มาต่อถี่ไปมั้ยอ้ะคะ?
แบบว่ารู้สึกตัวเองบ้าพลังยังไงไม่รู้

แต่ๆๆ........เขียนมาแล้ว ใครใคร่อ่านอ่าน นะคะ จุ๊บๆ กอดๆ
.................................
.................................
ตอนที่๒๓ บทสนทนาของพี่น้อง“ฟ้าๆๆ”
“ว่าไงชมพู เปียกมาเลย”
พี่อากาศที่นั่งปล่อยให้ทีวีดูตัวเองอยู่หันไปตามเสียงเรียกของพี่พิภพน้องชายคนเดียวของแก คนที่ทำให้พี่ชายได้เจอพรหมลิขิตของแกอีกครั้ง
อย่าได้งงไป คือว่าที่พี่อากาศแกต้องพยายามหาทางเรียกร้องความสนใจ ให้ตัวป่วนมันจำตัวเองได้น่ะมันมีเหตุ
ใช่ว่าพี่แกจะเริ่มจีบด้วยการเขียนเพลงยาวส่งแต่แรกเสียเมื่อไหร่
แกพยายามทำอย่างอื่นแบบที่คนทั่วไปเขาทำกัน อย่างส่งสายตา พาตัวไปให้เห็น
เคยทำแม้แต่เนียนเข้าไปช่วยหยิบของตอนที่ตัวป่วนมันซุ่มซ่ามทำของตกแล้วพยายามพรีเซนต์ตัวเองสุดฤทธิ์ด้วยซ้ำ
แต่วิธีการเหล่านั้นไม่เคยได้ผล....ไม่มีวี่แววว่าตัวป่วนมันจะจำพี่อากาศแกได้สักที
อยากรู้แล้วรึยังว่าครั้งที่สองที่ทำให้พี่อากาศแกปักใจเชื่อว่าไอ้หนูป่วนมันคือคนที่ “ใช่” สำหรับแกน่ะ มันเกิดขึ้นตอนไหน........
---วันที่ 10 พฤษภาคม 2544---
วันแรกพบ“น้องๆปีหนึ่งกิจกรรมต่อไปเป็นกิจกรรมเพื่อให้พี่ๆได้รู้จักน้องๆเฟรชชี่นะคะ เราจะเล่นเกมส์หาของกัน กติกาง่ายๆคือ พี่จะพูดชื่อสิ่งของที่น้องๆต้องไปหามาให้ได้ ใช้วิธีไหนก็ได้ยกเว้นวิ่งไปซื้อ เช่น พี่บอกว่า ‘ดินสอกด’ น้องๆก็ต้องไปหาดินสอกดมาไว้ในกลุ่มให้ได้ มีเวลาจนกว่าเพลงจะจบ ทุกคนในกลุ่มต้องช่วยกันนะคะ อีกอย่าง....ถ้าคิดว่าจะไปขอของจากรุ่นพี่ อย่าลืมแนะนำตัวด้วยนะ บอกชื่อจริง ชื่อเล่น แล้วก็ข้อมูลส่วนตัวอะไรก็ได้ แต่ต้องให้แน่ใจว่าพี่คนที่น้องไปขอจะจำน้องได้ เข้าใจนะ”
“เข้าใจครับ/ค่ะ”
“เอาล่ะพร้อมม้ายยยยยย?”
“พร้อมมมมมมมมมม”
อย่าไปสนใจดีกว่าว่าไอ้รุ่นพี่บ้านั่นมันออกคำสั่งให้น้องๆเฟรชชี่ไปหาของอะไรกันบ้าง สนใจวิธีการได้มาซึ่งของตามคำสั่งของรุ่นพี่ที่ชอบแกล้งน้องกันทุกคนดีกว่า
ในเมื่อส่วนใหญ่ของที่ต้องการจะมีอยู่ที่รุ่นพี่ เพราะฉะนั้นกว่ารุ่นพี่ทั้งหลายจะยอมยกของให้น้องๆได้ ก็ต้องมีเหนื่อยกันบ้าง
อาจจะต้องทำตามคำสั่งกระโดดกบสิบครั้ง เดินเป็ดรอบสนาม หรือร้องเพลงรักให้ฟังก่อน แต่เราก็จะไม่ใส่ใจ เพราะที่เราสนใจคือคำสั่งนี้ต่างหาก
“เอาล่ะ ของชิ้นต่อไป ‘ปากกาหมึกสีเขียว’ เริ่มได้”ไอ้หนูป่วนตอนนั้นเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่เข้าใจว่าเป็นรุ่นพี่ปีแก่ๆคนหนึ่ง
มันเห็นใบหน้าประดับแว่นนั่นปุ๊บ ความรู้สึกก็บอกว่าพี่คนนี้ใจดีแน่นอน มันก็เดินตรงเข้าไปหา
“พี่ครับ ผมชื่อศศินทร์ ชื่อเล่นชื่อป่วน เป็นลูกคนเล็กแล้วก็ชอบสีฟ้า พี่มีปากกาหมึกสีเขียวรึเปล่า?”
พี่อากาศที่เผอิญเอาของที่น้องชายสุดที่รักลืมไว้ที่คอนโดทั้งๆที่จำเป็นต้องใช้วันนี้มาส่งให้ กำลังจะเดินผ่านบริเวณที่ปีสองใช้ทำกิจกรรมรับน้องไปก็สะดุดตากับเด็กผู้ชายใบหน้าเปื้อนยิ้มที่แสนคุ้นตาพอดี
พอมองไป น้องมันก็มองมา สบตากันปุ๊บพี่อากาศแกก็รู้สึกว่าเวลากำลังย้อนกลับ เพ่งให้แน่ใจอยู่เชียวว่าใช่รึเปล่านะ เด็กที่ได้พูดกันแค่ประโยคเดียวในลิฟต์วันนั้น
คำเฉลยก็มายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับรายงานชื่อตัวเองให้รู้เสร็จศัพท์ พี่อากาศที่ติดนิสัยพกปากกาสีติดตัว แถมวันนี้ยังโชคดีสองชั้นเพราะด้ามที่พกมาเป็นสีเขียว ก็จัดการล้วงกระเป๋าเสื้อ หยิบปากกาส่งให้ไอ้หนูป่วนผู้ซึ่งไม่รู้เลย ว่าต่อแต่นี้ชีวิตของมันจะต้องเปลี่ยนไป
................................
................................
คืนนั้นกลับถึงบ้าน พี่อากาศวุ่นวายใจอยู่จนดึกดื่น จะบอกว่าคนหน้าเหมือนก็ไม่ใช่ ก็เพราะพี่เขาจำได้ว่าบนเสื้อนักเรียนของเด็กในลิฟต์คนนั้นปักชื่อเอาไว้
....ศศินทร์.......ในที่สุดเราก็เจอกันอีกจนได้น่าสงสารพี่อากาศแกจริงๆที่ไอ้หนูป่วนมันเป็นประเภท ถ้าเป็นคนที่ไม่สนิท แบบว่า ‘ไม่ใช่เพื่อน’ หรือใครก็ตามที่แค่เดินผ่านไปผ่านมาตามท้องถนนแล้วล่ะก็ มันก็จะไม่สนใจ ไม่ใส่ใจไปเสียทั้งหมด
ด้วยเหตุผลที่ไอ้หนูป่วนมันเป็นอย่างนี้ ความพยายามเสนอหน้าและเสนอตัวของพี่แกเลยไม่บังเกิดผลใดๆเสียที
พยายามอยู่ครึ่งปี จนในที่สุดแกก็ปิ๊งไอเดีย ว่าถ้าทั้งหน้าทั้งตัวนี่มันไม่สะดุดตานัก งั้นก็จะใช้ความคิดนี่แหละเป็นตัวเจาะเข้าไปถึงตัวไอ้หนูป่วนมันให้ได้
ไม่ว่ายังไงก็จะทำให้เจ้าของรอยยิ้มที่ประทับอยู่ในใจตั้งแต่แรกเห็นมาเป็นคนข้างใจให้ได้เลย
................................
................................
“อืม พอออกจากสถานีบีทีเอสฝนก็เท เลยไม่ได้ซื้ออะไรกินเลยอ้ะ หิวว่ะ”
“มีข้าวก้นหม้อเหลืออยู่หน่อย แล้วก็ผัดกะหล่ำ ชมพูไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวไม่สบาย เราจะอุ่นข้าวไว้ให้”
“ผัดกะหล่ำที่อยู่ในตู้เย็นอ้ะนะ?”
“อืม.....”
“โอเค เดี๋ยวเรามา”
ไม่ถึงสิบนาทีนายพิภพคนหิวก็ออกมาในสภาพกางเกงเลกับเสื้อกล้ามเน่าๆ บนหัวมีผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่เจ้าตัวใช้ขยี้ผมอยู่อย่างเมามัน
พี่ชายที่แสนดีจัดการตักข้าวใส่จานพร้อมราดกับที่มีอยู่อย่างเดียววางไว้ให้บนโต๊ะหน้าทีวีเรียบร้อย
“หน้าตาแย่แต่รสชาติใช้ได้ ใส่ปลาเค็มด้วยเหรอ.....แปลก ฟ้าไม่เคยทำแบบนี้นี่?”
พี่น้องคู่นี้นิสัยพอกัน กินอย่างเดียวไม่ได้ ต้องวิจารณ์ไปด้วย
“ก็เราไม่ได้เป็นคนทำ......”
“ฮ้า....นี่หลอกน้องเรามาบ้านได้แล้วเหรอ?”
“ไม่ได้หลอกเว้ย พูดดีๆ”
เอิ่ม.....ปฏิเสธเต็มปากเต็มคำมาก ได้ข่าวว่าขับรถมาถึงแล้วค่อยบอกไม่ใช่เรอะว่าที่นี่เป็นคอนโดแกอ้ะ
แถมถ้าไอ้หนูป่วนมันไม่ถามตั้งแต่ลานจอดรถคงได้มารู้ตอนอยู่ในห้องแล้วมั้ง
“ตอนพาไปบ้านสุพรรณก็เข้าใจนะว่าจะพาไปเปิดตัวกับพ่อจ๋าแม่จ๋า แต่พามาบ้านนี้นี่....เราชักไม่ไว้ใจว่ะ คิดจะรวบหัวรวบหางน้องเราเรอะ?”
“ก็ เด็กมันน่ารัก น่ากอด น่า.....”
พูดไปก็ทำหน้าเคลิ้มไป แถมเอาปลายนิ้วมาแตะแก้มซ้ายตัวเองอีก พี่ชมพูแกรู้หมดแล้วว่านอกจากมาทำกับข้าวให้กิน ตัวป่วนมันยังทำอะไรไว้บ้าง
“พอเลย ท่าทางอย่างนี้แสดงว่ายังไม่ได้ทำไอ้ ‘น่า’ สุดท้ายนั่นใช่มั้ย?”
ช้อนในมือถูกยกมาชี้หน้าพี่ชายสุดที่รัก พร้อมน้ำเสียงคาดคั้นที่ออกจากปากที่มันเยิ้มเพราะผัดผัก เอ่อ....น่าเกรงขามมากพี่ชมพู ฮ่าๆๆๆ
“ยัง......”
ส่วนคนนี้ก็ตอบน้องด้วยน้ำเสียงละห้อยปนหมายมั่น ประมาณว่าถ้าทำได้ไม่มีทางจะยอมพลาดแน่
“ฝึกงานเป็นไงบ้าง?”
“เหนื่อย นี่ถ้าไม่ต้องนั่งรถเมล์สองต่อ แล้วยังมาต่อบีทีเอสอีกคงสบายกว่านี้”
“เอารถเราไปใช้ไม่ได้เหรอ?”
“เอาไปก็ไม่มีที่จอดอ้ะ ไปจอดทิ้งๆขว้างๆเดี๋ยวก็เป็นห่วงรถอีก”
กินเสร็จพี่ชมพูก็เดินเอาจานไปล้างเรียบร้อย ยกน้ำในตู้เย็นกรอกใส่ปากอั้กๆแล้วก็กลับมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพี่อากาศอีกครั้ง
“ฟ้า....ไอ้ป่วนมันเด็กดีนะ จะทำอะไรน้องมันก็คิดให้ดี อย่าให้มันต้องเสียใจเข้าใจมั้ย?”
“เฮ้ย....คนนี้ตัวจริงนะ เรารักจริงหวังแต่งงานเลย ตามเฝ้าตามดูมาตั้งนาน”
“เรารู้ แต่น้องมันไม่ได้รู้ด้วย ป่วนมันเพิ่งรู้จักฟ้ามาไม่ถึงเดือนเลยนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกชมพู เราไม่เร่งรัดตัวป่วนหรอก เรารักเราก็ต้องถนอมสิ เรารู้หรอกว่าน้องมันเด็ก เรียนๆเล่นๆไปวันๆ ก็ขนาดจูบ ยังไม่เป็นเลย.....”
พูดเองแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เองอยู่คนเดียว หมั่นไส้จริงเว้ย
“ฟ้ามั่นใจในความรู้สึกของตัวเองมันก็ดี แต่ถ้าจะมีอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ เราแนะนำว่าฟ้าควรจะมั่นใจในความรู้สึกของไอ้ป่วนมันที่มีให้ฟ้าด้วยนะ”
“เราก็มั่นใจนะ เวลาที่ตัวป่วนอยู่กับเรา เรารู้สึกได้ว่าน้องมันก็มีใจ แต่เราสัญญากับชมพูก็ได้ เราจะรอ จนกว่าตัวป่วนจะพูดออกมาจากปากว่ารักเรา เราจะไม่คิดสรุปเอาเองเด็ดขาด ให้สัญญาอย่างนี้แล้ว.....พอใจรึยังน้องชายที่เคารพ?”
“ทำได้อย่างนั้นก็ดีแล้ว.....งั้นเราไปนอนเลยนะ พรุ่งนี้วันเกิดเค้ก”
“ยังไงกินยาไว้ก่อนก็ดีนะชมพู”
พี่ชมพูมันหันมาพยักหน้าให้พี่ชายหนึ่งหงึก แล้วก็เดินเข้าห้องส่วนตัวไป ทิ้งให้พี่อากาศนั่งถอนใจอยู่ที่เดิมตามลำพัง
............................
............................
“พี่ฟ้า....เพิ่งแยกกันเมื่อหัวค่ำ ไม่ต้องโทรมาราตรีสวัสดิ์ผมก็ได้”
//ถ้าไม่ได้ราตรีสวัสดิ์ตัวป่วนพี่จะหลับฝันดีได้ยังไงล่ะ?// นี่ก็หวานไม่บันยะบันยัง มาถึงก็หยอดน้องมันเลย
“งั้นพี่ฟ้าพูดมาสิ ผมง่วงแล้วด้วย ขืนช้าผมหลับไปก่อนไม่รู้ด้วยนะ”
//อย่ามาแกล้งหลอกพี่เลย เสียงใสอย่างนี้มาบอกว่าง่วง ฮ่าๆๆๆ//
“แย่ๆ รู้ทันอย่างนี้ก็แกล้งไม่สนุกสิ”
เอาน่าตัวป่วน แกล้งไม่สนุกแต่คุยทางโทรศัพท์ยังมีอารมณ์ร่วมถึงขั้นย่นจมูกใส่โทรศัพท์นี่ก็ถือว่าใช้ได้อยู่นะ
//งั้นคราวหน้าพี่จะทำเป็นไม่รู้ ดีมั้ย? แต่ห้ามเบื่อพี่เชียว ไม่งั้น......//
“ไม่งั้นอะไร?”
//อืม....ไงดีล่ะ ไม่งั้นพี่จะฟ้องแม่จ๋า ว่าตัวป่วนเบื่อพี่ ไม่รักพี่แล้ว....ดีมั้ย?//
“เหอะ พี่ฟ้านี่ขี้ตู่จริงๆ ผมยังไม่เคยบอกว่ารักพี่สักคำ”
//ว้า....แย่จัง นึกว่าจะหลุดปากมาสักนิด พอให้พี่ได้ชื่นใจ......//
เสียดายแทนหนูป่วนมันที่ไม่ได้เห็นสีหน้าของพี่อากาศแก น้ำเสียงน่ะล้อเลียนล้อเล่น แต่สีหน้านี่สิบ่งบอกชัดเจนว่าเสียดายเอาจริงๆ
“พี่ฟ้า......รอผมอีกหน่อยนะ สัญญา...ถ้าผมแน่ใจเมื่อไหร่ ผมจะบอกกับพี่เอง”
//พี่จะรอ ให้นานแค่ไหนก็จะรอ....//
“ผม.....ไม่ใจร้ายให้พี่รอนานหรอกน่า....ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะพี่ฟ้า”###ตื๊ดดดดดดดดดดดด ตื๊ดดดดดดดดดด###
ไอ้หนูป่วนนอนกลิ้งไปมาหน้าแดงอยู่บนเตียง ไม่เข้าใจตัวเองว่ากล้าพูดออกไปแบบนั้นได้ยังไง
ในขณะที่พี่ฟ้าของมันก็หน้าแดงเหมือนกัน แต่เป็นหน้าแดงเพราะความดีใจ......
‘ที่บอกว่าจะไม่ให้พี่รอนาน......มันหมายถึงกี่วันกันนะตัวป่วน’
.......................
.......................
..โปรดติดตามตอนต่อไป..