=== ตอนที่ 30 ===
เช้าวันหนึ่งผมกำลังนั่งเรียนวิชาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องบัญชีอยู่อย่างเคร่งเครียด ที่เครียดไม่ได้เครียดเพราะเรียนไม่รู้เรื่องนะครับ แต่ผมเครียดที่ไม่เข้าใจสิ่งที่อาจารย์เขียนอธิบายบนกระดาน เชื่อหรือเปล่าครับถ้าห้องอื่นมาเรียนต่อ เชื่อเหอะ ปะติดปะต่อที่อยู่บนกระดานไม่ถูกแน่ๆ ต่อให้เรียนเอกบัญชีก็ตามที ฮ่าๆๆ แล้วขณะที่กำลังนั่งมองลายเส้นปริศนาของอาจารย์อยู่นั้นโทรศัพท์ผมก็สั่น พอดีว่าปรกติผมใส่หูฟังข้างเดียวเวลาเรียนอยู่ ข้างที่อาจารย์ไม่เห็น หึหึหึ
“ตืดดดดด......ตืดดดดดดด.....” ผมรีบกดสมอล์ทอล์กรับสายอย่างด่วน
“ครับ”“เอๆ ว่างไหม” เสียงพี่โต้งเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ กองพัฒนานักศึกษา พูดขึ้นอย่างใจร้อน
“เรียนอยู่ครับ” ผมกระซิบกลับไปเบาๆ
“เรียนเสร็จโทรหาพี่ด้วยนะ มีเรื่องด่วนมาก” พี่เค้าทำเสียงเน้นย้ำซะรู้สึกได้ถึงความสำคัญเลยทีเดียว
“นักศึกษา.....ถ้าจะคุยโทรศัพท์ก็ออกไปคุยข้างนอกห้องนะครับ” อาจารย์ที่กำลังสอนอยู่คงสังเกตเห็นพอดี ขนาดผมว่าผมแอบดีแล้วนะเนี่ย
“ขอโทษครับอาจารย์”“คราวหน้าอย่าให้มีอีกนะครับ” อาจารย์พูดจบก็ทำหน้าดุๆใส่ แต่ผมก็ยิ้มๆกลับไป
แล้วการเรียนก็ดำเนินต่อไปอย่างทุลักทุเลผมก็ทนรอไปเรื่อยๆจนหมดคาบ หลังหมดคาบผมก็รีบโทรหาพี่โต้งทันที
“ตึก!” ยังไม่ทันที่สัญญาณจะติดพี่โต้งก็กดรับอย่างรวดเร็วราวกับว่ารู้ล่วงหน้าว่าจะมีใครโทรเข้ามา
“เอ อยู่ไหน” พี่โต้งถามผมด้วยน้ำเสียงร้อนรนสุดๆ
“อยู่หน้าตึกคณะบัญชีอะพี่”“รีบมาที่กอง ตอนนี้เลยนะเค้ากำลังประชุมเรื่องกำหนดการเดินทางไปแข่งกีฬาของ ม.เรา”“อ้าว แล้วไม่ให้โค้ชเค้าประชุมล่ะครับ”“พี่โทรหาตั้งหลายครั้งแล้วแต่เค้าไม่รับสาย” พี่โต้งเน้นเสียงแบบเซ็งสุดๆ
“เหรอครับ”“เออ เรานั่นแหละ มาแทนเลย เดี๋ยวนี้เลยนะ”“ครับๆ” แล้วพี่โต้งก็กดวางสาย ทันทีที่พี่เค้าวางสายผมก็รีบบึ่งไปที่กองพัฒนานักศึกษาทันทีเพื่อเข้าร่วมประชุม พอมาถึงไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีผมคนเดียวเท่านั้นที่เป็นนักศึกษาในที่ประชุมนอกนั้นเป็นโค้ชและอาจารย์ทั้งนั้น แต่เนื่องจากว่าเคยประชุมร่วมกันหลายครั้งแล้วเลยมีความคุ้นเคยกันในระดับหนึ่งแล้วผมเลยไม่กดดันเท่าไหร่ ถึงแม้อาจารย์บางท่านจะพูดแกมๆว่า
‘การประชุมแบบนี้ไม่เหมาะจะให้นักศึกษาเข้าร่วมด้วย’ ก็ตามที สรุปใจความสำคัญของการประชุมคือ
