Running โดย aoikyosuke ภาคพิเศษ ตอน บ่น [01/05/12]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Running โดย aoikyosuke ภาคพิเศษ ตอน บ่น [01/05/12]  (อ่าน 149484 ครั้ง)

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † เมพขิง ๆ † [06/04/12]
«ตอบ #360 เมื่อ06-04-2012 14:23:22 »

ตอน เมพขิง ๆ



“นุชา..ให้ไวให้ไว”

สั่งจริงเว้ยเฮ้ย ให้ไวอะไรครับ นี่ก็รีบจะตายห่าแล้วครับคุณ

นุชาเปิดประตูรั้วบ้าน และก็เห็นว่ามีใครบางคนชะโงกหน้าออกมาจากรถที่จอดอยู่หน้าบ้านในเวลาห้าโมงเย็น ตรงเวลาเป๊ะ

ตะโกนเรียก และทำหน้าหงิกใส่อีกต่างหาก
ก็บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ต้องมารับ อยากมาเอง มาแล้วก็ยังจะมาทำหงุดหงิดใส่อีก

ผิดหรือครับ ผมผิดหรือครับคุณซ้ง

“เดินอ้อยอิ่งอยู่นั่น”

อ้อยอิ่งอะไรปิดประตูอยู่ ไม่ได้อ้อยอิ่งเลย นี่ใจคอจะหาเรื่องกันให้ได้จริง ๆ ใช่มั้ย

แล้วยัง....ทำอะไรของเขาวะนั่น

ชะโงกหน้ามาคงไม่สาแก่ใจ พี่ท่านเล่นเดินลงมาจากรถเฉยเลย
แล้วก็มายืนอยู่อีกด้านของประตูรถ......และนั่นดูสิ่งที่ท่านทำ

“เชิญคร้าบบบบบบบบบบ ช้าเหลือเกินครับ”

เปิดประตูรถให้ และยังทำหน้าเฉยเมย แต่คำพูดแต่ละคำที่หลุดออกมาจากปามันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน

หาว่าช้า
หาว่าเดินอ้อยอิ่ง
บอกให้รีบ บอกให้เร็ว บอกให้ไว

ช้าเกิน ช้ามากไม่ทันใจ ช้าจนคุณซ้งผู้มีหน้าตาเมินเฉยและวาจาเชือดเฉือนเป็นอาวุธต้องลงมาเปิดประตูรถให้กันเลยหรือนี่

ไม่ได้มองหน้าของคนที่มาเปิดประตูรถให้ แต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจไม่มีปฏิกิริยากับวิธีการประชดประชันของอีกฝ่าย

คุณซ้งเดินอ้อมมาเปิดประตูรถด้านที่นั่งคนขับและขึ้นมาอยู่บนรถเรียบร้อย
เสียบกุญแจและสตาร์ทรถขับเหยียบคันเร่งและขับออกไปทันที
ทำเหมือนว่าไม่พอใจกันซะขนาดนี้ แล้วผมจะไปทำอะไรได้ครับ

ก็ได้แต่เงียบ แล้วก็มองไปนอกรถ

ทั้งที่มันเพิ่งจะมีอะไรเกิดขึ้น.....มี.....และเพิ่งมีตอนที่คุณซ้งมาส่งที่หน้าบ้านก่อนหน้านี้
ผ่านมาแค่ไม่เท่าไหร่ คงไม่ทำให้ลืมได้ง่าย ๆ

ลืมไม่ได้และแปลความหมายไม่ได้
เพราะคนที่รู้ความหมาย ก็ทำเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อยากจะถามแต่ถามไปก็คงได้คำตอบแบบเดิม

ไม่ได้ชอบ ไม่ได้จีบ บ้าหรือไง

ดี

ทำแบบนี้แหละดี ไม่ชอบแต่ทำ หมายความว่ายังไงไม่รู้ ไม่อยากถาม
เดี๋ยวจะเจอประโยคเจ็บปวดจากปากคุณซ้งเอาได้ง่าย ๆ

แล้วจะพาลร้องไห้น้ำตาหยดให้เสียฟอร์มกันอีกรอบ

เป็นการเดินทางที่เงียบที่สุด
มีเพียงความเงียบงันระหว่างคนสองคน

นุชาเมินหน้าไปมองนอกถนน

ซ้งขับรถ ตามองถนนนิ่ง ๆ ไม่มีการหันมามองคนที่นั่งข้างๆ เลยสักนิด

นุชา....
อย่าเมินใส่กันแบบนี้เลย
ทำตัวไม่ถูกแล้ว

ไม่กล้าชวนคุย ไม่กล้าพูดด้วย ได้แต่พยายามพูดจาอย่างที่เคยพูด
กลัวนุชาจะรู้ว่าตอนนี้อยากจะหันกลับไปมองหน้าของนุชาให้เต็มตา แต่ไม่กล้ามอง
ไม่กล้าถามไม่กล้าพูด กลัวจะรู้ความรู้สึกของนุชา

กลัวทำให้นุชาเสียใจ

อากาศร้อนอบอ้าวมาตั้งแต่ช่วงบ่าย
หยดฝนเม็ดเล็ก ๆ เริ่มหยดลงปรอย ๆ

“ฝนตก”

“ฝนตก”

พูดออกมาพร้อมกัน
พูดเหมือนกัน คิดในสิ่งที่เห็นเหมือนกัน
และต่างฝ่ายต่างหันมามองหน้ากัน

ชะงักนิ่ง

และทันได้สบสายตากันเล็กน้อย
ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างรีบเบือนหน้าหนีกลับไปในทิศทางของตัวเอง

“เริ่มตกหนักแล้ว”

พูดลอย ๆ และนุชาก็มองหยาดฝนที่เริ่มหนาเม็ดขึ้นเรื่อย ๆ
ฝนตกมาพร้อมกับเสียงฟ้าร้องครืน ๆ
และในเวลาไม่นานจากปรอย ๆ ก็กลายเป็นเทลงมา
อยู่ในสภาพถูกขังอยู่ภายในรถ มองไปข้างทางเห็นรถข้าง ๆ ขยับได้ทีละน้อย

ไม่มีเสียงตอบรับจากคุณซ้ง
และนุชาก็ได้แต่แอบลอบถอนหายใจเงียบ ๆ คนเดียว

ฝนตกหนักแล้ว

กลับบ้านคงดีที่สุด

ถ้าไปส่งก็ดี แต่ถ้าไม่ไปส่งเลี้ยวข้างหน้าแล้วจอดก็ได้ เดี๋ยวกลับเอง

“ไปดูหนังกันมั้ย”

หือ

รีบหันกลับไปมองคนที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับในคราวแรก แต่ผ่านไปไม่นานหลังจากนั่งกันเงียบ ๆ แค่สองคนคราวนี้ก็ได้ยินคุณซ้งพูดอะไรบางอย่าง

ไปไหน

“จะดูเหรอ”

เอ่ยถาม และก็เห็นคนชวนเริ่มขมวดคิ้วมุ่น แถมยังทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ
แสดงออกให้เห็นว่าเริ่มไม่พอใจกับคำถาม

นุชามันจะถามทำไมวะ

จะอยากรู้ไปทำไมว่าจะดูหรือเปล่า

ถ้าไม่ดู จะชวนทำไม ถามอะไรบ้า ๆ ไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้
จงใจจะกวนกันหรือยังไง

ทำเรื่องโง่ ๆ อยู่ ตอนนี้กำลังทำเรื่องโง่ ๆ
ทั้งที่ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะทำแบบนี้กับใครเลยสักครั้ง

