ยอมจูบกันแล้ว แสดงว่าใจที่เคยปิดกั้นคงเปิดรับกันแล้ว
ปล.คิดถึงคนอ่านมากๆเลย รู้ตัวมากไหม

*****************
เพราะเรากัดกัน (ผูกพัน) ตอน กัด
ไม่รู้ตัวว่าแผ่นหลังเอนลงแตะฟูกนอนตั้งแต่เมื่อไหร่
อาจจะนับตั้งแต่ช่วงเวลาที่หัวหมุนเพราะรสหวานจากริมฝีปากร้อนรุ่มและปลายลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดแนบแน่นแทบไม่เปิดโอกาสให้หายใจ
หรืออาจจะเป็นเพราะสัมผัสร้อนรุ่มแต่แผ่วหวานในทีที่ทำให้แทบหยุดลมหายใจ
ความรู้สึกที่ได้สัมผัสคือความอ่อนโยน นุ่มนวล ไม่ได้เรียกร้องให้ตอบสนอง แต่ก็ร้องขออยู่ในที
ดวงตากลมโตหรี่ปรือ ลมหายใจหอบหนัก
แทบไม่รู้สึกตัวเมื่อปลายจมูกโด่งเคลื่อนประทับที่ข้างแก้มและไล้เรื่อยลงมาที่ซอกคอซุกไซร้กลั่นแกล้งให้ส่งเสียงครางเพราะความรู้สึกที่ถูกปลุกปั่นมากขึ้น
ใบหน้าเนียนขาวแดงเรื่อ ไม่ต่างจากความรู้สึกรุมร้อนของคนที่แตะต้องร่างที่ไหวสะท้านและมอบสัมผัสอ่อนโยนให้
ใบหน้าคมเคลื่อนเข้าหาแนบชิดกับผิวแก้มเนียน และลากไล้ริมฝีปากสัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปากสีแดงเรื่อจูบซับที่ริมฝีปากบนล่างก่อนจะแทรกปลายลิ้นเข้าหาอีกครั้ง
และร่างนั้นก็เปิดรับสัมผัสแต่โดยดี
สติเริ่มเลือนลาง ความรู้สึกยามปกติถูกกลืนหายไปท่ามกลางความรู้สึกอบอุ่นที่ต่างมอบให้กันและกันโดยไม่รู้ตัว
หวาน ยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ
อ่อนโยนมากกว่าครั้งใด ๆ
"อื้อ อึก"
ดวงตากลมโตหรี่ปรือตื่นขึ้น เมื่อรับรู้ถึงความอุ่นร้อนของฝ่ามือที่ลากสัมผัสค่อย ๆ เคลื่อนเข้าไปภายในเสื้อนอนและลูบไล้แผ่นอกบางอย่างถือวิสาสะ
"อ้อน" เหมือนได้ยินเสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนแผ่วโหยที่ลากเสียงยาว ๆ เรียกชื่ออยู่ห่างไกลออกไป แต่อ้อนไม่อยากรับรู้ว่าเป็นเสียงของใคร
ฝ่ามือเรียวแตะปลายนิ้วลงบนลาดไหล่กว้าง กดปลายเล็บลงไปอย่างช้า ๆ ตอบรับความเย็นชื้นของปลายลิ้นร้อนที่โลมเล้าอยู่ภายในโพรงปาก
สัมผัสความรู้สึกอ่อนหวานได้ไม่นาน ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว ปฏิกิริยตอบสนองทันใจ เมื่อฝ่ามือเรียวรีบผลักไหล่ของร่างที่คร่อมทับออกห่าง
และรีบผุดลุกขึ้นนั่ง จัดแต่งเสื้อผ้าผมเผ้าให้เข้าที่ และถอยหนีห่างจากคนตรงหน้า ต่างฝ่ายต่างรีบผละจากกันไปคนละทิศละทาง
เมื่อได้ยินเสียงเคาะหนัก ๆ ที่ประตูหน้าห้องหลายครั้ง
ตามมาด้วยเสียงเรียก
"อ้อน...ตื่นยังลูก...ทานด้วย...เดี๋ยวแม่จะไปตลาดหน่อย เฝ้าบ้านนะลูก"
อ้อนเงยหน้าขึ้นและเอ่ยตะโกนตอบออกไป ทั้งที่น้ำเสียงยังสั่นไหว และแผ่วโหย แทบไม่มีแรงพูด
ไม่ต่างจากทานตะวันที่ นั่งลูบผมตัวเองอยู่อีกมุมหนึ่งของฟูกนอน รู้สึกว่าหัวใจเต้นตึก ๆ ตัก ๆ ชาวูบไปทั้งใบหน้า
และนาทีต่อมาถึงได้รับรู้ว่าใบหน้าร้อนวูบเมื่อหันไปสบตากับดวงตากลมโตที่ยังมีแววหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย
คำถามถัดมาคือเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้น
แค่จูบแบบอยากรู้อยากลอง อยากจริงจังดูสักครั้ง
แต่กลับเลยเถิดไปเกือบถึงไหนต่อไหน โดยที่ไม่ทันรู้สึกตัว
มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน
ทานตะวันยกฝ่ามือขึ้นลูบไล้เส้นผมของตัวเองไปมา ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี เลยได้แต่นั่งนิ่ง ๆ เงียบ ๆ อยู่อย่างนั้น
