พลาดหลับยาวพร้อมหลาน แหะ
ลงเพิ่มแล้วนะครับ แต่ยังไม่จบมีต่อนะครับ
..........................................................
42.2
หลังจากพูดเปิดการแสดงเสร็จดนตรีก็เริ่มคลอเบา ๆ ให้เข้ากับการแสดงตามที่
ไฟดับลงไปชั่วครู่ก่อนที่จะมีเงาเคลื่อนที่ขึ้นมาบนเวที
เมื่อไฟเปิดขึ้นมาอีกครั้งก็มีโบทที่อยู่ในชุดเสือที่ทำจากวัสดุเหลือใช้
ฟริกที่อยู่ในชุดกระทิงทำจากถุงขยะยืนอยู่กลางเวที
ทั้งสองพูดคุยกันถึงเรื่องสภาพอากาศของโลกที่ร้อนขึ้นในขณะนี้
สัตว์ทั้งสองต่างพยายามหาวิธีต่าง ๆ นานา เพื่อลดภาวะโลกร้อน
เสือกับกระทิงเข้าไปปรึกษาสิงโตที่ว่ากันว่าเป็นเจ้าป่า
สิงโตเจ้าป่าก็ช่วยคิดและหาวิธีต่าง ๆ จนคิดไม่ออก
เพราะว่าพวกตนเป็นสัตว์ป่าต่างไม่เคยใกล้ชิดกับมนุษย์สักตัว
ทั้งสามตัวเลยตกลงว่าจะหาสัตว์ที่ใกล้ชิดกับคนมากที่สุดเพื่อปรึกษาดีกว่า
ทั้งสามตัวเลยออกตามหาสัตว์ชนิดนั้น
ทั้งสามตัวเดินมาที่ชายป่าพบสัตว์ตัวใหญ่สีดำมีเขาคล้ายกระทิงยืนกินหญ้าอยู่ข้างบ้านคน
“เจ้ากระทิงนั่นใช่ญาติเจ้าหรือเปล่า” สิงโตเอ่ยถามเพราะเห็น ลักษณะคล้ายกัน
“ใช่เจ้านั่นนะมันเรียกว่า ควาย มันเป็นสัตว์เลี้ยงของคนที่เอาไว้ใช้แรงงาน มันมีแต่กำลังไม่ค่อยคิดอะไรหรอกอย่าถามมันดีกว่าข้าว่า” กระทิงตอบตามที่มันรู้
“ไม่หรอกข้าว่าลองถามดูหน่อยแล้วกัน” สิงโตยืนยันความตั้งใจตนเอง
“นี่เจ้าควายพวกข้ามีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย” เสือเรียกควายที่กำลังทำท่าเรมหญ้าอย่างสบายอารมณ์
“เสือ!! พวกเจ้ามีอะไร อย่ากินข้านะข้ามันโง่กินไปก็ไม่อร่อย” ควายทำท่ากลัว
ถึงตอนนี้คนดูหัวเราะให้กับท่าทางของควายที่เจมส์แสดง
“พวกข้าไม่กินเจ้าหรอกแค่อยากจะถามเจ้าบางเรื่อง” สิงโตบอกให้ควายสบายใจ
“เจ้าจะถามเรื่องอะไรข้า ข้าบอกแล้วไงว่าข้าโง่” ควายรีบบอก
คนดูขำกับท่าทางควายที่บอกว่าตัวเองโง่ตลอดเวลา
เจมส์เองก็รู้สึกอึดอัดกับคำนี้เหมือนกัน แต่ดันรับปากไปแล้วไม่อยากเสียคำพูดต่อหน้าธร
“เอาน่าข้าจะถามเจ้าว่าคนเขาทำอะไรโลกถึงร้อนมากขนาดนี้” สิงโตถาม
“ข้าบอกไม่รู้ไง ข้ามันโง่” ควายย้ำคำเดิมพร้อมทำท่าส่ายหัว
“อะไรของเจ้านักหนา คำก็โง่สองคำก็โง่ เดี๋ยวข้าจะช่วยให้หายโง่เอง” เสือเดินมาพูดกลางเวที
เจมส์ทำหน้าแปลกใจเพราะว่าในบทที่ซ้อมกันเมื่อคืนไม่มีตอนนี้
เด็กที่เล่นอยู่หน้าเวทีหยุดเล่นแล้ววิ่งมาออกกันเหมือนรออะไรบางอย่าง
“เด็กครับเจ้าควายของเราบอกว่าตัวเองโง่ เด็กมาช่วยทำให้ควายหายโง่กันเถอะครับ” พงษ์ออกมาพูดกับ
เด็ก ๆ ดูตื่นเต้นเมื่อได้ยินประโยคนี้
“เด็กเตรียมตัวกันพร้อมแล้วใช่ไหมครับ”
เสียงเด็กตอบรับกันเจื่อยแจ่ว พร้อมกับวิ่งไปหยิบบางอย่างที่อยู่ข้าง ๆ เวที
“เอาล่ะนะเด็ก เรามาเติมความฉลาดให้ควายกันดีกว่านะครับ เด็ก ๆ รู้ไหมกินอะไรแล้วจะฉลาด”
ระหว่างที่พูดฟริกกับโบทวิ่งลงไปหยิบไม้ไผ่ท่อนยาวสองท่อนขึ้นมา
มีผ้าดิบสีขาวผูกขึงไว้เมื่อดึงออกจะตั้งเป็นฉากขึ้นมา
ทั้งสองดึงฉากผ้าสีตุนขึ้นข้างหลังเจมส์ที่กำลังยืนงงอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เอาเด็ก ๆ ตอบกันได้ไหมครับว่ากินอะไร” พงษ์ถามย้ำ
“กินไข่” เสียงแย่งกันตอบสนุกสนาน
“งั้นเรามาเอาไข่ให้เจ้าควายกินกันเถอะ เอานะ หนึ่ง สอง สาม ให้กินได้เลยครับ”
พูดจบพงษ์รีบวิ่งหลบไปอย่างรวดเร็ว
เด็ก ๆ ขว้างไข่ในที่ถืออยู่ในมือเข้าใส่เจมส์กันอย่างสนุกสนาน
เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ดังระงมอยู่หน้าเวทีอย่างมีความสุข
ธรหันมามองหน้าคีย์ที่นั่งยิ้มอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพ่อแม่ตัวเอง
“นี่พวกคุณลงทุนกันขนาดนี้เลยหรือ” คมสันพ่อค้าสินค้าการเกษตรรายใหญ่หันมาถามธร
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับ เพื่อให้เด็กได้สนุกสนานกันด้วย พวกผมเลียนแบบมาจากพวกญี่ปุ่นที่เขาปาถั่วไล่เรื่องร้าย ๆ ให้ออกไปไงครับ แต่เราเพียงแค่ใช้ไข่แทน”
คีย์หันมาแย่งตอบคำถามแทนธรที่กำลังงงอยู่
“พวกคุณนี่ลงทุนกันจริง ๆ เลยนะครับ ดูเจ้าตัวเล็กผมสิสนุกใหญ่เลย แล้วแบบนี้กลับบ้านไปมันจะเอาไข่ปาใครไหมครับนี่”
คมสันชี้ให้ดูลูกชายคนเล็กของตนที่กำลังสนุกกับการปาไข่ขึ้นไปบนเวที
“ไม่หรอกครับ เพราะเราเด็กไว้แล้วว่าห้ามไปทำกับคนอื่น นี่แค่เป็นการเล่นกันวันนี้เท่านั้น”
คีย์ยิ้มพร้อมตอบคำถาม คมสันหัวเราะชอบใจกับลูกตัวเองที่ล้มลงจนไข่แตกเละคามือ
ตอนนี้ด้านหน้าเวทีบางส่วนกับเจมส์ที่แสดงเป็นควายเลอะไปด้วยไข่
กลิ่นคาวไข่สดเริ่มคละคลุ้งไปทั่วบริเวณแล้ว
“พอแล้วครับ พอแล้วครับ เจ้าควายเราคงฉลาดขึ้นมาแล้วตอนนี้”
พงษ์ออกมาเพื่อหยุดการปาไข่ของเด็ก ๆ จนตัวเองโดนลูกหลงเข้าไปสองสามใบ
ทำเอาคนอื่นหัวเราะกับการโดนลูกหลงนั้นไปด้วย
หลังจากเด็กเลิกปาไข่แล้วคีย์ก็ขอตัวเพื่อมาดูเพื่อน ๆ
ด้านบนยังคงแสดงต่อจนจบเพราะว่าควายยอมบอกว่ามนุษย์ทำอะไรบ้าง
จนสิงโตบอกวิธีแก้ไขเจมส์ก็รีบลงมาด้านหลังเวที
คีย์ยืนรออยู่นานแล้วด้านหน้าก็แสดงต่อกันไปอย่างสนุกสนาน
“อาจารย์ครับ ทั้งหมดมันเป็นการแสดงนะครับ” คีย์บอกพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ คอยดูผมเอาคืนบ้างแล้วกัน” เจมส์ผูกใจเจ็บ
“ก็ตามใจแต่อย่าไปปนกับเรื่องเรียนนะครับ ถ้าปนเมื่อไหร่เรื่องถึงอธิการบดีเหมือนกัน” คีย์ไม่ได้กลัวการข่มขู่
“แต่ว่าตัวเลอะขนาดนี้ไปล้างก่อนไม่ดีหรือไงครับ” คีย์มองเจมส์ที่ตัวเหนี่ยวหนึบไปด้วยไข่สด
เจมส์เห็นพ้องด้วยหันหลังคิดจะเดินกลับไปบ้านเพื่ออาบน้ำแต่งตัวใหม่
เจมส์กลับมาห้องแต่คราวนี้เขาระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม
เขามองสำรวจรอบ ๆ ก่อนที่จะทำอะไรต่อไป
“แผนแบบเดิมใช้ไม่ได้อีกแล้วล่ะเด็กน้อย”
เจมส์ยิ้มพอใจที่พวกคีย์ทำอะไรตนมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
เขาเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างสบายใจ
เมื่อออกมาเขาแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีชมพูมีปกเสื้อสาบเสื้อและข้อมือสีขาว
กางเกงสเล็คผ้าเนื้อดีสีดำเข้ากับรองเท้าหนังราคาแพง
เขาเดินมานั่งลงข้างธรโดยที่ไม่ได้สนใจคนที่นั่งอยู่รอบ ๆ
“อ่าว คุณคนที่เล่นเป็นควายใช่ไหมครับ” คีย์แกล้งทักเมื่อเจมส์นั่งลง
เจมส์ไม่ตอบได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ กลับมาให้
“อ๋อ คุณนี่เองที่เล่นบทเป็นควาย เจ็บไหมครับ” คนในโต๊ะบางคนถาม
“ไม่หรอกครับ อาจารย์ผมเขาด้านมาก แค่นี้ไม่เจ็บหรอกครับ” คีย์แย่งตอบจนสุภาแอบหยอกที่ท้องเขาเบา ๆ เหมือนบอกว่าเสียมารยาท
“เป็นอาจารย์ด้วยหรือครับ ถึงว่าเล่นได้ดีเชียว ต้องขอบคุณนะครับที่มาทำให้งานสนุกมากยิ่งขึ้น”
“ไม่เป็นไรครับ ก็แค่สนุกกับเด็กที่ยังไม่โต” เจมส์ตอบแต่สายตาจ้องมาที่คีย์
“พี่ควาย พี่ควายครับ” เสียงเด็กสองสามคนเรียกเจมส์จากด่านหลัง
“เด็ก ๆ อย่าเรียกพี่เขาแบบนั้นสิจ๊ะ” เสียงเตือนดังมาจากแม่เด็กคนหนึ่งที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่
เด็ก ๆ ทำหน้าเจื่อนลงนิดหน่อย ก่อนจะเปลี่ยนคำเรียก
“พี่ครับ ไปเล่นกับพวกผมหน่อย”
“แต่พี่ยังไม่ว่างนะครับ”
“นะ นะ ไปเล่นกับผมแปบเดียวนะครับ” เด็กยังไม่เลิกอ้อน
“เด็กอย่ากวนพี่เขาสิ” หญิงคนเดิมบอก
เจมส์หันมามองหน้าธรที่มองเด็ก ๆ อยู่
“พี่ไปด้วยก็ได้ แต่แปบเดี่ยวนะ” เจมส์เปลี่ยนใจรับปาก ธรมองหน้าแล้วยิ้มให้
เจมส์เลยลุกตามเด็ก ๆ ที่ออกแรงลากเขาไป
เด็กลากเจมส์มาจนถึงโรงปุ๋ย เด็กทั้งสามคนก็วิ่งเข้าไปด้านใน
“ถ้าพี่ตามหาพวกเราเจอก็กลับได้ครับ” เด็กคนหนึ่งตะโกนออกมาเมื่อซ่อนตัวเสร็จ
เจมส์แอบทำหน้าเบื่อเล็กน้อยเขาคิดว่าจะเดินเข้าไปด้านในแล้วแกล้งตะโกนว่าเลิกเล่นให้เด็กกลับออกมา
เข้าเดินเข้ามาจนถึงตรงกลางโรงปุ๋ย แล้วกำลังจะตะโกนตามที่คิดไว้
แอ๊ดดดดดดดดดดด
ประตูโรงปุ๋ยถูกปิดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว
ปัง ปัง ปัง
เจมส์ทุบประตูเรียกคนข้างนอกหลังจากที่พยายามเปิดแล้วเปิดไม่ออก
แต่ก็ไม่มีคนเปิดให้ เขาตะโกนเรียกคนข้างนอกก็ไม่มีใครได้ยิน
เพราะตอนนี้ดนตรีเริ่มเล่นเพลงจังหวะสนุกสนานให้ฟังแล้ว
เจมส์เดินวนอยู่ในโรงปุ๋ยขนาดใหญ่
ถึงข้างนอกจะเสียงดังยังไงก็ตาม แต่ในนี้กลับมีเพียงแสงรำไรจากงานเขามาเพียงเล็กน้อย
บรรยากาศช่วงต้นปีก็หนาวเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
เจมส์เริ่มกอดอกหวังว่าจะมีคนทันสังเกตว่าเขายังไม่กลับ
เขาเดินวนไปมาเพื่อคลายความหนาวลงแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
เมื่อเห็นว่าไม่มีคนมาแน่ ๆ เขานั่งซุกตัวลงข้าง ๆ ฟางข้าวที่เอาไว้ให้วัวกิน
ฟางข้าวเพิ่มความอบอุ่นให้ได้มากทีเดียว
เขานั่งรอนานจนซุกตัวหลับไปกับกองฟาง
.................................
ยังไม่จบยังมีต่อนะครับ ตอนนี้ยาวไปนิดคงไม่ว่ากันนะครับ