รถแล่นมาถึงเรือนไทยหลังใหญ่ และเป็นไปตามคาด บรรดาสุนัขทั้งสามวิ่งรี่มาต้อนรับ ร่างโปร่งลงจากรถไปพร้อมไก่ย่างถุงใหญ่ โจ๋น้อยจมูกดีรีบผละจากทิเบตอ้อมรถมาทำตาใสใส่ร่างโปร่งที่กำลังแกล้งสุนัขตัวเอง ชูถุงไว้เหนือหัวพวกมันพร้อมหัวเราะร่วน
“อยากกินล่ะสิ ตามมาๆ”
ข้าวหอมพาพวกมันไปยังโต๊ะหิน แสงไฟจากระเบียงทำให้รู้ว่าบิดากลับมาแล้ว
“ไปแกล้งมัน ไม่เห็นเหรอว่าน้ำลายมันไหลเป็นทางแล้ว”
ทิเบตนั่งลงใกล้ๆ และทนไม่ไหวที่อีกฝ่ายยังถือไก่ย่างโยกไปทางซ้ายทีขวาทีให้ลูกกะตาหมาเคลื่อนตามไม่วางตา ชายหนุ่มจึงหยิบไก่ย่างออกมาแกะไม้ออกแล้วฉีกป้อนโจ๋น้อยกับหมูอ้วนที่เปลี่ยนข้างมานั่งคอย กระดิกหางเร็วพร้อมเลียปาก ดวงเปล่งประกายดีใจสุดฤทธิ์
เห็นดังนั้นข้าวหอมจึงฉีกไก่ย่างส่งให้ไอ้โก๊ะที่นั่งรออย่างกระสับกระส่าย พร้อมลูบหัวมันแรงๆ
“กินเยอะๆนะ ซื้อมาให้เพียบเชียวล่ะ”
ทิเบตยิ้มบางๆขณะป้อนไก่ย่างให้เจ้าสี่ขาสองตัว แล้วหันมองร่างโปร่งที่ยังคอยแกล้งไอ้โก๊ะเป็นระยะๆ ให้กระโดดงับไก่กลางอากาศอยู่เรื่อยๆ
กรรมของมันจริงๆที่มารักเจ้านายแบบนี้
ชายหนุ่มก้มหน้ายิ้มกับโจ๋น้อยที่ยังคอยไก่ย่างชิ้นต่อไปอยู่
เขาก็ด้วยนี่นา...
อากาศเย็นๆกับอารมณ์โปร่งโล่งสบาย เผลอแป๊บเดียวไก่ย่างก็หมดลงอย่างรวดเร็ว แต่พวกมันก็ยังนั่งคอยอยู่เช่นเดิม จนทิเบตอยากหัวเราะกับความใสซื่อของพวกมัน
“หมดแล้วๆ ไว้ค่อยกินใหม่วันหลังนะ”
ทิเบตโยกหัวหมูอ้วนตัวเตี้ยเบาๆแล้วลุกยืนชวนข้าวหอมขึ้นเรือน
ข้าวหอมรีบเข้าไปล้างมือและเลยอาบน้ำไปด้วย ออกมาก็เห็นทิเบตนั่งเก้าอี้ใกล้หน้าต่างมองท้องฟ้าคืนข้างแรมอย่างแปลกใจ
‘มืดๆแบบนั้นมีอะไรน่าสนใจ’
“ไม่อาบน้ำเหรอ”
เสียงเรียกของข้าวหอมทำให้ทิเบตตื่นจากภวังค์ คลี่ยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย จากนั้นจึงลุกเดินสวนเข้าห้องน้ำ ข้าวหอมเช็ดผมจนแห้งแล้วเอนหลังบนที่นอนนุ่มช้าๆ เสียงครางพอใจดังขึ้นในลำคอ
ไม่ได้ออกกำลังเสียนาน เมื่อยขาไปหมด ข้าวหอมคิดพลางบิดขี้เกียจแก้ความเมื่อยขบแล้วหันหน้ารับสายลมเย็นพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายใน ร่างโปร่งนอนตะแคงมองเหม่อไปในความมืด ลิบๆเหนือฝากฟ้าคือดวงดาวส่องสว่างกลางท้องฟ้าคืนข้างแรม เปล่งประกายระยิบระยับจับตา
เมื่อครู่อีกฝ่ายคงมองอยู่สินะ
คิดถึงชายหนุ่ม เหตุการณ์เมื่อตอนหัวค่ำก็หวนกลับมาทำให้ข้าวหอมเผลอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนเคลิ้มจะหลับ
ทิเบตกลับมานั่งบนเตียงมองร่างโปร่งนอนหันหลังให้โดยไม่ห่มผ้าห่ม ชายหนุ่มจึงคลี่ผ้าคลุมร่างเล็กให้เบามือ ทว่ากลิ่นหอมโชยอ่อนแตะจมูกทำให้ทิเบตไม่อาจดึงตัวออกห่างอีกฝ่ายได้ นิ่งงันมองซีกหน้านวลหลับตาพริ้มไม่ต่างกับเด็ก แต่ริมฝีปากอิ่มเหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงแวววาวกลับดูเชิญชวน และคนที่เคยสัมผัสมาก่อนเช่นเขาจะไม่รู้เชียวหรือว่า มันอวบอิ่มหวานล้ำขนาดไหน
ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดใบหน้า ข้าวหอมที่ยังไม่หลับสนิทจึงลืมตาขึ้นก็พบใบหน้าคมคายลอยอยู่ไม่ห่าง
“...นาย”
“นอนไม่ห่มผ้า”
ข้าวหอมเหลือบมองผ้าห่มคลุมมาถึงหน้าอกแล้วจึงระบายยิ้มเกลื่อนใบหน้า รู้สึกดีใจบอกไม่ถูก
“วันนี้สนุกรึเปล่า”
“อืม”
ทิเบตทิ้งน้ำหนักลงศอกเท้าคางมองคนถาม ระยะห่างไม่กี่คืบ
“พรุ่งนี้เป็นวันทิ้งกระจาด เด็กๆจะไปรอรับไม้ติ้วเอาไปแลกของ จะไปดูอีกมั้ย ตอนบ่ายแก่ๆโน่นแน่ะ”
“เอ คงไม่ได้หรอก ต้องไปดูที่อีกแปลงหนึ่ง”
“เหรอ”
“หอมอยากไปหรือ?”
ข้าวหอมส่ายหน้า “เหมือนกันทุกปีล่ะ แต่เผื่อนายอยากไปดู อยู่แต่บ้านกลัวจะเบื่อ”
กระแสความอ่อนโยนผ่านน้ำเสียง กับใบหน้าที่เฝ้าปรารถนาอยู่แค่คืบ ทิเบตอดใจไม่ได้ ลดมือไปเกลี่ยเส้นผมนิ่มลื่นบริเวณขมับให้อย่างรักใคร่
อะไรบางอย่างกำลังเอ่อล้นท่วมหัวใจ
“ได้อยู่ใกล้หอมฉันจะเบื่อได้ยังไง”
น้ำเสียงอ่อนหวานกำซ่านไปทุกรูขุมขน แม้รู้สึกเก้อเขินแต่ไม่อาจหลบตาคนตรงหน้าได้ ริมฝีปากอิ่มหยักโค้งจึงเม้มเป็นเส้นตรงข่มความประหม่าไว้อย่างยิ่งยวด
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกันแบบนี้
สัมผัสที่แสนวาบหวามชวนให้เลือดในกายเดือดพล่าน
กลิ่นจำเพาะของร่างขาวนวลลอยแขวนในอากาศ ทำเอาลมหายใจทิเบตสะดุดเป็นห้วงๆ พินิจใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูซ่อนความประหม่าไว้ไม่มิด
เหมือนเวลาหยุดนิ่ง ข้าวหอมกลั้นหายใจมองลูกกระเดือกอีกฝ่ายขยับขึ้นลง พลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างขลาดๆ ฟังเสียงลมหายใจถี่กระชั้นของชายหนุ่มแรงขึ้นอย่างมีความหมายและความหวัง
เมื่อศีรษะชายหนุ่มก้มลง ข้าวหอมจึงหลุบตารอรับสัมผัสอ่อนหวานด้วยความยินดีเป็นล้นพ้น
กลีบปากอ่อนนุ่มเผยอรับลิ้นร้อนชื้นเข้ามากระหวัดรัดดูดดึง ให้เคลิบเคลิ้มไปกับกลิ่นหอมรัญจวน ร่างโปร่งเผลอกระชับจับต้นแขนอีกฝ่ายแน่น ราวกับกลัวว่าร่างหนักๆนี้จะลอยหายไปต่อหน้าต่อตา
ทิเบตเวียนจูบไปตามมุมปาก โหนกแก้ม ปลายคางอย่างไม่รู้เบื่อ เมื่อลิ้นเล็กๆตอบรับเกี่ยวกระหวัด ชายหนุ่มจึงย่ามใจสอดฝ่ามือเคล้นคลึงแผ่นอกแบนราบหากเนียนนุ่ม ความรุ่มร้อนกระหายอยากเผาผลาญสติสัมปชัญญะ ได้ยินเพียงเสียงหัวใจตัวเองเต้นถี่รัวดังก้องโสตประสาท
ร่างโปร่งร้องครางเมื่อถูกฝ่ามือหนักบีบเคล้นไปตามผิวกายและยอดอกไวสัมผัส เหมือนชายหนุ่มกำลังตอกย้ำให้ตัวเองรู้สึกถึงการมีอยู่ของคนใต้ร่าง ก่อนลากเน้นหนักไปตามชายโครงจนถึงส่วนกลางลำตัวที่กำลังเปลี่ยนรูปร่าง
มือใหญ่เข้ากอบกุมส่วนร้อนรุ่ม จากนั้นจึงออกแรงบีบกลุ่มก้อนอ่อนไหวตามแรงอารมณ์
“อะ!”
ข้าวหอมสะดุ้งเนื้อตัวกระตุก หากแต่แรงกระตุกนั้นกลับกระชากร่างสูงผงกศีรษะขึ้นมองใบหน้าแดงเรื่อทันที
ท่ามกลางแสงไฟสีนวลดวงเล็กลิบหรี่หัวเตียง ประกายตาสองคู่กำลังจ้องมองกันสั่นไหว สายลมเย็นค่อยๆพัดผ่านพาความร้อนรุ่มในอกจางหายไป และเริ่มมีสติตรึกตรองสิ่งที่กำลังกระทำอยู่
ทิเบตละล้าละลังชักมือออกจากแกนกายอีกฝ่าย
เขาได้ตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเองไปแล้ว
แล้วควรแล้วหรือ
ควรแล้วหรือจะตักตวงความสุขจากการไม่ยับยั้งชังใจในครั้งนี้ แล้วต้องทรมานไปชั่วกัปชั่วกัลป์
ดวงตาฉายแววเจ็บปวดสุดแสน สะกดกลั้นความปรารถนาทุกอย่างไว้ในซอกหนึ่งของหัวใจ ด้วยกลัวว่าหากถลำลึกไปในคราวนี้แล้ว เขาคงไม่ยอมปล่อยมือจากอีกฝ่ายไปชั่วชีวิต แม้จะได้มาแต่ตัวไร้ซึ่งหัวใจ เขาก็จะไม่ยอมมือเป็นอันขาด
จะกักขังเหนี่ยวรั้งไว้ข้างกายตลอดไป...
และนั่นคือสิ่งเดียวที่เขาไม่ต้องการทำ
ทิเบตลูบพวงแก้มสีเรื่อแผ่วเบา
ข้าวหอมเอียงคอมองร่างสูงนิ่งงัน ดวงตาหวานฉ่ำปรือมองด้วยความงุนงงเหมือนถูกดึงจากปุยเมฆลงสู่พื้นดิน
เขาทำอะไรผิดหรือ
และก่อนจะได้เอ่ยปากถาม ทิเบตก็แนบริมฝีปากกับหน้าผากมนเนิ่นนานหนักหน่วง แล้วค่อยๆถอนออก
“นอนซะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลุกไม่ไหวนะ”
ร่างสูงพลิกตัวออกจากอีกฝ่าย จากนั้นจึงจัดผ้าห่มคลุมให้อย่างดี โดยมีดวงตาใสแจ๋วจ้องมองอยู่ตลอด
ความสับสนในดวงตาคู่สวยทำให้ทิเบตคลี่ยิ้มบาง สอดแขนประคองศีรษะอีกฝ่ายเข้ามาแนบอก เหมือนจะกล่อมให้นอน หากมือใหญ่กลับสั่นสะท้าน ยิ่งทำให้ข้าวหอมรู้สึกผิดปกติ ใจหายวูบ เริ่มไม่ไว้ใจในรอยยิ้มที่ฉาบบนใบหน้าอ่อนโยนนั้น
ความอบอุ่นเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความหนาวเหน็บโดยไม่รู้ตัว
อะไรบางอย่างกำลังร้องบอกว่า เสียงของเขาไปไม่ถึงชายหนุ่ม
ไปไม่ถึงหัวใจชายหนุ่มที่ปิดตายไปเสียแล้ว
มือเล็กกำชายเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่นจนปลายเล็บจิกเข้าไปในเนื้อก็ไม่รู้สึกเจ็บปวด เปลือกตาบางฝืนปิดลงอย่างยากเย็น
มีบางอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป
ทิเบตประคองกอดร่างบางมองกลุ่มผมนุ่มสลวยทอดเคลียหัวไหล่ ในอกเจ็บยอกแต่พยายามฝืนตัวเองสุดกำลัง
ขอโทษ
เขารักษาสัญญาไม่ได้อีกแล้ว
เขาไม่สามารถอยู่ใกล้ๆได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร
มันทรมานเหลือเกิน
และก่อนจะบังคับตัวเองไม่ได้ เขาต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม
ทิเบตหลับตาลงอย่างอ่อนล้า
แม้คืนนี้ดวงดาวจะเปล่งประกายสุกสว่าง แต่มันก็ยังเป็นคืนเดือนมืดอยู่ดี
………….TBC…………….
See you on Thursday