รักใครขอบใครอยากให้ใครคู่ใครก็เชียร์กันเอานะคร้าบ
Awoot Chapter 12
เพียงฤดีหรือเดียร์ เลขานุการคนที่สองของคชานนท์เก็บของทุกอย่างบนโต๊ะทำงานจนเรียบแล้วแล้วจึงหยิบกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ทุกครั้งเธอจะเดินไปลาเจ้านายพร้อมกับเตือนว่าอย่าทำงานจนค่ำเกินไป
คชานนท์ไม่ชอบปิดประตูห้องทำงาน วันนี้ก็เช่นเคย ประตูบานใหญ่เปิดแง้มเอาไว้เล็กน้อย ขณะที่เดินไปใกล้ประตูเพียงฤดีได้ยินเสียงสนทนาเล็ดลอดออกมาพอฟังจับใจความได้ว่าเจ้านายของเธอกำลังมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับคู่ควงคนล่าสุด
“พิม คุณเป็นคนพูดเองว่าเราคบกันแบบนี้ก็ดีแล้ว ทำไมต้องมาเปลี่ยน” คชานนท์พูดเสียงราบเรียบ
...
“คุณก็รู้ว่าตอนนี้ผมยังไม่พร้อม” คชานนท์ตอบ
…
“คุณเข้าใจผมผิด ผมไม่ได้หมายความว่ายังงั้น แต่ว่าเรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา จะเอาคำตอบตอนนี้เลยได้ยังไงล่ะครับ เราอยู่กันแบบก็ดีแล้ว ผมก็พยายามอยู่ คุณต้องให้เวลาผมบ้าง” คชานนท์อธิบาย
…
“ไม่เอาน่า...”
…
“อย่าพูดแบบนี้สิครับ คุณกำลังพยายามที่จะ...”
…
“ทำไมล่ะ ทำไมต้องเลิกกัน คุณคิดดีแล้วหรือพิม” คชานนท์ถามเสียงเรียบ
…
“พิม...พิม...พิม...” คชานนท์เรียกชื่ออีกฝ่าย
เพียงฤดีดึงประตูให้ปิดสนิทแต่กลับได้ยินเสียงคชานนท์เรียกเอาไว้ เธอลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเปิดประตูและโผล่เข้าในให้เจ้านายเห็นแต่ใบหน้า
“ขอตั๋วหนึ่งใบไปนิวยอร์ค พรุ่งนี้เช้า” คชานนท์พูดยิ้มๆ
“คุณจะเดินทางพรุ่งนี้เช้า หรือให้ทำพรุ่งนี้เช้าคะ” เลขานุการสาวถาม
“ถ้าจะเดินทางพรุ่งนี้เช้า คุณหาตั๋วได้ทันหรือเปล่าล่ะ” คชานนท์อดถามแบบกวนๆ ไม่ได้ซึ่งเลขานุการสาวคุ้นเคยกับคำถามยอกย้อนแบบนี้ดี
“ได้ค่ะ แต่คงต้องไปต่อเครื่องอีกหลายต่อก่อนจะถึงนิวยอร์คและอาจไม่ได้นั่งเฟิร์สคลาสทุกเที่ยวบิน”
“งั้นไปวันที่ 29 ซึ่งคงจะได้เฟิร์สคลาสแบบนันสต๊อปใช่หรือเปล่า แต่ว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยมาทำ ตอนนี้คุณกลับบ้านได้แล้ว ทำอะไรอยู่จนเย็น ผมไม่ให้โอเวอร์ไทม์นะ คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนเค็ม”
“แล้วคุณล่ะคะ” เพียงฤดีถามย้อน “มีนัดทานดินเนอร์ที่เชอราตันไม่ใช่หรือคะ”
“ไม่ต้องแล้ว” คชานนท์ลุกขึ้น หยิบโทรศัพท์และเสื้อนอก “ตอนนี้ผมเพิ่งโสดสนิท”
“ก็เห็นคุณโสดมาตลอด”
“เออ จริงสิ” คชานนท์หัวเราะพลางเดินตรงมาที่ประตูห้องทำงาน “ตอนนี้ต้องไปจัดการชีวิตโสดให้เพื่อนพี่ชายซะก่อน”
“คุณมัวแต่จัดการชีวิตคู่ให้กับคนนั้นคนนี้ ส่วนของตัวเองกลับไม่จัดการให้ดี ไปง้อซะหน่อยซิคะ” เพียงฤดีแนะนำ
“ถึงยังไงเขาก็จะเลิกกับผมอยู่ดี” คชานนท์ยักไหล่ “แต่คิดอีกทีนะ ผมกับเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ แค่คบกับแบบชิลด์ๆ”
“คุณไม่รู้สึกอยากจริงจังกับความรักหรือคะ มีคนรักที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไปน่ะดีออก” เลขาฯ สาวเอียงหน้าถามเจ้านายหนุ่มอายุเท่ากัน
“คุณพูดอย่างนี้ได้เพราะกำลังจะแต่งงานนี่นา”
“ถึงไม่ได้กำลังจะแต่งเดียร์ก็จะพูดแบบนี้” เลขานุการสาวสวยตอบ “แต่ขอบคุณนะคะที่จัดการเรื่องนี้ให้เดียร์”
“คุณเลขาคนสวยครับ” คชานนท์ก้มหน้าลงมองเพียงฤดีพร้อมกับยิ้มกว้าง “จะมีเจ้านายไว้ทำไมล่ะ ว่าไหม ใครๆ ก็ใช้บริการจับคู่จากผมทั้งนั้น”
“เดียร์มีความสุขแล้ว ก็อยากเห็นเจ้านายกามเทพมีความสุขบ้าง”
“ผมก็มีความสุขในแบบของผม” คชานนท์หัวเราะขณะที่ยื่นมือไปกดลิิฟท์ “ผมมีความสุขที่เห็นคนมีคู่ ตอนนี้งานชิ้นมาสเตอร์พีซกำลังคืบหน้า ถ้างานนี้สำเร็จ ไม่แน่นะ ผมอาจจะหาคู่ให้ตัวเองอย่างจริงจังซะที จะเอาให้เพอร์เฟ็คกว่าคุณพิมเลยคอยดูสิ”
“ก็เห็นพูดยังงี้มาตั้งหลายคน” เพียงฤดีส่ายหน้ายิ้มๆ
“คุณคิดว่าเขาคบผมเพราะผมรวยหรือเปล่า เขาเป็นนางแบบ กำลังถึงจุดสูงสุด อีกไม่นานก็ต้องเลิก ก็ต้องหาหลักยึด” คชานนท์ทำท่าคิดด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้นะคะ ผู้หญิงเนี่ย พอถึงจุดหนึ่ง เขาอาจจะอยากจริงจัง อยากจะมีครอบครัว มีคู่ชีวิต ดวงคุณอาจจะไม่สมพงษ์กับผู้หญิงสวยๆ ลองหาที่แปลกแหวกแนวดูบ้างซิคะ” เลขานุการแนะนำเจ้านาย
“เอาแบบทอมบอยเลยดีไหม” คชานนท์หัวเราะเสียงดัง “ท่าทางจะมีสีสัน”
“กระเทยดีกว่าค่ะ” เพียงฤดีผสมโรง “เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ”
“ไหนๆ จะเปลี่ยนบรรยากาศ ผู้ชายเลยเป็นไง” คชานนท์หัวเราะเสียงดังกว่าเดิม
“เอาแบบแมนๆ โหดๆ ไว้หนวดไว้เคราครึ้มเลยนะคะคุณนนท์” เลขานุการคู่ใจผสมโรง
“สวมชุดหนัง แล้วก็ถือแส้” คชานนท์ฟาดเสื้อนอกที่ตัวเองกำลังถืออยู่เข้ากับผนังลิฟท์เพื่อเลียนแบบการฟาดแส้
“คุณนนท์ เดี๋ยวเสื้อขาด” เลชานุการสาวห้ามเจ้านายขี้เล่น
“ไม่ก็เล่นบทบาทตำรวจจับผู้ร้าย” คชานนท์ยกมือขึ้นทำท่ายิงปืนแล้วเป่าปากกระบอกปืนเหมือนสายลับ
“ไปกันใหญ่แล้วเจ้านายเดียร์ สงสัยยุ่งทำงานราษฎร์งานหลวงจนเพี้ยน” เลขานุการสาวส่ายหน้ายิ้มๆ
คชานนท์ผลักบานประตูห้องชุดของธงรบและก้าวเข้าไปช้าๆ และกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะหันหลังไปพยักหน้าให้พนักงานทำความสะอาดสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังตัวเองให้ตามเข้ามา
“ทำไมมันรกอย่างนี้” คชานนท์ถอนหายใจ “รกขนาดหนูยังหลงทาง หาทางกลับรังตัวเองไม่ได้เลยนะเนี่ย แต่ก็โชคดีที่มีพี่สองคนมาช่วย”
“ทำห้องนอนก่อนนะคะคุณนนท์” แม่บ้านถาม
“ยังๆ อย่าเพิ่งเข้าไป ให้ผมตรวจพื้นที่ก่อน” คชานนท์ยกมือห้าม “ผมไม่อยากให้พี่ตาเป็นกุ้งยิง”
“แหมคุณก็ พี่น่ะลูกสามแล้วนะคะ แล้วสารวัตรธงรบนี่พี่ก็เห็นมาหมดแล้วล่ะ” แม่บ้านหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ขนาดนั้นเลยหรือ” คชานนท์แปลกใจ “ที่เคยให้เข้ามาทำห้องครั้งก่อนๆ ตอนนั้นพี่ธงก็อยู่หรือ”
“บางครั้งก็อยู่บางครั้งก็ไม่อยู่ค่ะ แต่เวลาอยู่สารวัตรไม่ค่อยชอบใส่เสื้อผ้า บอกว่าร้อน อึดอัด หายใจไม่ออก”
“เวรกรรม” คชานนท์ส่ายหน้า ถอนหายใจ แล้วเดินตรงไปยังห้องนอนของธงรบ
ภาพที่เห็นอยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่ไม่ได้แตกต่างไปจากที่คชานนท์คิดเอาไว้ แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ อีกครั้ง ธงรบนอนหงายแผ่อยู่บนเตียง ทั้งตัวสวมกางเกงในสีดำเพียงตัวเดียว
คชานนท์ยืนเท้าสะเอวมองภาพที่อยู่ตรงหน้าแล้วอดนึกถึงคนอีกสองคนไม่ได้ อธิคมพี่ชายของเขาชอบนอนคว่ำหน้ากางแขนกางขาและไม่ชอบสวมเสื้อผ้า ธงรบชอบนอนหงายกางและแขนกางขาเช่นกัน แต่รายนี้ยังมียางอาย สวมกางเกงชั้นในทุกครั้ง อาวุธนอนหงาย ตัวตรง เท้าชิด มือวางประสานไว้บนหน้าอก สวมกางเกงแพรและเสื้อยืด ส่วนเขาชอบนอนตะแคงคุดคู้ มือประกบกันสอดไว้ใต้แก้ม
“เมาแหงๆ” คชานนท์เดินไปปิดแอร์พลางบ่นว่า “ไม่ไหวจริงๆ สองคนนี้ ชอบนอนเปิดแอร์เย็นจัด เดี๋ยวได้เป็นเป้าบวมตาย เสื้อผ้าก็ทิ้งไปทั่ว ถอดตรงไหนทิ้งไว้ตรงนั้น แล้วก็ไม่เคยมายืนถอดที่เดิมซักที ตั้งแต่เรียน ม. ปลายจนจบนายร้อย เป็นถึงสารวัตรแล้วก็ยังเหมือนเดิม” คชานนท์บ่นขณะที่เดินเก็บเสื้อผ้าของธงรบซึ่งทิ้งไว้กระจัดกระจายอยู่รอบๆ โยนไปกองรวมกันไว้ หลังจากนั้นจึงนั่งลงบนขอบเตียงและกวาดตามองไปทั่วร่างของนายตำรวจหนุ่ม
“นี่นะหรือไอ้ตัวปัญหา” สายตาของคชานนท์หยุดอยู่ที่กลางลำตัวของธงรบ “มิน่า ถึงได้ยินเรื่องคนเขาตัดทิ้งโยนให้เป็นกิน”
คชานนท์ส่ายหน้าแล้วละสายตาากร่างกำยำของธงรบไปมองโต๊ะหัวเตียง นาฬิกาปลุกรูปพระอาทิตย์สีส้มสดบอกเวลา 18.30 น. ทำให้เขาทราบว่าธงรบนอนกลางวันมาแล้วเป็นเวลาถึง 7 ชั่วโมงเพราะพี่ชายของเขาโทรศัพท์มารายงานตั้งแต่ก่อนเที่ยงว่า
…
“ออกเวรมันก็เอาแต่แ_กเหล้า ตอนนี้พี่ชายเอ็งเมาหลับไปแล้ว เอ็งมาดูมันหน่อย” อธิคมพูด
“ผมมีพี่ชายคนเดียวไม่ใช่หรือครับ” คชานนท์แย้งอธิคม
“ไอ้นนท์ ไอ้ธงก็เหมือนพี่เอ็ง อย่ามาทำเป็นพูดยียวน” อธิคมทำเสียงอารมณ์เสียขึ้นมาทันใด
“แล้วทำไมพี่ไม่ดูเพื่อน นี่ชวนกันดื่มเหล้าตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณนุรู้หรือเปล่า”
“ไม่รู้” อธิคมตอบเสียงห้วน “แล้วเอ็งไม่ต้องขี่ม้าสามศอกไปบอกเชียวนะ ไม่งั้นโดนเตะ” อธิคมขู่น้องชาย
“พี่คิดว่าผมจะกลัวหรือไง” คชานนท์ท้าทาย
“ไอ้นนท์” อธิคมกระแทกเสียง “พี่ไม่มีเวลาจะทะเลาะกับแก มาดูไอ้ธงเร็วเข้า ก่อนมันจะฆ่าตัวตายเพราะแฟนหนีไปไม่ทิ้งร่องรอยให้ใช้จมูกดมกลิ่นตามหา”
“บางทีผมก็ไม่เข้าใจพวกพี่จริงๆ เล๊ย อะไรนักหนากับเรื่องความรักก็ไม่รู้” คชานนท์ถอนหายใจ
“แกไม่เคยมีความรักแกไม่รู้หรอก” อธิคมตอบแล้ววางสายไป
…
“ไม่มีความรักก็ไม่รู้งั้นหรือ” คชานนท์พึมพำแล้วหันไปมองธงรบอีกที “แล้วความรักของพี่นี่ต้องใช้ไอ้นี่เป็นส่วนประกอบทุกทีงั้นสิมันถึงได้หาเรื่องใส่ตัวเจ้าของมันอยู่เรื่อย ใช่ไหมไอ้เด็กดื้อ ไหนขอดูซิ แกมันยิ่งใหญ่ขนาดไหน หาเรื่องไม่ได้หยุดหย่อน ซนจริงๆ เชียว” คชานนท์ยื่นนิ้วสองนิ้วสอดเข้าไปใต้ขอบกางเกงชั้นในสีดำของธงรบแล้วดึงขึ้นเพื่อมองดูสิ่งที่ซ่อนอยู่แล้วอุทานว่า “เออ ไม่ใช่ย่อยเหมือนกันแฮะ สงสัยอาทิตย์หนีไปเพราะอย่างนี้นี่เอง ท่าทางจะเจ็บจนทนไม่ไหว”
“ไอ้นนท์” ธงรบพึมพำ
“ตื่นได้แล้วพี่ธง”
“เอ็งมาแอบดูของพี่ทำไมวะ” ธงรบปัดมือคชานนท์
“ผมดูตัวปัญหา” คชานนท์ตอบเสียงเรียบ
“ไปหาอะไรมากินหน่อยเร็ว พี่หิว” ธงรบพูดเสียงงัวเงียแล้วบิดตัว
“ผมเห็นพี่คมกับพี่แล้ว แต่ไม่เคยเห็นพี่วุธ ผมสงสัยจังเลยว่าสามทหารเสือนี่ใครมาเป็นอันดับหนึ่ง เห็นเกทับกันมาตั้งแต่เรียนนายร้อยสามพรานแล้ว” คชานนท์เอียงหน้า ทำท่าคิด
“เอ็งเชื่อไอ้คมเอ็งก็โง่ล่ะ” ธงรบเบ้ปากก่อนจะสั่งให้คชานนท์ไปเตรียมอาหารมารับประทาน
“พี่ลุกขึ้นมา ไปกินข้างนอก ผมไม่ให้พี่กินบนเตียงเด็ดขาด” คชานนท์ทำเสียงดุ
“ใครจะไปอยากกินแก”
“ก็ลองอยากดูสิ พี่คมได้เหยียบพี่จมดิน” คชานนท์หัวเราะเบาๆ
“แล้วถ้าไอ้วุธกิน ไอ้คมจะฆ่าไอ้วุธตายไหมวะ” ธงรบถาม
“ทะลึ่ง คิดอะไรเพี้ยนๆ” คชานนท์ส่ายหน้าแล้วบอกให้ธงรบลุกขึ้นมาโดยเร็วเพราะแม่บ้านต้องเข้ามาทำความสะอาด
“พี่ลุกไม่ไหว ปวดหัว”
“แล้วพี่จะกินเหล้าทำไม๊” คชานนท์โคลงศีรษะ พูดเสียงเอือมระอา
“พี่จะได้ลืมอาทิตย์”
“แล้วลืมได้ไหมล่ะ”
“ไม่ได้” ธงรบส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเซ็งๆ ว่า “นนท์ อาทิตย์หนีพี่ไปไหนวะ”
“ถ้าผมเป็นอาทิตย์ คริสต์มาสแบบนี้ บรรยากาศดีๆ ผมจะไปนิวยอร์ค” คชานนท์ตอบ
“อะไรนะ อาทิตย์หนีไปนิวยอร์ค งั้นก็แอบไปเจอไอ้วุธนะสิ” ธงรบโวยวาย ดีดตัวผึงขึ้นจากเตียงมานั่งจ้องหน้าคชานนท์
“เป็นเอามาก” คชานนท์ส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นแต่ธงรบดึงแขนเอาไว้
“นนท์ พี่มันไม่มีอะไรเทียบไอ้วุธได้จริงๆ หรือ” ธงรบถาม
“แล้วพี่คิดว่าไง”
“ก็ใช่ซี้ พี่ไม่เก่งเท่ามันนี่ ยศมันก็สูงกว่า” ธงรบเบ้ปาก
“พี่วุธเขาได้ยศพันตำรวจตรีก่อนทุกคนในรุ่นตั้งนานนะครับ” คชานนท์เตือนความจำ “ตอนนี้ก็เป็นพันตำรวจโท พี่เพิ่งได้พันตำรวจตรีได้ปีเดียว เอ๊ะ หรือยังไม่ถึงปี”
“ไอ้วุธมันเก่งสารพัด ทั้งบู๊ทั้งบุ๋น ภาษาอังกฤษก็คล่อง” ธงรบทำเป็นไม่ได้ยินที่คชานนท์พูด
“พี่ท่อง ก. ไก่ ถึง ฮ. นกฮูก ได้หรือเปล่า ผมสังเกตว่าลายมือของพี่มันอ่านไม่ค่อยออกนะ สะกดผิดก็เยอะ”
“ไอ้นนท์ แกเลิกทับถมพี่ซะที” ธงรบกระแทกเสียง
“พี่ก็เลิกคิดจะเปรียบเทียบตัวเองกับพี่วุธซะที อย่าไปนึกถึงคนอื่น นึกถึงตัวเองก็พอแล้ว นึกว่าตัวเองแย่แค่ไหน หรือถ้าจะเปรียบ ก็เปรียบกับอาทิตย์ ว่าตัวเองนั่นน่ะ ได้ถึงครึ่งเขาหรือเปล่า” คชานนท์สั่งสอน
“กับข้าวก็ทำเป็น มันเคยทำกับข้าวให้อาทิตย์กินด้วยนะนนท์ พี่ทำมาม่าเป็นอย่างเดียว” ธงรบยังไม่ยอมหยุดเปรียบเทียบ “ตอนเรียนมันก็ทำคะแนนสูงที่สุดในรุ่น เวลาวิเคราะห์คดีมันก็คิดออกเดี๋ยวเดียว พี่นั่งคิดทั้งวันก็คิดไม่ออก”
“ผมว่าพี่ต้มมาม่าบางทีเส้นก็ยังไม่่อ่อนนุ่มนะ” คชานนท์แสดงความเห็น “แต่บางทีก็พองจนเละ เทน้ำร้อนใส่มาม่าคัพก็หก”
“ใครจะไปเก่งซะทุกอย่างเหมือนมัน” ธงรบถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ผมนี่ไง” คชานนท์หัวเราะหึๆ ในลำคอ
“แกมันน้องมันนี่หว่า ดูๆ ไปก็เหมือนไอ้วุธมากจนเหมือนเป็นพี่ชายกับน้องชาย ไอ้วุธกับแกเนี่ย เข้ากันได้ดีเหมือนเป็นผัวกับเมีย”
“จะบ้าหรือพี่ธง เป็นได้ไง ผมเป็นผู้ชายนะครับ” คชานนท์โวยวาย “พูดอะไรคิดซะก่อนสิ”
“ก็จริงนี่หว่า พี่คิดยังไงก็คิดยังงั้น ไม่ได้เป็นคนคิดซับคิดซ้อนอย่างแกกับไอ้วุธนี่นา แล้วใครบอกว่าแกเป็นเมีย แกอาจเป็นผัวก็ได้ ไอ้วุธมันอาจจะอยากเปลี่ยนบรรยากาศ”
“พูดแบบนี้ปลอบใจตัวเองเรื่องอาทิตย์หรือเปล่าเนี่ย ฮึ” คชานนท์ถามเสียงฉุนๆ
“แกหมายความว่าไงนนท์” ธงรบส่งเสียงลั่น “แกรู้อะไรมา”
“ผมรู้อะไร”
“ไม่รู้สิ ทำไมแกถึงพูดแบบนั้น” ธงรบถาม รู้สึกระแวงคชานนท์ เพราะรู้ดีว่าน้องชายเพื่อนคู่หูคนนี้ 'รู้' แทบทุกอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทยหรือในโลกนี้
“พูดกับพี่นี่ปวดหัวจริงๆ ไร้สาระ คิดออกมาได้ แบบนี้ไง...”
“พี่ไม่ได้คิดออกมา พี่พูด” ธงรบแทรก
“ก็นี่ล่ะ พูดไม่คิด” คชานนท์ส่ายหน้าแล้วพูดต่อ “แบบนี้ไงอาทิตย์ถึงได้เซ็งพี่ ไม่รู้หรือว่าเขาเป็นคนจริงจัง อาทิตย์ชอบคนจริงจัง มีสาระ มั่นคง มีวุฒิภาวะ และที่สำคัญ ไม่สำส่อน”
“แกนี่พูดแรงนะ พี่เปลี่ยนไปแล้ว นนท์ก็รู้ เจอคนดีๆ พี่ก็หยุดเลว”
“เช่น...” คชานนท์เลิกคิ้ว “ลองยกตัวอย่างมาสิ ใครที่เรียกว่าเป็นคนดี”
“ก็...คนดีๆ อย่างอาทิตย์ อย่างนนท์นี่ก็เรียกว่าเป็นคนดี คนเราเนี่ย เมื่อเจอคนดีๆ ก็จะหยุด” ธงรบตอบ
“แล้วคนดีๆ อย่างภาณุวัฒน์ล่ะ ทำไมไม่หยุด”
“ก็เจอคนดีๆ หลายคนพร้อมกันนี่หว่ามันเลยลำบาก ตอนพี่เจอภาณุวัฒน์ตอนนั้นพี่ก็เจออาทิตย์แล้ว” ธงรบอธิบาย
“อาทิตย์ก็คนดีๆ ตอนนั้นพี่ทำไมไม่หยุด แล้วไปเจอคนดีๆ อย่างภาณุวัฒน์ซึ่งตอนนั้นพี่ก็มีคนดีๆ อย่างอาทิตย์ ตอนนั้นน่ะ จำได้ได้พี่ธง ตอนนั้น”
“นนท์ อย่่าพูดวกไปวนมาให้พี่งง” ธงรบหน้ามุ่ย “ก็พี่...”
“ตอนนี้เจอคนดีๆ กี่คน” คชานนท์จ้องหน้าธงรบ “ในชีวิตพี่ตอนนี้มีคนดีๆ กี่คน”
“อาทิตย์ก็ดี” ธงรบตอบเสียงค่อย “นนท์ก็ดี คุณนุก็ดี...”
“ให้อาทิตย์เป็นคนดีๆ ไปคนเดียว ถ้าคุณนุเป็นคนดีๆ จะโดนพี่คมฆ่าตาย รู้ไม่ใช่หรือว่าพี่คมเป็นคนขี้หึงขาดสติ แล้วไม่ต้องมาเห็นผมเป็นคนดีๆ เพราะจะโดนพี่คมฆ่าตายเหมือนกัน ต่อไปพี่ต้องโฟกัส และเห็นคนดีๆ เพียงคนเดียว” คชานนท์สั่งสอนปนขู่
“แสดงว่าต้องให้คนอื่นเป็นคนไม่ดีทั้งหมดเลยใช่ไหม”
“พูดกับพี่นี่ปวดขมับจริงๆ เลย พูดกับพี่วุธยังง่ายกว่าเยอะ ไม่ต้องใช้สมองมากเท่าพูดกับพี่ด้วยซ้ำ” คชานนท์ถอนหายใจ
“แล้วที่แกทำอยู่นี่ไม่กลัวไอ้วุธจับได้หรือไง” ธงรบเปลี่ยนเรื่องคุย
“ลำพังตัวผมเองไม่กลัวหรอก” คชานนท์นึกถึงจตุพลเพื่อนรักที่คงกำลังอกสั่นขวัญแขนอยู่ในนิวยอร์คเพราะกลัวอาวุธ “พี่ธงนั่นล่ะ อย่ามาทำให้เสียเรื่อง ซิปปากยิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่ด้วย”
“แกนี่ชอบด่าพี่อยู่เรื่อย ทั้งหลอกด่าและด่าตรงๆ” ธงรบเบ้ปาก
“มันน่าไหมล่ะ” คชานนท์ส่ายหน้า
“แล้วพ่อไอ้วุธ” ธงรบถาม “ไหนจะพ่อไอ้คมอีกล่ะ นี่ถ้าไอ้วุธสืบสวนสอบสวนรู้ได้ว่ามีขบวนการแมงมุมชักใยอยู่บนหลังตั้งหลายคน ตัวเป้งๆ กันทั้งนั้น มันจะเลือดเดือดขนาดไหน ไอ้นี่เวลาโกรธมันน่ากลัวกว่าไอ้คมมากหลายเท่านะนนท์”
“ถึงบอกไง ว่ามันจะพังเพราะปากพี่นั่นล่ะ เพราะฉะนั้น พี่ทำตัวดีๆ ถ้าเจอหน้าพี่วุธ หรือแม้แต่อาทิตย์ อย่าพูดอะไร อยู่นิ่งๆ เฉยๆ”
“ทำไมต้องอาทิตย์ด้วยวะ นี่หมายความว่าอาทิตย์เป็นสายให้ไอ้วุธหรือไง” ธงรบขมวดคิ้ว
“พี่ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น สมมุติว่าพี่วุธกลับมาเมืองไทย ให้พี่นิ่งเอาไว้”
“ไหนไอ้วุธมันจะไปนาน พ่อมันบอกว่าเป็นปีๆ อุตส่าห์ไปเมืองนอก ห่างจากอาตี๋ตะวันแดงของพี่แล้ว มันจะกลับมาแล้วหรือ” ธงรบโวย
“พี่นี่พูดไม่รู้เรื่อง พี่วุธยังไม่ได้จะกลับมา แต่สมมุติ เข้าใจหรือเปล่า พี่วุธไปทำงานอเมริกา แต่บางทีก็ต้องกลับมาเยี่ยมบ้านบ้างสิ” คชานนท์ชักจะอารมณ์เสียเพราะพูดกับธงรบนานแล้วแต่อีกฝ่ายก็ท่าทางไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรเสียที
“ให้พี่นิ่ง ไอ้วุธมันก็มองออก มันเป็นเครื่องเอ็กซะเรย์ แกก็รู้”
“ตาพี่หลุกหลิก แก้ไม่หาย เก็บความลับไม่เคยได้ ไม่ต้องใช้เครื่องเอ็กซ์เรย์อะไรหรอก แบบนี้ควรส่งไปฝึกกับหมดพศวัต”
“ไม่เอานะ อย่าส่งพี่ไปหาจิตแพทย์นะนนท์ ครั้งนั้นครั้งเดียวพี่เข็ดจนตาย สงสารพี่เถอะ” ธงรบรีบโวย
“ผมว่าสงสารหมอพศวัตน่าจะถูกกว่า เจอคนไข้อย่างพี่ จิตแพทย์ผู้สุขุมลุ่มลึกยังสติแตกเลยรู้หรือเปล่า”
“เจอแค่นนท์ก็พอ อย่าต้องให้ถึงมือหมอเลย มีอะไรนนท์ก็ค่อยๆ บอก ค่อยๆ ฝึกพี่” ธงรบเปลี่ยนเป็นเสียงอ่อน “ช่วยพี่หน่อยนะน้องรัก ถ้าไม่มีนนท์ชีวิตรักของพี่กับอาทิตย์คงลอยตุ๊บป่องไม่ตลอดรอดฝั่ง พี่ไม่อยากเป็นเรือน้อยลอยเท้งเต้งไม่มีหางเสืออยู่กลางทะเลรักอันบ้าคลั่ง ทั้งลมคะนอง ทั้งฟ้าฝน หนำซ้ำทั้งพายุมาเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า”
“พี่ธง ไม่ต้องมาพูดภาษานิยายรักแบบนี้ ผมเอียน แล้วที่จำมานี่ก็ผิดๆ ถูกๆ” คชานนท์ส่ายหน้าอย่างระอาใจ
“ตอนนี้พี่เหมือนนั่งอยู่ปากรูภูเขาไฟที่โดนแสงพระอาทิตย์กำลังแผดเผา มันร้อนยกกำลังสองเลยนะนนท์ ร้อนทั้งก้น ร้อนทั้งใจ” ธงรบยังพร่ำเป็นภาษานิยายรักตามที่เคยจำมา
“ผมว่าร้อนตัวมากกว่า”
“ไม่ได้นนท์ พี่จะทำยังไง”
“สงสัยผมนี่ล่ะจะสติแตกก่อนหมอพศวัต” คชานนท์ยิ้มมุมปาก รู้สึกขำธงรบและขำตัวเองที่ยืนต่อปากต่อคำกับเพื่อนพี่ชายได้นานถึงขนาดนี้ เขารู้ดีว่าเวลาได้คุยเรื่องอะไรกับธงรบนั้นต้องใช้เวลานานเพราะฉะนั้นเขาจึงพยายามรวบรัดที่สุด แต่กระนั้นก็ยังใช้เวลานานกว่าคุยกับคนอื่นๆ อยู่ดี
“อย่าเพิ่งแตกเลยนะนนท์ ช่วยพี่ก่อน ตอนนี้นนท์โทรไปคุยกับอาตี๋ขี้งอนให้หน่อยสิ บอกว่าคุยกับพี่แล้ว บอกว่าพี่เข้าใจที่นนท์แนะนำ บอกว่าพี่รู้สึกผิด บอกว่าอาทิตย์เข้าใจพี่ผิด”
“เข้าใจอะไร ผมเองยังไม่เข้าใจพี่เลย วนไปวนมาจนผมชักจะปวดหัวแล้วนะเนี่ย อีกอย่าง ผมก็ไม่รู้ว่าอาทิตย์ไปไหน”
“ก็นนท์บอกว่าไปนิวยอร์ค” ธงรบพูด
“ไม่ใช่” คชานนท์ปฏิเสธเสียงหนัก กำลังจะอธิบาย แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะกลัวว่าอาจจะต้องใช้เวลาเพ่ิมขึ้นอีก
“นี่ก็คงเพราะพี่แค่โดนยิงถากๆ อาทิตย์เลยกลับมาดีกับพี่ไม่นาน ไม่เหมือนไอ้คมกับคุณนุ ไอ้คมโดนซะหนักเข้าขั้นโคม่าต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้ม คุณนุเลยอภัยให้ทุกอย่างแล้วกลับมารักกันปานจะกลืน รู้ยังงี้ พี่ปล่อยให้โจรมันซัดให้หนัก” ธงรบบ่น
“เอาอีกทีก็ยังได้นะพี่ธง คราวนี้ให้นอนไอซียูซักหลายอาทิตย์เป็นไง อาทิตย์จะได้มาดูใจพี่” คชานนท์กรอกตาแล้วตัดบท “เอาล่ะ พี่ลุกขึ้นมาทำตัวเป็นมนุษย์ซะที แม่บ้านเขาจะได้เข้ามาทำความสะอาดห้องแล้วไล่หนูไปให้พ้นๆ”
“เฮ่ย ห้องนี้มีหนูด้วยหรือ” ธงรบสะดุ้งโหยง เบิกตากว้าง หันไปมองรอบๆ
“ผมเปรียบเทียบ” คชานน์อดยิ้มไม่ได้เพราะแววตาของธงรบนั้นแสดงถึงความตกใจจริงๆ ไม่ได้แกล้ง
“อาบน้ำแต่งตัวแล้วออกมากินข้าวซะ ไม่งั้นผมจะไม่บอกข่าวดี” คชานนท์พูดแล้วเดินออกไปจากห้องทันที ไม่สนใจฟังเสียงของธงรบที่ละล่ำละลักถามว่ามีข่าวดีอะไร คชานนท์ไม่สนใจตอบ มือดึงประตูห้องนอนของธงรบปิดเบาๆ เลยไม่ทันได้ยินเจ้าของห้องพูดว่า
“แกนี่เหมือนคุณนุของไอ้คมจริงๆ เลย ต้องให้อาบน้ำก่อนถึงจะได้กินข้าว จะเป็นคุณนุเบอร์สองหรือไงวะเนี่ย ระวังนะ จะโดนไอ้วุธหมายหัว”
***end of chapter 12***
ไม่รู้จะเมนท์อะไรกะเนื้อเรื่องอะคับ เพราะผมอ่านตลอด ถ้าเป็นตัวละครจาก คดีรัก
ผมชอบแทบทุกคน
แต่จะเมนท์ว่า ใครได้พี่นายเป็นแฟนเนี่ย คงปวดหัวน่าดู ฉลาด แล้วก็เจ้าชู้ขนาดนั้น หุหุ
เอ๊ะ หรือมีคนลองดีแล้ว???
รออ่านตอนต่อไปคับ
ช่างคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน๊ะ