ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG  (อ่าน 314684 ครั้ง)

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
แล้วจะเป็นไงต่อไปนะ  :confuse:

dokebi

  • บุคคลทั่วไป
 o13 o13 o13 อิอิ สงครามหัวใจ หุหุ

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
หนุกกมารอคับ :impress:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
รออ่านต่อไป  :teach:

TheVOshow

  • บุคคลทั่วไป
 :onion_asleep:  ดูแล้ว  ไม่รู้มานจาชอบกันตรงไหน  :teach: พยายามเข้าล่ะไอ้คนแต่ง  o3

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
แล้วเมื่อไหร่จะได้รักกันละคร้าบบบบบบบบบบบบบ

 :o

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เอาละ ถ้าอยู่มหาลัยเดียวกัน คงได้ปะทะกันสนุกแน่  o8
ปล. เชียร์สายฟ้า เชียร์สายฟ้า  :give2:  :give2:

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อไหร่จะฮักกันอ่ะ

ฮักๆๆ

 :o10:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าทิวไผ่กับต้นข้าวได้รักกัน . . .

สงสัยจะเป็นรักที่หนักหน่วงและดูดดื่มน่าดู o3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






taebin7

  • บุคคลทั่วไป
ตามอ่านทันชาวบ้านซะที o2

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
   หลังจากสอบปลายภาคเรียนเสร็จ โรงเรียนก็ปิดเพื่อให้นักเรียนได้เตรียมตัวสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน และแล้วฤดูกาลสอบแข่งขันในรอบโควตาก็มาถึง โดยเป็นการรับตรงของมหาวิทยาลัยในเขตพื้นที่บริการ สนามสอบคือมหาวิทยาลัยในพื้นที่ การสอบใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ โดยสอบวันละหนึ่งถึงสองวิชา

   “เป็นไงบ้างจ๊ะลูก ทำข้อสอบได้ไหม” เกศสินีถามไถ่ลูกชายเมื่อกลับมาจากสนามสอบ

“ก็พอทำได้ครับแม่” ต้นข้าวตอบมารดา

‘ทำข้อสอบได้ไหม’ เป็นคำถามที่เพื่อน ๆ ทุกคนทักทายกันเมื่อเจอหน้ากันในวันเปิดเทอมภาคเรียนที่สอง สายฟ้าและต้นข้าวเองก็เช่นกัน แต่มีบางวิชาที่สายวิทย์และสายสังคมสอบไม่เหมือนกัน
   หลังจากนั้น เดือนกว่าถึงสองเดือนก็จะมีการประกาศคะแนนผลสอบเอนทรานซ์ ก่อนจะมีการประกาศ ผลโควตาของแต่ละมหาวิทยาลัยตามมา

   “ฟ้า คะแนนเป็นไงมั่ง มั่นใจไหม เอาใจช่วยนะ” ต้นข้าวถามไถ่เพื่อนรัก

“ก็น่าพอใจนะ แต่เราไม่รู้ว่า คนอื่นที่เลือกเอนท์คณะเดียวกับเราคะแนนจะเป็นยังไงมั่ง ต้องรอลุ้นต่อไปแหละ นายล่ะ”

“ก็ พอใช้อ่ะ ต้องรอลุ้นเหมือนกัน”

“อืมครับ เออ... ไม่รู้ว่าไผ่จะเป็นยังไงบางนะ” สายฟ้า พูดถึงทิวไผ่อย่างเป็นห่วง

“ก็ไปถามเค้าสิ สนิทกันออกนี่” ต้นข้าวตอบกลับเสียงเรียบ จนสายฟ้าเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของต้นข้าว ว่าจะเป็นแบบนี้ทุกทีที่สายฟ้าเอ่ยถึงทิวไผ่ แต่สายฟ้าก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะชินเสียแล้ว

สองสัปดาห์ต่อมา การประกาศผลโควตาของแต่ละมหาวิทยาลัยที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ซึ่งมันจะเป็นจุดเปลี่ยนผัน และผ่อนคลายความตึงเครียดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาบางคนอาจจะสมหวังบางคนอาจจะผิดหวัง ระคนแตกต่างกันไปตามแต่ความถนัดและความสามารถของแต่ละคน

ต้นข้าว สายฟ้า และทิวไผ่ต่างก็รอคอยอย่างเช่นเพื่อน ๆ ทุกคน เมื่อถึงวันประกาศผลโควตา ต้นข้าวจดจ่ออยู่กับการเปิดเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยที่ตนสมัครไว้และลุ้นผลอย่างใจจดใจจ่อ โดยมีเกศสินีผู้เป็นมารดายืนให้กำลังใจลูกชายสุดที่รักของหล่อนอยู่ข้าง ๆ

“เย้! ต้นทำได้ครับแม่ ต้นทำได้ ต้นเอนท์ติดครับ” ต้นข้าวร้องออกมาอย่างดีใจและโผเข้าสวมกอดมารดา เธอกอดตอบลูกชายสุดที่รัก อย่างดีใจไปกับความสำเร็จในขั้นต้นของบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของครอบครัว

“จ้า ลูกชายหม่ามี้เก่งมาก ๆ เลยค่ะ” พูดจบเกศสินีก็หอมที่ข้างแก้มลูกชายสุดที่รักคนเดียวของเธอฟอดใหญ่
“เดี๋ยว ต้นโทรหาสายฟ้าก่อนนะครับ” ต้นข้าวผละจากมารดา แล้วรีบกดโทรศัพท์หาเพื่อนรักของเขาทันที 
“แม่ครับ สายฟ้าติดแพทย์ครับแม่ เย้ ! ต้นจะมีเพื่อนเป็นหมอแล้ว ดีใจจังเลย” ต้นข้าวพูดกับมารดาอย่างตื่นเต้น เมื่อคุยโทรศัพท์กับเพื่อนเสร็จ

“เดี๋ยวต้น ลงไปบอกพ่อก่อนนะครับ” ต้นข้าวดีใจเหมือนกับเด็กที่ได้ในสิ่งที่ตนเองคาดหวังและถูกใจอย่างที่สุด
“พ่อค้าบ...ต้นติดโควตานิติด้วยล่ะ” ต้นข้าวพูดอย่างอารมณ์ดีเข้าไปสวมกอดบิดาที่นั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก
“จริงเหรอ ลูก” อรรณพถามลูกชาย

“จริงครับพ่อ สายฟ้าเพื่อนผมติดแพทย์ด้วย ต้นจะได้มีเพื่อนเป็นหมอกับเค้าแล้ว” ต้นข้าวแนบหน้ากับอกของผู้เป็นบิดา

“หึหึ ลูกพ่อเก่งจัง ไอ้เจ้าเพื่อนเราก็ใช่ย่อย งั้นก็ตั้งใจเรียนด้วยกันล่ะ จะได้นำความรู้ที่ได้มาพัฒนาสังคม และประเทศของเรา” อรรณพสั่งสอนลูกชายอย่างรักใคร่ โดยที่มีสายตาของเกศสินีจ้องมองมาที่สองพ่อลูกอย่างเอ็นดู

...

วันรุ่งขึ้นต้นข้าวเดินทางไปโรงเรียนอย่างสดชื่น และเบิกบานอย่างสุดๆ ต้นข้าวเข้าสวมกอดเพื่อนรักทันทีที่เจอหน้า พร้อมแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน ซักพักต้นข้าวก็ตีหน้าเศร้า จนสายฟ้าอดสงสัยไม่ได้
“นี่นายติด เพื่อนติด แล้วเศร้าอะไรล่ะเนี่ย” สายฟ้าถามเพื่อนรักที่อารมณ์แปรปรวนจนเขากำลังปรับอารมณ์ตามไม่ถูก

“ก็ต่อไปนี้ เราก็จะไม่ได้เรียนด้วยกันแล้วสิ คิดดูแล้วมันน่าใจหายนะ เคยเรียน ด้วยกันมาตั้งหกปี อยู่ ๆ ก็จะต้องมาแยกกัน” ต้นข้าวพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

“เอาน่า อย่าคิดมากสิ เราก็เรียนที่มหาวิยาลัยเดียวกันนี่นา เพียงแต่คนละคณะเท่านั้นเอง ไม่ได้ไปเรียนไกลกันที่ไหนซะหน่อย อีกอย่าง ปีหนึ่งก็เรียนวิชาพื้นฐานด้วยกันด้วย” สายฟ้าพูดปลอบเพื่อน แต่ความคิดแวบหนึ่งก็ให้ใจหายเพราะต่อไปเขาจะไม่ได้ใกล้ชิดทิวไผ่ คนที่เขาแอบชอบตั้งแต่แรกพบอีกต่อไปแล้ว

“เอ้อ มันก็จริงเนอะ จะเศร้าทำไม บ้านเราก็อยู่ในตัวเมืองเหมือนกัน เรียนก็ที่ ม. เดียวกัน ปะ งั้นเราไปฉลองกัน ดีกว่า โย่ว...” ต้นข้าวกลับมาลิงโลดอีกครั้ง จนสายฟ้าส่ายหัวอย่างปลง ๆ ในความแปรปรวนของเพื่อน

“อืม ชวนไผ่ไปฉลองด้วยกันสิ” สายฟ้าเสนอ แบบหยั่งท่าทีของต้นข้าว

“อ้าว หน้าอย่างไอ้หมอนั่นมันติดด้วยเหรอ คณะอะไรล่ะ หวังว่าไม่ใช่คณะเดียวกับเรานะ ถ้าใช่มีหวังเราสละสิทธิ์ แน่ ...แต่ถึงยังไงเราก็ไม่ไปฉลองกับนายนั่นเด็ดขาด” ต้นข้าวพูดใส่อารมณ์อย่างจริงจัง

“ไม่รู้สิ ว่าคณะอะไร แต่สายเดียวกับนายแหละ โอเค ไม่ชวนก็ไม่ชวน งั้นไปกันสองคนนี่ล่ะ”

สายฟ้าตัดสินใจไม่บอกความจริงเมื่อต้นข้าวยื่นคำขาดแบบนั้น เพราะเขาเองก็ไม่อยากให้เพื่อนรักของเขาต้องสูญเสียในสิ่งที่รักและกำลังจะได้มันมาอยู่แค่เอื้อม ‘อะไรจะเกิดต่อไปค่อยว่ากันทีหลัง เฮ้อ...’ สายฟ้าปรารภกับตัวเองอย่างหนักใจ


“เอ้อต้น อาทิตย์หน้าคณะเรากับคณะนายนัดตรวจร่างกายและสัมภาษณ์วันเดียวกันนี่นา ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลใน ม. วันเดียวกัน ส่วนสัมภาษณ์ที่คณะของตัวเองในวันถัดไปน่ะ” 

สายฟ้าชวนต้นข้าวคุยระหว่างพักรับประทานอาหารกลางวัน

“อืม งั้นเราก็ไปด้วยกันเลยสิ เจอกันที่หน้าโรงเรียนละกันนะวันนั้นน่ะ ต้องนั่งรถเมล์ออกไปที่ ม. เกือบยี่สิบกิโลฯ เลย” ต้นข้าวนัดแนะกับเพื่อนรักของเขา


อีกสองอาทิตย์ต่อมา สายฟ้ามายืนรอต้นข้าวตามนัดหมายอยู่ที่ป้ายรถเมล์รอบเมืองตั้งแต่เช้าตรู่

“ฟ้ารอนานไหม เราขอโทษนะที่มาสาย” ต้นข้าวลงรถเมล์อีกสาย แล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาหาเพื่อน

“ไม่เป็นไรหรอก เราก็พึ่งมาถึงเมื่อกี้เองเหมือนกัน เหลือเวลาอีกตั้ง ชั่วโมงครึ่งกว่าจะถึงกำหนดนัดตรวจร่างกาย นั่งรถออกไป ม. ไม่เกิน 30 นาทีหรอก” สายฟ้าตอบต้นข้าว

“นั่นรถเมล์สาย 12 มาพอดี งั้นเราไปกันเถอะ ไปรอที่หน้าตึกโรงพยาบาลดีกว่า” ต้นข้าวเสนอ

“เดี๋ยวสิ รอไผ่ก่อน” สายฟ้าตอบ พลางมองหาทิวไผ่ที่ยังไม่มาตามนัดหมาย

“นี่ นายอย่าบอกนะว่านัดนายนั่นมาด้วยน่ะ ฟ้านายนัดนายนั่นโดยที่ไม่บอกเราก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วนะ ทำไมนายไม่เห็นเราเป็นเพื่อนอีกต่อไปแล้วใช่ไหม”

ต้นข้าวต่อว่าสายฟ้าอย่างขุ่นเคืองเมื่อรู้ว่าเพื่อนรักของเขานัดทิวไผ่ไว้ด้วย

“นี่ต้นมีเหตุผลหน่อยสิ ไผ่เค้าไม่ใช่คนพื้นที่เหมือนเรา เค้าพึ่งมาอยู่ใหม่ นั่งรถเมล์ออกไป ม. ไม่ถูกน่ะ” สายฟ้าตอบแบบเลี่ยง ๆ เพราะเมื่อต้นข้าวโกรธแล้วการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่เป็นผลดีแน่ ๆ ซึ่งเขารู้นิสัยเพื่อนคนนี้ดี
“โตเป็นควาย ไปไม่ถูกให้มันรู้ไปสิ อายเด็กอนุบาลรึเปล่า เด็กมันยังนั่งรถเมล์เป็นเลย” ต้นข้าวยังไม่หายหงุดหงิด เพราะรอใครไม่รอยิ่งมารอคนที่ไม่เคยพูดดีด้วยเลย ตั้งแต่รู้จักกันมา

“อ้าวนั่น ไผ่มาพอดีเลย” สายฟ้า พูดขึ้น

“แหม นายนั่นสำคัญกว่าเพื่อนคนนี้แล้วสิ” ต้นข้าวตัดพ้ออย่างไม่พอใจนัก

“ฟ้า ต้น เราขอโทษด้วยที่ให้รอนาน รถเมล์สายบ้านเราขาดคิวน่ะ เลยช้า ขอโทษนะครับ” ทิวไผ่พูดอย่างรู้สึกผิด และเหนื่อยหอบที่วิ่งลงรถมา

“ไม่เป็นไรหรอกครับ อีกตั้งชั่วโมงกว่า ยังทันน่า.... ไผ่ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ” สายฟ้าพูด

“ไม่เป็นไรได้ยังไง รู้ไหม การรอนายทำให้เราตกรถเมล์ที่จะไป ม. ไปแล้ว” ต้นข้าวหันมาต่อว่าต่อขานทิวไผ่ชนิดที่ว่าได้ทีขี่แพะไล่

“ก็เราขอโทษแล้วไง ถ้ารีบนักทำไมไม่ไปก่อนล่ะ มายืนรอเราทำไม ไม่ได้จ้างให้รอซักหน่อย” ทิวไผ่สวนกลับคนปากร้ายกลับมาอย่างทันควัน

“เฮ้ย...เพลา ๆ กันหน่อยได้ไหม กัดกันอยู่นั่นแหละ ต้นก็นะ ไผ่เค้าไม่ตั้งใจมาสายหรอกนะ แล้วรถเมล์ ไป ม. ใช่ว่าจะมีคันเดียวเสียเมื่อไหร่ ไม่ถึง 30 นาที ก็มาแล้ว”

สายฟ้ายื่นตัวเข้าห้ามศึกตามเคย เมื่อสองคู่กัดมาเจอกัน จนมันกลายเป็นหน้าที่ของเขาไปโดยปริยายเสียแล้ว

“พูดแบบนี้เข้าข้างกันใช่ไหม” ต้นข้าวพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

“นั่นรถมาแล้ว จะไปไหมถ้าไม่ไปคันนี้ไปไม่ทันเวลานัดตรวจร่างกายแน่ ๆ” สายฟ้าพูดขึ้นและกวักมือโบกรถให้จอดแล้วเดินขึ้นรถไป ทิวไผ่ผายมือให้ต้นข้าวเดินขึ้นรถไปก่อนอย่างสุภาพบุรุษ แต่ต้นข้าวยืนหน้าหงิกหน้างอกระเง้ากระงอดจะไม่ยอมขึ้นรถง่าย ๆ

“นี่คุณชายค้าบ จะให้ผมอุ้มขึ้นรถไหม” ทิวไผ่พูดแล้วทำท่าจะเดินเข้าไปหา ต้นข้าวจึงได้ก้าวเดินไปขึ้นรถอย่างขัดใจ

ตลอดทางทั้งสามหนุ่มไม่ได้พูดคุยกันเลย ต้นข้าวก็ได้แต่นั่งหน้างอมาตลอดทาง  รถเมล์วิ่งเข้าประตูหน้า ม. มา และจอดตรงข้ามทางเข้าโรงพยาบาลภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 100 เมตร    หรือต้องข้ามถนนไปนั่งรถไฟฟ้าที่วิ่งภายในมหาวิทยาลัย

ที่หน้าโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยเป็นที่ตั้งของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพ มีรุ่นพี่ของแต่ละคณะมาคอยต้อนรับน้อง ๆ คณะตัวเองที่เดินทางมาตรวจร่างกายในวันนี้เป็นจุด ๆ 

สายฟ้าขอตัวจากต้นข้าวและทิวไผ่ก่อนจะแยกไปพบรุ่นพี่คณะแพทยศาสตร์และลงชื่อก่อนเข้าไปตรวจร่างกาย ซึ่งต้องไปฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ ถึงขั้นตอนต่าง ๆ ในการตรวจร่างกายที่ห้องประชุมเอกาทศรถชั้น 4 ของโรงพยาบาล

สายชลนิสิตแพทย์ปี 2 หนุ่มหน้าตี๋สวมแว่นที่เข้ากับใบหน้าหล่อเหลากำลังง่วนอยู่กับการลงทะเบียนรายชื่อของน้อง ๆ ที่มาตรวจร่างกายในวันนี้ หนุ่มน้อยร่างเล็กหน้าหวานเดินเข้าไปหากลุ่มรุ่นพี่ที่ยืนชูป้ายเรียกน้อง ๆ สาขาแพทย์อยู่ด้านหนึ่งของลานหน้าโรงพยาบาล
 
“น้อง คณะแพทย์ใช่มั้ยคะ” เสียงใส ๆ ของรุ่นพี่สาวสวยคนหนึ่งกล่าวทักทายสายฟ้า

“ครับพี่ สวัสดีครับ” สายฟ้ากล่าวตอบ แล้วยกมือไหว้สวัสดีทักทายรุ่นพี่ก่อนที่รุ่นพี่สาวสวยจะแนะนำให้ไปเข้าแถวลงทะเบียนกับกลุ่มเพื่อน ๆ

“เอ่อ น้องคนต่อไปชื่ออะไรครับ” สายชลเอ่ยถามรุ่นน้องที่ยืนรอลงทะเบียนนอยู่ตรงหน้า

“เศกพิภพ สิทธินนทกานต์ ครับ”

เสียงเพราะ ๆ นุ่ม ๆของหนุ่มน้อยหน้าหวานวิ่งตรงเข้าสู่โสตประสาทของคนฟังจนจับใจ สายชลเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของต้นเสียงนุ่มลึกมีเสน่ห์นั่นทันที หนุ่มน้อยหน้าหวานส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร จนคนตรงหน้าแทบละลายเหมือนกับน้ำแข็งในเตาอบก็ไม่ปาน สายชลหลงใหลหนุ่มร่างเล็กคนนี้เสียแล้ว เด็กคนนี้ชั่งน่ารักน่าทะนุถนอมเสียเหลือเกิน เขาจ้องมองสำรวจใบหน้าใส ๆ ไร้ริ้วรอยนั้นอย่างลืมตัว

หนุ่มน้อยเซ็นชื่อเสร็จ และเงยหน้าขึ้นก็ต้องหน้าแดงกร่ำเมื่อพบว่าถูกสายตาของรุ่นพี่จ้องมองอยู่

“พี่ครับ ๆ เสร็จแล้วครับ” เสียงเรียกของสายฟ้าทำให้สายชลตื่นจากภวังค์ และเอามือเกาศีรษะแก้เก้ออย่างอาย ๆ

“เอ่อ ขอโทษครับ พี่ลืมตัวเหม่อไปหน่อย เรียกพี่น้ำก็ได้ครับ น้อง.....”

“สายฟ้าครับ เรียกฟ้าเฉย ๆ ก็ได้ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับพี่” สายฟ้าพูดแนะนำตัวกับรุ่นพี่ รุ่นพี่ที่นั่งอยู่โต๊ะลงทะเบียนอีกคนเขียนชื่อเล่นใส่ป้ายกระดาษสำหรับแขวนคอยื่นส่งให้หนุ่มร่างเล็ก

“เฮ้ย น้อง พี่ไม่รับประกันนะว่าฝากเนื้อฝากตัวกับไอ้น้ำนี่น้องจะเหลือครบสามสิบสองรึเปล่า เพราะเดี๋ยวจะโดนมันแทะโลมแทะเล็มไม่เหลือแม้แต่กระดูกน่ะสิ พี่ว่า ฮ่าฮ่าฮ่า”
 
เสียงเพื่อนสาวในคณะแซวสอดแทรกขึ้นระหว่างการสนทนา เล่นเอารุ่นพี่รุ่นน้องอายกันไปตาม ๆ กัน

“นี่แซวอะไร เห็นมั้ยน้องเค้าอายหมดแล้ว เอ๊อ...แกนี่” พูดปรามเพื่อนจบ สายชล ก็พูดแนะนำหนุ่มน้อยหน้าหวานโดยเทคแคร์ดีเป็นพิเศษ เพราะหนุ่มน้อยหน้าหวานผู้นี้ได้ขโมยหัวใจเขาไปซะแล้ว จนเพื่อน ๆ ต้องแซวเป็นระยะ ๆ ก่อนที่สายฟ้าจะขอตัวแยกไป ลงทะเบียนผู้มาตรวจร่างกายกับเจ้าหน้าที่ภายในอีกต่อหนึ่งและรอฟังคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่ ที่ห้องประชุมชั้น 4 ของโรงพยาบาล

...

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
เรื่องนี้ท่าทางจะต้อง "ตบจูบ" ซะแล้วล่ะมั้ง o3

งั้นขอแนะนำไผ่นะว่า "อย่างนี้ต้องปล้ำ"  :laugh3: :laugh3: :laugh3:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ในที่สุดสายฟ้าก็เจอสายชล จะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มเรื่องรักสามเส้าระหว่าง ทิวไผ่กับต้นข้าวแล้ว อิอิ

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ N o R n A e

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
บรรยากาศคุ้นๆ อ่ะ เหมือนสถาบันเก่าไงมะรุ

ทั้งรถเมล์สาย 12, โรงบาล, สถาบันวิทยาศาสตร์สุขภาพ, รถไฟฟ้า
 o8 o8

ถ้าใช้ก้อดี   o13 เป็นรุ่นน้องมหาลัย

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
สายชล คู่กะ สายฟ้าาาาา

วี้ดวิ้ววว

 :o9:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ สายฟ้าเจอสายชลแล้ว  :like6:
ปล่อยคู่นั้นเขากัดกันต่อไปเถอะ  :try2:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ว่าแล้วสายฟ้าต้องมีคู่ :teach:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
ต้นกับไผ่นี่จะทะเลาะกันอีกนานมั้ยน้อ :onion_asleep:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อสายฟ้าแยกตัวออกไปพบรุ่นพี่คณะของตนแล้ว ต้นข้าวก็เดินแยกไปหากลุ่มรุ่นพี่คณะนิติศาสตร์ของตนเช่นเดียวกัน

“นี่ นายเดินตามเรามาทำไม” ต้นข้าวพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทิวไผ่ก็กำลังเดินตามหลังตัวเองมา

“เปล่านี่ ใครตามนาย เราก็จะไปคณะเราสิ” ทิวไผ่ย้อน

“น้อง ๆ คะ คณะนิติฯ ใช่มั้ยคะ” เสียงสาวรุ่นพี่คนหนึ่งพูดทักทายขึ้น

““ครับ”” สองหนุ่มตอบสาวรุ่นพี่ไปเกือบจะเป็นเสียงเดียวกัน

““เฮ้ย อย่าบอกนะว่านาย....”” หนุ่มหน้าหล่อเข้ม กับหนุ่มหน้าใสร่างบางจ้องมองหน้ากันและพูดขึ้นเกือบจะพร้อมเพรียงกันเป็นครั้งที่สอง และสะบัดหน้าหนีจากกันทันทีที่พูดจบ
เล่นเอาสาวรุ่นพี่คนถามและบรรดารุ่นพี่ทั้งหลายในคณะถึงกับ งง กับที่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าจนสองหนุ่มกลายเป็นเป้าสายตาทุกคู่ในบริเวณนั้นไปเสียแล้ว

“เอ่อ น้องคะ น้องเล่นอะไรกันคะ พี่งงนะคะ” สาวรุ่นพี่พูดเสียงเจื่อน ๆ พลางยกมือขึ้นเกาหัวอย่างงงสุดขีด
สองหนุ่มยังไม่หันหน้ามามองกันและกัน จนพี่ ๆ ทำอะไรไม่ถูก

“นี่ น้อง ๆ มาจากโรงเรียนเดียวกันนี่คะ เอางี้ ไปลงทะเบียนกับพี่ฝ่ายทะเบียนก่อนนะคะ” รุ่นพี่สาวคนเดิมเสนอแนะทางออกเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้น ‘มาจากโรงเรียนเดียวกันไหงกัดกันยังกะแมวงี้วะ’ รุ่นพี่สาวคิดอย่างมึนงงไม่หาย

หลังจากลงทะเบียนเสร็จ น้อง ๆ ทุกคนก็ต้องเข้าไปลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่รับตรวจร่างกายก่อนไปนั่งรอฟังคำอธิบายแนะนำขั้นตอนการตรวจร่างกายในห้องประชุมรวมกันที่ชั้น 4 ทุกเอกทุกคณะโดยพร้อมเพรียงกัน โดยการแยกนั่งเป็นคณะ เพื่อง่ายในการจัดการ และจะมีการแจกแบบสอบถามและแบบขอเปิดใช้บัตรสวัสดิการนิสิตไปด้วย

“นี่นายเลือกเรียนกฎหมายตามเราทำไมไม่ทราบจะตามราวีกันไปถึงไหน” ต้นข้าวแหวใส่ทิวไผ่ทันทีแบบไม่ยั้ง

“นี่คุณชายครับ ผมเลือกตามคุณตอนไหนไม่ทราบ อีกอย่างผมมีสิทธิเสรีภาพของผมตามรัฐธรรมนูญ ที่จะสามารถเลือกเรียนอะไรก็ได้ ทำไมต้องตามชาวบ้านด้วยโดยเฉพาะนาย มีเหตุผลอะไรที่จะต้องตาม แล้วอีกอย่างนะ พ่อผมเป็นตำรวจผิดด้วยหรือที่ผมจะเลือกเรียนกฎหมาย… แล้วนายล่ะ” ทิวไผ่ตอบกลับอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ

“เราก็มีสิทธิของเราเหมือนกัน เราชอบกฎหมายเราก็เลือกเรียนกฎหมาย ทำไม มีปัญหาอะไร”

“เปล๊า” ทิวไผ่พูด และทำหน้ายียวน

เมื่อฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่แล้ว เจ้าหน้าที่ก็ให้เด็ก ๆ แยกย้ายกันออกมาโดยเรียกเป็นคณะไป เพื่อความสะดวก ขั้นตอนแรกทุกคนชำระค่าตรวจร่างกายคนละ 450 บาท แล้วรับอุปกรณ์ที่จะใช้ในการตรวจร่างกาย 1 ชุด ประกอบด้วย หลอดใส่เลือด 1 หลอด หลอดทดลองขนาดเล็กอีก 1 หลอด แก้วสำหรับใส่ปัสสาวะ 1 หลอด และถาดรองอุปกรณ์
มีการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง เอ็กซเรย์ปอดและทรวงอก เก็บตัวอย่างปัสสาวะ วัดสายตา วัดความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ เจาะเลือด และพบแพทย์เป็นขั้นตอนสุดท้าย ดูเหมือนการเจาะเลือดจะเป็นด่านและขั้นตอนที่หลายคนแหยงที่สุด เพราะว่ามีหลายคนเป็นลมล้มพับ บ้างก็ร้องไห้โฮ ยังกับเด็ก ๆ บ้างหน้ามืดตาลายแตกต่างกันไปไม่เลือกหญิงหรือชาย

ทิวไผ่กลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก ขณะที่เข้าแถวรอเจาะเลือดอยู่ ซ้ำยังเห็นเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนเกิดอาการหน้ามืด เป็นลมบ้าง ร้องไห้บ้าง เพราะเขาเองก็กลัวเข็มฉีดยาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
‘เอาวะ ไอ้ไผ่แกต้องสู้จะใจเสาะไม่ได้ คนเยอะแยะมากมายขืนเป็นไรขึ้นมาได้อับอายขายหน้าเค้ากันหมดพอดี’ ทิวไผ่ปรารภให้กำลังใจตัวเอง ขณะที่ใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำเพราะใกล้จะถึงคิวตัวเองแล้ว

ทิวไผ่นั่งลงตรงหน้าเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นพยาบาลสาวสวย ที่กำลังส่งยิ้มให้หนุ่มหน้าเข้มอย่างเป็นกันเอง
ดูเหมือนพยาบาลสาวสวยจะรู้อาการตื่นเต้นของหนุ่มน้อยหน้าคมเข้มที่นั่งอยู่ตรงหน้า

“ไม่ต้องเครียดนะคะ นิดเดียว แค่มดกัดเอง” เธอพูดให้กำลังใจและเพื่อเป็นการผ่อนคลายความเครียด

“ยื่นแขนมาให้พี่สิคะ” เธอพูดยิ้ม ๆ เมื่อทิวไผ่นั่งตัวแข็งทื่อ ทิวไผ่วางแขวนพาดไปบนโต๊ะ พยาบาลสาวจับวัดชีพจร และรัดสายรัดที่ต้นแขนเพื่อหาเส้นเลือดดำที่แขนพับ

“ใจเต้นแรงเชียวนะหนุ่มน้อย” เธอพูดเย้าแหย่อย่างอารมณ์ดีพลางตบที่ต้นแขนเบา ๆ เพื่อกระตุ้นเส้นเลือดให้ชัดเจน แล้วก็เอาสำลีชุบแอลกอฮอล์มาเช็ดทำความสะอาดที่เส้นเลือดบริเวณแขนพับที่จะทำการเจาะ ความเย็นของแอลกอฮอล์ทำเอาทิวไผ่ขนลุกซู่ไปทั้งสรรพางค์

แล้วทันใดนั้นพยาบาลสาวสวยก็หยิบเอาเข็มฉีดยาขนาดเขื่องเสียบต่อเข้ากับเซริ้ง ขนาด 5 ซีซี เธอถอดปลอกเข็มออกปลายเข็มแหลมคมปรากฎแก่สายตาทิวไผ่ เหมือนกับว่ามันกำลังวิ่งชนหัวใจเขาจนเจ็บแปลบไปทั้งตัว จนต้องหันหน้าหนี เขากำมือแน่นใจสั่นรัว

“อย่าเกรงค่ะ น้อง ไม่เจ็บนะค้า นิดเดียวเอง มดกัดจริง ๆ ถ้าเกร็งมาก ๆ พี่เจาะไม่ได้นะ เดี๋ยวเข็มหัก อีกอย่างเดี๋ยวเลือดไหลไม่หยุดนะคะ”
พยาบาลสาวพยายามปลอบใจให้หนุ่มน้อยหน้าคมเข้มให้หายกลัว เมื่อทิวไผ่ผ่อนคลายลง เข็มฉีดยาขนาดเขื่องนั้นก็ปักลงที่เส้นเลือดของเขาทันที จนเจ้าตัวสะดุ้งเฮือก เลือดสด ๆ ถูกดูดออกจากร่างกายอย่างช้า ๆ จนเต็มเซริ้ง พยาบาลสาวจึงกดบาดแผลด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์ ก่อนที่จะดึงเข็มและสายรัดออก แล้วปิดพลาสเตอร์ให้
“เสร็จแล้วค่ะ ที่นี่เรารับบริจาคโลหิตนะคะ เชิญได้ตามสะดวกค่ะ” เธอพูดยิ้ม ๆ แล้วหันไปฉีดเลือดเก็บไว้ในหลอดสุญญากาศสำหรับเก็บตัวอย่างเลือด

“ขนาด 5 ซีซี ยังแย่เลยครับพี่ แล้วบริจาคเลือด 300 ซีซี ผมจะไหวเหรอ” ทิวไผ่พูดแกมหยอกกับพยาบาลสาว
“แหม พ่อหนุ่ม ตัวออกโต หุ่นล่ำสูงใหญ่ขนาดนี้ กลัวเข็มฉีดยา ไม่อายสาว ๆ เหรอจ๊ะ” พยาบาลสาวกระเซ้ายิ้ม ๆ จนทิวไผ่หน้าเจื่อนอย่างอาย ๆ

ทิวไผ่รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเหตุการณ์ตื่นเต้นหวาดเสียวในชีวิตของเขาได้ผ่านพ้นไป แต่ก็รู้สึกได้ว่าตัวเองเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวเสียแล้ว ทั้งที่ภายในห้องเปิดแอร์คอนดิชั่นเย็นฉ่ำ  พลันเหลือบไปเห็นสายตาแหลมคมคู่หนึ่งของใครบางคนมองอย่างยิ้มเยาะเข้าอย่างจัง ทิวไผ่มองตอบอย่างไม่ยอมละสายตา

“อาร๊าย คนเรา ตัวโตยังกับควาย กลัวเข็มฉีดยา” ต้นข้าวพูดลอย ๆ ขึ้นมาเมื่อทิวไผ่เดินผ่านเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำ
“ซ่านัก เดี๋ยวเจอจิ้งจกจากห้องน้ำโรงพยาบาลหรอก คอยดูซิว่า จะกรี๊ดลั่นโรงพยาบาลขนาดไหนแล้วใครจะน่าอายกว่ากัน หึหึ” ทิวไผ่กัดฟันพูดขู่สำทับหนุ่มร่างบางที่แอบกัดเขาก่อน จนต้นข้าวรู้สึกสะดุ้งนิด ๆ เพราะกลัวว่าทิวไผ่จะทำอย่างที่พูดจริง ๆ


...

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
คณะเดียวกันซะด้วยวุ้ย :laugh3:

คงจะอีกไม่นานแล้วม้างเนี่ย o3

abcd

  • บุคคลทั่วไป
อยู่คณะเดียวกันซะด้วย ฟ้าคงส่งต้นข้าวมาให้ทิวไผ่ไว้เปงคู้รักคู่กัดกันแน่ๆเยย  :o9:  แต่สงสัยว่าเราจะเข้าใจผิดมะใช่ฟ้าซะหน่อยแต่เป็นคนแต่งตะหาก   :laugh:




กานต์สู้สู้น๊า.. o13

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
จะมีการฆ่ากันตายใน มหาลัยมั้ยเนี้ยยยยย :laugh3:

ยิ่งอ่านยิ่งมันวุ้ย o7

ขอบคุณที่มาต่อนะงับ o15

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
รู้จุดอ่อนของกันและกันแล้ว  :laugh:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เหอ เหอ คณะเดียวกัน เรียนด้วยกัน จะรอดเร้อออ  o18

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อ เหนื่อยจาย
เมื่อไหร่จะร๊ากกกกกก...กันอ่ะ
 :sad4:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ  ยังคงเป็นกำลังใจให้เสมอครับ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ยิ่งเกลียดเธอ ยิ่งเจอรัก

 :o10:

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
หลังจากตรวจร่างกายเสร็จ ก็ลงทะเบียนจองหอพักและจ่ายเงินค่ามัดจำ คนละ 500 บาท แล้วสามหนุ่มออกมาเจอกันที่หน้าตึกโรงพยาบาล เพื่อเดินทางกลับบ้าน และเตรียมตัวมาสัมภาษณ์อีกทีในวันรุ่งขึ้น

“นี่ สายฟ้า นายทำไมไม่บอกเราแต่แรกว่านายนี่ ติดคณะเดียวกับเรา” ต้นข้าวต่อว่าต่อขานเพื่อนรักทันทีระหว่างทางกลับบ้านหลังจากที่ทิวไผ่แยกตัวกลับไปแล้ว

“ก็เราไม่อยากให้นายต้องสละสิทธิ์คณะที่นายชอบเพียงเพราะสาเหตุมาจากความไม่ชอบหน้ากันนี่นา นายมีเหตุผลหน่อยสิ ไผ่เค้าก็มีสิทธิของเค้า นายก็มีสิทธิของนายที่จะเลือกเรียนอะไร เมื่อไหร่พวกนายจะเลิกมีอคติต่อกันซะที” สายฟ้าใช้เหตุผลบวกความรู้สึกเพื่อหว่านล้อมให้เพื่อนรักเข้าใจ

“เราสละสิทธิ์ตอนนี้ยังไม่สายนี่ ถ้ามีนายนั่นเรียนด้วยเราคงไม่มีความสุขในการเรียนแน่ ๆ” ต้นข้าวพูดทีเล่นทีจริง

“อย่านะต้น อย่าทำแบบนี้ มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เราขอร้องล่ะ”

“ไม่รับปาก ขอคิดดูก่อน” ต้นข้าวพูดอย่างคนถือไผ่เหนือกว่า จนสายฟ้าต้องหนักใจเพราะความดื้อรั้นของเพื่อนคนนี้ เขาภาวนาขออย่าให้ต้นข้าวทำอะไรบ้า ๆ ไร้เหตุผลก็แล้วกัน ‘ยังไงพรุ่งนี้ต้องลากต้นข้าวไปสัมภาษณ์ก่อนให้ได้ส่วนวันรายงานตัวค่อยว่ากันอีกที’ สายฟ้าครุ่นคิดอย่างกลัดกลุ้ม

หลังจากสัมภาษณ์เสร็จสิ้นแล้ว อีกหนึ่งเดือนถัดมาก็มีการนัดหมายให้นิสิตใหม่ในรอบโควตาเข้ารายงานตัวและจ่ายค่าเทอม เทอมต้นล่วงหน้าในปีการศึกษาแรก และเป็นจุดเริ่มต้นก้าวแรกของนิสิตใหม่สู่ร่มเสลา เทา-แสด เป็นลูกองค์สมเด็จอย่างเต็มตัว
สายฟ้าต้องหว่านล้อมและพูดเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่าจะสามารถทำให้ต้นข้าวหายงอแง และยอมมารายงานตัว โดยให้เหตุผลว่า ถึงอยู่คณะเดียวกันก็ใช่ว่าจะได้เรียนด้วยกันเสมอไปแบบในสมัยมัธยม เพราะเอกหนึ่งอาจมีหลายเซคชั่นหรือหลายกลุ่มเรียน และชีวิตในมหาวิทยาลัยก็มีความเป็นอิสระมากกว่า จึงใช่ว่าจะมีโอกาสเจอหน้ากันทุกวัน และการเรียนก็ค่อนข้างที่จะเป็นคลาสใหญ่ ดังนั้นทิวไผ่คงไม่ได้มาสร้างปัญหา หรือโผล่หน้ามาให้ต้นข้าวรำคาญใจทุกวันแบบมัธยมหรอก
ถึงมันจะเป็นเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ อยู่บ้าง แต่ก็แปลกที่มันสามารถใช้ได้ผลกับคนที่ค่อนข้างไม่มีเหตุผลและเอาแต่ใจอย่างต้นข้าว แล้วมันจะเป็นอย่างที่สายฟ้าพูดหว่านล้อมให้ต้นข้าวเชื่อจริงหรือ


...

   วันเวลาผ่านไป ไวเหมือนโกหก หลังจากเป็นนิสิตใหม่ของมหาวิทยาลัยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่พวกเขายังเรียนไม่จบหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งยังเหลือภาคเรียนสุดท้ายอีก 1 ภาคเรียน ที่ทุกคนจะต้องเรียนให้จบ เพื่อที่จะไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้อย่างเต็มภาคภูมิ

   เทศกาลวันคริสต์มาส และปีใหม่ผ่านพ้นไป ภารกิจหนึ่งที่ชายชาติทหารจะต้องปฏิบัติภารกิจของตัวเองให้ลุล่วง นั่นคือการเข้าค่ายการฝึกภาคสนามของนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3 โดยจะจัดขึ้นในห้วงเดือนมกราคม ถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี

   ต้นข้าว และสายฟ้าเรียน รด. มาตั้งแต่เริ่มขึ้น ม.ปลาย  ส่วนทิวไผ่ก็เรียน รด.มาจากโรงเรียนเก่าเหมือนกันก่อนที่จะย้ายมาเรียนที่นี่ โดยการฝึกเบื้องต้นของศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ศูนย์ในเมืองจะฝึกสัปดาห์ละหนึ่งวัน คือทุกวันพุธนักศึกษาฯ จะต้องไปฝึกที่ค่ายทหารในเมืองเป็นประจำ หรือฝึกแบบไปเช้าเย็นกลับในห้วงการฝึกที่กำหนดขึ้น แต่ในชั้นปีสุดท้ายคือปี 3 จะมีการเข้าค่ายฝึกภาคสนามในป่าเป็นเวลา 5 วัน ก่อนที่จะจบหลักสูตรและนำปลดประจำการเป็นทหารกองหนุนต่อไป

   โรงเรียนของต้นข้าว ได้รับกำหนดการฝึกในห้วงกลางเดือนมกราคม ค่ายฝึกเป็นป่าและภูเขาซึ่งอากาศค่อนข้างหนาวเย็น เพราะยังเป็นช่วงฤดูหนาวและภูมประเทศเป็นภูเขาสูงและป่าโปร่ง ก่อนจะถึงกำหนดการฝึกอาจารย์ผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารประจำสถานศึกษาได้ประกาศให้นักเรียนที่เป็นนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3 ทุกคน เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับการฝึกจากครูฝึกซึ่งเป็นทหารอาชีพโดยตรงในสภาพเหมือนจริง และการฝึกจะแยก ห้วง นศท.หญิง และชาย ออกจากกันอย่างสิ้นเชิง

   เกศสินีฝากฝังต้นข้าวและสายฟ้าให้ดูแลซึ่งกันและกันให้ดี ๆ เพราะต้องออกจากบ้านไปอยู่ในป่านอนกลางดินกินกลางทรายไม่มีที่นอนนุ่ม ๆ ผ้าห่มอุ่น ๆ หรืออาหารรสเลิศ ถึง 5 วันเต็ม

   ในวันถึงกำหนดเดินทาง อาจารย์ผู้กำกับฯ นัดหมาย นศท.ชั้นปี 3 มารวมพลกันที่โรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะถ้าไปรายงานตัวเข้าค่ายสายจะโดนครูฝึกลงโทษ การเดินทางมีรถจีเอ็มซีมารับถึงโรงเรียน เมื่อทุกคนตรวจตราอุปกรณ์เครื่องใช้และสัมภาระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว รถก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จุดหมาย บรรยากาศยามเช้าในฤดูหนาว สายหมอกยังไม่จางหายไป ตราบใดที่แสงแดดยังไม่สาดส่องลงมา คลื่นความเย็นแทรกซึมเสื้อผ้าชุดฝึกที่ค่อนข้างหนาเข้าสู่ผิวกาย จากกระแสลมปะทะเข้ามาเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็ว ไม่นานนักรถก็วิ่งมาถึงและจอดที่ทางเข้าค่ายฝึก โดยมีครูฝึกมาไล่ลงจากรถและเรียกแถวอย่างฉับพลันจนทุกคนไม่ทันตั้งตัวจึงชักช้าเก้ ๆ กัง ๆ กัน ซะส่วนใหญ่ เมื่อปฏิบัติตามคำสั่งไม่ได้ดั่งใจ การลงโทษจึงเริ่มขึ้น

“หมอบ” เมื่อสิ้นเสียงสั่งของครูฝึก นศท.ทุกคนต้องถลาลงนอนหมอบกับพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีการเรียกแถวใหม่อีกครั้ง โดยครูฝึกจะเปลี่ยนทิศทางการตั้งแถวไปเรื่อย ๆ ทุกคนต้องปฏิบัติตามคำสั่งให้ทันและรวดเร็วที่สุด
ครูฝึกพา นศท. ไปกราบนมัสการ ขอพรเจ้าป่าเจ้าเขา ให้คุ้มครองระหว่างการฝึก ก่อนที่จะมาฟังคำแนะนำในการปฏิบัติ โดยทุกคนต้องแบกกระเป๋าอันหนักอึ้งของตัวเองเดินข้ามเขาสองถึงสามลูก ต้องลัดเลาะไปตามทางเดินป่าแคบ ๆขึ้นเขาลงห้วยเป็นระยะ ๆ แบบแถวตอนเรียงหนึ่งจนกว่าจะถึงค่ายฝึกระยะทาง 2 กิโลเมตรเศษ ๆ โชคดีที่มาถึงกันแต่เช้าแดดยังไม่ร้อนมากนัก จึงไม่เหนื่อยเท่าไหร่
พอถึงค่าย มีการลงทะเบียนรายงานตัว ก่อนที่จะถูกจับแยกเฉลี่ยออกคละกันหลายโรงเรียน เพื่อเข้าสังกัดกองร้อย โดยจะใช้การสุ่มเป็นกลุ่มช่วงเลขที่รหัส นศท.ที่ติดต่อกัน และมันเป็นโชคดีอย่างมากสำหรับสายฟ้า ที่รหัส นศท. อยู่ช่วงเดียวกับทั้งเพื่อนรักและหนุ่มหล่อหน้าเข้มที่ตนแอบปลื้ม แต่มันเป็นทั้งโชคดีและโชคร้ายเสียมากกว่าสำหรับต้นข้าว
พวกเขาอยู่กองร้อยที่ 3 จากนั้นครูฝึกประจำกองร้อยก็พา นศท.ที่แยกกองร้อยแล้วมาจัดหมวด หมู่ ต่ออีกทอดหนึ่ง โดย นศท. ไม่จำเป็นต้องคละโรงเรียนอีกต่อไปในระดับหมวดและหมู่ทั้งสามหนุ่มเลยได้อยู่หมู่และหมวดเดียวกัน จากนั้นมีการจับคู่บั๊ดดี้กัน ก่อนที่ครูฝึกจะแจกจ่ายเป้สนามคนละหนึ่งชุด ซึ่งข้างในประกอบด้วย ผ้าเต็นท์สนาม เข็มขัดสนาม และกระติกน้ำสนาม
ต้นข้าวรีบจับคู่กับสายฟ้าเพื่อนรักของตนทันทีที่มีคำสั่งให้จับคู่บั๊ดดี้ ส่วนทิวไผ่จับคู่กับเพื่อนชายภายในห้องอีกคนหนึ่ง

จากนั้นครูฝึกจะสั่งให้กลางเต็นท์ โดยการนำผ้าเต็นท์ของคู่บั๊ดดี้สองผืนมาประกบติดกันด้วยกระดุมที่ขอบชายผ้า แล้วพาดบนเชือกที่ขึงไว้ระหว่างต้นไม้ ตรึงหมุดที่ชายผ้าเต็นท์กับพื้นดินให้แน่น ปูพื้นภายในเต็นท์ด้วยใบไม้แห้งเพื่อกันความชื้นก่อนปูทับด้วยเสื่อหรือผ้ายางอีกชั้นหนึ่ง
เมื่อกางเต็นท์เสร็จก็มีคำสั่งให้ขนสัมภาระเข้าเต็นท์ ก่อนที่ครูฝึกจะเรียกมาฟังระเบียบปฏิบัติประจำวัน(รปจ.) ของวันนี้

การเข้าฝึกแต่ละฐานของ 3 วันแรกจะหมุนเวียนเข้าฝึกเป็นกองร้อย ๆ วนกันไปจนครบแต่ละฐาน เช่น ฐานทดสอบกำลังใจ ฐานยิงปืนด้วยกระสุนจริง ฐานเดินทางไกลด้วยการใช้เข็มทิศ ฐานซุ่มโจมตี ฐานลาดตระเวน เป็นต้น แต่ละฐานจะกระจายกันออกไปตามภูเขาลูกต่าง ๆ กินพื้นที่ทั้งค่ายหลายตารางกิโมเมตร การเข้าฐานฝึกแต่ละฐานใช้การเคลื่อนที่ด้วยการเดินเท้า ถ้าใครร่างกายไม่ฟิตพอก็ลำบากพอดู เพราะต้องเดินตลอดทั้ง 5 วัน เลยทีเดียว ส่วนใน 2 วันสุดท้าย จะเป็นการฝึกกระบวนทัพทางยุทธวิธีในการเข้าตีกลางวัน-กลางคืน และตั้งรับ-ร่นถอย กลางวัน-กลางคืน ซึ่งจะเป็นการฝึกรวมทุกกองร้อย อาวุธประจำกายของ นศท. ได้แก่ ปืนเล็กยาวรุ่นคุณปู่ ปลย.66 หรือ ปลย.88 สมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 ที่ปลดประจำการแล้ว สำหรับใช้ฝึกโดยเฉพาะ และที่สำคัญโดยที่จะขาดไม่ได้คือช้อนสำหรับกินข้าวนั่นเอง เพราะบางมื้ออาจมีการรับประทานอาหารกันในสนามฝึกตามฐานต่าง ๆ

   วันนี้หลังจากจัดกองร้อย หมวด หมู่ เข้าเต็นท์ที่พักเสร็จเรียบร้อย หลังจากพักรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ กองร้องที่ 3 ของต้นข้าวจะต้องเข้าฝึกในฐานทดสอบกำลังใจในช่วงบ่าย
   เริ่มโดยการแนะนำขั้นตอนการปฏิบัติของครูฝึกประจำฐานและทุกคนโดนจับทาหน้าด้วยฝุ่นพลางจนมอมแมมกันไปหมดส่งเสียงหัวเราะคิกคักกันอย่างอดไม่ได้ เมื่อมองหน้าเพื่อนฝูงแต่ละคน
   ฐานนี้จะคล้าย ๆ กับการเข้าค่ายลูกเสือทั่วไป ซึ่ง นศท. ได้เคยผ่านค่ายลูกเสือมาแล้วในระดับ ม.ต้นจึงไม่มีปัญหาอะไรมากนัก เช่น การไต่สะพานเชือก ข้ามสิ่งกีดขวาง บ่อทราย ข้ามกำแพงสูง เป็นต้น แต่จะเพิ่มความลำบากเข้าไปเพื่อทดสอบความพร้อมและกำลังใจของ นศท. ที่เข้ารีบการฝึก และจะมีการฝึกที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ
   ด่านสะพานเชือก ก็มีนศท. หลายคนที่ทรงตัวไม่ดีพลัดตกจากสะพานเชือกหลายคน สายฟ้าและต้นข้าว 2 หนุ่ม ร่างน้อยผู้บอบบางก็ผ่านมาได้อย่างทุลักทุเล
ส่วนการข้ามกำแพงสูงระดับ 3 เมตร จะใช้วิธีการให้ นศท. 2 คน ยืนหันหน้าเข้าหากัน ประสานมือ คอยส่งเพื่อนขึ้นไปบนกำแพง แล้ว ให้ 2 คนที่ขึ้นไปก่อน นั่งคอยดึงเพื่อนอยู่ด้านบน การกระโดดลงจากกำแพงต้องมีจังหวะไม่งั้นจะเท้าเคล็ดเท้าแพลงได้ หรือไม่ก็ก้นจ้ำเบ้าจุกไปทั้งตัวเลยทีเดียว
สายฟ้าข้ามกำแพงขึ้นไปก่อนต้นข้าวโดยมีทิวไผ่คอยรับมืออยู่ข้างบน ส่วนต้นข้าวเป็นคนสุดท้ายที่เพื่อนที่อยู่ข้างล่างจะช่วยส่งขึ้นไปบนกำแพง ในตอนแรกต้นข้าวก็ทำท่าอิดออดที่มีทิวไผ่คอยรับอยู่ด้านบน แต่ก็กลัวครูฝึกทำโทษจึงยอมขึ้นไปแต่โดยดี

“ส่งมือมาสิ” ทิวไผ่บอกต้นข้าวพร้อมยักคิ้วให้ นัยน์ตาเปล่งประกายอย่างมีเลศนัย จนคนร่างบางลังเลใจกลัวว่าจะโดนแกล้ง แต่ก็ต้องยอมส่งมือให้ทิวไผ่ เจ้าของใบหน้าใส ๆ ที่ตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยผงฝุ่นพรางสีดำเหมือนถ่าน แต่ก็ยังเหลือเค้าหน้ารูปงามนั้นให้ชวนมองอยู่ ส่งมือให้หนุ่มหน้าเข้มดึงมือนุ่ม ๆ ของเขาขึ้นไปบนกำแพงโดยมีเพื่อนอีก 2 คนด้านล่างช่วยส่งขึ้นไปได้สำเร็จ

“ขอบใจ” ต้นข้าวพูดห้วน ๆ โดยไม่ยอมมองใบหน้าหล่อเหลาที่เปื้อนฝุ่นผงสีดำนั้นเช่นกัน

“พูดเพราะ ๆ หน่อยสิ คนอุตส่าห์ช่วยเหลือ” ทิวไผ่ตอบกลับโดยที่มือแกร่งนั้นยังกอบกุมมือนุ่ม ๆ ของต้นข้าวไว้โดยไม่ยอมปล่อย จนหนุ่มร่างบางพยายามแกะมันออก

“เพราะแล้ว จะให้พูดยังไงอีก ปล่อยซะทีสิ” เมื่อเห็นทิวไผ่ไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยง่าย ๆ ต้นข้าวจึงหุนหันกระโดดลงจากกำแพงสูง 3 เมตร นั้นโดยทันที ทิวไผ่จึงรีบปล่อยมือ แต่ต้นข้าวลงผิดจังหวะทำให้แก้มก้นน้อย ๆ กระแทกพื้นทรายเบื้องล่างอย่างจัง

“โอ๊ย!” หนุ่มร่างบางส่งเสียงร้อง ขึ้นมาพร้อมกับความจุกไปทั่วช่องท้อง สายฟ้ารีบวิ่งเข้ามาพยุงเพื่อนรักอย่างรวดเร็ว พร้อมถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง พอลุกขึ้นยืนได้ต้นข้าวหันควบมองหนุ่มหน้าเข็มตัวต้นเหตุอย่างแค้นเคือง

 “ช่วยไม่ได้ ทำตัวเองนี่นา” ทิวไผ่ทำหน้าเหรอหรา และเบ้ปากตอบ จนต้นข้าวโกรธจัด เดินหนีออกไปจากสถานการณ์ตรงนั้นอย่างหัวเสีย

หลังจากฝึกเสร็จ นศท. ทุกคนก็เดินข้ามเข้าอีกลูกมายังกองร้อยที่พักของตนเองเพื่อรอรับประทานอาหารเย็น ก่อนที่จะแยกย้ายไปอาบน้ำ ที่ห้องน้ำรวมของกองร้อย ที่ใช้สังกะสีกั้นไว้ มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง

“ต้น ปะเราไปอาบน้ำกัน” สายฟ้าชวนเพื่อนหลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ

“นี่มืดแล้วค่อยไปไม่ได้หรอ” ต้นข้าวอิดเอื้อน

“เดี๋ยวครูฝึกเรียกรวม จะไม่ทันน่ะสิ มีเวลารีบไปอาบไว้ดีกว่า ตอนกลางคืนหนาวด้วย” สายฟ้าให้เหตุผล ต้นข้าวจึงยอมไปอาบน้ำพร้อมกับเพื่อนรัก สองหนุ่มเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวไปถึงบริเวณห้องอาบน้ำรวม มีเพื่อน นศท.มาอาบน้ำกันหลายคนทุกคนอยู่ในสภาพเกือบเปลือย เหลือเพียงกางเกงลิงตัวน้อยหรือบ็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น โดยไม่ค่อยมีใครสนใจใคร ต่างคนต่างรีบอาบ มีแต่กลุ่มสาวเทียมที่จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เพื่อนชายอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างสนุกสนาน เด็กหนุ่มบางคนเฮี้ยวหน่อยก็วิ่งไล่หยอกล้อกอดปล้ำให้พวกหล่อนส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดวี้ดว้ายดังลั่นอย่างชอบอกชอบใจ
สองหนุ่มเดินเข้าไปที่มุมหนึ่งแล้ววางอุปกรณ์เครื่องอาบน้ำลงที่ขอบอ่าง และมีเสียงหนึ่งทักทายขึ้น

“อ้าว ฟ้ากับคุณชายต้นก็มาอาบน้ำด้วยเหรอ มาอาบด้วยกันสิครับ” ทิวไผ่ทักทาย แกมแขวะต้นข้าวนิด ๆ ตามเคย
ต้นข้าวและสายฟ้าหันไปมองทางเจ้าของต้นเสียง ทันใดนั้น ต้นข้าวตาเบิกกว้างและหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว สองหนุ่มหน้าแดงก่ำ สายฟ้าเบือนหน้าไปมองทางอื่นเช่นกัน เมื่อเห็นหนุ่มหล่อเหลาหน้าคมเข้มตัวสูงใหญ่ร่างกายกำยำสมสัดส่วนนักกีฬาบาสเกตบอลอยู่ในสภาพเกือบเปลือยเปล่า เรือนกายแข็งแกร่งสวยงามด้วยมัดกล้ามและส่วนโค้งเว้าประกอบกันอย่างลงตัว มีคราบสบู่ติดตามเรือนร่างสวยนั้นอยู่ประปราย ชวนให้จ้องมองอย่างน่าหลงใหล มีเพียงกางเกงในสีขาวตัวบางปกปิดความเป็นชายเอาไว้ แต่เมื่อมันเปียกน้ำจึงเผยความกำยำของส่วนนั้นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่างชัดเจน

“อ้าว ไผ่ก็มาอาบตอนนี้หรอ กลัวว่าถ้ามืดแล้วมันอาจจะหนาว เลยรีบมาอาบกันน่ะครับ” สายฟ้าดูเหมือนจะปรับอาการได้เร็วกว่า เพราะหันไปตอบรับทิวไผ่ก่อนที่จะลงมือล้างหน้าแปรงฟัน

“นี่ทำอะไรอายผีสางเทวดา เจ้าป่าเจ้าเขาบ้างดิ” ต้นข้าวพูดขึ้น หลังจากตั้งสติได้

ทิวไผ่ ทำหน้าสงสัยมึนงง เมื่อเห็นอาการของหนุ่มน้อยหน้าใสสองคนนั้น เขากางแขนออกมองสำรวจตามร่างกายตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติ ที่ทำให้สองหนุ่มนั่นจับผิดสังเกตอยู่หรือเปล่า และแล้วสายตาก็มาสะดุดหยุดลงตรงส่วนกลางลำตัวแข็งแกร่งของเขาเอง พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ทิวไผ่เงยหน้าขึ้นสายตามองมาทางต้นข้าวอย่างมีเลศนัย

“เรื่องแค่นี้ ทำไมต้องอายด้วยล่ะ ผู้ชายด้วยกันใคร ๆ ก็มีเหมือนกันทั้งนั้น รึว่านาย...” ทิวไผพูดอย่างยั่วเย้าหนุ่มหน้าใส
“นายอะไร ถึงยังไงเราก็ดีกว่าคนไร้ยางอายอย่างนายละกันเที่ยวอวดชาวบ้านเค้าไปทั่ว” ต้นข้าวตอบกลับไป

“แหมมีดีก็ต้องโชว์บ้างดิ ปากดีนักนะเดี๋ยวคืนนี้มุดเต็นท์เลยหนิ ระวังตัวไว้เหอะอย่าเผลอหลับละกัน ดูซิจะปากดีอย่างนี้อีกรึเปล่า หึหึ” ทิวไผ่ยั่วยุ หนุ่มหน้าใส คนตรงหน้าของตนอย่างไม่ลดละ

“ถ้าจะมุด ไปเลยเต็นท์แม่พวกสาว ๆ นู่น ลองมามุดเต็นท์เราสิ เดี๋ยวได้โดนคอมแบทหัวแบะแน่” ต้นข้าวตอบโต้

“โหย โหดร้าย” ทิวไผ่ แกล้งพูดพลางทำหน้าหงอ ๆ

“นี่อาบน้ำกันได้แล้ว เดี๋ยวโดนเรียกรวม อาบไม่ทันช่วยไม่ได้นะ มัวแต่เถียงกันอยู่นั่นแหละ” สายฟ้าแย้งขึ้น ในที่สุดก็ตองเป็นหน้าที่ของกรรมการเจ้าเก่าเข้ามาห้ามมวยฝีปากเอกอีกตามเคย

หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วประมาณ 1 ทุ่ม ครูฝึกประจำกองร้อยเรียกรวมเพื่อฟังคำชี้แจงและจัดเวรยามแต่ละผลัดประจำกองร้อย โดยจัดประจำทุกหมวด ผลัดละ 2 คน ยืนยาม 2 ชั่วโมงต่อ 1 ผลัด ก่อนรวมพลทุกกองร้อยที่สนามหญ้า เพื่อรับการอบรมและชี้แจงสรุปผลการฝึกและฟังระเบียบปฏิบัติในวันถัดไปจากผู้พัน ซึ่งเป็นผู้บังคับค่ายฝึกอีกทีหนึ่ง ก่อนที่จะปล่อยให้ นศท. ได้พักผ่อนอิริยาบถหรือคนที่ยังไม่ได้ไปอาบน้ำก็สามารถ ไปอาบได้ แต่ช่วงกลางคืนคนจะน้อยและน้ำเย็นมาก ๆ เพราะหลังจากพระอาทิตย์ตกดินแล้ว บรรยากาศของความเย็นจะคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีการเป่านกหวีดให้เข้านอนกันในเวลา 3 ทุ่ม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด