหลังหลับตา

“คุณชื่อไทยว่าอะไรนะ?”  ไตติลาถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงชัดว่า ยาเริ่มออกฤทธิ์ของมันอย่างเงียบเชียบแล้ว  คนฟังจึงยิ้มบางกับตนเอง

“สมิทธิ์ ที่แปลว่าสมบูรณ์พร้อมครับ สมิทธิ์   ไทสรรค์  เหมือนกับ กษิดิส ไทสรรค์”  ไตติลาพยักหน้ารับเงียบๆ ก่อนเข้าสู่ห้วงนิทรา

   สมิทธิ์มองเสี้ยวหน้าของคนที่นั่งข้างกายอย่างพิจารณาเงียบๆ   ก่อนจะใช้มือค่อยๆเอนศรีษะอันปกคลุมด้วยเส้นผมดกหนา ให้เอนพิงไหล่แกร่งของตนอย่างนุ่มนวล ด้วยเกรงว่าจะทำให้เจ้าตัวหลุดจากห้วงฝัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะถอนหายใจแผ่วเบา

‘ ใครจะเชื่อ ว่าอยู่ๆ คนที่เคยรู้จักแต่ในนิทานก่อนนอนที่ปู่เคยเล่าสมัยเด็ก จะมีตัวตนอยู่จริงๆ’ สมิทธิ์ยิ้มขันกับตนเอง  ไตติลาเคยเป็นแต่เพียงชื่อของคนในนิทานมานานนับเป็นสิบๆปี จวบจนวันหนึ่ง ที่เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขาเองมีชื่อเดียวกัน  ทำให้เขากลับไปคิดทบทวนความทรงจำดูเสียใหม่

“ปู่จำได้ไหม? เรื่องนิทานที่ปู่เคยเล่า เกี่ยวกับคนชื่อไตติลา?”  ครั้งหนึ่ง เมื่อเขาอดรนทนไม่ไหว จึงต้องเอ่ยปากกับคนที่เป็นผู้เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง

“จำได้สิ” เสียงที่ปลายสาย แม้จะแหบแห้งไปตามวัย ทว่ามีเค้ารื่นรมย์

“ผมว่า  ผมเจอตัวเขาแล้วล่ะ”  สมิทธิ์ยิ้มกับตนเองอีกครั้ง  ไตติลาที่เขาพบเห็น มีลักษณะท่าทางถอดแบบมาจากที่ปู่ของเขาเล่า ไม่มีผิดเพี้ยน ดวงตาได้รูปเป็นประกาย  จมูกรั้นๆ และริมฝีปากชวนมอง สมิทธิ์ยังจำสิ่งที่ปู่ของเขาสำทับได้แม่นยำ

“ไตติลา น่าเอ็นดูมากเลยใช่ไหม?” แค่เพียงนึกถึงคำตอบ สมิทธิ์ก็ไม่อาจซ่อนรอยยิ้มไว้ได้

๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔


   เมื่อไตติลาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ห้องโดยสารดับไฟสลัว  และเงียบเชียบมีเพียงเสียงจากภายนอกเท่านั้น  ไตติลามองคนที่นั่งข้างกันที่ศีรษะเอนพิงพนัก พร้อมกับดวงตาหลับสนิท พลางพิจารณาดวงหน้านั้น ไตติลาไม่อยากจะเชื่อ จากปากคำของสมิทธิ์ ว่าชายหนุ่มเป็นหลานชายแท้ๆของคุณดิส  รูปร่าง โครงหน้าดูอย่างไรก็ไม่คล้ายเลยสักนิด อาจเป็นเพราะสายเลือดตะวันตก กลบบังความคมสันอย่างไทยแท้เช่นคุณดิสไปเสียมิดชิด

“มองนานๆ ผมจะคิดค่ามองนะครับ” ไตติลารีบเบือนสายตาหนี

“ผมแค่กำลังคิดว่า ทำไมถึงไม่นึกเอะใจเลย ทั้งที่เราทำงานกลุ่มส่งด้วยกันมาก็หลายหน” สมิทธิ์หัวเราะเบาๆ  เขาหันมองคนข้างกายที่ทำเมินมองออกไปนอกหน้าต่าง  ผิวละเอียดนวลบริเวณต้นคอที่โผล่พ้นฮู้ดดี้ตัวเก่งที่ไตติลาสวม เห็นรำไรอยู่ในความสลัว

“เพราะคุณไม่ยอมพิมพ์ปกรายงานส่งน่ะสิ” สมิทธิ์พูดพลางหัวเราะเบาๆ   ไตติลาไม่ชอบงานจัดหน้ากระดาษ เพราะเป็นงานละเอียด ไตติลาซึ่งเป็นคนค่อนข้างใจร้อนคิดเร็วทำเร็ว ไม่ใคร่ชอบใจนัก งานจึงตกมาอยู่ที่เขา

“นี่...ที่คุณบอกว่ารู้จักผมมานาน มันนานแค่ไหน?”

