คิกคิก เห็นด้วย รักแท้มักจะเห็นมาจากการเรียนรู้กันและกัน
***********************************************
เพราะเรากัดกัน (ผูกพัน) ตอน แพ้ดวงจันทร์
ทำไมคนมันน้อยจังวันนี้ นี่มันวันอะไรวะ คนในร้านแทบไม่มีเลย หรือว่าเขาไปไหนกัน
ทานตะวันนั่งหมุนหลอดในแก้วใบใหญ่ที่ใส่น้ำอัดลมแล้วก็เหลียวมองไปรอบตัว ก้มหน้าใช้ความคิดเล็กน้อย แล้วก็หันไปมองซ้ายมองขวาอีกหลายรอบ
"เฮ้ย เขาไปไหนกันหมดวะ"
ถามกูแล้วให้กูไปถามใครละวะ กูก็นั่งมองหน้ามึง แล้วก็รอมึงไปซื้อของเล่นชุดแฮปปี้มิลด์ของมึงอยู่เนี่ย แล้วกระผมจะไปทราบได้ยังไงครับท่านทานตะวัน
อ้อนเงยหน้าขึ้นมองหน้าของทานตะวันแล้วก้มหน้าลงไปอีก นั่งเงียบ ๆ เป็นหุ่นปั้นให้ทานตะวันพูดนั่นพูดนี่เพ้อ ๆ ไปคนเดียวแล้วกัน
แล้วคนที่ตอนนี้วิญญาณผีเด็กเข้าสิงก็กำลังสนุกสนานกับชุดของเล่นที่ได้แถมมากับอาหารสองชุดที่ซื้อมา ของกินเหลือเต็มโต๊ะ แต่คนที่ถูกวิญญาณผีเด็กเข้าสิงก็ไม่มีทีท่าจะสนใจเลยสักนิด
ยังคงใช้มือเลื่อนรถของเล่นคันเล็ก ๆ ไปมา แล้วก็หน้านิ่วคิ้วขมวด เงยหน้าขึ้นมองหน้าอ้อนอีกครั้ง
"อยากได้สีอื่นอีก มีตั้ง 7 สี เนี่ยได้แค่สามสีเอง ไปแลกซื้ออีกอันดีมั้ยวะ" เป็นคำถามที่ทำให้อ้อน อยากจะเอาหัวโขกโต๊ะตาย นี่ก็กินไม่หมดแล้ว ยังจะไปซื้ออะไรอีกล่ะ
"ของเก่ายังกินไม่หมดเลย จะเอามาทำอะไรอีกมากมายวะ เนี่ยดูเบอร์เกอร์เนี่ยก็ยังกินไม่หมดเลย ยังจะเอาอะไรอีก"
เป็นคำพูดของอ้อนที่ทำให้ทานตะวันนิ่วหน้า แล้วทำหน้าหงิกหน้างอ ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
"ก็อยากได้อ่ะ จะเอา ไม่รู้แหละ จะไปซื ้อเดี๋ยวนี้เลย" ห้ามก็คงไม่ฟังกันแน่ ๆ คนตัวโตลุกพรวดพราดขึ้นแล้วไปสั่งเบอร์เกอร์ที่แถมของเล่นมาอีกหลายชุด นำมาวางไว้ตรงหน้าอ้อนแล้วก็ดูเหมือน
เจ้าตัวเขาภูมิใจนักหนาที่ได้ของเล่นมาเล่น ดูนั่นวางเรียงกันเต็มไปหมดแล้ว กลุ้มเว้ย เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็บ้า เดี่ยวก็ร้าย เดี๋ยวก็น่ารักขึ้นมาอีก เป็นใครก็ต้องหัวหมุนกันทั้งนั้นแหละ
"อิ่มยัง กลับเหอะ ง่วงนอน วันนี้วิ่งทั้งวันเลย อาบน้ำก็ต้องอาบเอง เมื่อไหร่มึงจะหายซะทีวะ กูไม่มีใครอาบน้ำให้ มันไงไม่รู้"
บ้าหรือเปล่า โตขนาดนี้แล้ว ยังต้องมีคนอาบน้ำให้ ถ้าจะบ้าก็น่าจะมีขอบเขตบ้าง ไม่ใช่เพ้อเจ้อได้ขนาดนี้ แต่อ้อนจะไปทำอะไรได้ ก็ได้แต่ก้มหน้าเงียบ แล้วก็ปลงกับตัวเองแค่นั้นเอง
ถุงพลาสติกใบใหญ่ถูกนำมาห่อเบอร์เกอร์มากชิ้นพร้อมกับที่ทานตะวัน ลุกขึ้นยืน เตรียมเดินออกจากร้าน โดยมีอ้อนใช้ไม้ค้ำยันเดินตามอย่างช้า ๆ มาห่าง ๆ เพื่ออ้อมไปด้านหลังของห้างสรรพสินค้า
เตรียมจะขับรถกลับบ้านด้วยกัน
"ไม่โทรหาแม่หน่อยเหรอ เห็นทะเลาะกันอีกแล้ว" เป็นเสียงของทานตะวันที่เอ่ยถาม และก้าวขาให้เดินช้าลง เพื่อให้อ้อนเดินตามทันได้ ในใจยังคงพะวงครุ่นคิดอยู่กับการจะเอาของเล่นไปจัดเรียง
ใส่กล่อง ไม่ได้คิดอะไรให้มากกว่านั้น ถามคำถามไปแล้ว แต่คนที่ตอบคำถามกลับนิ่งเงียบไป ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเลย นอกจากก้าวขาเดินตามมาอย่างช้า ๆ
ไม่รู้สิ
ไอ้เป๋มันแปลก ๆ
คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้
ใครจะไปเดาได้ว่ามันคิดอะไรอยู่
ทั้งที่บอกว่าห้ามพูด มันก็พูดในบางครั้ง บอกว่าห้ามถาม บางครั้งมันก็ถาม รู้หรอกว่าแอบถามอยู่ในใจ แต่ไม่ยอมพูดออกมาแค่นั้นเอง
ก็ไม่ชอบนี่ ไม่ชอบตอบคำถาม ถ้าถามอะไรมาก ๆ คำถามที่ไม่อยากตอบ ถ้าอย่างนั้นอย่าถามซะดีกว่า จะได้ไม่ต้องตอบ ไม่ต้องคิดอะไรเลย
คนสองคน เดินเรื่อย ๆ เชื่องช้า มาหยุดอยู่ที่รถ ทานตะวันไขกุญแจรถและปลดล็อกประตูเพื่อให้ใครอีกคน ก้าวขึ้นมานั่งเคียงข้างได้
ถุงเบอร์เกอร์ถูกเหวี่ยงไว้ที่เบาะด้านหลัง โดยมีสายตาของอ้อนมองตาม
อยากรู้จริง ๆ ซื้อไปมากมายมันจะกินหมดมั้ย ไม่หมดชัวร์ แล้วมันก็ทิ้ง คนรวยนี่มันรวยจริง ๆ นะ กินทิ้งกินขว้าง เงินมันเยอะ ไอ้ลูกคนรวย พูดอะไรไม่ได้หรอก
เพราะตอนนี้ก็ติดหนี้มันอยู่
ไม่มีบทสนทนาอะไรอีก นอกจากความเงียบ ทานตะวันขับรถอออกจากลานจอดรถ แล้วทั้งสองคนก็ไม่ได้สนใจอะไรกันอีก
ดวงตาคมจ้องมองที่ถนน ส่วนอ้อนหันมองไปที่ข้างทางที่มีแสงไฟประดับประดามากมาย
วันนี้มันวันอะไรวะ ทำไมคนออกมาเที่ยวกันเยอะจัง แล้วนั่นที่ขายอยู่ข้างทางมันอะไรวะ แต่คำถามที่สงสัยกลับถูกกลืนหายไปกับการไม่สนใจในการและกัน
เมื่อขับรถมาถึงปากซอย ความสงสัยที่เก็บมานานถึงได้ถูกเปิดเผยออก
"วันนี้มันวันลอยกระทงนี่หว่า" ทานตะวันหันมาถามคนที่นั่งอยู่เคียงข้าง แล้วอ้อนก็หันไปมองหน้าคนที่ทำหน้าดีใจ ยิ้มแฉ่ง ส่ายหน้าไปมาด้วยความปลง
กูรู้ตั้งแต่เห็นไฟข้างทางแล้ว มันเสือกเพิ่งรู้ตอนที่มาถึงปากซอย เวรแท้ ๆ เลยไอ้ทาน ความรู้สึกมันช้าจริง ๆ
"อยากลอยกระทง" เหรอ แล้วไง บอกกู กูจะพามึงไปลอยได้มั้ย กูเป๋ขนาดนี้จะไปยังไงล่ะ ไอ้โง่
"อยากลอยกระทง" เสียงที่ค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้อ้อนหันกลับไปมองหน้าของคนที่ทำหน้าเหมือนกับว่าอยากได้ของเล่น
ก็ไปสิ มาบอกกูทำไมวะ กูพามึงไปได้ที่ไหนล่ะ ขากูเดี้ยง ไม่เห็นเหรอ
"บอกว่าอยากลอยกระทง ไม่ได้ยินหรือไง" ทานตะวันตะคอกถามคนที่นั่งเงียบเสียงดัง
แต่อ้อนก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม ไม่มีคำตอบอะไรออกมา นั่นทำให้คนที่นั่งเงียบต้องถอนหายใจด้วยความเซ็ง รู้แล้ว ไม่ใช่ไม่รู้ แต่มึงบอกว่าห้ามถามห้ามพูด
กูก็ทำตามที่มึงบอกอยู่นี่ไง แล้วอะไรอีกล่ะวะ
"เออ ไม่อยากลอยแล้ว แม่งเอ้ย คุยกับคนใบ้ ชอบทำหูทวนลม น่าเบื่อ" ก็ดีแล้ว รู้ว่ากูน่าเบื่อแล้วจะพูดกับกูทำไม ท่ามกลางความเงียบ อ้อนได้แต่ปลงกับนิสัยบ้า ๆ บอ ๆ อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของอีกฝ่าย
แล้วก็รอรับชะตากรรม เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวได้ดูไอ้ทานแผลงฤทธิ์กันบ้างล่ะ คอยดูแล้วกัน
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรตอบกลับมาเลย นั่นเลยทำให้อ้อนต้องขมวดคิ้วมุ่น และหันหน้าไปมองคนที่กำลังสนใจกับการมองถนน ทานตะวันที่ชอบทำหน้าตาถมึงทึง
ชอบทำเป็นโกรธชอบทำเป็นโวยวาย กลับทำสีหน้านิ่งเฉย ไม่พูดอะไรออกมาอีกเลยสักคำ สร้างความสงสัยให้กับอ้อนมากขึ้น
เป็นอะไรของมันอีกวะ อารมณ์ไหนอีกเนี่ย เงียบไปซะเฉย ๆ
ก่อนที่รถจะขับถึงบ้าน คนที่ทำหน้านิ่งเฉย กลับชะลอรถแล้วจอดเทียบที่ริมฟุตบาท วิ่งลงไปจากรถ และไปยืนเลือก กระทงที่ทำขายอยู่ข้างทาง และวิ่งกลับมาที่รถโดยเร็ว
โดยมีสายตาของอ้อนที่มองตามลงไปด้วยความสงสัย ไอ้บ้า อยู่ดี ๆ จอดรถวิ่งลงไปทำอะไร รถคันหลังเขาบีบแตรไล่แล้ว ขับรถไม่มีมารยาทแบบนี้ เดี๋ยวได้โดนใบสั่งกันบ้างหรอก
ทานตะวันกลับขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อย และโยนกระทงหนึ่งใบวางไว้บนมือของอ้อน ส่วนตัวเองตีหน้าเฉย และขับรถเลี้ยวเข้าบ้านโดยมีสายตาของอ้อนมองตามด้วยความไม่เข้าใจ
เอามาทำไม เอามาทำบ้าอะไรของมันอีกเนี่ย แล้วจะไปลอยตอนไหนวะนั่น
รถเข้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูบ้าน รีโมทคอนโทรลถูกกดให้ประตูบ้านเปิดออก แล้วทานตะวันก็ขับรถเข้ามาในโรงจอดรถ เปิดประตูรถและวิ่งลงมาอย่างรวดเร็วเพื่อไปเปิดประรตูทางด้าน
ข้างให้อ้อนลงมาด้วยกัน
"เร็วสิ อยากลอยกระทงแล้ว เร็ว เร็ว"
บ้าน่ะ จะลอยยังไง โอ้ยยยยยยยยยยยยย ทำไมต้องดึงแขนด้วย กูลุกไม่ไหวนะ ไอ้บ้าเอ้ย อ้อนทำสีหน้าให้เห็นว่าเจ็บที่ถูกกระชากแขนให้ลงมาจากรถ แต่ดูเหมือนว่าการเอื้อมมือไปคว้าไม้ค้ำยัน
เพื่อมาช่วยพยุงตัว ไม่ได้ทันใจทานตะวันเลย เพราะร่างนั้นรีบเอื้อมมือคว้าถุงเบอร์เกอร์ที่อยู่เบาะหลังรถมาให้อ้อนถือแล้วรีบช้อนร่างของอ้อน ที่ถือถุงใบใหญ่พร้อมกระทงใบสวยเอาไว้ในมือ
