ตอนที่ 41 บอกตัวเอง
[วันนี้กลับดึกหรือเปล่า]
กรส่งข้อความมาถามผมตอนบ่ายแก่ๆ ช่วงนี้ผมกลับดึกทุกวันจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วครับ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นกรยังส่งข้อความมาถามผมทุกวัน
[เหมือนเดิม คงออกประมาณสองทุ่ม]
ผมส่งข้อความตอบกลับไป ใกล้สิ้นเดือนแบบนี้งานผมก็ยุ่งอีกตามเคย เพราะต้องรีบปิดเล่ม แล้วใกล้ท้ายปีเหมือนงานจะหนักขึ้น เพราะต้องเตรียมเนื้อหาแต่ละคอลัมน์ให้รับกับเทศกาลต่างๆ ที่กำลังจะมาถึงในเดือนหน้า และต้องดูยาวไปถึงต้นปีอีก เลยเป็นเหมือนงานชิ้นใหญ่ที่ต้องดูต่อเนื่องกันไป บางคอลัมน์ที่ทำแล้ว ผมให้กลับไปแก้ใหม่ก็มี
[กรไปกินข้าวกับเพื่อนนะ กลับไม่เกินสามทุ่ม อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวซื้อเข้าไปให้]
กรส่งข้อความกลับมา แล้วก็เหมือนเดิมครับ ถ้าผมตอบว่ากลับดึก เขาเองก็จะออกไปกินข้าวกับเพื่อน จนถึงวันนี้เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันมาเกือบสองอาทิตย์แล้วมั้งครับ ไม่รวมเสาร์ อาทิตย์ แต่กรเขาก็จะเตรียมมื้อเย็นไว้ให้ผมทุกวัน ส่วนใหญ่จะซื้อมาจากร้านที่เขาไปกิน กับเรื่องนี้ผมเคยขอโทษกรเขาเหมือนกัน ขอโทษที่ผมไม่มีเวลาให้เขาอย่างเคย เขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะถึงเราจะไม่ได้กินข้าวด้วยกัน แต่เราจะใช้เวลาด้วยกันอีกช่วงคือ ตอนที่ออกแบบบ้าน เวลานี้เราจะอยู่ด้วยกันตลอด แล้วก็อาศัยคุยกันผ่านข้อความแบบนี้ระหว่างวันด้วย
[กินอะไรก็ซื้อมาเผื่อด้วยแล้วกัน]
ผมส่งข้อความกลับไปเหมือนอย่างทุกวัน ตอนนี้ยังคิดไม่ออกครับว่ามื้อเย็นจะกินอะไร มันยังอิ่มมาจากมื้อเที่ยง เขาไปกินอะไรก็ให้ซื้อมาเผื่อแค่นั้นง่ายๆ ไม่ต้องแวะหาตามที่ผมสั่งให้วุ่นวาย กรเองก็รู้อยู่แล้วว่าผมไม่ชอบกินอะไร แค่ไม่มีของที่ผมไม่ชอบที่เหลือก็กินได้หมด
[แล้วอย่าทำงานจนลืมเวลานะ เจอกันที่บ้านครับ]
แล้วกรก็ส่งข้อความกลับมาอีกครั้ง
[ครับ]
ผมส่งกลับไปสั้นๆ ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แล้วลงมือทำงานต่อ
…………………………………………………………….
พอกลับมาถึงคอนโดฯ ผมก็เข้าไปอาบน้ำ แล้วเดินมานั่งหลังโต๊ะเขียนแบบเพื่อเริ่มทำงานต่อทันที ช่วงนี้ถึงผมจะบอกว่างานที่บริษัทฯ ยุ่งมากแค่ไหนก็ตาม แต่ผมก็เลิกเอากลับมาทำต่อที่บ้านมาได้สักพักแล้ว ตั้งแต่วันที่เราตัดสินใจจะสร้างบ้าน เวลาทั้งหมดหลังจากกลับมาถึงคอนโดฯ ของผมเลยถูกใช้หมดไปกับการออกแบบบ้านเพียงแค่นั้น
สำหรับความคืบหน้าของแบบน่าจะราวๆ แปดสิบเปอร์เซ็นต์ได้แล้วมั้งครับ ที่ไปได้เร็วขนาดนี้ คงเพราะเราทั้งคู่อยากเห็นมันออกมาเป็นรูปเป็นร่างให้เร็วที่สุด ถึงจะเร็วก็เร็วแบบตั้งใจกับทุกส่วนนะครับ ไม่ได้คิดๆ วาดๆ ให้มันเสร็จ ในเมื่อเราต้องอยู่กับบ้านหลังนี้ ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปในแบบที่เราอยากให้เป็นจริงๆ แล้วกับแบบพอได้ลงมือทำเอง อยากปรับอยากแก้ตรงไหนมันก็ทำได้ทันที ไม่เหมือนจ้างคนอื่น ระหว่างที่ทำไปก็ช่วยกันดูช่วยกันคิดตลอด ถ้าไม่พอใจตรงไหนก็แก้ไป เอาให้พอใจ และเห็นด้วยเหมือนกันทั้งสองคน
ตอนนี้ได้แบบบ้านออกมาแล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนลงรายละเอียดของวัสดุต่างๆ ที่ใช้ เช่น วัสดุที่ใช้ปูพื้นชั้นบน ชั้นล่าง รายละเอียดประตูหน้าต่าง สุขภัณฑ์ อะไรพวกนั้น พอเสร็จจากนี้จะเหลือก็แค่ตรวจสอบผังบริเวณบ้าน ถ้าวางถูกตำแหน่งแน่นอนแล้ว ก็ส่งแบบให้บริษัทฯ รับสร้างบ้านได้
แล้วความคืบหน้าอีกอย่างคงเป็นเรื่องบริษัทฯ ที่จะมารับสร้างบ้านให้เรา อันนี้ผมเองติดต่อไปเรียบร้อยแล้ว ก็ใช้บริษัทฯ ของไอ้ยุ เพื่อนผม ใช้บริการคนกันเองนี่แหละครับ เรื่องงบประมาณ หรือค่าใช้จ่ายก็คุยกันไปแล้ว ซึ่งผมเองประเมินไปด้วยระหว่างที่ออกแบบอยู่แล้วด้วย คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร แค่รอแบบเสร็จ ก็ลงมือสร้างได้แล้ว
.
.
.
นั่งขีดๆ เขียนๆ ไปได้สักพักใหญ่ กรก็เดินเข้ามาหาผมพร้อมถุงหูหิ้วในมือ ผมหันไปดูนาฬิกา สามทุ่มสิบห้าแล้วตอนนี้
“กินเลยไหม เดี๋ยวกรใส่จานมาให้” กรถาม พร้อมยกมือข้างที่ว่างอยู่มาวางลงบนไหล่ของผม แล้วยืนมองแบบบ้านที่ผมกางไว้บนโต๊ะ
“อืม” ผมรับคำ จากนั้นกรก็เดินเข้าไปในครัว ก่อนจะกลับออกมาพร้อมจานข้าวผัดกุ้ง และน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว
“ขอบคุณ” ผมบอกกร พร้อมรับจานข้าวมาไว้ในมือ ส่วนแก้วน้ำกรเอามาวางไว้ให้ที่โต๊ะกลมที่อยู่ด้านซ้ายมือของผม ก่อนจะกลับมานั่งลง ทางขวามือของผม ที่ตรงนี้เป็นเวลาที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากที่สุดในช่วงนี้ หากตัดเวลานอนออกไป
หลังโต๊ะเขียนแบบจะมีเก้าอี้สองตัววางอยู่คู่กันเสมอ
“ชั้นล่างทำพื้นแบบไหนดี” ผมถามกรที่นั่งอยู่ข้างๆ หลังจากกลืนข้าวคำแรกลงไปแล้ว อืม อร่อยดีแฮะ
“เอาเป็นคอนกรีตแกะสลักไหม” กรพูด ซึ่งผมเห็นด้วยทันที เพราะคิดไว้ในใจแล้วเหมือนกัน
“คิดไว้เหมือนกัน งั้นเอาแบบนั้นเลยแล้วกัน เรื่องแบบเดี๋ยวลองหาดูอีกที” ผมพูด แล้วลงมือกินข้าวต่อ
“แล้วข้างบนล่ะ” กรถามผมบ้าง
“ไปอาบน้ำก่อนไหม” ผมหันไปบอกกร
“งั้นกรไปอาบน้ำแป๊บนึง เดี๋ยวกลับมานะ” กรตอบแล้วลุกออกไป
>>ติ้ง ๆ<<
ผมได้ยินเสียงข้อความเข้าดังจากโทรศัพท์ แต่ไม่ใช่เสียงจากโทรศัพท์ผม แล้วมันดังมาจากในครัว กรคงวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ ผมเลยเดินไปดู
[ถึงไหนแล้ว]
ผมอ่านข้อความ จากคนเดิมที่ส่งมาหากรบ่อยๆ ช่วงนี้ แล้วผมก็นึกถึงหน้าของเขา เอิง... นักศึกษาที่มาฝึกงานพร้อมกันกับกร ถึงจะเรียนรุ่นเดียวกัน แต่เอิงดูเด็กกว่าเพื่อน หน้าตา ทรงผมก็ประมาณพวกนักร้องเกาหลีสมัยนี้มั้งครับ เป็นผู้ชายที่หน้าตาดูหวานๆ หน่อย แล้วผมก็กดอ่านข้อความซ้ำอีกครั้ง ...แต่ไม่ได้เปิดดูข้อความอื่น ก่อนจะถือโทรศัพท์กลับมาวางที่โต๊ะกลม ที่กรวางแก้วน้ำไว้ให้ผม
.
.
.
[ถึงไหนแล้ว]
[ได้แล้ว พรุ่งนี้คุยกัน]
[มีร้านใหม่ พรุ่งนี้พาไป]
[ชอบหรือเปล่า]
ผมนึกถึงข้อความสั้นๆ ที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้ในแต่ละวัน
กรเป็นคนที่พอเข้าบ้านแล้ว จะเอาโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง แล้ววางทิ้งไว้ ผมเลยมีโอกาสที่จะเห็นข้อความที่ถูกส่งมาบ้าง ข้อความพวกนี้เป็นข้อความสั้นๆ ที่ดูแล้วไม่มีอะไร แต่ที่มันทำให้ผมเริ่มคิดมาก เพราะมันมักจะถูกส่งมาทุกๆ วัน แต่ผมจะได้อ่านมัน ก็ต่อเมื่อข้อความถูกส่งมา แล้วกรไม่ได้อยู่กับผม อาจจะไปอาบน้ำบ้าง อยู่ในครัวบ้างเท่านั้น ถ้ากรอยู่ใกล้โทรศัพท์เขาก็จะดู แล้วส่งข้อความกลับไปทั้งที่อยู่ข้างๆ ผม เหมือนเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ถึงจะเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่เคยรู้ว่าเขาตอบกลับไปว่าอะไร
ต่อให้ผมอยากจะถามอะไรเขามากแค่ไหน ผมก็ไม่กล้าถาม เพราะคิดกลัวคำตอบไปก่อนแล้ว
บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรอย่างที่ผมคิดกลัวไปเองก็ได้ ผมได้แต่คิดกับตัวเอง
.
.
.
ผมไม่เคยคิดนะครับ ว่าจะมีวันหนึ่งที่ผมรู้สึกไม่พอใจขึ้นมากับการที่กรไปสนิทกับ... เอ่อ... ผู้ชายคนอื่น ที่ไม่ใช่ผม ผมเชื่อใจกรนะครับ เชื่อว่ามันคงไม่มีอะไร แต่บางครั้งผมก็ห้ามความคิดของตัวเองไม่ได้ กับการที่จะรู้สึกไม่พอใจเขา และบางครั้งผมก็อดที่จะกลัวไม่ได้ กลัวจนผมเหมือนจะหมดแรงไปเสียเฉยๆ
พอผมเริ่มคิดมากๆ เข้า ผมก็จะหันกลับมามองเวลาที่เราอยู่ด้วยกันว่ามันมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า นอกเหนือไปจากการที่เราไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเท่าก่อนหน้านี้ และคำตอบที่ได้คือ “ไม่”
กรยังเหมือนเดิม ผมยังเหมือนเดิม มันเหมือนเดิมทุกอย่างเวลาเราอยู่ด้วยกัน
..............................................................................
“เข้านอนเถอะ ดึกแล้ว” กรพูดขึ้น เมื่อเราสองคนนั่งคุยเรื่องบ้านกันต่อกันได้เกือบชั่วโมง หลังจากกรอาบน้ำออกมาแล้ว
“อื้ม” ผมรับคำสั้นๆ ก่อนจะวางดินสอในมือลง เราลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินเข้าห้องนอนไปพร้อมกัน
ผมทำทุกอย่างไปตามปกติอย่างที่เคยทำในทุกๆ คืน
ยกเว้นตอนที่ผมกำลังจะเข้านอนในคืนนี้
คืนนี้เป็นคืนแรกที่ผมล้มตัวลงนอน แล้วหันหลังให้กร
ผมไม่รู้ว่าทำไม ผมถึงทำแบบนี้ แต่ผมก็ทำ
กรเดินไปปิดไฟเหมือนอย่างที่ทำทุกคืน ก่อนจะกลับขึ้นมาบนเตียง แล้วผมก็รู้สึกได้ว่า กรยังไม่ได้ล้มตัวลงนอน แต่จากการยุบของที่นอนทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังขยับตัวมาใกล้ๆ ผม
“เป็นอะไร” กรยกมือขึ้นมาจับที่ต้นแขนผม แล้วก้มหน้าลงมาถาม ในความมืดมันทำให้เราเห็นหน้ากันแค่เพียงลางๆ เท่านั้น แต่จากน้ำเสียงของเขา มันก็ทำให้ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วงผม
“...........” ผมเงียบ แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ แล้วผมก็ถูกกรจับพลิกตัวให้หันหน้าไปหาเขาเหมือนอย่างทุกวัน จากนั้นก็ค่อยๆ สอดมือเข้ามาใต้ท้ายทอยผม แล้วรั้งท้ายทอยผมขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะสอดแขนอีกข้างเข้ามาให้ผมหนุนแทนหมอน
ผมกลับมานอนในอ้อมกอดเขาเหมือนทุกคืน
กรยกมือข้างที่ว่างมาลูบผมของผมเบาๆ
“เครียดอะไรหรือเปล่า” กรถามผมอีกครั้ง
“………” ผมส่ายหน้าที่แนบอยู่กับอกเขาเป็นคำตอบ ก่อนที่ผมจะยกแขนขึ้นไปกอดเขาไว้
.
.
.
ผมบอกตัวเองอีกครั้งให้เชื่อใจเขา แล้วค่อยๆ หลับตาลง
--------------------------------------------------------