“ตั้งแต่ผมสักหกเจ็ดขวบได้ละมั้ง” ไตติลาหันมามองคนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบนั้นอย่างเหลือเชื่อ

“ผมรู้ ว่ามันฟังดูเหลือเชื่อ แต่เรื่องของคุณมันก็เหลือจะเชื่อเหมือนกันล่ะน่า” ไตติลาฟังแล้วขมวดคิ้วริมฝีปากนั้นเม้มแน่นเป็นเส้นตรง

“ปู่เล่าให้ฟังเป็นนิทานก่อนนอน  เกี่ยวกับชายคนหนึ่งกับคนรัก ที่เวลาบิดเบือนให้พวกเขามาพบกัน....และคนรักคนนั้น มีชื่อว่า ‘ไตติลา’”  ดวงตาที่มองสบกับไตติลานั้นทำให้เขานึกกลัว

“อย่ามองด้วยสายตาอย่างนั้นได้ไหม”  สมิทธิ์เหมือนคนหลุดจากภวังค์  ชายหนุ่มก้มหน้าลง ทั้งคู่ต่างเงียบงันด้วยเพราะความรู้สึกกระอักกระอ่วนเจือจางแขวนลอยในอากาศ

“แล้วคุณรู้ได้ยังไง ว่าคนในนิทานคนนั้น คือผมกับปู่ของคุณ”

“ทีแรกท่านไม่ได้บอก แต่พอโตขึ้นมาอีกหน่อย ผมก็รับรู้ได้ว่า ทุกรายละเอียดที่ท่านเล่า ชี้มาที่ตัวท่านทั้งนั้น  ส่วนรายละเอียดของคนที่ชื่อไตติลา ท่านเล่าไว้ละเอียดยิบจนผมยิ่งกว่าตาเห็น ทั้งท่วงท่าการเดิน วิธีพูด หรือแม้แต่นิสัยติดตัว...” ไตติลาเม้มริมฝีปากอีกครั้ง ทำให้ดวงหน้าดูกึ่งยิ้มกึ่งบึ้งในความมืดสลัว

“ชอบเม้มปาก เวลาใช้ความคิด ขัดใจ หรือแม้แต่ซ่อนรอยยิ้ม” ดวงตาของคนพูดเป็นประกายจรัส ชวนให้นึกถึงใครอีกคน ทั้งคู่ต่างนิ่งเงียบจ่อมจมลงสู่ความคิดของตนเอง

“แล้วคุณดิสได้เล่าตอนจบหรือเปล่า?” ไตติลาถามด้วยเสียงเพียงกระซิบ  หัวใจไตติลากำลังเต้นหนักๆ ด้วยความคาดหวัง ระคนหวาดกลัว

“ในนิทานเรื่องนั้น  สุดท้าย ทั้งสองคนพลัดพรากตลอดกาล...” คำตอบนั้น เหมือนตอกย้ำหัวใจไตติลาให้เจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ไตติลาหลับตา ถอนลมหายใจนานช้า หวังให้ความปวดร้าวที่พุ่งริ้วนี้จางหายไปโดยเร็ว

“แต่ผม กำลังจะเปลี่ยนมัน” เสียงที่เกือบเป็นกระซิบนั้น แน่นหนักจนไตติลาละสายตาจากคนพูดไม่ได้

“ผมกำลังเปลี่ยนมัน และมันเกือบจะสำเร็จแล้ว”  สัมผัสอุ่นจากปลายนิ้วแข็งแรง แตะหลังมือไตติลาที่เกร็งจับพนักพักแขนจนขึ้นข้อขาวเพียงแผ่วเบา คล้ายจะเตือนให้ไตติลาผ่อนคลายลงบ้าง

“ผมมีสิ่งเดียวที่อยากจะเตือนคุณไว้....”

“กษิดิสที่คุณกำลังจะได้พบ เขาจะไม่เหมือนกษิดิสคนที่คุณเคยรู้จัก”

โปรดติดตามตอนต่อไป




มาเเล้ว!คาดว่าคนอ่านต้องค้าง...ไม่เป็นหมอดูก็บอกได้(เพราะเราเป็นคนเขียน กร๊าสสสส)  ถ้าจบไม่ดี คนอ่านก็อย่างเพิ่งเผาพริกเผาเกลือเเช่งนะคะ ฮือๆๆๆ เเต่เปลี่ยนใจเมศไม่ได้เเล้วจริงๆ อุวะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า



หัวเราะทำไม หัวเราะทำไม

ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค๊า :call:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด