อรุณสวัสดิ์ครับ
คู่โปรดของผู้เขียนครับ
วิธวินท์ขาซิ่งกับธีรดนย์ผู้หลงตัวเอง
ควันหลงจากวันสงกรานต์
วิธวินท์ปรายตาไปมองผู้ชายตัวสูงที่เดินตามหลังมาช้าๆ แล้วอมยิ้มขำๆ กับท่าทางเก้งกางไม่คุ้นเคยที่ทาง ธีรดนย์ตื่นตั้งแต่เช้าและโทรศัพท์มาหาเขา ชวนไปเที่ยวสงกรานต์เชียงใหม่ แต่เขาบอกว่ากำลังไปตลาดซื้ออาหารสดมาทำกับข้าว ธีรดนย์แปลกใจ ไม่นึกว่าเขาจะทำกับข้าวเป็น จึงของตามมาด้วย
แต่พอมาถึงตลาด ธีรดนย์ก็ทำหน้ามุ่ย
ชุดจ่ายตลาดของธีรดนย์นั้นเนี๊ยบมาก เสื้อสีขาวยี่ห้อหรูดีไซน์เท่ กางเกงผ้าคุณภาพดีสีเนื้อ รองเท้าหนังสีดำมันขลับ และที่สำคัญ ธีรดนย์มาด้วยรถสปอร์ตคันใหม่เอี่ยมสีแดงเพลิงที่เจ้าตัวอวดว่า "ผมขับมาอวด รู้หรือเปล่า คันนี้น่ะ 4.5 ลิตร 8 สูบเทอร์โบเลยนะวิธวินท์ เร่งความเร็วถึง100 ไมล์ภายในเวลา 4.5 วินาที รับรอง มอเตอร์ไซด์คุณตามไม่ทัน"
วิธวินท์ก้มหน้าเดิมเข้าไปในตลาดอย่างคุ้นเคย ธีรดนย์เดินตาม ท่าทางเก้ๆ กังๆ เพราะกลัวรองเท้ากับกางเกงจะเปื้อน
“ทำไมต้องมาตลาดอย่างนี้ด้วยนะ เฉอะแฉะ สกปรกไปหมด แถวบ้านผมก็มีวิลล่าซุปเปอร์มาร์เก็ต" ธีรดนย์เร่ิมบ่น พร้อมเบี่ยงตัวหลบรถเข็นผัก "วิธวินท์ จะทำอะไรกิน ผมไม่ยักรู้ว่าคุณทำกับข้าวเป็น ทำไมไม่เห็นเล่าให้ฟัง แล้วคิดยังไงมาทำกับข้าวเช้าวันสงกรานต์"
“ผมเบื่อ" วิธวินท์ตอบสั้นๆ
“เบื่อก็ไปเที่ยวเชียงใหม่กับผม" ธีรดนย์ทำหน้าอ้อน "ผมอยากไปสาดน้ำ ผมไม่ได้สนุกมานานแล้ว ตั้งแต่ทำงานควบสองบริษัท แทบไม่ได้มีเวลาทำอะไรสนุกๆ"
“จริงหรือ เท่าที่จำได้ ตั้งแต่รู้จักกับคุณ ผมก็เห็นว่าคุณมีเวลาซิ่งรถเล่นตอนกลางคืน"
“ไม่ต้องมาประชดหรอก ตกลงไปนะ กินข้าวเสร็จก็บินไปเชียงใหม่กันเลย" ธีรดนย์พูดยิ้มๆ แล้วต้องรีบเปลี่ยนสีหน้าเมื่อคนเข็นรถเข็นทำผักมัดใหญ่หล่นลงจากรถถูกขากางเกงของตัวเอง
“ระวังหน่อยสิไอ้หนู" ธีรดนย์หันไปทำตาเขียวใส่คนเข็นรถซึ่งรีบหยิบผักขึ้นมาแล้วหายไปทันที
“เปื้อนหมดเลย" ธีรดนย์ปัดกางเกง
“คุณจะแต่งตัวมาทำไมก็ไม่รู้" วิธวินท์ส่ายหน้าแล้วหยุดหน้าแผงขายเนื้อหมูพร้อมสั่งซื้อกระดูกหมูจากแม่ค้า
“สับด้วยนะครับ" วิธวินท์สั่ง
“ใครจะนึกว่าตลาดนี้" ธีรดนย์เบ้ปาก ยืนอยู่ข้างๆ วิธวินท์พร้อมหันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวงเพราะกลัวคนเดินมาชน "ตอนคุณบอกว่าไปตลาด ผมนึกว่าคุณไป supermarket ไม่ใช่ตลาดสด พอจอดรถถึงได้รู้"
วิธวินท์ส่ายหน้าแล้วหันไปมองแม่ค้าซึ่งกำลังเงื้อมีดจะสับกระดูกหมูให้ แม่ค้าออกแรงเต็มที่จนเศษกระดูกหมูกระเด็นไปติดเสื้อของธีรดนย์ เจ้าของเสื้อสุดหรูสะดุ้งโหยง แล้วทำหน้าเหยเก พลางชี้มือเข้าที่ใต้อกตัวเองและบอกคนที่อยู่ข้างๆ ว่า
“หยิบออกให้หน่อยสิวิธวินท์ โอย เลอะเทอะหมดเลย"
“เศษเนื้อชิ้นเดียวเอง" วิธวินท์ส่ายหน้าแล้วยื่นมือไปรับถุงพลาสติกใส่กระดูกหมูจากแม่ค้าพร้อมกับจ่ายเงิน ธีรดนย์พยายามใช้ปลายนิ้วชี้เขี่ยเศษเนื้อเล็กๆ ออกจากเสื้อสีขาวด้วยท่าทางขยะแขยงและเบ้ปากด้วยความไม่สบอารมณ์
“จะเจออะไรอีกเนี่ย" ธีรดนย์บ่น
“อ้าว คุณถือ" วิธวินท์ยื่นถุงพลาสติกในมือให้อีกฝ่าย
“แต่ว่า...” ธีรดนย์อึกอัก
“กลัวเปื้อนมือหรือไง" วิธวินท์เลิกคิ้ว
“เปล่า" ธีรดนย์ยื่นนิ้วชี้นิ้วเดียวออกมาแล้วสอดเข้าไปเกี่ยวหูหิ้วของถุงพลาสติก จากนั้นยื่นถุงให้ออกห่างจากตัว
“กระดูกหมูนะครับ ไม่ใช่สารพิษ" วิธวินท์อดพูดกระทบกระเทียบไม่ได้
“อีกนานไหมนี่วิธวินท์"
“เพิ่งซื้อได้อย่างเดียวเอง"
“จะทำอะไรกินน่ะ แล้วจะต้องซื้ออะไรมากมาย" ธีรดนย์ขมวดคิ้ว
“ข้าวต้มกระดูกหมู" วิธวินท์ตอบแล้วเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าแผงขายผักแล้วบอกแม่ค้าว่าต้องการต้นหอมห้าบาท
“ห้าบาท" เสียงธีรดนย์ดังขึ้น "ซื้อแค่นั้นจะพอกินหรือ ผมกินด้วยนะ ไม่ใช่คุณกินคนเดียว"
“จะซื้ออะไรมากมาย" วิธวินท์เบ้ปากแล้วหันไปมองแม่ค้าซึ่งกำลังหยิบต้นหอม แม่ค้าถามวิธวินท์ว่าต้องการซื้อผักชีด้วยหรือไม่ ธีรดนย์รีบตอบปฏิเสธ แต่วิธวินท์พยักหน้า
“ผมไม่กินผักชี เหม็น" ธีรดนย์กระซิบ
วิธวินท์ทำหูทวนลมแล้วยืนมือไปรับถุงผักจากแม่ค้า แต่ขณะที่ยื่นเงินให้แม่ค้าวิศวกรหนุ่มพูดพึมพำกับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่า "ไม่กินก็เขี่ยออกเอาสิ"
“เสร็จแล้วใช้ไหมวิธวินท์" ธีรดนย์เริ่มงอแง ปล่อยมือลงข้างตัวเพราะเมื่อแขนที่ต้องกางออกห่างจากตัวเล็กน้อยอยู่ตลอดเวลา แต่ลืมไปว่าตัวเองถือถุงพลาสติกใส่กระดูกหมู
“กางเกงคุณเปื้อนแล้ว" วิธวินท์ก้มลงมองมือขวาของธีรดนย์ ให้อีกฝ่ายมองตาม จึงเห็นว่าถุงพลาสติกที่ใช้นิ้วเกี่ยวอยู่เพียงนิ้วเดียวตอนนี้ห้อยชิดอยู่กับต้นขาและกางเกงก็เปื้อนเป็นรอย
“โอย ตายแล้ว" ธีรดนย์รีบยกแขนออกห่างจากตัว เป็นจังหวะเดียวกับมีรถเข็นผักผ่านมา เกี่ยวเอาถุงพลาสติกในมือของธีรดนย์หล่นตุบลงกับพื้น
“อ้าว เฮ่ย" ธีรดนย์ร้อง หันไปทำหน้าไม่พอใจใส่คนเข็นรถซึ่งรีบพูดขึ้นมาทันทีว่าธีรดนย์ไม่ระวังเอง วิธวินทธ์รีบเข้าห้ามและบอกว่าไม่เป็นไรเพราะเห็นว่าธีรดนย์อาจสติแตกขึ้นมากลางตลาด วิศวกรหนุ่มก้มลงหยิบถึงขึ้นมาจากพื้นแล้วเดินต่อ แต่ธีรดนย์รีบทักท้วง
“วิธวินท์ มันตกพื้นแล้วนะ ยังจะหยิบขึ้นมาอีก เดี๋ยวมีเชื้อโรค สกปรก"
“มันอยู่ในถุง" วิธวินท์ตอบ "ไม่โดนอะไรหรอก ล้างๆ หน่อยก็สะอาดแล้ว"
“ซื้อใหม่เถอะ แค่ไม่กี่บาทเอง"
“ไม่จำเป็น เสียดายเงิน" วิธวินะ์ส่ายหน้า
“เงินผมเยอะแยะ ซื้อทั้งตลาดเลยยังได้ คุณไม่รู้หรือว่าพูดกับใครนี่น่ะ" ธีรดนย์ยักไหล่
วิธวินท์ไม่สนใจ เร่งฝีเท้าเดินตรงไปยังแผลขายของชำและซื้อกระเทียมหนึ่งถุง ธีรดนย์เจ้าปัญหาตามไปติดๆ แล้วมีคำถามเช่นเคย
“แค่จะทำข้าวต้ม ซื้อกระเทียมไปทำไม"
“ไปไล่ผีมั๊ง"
“แน่ะ มีประชด"
วิธวินท์ส่ายหน้าให้คนที่ทำกับข้าวไม่เป็น แม่ค้าหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินบทสนทนาห้วนๆ ของชายหนุ่มทั้งสอง วิธวินท์ยิ้มให้แม่ค้า แต่ธีรดนย์ทำหน้าบึ้งๆ แต่แล้วจู่ๆ ก็ถามโพล่งขึ้นมาว่า
“ป้า ทั้งร้านเนี่ยเท่าไหร่ ผมจะเหมาให้หมดเลย"
“ไม่ขายค่ะ" แม่ค้าตอบ
“อ้าว ไม่อยากได้เงินหรือ" ธีรดนย์ถาม
“อยากได้สิคะ แต่ฉันอยากได้ทีละน้อย ถ้าคุณเหมาหมด ฉันก็ไม่มีอะไรจะทำนะสิ อยู่บ้านเฉยๆ เหนื่อยตายเลย"
วิธวินท์หัวเราะออกมาแล้วเดินหนี ธีรดนย์เดินตามจนทัน วิศวกรหนุ่มจึงหันมาพูดเสียงหยันๆ ใส่ 'คนรวย' เจ้าของคลับหรูกับบริษัทผลิตเหล้าที่ชอบใช้เงินฟุ่มเฟือยว่า
“เงินไม่ได้ซื้อทุกอย่างจากทุกคนในทุกที่หรอกนะ"
“คอยดูนะ ผมจะซื้อทั้งตลาด แค่นี้ไม่น่าจะถึง 200 ล้าน"
“เพื่ออะไร"
“ผมจะจัดระเบียบใหม่ให้เป็นตลาดที่สะอาดสะอ้านกว่านี้ พนักงานเข็นรถผมจะให้มีการอบรมแบบเข้มข้น จับใส่ยูนิฟอร์มให้หมด"
“ติดแอร์ด้วยสิ จะได้แข่งกับวิลล่าซุปเปอร์มาร์เก็ตของคุณ" วิธวินท์ประชดแล้วซื้อแอปเปิ้ลสองลูกจากแผงขายผลไม้
“ฮ้า ราคาแค่นี้เองหรือ" ธีรดนย์อุทานเมื่อเห็นวิธวินท์ยื่นเงินให้คนขาย
“คุณจะคิดว่ามันจะกี่บาทล่ะ นี่ตลาดสดนะ ไม่ใช่วิลล่า"
“ที่คลับผม ชาร์ทลูกละ 150 บาท บวกบวก"
“มิน่า คุณถึงรวย" วิธวินท์เบ้ปาก
“อืม น่่าสน" ธีรดนย์พยักหน้า หรี่ตาใช้ความคิด วิธวินท์เหลือบตาไปมองแล้วรอฟังว่าเศรษฐีไนท์คลับคนนี้จะพูดอะไรที่น่าหมั่นใส้ต่อ
“ถ้าผมซื้อตลาดนี้ทั้งตลาด ผมก็จะทำกำไรมหาศาล แอปเปิ้ลลูกหนึ่งผมขายได้ 150 บาท ทั้งที่ต้นทุนไม่กี่บาท ลองคิดดูสิว่ผมจะได้กำไรเท่าไหร่ อย่างหมูสับที่คุณซื้อไปเยอะแยะ 50 บาทน่ะ ผมอาจจะขายได้ถึง 300 บาท คุณรู้ไหม ไอศครีมเอพริคอทสกู๊ปเล็กๆ บน Dusitia ที่ The Dazzle เราชาร์ทตั้ง400 บวกบวก หน้าร้อนมีเมนูพิเศษด้วย ข้าวเหนียวมะม่วงชุดละ 600 บาท ทำเป็นชิ้นวางไว้บนช้อน ตักเข้าปากได้เลย มีสี่ช้อน ช้อนละ 150 บาทบวกบวก หึ หึ หึ" ธีรดนย์หัวเราะในลำคอ "ทำเป็นตลาดสวยๆ ให้คนขายแต่งตัวไทยๆ ทำเหมือนย้อนยุคไปซักสามสิบปี แต่ต้องสะอาดนะ เอาไว้ให้แขกรวยๆ ที่คลับผมมาจ่ายตลาด"
“บ้ากันไปใหญ่แล้ว" วิธวินท์ส่ายหน้าแล้วเดินหนีอีกครั้ง ธีรดนย์เดินตามและเอาแต่พร่ำถึงโครงการร้อยล้านพันล้าน เมื่อวิธวินท์เดินมาถึงรถ ธีรดนย์จึงรีบเข้ามาจับมอเตอร์ไซด์ของวิศวกรหนุ่มเอาไว้และพูดว่า
“ไปบ้านผมนะวิธวินท์ กินกันเสร็จจะได้ไปสนามบินเลย ผมอยากเล่นสาดน้ำสงกรานต์ใจจะขาด ผมไม่ได้เปียกน้ำมานานมากแล้ว" ธีรดนย์ลากเสียงให้อีกฝ่ายรู้ว่านานมากจริงๆ
“คุณทำกับข้าวด้วยหรือ"
“เปล่า" ธีรดนย์ส่ายหน้า "แต่ผมมีครัว คุณก็เห็น เสียเงินทำครัวไปเกือบล้าน ได้โอกาสเปิดเตาซะที คุณรู้ไหม ครัวผมนี่มาตรฐานโรงแรมเลยนะ มีอุปกรณ์ทุกอย่างครบ วัสดุทุกชิ้นส่งมาจากอิตาลี่ เครื่องครัวจากเยอรมัน พอดีผมมีคนรู้จัก เป็นลูกค้าที่ The Dazzle เขาเลยขายให้ผมราคาพิเศษลด 10 เปอร์เซนต์ มีบริการหลังการขายตลอดชีพด้วยนะ"
“บริการหลังการขายเครื่องครั้วนี่นะ" วิธวินท์ไม่อยากจะเชื่อหู
“เช่น ถ้าหูจับกระทะมันหลวม หรือฝาล๊อคหม้อตุ๋นมันปิดไม่สนิท เอ่อ แล้วก็...”
วิธวินท์ไม่รอฟังธีรดนย์สาธยายเรื่องครัวราคาเป็นล้าน วิศวกรหนุ่มสตาร์ทรถแล้วทำท่าจะออกรถ ธีรดนย์จึงหยุดบรรยายคุณลักษณะเครื่องครัวของตัวเอง
“จะถือถุงพลาสติกขับมอเตอร์ไซด์แบบนี้หรือไงวิธวินท์" ธีรดนย์ท้วง
“งั้นคุณถือไป" วิธวินท์ยื่นถุงพลาสติกในมือให้อีกฝ่่าย
“มันจะเลอะเบาะรถผมไหมเนี่ย"
“คุณธีรดนย์" วิธวินท์ชักจะรำคาญคนเข้าปัญหา
“ได้ๆ แต่ต้องไปทำที่บ้านผมนะ ไม่งั้นคุณไม่ได้กินแน่ๆ ผมจะเก็บไอ้พวกนี้เข้าตู้เย็นให้หมด คุณรู้ไหม ตู้เย็นผมเก็บอาหารสดได้เป็นเดือนโดยไม่เสีย นำเข้าจากอิตาลี่ คุณรู้ไหมผมชอบของจากอิตาลี่ เสียเงินไปหลายแสนเหมือนกัน เกือบจะพอๆ ที่ผมซื้อDucati เอาไว้ไปขับเล่นกับคุณ"
“ตู้เย็นเอาไว้แช่น้ำไม่กี่ขวดกับเบียร์สองสามกระป๋อง" วิธวินท์เบ้ปากเมื่อนิึกภาพตู้เย็นขนาดมหึมาที่สูงเกินความสูงของเขาไปเกือบสิบเซ็นติเมตร จากนั้นทะยานรถออกไป ทิ้งให้ธีรดนย์ยืนอยู่คนเดียวและมองตามพ่อครัวขาซิ่งยิ้มๆ รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
...ครั้งต่อไป สงสัยต้องนุ่งกางเกงยีนส์ถูกๆ ยี่ห้อGuess กับเสื้อยืดธรรมดาๆ สีเข้มของ DKNY แล้วก็สวมร้องเท้าผ้าใบมาตลาด จะได้คล่องตัว วันนี้ผิดกาละเทศะไปหน่อย...
...และต่อไป วิธวินท์ต้องทำอาหารให้เขากินบ่อยๆ รู้สึกอยากจะกินต้นยำกุ้งยังไงก็ไม่รู้ เป็นแฟนกันแล้วนี่ อยากจะกินอะไรก็ต้องทำให้กิน ต้องดูแลกันบ้าง ทำกับข้าวกินด้วยกันเสร็จก็นอนกอดกันเล่นริมสระว่ายน้ำ แล้วก็ควงคู่กันไปออกกำลังกายที่ยิม จากนั้นไปสปา ไปดูหนังฟังเพลง แล้วค่อยมานอนกอดกันเล่นบนเตียง...
...จากนี้ไป เขาจะมีเวลาว่างมากกว่าเดิมเพราะเขากำลังจะขายกิจการคลับ The Dazzle...
...เขารู้ว่าวิธวินท์ไม่ค่อยชอบ เคยพูดกระทบอยู่บ่อยๆ ว่าเขามีบริษัทผลิตเหล้าไม่พอ ยังมาเป็นเจ้าของไนท์คลับด้วย ผิดศีลห้า...
...อืม ทำธุรกิจตลาดสดก็ไม่เลว เก็บเงินค่าเช่าอย่างเดียว ไม่ต้องเหนื่อยทำอะไรมาก และที่สำคัญ วิธวินท์จะได้ทำกับข้าวให้เขากินทุกวัน และถ้าวันไหนครึ้มๆ ก็ให้วิธวินท์ถอดเสื้อ นุ่งแค่บ๊อกเซอร์ตัวรัดๆ อวดก้นงอนๆ ยืนทำอาหารเซ็กซี่ที่สุด เสร็จแล้ว ก็ดึงกางเกงลงมา จากนั้นก็มีอะไรกันบนโต๊ะกับข้าว เอาน้ำหวานราดตัว แล้วก็ใช้ลิ้นเลียให้สะอาด...
...โอย แค่คิดก็มีความสุขแล้ว...
ป.ล. คุณตฤณไม่ได้เซ็กส์เสื่อมหรือตายด้านหรอกครับ แค่ง่วงนอนสุดๆ อ่ะ
ถ้าเป็นคุณ แล้วง่วงมากกกๆๆๆ แล้วมีคนมาสะกิด จะอยากลุกเหรอ ไม่ไหวหรอกนะ ขยับเอวไปหลับตาไปหาวไปน่ะ ใครไม่เคยไม่รู้สึกหรอก
เพราะท้ายที่สุดมันก็จะจบลงด้วยประโยคที่ว่า "ที่รักจ๋า พี่ว่าเรานอนกันเถอะ ยังไงก็ไม่ถึงไหนหรอก"ป.ล. สั้นแต่มีคุณภาพครับ ดีกว่ายาวแล้วจุก