อะกาลิโก..รักไร้กาล
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อะกาลิโก..รักไร้กาล  (อ่าน 64670 ครั้ง)

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
แม้ความตายก็มิอาจพราก หรือเปล่านะ
ไม่เป็นไร ติลามาแก้ตัวกับสมิทก็ได้ 5555

heavenly**yaoi

  • บุคคลทั่วไป
เปลี่ยนสมิท ให้กลายเป็น กษิดิส แต่หน้าฝรั่ง หัวใจไม่ใช่ดวงเดียวกัน ไตติลายังจะรักได้อีกมั้ย?
สงสารอ่า TT^TT
ไรท์เตอร์ใจร้าย
ชอบทำร้ายไตติลา
ให้เค้ามีความสุขกับคนที่เค้ารักเถอะไรท์เตอร์
TT^TT

aojroonra

  • บุคคลทั่วไป
เย้ กำลังจะได้เจอกันสักทีน้าาาา

koraorni

  • บุคคลทั่วไป
ถึงแม้ว่าจะได้เจอในแบบที่ต่างออกไปแต่ก้อคงดีกว่าจากกันไปตลอดกาล
ตอนหน้าต้องเตรียมน้ำตาไว้หรือเปล่านะ
 :pig4:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
คนอ่านเกร็งจนตัวแข็งค้างไปหมดแล้ว  อาจไม่เกินจากที่คาดไว้
แต่จะทำยังงัยที่จะให้ไตติลาได้มีความสุขที่แท้จริงกับเขาบ้าง
คนแต่งอย่าใจร้ายเกินไปนะ

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
สงสัยจะแก่เกินแกง อิอิ

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
อ๊าาาา คุณดิส(ของดิชั้น)ในเวอร์ชั่นคุณปู่อบอุ่น(แน่ ๆ เลยอ่ะ)
ติลาก็นอนเกาคางดึงเหนียงคุณดิสเล่นไงคะ..น่ารักจะตายอ่ะ
บทนี้ สมิท แอบน่ารักนะคะ(เมื่อไม่กี่บทที่แล้วมาดิชั้นยังเกลียดมันอยู่เลยอ่ะ55+)
ยังไงก็จะได้เจอกันแล้วนี่เนอะ..ไม่ว่ายังไง  สุดท้ายเราก็ได้เจอกันในมิติเดียวกัน  แค่นี้มันก็ดีแล้วอ่ะเนอะติลา
กอดเด็กขี้เหงาและผู้ชายอบอุ่นให้เต็มสองแขน
จิ้มบวกขอบคุณคุณเมศค่ะ
 :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อ่านมาเรื่อยๆ แบบเพลินๆ ซึมๆ  แต่เจอประโยคสุดท้ายเข้าไป เล่นเอาหวิวๆๆ เหมือนตกหลุมอากาศ โธ คุณดิส  :z3:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
ลุ้นๆๆ ดิสตอนแก่จะยังคงไปได้กับไตติลาไหมน๊า

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
เข้ามารอคุณดิสกับติลา..สมิท ด้วยก็ได้55+
 :o8: :z2: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
รอใช่ไหม รอใช่ไหม....เอาไปเลยย~






ตอน ๑๔.๒



   หลังการเดินทางนานนับสิบชั่วโมงสิ้นสุด  นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ไตติลาได้กลับบ้าน เขาต่อแถวตรวจคนเข้าเมือง  ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ดีใจและตื่นเต้นที่ได้กลับบ้าน  หากก็หวั่นกลัวกับเรื่องที่ไตติลาไม่อาจคาดเดา  หวาดหวั่นไปกับความคาดหวังที่สมิทธิ์เป็นผู้หยิบยื่นใส่มือไตติลา  สมิทธิ์ยืนรออยู่แล้วที่หลังด่านตรวจคนเข้าเมือง  เพื่อไปรอรับกระเป๋าเดินทางของตัวเอง สมิทธิ์ยืนกอดอกเมื่อทั้งคู่ผ่านพ้นขั้นตอนการตรวจสอบไปแล้ว สายตาคู่นั้นทอดมองสายพานเปล่าอย่างคนใช้ความคิด  ไตติลานั่งลงบนรถเข็นที่เข็นมาสำหรับขนกระเป๋า สายตากวาดมองรอบกายอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก

“เดี๋ยวคุณคงมีคนมารับใช่ไหม?”  สมิทธิ์ถามขึ้น พลางเบี่ยงกายมายังคู้สนทนา

“อืม ผมให้ที่บ้านมารับ” ไตติลาติดต่อทางบ้าน เพียงไม่กี่วันก่อนหน้า ด้วยเพราะเจตนาให้แปลกใจ  สมิทธิ์จึงถามต่อไปถึงบ้านของไตติลา

“ถ้าเป็นที่ๆคุณดิสเคยบอกว่าได้เป็นมรดกมา แล้วจะสร้างบ้านของตัวเองละก็  รู้สึกว่าบ้านเราจะอยู่ใกล้กันมาก” สมิทธิ์เพียงแต่ทอดสายตามองคนพูดนิ่ง  จนไตติลาลอบคิดในใจว่า หากเป็นคนอื่น  คงจะมองเขาแปลกๆ ในเมื่อคนที่ถูกกล่าวถึงนั้น ไตติลาพบเจอเช่นไรยังยากจะบอก 

“น่าแปลกนะ ผมอยู่บ้านนั้นมาตั้งแต่เล็กจนโต  ไม่เห็นจะเคยเจอคุณสักหน” สมิทธิ์พูดพลางก้มลงยกกระเป๋าตนเองจากสายพาน

“เอาไว้แถวนั้นมีบ้านผมกับบ้านคุณแค่สองหลังแล้วค่อยแปลกใจ”คนฟังหัวเราะเบาๆ  ดวงตาที่ทอดมองมานั้น เพียงแค่ไตติลามองสบ ก็รู้สึกได้ถึงความนึกคิดของเจ้าตัวได้แล้ว ไตติลาลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นกระเป๋าของตนไหลเลื่อนมาตามสายพาน แต่เมื่อเอื้อมมือเตรียมจะคว้า กลับถูกแขนแข็งแรงของใครอีกคนช่วยยกใส่รถเข็นให้อย่างง่ายดาย

“ถ้าอย่างนั้น ไว้อีกสองสามวัน ผมจะไปรับคุณมาที่บ้านผม” สมิทธิ์พูดด้วยน้ำเสียงมั่นคงราวกับคำสัญญา 

“คุณดิส?” ไตติลาถามด้วยความหวังอัดแน่นเต็มหัวใจ  สมิทธิ์ เพียงแต่พยักหน้าเบาๆ

“ทำไมถึงไม่เป็นเดี๋ยวนี้!”   ริมฝีปากของคนพูดถูกขบเม้มจนแน่น ดูคล้ายเด็กเอาแต่ใจ

“ผมรู้ว่าคุณร้อนใจ... แต่คนที่บ้านคงมารอคุณแล้ว พวกเขาคงคิดถึงคุณจะแย่ เหมือนกับที่คุณก็คิดถึงพวกเขา”น้ำเสียงนั้นอ่อนเบา  ทำให้คนฟังนิ่งคิด

“ให้เวลากับตัวเองหน่อยดีกว่า ผมอยากให้คุณเตรียมเผื่อใจไว้บ้าง”

“เผื่อใจ?”

“ใช่” สมิทธิ์ไม่ได้ย้ำเรื่องใดๆอีก เขาเพียงขอให้ไตติลาจดเบอร์โทรศัพท์ที่บ้านใส่หลังมือตน ก่อนจดเบอร์โทรศัพท์ใส่หลังมือไตติลา  มือแข็งแรงข้างนั้นยุดมือนวลไว้ กอบกุมให้ความอุ่นร้อนแผ่ซ่าน  พลางจ้องมองตรงมาด้วยสายตาสื่อความหมายอย่างจงใจ  ไตติลามองสบ...เฉยเมย เสียจนเกือบจะเป็นเย็นชา

“แล้วผมจะโทรไป”

๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔


   ไตติลากลับบ้านท่ามกลางความยินดีของครอบครัว  บรรยากาศอบอุ่นที่ครอบครัวพร้อมหน้าห้อมล้อมไตติลาไว้ได้เฉพาะ ในยามที่อยู่กับสมาชิกครอบครัวเท่านั้น  ไตติลามักใช้ความคิดกับตนเองเสมอว่า กษิดิส ที่ไม่เหมือนกับที่ตนรู้จักจะเป็นอย่างไร  ไตติลาคิดไปต่างๆ นานา อย่างห้ามตนเองไม่ได้  เขานึกอยากจะโทรไปถาม ตามหมายเลขที่สมิทธิ์จดให้ แต่ก็ทำหมายเลขนั้นเลือนไปเสียก่อน จึงทำได้แต่เพียงรอ  จนล่วงเลยมาถึงวันที่สอง ร่างสูงโปร่งนั้นมักสะดุ้งทุกครั้งที่มีโทรศัพท์เข้ามา  แต่แล้วก็ผิดหวังอยู่เรื่อยไป  การรอคอยกำลังทำให้ไตติลายิ่งกระวนกระวายใจไปกับสิ่งที่ตนไม่รู้   

   ถ้าหากพบคุณดิส จะทำอย่างไรดี?  ไตติลาเฝ้าถามตนเองมานับครั้งไม่ถ้วน  อาจเพราะความรักและคิดถึงที่มากล้น ทำให้ไตติลาคิดไปอีกหลายๆอย่าง  ในตอนบ่ายของวันที่สาม  สมิทธิ์โทรศัพท์มาตามสัญญาที่เคยให้ไว้  ทำให้ไตติลาไม่อาจห้ามความตื่นเต้นดีใจไว้ได้เลย  ในอกมันท้วมท้นด้วยความหวัง และความรัก  คุณดิสจะยังจำไตติลาคนนี้ได้แน่ๆใช่หรือไม่?  คุณดิสจะดีใจหรือเปล่า?  ไตติลาได้แต่คิด  คิดและคิด เวียนซ้ำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

“คุณแน่ใจนะว่าพร้อมแล้ว”  สมิทธิ์ถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อร่างโปร่งนั่งประจำที่ข้างคนขับ  ไตติลาคิดตำหนิสายตานั้นว่า ช่างไม่รู้เลย ว่าไตติลาคนนี้ รอคอยวันนี้มาขนาดไหน


   บ้านของกษิดิส ไม่ได้ไกลจากบ้านของไตติลาเลยแม้แต่น้อย  ใช้เวลาเดินมากะคร่าวๆเพียงไม่เกินสิบนาที  เป็นบ้านเดี่ยวติดถนนใหญ่ที่มองเห็นได้ตั้งแต่สี่แยกไฟแดง  เมื่อคิดถึงตรงนี้ ไตติลาก็นึกขัน ว่าครั้งหนึ่ง เจ้าของบ้าน เคยเปรยไว้ว่า เป็นเขตชนบทของกรุงเทพ ยังไม่เจริญ  หากกษิดิสในวันนั้นได้เห็นภาพความเจริญของทุกวันนี้ คงจะไม่เชื่อสายตาเป็นแน่   รถยนต์ที่ไตติลานั่งเคลื่อนผ่านทิวต้นไม้ใหญ่เข้ามาในบริเวณบ้านครึ้มด้วยต้นไม้ ก่อนจะจอดเรียบร้อยในโรงจอดรถ  ร่างสูงใหญ่ของสมิทธิ์ เดินนำเข้าไปในสวนกว้าง ที่สุดทางเดินนั้น บ้านหลังเล็กสีขาวสะอาดตาทำให้ไตติลาลืมหายใจ  จากรายเส้นที่ต้นทำได้เพียงจ้องมองจนจดจำรายละเอียดได้ขึ้นใจวันนี้มันถูกสร้างขึ้นจริงแล้ว 

“บ้านนี้คุณดิสออกแบบใช่ไหม?”

“ครับ คุณปู่ ออกแบบเองทั้งสามหลังย่อยๆ  แต่บ้านนี้ เป็นบ้านที่คุณปู่รักที่สุด”  ไตติลากวาดสายตามองตัวบ้าน ที่ถอดมาจากแบบร่างทุกอย่างด้วยความรู้สึกหลากหลาย ที่ยากเกินกว่าจะอธิบายได้

“คุณดิสอยู่ที่นี่?” สมิทธิ์พยักหน้ารับเบาๆ  ก่อนจะเดินนำเข้าไปส่วนในของบ้าน  ทางเดินด้านในที่ฝั่งหนึ่งเป็นผนังไม้ แขวนภาพต่างๆ  และอีกด้านหนึ่งเป็นกระจกใส เห็นสวนด้านนอกสบายตา นำไปสู่ห้องๆหนึ่ง ที่สุดทางเดิน อันมีประตูไม้แบบบานพับปิดกั้นไว้อีกชั้นหนึ่ง

“คุณแน่ใจนะ?” สมิทธิ์ ถามพลางมองด้วยสายตาเครียดขึง 

“พร้อมสิ”  ไตติลากระซิบตอบด้วยความตื่นเต้น   มือแข็งแรงนั้นจะเคาะลงบนบานประตูนั้นก่อนจะเปิดออก






   ไตติลาสูงกลิ่นภายในห้องเต็มปอด  ทันทีที่สมิทธิ์เบี่ยงกายให้ไตติลาเข้าไปก่อน  ไตติลองมองเห็นโต๊ะเขียนแบบ ที่จัดวางข้าวของมีระเบียบเรียบร้อยในมุมนั่งทำงานเล็กๆนั้น  พลางคิดไปว่า กลิ่นที่ตนได้รับนั้น เป็นกลิ่นของอะไร มันคุ้นจมูกอย่างน่าประหลาด  หัวใจในอกไตติลากำลังเต้นระส่ำและร่ำร้อง  ไตติลาสาบานกับตนเอง คราวนี้ จะไม่ยอมพรากพลัดเหมือนคราวก่อน   