‘ทางกองพัฒนาจะให้นักกีฬาผู้ควบคุมทีมและโค้ชจำนวนหนึ่งเดินทางเข้าไปที่ กรุงเทพมหานคร ในวันพรุ่งนี้ ขอให้ท่านผู้ควบคุมทีมและโค้ชแจ้งให้นักกีฬาทราบด้วย’ ครับหนึ่งในชนิดกีฬาที่ต้องเดินทางไปก่อนก็มีเทควันโดร่วมอยู่ด้วย หลังจากประชุมเสร็จผมก็รีบแจ้งให้น้องๆทราบอย่างด่วน แล้วก็รีบมาเก็บของลงกระเป๋าพร้อมทั้งบ่นคนเดียวงึมงำๆ เพราะการทำงานที่ไม่พร้อมของกองพัฒนาเลยทำให้ผมแทบไม่ได้เตรียมตัวก่อนเลย แย่จริงๆ ถึงจะมีเกริ่นๆก่อนแล้วว่าภายในอาทิตย์นี้ก็ตามที แต่แจ้งก่อนสักสามสี่วันเป็นอย่างช้าน่าจะดี ไม่ใช่บอกวันนี้ไปพรุ่งนี้อะไรเทือกนี้
กว่าผมจะจัดของเสร็จก็ปาไปเกือบๆบ่ายสามครึ่งผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาน้องไม้
“ตรู๊ดดดดด ตรู๊ดดดดดด ตรู๊ดดดดดด ติ๊ด....ครับพี่”“ไม้ ว่างเปล่า”“ว่างครับพี่”“พี่รบกวนจัดถุงอุปกรณ์ให้หน่อย แล้วขนไปไว้ที่ห้องไม้เลยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่แวะไปเอา”“ได้ครับพี่”“ขอบใจมาก” ไม่เสียดายเลยที่เลือกน้องไม้เป็นรองประธาน แล้วผมก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนจะขับรถไปที่ชมรม พอมาถึงก็เจอน้องมิ้นกำลังเช็ดๆถูๆเบาะอยู่
“ครืดดดดด” เสียงประตูกระจกแบบบานเลื่อนดังขึ้น น้องมิ้นที่กำลังเช็ดพื้นอยู่ก็หันมาเจอผมพอดี
“สวัสดีครับพี่”“อื่อ มานานยัง”“ก่อนพี่ประมาณสิบนาทีมั้ง”“คนอื่นล่ะ”“ยังไม่มีใครมาครับพี่” คุยทักทายกันพอหอมปากหอมคอผมก็มาช่วยน้องมิ้นถูเบาะบางส่วนที่ยังมีน้ำขังอยู่ จนเวลาประมาณสี่โมงกว่าๆน้องๆหลายคนก็เริ่มทยอยๆมา ผมก็ให้มิ้นเอาผ้าไปเก็บ แล้วให้เอาพัดลมมาตั้งเป่าแทน ส่วนผมก็เดินไปนั่งที่โต๊ะมองมาหน้าน้องชมรมเรื่อยๆ ตอนนี้ต้นกล้าก็มาแล้ว มิวก็มาแล้ว ส่วนอ้นก็กำลังถอดรองเท้าอยู่หน้ายิม ก่อนจะมารวมกลุ่มนั่งเล่นกันใกล้ๆผม ไม่นานเท่าไหร่ คนที่ทำให้ผมต้องหันไปมองหน้ายิมบ่อยๆก็มาครับ พอลงจากรถเสร็จน้องบีก็เดินมาส่องๆเหมือนจะมองหาใครบางคนอยู่ พอเห็นว่าผมนั่งมองอยู่ น้องก็ยิ้มให้ แล้วก็รีบถอดรองเท้าก่อนจะเดินๆมานั่งบนตักผม
“พี่เอ~อ~อ~อ~อ~อ~อ~อ” น้องบีทำเสียงยาวๆ
“ครับ” ผมกระซิบตอบกลับไปที่ข้างๆหูน้อง
“ไปซื้อน้ำปะ”“ปะ” แล้วผมก็เดินจูงมือน้องบีไปร้านสะดวกซื้อเจ้าประจำ น้องบีเลือกซื้อเพียวริขุ ส่วนผมก็น้ำชาเหมือนเดิม แต่วันนี้ผมเอาซาลาเปาด้วย พอบีเห็นผมสั่งซาลาเปาน้องเลยเอาด้วย น้องบีสั่งซาลาเปาครีมน้ำผึ้งครับ ซาลาเปาครีมน้ำผึ้งนี้น่ารักมากๆเลยครับ มีลายรูปหัวใจสีชมพูด้วย พอจ่ายเงินเสร็จแล้วผมก็เดินจูงมือน้องบีกลับมาที่ยิมระหว่างทางก็เดินผ่านร้านขายไก่ร้านเดิม พอมาถึงหน้าร้านบีก็หันไปหาแม่ค้าแล้วพูดว่า
“พี่สาว ทำไมไม่ทำขายหลายๆแบบล่ะ ผมผ่านมาทีไรก็เห็นมีแต่แบบเดิมๆแบบนี้ตลอดเลย เดี๋ยวลูกค้าก็เบื่อหรอก” บีพูดจบก็จ้องตาแม้ค้าที่กำลังยืนนิ่งเหมือนจะอึ้งในคำทักทายของน้องบีอย่างแรง ตอนแรกผมว่าจะลากน้องบีวิ่งกลับยิมก่อนจะโดนตะหลิวปาใส่ แล้วขณะที่ผมกำลังจะทำตามที่คิด แม่ค้าก็ตอบกลับมาว่า
“แล้วจะให้ขายแบบไหนล่ะหนุ่มน้อย” แม่ค้าพูดจบก็ยิ้ม
“ก็ลองเอาเอ็นไก่ผสมๆเนื้อไก่ชุบแป้งหน่อยๆทอดแล้วทำเป็นแฮมเบอร์เกอร์ก็ได้ ไม่ก็ทำข้าวกล่องเล็กๆขายก็ได้ ติดโรงเรียนแบบนี้สิบบาทก็ขายได้แล้ว” บีพูดจบแม่ค้าก็ยืนนิ่งๆเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“ก็น่าสนใจนะ มีสูตรไหมละ เดี๋ยวพี่จะลองทำดู”“โหยอะไรพี่สาว มาแนะนำให้ฟรีๆแล้วยังจะมาขอสูตรผมอีก เดี๋ยวก็คิดเงินเลยนี่” บีพูดจบแม่ค้าก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นไก่ทอดให้บีมาถ้วยหนึ่ง
“อ่ะพี่ให้”“หือออ.....วางยาผมเปล่าเนี่ย”“เอาเหอะพี่ให้ ค่าแนะนำพี่ไง”“เหอะ ก็ได้ แต่ขอเป็นถ้วยละ 20 แทนได้ไหมอ่ะ” บีพูดจบแม่ค้าก็ยิ้ม
แล้วก็ยื่นไก่ทอดให้บี พอบีรับไก่ทอดเสร็จ บีก็ทำหน้าตาทะเล้นใส่แม่ค้าไปหนึ่งที ก่อนที่จะหันมามองผมแล้วส่งสายตามาประมาณว่า
‘ป่ะกวนพี่เค้าเสร็จแล้ว’ ก่อนจะถึงยิมพอดีว่าร้านข้าวมันไก่วันนี้ไม่ได้ขายแฮะ ผมเลยจูงมือบีหลบเข้าไปนั่งทานให้เสร็จก่อนเข้าชมรม เนื่องจากร้านข้าวมันไก่ร้านนี้เป็นร้านแบบรถเข็นครับ เก้าอี้กับโต๊ะบางส่วนเค้าก็เก็บไว้ที่ร้าน ผมเลยหยิบเก้าอี้มานั่งกับบีที่หลังร้าน หลังร้านข้าวมันไก่ร้านนี้บรรยากาศดีนะครับ ติดบ่อน้ำสาธารณะเลย ผมวางเก้าอี้ตัวหนึ่งติดกับรั้วเหล็กที่เค้าทำไว้กันตรงขอบสระน้ำแล้วก็บอกให้บีมานั่ง
“อะนั่งๆ” ‘แปะๆ’ ผมตบมือลงบนเก้าอี้ บีก็เดินมานั่งข้างๆผมแล้วผมก็นั่งทานซาลาเปาไปคุยกับน้องบีไป วันนี้ซาลาเปาแป้งแฉะๆยังไงก็ไม่รู้ครับ ผมเลยนั่งแกะๆแป้งซาลาเปาบางส่วนออก น้องบีก็นั่งมอง
“พี่ไม่ชอบกินแป้งหรอ” “เปล่า กินได้”“แล้วทำไมแกะแป้งออกล่ะ” น้องทำหน้าตาสงสัยใส่ผมทันที
“ก็แป้งมันแฉะๆยังไงไม่รู้”“พี่.....กินแค่นั่นจะอิ่มเปล่า”บีมองมาที่ซาลาเปาที่เหลืออยู่ในมือผม
“รองท้องเฉยๆ”“อื่อ เอานี่” น้องบีฉีกซาลาเปาของตัวเองมาให้ผมครึ่งหนึ่ง
“อ่ะ”“ไม่เป็นไรบีกินเถอะ” ผมยิ้มๆ แล้วบีก็วางซาลาเปาที่ฉีกมาลงบนกระดาษลงที่วางอยู่บนตักน้อง ก่อนจะหยิบแป้งซาลาเปาที่ผมแกะไว้ขึ้นมา
“งั้น...ถ้าพี่ไม่กินผมกินนะ”“อื่อ เอาดิ” พูดจบน้องบีก็เอาแป้งที่ผมแกะๆไว้มาทานหมดเลย แล้วตอนนั้นผมก็ทานซาลาเปาที่อยู่ในมือผมหมดพอดี ขณะที่ผมกำลังจะยกชาขึ้นมาดื่มน้องบีก็เรียกผม
“พี่” ผมหันไปตามเสียงเรียก เห็นน้องบีหยิบเอาซาลาเปาครีมน้ำผึ้งที่น้องฉีกไว้มาจ่อใกล้ๆปากผม
“หือ”“อ้าปาก....ผมป้อน” พูดจบบีก็ยื่นซาลาเปามาใกล้ปากผมมากขึ้น
“บีไม่กินอะ”“ผมอิ่มแล้ว อ้าๆๆ” น้องพูดรบเร้าให้ผมอ้าปากให้ได้
“ชิ้นใหญ่อ่ะ”“งั้นเดี๋ยวนะ” น้องพูดจบก็นั่งฉีกซาลาเปาให้เป็นชิ้นเล็กลงได้อีกสามชิ้นก่อนจะยื่นมาใกล้ๆปากผมอีก
“อ้าๆ” น้องพูดรบเร้าอีกรอบ ผมเลยอ้าปากหน่อยๆแล้วน้องก็ค่อยๆดันซาลาเปาเข้ามาในปากผม ตอนนั้นผมรู้สึกอยากแกล้งน้องเลยเลื่อนหน้าเข้ามางับนิ้วน้องบีเบาๆ
“อ๊ะ!” พอถูกงับนิ้วน้องบีก็อุทานออกมาเบาๆ
“พี่...งับนิ้วผม”“หึหึหึ” ผมหัวเราะเสียงอยู่ในคำคอเพราะกำลังเคี้ยวซาลาเปาที่น้องบีป้อนให้เมื่อกี้อยู่
พอทานซาลาเปาหมดแล้วผมก็กลับเข้ามาในยิม ผมเห็นน้องๆหลายคนเปลี่ยนชุดเสร็จกันหมดแล้ว รวมถึงต้นกล้า มิว แล้วก็อ้นด้วย ผมเลยพาน้องบีไปเปลี่ยนชุดพอถึงห้องเปลี่ยนชุด ผมถอดเสื้อน้องบีออก ตามด้วยกางเกง แล้วก็พับๆใส่ในกระเป๋าผ้าของน้อง ก่อนจะหยิบเสื้อเทควันโดของน้องออกมาสะบัดๆ เหมือนทุกๆครั้งที่เคยเปลี่ยนชุดให้น้อง ดึงตัวน้องเข้ามากอดไว้ แล้วกระซิบข้างๆหู บอกน้องเรื่องที่ผมจะต้องไปแข่งกีฬาในวันพรุ่งนี้
“พี่จะกลับวันไหน” บีถามผมเบาๆ
“อีกสามสี่วัน”“นานจัง” ผมสวมกอดน้องบีแนบแน่นมากขึ้น แล้วก็หอมแก้มน้อง ก่อนจะซุกหน้าลงไปที่คอน้อง แล้วก็จูบลงไปเบาๆ ผมหายใจรดลงไปบนตัวน้องเบาๆ ตอนนั้นหน้าของบีเองก็เกยอยู่ที่ไหล่ผมพอดี ผมรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของบีที่รดลงบนบ่าผมเช่นเดียวกันแต่แล้ว
“ปึ๊ง!!” เสียงเปิดประตูห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าดังขึ้นแล้วบานประตูก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว ไม่ทันที่ผมจะผละตัวน้องบีออกให้ทันพ้นสายตาของใครก็ตามที่เป็นคนเปิดประตูเพื่อไม่ให้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น.....บีรีบดันตัวออกทันทีหลังจากได้ยินเสียงประตูถึงแม้น้องเองก็อาจจะรู้ว่ามันไม่ทันก็ตามที ผมหันไปมองใครบางคนที่กำลังยืนอยู่ตรงประตูแล้วผมก็เห็น..........
“อ้น” ผมเห็นอ้นยืนอยู่ตรงประตูเพียงคนเดียว
“......” อ้นยืนนิ่ง แต่มันก็ไม่นานเท่าไหร่ก่อนที่น้องจะพูดออกมาว่า
“ว่าแล้วเชียว” พูดจบน้องอ้นก็ถอยออกไปจากห้องแล้วปิดประตู
“.....” หลังจากอ้นออกไปผมก็เปลี่ยนชุดให้น้องบีทันทีก่อนจะเดินออกมา พอออกมาก็เห็นน้องอ้นทำหน้าเซ็งๆใส่ แต่ผมก็ไมได้เข้าไปพูดอะไร แล้วการฝึกซ้อมก็เริ่มขึ้น หลังจากผมนำวอร์มและเตะพื้นฐานเสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่ป้อมก็ให้น้องๆต่อแถวเตะแป้นน้องบีก็มาจองที่ยืนหน้าผมเหมือนเดิมกอดบ้าง เกาะบ้าง พิงบ้าง แต่ว่า......เตะๆไปสักพักหนึ่งจู่ๆน้องบีก็เดินออกนอกแถวไปนั่งพิงกำแพงโดยไม่ทราบสาเหตุ พี่ป้อมเห็นเลยตะโกนถามไปว่า
“ออกจากแถวทำไมไม่ขออนุญาตก่อน” บีได้ยินเสียงพี่ป้อมถามเลยหันกลับมาตอบว่า
“ผมเจ็บขา” บีตอบเสียงอ่อยๆ
ผมไม่ได้เดินตามออกไปดูแต่เตะแป้นต่อ เตะๆไปสักพักผมก็หันไปมองเห็นบีกำลังนั่งมองทำตาใสอยู่เป็นระยะ พอบีเห็นว่าผมหันมามองน้องก็ยิ้มให้ทุกครั้ง จนกระทั่งพี่ป้อมสั่งพัก ผมเลยเดินมาหาน้องบี ระหว่างเดินอยู่นั้นผมก็ได้ยินเสียงอ้นพูดว่า
“สำออยว่ะ” อ้นพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วน้องคงรู้สึกรำคาญบี ผมไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดอ้น
“เจ็บจริง หรือ อู้เนี่ย” ผมถามน้องบีออกไปด้วยท่าทีแบบทีเล่นทีจริง
“จริง” น้องตอบกลับมา
“ไหนเจ็บตรงไหน” ผมพูดจบบีก็ถลกขากางเกงขึ้นแล้วชี้ไปที่น่อง
“ตรงนี้” นี้บีชี้ๆ แล้วก็จิ้มๆนิ้วลงไปด้วย
“เจ็บนานยัง เมื่อเย็นยังดีๆอยู่เลย” ผมลูบๆเบาๆตรงจุดที่น้องบีว่าเจ็บ
“นานแล้ว” บีตอบกลับมา แล้วผมก็กดลงไปเบาๆ ตรงจุดที่น้องว่าเจ็บ
“ตรงนี้เจ็บเปล่า ตรงนี้อ่ะ ตรงนี้ ตรงนี้” ผมบีบๆไปเรื่อยๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ นั่งพักเดี๋ยวก็หาย” น้องหันมายิ้ม
“ไม่ใช่เพราะอยากเป็นคนเหนือหรอกนะ”“คนเหนือ ทำไม ต้องคนเหนือครับ”“อเาว ก็ อู้ ไง คนเหนือ เค้า อู้ กัน ไม่รู้เหรอ”“ฮะๆๆ” บีหัวเราะ แล้วบีก็จับมือผมขึ้นมาวางแนบไปที่แก้มน้องเบาๆพร้อมส่งสายตามาว่า
‘ลูบๆให้หน่อยซิ’ ผมเลยนั่งลูบแก้มน้องเบาๆสลับกับลูบริมฝีปากไปมา ถัดจากผมไปประมาณเมตรกว่าๆน้องตองกำลังนั่งยิ้มเล็กยิ้มน้อยทำท่าเขินบิดไปบิดมาราวกับกำลังถูกหนุ่มหน้าตาดีมาสาดคำหวานใส่จนต้องเขินกันขนาดนั้นบางทีก็ทำท่าเหมือนจะดิ้นๆหยั่งกะเด็กเล็กๆได้ของถูกใจยังไงยังงั้น แล้วก็จะหยุดก่อนจะหันมามองผมอีกทีแล้วก็กลับไปเป็นอาการอย่างเดิมอีก เป็นเอามากเลยน้องสาวผม เฮ้อ....แล้วก็หมดเวลาพักครับพี่ป้อมเรียกน้องๆเข้าแถว ผมลุกขึ้นแล้วเรียกน้องบีที่กำลังนอนเคลิ้มอยู่กับพื้น
“บีลุกเร็ว ครูป้อมเรียกแล้ว”“....”“ไปๆๆ เตะแค่ที่เตะได้อย่ามานอนแบบนี้มันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี”“พี่”“หือ”“อุ้มผมหน่อย”“ไม่”“อุ้ม”“ไม่ๆๆๆ โตแล้วลุกเองทำไมต้องอุ้ม” ตอนนั้นน้องบีทำท่าเหมือนจะไม่ลุกจริงๆแถมได้ข้ออ้างเจ็บขาด้วยพี่ป้อมไม่ลงโทษแน่ๆ ผมเลยตัดสินใจไม่สนใจบี แล้วพี่ป้อมก็ให้เข้าแถวเตะต่อครับ ผมก็เตะด้วยผมหันไปมองบีเป็นพักๆ พอน้องเห็นแล้วว่าผมไม่ไปอุ้มแน่ๆ บีเลยค่อยๆคลานมาที่แถวอย่างช้าๆ พอมาถึงแถวบีก็นั่งพับเพียบเรียบร้อยมองเพื่อนๆเตะ พอผมเตะเสร็จก็วนกลับไปต่อแถวใหม่ก่อนจะเดินมาด้านหน้าเรื่อยๆจนถึงตรงที่บีนั่งอยู่
“พี่” พูดจบบีก็คว้าขาผมไว้ข้างหนึ่ง ผมเลยหันไปส่งโทรจิตบอกน้องที่ต่อหลังผมว่า
‘เตะต่อเลยไม่ต้องรอ’“อุ้ม.....” บีเงยหน้ามองผม
“ไม่”“อุ้ม”“ไม่”“อุ้ม”“ไม่”“.....”“.....”“อุ้มๆๆๆๆ”“ไม่ๆๆๆๆ”“.....”“.....”“อุ้ม”“คนเยอะ” พูดจบน้องบีก็เอามืออีกข้างมากอดขาผมไว้อย่างแน่นเลยแล้วพูดว่า
“งั้นลากผมไปด้วย”“.....”“.....”“ก็ได้” ดูท่าน้องจะไม่ยอมลุกจริงๆถ้าไม่อุ้ม ก็เลยอุ้มน้องลุกขึ้น
พอผมยอมอุ้มน้องบีก็ทำท่าทางมีความสุข ส่วนสาวตองที่มองอยู่ห่างๆผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำท่าเขิน จนกระทั่งใกล้เลิกผมก็ประกาศบอกน้องๆว่าผมจะไม่ได้มาสอนเนื่องจากมีธุระ น้องๆหลายคนก็รุมถามคำถามต่างๆผมก็ตอบไปแบบติดตลกจนกระทั่งเลิกซ้อม ทันทีที่พี่ป้อมสั่งเลิก อ้นก็รีบเดินตรงมาหาผมทันที แล้วจับแขนเสื้อผมไว้หลวมๆ
“พี่เอ”“ครับ”“ไม่อยากให้ไป”“พี่ก็ไม่อยากไป”“พี่.......”“......”“รีบกลับมานะครับ”“ครับ” แล้วอ้นก็เดินไปหาคุณพ่อที่กำลังนั่งรออยู่หน้ายิม ส่วนบีก็รวมพลังกับมิวและต้นกล้าไล่แกล้งพี่ตองอย่างสนุกสนานไม่นานเท่าไหร่คุณพ่อน้องบีก็มารับ พอบีเห็นว่าป๊ามารับแล้วก็ละทิ้งภารกิจแกล้งพี่ตองวิ่งมาหาผมดูสภาพเหมือนจะวิ่งมากอด ผมเลยยกเท้าขึ้นกันน้องตอนน้องวิ่งมาใกล้ๆ ตอนนั้นน้องจะหยุดก็หยุดได้แต่คงอยากเล่นด้วย เลยทำเป็นวิ่งมาชน ก่อนจะวิ่งไปหาคุณพ่อที่ยืนยิ้มอยู่หน้ายิม
To Be Con
-----------------------------------------------------------
วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม 13.50 น.
ขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านเวปเล่นแล้วก็เปิดเพลงเบาๆฟังไปเรื่อยๆเพราะกว่าจะถึง 15.00 น. ตามนัดก็อีกหลายชั่วโมงเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น
“Ichiban Yari Ore Ga itadaki Kiri Komi Taichou Kagamine Len Da” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
‘น้องอ้น Calling’ อ่าาาาา อ้นมีอะไรเปล่าหว่าโทรมาตอนนี้
“ว่าไง”“พี่เอ~อ~อ~อ~อ~อ” อ้นลากเสียงยาวๆ
“ครับ”“พี่นัดบีมาบ้านผมกี่โมง”“พี่ไม่ได้บอกเวลามาบ้านเรานะ พี่บอกแค่ว่าจะไปรับที่บ้านเราตอน 15.10 น.”“โหยยยย แล้วมันจะมาอะไรเร็วขนาดนี้อีกตั้งหลายชั่วโมง” อ้นทำเสียงเซ็งๆ
“อ้าว บีไปบ้านอ้นแล้วเหรอ”“ครับ มันมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว”“ขอสายบีหน่อย”“เฮ้ย! พี่เอจะคุยด้วย” เสียงอ้นลอดเข้ามาในโทรศัพท์
“ฮัลลล โหลวววววววว”“ทำอะไรอยู่”“ดูอ้นเล่นเกม”“แล้วทำไมมาบ้านอ้นเร็วจัง”“อยู่บ้านน่าเบื่ออ่ะพี่”“ซะงั้น”“พี่เอๆๆๆ”“ครับ”“มารับผมหน่อยซิ”“รับไปไหนอ่ะ กว่าหนังจะฉายตั้งเกือบสี่โมงเย็นนะ”“ไปไหนก็ได้ ไปเล่นบ้านพี่ก็ได้”‘อ้าววว คุณน้องบี คราวก่อนมานี่ยังไม่เข็ดอยากโดนอีกรอบใช่ไหมเนี่ย’ ผมคิดในใจ
“เออๆ เดี๋ยวพี่ไปหา สักครึ่งชั่วโมงนะ”“คร้าบบบบบบ” แล้วน้องบีก็วางสายไป ผมก็นั่งเล่นเน็ตต่อ จนประมาณ 14.30 น. ผมก็ออกไปหาบีที่บ้านอ้น อากาศวันนี้ร้อนสุดๆเลยครับ ไม่เหมาะแก่การขับรถกินลมเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว ผมเลยรีบบึ่งตรงไปที่บ้านอ้นอย่างไม่ชักช้าพอมาถึงก็เจออาม่าน้องอ้นนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน น้องอาร์ทกำลังนั่งทานข้าวอยู่ พอน้องอาร์ทเห็นว่าผมมาก็รีบยกมือไหว้ทันที
“สวัสดีครับพี่”“ดีๆ” ผมทักกลับไปแล้วผมก็สังเกตเห็นว่าอาร์ทใส่แว่นด้วยแฮะ อืมมมมม น่ารักอะ ฮ่าๆๆๆๆ
“ทานข้าวด้วยกันพี่” อาร์ทขยับที่นั่งแล้วก็ดึงเก้าอี้มาอีกตัว
“ไม่เป็นไรๆพี่ทานแล้ว แล้ว......พวกน้องอ้นล่ะ”“ข้างบนเลยพี่” อาร์ทชี้ไปที่บันได
ผมก็เดินไปตามทางที่อาร์ทชี้ พอขึ้นมาที่ชั้นสองก็เจอน้องอ้นกำลังนั่งเล่นเกมอยู่ส่วนน้องบีก็นั่งประกบอยู่ใกล้ๆทางด้านหลัง
“บี” ผมเรียกน้องบีเบาๆ
“พี่เอ~อ~อ~อ~อ~อ~อ~อ” บีหันมาแล้ววิ่งมากอดผมเบาๆ ก่อนจะจูงมือมาหาอ้น
“พี่เอ ดีครับ” อ้นหันมาไหว้ก่อนจะหันกลับไปเล่นเกมต่อ
“พี่เอ ป่ะๆๆ” “บีอยากไปไหน”“ไปไหนก็ได้ ไปเล่นบ้านพี่ก็ได้” น้องพูดพร้อมกับดึงมือผมเบาๆ หึหึหึ สงสัยน้องจะยังไม่เข็ด
“ร้อนอ่ะ” ผมพูดจบอ้นก็หันมาหาบีแล้วพูดว่า
“เออ เอ็งน่ะ จะโทรให้พี่เค้ามาทำไมเร็ว พี่เค้ามาก็ให้พี่เค้านั่งรอ” อ้นพูดใส่บีด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ก็เขา.......ไปเดินเล่นที่ห้างรอก็ได้ เย็นดี” บีพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“โอ๊ยยย ไปจะมีอะไรเล่น ดูดิ๊เนี่ยะ L v จะ ขึ้นอยู่แล้ว” อ้นยังพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดปนรำคาญบี
“มันก็แค่เกม เดี๋ยวมาเล่นใหม่ก็ได้” บีตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนเดิม
“เห๊อะ จะไปรู้อะไร” อ้นพูดสบถใส่บีค่อนข้างแรงเลยทีเดียว
“.....” บีถึงกับเงียบเลย ตอนแรกผมว่าจะยุ่งละ แต่ว่ามันเป็นปัญหาของน้องเข้าไปยุ่งคงไม่ดี
“เอาน่าๆ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ไปดู TV กับพี่ อาร์ทก็ได้” ผมลูบหัวบีเบาๆ
“ผมไปด้วย” บีพูดแล้วก็เอามือขึ้นมาจับมือผมไว้
“ป่ะๆ” แล้วผมก็จูงมือบีไป ขณะที่กำลังจะลงบันได
“พี่เอ รอด้วย Logout ก่อน” อ้นพูดเสียงดังพอที่ผมจะได้ยิน ผมยืนรอไม่นานเท่าไหร่อ้นก็วิ่งมาตาม
“ไปเดินเล่นที่ห้างก็ได้” อ้นพูดขึ้น
“งั้นป่ะ” แล้วผมก็พาน้องๆทั้งสองคนไปเดินเล่นที่ห้างด้วยกัน เดินวนไปวนมาดูโน่นดูนี่ น้องๆก็ดูจะสนุกสนานกันดีต่างกับที่คุยกันหน้าคอมตอนอยู่ที่บ้านเลยอย่างกับคนเกลียดกันมากมาย ไม่ก็.....คู่รักที่คนหนึ่งยอมไปหมด อีกคนก็ช่างเอาแต่ใจ อืมมม......นะ....เดินเล่นกันอยู่พักหนึ่งน้องๆก็บ่นหิวครับ เราลงมติกันว่าจะไปหาอะไรทานที่ KFC กัน พอมาถึงหน้าร้าน อ้นดึงมือผมเบาๆแล้วพูดว่า
“พี่...ผมเอาแซลม่อนเล่นเส้น” “ที่นี่มาแล้วเหรอ” ผมถามอ้นออกไป
“มาแล้ว มานานแล้ว” บีพูดเสริม
“เอาดิ” แล้วผมก็ไปสั่งแซลม่อนเล่นเส้นสามชิ้นพอได้ของเสร็จตอนนั้นก็ปาเข้าไป 15.20 น. แล้ว ผมเลยพาน้องๆไปนั่งเล่นที่หน้าโรง พอถึงหน้าโรงหนังบีก็เดินแยกไปซื้อโค้กมาสองแก้ว พอซื้อเสร็จบีก็เอามายื่นให้อ้น แต่อ้นไม่เอา บีเลยเอามายื่นให้ผม ส่วนอ้นเดินไปซื้อเองมาต่างหาก พอซื้อน้ำเสร็จผมก็หาน้องหาที่นั่งทาน หาที่ได้ผมก็แบ่งแซลม่อนให้อ้นก่อน ตามด้วยบี แต่ว่าบีไม่ยอมเอาน้องบอกว่า
“ขี้เกียจถือ” ผมเลยถามน้องไปว่า
“อ้าว แล้วจะกินไง” พูดจบบีก็ยิ้มแล้วบอกว่า
“ก็กินอันเดียวกับพี่” ผมยิ้มๆกลับไปคิดว่าน้องพูดเล่นแล้วผมก็เอาแซลม่อนออกมากัดไปหนึ่งคำ พอกัดเสร็จปั๊บ น้องบีก็เอามือมาจับมือผมแล้วดึงไปหาตัวเค้า ก่อนจะงับไปหนึ่งคำด้วย
“เอางี้เลยนะ” ผมทักบีไป ส่วนอ้นก็นั่งไม่สนใจอยู่ข้างๆ
“ครับ” น้องบียิ้ม
แล้วผมก็กัดคำบีกัดคำแบบนี้สลับกันไปจนหมด แถมน้ำน้องบีก็ยังมาดูดจากแก้วเดียวกันอีกต่างหาก
“พี่เอ ประตูเปิดแล้ว” น้องอ้นหันมาสะกิดผม
“อื่อ ป่ะๆ” ผมลุกขึ้นแล้วก็เดินเข้าโรงหนังไปกับน้องๆ พอเข้าไปน้องบีเลือกที่จะนั่งทางขวามือผม ส่วนอ้นเลือกที่จะนั่งซ้ายมือผม ตลอดเวลาที่นังดูหนัง......ผมนั่งจับมือน้องบีตั้งแต่ต้นเรื่อง.....จนจบ.....หลังจากดูหนังจบแล้วผมก็พาน้องๆเดินลงมาชั้นล่าง ระหว่างลงมาเดินผ่านตู้ทุบตัวตุ่น ปรากฏว่าน้องอ้นอยากเล่น ผมเลยปล่อยให้เล่น เครื่องทุบนี้จะจับเวลา เก้าสิบวินาทีครับ ต่อการหยอดเหรียญหนึ่งครั้ง ครั้งแรกอ้นเล่นบียืนมองอ้นทำได้หกสิบห้า บีเห็นน่าสนุกบีเลยเล่นด้วย รอบนี้อ้นยืนมองบ้าง ปรากฏว่าบีตีได้หกสิบเจ็ด อ้นคงไม่อยากแพ้บีเลยตีต่อจากเล่นสนุกๆ กลายเป็นเล่นกะเอาเป็นเอาตายกันเลยทีเดียว สุดท้ายหมดเงินกันไปเกือบๆสองร้อย ผมเลยให้หยุดแล้วลากน้องๆกลับบ้าน โดยก่อนกลับอ้นพูดว่า
“วันนี้ผมสนุกที่สุดเลย ไม่เคยสนุกอะไรแบบนี้”“ทำไมละ” ผมถามกลับไป
“ก็มีอิสระ อยากไปไหนก็ได้ไป อยากทำอะไรก็ได้ทำ” อ้นหันมามองผมแล้วยิ้ม
“ผมก็ชอบนะ วันหลังพาพี่ว่านมาด้วยนะพี่เอ” พูดจบบีก็จับมือผมเบาๆ
“ได้ซิ คราวหน้าก็มาดูด้วยกันอีกนะ”“คร้าบบบบ” น้องอ้นกับน้องบีตอบรับกลับมาเป็นเสียงเดียวกัน