บรรยากาศระหว่างสองเพื่อนสนิทชั่งดูอึมครึมยิ่งนัก สายฟ้าพยายามมองไปทางโต๊ะที่ต้นข้าวนั่งตลอดเวลา แต่ฝ่ายหลังกลับไม่ยอมมองตอบ มิหนำซ้ำกลับพยายามหลบหน้า ไม่ทัก ไม่คุยด้วย ราวกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนมันทำให้สายฟ้ายิ่งอึดอัดอย่างมาก
‘ต้นข้าว อย่าทำแบบนี้ได้มั้ย เราจะบ้าตายอยู่แล้วนะ’ สายฟ้ารำพึงรำพันกับตัวเอง
หลังเลิกเรียนต้นข้าวเก็บกระเป๋าเดินออกจาห้องไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว ต้น รอด้วยสิ” ต้นข้าวกับเดินจ้ำอ้าวไปอย่างรวดเร็ว จนสายฟ้าตามไปไม่ทัน เห็นแต่หลังไว ๆ ขึ้นรถเมล์ไปแล้ว “เฮ้อ…” สายฟ้าถอนหายใจอย่างอ่อนล้าใจ
‘กริ๊ง....กริ๊ง....กริ๊ง....’ “สวัสดีค่ะ บ้านหทัยรัตนกุลค่ะ เกศสินีกำลังพูดอยู่ค่ะ ขอสายใครคะ”
“หวัดดีครับ คุณแม่...ผมสายฟ้านะครับ ต้นกลับมารึยังครับ”
“อ๋อ หวัดดีจ้ะลูกฟ้า ต้นกลับมาแล้วจ้ะ แต่เห็นขึ้นไปบนห้องแน่ะ เดี๋ยวแม่เรียกให้นะคะ” “ลูกต้น ๆ สายฟ้าเพื่อนลูกโทรมาแน่ะจ้ะ”
“บอกเค้าด้วยครับแม่ ต้นจะทำการบ้านแล้ว ไม่ว่างคุย ครับ มีอะไรไว้ไปคุยกันที่โรงเรียน ดีกว่าครับ” ต้นข้าวตะโกนตอบกลับมาจากชั้นบนของบ้าน
“เอ่อ...ฟ้าจ๊ะ ต้นกำลังทำการบ้านอยู่น่ะจ้ะ สงสัยท่าทางจะอารมณ์ไมค่อยดีด้วย แม่เห็นสีหน้าเค้าตอนกลับมาบึ้งตึงแปลก ๆ มีปัญหาอะไรกันรึเปล่าจ๊ะ”
เกศสินี ถามเพื่อนของลูกชายด้วยความเป็นห่วงเป็นไย
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกครับคุณแม่ ผมมีเรื่องจะคุยกับต้นนิดหน่อยน่ะครับ” สายฟ้าตอบมารดาของต้นข้าวไปอย่างเลี่ยง ๆ
“อืม... ลูกมีอะไร ฝากแม่ไว้ได้นะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณคุณแม่มากครับ”
“ไอ้ต้น นะไอ้ต้น จะงอนไปถึงไหนวะ” สายฟ้าสบถอย่างหัวเสีย
...
ต้นข้าวเดินเข้ามาในห้องในตอนเช้าและพบกับโน้ตแผ่นหนึ่งที่แปะไว้บนโต๊ะตัวที่เขานั่ง
“...เอ่อ ต้น เราขอโทษนะ ที่ทำให้นายกับสายฟ้าต้องผิดใจกัน ที่จริงสายฟ้าเค้าไม่รู้
เรื่องนี้ด้วยหรอกนะ เราหลอกถามสายฟ้าเอง เพื่อที่จะได้แก้แค้นนาย สายฟ้าเป็น
คนดีมากนะ เป็นห่วงและ แคร์นายเสมอ นายสองคน ก็คบกันมาตั้งหลายปี
จะปล่อยให้มิตรภาพ ดี ๆ ระหว่างกันที่สร้างมาหลายปีต้องสูญสิ้นพังทลาย
ไปงั้นหรือ นายจะยอมเสียเพื่อนดี ๆ แบบนี้ไปได้ยังไง อย่าให้เรื่องของเรามา
ทำลายสิ่งดี ๆระหว่างนายสองคนเลยนะ หวังว่านายคงรับความหวังดีนี้ /ทิวไผ่...
เมื่ออ่านจบต้นข้าวก็ขยำมันขว้างทิ้งลงถังขยะทันที
“เตรียมกันมาล่ะสิไม่ว่า อย่าคิดจะมาหลอกคนอย่างไอ้ต้นได้ง่าย ๆ เล๊ย...” ต้นข้าวพึมพำ เพราะยังไม่หายโกรธเพื่อนรักที่เขาคิดว่ารวมมือกับคู่อริมาแกล้งเขา ต้นข้าวค้นเอาหนังสือในกระเป๋าขึ้นมานั่งอ่านทบทวนแก้เซ็ง ระหว่างที่รอเข้าแถวเคารพธงชาติในตอนเช้า
“หวัดดีต้น อ่านหนังสืออยู่หรอ” สายฟ้าทักทายเพื่อนทันทีที่เดินเข้ามาในห้อง เงียบ... ไม่มีเสียงตอบกลับจากต้นข้าวซึ่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนกับมองไม่เห็นและไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น จนทำให้คนทักทายได้แต่ทำหน้าเจื่อน ๆ
“นี่ ต้น คุณยายเราทำคุกกี้เนยสดน่ะ ท่านฝากมาให้นายด้วยแน่ะ ลองชิมดูสิ อร่อยมากเลยนะ” สายฟ้าตัดสินใจเปิดฉากรุกต่อไป
หลังจากที่ต้นข้าวไม่ยอมมาคุยโทรศัพท์กับเขาเมื่อเย็นวานนี้ สายฟ้าจึงไปอ้อนวอนให้คุณยายทำคุกกี้ให้เพื่อเอามาง้อต้นข้าวโดยเฉพาะ
‘หวังว่ามันจะได้ผลนะ ขอให้ต้นข้าวรับมันด้วยเถอะ…’ สายฟ้าลุ้น ภาวนาอยู่ในใจอย่างใจจดใจจ่อ
“อืม ฝากขอบพระคุณ คุณยายนายด้วย วางไว้ตรงนั้นแหละ หมดธุระรึยัง เราจะอ่านหนังสือ กรุณาอย่ากวนสมาธิ” ต้นข้าวพูดอย่างเสียงราบเรียบ สายฟ้าหน้าเจื่อนเข้าไปอีก เมื่อคนที่สนทนาด้วยตอบกลับมาอย่างไม่เป็นมิตรนัก
“เอ่อ...งั้น...เราไปนะ ไม่กวนนายและ” สายฟ้าใจชื้นขึ้นมาบ้าง ที่ต้นข้าวไม่ได้ปฏิเสธคุกกี้ของตน เขาวางกล่องคุกกี้ที่มุมโต๊ะ และก้าวเดินออกไปอย่างช้า ๆ สายตายังจ้องมองไปที่ต้นข้าว แต่เขาไม่ปรายตาหันมามองแม้แต่น้อย
แม้แต่ขณะที่นั่งเรียนอยู่ สายฟ้ายังคอยสอดส่องสายตามองไปทางต้นข้าวบ่อย ๆ ซึ่งต้นข้าวเองก็แสดงความเฉยชาตามเดิม มันทำให้สายฟ้า ไม่ค่อยจะสบายใจนัก
ทิวไผ่ลอบมองอาการของสองเพื่อนรักอยู่ เมื่อเห็นความไม่สบายใจของสายฟ้า หนุ่มหน้าเข้มก็ส่งยิ้มแก้มบุ๋มอย่างให้กำลังใจ สายฟ้ายิ้มตอบเนือย ๆ แต่ก็เป็นปลื้มกับรอยยิ้มที่แฝงด้วยกำลังใจล้นเหลือนั้น
แต่เมื่อเหลือบมองไปเห็นกล่องคุกกี้ที่อยู่ในลิ้นชักใต้โต๊ะของต้นข้าวมีรอยเปิด สายฟ้าถึงกับดีใจอย่างบอกไม่ถูก จิตใจที่ห่อเหี่ยวอยู่นั้นกลับกระชุ่มกระชวยขึ้นมาในทันใด ทิวไผ่หันไปมองทางต้นข้าวก็ยังเห็นใบหน้าเนียนใสนั้นเรียบเฉยและเย็นชาอยู่เหมือนเดิมซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจ ‘สายฟ้าดีใจอะไรงั้นหรือ’
ขณะพักเบรกต้นชั่วโมง ต้นข้าวเดินลงบันไดเพื่อไปเข้าห้องน้ำ อย่างเร่งรีบโดยไม่ได้สนใจเลยว่า มีใครคนหนึ่งกำลังเดินตามหลังมา
เมื่อทำธุระเสร็จ ต้นข้าวปลดกลอนประตูออกมาก็ต้องตกใจ เมื่อทิวไผ่ มายืนขวางประตูห้องน้ำไว้
“นี่นายจะทำอะไร รึยังไม่เข็ด อยากโดนแบบเลือดกบปากอีกใช่ไหม จะได้สงเคราะห์ให้”
ต้นข้าวตวาดออกไปอย่างฉุนสุดขีด
“เมื่อไหร่นายจะหายงอนสายฟ้าซะที เล่นตัวอยู่ได้ คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกนิยายน้ำเน่ารึไง”
ทิวไผ่ถามออกไปอย่างแดกดัน
“แล้วมันเรื่องอะไรของนายไม่ทราบ” ต้นข้าว เน้นเสียงสวนกลับอย่างมีอารมณ์
“ก็ เราเป็นต้นเหตุให้นายสองคนเข้าใจผิดกันนี่ สายฟ้าเค้าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรด้วย ทำไมต้องไปโกรธสายฟ้าด้วย” ทิวไผ่ยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง
“อ๋อเหรอ ฉันกับสายฟ้าน่ะ เราเคลียร์กันเองได้ ทำไมนายต้องเข้ามาจุ้นจ้านด้วย อ้อ...ขอบอกไว้อีกอย่างนะ ถึงยังไงสายฟ้าก็เป็นเพื่อนรักของฉัน โกรธกันให้ตายก็ไม่มีวันงอนกันเป็นสิบปีร้อยปีหรอก ไม่ใช่ นาย…”
ต้นข้าวตอบโต้ทิวไผ่อย่างกระทบกระเทียบ
“นี่ นึกว่าเราอยากยุ่งเรื่องของพวกนายนักรึไง พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ เดี๊ยะ...” ทิวไผ่ขึ้นเสียงอย่างฉุน ๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว อะไรกันนักนะนายนี่ ปากร้ายนัก
“รึไม่จริง…ทำไม จะทำอะไรฉันได้ เข้ามาสินายไม่ใช่แค่เลือดกบปากแน่” ต้นข้าวเยาะ
“ได้...เดี๋ยวเจอต้องไอ้ไผ่สั่งสอนซักหน่อยซะแล้ว ปากสวย ๆ เรียว ๆ จัดจ้านแบบนี้ น่าตบด้วยริมฝีปากนัก ปลอดคนซะด้วยสิ หึหึ”
พูดพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก สายตาจ้องมองสำรวจร่างกายของต้นข้าวอย่างหื่นกระหาย
ต้นข้าวหน้าถอดสี ก้าวถอยหลังจนชนประตูห้องน้ำ หัวใจเขาเต้นโครมคราม เหงื่อเริ่มซึมผุดขึ้นเป็นเม็ดตามใบหน้า ‘อะไรกัน จะมาไม้ไหนเนี่ย เฮ้ย ! หรือว่า...ไอ้หมอนี่เป็น....... ไม่นะ ออกจะแมน’ ต้นข้าวปรารภในใจอย่างวุ่นวาย
ทิวไผ่ขยับตัวเข้าหาอย่างช้า ๆ ด้วยใบหน้าหื่นกระหายสุดขีด มือข้างหนึ่งปลดกะดุมเสื้อ อีกข้างพยายามดึงเข็มขัดออกจากเอว
ทันใดนั้น ต้นข้าวตัดสินใจผลักเข้าที่หน้าอกทิวไผ่อย่างแรงจนเซถลา สองขาก้าวออกวิ่งอย่างรวดเร็ว เพื่อให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ล่อแหลมนั้น จนเกือบจะชนกับร่าง ๆ หนึ่ง ที่หน้าประตู
“อ้าว ต้น ทำไมวิ่งออกมาซะรีบร้อน มีอะไรรึเปล่า” สายฟ้าถาม อย่างงง ๆ เมื่อเห็นต้นข้าวผลุนผันออกมาอย่างรวดเร็ว
ต้นข้าวปรับสีหน้าและพูดเสียงเรียบ
“เปล่า...จะรีบขึ้นห้องเผื่ออาจารย์เข้าแล้ว” พูดจบ ต้นข้าวก็กึ่งวิ่ง กึ่งเดินขึ้นอาคารเรียนไปทันที สายฟ้ามองตามหลังอย่างงุนงง
ทิวไผ่หัวเราะ หึหึ อย่างสะใจที่สามารถแกล้งคนหน้าใสปากร้ายได้สำเร็จ จนเผ่นแน่บไปเลย ‘เข้าทางซะแล้วสิ กลัวแบบนี้หรอกเหรอ คงไม่เคยซินะ’ ทิวไผ่พึมพำและหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง
“ไผ่ เป็นไรไปเหรอ ขำอะไร แล้วมะกี้ ต้น.....” สายฟ้าถามทิวไผ่อย่างสงสัย เมื่อเห็นหัวเราะอย่างสะใจแปลก ๆ และยิ่งแปลกใจหนักเข้าไปอีก
“อ้าว ฟ้ามาเข้าห้องน้ำเหมือนกันเหรอครับ ตามสบายนะ” ทิวไผ่ไม่ตอบตามที่ถามแต่กลับพยายามกลั้นหัวเราะแล้วเดินออกไป ปล่อยให้สายฟ้า งงเป็นไก่ตาแตกอยู่คนเดียว
‘ต้น...กับ ไผ่... ทำไมต้นวิ่งออกไปอย่างร้อนรน แล้วทำไมไผ่ หัวเราะแปลก ๆ สองคนนี่ไม่ถูกกันนี่นา แล้วเมื่อกี้ก็อยู่ในนี้กันสองคนสิ เกิดอะไรขึ้น รึว่า... โอ๊ย....อะไรกันเนี่ย ไผ่ไม่น่าจะเป็นอย่างว่านี่นา’
สายฟ้ากุมขมับครุ่นคิดอย่างวุ่นวายใจ ไปต่าง ๆ นานา
...