“คุณดิส”  ไตติลาเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงเพียงกระซิบ เมื่อมองเห็นเจ้าของชื่อนั้น ก่อนจะหันไปสบตาสมิทธิ์ ชายหนุ่มพยักหน้าให้เบาๆ  ไตติลาพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาบังคับขาตนเอง ให้ขยับเข้าไปใกล้  คราวนี้ ไตติลารู้แล้ว ว่ากลิ่นที่ได้รับนั้น คือกลิ่นอะไร  กลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อที่เคยได้กลิ่นจากโรงพยาบาล

“ปู่ครับ  ลืมตาขึ้นหน่อยได้หรือเปล่า?”  สมิทธิ์ คุกเข่าลงข้างเตียงนั้น กระซิบลงที่ข้างหูชายชราที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงนั้น  ไตติลามองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาที่เอ่อล้นน้ำตา 


   ตลอดเวลาแม้สมิทธิ์จะเคยบอกให้ไตติลาเผื่อใจไว้บ้าง  เตือนให้ไตติลารู้ว่า กษิดิสที่ไตติลาจะได้พบนั้น ไม่เหมือนกับที่เคยรู้จัก  ไตติลาเพิ่งได้เข้าใจก็ ณ เวลานี้เอง ว่าเป็นจริงดังที่สมิทธิ์เตือน  ร่างของผู้ที่นอนหลับใหลบนเตียงนี้ ไม่ใช่ร่างสูงใหญ่ของชายผู้มีเค้าโครงหน้าคมสัน  ดวงตาที่มีประกายชวนมองนั้น กลับหลับสนิทราวกับไม่รับรู้....ไตติลาอาจเคยพอทำใจไว้บ้าง ว่ากษิดิสที่ตนเองพบ จะสูงวัยขึ้น  แต่ไม่เคยคิด ว่ากษิดิสคนนั้น.....กำลังจะตาย


“มีคนมาเยี่ยม”  ดวงตาที่เคยทอประกายงดงามนั้น ลืมขึ้นมองฝ้าเพดานนิ่งนาน   

“คุณดิส..” กษิดิส เบือนสายตากลับมามองเจ้าของเสียงเรียก  ใบหน้าที่ล่วงเลยไปตามวัยนั้น จุดยิ้มที่มุมปาก เช่นเดียวกับดวงตา ที่มองมาด้วยสายตาที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้ล่วงเลยมาหลายสิบปี  แววตานั้นยังคง อ่อนโยน...แสนรัก

“อย่าร้องไห้เลย สังขารก็อย่างนี้ ตัวฉันอยู่มานานเสียจนเกือบจะเกินไปแล้ว” กษิดิสพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังไปกว่ากระซิบ ไตติลาทำได้เพียงเฝ้ามองผ่านม่านน้ำตา ที่สุดท้ายก็หยาดหยดลงบนมือของอีกฝ่ายจนได้  ถ้อยความใดๆที่เคยคิดอยากจะบอก กลืนหายไปกับลำคอที่ตีบตัน ทั้งห้องเงียบๆงัน เสียจนไตติลาได้ยินเสียงลมหายใจของตนเอง






“ติลา เธอจะยังรักฉันไหม? ถ้าฉันเป็นตาแก่ใกล้ตายอย่างนี้?”







   ไตติลาไม่อาจเอ่ยถ้อยความใดๆ  ขาทั้งสองข้างราวกับถูกตรึงไว้ด้วยหมุดที่ไม่อาจมองเห็น  ด้วยนึกรู้ ว่ามือทั้งสองข้างของเขาเอง ไม่สามารถฉุดรั้งความตายไว้ได้ นอกเสียจากภาวนา ให้เวลานั้นมาถึงช้าลงแม้สักหนึ่งวัน หนึ่งชั่วโมง หรือแม้แต่หนึ่งนาที     กษิดิสหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า ด้วยเพราะรับรู้ว่าระยะเวลาบนเส้นทางชีวิตที่ยาวไกลของตนเองกำลังจะล่วงผ่านอย่างไม่อาจห้าม   ทว่าทุกครั้งที่เขามองย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับใครคนหนึ่งในอดีตอันเหนือจินตนาการนั้น งดงาม แจ่มกระจ่างเสมอ กษิดิสเชื่อมาทั้งชีวิต ว่าความรักของเขาไม่เคยไปไหนเขาจะกอดมันไว้จนข้ามผ่านไปสู่ชีวิตใหม่ แม้จะไม่รู้ว่า ผู้เป็นดั่งหัวใจรักอยู่ ณ ที่แห่งหนไหน






   ไตติลาทำได้เพียงก้มกายลง มอบสัมผัสอุ่นร้อนที่แตะลงบนเปลือกตาของกษิดิสทีละข้าง แทนคำตอบที่กลั่นออกมาจากหัวใจ กษิดิสยิ้มจาง ความตายตรงหน้าเขานี้ไม่ได้น่ากลัวแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้มีความรัก ที่ไร้กาลเวลาเช่นนี้แล้ว ไม่มีสิ่งใดให้กลัวอีกต่อไป เพราะความรักนี้ยังส่องสว่างอย่างแรงกล้าในหัวใจ ไม่ว่าเวลาจะหยุดนิ่งหรือเดินต่อไป ไม่ว่าหัวใจรักจะอยู่ที่ไหน เขารับรู้ได้ว่าผู้เป็นที่รักจะอยู่เคียงใจเหนือห้วงกาล





โปรดติดตามตอนต่อไป


รักไร้กาลเมศปิดเรื่องเเล้วเรียบร้อยในบลอค  ตอนจบก็#$%^&*(*()

สรุปคือ คนอ่าน น่าจะอยากดักตีหัวเมศฮ่าๆ

ไม่เอาน่า โอ๋นะโอ๋













ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
จิ้มตรู๊ดส์คุณเมศ
อาฮ์  การพบกันอันน่าประทับใจ
เป็นฉากหนึ่งที่ประทับใจมากค่ะ..อย่างน้อยคุณดิสก็ได้รับรู้ว่าติลารักคุณดิสอ่ะเนอะ 
กอดดด มันตื้นในอกชอบกลแฮะ55+
ขอบคุณมากค่ะ
เช็ดน้ำตาและวิ่งออกไปอย่างลั้ลลา

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ถ้าจบแบบไม่ happy จะไม่ดักตีหัว  แต่ขอภาคสองให้ติลาได้มีความสุขได้มั๊ย

heavenly**yaoi

  • บุคคลทั่วไป
และแล้ว ทุกอย่างคือคำตอบ ไรท์เตอร์ใจร้าย TT^TT

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
TT ช่างน่ากลัวมากจ้ะ เมศ อ่านแล้วจะเป็นลม

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
งุงิ ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
มาพบเพื่อพลัดพราก
แต่อย่างน้อย ชีวิตก็ได้เคยพบกับรักแท้

aojroonra

  • บุคคลทั่วไป
ความรักที่มีจะกลายเป็นความทรงจำที่ดีตลอดไป

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
ตอน ๑๕

   ไตติลากำลังใช้ชีวิตอยู่บนความกลัว  ทุกครั้งที่ไตติลาเข้านอน เขามักหวาดกลัวเสมอ ว่าผู้เป็นดั่งหัวใจรักจะจากไป  ด้วยเพราะร่ายกายนั้น อ่อนล้าสิ้นแรง ราวกับเปลวเทียนที่หดสั้นอ่อนแสง และพร้อมจะดับวูบลงในทุกเวลา   ไตติลามักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับกษิดิส คอยพูดคุย ดูแลอย่างเอาใจใส่ จวบจนถึงเวลาเข้านอนของกษิดิสจึงกลับ

“วันนี้ก็มาหรือ?” เสียงแหบเบาถามได้ไม่ดังไปกว่ากระซิบ ไตติลานั่งลงข้างเตียง มือนวลบางนั้น ลูบเส้นผมของอีกฝ่ายให้พ้นจากดวงหน้า พลางมองกษิดิสที่นั่งเอนหลังบนเตียงอย่างรักใคร่พร้อมทอดยิ้มอ่อนจาง

“มาสิ ติลาจะมาทุกวัน”

“คุณดิสนอนหลับดีไหม?” มือนวลบางไล้ปลายนิ้วลงหลังมือที่ผิวกายมิได้เต่งตึงด้วยความอ่อนเยาว์อีกสืบไป  ทุกการกระทำ ถูกทอดมองด้วยดวงตาที่ยังคงมีประกายเช่นครั้งอดีต

“หลับดีสิ  ฝันถึงเธอด้วย”  ไตติลายิ้มกว้างขึ้น พลางว่า ดีจัง...

“ติลานานๆทีจะได้กลับบ้าน  ไม่อยากอยู่บ้านให้หายคิดถึงก่อนหรือ?”

“บ้านเมื่อไหร่ก็กลับได้  แต่คุณดิสของติลา มีแค่คนเดียว” ทั้งคู่เงียบงันไปนานหลายอึดใจ ไตติลาได้ยินเสียงถอนหายใจแผ่วเบาของอีกฝ่าย

“อย่ามาอยู่กับคนแก่ใกล้ตายอย่างฉันเลย” คนฟังหลุบสายตาลง ริมฝีปากเม้มเข้าด้วยกัน

“ทำไมล่ะ  คุณดิสของติลายังหนุ่มเสมอ” ไตติลาพูดด้วยน้ำเสียงสดใสเช่นทุกวัน

“ติลา...อย่ายึดติดกับฉันเลย”  เสียงกระซิบนั้นจริงแท้นั้นแผ่วเบา ทว่ากลับสะท้อนก้องอยู่ในหัวใจไตติลา  แม้จะพยายามซ่อนความรู้สึกของตนเองไว้อย่างไร ทว่ากษิดิสมองเห็นว่า ดวงตาคู่ที่มีประกายตากล้าแกร่งเสมอนั้น วูบไหว ด้วยความเจ็บร้าว

“เวลาของฉัน หดสั้นลงทุกทีแล้ว”  น้ำเสียงอ่อนล้านั้นบอกชัด ด้วยโรคภัยรุมเร้า  ไตติลาฝืนยิ้มแห้งแล้ง

“ไม่หรอก เราอุตส่าห์ได้เจอกันแล้ว  คุณดิสจะทิ้งติลาไปได้หรือ?  เอาน้ำไหมครับ?”  คนถูกถามมองไตติลาอยู่หลายอึดใจ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ  มือนวลจึงรินน้ำใส่แก้ว ก่อนจะแตะหลอดลงบนริมฝีปากอีกฝ่าย

“ถ้าสมิทธิ์ไม่บอก ติลาคงไม่รู้ว่าเขาเป็นหลานคุณดิส”  ไตติลาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

“เขาเหมือนแม่ เขาล่ะ” ผู้เป็นปู่ยิ้มเอ็นดูน้อยๆ พลางทอดมองภาพถ่ายที่โต๊ะหัวเตียง ภาพครอบครัวเรียงราย ภาพเด็กน้อยดวงหน้ามีเค้าลูกครึ่ง แก้มยุ้ยยิงฟันอยู่ในภาพ   ทั้งสองต่างมองภาพเหล่านั้นอย่างเงียบๆ

“คุณดิสแต่งงานตอนอายุเท่าไหร่ครับ?”

“ยี่สิบเก้าย่างสามสิบเห็นจะได้  ผู้ใหญ่จัดการให้ทั้งนั้น” ไตติลารับฟังพลางทอดสายตามองภาพ ชายหนุ่มดวงหน้าคมสันที่คุ้นใจไตติลา  กับหญิงสาวคนหนึ่งท่าทางอ่อนหวานเรียบร้อย

“แปลว่า คุณดิสเรียนจบก็กลับเมืองไทย”

“ใช่  หลังเรียนจบ ก็อยู่ต่ออีกปี แต่สุดท้ายก็รู้สึกเหมือนที่นั่นไม่ใช่บ้านที่จะลงหลักปักฐาน เลยกลับ”

“หนึ่งปี...หรือว่ารอติลา?”  กษิดิสไม่ได้ตอบ  หากดวงตานั้นให้คำตอบชัด…กษิดิสรอ...รอมาทั้งชีวิต

“ติลาละไม่อยากจะเชื่อ  ว่าคุณดิส จะเล่าเรื่องของเราเป็นนิทานก่อนนอน” ไตติลาพูดพลางหัวเราะเบาๆ ดวงตาที่แม้จะเลือนด้วยความชรา กลับทอประกายเหมือนวันวาน

“เพียงแต่หวังว่า สักวัน เราอาจจะได้เจอกันอีก  อาจไม่ใช่กับตัว แต่อย่างน้อย ให้คนรุ่นต่อไปได้รู้ว่าใคร....เป็นคนที่เคยทำให้คนในครอบครัวของเขาเป็นสุขที่สุด ในช่วงชีวิตหนึ่ง”  มือนวลกุมหลังมือกษิดิส ก่อนจะวางลงบนตำแหน่งหัวใจของตนเอง ก่อนจะเอนกายซบอีกฝ่าย ให้หัวใจตนเองเต้นอย่างช้าๆ ทว่าเจ้าของมือที่กุมไว้แนบอกรับรู้

“คุณดิสรู้ไหม  ว่าติลาต้องการอะไรที่สุด” ไตติลาพูดด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคงนัก

“ติลา ต้องการจะรักคุณดิสไปจนตลอดทั้งชีวิต เหมือนที่คุณดิสทำ” ริมฝีปากอุ่นนั้นมอบจุมพิตอ่อนหวานลงบนเปลือกตาทั้งสองข้างของกษิดิส ซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ด้วยหวังว่า ความจงรัก จะพาข้ามผ่านห้วงน้ำอันไม่เห็นฝั่งในใจตนเองไปได้ โดยไม่กลัวอีกต่อไป





   ไตติลาทอดสายตามองชายชราที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ด้วยความรู้สึกหลากหลาย  คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจไตติลา  กษิดิสตรงหน้าเขานี้ ไม่ได้เป็นชายหนุ่มดวงหน้าคมสันชวนมองอีกต่อไป  เป็นเพียงชายชราคนหนึ่ง ที่ผิวกายเหี่ยวย่นด้วยกาลเวลา   น้ำเสียงในยามพูดไม่ได้กังวานอย่างแต่ก่อน แต่คนตรงหน้านี้ก็ยังคงเป็นกษิดิส คนที่ไตติลาถูกโชคชะตา หรือความบังเอิญใดๆ ทำให้ได้พานพบ....และได้รัก

“พักบ้างเถอะ เดี๋ยวให้พยาบาลเขาดูแลต่อ” สมิทธิ์แตะมือลงบนบ่าไตติลา

“กลับบ้านตอนเย็นก็ได้พัก” ไตติลาทอดเสียงอ่อนล้า ไม่ใช่ที่กายแต่ที่ใจ

“ แต่ที่บ้านโทรมาตามนะ”

“อ้อ”  ไตติลาลุกขึ้นยืน ทอดสายตามองกษิดิสอีกครั้ง ราวกับจะทวนถามกับตนเองว่า เมื่อกลับมาอีกหนกษิดิสจะยังอยู่กับตนหรือไม่

“คุณดิสตื่นแล้วช่วยโทรบอกหน่อยได้ไหม? ไม่แน่ใจว่าจะนานหรือเปล่า ช่างเขาจะมาซ่อมประตูบ้านน่ะ” สมิทธิ์ มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาครุ่นคิด

“ติลา  ถ้าคุณรู้ว่าผมจะพาคุณมาเจอปู่ที่อยู่ในสภาพแบบนี้ คุณยังจะมาหรือเปล่า?”   ไตติลาสบตาเจ้าของคำถาม  ดวงตาคู่นั้นมีเค้าปวดร้าวปะปน ไตติลาคลี่ยิ้มบ้าง ทั้งที่ดวงตาโศก

“มาสิ” เสียงนั้นแม้จะแผ่วเบา แต่กลับบีบหัวใจคนฟังหนักหนา

“ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ติลาจะไปหา”  

“ติลารักปู่มากสินะ....มันมากแค่ไหนหรอ?” สมิทธิ์ลอบตกใจกับคำถามของตนเองที่หลุดถามออกไปอย่างควบคุมตนเองไม่อยู่ หัวใจในอกนี้เต้นหนักๆด้วยความหวาดหวั่น

“มีหน่วยวัดอะไรวัดความรักได้หรอสมิทธิ์”  ราวกับมีบางสิ่งกดทับคนทั้งคู่เอาไว้ กดให้จ่อมจมลงในความเงียบงัน

“สมิทธิ์เคยบอกติลาใช่ไหม? ว่าจะเปลี่ยนตอนจบของนิทานเรื่องนั้น” สมิทธิ์ครางรับในคอ  ไตติลาจ้องมองกลับมาด้วยดวงตาแห้งแล้ง

“สมิทธิ์เปลี่ยนมันไม่ได้หรอก สุดท้าย ‘เรา’ ก็จะจากกันอยู่ดี เพียงแต่เร็วช้าเท่านั้น”


๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕



   ไตติลากลับไปที่บ้านของตนเองในยามเที่ยง เพื่อรอทำธุระของตน  บ้านทั้งบ้านเงียบเหงาๆ เพราะคนในบ้านต่างออกไปทำภาระหน้าที่ของตน  เหลือเพียงไตติลาลำพัง  เขาพิจารณาบ้านของตนเองเงียบๆ บ้านหลังเล็กกะทัดรัดสำหรับคนสี่คน  อยู่ด้วยกันมานานปี ยังคงทำให้หัวใจไตติลาอบอุ่นเสมอ แม้ในยามตัวไกล มือนวลเปิดประตูตู้ของตนเอง หยิบกล่องไม้ใบเล็กๆออกมา  ภายในมีถุงกำมะหยี่บรรจุแหวนหยกแดงสองวง ที่อาม่าเคยให้ไว้  เมื่อคิดถึงตรงนี้ ไตติลาก็นึกขัน เพราะญาติฝ่ายบิดาเป็นชาวไทยเชื้อสายจีนทั้งหมด แต่ตนกลับมีใบหน้าละม้ายมารดา ผู้มีเชื้อสายเนปาลเจือปน   ไตติลาเก็บแหวนทั้งคู่ใส่ถุงกำมะหยี่ ก่อนจะใส่ในกระเป๋ากางเกงตนเองพร้อมกับความตั้งใจบางอย่าง

๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕



   เมื่อไตติลากลับมาที่บ้านของกษิดิสและสมิทธิ์อีกครั้ง สองคนปู่และหลานกำลังนั่งสนทนากันเบาๆ   สีหน้าสมิทธิ์เคร่งเครียด  เช่นเดียวกับกษิดิส  ที่มีเค้าความอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด   ไตติลาคิดว่าอาจะเป็นธุระในครอบครัวจึงถอยหลบฉากออกมาเสียก่อน   แต่กลับถูกชายหนุ่มเรียกไว้  ไตติลาจึงส่งยิ้มจางๆให้กษิดิส โดยไม่รู้ตัวเลยว่า สายตาที่ตนใช้มองอีกฝ่ายนั้น แสดงถึงเนื้อหัวใจขนาดไหน สมิทธิ์มองก่อนจะทอดสายตาลงต่ำ คล้ายครุ่นคิด

“ที่บ้านเรียบร้อยแล้วหรือ?” กษิดิสถามด้วยเสียงแหบแห้ง  

“เรียบร้อยแล้วครับ” มือนวลวางลงในอุ้มมือกษิดิส จึงกอบกุมกันไว้แผ่นเบา

“ถ้าอย่างนั้น ผมขอไปทำธุระก่อนนะครับปู่ แล้วเจอกันตอนค่ำ” สมิทธิ์ กล่าวขึ้นด้วยเสียงคล้ายพึมพำ

“วันนี้จะทานข้าวเย็นด้วยกันหรือเปล่า?” กษิดิสถามหลานชาย  สมิทธิ์ชะงักงัน ก่อนจะตอบรับ  เมื่อร่างสูงนั้นหายลับออกไป ไตติลาจึงพ้อเบาๆ

“วันนี้คุณดิสงอแง”

“เราต่างหากงอแงทุกวัน”

“ติลาเปล่านะ”  กษิดิสไม่ต่อคำ  กลับนิ่งมองไตติลาเนิ่นนาน จนสุดท้าย ไตติลาเป็นฝ่ายหลบสายตา  และเลือกที่จะซากนอนหนุนตักอีกฝ่าย  

“คุณดิสคิดว่า ทำไมเราถึงมาเจอกันได้  ทำไมเวลามันถึงเหลื่อมซ้อนกัน ไม่ใช่ที่อื่นๆแต่เป็นห้องเรา”  ชายชราทอดสายตาไปไกลอย่างใช้ความคิด มือที่อ่อนแรงลูบเส้นผมนุ่มของอีกฝ่ายอย่างถนอม

“ไม่มีใครรู้หรอกติลา   บางที อาจะเพราะความรักของใครบางคน อาจจะพันผูกห้องนั้นไว้ก็ได้”

“จำมิสเจ้าของห้องที่สอนผมถักไหมพรมได้ไหม  สติแกไม่ค่อยจะครบ เห็นเพื่อนบ้านเขาร่ำลือ ว่าคนรักแกเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุด แต่เสียไปด้วยเหตุอะไรไม่มีใครจำได้มิสแกเลยตรอมใจ  พอติลาหายไปได้สักเกือบเดือนแกก็เสีย ผมเคยคิดเล่นๆ ว่าอาจจะเป็นมิสแก ที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น” กษิดิสยิ้มขันกับตนเอง

“ไม่มีใครรู้หรอกติลา ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไรแน่  เรารู้แต่เพียงว่า เรื่องราวเหมือนในนิยายนี้ มันเกิดขึ้นจริงกับเรา” ไตติลารับฟังเงียบๆ  ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง

“เมื่อกี้ติลากลับไปค้นตู้  เจอแหวนคู่หนึ่ง อาม่าเคยให้ไว้  แต่ติลายังนิ้วเล็กเกินไปที่จะใส่ แต่ตอนนี้ใส่ได้แล้ว” ไตติลาเปิดปากถุงกำมะหยี่ เทลงบนมือ  แหวนหยกแดงสองชิ้นกระทบกันเสียงดังกังวาลใส ทว่าหัวใจกษิดิสกลับขุ่นมัวด้วยความรู้สึกเสียใจ

“ติลาอยากยกให้คุณดิสวงหนึ่ง ส่วนอีกวงติลาจะเก็บไว้”  ไตติลาหลบสายตาของอีกฝ่าย

“อย่าเลย” เสียงปรามนั้นแผ่วเบา ไตติลายังคงไม่ยอมฟัง

“เขาว่าหยกมีเป็นหินจากสวรรค์นะครับ ช่วยปกป้องคุ้มภัยได้  คุณดิสสวมให้ติลาได้หรือเปล่า?”  รอยยิ้มบนดวงหน้าไตติลาระเหิดหาย เมื่อเห็นกษิดิสนิ่งงัน ไตติลาฝืนยิ้ม ก่อนจะสวมแหวนหยกแดงที่นิ้วนางข้างซ้ายของตัวเอง

“คุณดิสไม่ค่อยมีแรงใช้ไหม  มา..ติลาจะสวมให้คุณดิสบ้าง”  มือนวลจับมือกษิดิส ทว่ามือที่เคยอ่อนแรงนี้กลับกำเข้าหากันแน่น ไตติลาเม้นริมฝีปาก รู้สึกได้ถึงหัวใจราวกับถูกบีบ กระบอกตาของตนเองแสบร้อน

“คุณดิส” ไตติลาพูดออกไปด้วยเสียงราวกับสิ้นแรง  ดวงตาฉ่ำชื้น มองสบตากับกษิดิส ความร้าวรานปราดเข้าใจที่ขั้วหัวใจราวกับมืออันอำมหิต ที่บีบหัวใจราวกับหมายจะฆ่า

“คุณดิส!” คราวนี้ไตติลาเรียกด้วยน้ำเสียงราวกับจะกรีดหัวใจคนฟัง   มือคู่นั้นยังคงกำแน่นเข้าด้วยกัน ราวกับจะไม่มีวันคลายออกอีกสืบไป

“อย่าเลยไตติลา  อย่าดิ้นรนอีกเลย”  น้ำเสียงสงบนิ่งนั้นราวกับน้ำเย็นเฉียบราดลงบนศีรษะไตติลา  ร่างโปร่งนั้นหายใจหอบราวกับจะขาดใจก่อนจะรีบผินหน้าหนี เมื่อไม่อาจห้ามน้ำตาหยดใหญ่ไว้ได้แล้วรีบปาดมันออกไปเสีย  ร่างโปร่งนั้นพยายามซ่อนรอยน้ำตาไว้ใต้รอยยิ้มแห้งแล้งของตน

“คุณดิสร้อนหรือเปล่าติลาจะเช็ดตัวให้?”

“ไม่หรอก” กษิดิสทอดสายตาอบอุ่นมองไตติลา ก่อนจะอ้าแขนรออีกฝ่าย  ไตติลาซุกกายลงบนอกนั้นอย่างลังเลใจ

“ไตติลา เธออย่าตีความความรักของฉันผิดเลย....มันไม่ใช่ความร้อนเร่าเหมือนเพลิงรัก  ความรักของฉันเพียงแต่ปรารถนาให้เธออยู่ต่อไปได้ ด้วยกำลังของตัวเอง...ในวันที่ไม่มีฉัน   เข้าใจไหม?  หือม์”  คนในอ้อมเขนนิ่งเงียบ มีเพียงความรู้สึกอุ่นร้อนที่หยาดหยดลงบนอกเสื้อกษิดิส

“ ติลาออกไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ” กษิดิสลูบศีรษะไตติลาแผ่วเบา   ไตติลาพยักหน้ารับ ก่อนจะผลุนผลันเดินเร็วๆออกไป  กษิดิสนิ่วหน้าด้วยความปวดร้าว ด้วยเพราะเสียงที่ลอดเข้ามาจากทางเดิน  เป็นเสียงร้องไห้ราวกับคนหัวใจสลาย และคนๆนั้นคือ...ไตติลา

๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕


   

  
   ไตติลานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของตัวเองในอพาร์ทเม้นต์เจ  เขาลูบพรมหยาบหนาบนพื้นเล่นเบาๆ พลางกวาดสายตามองไปรอบห้องนั่งเล่น   จมูกราวกับได้กลิ่นหอมของอาหารจานโปรดจากห้องครัว ไตติลาจึงลุกขึ้นเดินไปยังห้องครัวแบบกึ่งเปิดของตนเอง ที่กลางห้องครัวนั้น มีใครบางคนยืนอยู่ที่นั่น กำลังค้นหาของบางอย่างจากตู้เก็บจานเหนืออ่าง ทำให้ไตติลาไม่อาจมองเห็นใบหน้าของคนๆนั้นที่หลังประตูตู้ได้   จวบจนมือแข็งแรงที่ไตติลานึกชมเมื่อเห็นว่า สวยนั้น จับที่ประตูตู้จึงเห็นแหวนหยกแดง เป็นประกายอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายนั้น ทันใดประตูตู้นั้นก็เหวี่ยงปิด  ใบหน้าหลังบานประตู แย้มรอยยิ้มงดงาม บนดวงหน้าคมสัน จนเห็นลักยิ้มชัดทั้งสองข้างแก้ม

“ตื่นแล้วหรือ?”  

“คุณน่ะ คนหรือผี?”

“ตอบคำถามผมก่อนสิครับ?” น้ำเสียงนั้น กล่าวอย่างขบขันโดยไม่ปิดบัง

“คุณนั่นแหล่ะ ตอบผมก่อน” ไตติลายังทำเสียงแข็ง

“แต่ผมถามก่อน”

“งั้นเอาใหม่ คุณหุงข้าวได้ไหม?”  ไตติลาถามพลางยิ้มกว้าง

“ไหนหม้อ?” ทั้งคู่ประสานเสียงหัวเราะกัน  จนไตติลาทำท่านิ้วชี้แตะริมฝีปาก เมื่อทั้งคู่หยุดหัวเราะได้ในที่สุด  ไตติลาก็เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้

“เป็นอะไร?” ร่างคุ้นใจไตติลาเลื่อนเข้ามาใกล้ ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนัก

“เปล่าครับ”

“ทำตาแดงๆอย่างนี้นะหรือว่าเปล่า?”ไตติลาหันไปสบตากษิดิส เพราะจากน้ำเสียงคล้ายจะล้อเลียนนั้น   ทว่าดวงตาที่ไตติลาเห็น ไม่ได้มีเค้าล้อเลียน แต่เป็นแววตาอาทรที่ทอดมา

“ผมไม่ได้ทำตาแดงๆ” กษิดิสรวบเอวอีกฝ่ายให้ร่างนั้น แนบกับอก

“คุณดิสอยู่กับติลาก่อนนะ” น้ำเสียงแผ่วเบาอย่างคนไม่มั่นใจนั้น ทำให้กษิดิสยิ้มเอ็นดู
  
“ได้ซี สัญญาเลย” ไตติลากอดตอบร่างนั้นแน่นเข้า รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองเสี้ยวหน้าของตน

“มองอะไรครับ?” ไตติลาถามแผ่วเบา คนถูกถามยกริมฝีปากหยักสวยที่มีไรหนวดเขียวครึ้มขึ้นเล็กน้อย
  
“ติลา....มองไตติลา” เจ้าของชื่อ เม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง  

“ขอมองหน่อย ติลาไม่สึกหรอก ใช่ไหม?” กษิดิส ยิ้มด้วยดวงตาเป็นประกาย ชวนให้คันๆในหัวใจ มือแข็งแรงนั้นกุมมือนวลขึ้นแตะริมฝีปากลงไปฉาบฉวย ไตติลา ลอบยิ้มเขินกับตนเอง

“แน่ะ ยิ้มอะไรคนเดียวครับ?”
  
“ผ้ากันเปื้อนน่ารักดีนะครับ” ไตติลาชม เจ้าของผ้ากันเปื้อนยิ้มรับจนสองแก้มบุ๋มเห็นลักยิ้มชัด
  
“ติลาชอบหรือ?” คนถาม ถามแก้ขวย พลางยกจานอาหารมาที่โต๊ะกินข้าว
  
“ติลาชอบคนใส่”  ดวงตาคู่สวยที่กษิดิสนึกชม มองตรงมาอย่างสื่อความหมายตามปากพูดโดยแท้   ดวงหน้าคมสันที่ถึงแม้จะมีไรหนวดจางๆ หากผิวแก้มนั้นกลับซับสีเรื่อ ไตติลายิ้มพึงใจกับตนเองไม่นาน รอยยิ้มนั้นก็ระเหยหายเปลี่ยนเป็นพร่าเลือนด้วยม่านน้ำตา

“คุณดิส” ไตติลาเงยหน้ามองเจ้าของอ้อมกอดที่โอบล้อมตนด้วยดวงตาแสบร้อน  มือทั้งสองจิกกำเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่น

“อย่าร้องไห้เลย ในที่สุด เราก็ได้เจอกันแล้วนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนนั้น อาบไล้ไปทั่วหัวใจไตติลา  เจ้าตัวจึงไม่อาจควบคุมน้ำตาตัวเองได้  มือแข็งแรงลูบศรีษะอย่างปลอบขวัญ

“คุณดิส นี่มันเกิดอะไรขึ้น เมตของผมบอกว่าไม่เคยรู้จักคุณ  และผมเจอชื่อคุณในหนังสือผลงานนักศึกษา ที่ระบุปี 1958....มันห่างจากปีที่ผมอยู่ตั้ง50กว่าปี คุณดิส ช่วยบอกหน่อยเถอะ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมทุกอย่างถึงได้ผิดสับสนไปหมด”
  
“ติลาเชื่อเรื่องมิติเวลาไหม? เชื่อไหมว่า สถานที่บางที่ มิติเวลาเหลื่อมซ้อนบรรจบกัน”

“นี่ต้องเป็นความฝันแน่ๆ” ไตติลาไม่อยากจะเชื่อ  สิ่งที่เกิดขึ้นกับตนจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อเช่นนี้
  
“ต่อให้เป็นความฝัน ก็เป็นฝันที่ดีใช่ไหม?”  ดวงตาที่ไตติลาปักใจรัก ทอดมาอย่างเว้าวอน รอคอยคำตอบ
  
“ครับ”  กษิดิสยิ้มรับ ก่อนจะจับมือนวลอย่างสุภาพ สัมผัสริมฝีปากลงที่ข้อมือด้านใน ผิวแผ่ว
  
“ติลาครับ  ติลาอาจไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เกิดกับเรานี้เป็นเรื่องจริง  แต่ผม อยากให้ติลารู้ไว้นะครับว่า”
  
“ความรู้สึกของผมนี้..เป็นเรื่องจริง” ไตติลามองสบกับแววตาเข้มแข็งคู่นั้น ที่ทอดมองอย่างจงรัก หนักแน่น ไตติลาอาจเคยได้ฟังคำบอกรักมามากมาย แต่นี้เป็นครั้งแรกที่ทำให้ลำคอของไตติลาตีบตันด้วยเพราะตื้นตัน

“ติลา เธอจะยังรักฉันไหม? ถ้าวันหนึ่งฉันกลายเป็นตาแก่ใกล้ตาย?”  ไตติลาไม่ได้ตอบความ กลับเขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อย มอบจุมพิตลงบนเปลือกตาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน เสียงทุ้มนุ่มนวลกระซิบที่ริมหู

“ไตติลา ความรักของฉันเพียงแต่ปรารถนาให้เธออยู่ต่อไปได้ ด้วยกำลังของตัวเอง...ในวันที่ไม่มีฉัน เข้าใจไหม?  หือม์” ไตติลาส่ายหน้าเบาๆ หัวในข้างในอกนั้นวิบโหวงอย่างน่าประหลาด  ไตติลาขยับริมฝีปากต้องการพูดบางอย่างออกมา แต่สมองกลับไม่อาจกลั่นกรองคำพูดใดออกมาได้มากไปกว่า











“ราตรีสวัสดิ์ครับคุณดิส”  ไตติลากระซิบลงที่ข้างหูอีกฝ่าย ก่อนจะแนบริมฝีปากลงที่สันกราม ด้วยเพราะหมดสิ้นซึ่งถ้อยคำใดจะเอ่ยได้อีกต่อไป ในหูได้ยินเพียงเสียงแหลมสูงของบางสิ่ง กรีดร้องอยู่ในความเงียบ  ทุกวินาทีกลับดังขึ้นเรื่อยๆราวกับจะฉีกทึ้งโสตประสาท













   ไตติลาผวาตื่น  โทรศัพท์มือถือที่ไว้ที่หัวนอนกำลังส่งเสียงเรียก ไตติลารีบคว้ามันไว้ก่อนที่จะตกเตียงไป  ข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์แสดงว่า สมิทธิ์ ไทยสรรค์ โทรมา  มือนวลนั้น ยกขึ้นเช็ดที่หางตาเพราะรู้สึกถึงรอยเปียกชื้นของหยาดน้ำตาตนเอง  ไตติลากดรับสาย ด้วยหัวใจที่บีบตัวหนักราวกับรับรู้ได้  ก่อนจะกรอกเสียงลงไป


“ติลา.....ปู่..สิ้นแล้วนะ เมื่อคืนนี้...” ไตติลาไม่ได้ยินถ้อยคำอื่นใดอีก  หัวคิ้วทั้งสองมุ่นเข้าหากันราวกับข่มความรู้สึกของตนเองไว้  ไตติลากอดตัวเองไว้แน่นราวกับหวังให้ความรู้สึกอันทรมานนี้บรรเทาลงจากความจริงที่ว่า

กษิดิสของไตติลา ได้ก้าวผ่านไปสู่ชีวิตใหม่เสียแล้ว


โปรติดตามตอนต่อไป







ไหนๆจะเเอ๊งค์เเตกเเล้ว ก็เอาให้มันม้วนเดียวจบจะได้ไม่ต้องบิ้วท์กันหลายทีหลากลีลา ฮ่าๆ

สำหรับท่านที่อ่านตอนนี้ในบลอคเเล้ว เวอร์ชั่นที่ลงที่นี่เป็นเวอร์ชั่นปรับปรุงเเล้ว เพราะของเก่าพิมพ์ผิดเยอะเเยะมากมายค่ะ เลยมาตรวจทาน เขียนเพิ่มนิดหน่อย

อ่านตอนนี้จบเเล้วเมศก็ได้เเต่ยิ้มกับตัวเอง





ซาดิสซ์จริงๆเลยไอ้เมศเอ้ยยย :laugh:


ตอนหน้า ตอนที่ ๑๖ หลังจากนั้นจะส่งท้ายเเล้วค่ะ


ยินดีรับฟังความคิดเห็น

ปล.ลืมเตือนให้เตรียมทิชชูไว้  เผื่อว่าต้องใช้....เอ๊ะ หรือเมศซาดิสซ์มากจนต้องใช้ผืนใหญ่กว่านั้น  เอาน่า  โอ๋นะโอ๋  เดี๋ยวก็ไม่มีเเล้วนะ :กอด1:

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
ดิชั้นเตรียมผ้าเช็ดตัวมาค่ะคุณเมศ..เกรงกระดาษทิชชู่จะไม่พอซับเมื่ออ่านตอนที่  15 (ที่คุณเมศเคยบอกว่าในบล็อคจบที่  15 ตอนน่ะค่ะ)
ติลา..คุณเป็นคนน่ารักที่สุดเท่าที่ดิชั้นเคยเจอมาค่ะ  คุณรักคุณดิสตราบลมหายใจสุดท้ายของคุณดิส เอาโล่ห์รักมั่นคงไปนอนกอดเลยค่ะคืนนี้
คุณดิส(ของดิชั้น)..คุณรักติลามากเลยนะคะ ดิชั้นอิจฉาน้องจังเลยค่ะ..
คุณเมศคะ..ดิชั้นรักคุณกับงานของคุณมากค่ะ
จิ้มบวก..นั่งรอตอนที่  16  และบทส่งท้ายอย่างเต็มตื้นในหัวใจ
ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ
อาห์..กระซิก  :m15:


ปล.คุณชอบเขียนแบบซาดิสม์..ดิชั้นก็ชอบอ่านแบบซาดิสม์ค่ะ  :o8:
ปล.2 ตายจริง ๆ เหรอคะนี่?(แอร้ยยยยยยยยยย ผู้ชายอบอุ่นตายซะแล้วอ่ะ!!)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ดักตีหัวคนแต่งซะดีมั๊ยน๊ออออ  อ่านไปน้ำตาคลอไปด้วย  เศร้า

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อุตส่าห์เตรียมใจไว้ก่อนแล้วนะ  ขอบอกว่า คนแต่งใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยจริงๆๆ เลย :z3:
เอาคุณดิส คืนมาได้ไหม  :o12:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
โอ้ย เศร้า!!!!
แต่ชีวิตยังต้องเดินต่อไป เก็บความทรงจำดีๆเอาไว้เป็นสิ่งเตือนใจดีกว่านะ

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
ผ้าเช็ดหน้าคงไม่พอจริงๆค่ะ ต้องใช้ผ้าห่มแล้ว  :monkeysad:
เศร้าค่ะ แต่ก้อประทับใจ แบบว่า.. โอ๊ยยย พูดไม่ออกแล้ว

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

heavenly**yaoi

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อ อ่านตอนนี้แล้วกระชากใจมาก
คุณเมศใจร้ายTT^TT :o12:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
โฮววววววววววววววววว

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ว มีต่ออีก ขอบคุณครับ

mama

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งเข้ามาอ่านชอบเรื่องนี้มาก
ค่อยๆเล่าเรื่องอ่านแล้วอินได้ใจ แล้วจะรอตอนจบนะ

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
เข้ามาแอบกอดติลากับคุณดิส
คิดถึงคุณเมศจัง  :เฮ้อ:
อยากอ่านตอนที่ 16 แล้วอ่ะ
 :m15: :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด