อย่าโรคจิตกันนะ เพราะว่าผมรู้สึกตัวว่า มักชอบแอบหลงรักคนโรคจิตทุกที
****************
เพราะเรากัดกัน (ผูกพัน) ตอน เรื่องบ้า ๆ ของทานตะวัน
"แม่ครับ... สวัสดีตอนเช้าครับผม....อ้อนอาบน้ำเสร็จยังครับแม่"
ช่างเป็นเด็กที่น่ารักเหลือเกิน กิริยามารยาทดี หน้าตาดี ฐานะดี โชคดีที่อ้อนมีเพื่อนแบบนี้
ถ้าไม่ได้ทานตะวันคอยดูแลให้ไม่รู้ว่าป่านนี้ลูกชายจะกลายเป็นคนแบบไหนกัน
แม่ของอ้อนรับไหว้ของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แล้วก็เปิดประตูให้ทานตะวันเดินเข้ามานั่งเล่นภายในบ้าน
"อาบน้ำนานเจ้านั้น เมื่อคืนเป็นอะไรไม่รู้แม่ได้ยินเสียงปึงปังไม่รู้ไปโกรธใครมาอีก เด็กคนนี้ใช้ไม่ได้เลยกลางคืนไม่หลับไม่นอนทำอะไรอยู่ไม่รู้ดึกดึกดื่น ๆ
พอเช้าก็ไม่ค่อยยอมตื่น แม่เรียกหลายครั้งแล้วถึงได้ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว"
แม่ของอ้อนบ่นให้ทานตะวันที่นั่งยิ้มอยู่บนเก้าอี้หน้าบ้าน แล้วก็ตะโกนเรียกลูกชายอีกครั้ง
"อ้อน ทานมารอแล้ว...แต่งตัวเสร็จหรือยังลูก"
แต่งตัวเสร็จตั้งนานแล้ว อาบน้ำเรียบร้อยนานแล้วด้วย แล้วก็นั่งมองหน้าตัวเองอยู่หน้ากระจกเนี่ยไงล่ะ
ดูยังไงก็หน้าตาจืด ๆ ขาว ๆ ซีด ๆ.....ไอ้ทานมันชอบได้ยังไงวะ ชอบได้ยังไงไม่เข้าใจ
อ้อนนั่งมองหน้าตัวเองแล้วก็คว้าหนังสือสองสามเล่มมาถือเอาไว้ เตรียมจะเดินออกจากห้องหลายครั้งแล้วก็เลี้ยวกลับมายืนทำใจอีกเป็นรอบที่หนึ่งร้อย
อร๊ากกกกกกกกกกก ไม่กล้าเจอเว้ย ทำไงดี ใจเต้นอ่ะ เอ้าสูดหายใจลึก ๆ หนึ่งสองสาม
"แอ่ะ เฮ้ออออออ" อ้อนลงไปนั่งอยู่ที่เดิมแล้วก็ยกมือขึ้นกุมหน้าผาก ไม่กล้าเว้ย ไม่กล้าเจอหน้า ทำไงดี ทักอะไรก่อนดีวะ เจอแล้วทักไอ้ทานมันยังไง
หากำลังใจให้ตัวเองไม่เจอ ไม่รู้จะทำยังไง สุดท้ายตัดสินใจลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ดวงตามุ่งมั่น จ้องมองที่ลูกบิดประตูและ และ และ
"เฮ้ย จะให้ต้องรออีกนานมั้ย มีซ้อมเช้า จะมัวทำอะไรอืดอาดยืดยาดมากมาย กี่โมงกี่ยามแล้ว ห๊า"
ประตูไม่ต้องเปิด ก็มีคนเปิดให้ แถมไอ้คนบ้านั่น ยังมายืนทำหน้ายุ่งเหยิงอยู่ตรงหน้า ตามมาด้วยการบ่นออกมาเสียงดังชนิดไม่ต้องเกรงใจกันก็ว่าได้
อ้อนยืนอ้าปากค้าง เรื่องที่คิดอยู่ในหัวปลิวว่อนออกไปจากสมอง
ต้องยิ้ม แล้วทักทายว่า "สวัสดีทาน" ต้องพูดหวาน ๆ ว่า "เช้านี้อากาศดีเนอะ"
แต่ไอ้ที่คิดอยู่หลุดหายไปหมดแล้ว ที่ท่อง ๆ เอาไว้ ไม่มีเหลือ ทั้งที่ควรจะเป็นการพบเจอกันที่หวานชื่น แล้วดูประโยคทักทายของคนตรงหน้าคนนี้
"ทำไม เป็นอะไรมองอยู่ได้ รีบตามมาเร็ว ๆ สิ ยืนอยู่อย่างนั้นแล้วจะไปเรียนได้ยังไง หรือจะเหาะไปล่ะ ตามมาเร็ว"
อ่อ
เนี่ยเหรอครับ คำทักทายแสนหวานชื่นไพเราะ ของคนที่บอกว่า ขอร้องล่ะมารักผมเถอะ
เนี่ยเหรอวะ เนี่ยเหรอ เนี่ยเหรอ เนี่ยเหรอ โธ่เว้ย
มันก็ยังเหมือนเดิม ใจร้ายปากร้าย นิสัยเสียเหมือนเดิมไม่มีอะไรดีขึ้นเลยนี่ แล้วจะตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวรอมานั่งเครียดเพราะเรื่องของไอ้ทานทำไม
ในเมื่อมันดูเหมือนไม่ได้สนใจไยดีอะไรเลย โง่หรือเปล่า รู้อย่างนี้ไม่น่าตื่นเต้นดีใจเพราะมันเลย
อ้อนเดินหน้าหงิกลงมาจากบนห้อง เดินตามหลังคนตัวโตที่ก้าวเท้าลงมาที่บันได แล้วก็ได้แต่คิดอย่างปลง ๆ กับตัวเอง
ตื่นเต้นไปคนเดียว
บ้าไปคนเดียว
ท่องทำไม เรื่องที่จะพูดดี ๆ กับไอ้ทาน ท่องไปทำมายยยยยยยย ในเมื่อมันไม่เคยสนใจกันอยู่แล้ว ประสาทไปคนเดียวแค่นั้นเอง
กูหนอกู บ้าไปคนเดียวแท้ ๆ อยู่เฉย ๆ ก็ดีอยู่แล้ว หาเรื่องให้ตัวเองแท้ ๆ
.............
ทานตะวันเดินนำหน้า โดยมีอ้อนเดินลากขาตามมาห่าง ๆ ใบหน้าคมยิ้มกว้างเมื่อเจอหน้าแม่ของอ้อน แล้วก็เลยเอ่ยทักทายอีกครั้งก่อนจะยกมือไหว้เมื่อต้องจากลา
"เดี๋ยวทานไปเรียนก่อนนะครับแม่ แม่สวัสดีครับ"
ช่างเป็นคนมารยาทดี ท่าทางดีเหลือเกิน แม่คงชื่นชมมันซะเต็มประดา แต่ไม่ใช่ผมหรอกนะแม่ มันน่ะ ไอ้ทานเนี่ย มันสร้างภาพ กับผมมันด่าเอา ด่าเอา กับแม่มันยกมือไหว้ยิ้มแฉ่ง
ลูกแม่มันโชคร้าย ช่วยไม่ได้....ซวยเอง
อ้อนเหลือบมองหน้าแม่อีกครั้งก่อนจะเดินไปคว้ารองเท้ามาโยนไว้ที่หน้าประตูบ้าน แล้วก็ลงไปนั่งผูกเชือกรองเท้า ทั้งที่ขาอีกข้างต้องเหยียดยาวเพราะไม่สามารถงอเข่าได้
ส่วนคนตัวโตเดินลิ่วไปเปิดประตูรถและเข้าไปนั่งประจำที่นั่งคนขับเรียบร้อย ทิ้งให้อ้อนนั่งผูกเชือกรองเท้าและทำหน้าเรียบเฉยอยู่หน้าบ้าน
ทำเหมือนไม่สนใจกันเลยสักนิด
ใช่ ทำเหมือนไม่สนใจ
แต่จริง ๆ สนใจ
สนใจมากด้วย สนใจมากอย่างไม่น่าเชื่อ ว่าคนอย่างทานตะวันจะคิดสนใจใคร
อ้อนเดินลากขามาเปิดประตูรถแล้วก็ขึ้นไปนั่งที่ประจำของตัวเอง ไม่ได้อารมณ์ดีเลยสักนิด แต่ก็ทำเป็นนิ่งเฉยเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง วันนี้ก็เหมือนเมื่อวานแล้วก็เหมือนวันก่อน ๆ ไอ้ทานยังคงด่าคนที่ขับรถปาดหน้าเหมือนเดิม
แถมซ้ำยังทำหน้าโหดยิ่งกว่าเมื่อวานด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าตอนนี้คิดอะไรอยู่ คงไม่คิดอะไรหรอก ก็เห็นอยู่ว่าเหมือนเดิม แล้วจะไปคาดหวังอะไร
อ้อนมองไปนอกหน้าต่างรถ และนั่งชิดติดกับประตูรถเหมือนเดิม แต่คราวนี้อะไร อะไรดูเหมือนต่างจากเดิมในความคิดของทานตะวัน
ไอ้คนข้าง ๆ นี่มัน....ทำหน้าเฉยได้ดีจริง ๆ เลยนะ
ไม่คิดอะไรเลยหรือไง ทำตัวเป็นปกติได้ขนาดนี้เลยเหรอ เมื่อวานเจอเรื่องมากมายขนาดนั้นแล้ววันนี้ก็ทำตัวปกติได้ขนาดนี้เลยหรือไง
อ้อนมันคิดอะไรของมันกันแน่ ทำเป็นเฉย ทำเป็นนิ่งอีกแล้ว คิดอะไรก็ไม่ยอมพูดไม่ยอมบอก จะให้นั่งเดาใจแบบนี้อีกนานแค่ไหนกันเนี่ย
ไม่รู้บ้างเหรอ ว่าเดาความคิดใครไม่เป็น อ้อนมันไม่รู้บ้างเลยหรือยังไงว่าตอนนี้ไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรดี
"วันนี้ซ้อมเช้า แม่งถ้าขืนโดดกันอีก เอาตายแน่"
เหรอ แล้วไง ก็เห็นตายกันทุกวัน จะพูดทำไม ไม่เห็นอยากรู้เลย เห็นทุกวันจนเบื่อแล้ว
"คอยดูเหอะ ถ้าแม่งมาเลทกันอีก เละแน่"
เออ ก็เห็นเละกันทุกวัน ไม่เห็นว่าไอ้พวกนั้นจะรอดตายกันตอนไหน โดนขนาดนั้นมันก็ยังอยู่ชมรมมหาโหดนี้ได้อีกนะ เชื่อมันเลยจริง ๆ
อ้อนนั่งเฉย ฟังทุกคำพูดที่ทานตะวันพูด แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา วันนี้ไม่ต่างจากเมื่อวาน คนสองคนที่ไม่ค่อยเข้าใจกันก็ยังคงเป็นแบบนั้นเหมือนเดิม
ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ มีแต่ท่าทางเมินเฉย ส่วนคนขับรถ เหลือบสายตามองหน้าคนที่นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ หลายครั้ง แล้วก็เริ่มคิดไม่ออกว่าตัวเองจะพูดอะไร
ถึงจะได้คุยกับคนที่เงียบ ๆ เฉย ๆ คนนี้
"วันนี้ซ้อมเช้า เหนื่อยอีกแล้วแน่เลย"
เหรอ ไม่เห็นอยากรู้เลย บอกทำไม เหนื่อยก็เหนื่อย เหนื่อยไม่เหนื่อยก็ไม่เห็นจะต้องมาบอกกันเลยนี่ ไม่ได้อยากรู้เลย
หมดแล้วมุก ไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ ตอบกลับมา
ทานตะวันเริ่มหน้าเสีย ใจแกว่ง ๆ หวั่น ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อคนที่นั่งเงียบทำท่าทางเหมือนไม่สนใจกันเลยสักนิด
ทำไม.....ไม่ถามอะไรเลย
"เหรอ เหนื่อยแย่เลยเนอะ ใช่มั้ย" พูดแบบนี้แล้วก็ส่งยิ้มหวาน ๆ มาให้น่ะ ได้มั้ย ทำแบบนั้นเป็นมั้ย ทำไม่ได้เลยเหรอ หรือต้องให้สั่งถึงจะทำได้
"เอ่อ....เมื่อ เมื่อ คืน...เป็นไงมั่ง เมื่อคืนว่าจะนอนหัวค่ำหน่อย แต่นั่งดูบอลดึกจนได้ แม่งไอ้คู่ที่เตะก็ไม่ได้เรื่องเลย อุตส่าห์อยากดูฟอร์มการเล่นที่ไหนได้
ไม่ได้เรื่องจริง ๆ บ้านตัวเองแท้ ๆ ยังเล่นแบบนี้ สมควรแล้วที่ตกชั้น"
เหรอ ไม่พอใจก็ไปเล่นเองสิ มานั่งบ่นทำไม ไม่เห็นอยากรู้เลย
อ้อนยังคงนั่งเงียบ และนิ่งเฉย ไม่แสดงท่าทางอะไรออกมาเลยสักนิด
แค่นี้ทานตะวันก็อยากจะร้องไห้แล้ว ทำไมทำเหมือนไม่สนใจกันได้ขนาดนี้ หน้าก็ไม่ยอมมอง แล้วแบบนี้จะให้ทำยังไง ทำตัวไม่ถูกแล้วนะโว้ย
หมดหัวข้อที่จะเอามาคุย ยุติบทสนทนาแต่เพียงเท่านั้น
คนขับรถก็ทำได้แค่มองถนน และแอบเหลือบมองคนที่นั่งอยู่เคียงข้างหลาย ๆ ครั้ง แล้วก็หันกลับไปตั้งสมาธิอยู่กับการขับรถ
นาน ๆ เข้า ความอดทนน้อยนิดก็เริ่มหมด จะให้ทำยังไงถึงจะพูดด้วย จะให้ทำยังไงถึงจะคุยด้วย จะให้ทำยังไง ถึงจะยิ้มให้กันสักนิด
จะให้ทำยังไง
แค่บอกมาคำเดียว ว่าจะให้ทำยังไงแล้วจะทำ
.....................
"เฮ้ย....หยิบสมุดให้หน่อยซิ อยู่เบาะหลังรถน่ะ มีซองปากกาอยู่ด้วย พอดีไปเจอสมุดเก่า ๆ อยู่เลยหยิบมาเมื่อเช้า
ตอนแรกกะเอาไว้จดรายงาน แต่ฉีกหน้าแรกออกแล้ว พอมีที่ว่างให้จดอยู่หรอก หยิบไปหน่อยสิ"
เหรอ หยิบสมุดให้หน่อย เออก็ได้ เล่มนี้ล่ะมั้ง คงเป็นเล่มนี้ อ้อนพยายามเอื้อมไปหยิบสมุดเล่มบาง ที่วางไว้ที่เบาะหลังรถแล้วก็ยื่นส่งให้กับคนที่กำลังขับรถ
"เอามาให้ทำไม เอากลับบ้านไปเลย แล้วพรุ่งนี้เขียนรายงานมาส่งด้วย"
เขียนรายงาน รายงานอะไร ไม่มีรายงานอะไรทำไมต้องเขียน
"รายงาน รายงานอะไร " อ้อนเอ่ยถามออกมาและพยายามครุ่นคิดว่ามีงานค้างอยู่หรือเปล่า แต่ก็คิดไม่ออกว่าต้องเขียนอะไร
แล้วทำไมต้องเอาไอ้สมุดเละ ๆ เล่มนี้ไปด้วย ดูหน้าปกสิ เขียนตัวเท่าหม้อแกงด้วยปากกาหมึกซึม
..............พันตำรวจเอกดอกเตอร์นายแพทย์ทานตะวัน.................พ่อทุกสถาบัน...............
เออเขียนเข้าไปได้นะ มีการวาดรูปสัญญลักษณ์เป็นพระอาทิตย์อมยิ้มด้วย น่ารักตายเลย
แล้วจะให้ทำอะไร ให้ร่างรายงานให้หรือไง ใช้อีกแล้ว เออลืม....เป็นคนใช้มันก็งี้แหละ จะไปหวังอะไรมากมาย
"รายงานเรื่องการทำหน้าที่แฟนที่ดี รีบ ๆ เขียนสรุปมาให้หมดนะ จะเอาไว้เป็นคู่มือ การทำตัวให้คนบางคนรู้สึกว่ารัก แค่นั้นแหละ"
ห๊า คู่มือ
คู่มือ
คู่มือการทำหน้าที่แฟนที่ดีเหรอ
บร้าาาาาาาาาาา พูดอารายออกมา ล้อเล่นหรือเปล่า แล้วใครจะไปเขียนได้วะ
อ้อนอยากจะหัวเราะ แต่ก็อยากจะร้องไห้ เขิน เมื่อรู้ว่าไอ้คู่มือที่ทานตะวันจะเอาไปใช้หมายถึงเอาไว้ใช้กับใคร
"ล้อเล่นใช่ป่าว"
น้ำเสียงที่เอ่ยถาม ทำให้ทานตะวันชะงักไปเล็กน้อยและหันมามองหน้าของคนถามให้เต็มตา
"บ้าเหรอ เรื่องแบบนี้ล้อเล่นได้หรือไง จริงจังนะ ไม่ใช่ไม่จริงจัง เมื่อคืนนอนคิดทั้งคืนเลยว่าจะทำตัวยังไงดี
แล้วดูพูดเข้าสิ หาว่าล้อเล่น ตกลงไม่จริงจังหรือไง หรือนึกว่าแกล้ง.....นี่นั่งอยู่ด้วยกันอย่างนี้ยังไม่รู้จะทำตัวยังไง
ก็ช่วย ๆ หน่อยเถอะ อยากได้อะไรอยากให้ทำอะไรก็บอกมา จะได้ทำตัวถูก...ไม่ใช่เป็นไอ้บ้าพล่ามอยู่คนเดียว
โดยที่คนบางคนก็ทำหน้าเฉยไม่สนใจจะฟังแถมยังมาหาว่าเราล้อเล่นซะอีก ....... ทำอย่างนี้ได้ยังไง.....ไม่เห็นใจกันบ้างเลย"
ทานตะวันพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกไปเรื่อย ๆ แถมซ้ำยังทำหน้าเหมือนเด็กขี้งอน แก้มป้อง พูดไปมีการทำหน้าตางี่เง่าเล็กน้อย พอให้รู้ว่าคิดอย่างที่พูดจริง ๆ
แล้วอย่างนี้จะให้คนฟังทำยังไง
อ้อนม้วนสมุดเล่มบางสภาพเละ แล้วก็สะกดกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ไม่ได้
อ้าว ไม่รู้นี่ รู้แล้วจะถามเหรอ ไหนว่าดูบอลทั้งคืน แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาบอกว่านอนคิดทั้งคืนจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน
ก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง
"ทำไม หัวเราะอะไร เออ เรื่องคนอื่นทำเป็นหัวเราะดีนัก ไม่สนุกนะไม่สนุก คนเครียดแทบตายหัวเราะอยู่ได้"
เอ้า เป็นงั้นไป มีการมาต่อว่ากันอีก ตกลงใครผิดกันแน่เนี่ย
"ไม่ได้หัวเราะ จะหัวเราะอะไรล่ะ ยังไม่ได้หัวเราะเลย แค่ยิ้มเฉย ๆ "
อธิบายไปแล้วและหวังว่าคนตัวโตหน้างอคนนี้จะเข้าใจ แต่ทานตะวันก็ทำเหมือนไม่เข้าใจขึ้นมาทันที
"เออ ยิ้ม ยิ้มได้ยิ้มไป สนุกไปเลย ไอ้เราก็บ้าไปคนเดียวสิ ไม่หลับไม่นอน ดูแต่นาฬิกาว่าเมื่อไหร่จะเช้าจะได้มาหา รีบอาบน้ำแต่งตัวบึ่งรถมาตั้งแต่ไก่โห่
ก็เข้าบ้านไม่ได้ ได้แต่จอดรถรอให้สว่างก่อน แล้วถึงไปกดกริ่งเรียก สนุกล่ะสิ เออ ยิ้มไปเลย สนุกไปเลย คนไม่เคยรักใครนะโว้ยย ทำตัวไม่ถูก
ใครจะไปเหมือนตัวเองล่ะ ยิ้มระรื่น มีความสุขไม่เดือดร้อน ดี จะได้จำไว้ คนบางคนชอบเห็นความรู้สึกชาวบ้านเป็นเรื่องล้อเล่น"
นั่นมันคุณไม่ใช่เหรอครับ คุณทานตะวัน แล้วมาตัดพ้ออะไรซะใหญ่โตขนาดนั้นล่ะ
อารมณ์หงุดหงิดงอแงงี่เง่าเมื่อช่วงเช้าหายไปแล้ว เมื่อได้รับรู้ความคิดของคนที่ยังบ่นไม่เลิก
ก็แค่บอกมา ว่าคิดยังไง บอกให้รู้บ้างทำให้เห็นบ้างว่าแคร์ ว่าใส่ใจ ก็แค่นี้เอง แค่พูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาบ้างแค่นี้เอง
คนฟัง ฟังแล้วก็ชื่นใจ ไม่ต้องมานั่งเดาเอาเองเหมือนที่เคยทำ พูดออกมาแบบนี้ดีกว่าเป็นไหน ๆ
"นะ ช่วยเขียนหน่อย อะไรก็ได้ เขียน ๆ ไปเถอะ"
บอกเองนะว่าให้เขียน งั้นเขียนก็ได้ เขียนตอนนี้เลยแล้วกัน
..............ทานบ้า.............
ตัวโตกว่า ตัวหนังสือตัวใหญ่เต็มหน้ากระดาษแล้วอ้อนก็ยื่นส่งให้กับคนที่ตั้งใจขับรถ
"ห๊าาาาาาาาาอะไรเนี่ย เขียนอะไร อ้อน เขียนไรเนี่ย โธ่เว้ย เอามาเลย ไม่ต้องมีแล้วคู่มงคู่มืออะไรเนี่ย โห่เอ้ยเอามาเลย"
สมุดถูกดึงไปแล้วและโยนกลับไปไว้ที่หลังรถ
ส่วนอ้อนก็ได้แต่นั่งหัวเราะจนหน้าแดง เมื่อเห็นว่าทานตะวันยิ่งหน้าหงิกหน้างอหนักกว่าเดิม เอ้า ก็บอกให้เขียน ก็เขียนให้แล้วจะมาโกรธทำไมล่ะเนี่ย
....................
ทานตะวันเงียบไปแล้ว และไม่ยอมพูดอะไรอีก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่างอน
จนอ้อนต้องเลิกคิ้วขึ้น และหันไปมองคนที่ทำหน้าเครียด ไม่ยอมพูด
"กินบ๊วยมั้ย เดี๋ยวป้อน"
แต่สิ่งที่ได้รับเป็นคำตอบคือความเงียบ.......
อ้อนทำท่าจะเอื้อมไปหยิบกระปุกบ๊วยแต่ต้องรีบหันไปมองหน้าของคนที่ทำหน้าเฉยด้วยความตกใจ
มือถุกรั้งไปหาคนหน้าหงิกหน้างอคนนั้น...และหลังมือยังถูกปลายจมูกของทานตะวันประทับลงมาอย่างรวดเร็วก่อนจะถูกยึดกุมเอาไว้เหมือนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
คนที่ทำเหมือนโมโหก็ขับรถด้วยมือข้างเดียว ไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก
อ้อนนั่งมองอีกฝ่ายตาค้างอยู่อย่างนั้น แล้วต้องสูดหายใจลึก ๆ เพราะกลัวจะแสดงท่าทางให้รู้ว่าเขินออกมานอกหน้า
ไม่รู้จะพูดอะไร เลิกคุย เลิกพูดกันแล้ว
ได้แต่พยายามทำหน้านิ่ง ๆ เฉย ๆ แล้วก็นับหนึ่งถึงร้อย เพื่อระงับอาการตื่นเต้นและหัวใจที่เต้นระทึกจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
รวมทั้งพยายามจะหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างรถเพื่อไม่ให้ทานตะวันเห็นว่าตอนนี้หน้าคงแดงไปถึงไหนต่อไป
เลิกพูด เลิกคุย
ทานตะวันอมยิ้มส่วนอ้อนได้แต่ทำเป็นนิ่งเฉย คนสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก แต่กลับรับรู้ถึงความรู้สึกหวาน ๆ จากสัมผัสที่สื่อถึงกันได้ไม่ยาก
ดวงตาของทานตะวันยังจ้องมองอยู่ที่ถนน
ส่วนดวงตาของอ้อนยังมองออกไปที่ข้างทาง
ไม่ได้มองหน้ากัน แต่ก็รับรู้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือที่สัมผัสกันอย่างแนบแน่น
คู่มือการเป็นแฟนของทานตะวันคงไม่ต้องใช้ เพราะเพียงแค่สิ่งที่เป็นอยู่ก็ทำให้อ้อนใจเต้นระทึกได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว
ใบหน้าคมมีรอยยิ้มแต้มอยู่ที่ริมฝีปาก เมื่อหันไปมองคนที่นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ
ใครจะรู้ว่าในขณะที่ทานตะวันกำลังเก็กหน้าให้เป็นปกติ แต่ตอนนี้ใจกำลังเต้นระทึกไม่ต่างจากอ้อนนัก เพียงแต่เก็บอาการได้ดีกว่า
ทั้งที่อยากจะโวยวายและตะโกนออกมาให้ดัง ๆ เพื่อให้ชาวบ้านรับรู้
"ใครหว่า ทำหน้าเฉย ๆ อ๋อ ไอ้อ้อนไง อ้อนอ่ะ อ้อน อ้อน อ้อน...แฟนทานไงไม่รู้จักเหรอ...แฟนทานเองแฟนทาน ไม่รู้จักจริงๆ เหรอ...โห่ เชยยยยยยยย"
TBC ....
โดย aoikyosuke