ส่วนคนที่อยู่ห่างออกไปอีกมุม อยู่ในอาการไม่ต่างกัน เพราะนอกจากจะรู้สึกถึงความร้อนที่ใบหน้า
ความรู้สึกที่ริมฝีปากและข้างแก้มก็ยังไม่ยอมจางลงสักนิด
ไม่กล้าสบตากับคนตัวโตที่นั่งเงียบห่างออกไป
คิดไม่ออกว่าควรโวยวายโมโหดีหรือไม่ หรือควรทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นดี
สมองครุ่นคิดด้วยความสับสน
และในนาทีต่อมาถึงเพิ่งรู้สึกว่าทำเรื่องแย่ ๆ แปลก ๆ ลงไปแล้ว
อ้อนจัดการเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของตัวเอง และขบเม้มริมฝีปากแน่น ภายในใจยังเต้นระทึก ต้องใช้เวลาเป็นนานกว่าจะปรับลมหายใจให้เป็นปกติได้
และเมื่อร่างที่นั่งอยู่ห่างออกไปขยับกาย อ้อนก็ถึงกับสะดุ้งสุดตัว รีบก้มหน้าก้มตา ทำทีเป็นเอื้อมไปคว้าผ้าห่มมาพับ แต่กลับใจตรงกันกับทานตะวันอย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อฝ่ายนั้นก็กำลังทำสิ่งที่อ้อนคิดจะทำเหมือนกัน
ฝ่ามือแตะเข้าหากันอย่างรวดเร็ว และก็ต้องรีบผละจากกันอย่างรวดเร็ว
ทำหน้าไม่ถูก ทำตัวไม่ถูก ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดก่อน
นอกจากความรู้สึกที่ได้ส่งให้กันไม่ยอมจางหาย แถมซ้ำกลับจะเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ
ทำอะไรอยู่วะกู......ทำอะไรลงไปเนี่ย
ทำอารายลงปายยยยยยยยยยยยย
ทานตะวันได้แต่ร่ำร้องอยู่ภายในใจ เหมือนคนบ้า เกิดมาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองจะหน้าชา และรู้ซึ้งถึงคำว่าอายได้มากขนาดนี้
แล้วยิ่งเรื่องที่ทำลงไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน นั่นมันอะไร มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แค่ขอจูบไอ้เป๋เล่น เพราะว่าเห็นว่าปากมันน่าจูบ แค่นั้น แค่นั้นจริง ๆ อยากจะย้ำกับตัวเองว่าเพียงแค่นั้น
แต่ทำไมมันถึงเลยเถิดไปได้ ทำอะไรลงไปวะ
ลูกหนี้ คนใช้ ไอ้เป๋เนี่ยนะ ไอ้อ้อนหน้างอเนี่ยเหรอ มันเป็นผู้ชายเหมือนกันนะโว้ยยยยยยย
"เฮ้ย จงใจเหรอ กะ กะ อีแค่ผ้าห่มผืนแค่นี้เดี๋ยวพับเองแหละน่า...ไป..ไปเก็บหมอนก็ได้นั่นไงกระเด็นไปถึงมุมห้องแล้ว"
เป็นคำพูดที่ไม่ค่อยสวยหรูมากนัก แต่อ้อนก็รีบทำตามที่ทานตะวันบอกอย่างรวดเร็วไม่ต้องให้รอช้า
อะไรก็ได้ อะไรก็ได้ที่จะทำให้รู้สึกอึดอัดใจน้อยลงกว่านี้ อยากทำอะไรก็ได้ ที่จะทำให้ไม่ต้องเงียบเหมือนคนใบ้
บรรยากาศมันแปลกเกินไป
ไม่ได้อึมครึม
แต่เหมือนต่างฝ่ายต่างกำลังเขินกันเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
คนตัวโตพยายามพับผ้าห่มโดยวิธีการรวบเข้าหากันแต่ก็แทบจะทำไม่ได้ดั่งใจ เมื่อรู้สึกว่าตอนนี้มือกำลังสั่น แอบเหลือบสายตาไปมองใครอีกคน
ก็เห็นว่าอ้อนจัดหมอนไปวางไว้บนเตียงไม่เสร็จสักที
ในวินาทีต่อมา ริมฝีปากของคนที่พยายามพับผ้าห่มกลับมีรอยยิ้มจุดอยู่ที่มุมปาก เมื่อจ้องมองภาพของอ้อนที่กำลังจัดหมอนวางไว้บนเตียง
แล้วก็ต้องรีบหันกลับมาทำเป็นฟอร์มด้วยการพับผ้าห่ม และพยายามหุบยิ้มเพื่อปั้นหน้าขรึมให้ได้ แต่กลับทำไมได้ ไม่ว่ายังไงก็ทำไม่ได้
เป็นนานที่ทานตะวันยืนหันหลังอยู่อย่างนั้น และรวบรวมความกล้าหันไปถามอ้อนที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
เอาวะ เพื่อให้บรรยากาศมันดีขึ้น มันจะอะไรนักหนา เรื่องปกติน่า จะเป็นห่าอะไรแต่เช้าว่ะ เรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้เอง
"เฮ้ย อ้อน...รอยอะไรที่คอวะแดงเลย สงสัย...ยุง....กะ....กะ..."
เข้าตัว
ขุดหลุมฝังตัวเอง
ตอกย้ำเรื่องที่ต้องพยายามทำเป็นลืมให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
พูดไม่ทันจบ แล้วทานตะวันก็กลายเป็นใบ้ภายในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที
ดวงตากลมโตเบิกกว้างรีบตะครุบมือที่ซอกคอของตัวเองและวิ่งไปยืนอยู่ที่หน้ากระจกเพื่อจ้องมองรอยแดงช้ำจาง ๆ ที่ปรากฎให้เห็นชัดแล้วคราวนี้ใบหน้า
ยิ่งแดงก่ำเมื่อรู้ว่าไม่ใช่รอยยุง.......แต่เป็นฝีมือของคนที่เอ่ยถาม
ไอ้ทาน
มึงแกล้งกูให้อาย แล้วตัวมึงเองก็ทำเป็นเฉย ที่ได้ยั่วให้กูสติแตกเป็นแค่คนบ้าในสายตาของมึง
นี่เหรอการทำดี
แค่ทำให้ตายใจว่าจะดีด้วย ทำให้อาย ทำให้เขิน ทำให้ใจสั่นกับผู้ชายด้วยกัน ทำให้กลายเป็นแค่ไอ้บ้าคนหนึ่ง แล้วมึงก็ทำเป็นนิ่งเฉย หัวเราะเยาะเย้ยหยันอยู่ในใจคนเดียวสินะ
ทั้งที่รู้ว่าอาย ทั้งที่รู้ว่ากำลังจะไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่สิ่งที่อ้อนทำหลังจากนั้นคือ..........
การขบริมฝีปากแน่น และหลับตาลงสูดลมหายใจลึก ๆ ให้เต็มปอด และรีบหันมาเผชิญหน้ากับคนตัวโตที่ยืนเป็นใบ้อยู่กลางห้อง
ทานตะวันเลิกคิ้วขึ้น เหมือนอยากจะรู้ว่าอ้อนจะพูดอะไร
แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่ออ้อนเดินเข้าหาอย่างรวดเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัวและใช้มือยึดไหล่ของคนที่ยืนนิ่ง ๆ เอาไว้แน่น
ฝังรอยฟันไว้ที่ซอกคอของร่างสูงใหญ่ในทันที
การกัดอย่างรุนแรง ทำให้คนตัวโตร้องลั่น และผลักร่างของอ้อนออกห่างตัว ใช้มือกุมที่ซอกคอด้วยความเจ็บ
และผละหนี
..................
"ไอ้อ้อน โอ้ยยยยยยยยย เจ็บ กัดทำไมวะ....หือ งับลงมาได้ เป็นหมาบ้าหรือไง เจ็บนะโว้ยยยยยย"
ถึงจะแหกปากร้องโวยวายลั่น แต่อ้อนก็ใช้หลังมือเช็ดถูที่ริมฝีปากของตัวเองด้วยความรู้สึกสะใจเล็ก ๆ ที่ได้เอาคืนได้
แล้วในเวลาไม่นานถึงได้รู้ว่าสึกตัว......ว่าหลังมือไม่ได้แตะแค่ริมฝีปากแต่กำลังเช็ดถูคราบน้ำตาที่หลั่งทะลักออกมาจากดวงตา และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้ง่าย ๆ
"อยากแกล้งเอง สนุกล่ะสิ....ถ้ากูมีรอยตอนนี้มึงก็มีรอยมากกว่ากูแหละวะไอ้ทาน...ฮืออออออออ ไอ้บ้า...กูอายเป็นนะโว้ย...ต่อไปกูกับมึงเป็นแค่ลูกหนี้เจ้าหนี้กันเหมือนเดิมไปเลย
ไม่ต้องมาแกล้งทำดีด้วยหรอก คอยดูนะ คอยดู จะหาเงินมาใช้หนี้ให้หมดเลย แล้วก็จะเลิกข้องเกี่ยวกับมึงให้ได้ ไอ้ทาน ไอ้โรคจิต บ้า ไอ้บ้าทานกูเกลียดมึงโว้ยยยยยย"
เจ็บที่ซอกคอ
และงง
ทานตะวันยืนหน้าเอ๋อ จะเข้าไปปลอบใจคนที่ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ไม่ได้
หรืออยากจะร้องไห้แทนอีกฝ่ายก็ร้องไม่ออก
จะยิ้มหรือจะโกรธ หรือจะทำหน้ายังไงก็ยังไม่รู้ ได้แต่ยืนลูบคอตัวเองและยังรู้สึกถึงความเจ็บเพราะคมเขี้ยวของคนที่กัดลงมาไม่ยั้ง
อ้อนเปิดประตูห้องและรีบเดินลากขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ลงมาข้างล่าง ทั้งที่ยังร้องไห้ไม่หยุด
ส่วนทานตะวันได้แต่ยืนเป็นใบ้ อยู่กลางห้อง ยังคงมึนงง ไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไป
"อายเป็นเหมือนกันเหรอ....เออกูก็อาย.....บ้า...แล้วเล่นมากัดแบบนี้จะให้กูเดินเอามือกุมคอไปให้แม่มึงเห็นหรือไงวะ ทำไมไม่มาช่วยกันคิด รอยฟันชัดขนาดนี้จะให้บอกว่าหมาที่ไหนกัดดีล่ะวะ"
ทานตะวันยืนบ่นงึมงำอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียง
ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและหัวเราะเหมือนคนบ้าแทบจะหยุดไม่ได้รู้สึกชอบใจกับการเอาคืนของคนที่ร้องไห้โวยวายจากไปอย่างไม่น่าเชื่อ
เอาคืนอะไรของมัน เอาคืนแบบนี้ ก็ได้กำไรสิวะ ไอ้เป๋มันเป็นบ้าอะไรของมันไม่รู้
แต่ที่รู้คือมันน่ากอดรัดฟัดเหวี่ยงชะมัด
ผิวเนื้อนุ่ม ๆ ริมฝีปากหวาน ๆ ใบหน้าขาว ๆ ที่เอียงหลบตอนที่ฝังปลายจมูกลงไปหนัก ๆ
อะไรมันจะเร้าอารมณ์ขนาดนั้น ไม่น่าเชื่อว่าอย่างไอ้อ้อนจะทำให้รู้สึกแบบนี้ได้ ไม่น่าเชื่อ ไม่อยากเชื่อ แต่ก็เป็นไปแล้ว
แล้วมันเริ่มน่ารักน่าฟัดน่าหมั่นเขี้ยวตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
ห้านาทีก่อนนี้
หนึ่งชั่วโมงก่อน
วันก่อน
สัปดาห์ก่อน
หรือเดือนก่อนวะ
ไม่รู้โว้ย ไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ รู้แต่ว่าตอนนี้ ต้องไปหามันก่อน ป่านนี้ร้องไห้ไปถึงไหนแล้วล่ะนั่น
"จูบนิดจูบหน่อยทำเป็นเล่นตัว กอดนิดกอดหน่อยทำเป็นเขิน กัดนิดกัดหน่อยทำเป็น.......ทำเป็น...ทำเป็นอาย....ถ้าไม่ชอบขนาดนั้นแล้วตอนที่จูบ
ทำไมถึงได้ครางเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนั้นวะ......ยั่วให้อยากแล้วจากไปนี่หว่า......เดี๋ยวถ้าเจอกูจะทบต้นทบดอกนะโว้ยยยย"
ทานตะวันพูดไปยิ้มไป
แล้วก็ลุกขึ้นเปิดประตูะก้าวเดินออกจากห้อง เดินลงบนไดมาอย่างช้า ๆ สายตาสอดส่ายหาคนที่ฝากรอยฟันเอาไว้ที่ซอกคอ อยากจะรู้ว่าตอนนี้อ้อนไปอยู่ที่ไหน
"อย่าให้เจอนะมึง......อย่าให้เจอ....ถ้าเจอนะไอ้อ้อน......สวยแน่...จะกัดคืนทั้งตัวเลยคอยดู"
TBC
โดย aoikyosuke