ให้เดินลิ่วเข้ามาในบ้านพร้อมกัน และตรงไปที่สระว่ายน้ำเล็ก ๆ หน้าบ้าน
เมื่อก้าวมาถึง จึงได้ปล่อยร่างของอ้อนลงและตัวเองก็เดินไปหย่อนขาลงในน้ำ สะบัดขาตีน้ำเล่น แล้วก็หัวเราะชอบใจ ใบหน้าคมแหงนเงยขึ้นมองพระจันทร์เต็มดวงแล้วก็อมยิ้ม
"พระจันทร์เหมือนเบอร์ เกอร์หมูเลยว่ะ" ช่างจินตนาการเหลือเกินนะมึง
ถุงใบใหญ่ถูกเปิดออก โดยมีของเล่นชุดแฮปปี้มิลด์มากมายวางเกลื่อนอยู่ข้างสระ
อ้อนไม่รู้ว่าวันนี้ทานตะวันเป็นอะไร แต่เหมือนบางครั้ง คนบ้า ๆ บอ ๆ คนนี้ชอบพูดคนเดียว ชอบเล่นคนเดียว บางครั้งก็เหมือนกำลังคุยกับตัวเอง ไม่ได้สนใจคนรอบข้างเลยสักนิด
คำถามนี้ ก็ไม่ได้ต้องการคำตอบเลย หลายครั้งที่สังเกตได้ว่า คนตัวโตมักจะทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ เป็นประจำ แต่ทั้งหมดนั่น ก็เหมือนกำลังทำอะไรอยู่คนเดียว
ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนที่อยู่ใกล้ ๆ เลยสักนิด
ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้ ไม่เข้าใจเลย
ดวงตากลมโตมองภาพของคนตรงหน้าที่กำลังเล่นของเล่นที่แถมมากับชุดอาหาร แล้วยิ่งขมวดคิ้วมุ่น
ทำไมคน ๆ นี้ไม่มีความมั่นคงทางอารมณ์ได้มากขนาดนี้ บางครั้งเหมือนผู้ใหญ่แต่บางครั้ง กลับกลายเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ขึ้นมา
ทานตะวันเป็นอะไรกันแน่ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
"อ้อน ลอยกระทงกันเถอะ มาเร็ว" มือเอื้อมคว้าไปที่กระทงใบสวย ไม่มีการจุดเทียน ไม่มีการอธิษฐาน มีเพียงมือของทานตะวันที่เอื้อมมือคว้าฝ่ามือเย็นชื้นของอ้อนให้มาแตะที่กระทงด้วยกัน
แล้วกระทงใบสวย ก็ถูกโยนลงน้ำ โดยมีมือของทานตะวันวิดน้ำเพื่อให้กระทงลอยไปไกล ๆ
แต่ก็เท่านั้น ในเมื่อสระน้ำกว้างได้เท่าที่ตาเห็น กว้างแค่นี้ ลอยไปไกลแค่ไหนก็ได้แค่นี้
ใบหน้าคมที่ยิ้มร่าหมองเศร้าลงเมื่อจ้องมองกระทงที่ลอยคว้างอยู่กลางน้ำ ทานตะวันนิ่งเงียบไปอีกแล้ว และนั่งมองกระทงของตัวเองที่ซื้อมา
นั่งมองเงียบ ๆ โดยมีสายตาของอ้อนที่หันไปมองหน้าของทานตะวันด้วยความสับสน
ไม่มีคำพูดอะไรอีก มีเพียงความเงียบงัน
ทานตะวันเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ดวงใหญ่ แล้วถอนใจยาวเหยียด ทิ้งกายลงนอนบนพื้นหิน ข้างสระน้ำ และสะบัดขาตีน้ำเล่นไปเรื่อย ๆ
พื้นมันเย็น บ้านมันกว้าง อยู่คนเดียวมันเหงา โลกกว้างใหญ่ แต่ไม่มีใครรักเลยสักคน แบบนี้จะมีตัวตนไปทำไม
"everytime I try to fly, I fall .......... อยากบินแต่บินแล้วก็ตกลงมา แล้วถ้าตกลงมากูจะขาเป๋เหมือนมึงมั้ย"
คำถามเรียบ ๆ ง่าย ๆ แต่คนฟังถึงกับใจสั่นสะท้านกับคำถามของคนตรงหน้า ใบหน้าหันไปมองคนที่นอนมองพระจันทร์เงียบ ๆ แล้วเอ่ยเรียกคนที่นอนนิ่ง ๆ ไม่พูดอะไรอีก
เพราะอยู่กันแค่สองคน ความรู้สึกอ้างว้างเคว้งคว้างจึงถูกส่งไปถึงคนที่อยู่เคียงข้าง แม้แต่อ้อน ยังสัมผัสได้ถึงความเหงาอย่างรุนแรงของคนตัวโตที่มักจะตะโกนโวยวายอยู่เสมอ
"ทาน" น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยถาม และเจ้าของชื่อก็ขานรับ
"หื อ ว่าไง" ไม่มีคำพูดอะไรอีกนอกจากการขานรับเงียบ ๆ และร่างนั้นปรือตาลงอย่างช้า ๆ
"เราพักรบกันวันหนึ่งเถอะ เหนื่อยมากเลยวันนี้" ทานตะวันเอ่ยบอกทั้งที่ยังหลับตา แล้วค่อย ๆ หรี่ตาขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อพบว่ามีฝ่ามือเย็นชื้นแตะที่หัวเข่า
"ถ้าพักรบวันหนึ่ง งั้นมานอนหนุนตักก็ได้ นอนตรงนั้นพื้นมันแข็ง" คงเป็นเพราะความรู้สึกสงสารหรืออะไรก็ตามที่อ้อนไม่รู้ว่ามันคืออะไร ตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันถาโถมขึ้นมาอย่างหนัก
จนต้องให้ความช่วยเหลือกับคนที่บอกว่าอยากบินแต่บินไม่ได้
ทานตะวันผุดลุกขึ้นนั่ง และเอนกายลงนอนบนหน้าขาของคนที่เอื้อเฟื้อให้ที่พักพิง เงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ที่เปล่งแสงนวล ช่วยขับไล่ความรู้สึกบางอย่างที่เกาะกินภายในหัวใจให้เจือจางลงบ้าง
ฝ่ามือของคนที่เอื้อเฟื้อ แตะลงที่หน้าผากของทานตะวัน ที่ค่อย ๆ ปรือตาหลับลงเงียบ ๆ ไม่ได้ออกอาการโวยวายบ้าบอเหมือนที่เคยอีก
เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ บ่งบอกให้รู้ว่าคนที่ทำให้ตัวเองเหนื่อยมาทั้งวันหลับลงแล้ว
แต่คนที่ยังไม่หลับ กลับได้พบบางสิ่งที่แม้แต่คนที่จิตใจเข้มแข็งที่สุด ยังอดสงสารคนตรงหน้าไม่ได้
...............อยากบินแต่บินไม่ได้ งั้นเหรอ .......................
แล้วทานจะบินไปไหนล่ะ
ที่ไหน ที่นายอยากไป
ที่ไหนที่ทำให้นายไม่ต้องเป็นทานตะวันในวันนี้.......................ให้นายเป็นไอ้บ้าที่น่ารังเกียจ..............
มันยังดีกว่าให้นายเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่พร้อมจะแหลกสลายลงไปต่อหน้าต่อตาถ้าหากมีอะไรมากระทบจิตใจ
ทานตะวัน
มีใครรู้มั้ยว่านายเป็นแบบนี้ แล้วก็อาการหนักถึงขั้นนี้แล้ว
มีใครรู้บ้างมั้ย
มีใครรู้บ้าง.........................
ชื่อทานตะวันงั้นเหรอ
ทานตะวัน.................ทานตะวัน.......
ชื่อของนาย.............ทานตะวัน
ชื่อที่ทนทานอยู่ภายใต้แสงตะวัน
แต่กลับพ่ายแพ้แสงนวลเย็นของพระจันทร์ พ่ายแพ้ให้กับความเหงา ที่น่ากลัว
TBC
โดย aoikyosuke