และยิ่งบ้าบอ โง่เง่ายิ่งกว่าที่มาทำแบบนี้กับนุชา

นุชาที่ได้ชื่อว่าเป็นคนกวนประสาทและจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายที่จะทำเรื่องแบบนี้ด้วย

แต่ก็ยังทำ

“ไม่อยากดู แต่จะพาไปดู ทำไม พาไปแต่ไม่อยากดูไม่ได้หรือไง”

เอ้า

ถ้าไม่อยากดู แล้วจะพาไปทำไม ผมไม่ได้อยากดูหนังครับ
คุณชวนผมแต่คุณไม่อยากดู แล้วก็มาบังคับให้ผมไปดูหนังเหรอ

คุณซ้งคิดอะไรวะ แบบนี้มีใครเขาทำกัน ใครที่ไหนเขาทำกันแบบนี้ครับ

“ถ้างั้นไม่ไปอ่ะ”

ทำไม
ทำไมถึงไม่ไป ชวนแล้วทำไมถึงไม่ไป อุตส่าห์ชวน ทำไมถึงได้เรื่องมากนักวะ

“เออไม่ไปก็ไม่ไป”

อ้าว

เมินหน้าหนีกันซะงั้นคุณซ้ง

แล้วมาโกรธผมทำไมวะ ชวนทั้งที่ไม่อยากไป แล้วพอไม่ไปด้วย ก็มางี่เง่าใส่
เป็นอะไรครับ นี่ถามจริงจังนะเป็นอะไรของคุณครับคุณซ้ง

ผมโดนคุณปั่นหัวอยู่ ผมต้องเป็นฝ่ายงี่เง่าหงุดหงิดหัวเสียนะครับไม่ใช่คุณ

นี่ยังไม่รวมเรื่องที่....อยู่ดี ๆ มา....ก็เอ่อ มาหอมแก้ม...กันเลยนะ

เห็นผมหน้าด้าน ๆ แบบนี้ แต่เจอมึนขั้นเทพแบบนั้นเข้า ก็ไปไม่เป็นเหมือนกันนะครับ

แล้วอะไรของเขาอีก แทนที่จะเลี้ยววนกลับเข้ามาอีกซอยจะได้เข้าบ้าน

คุณซ้งดันขับรถออกนอกถนนใหญ่ไปเฉยเลย

จะแกล้งกันหรือนี่ ถ้าจอดที่ศาลาผู้โดยสารไม่ได้ ก็หาที่จอดที่ผมจะไม่ต้องไปยืนเปียกฝนก็ได้นะ เพราะเดี๋ยวก็คงไล่ลงจากรถอีก

แต่ถ้าจะใจร้ายไล่ลงระหว่างทางทั้งที่ฝนตกหนักแบบนี้ก็ไม่ว่านะ
คุณซ้งอยู่แล้ว ทำอะไรร้าย ๆ แบบนี้ได้เสมอแหละ
ก็อย่างว่า

คนไม่ชอบจะให้ทำยังไง
ขนาดแค่คิดยังโคตรเจ็บปวดเลยว่ะ

“ผมลงตรงศาลาหน้าก็ได้ คุณซ้งจะได้ไม่ต้องวนรถ”

เตรียมพร้อมกลับบ้าน และชี้มือบอกทาง แต่แทนที่อีกฝ่ายจะฟัง
กลับไปพูดเรื่องอื่นแทน

“ไปดูหนังกัน”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อะไรครับ
อะไรคุณซ้ง อะไรของคุณอีกครับ อะไรนักหนาวะ

“ห๊า”

นุชาขมวดคิ้วและหันไปมองหน้าของคนที่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถอย่างมุ่งมั่น
ให้มันได้อย่างนี้ ให้มันได้อย่างนี้เซ่

เออ เอาซะให้พอ

เล่นซะให้สาแก่ใจคุณเลยครับ ปั่นหัวกันให้พอ

“อืมมมม....มีเรื่องอะไรเข้าวะช่วงนี้”

จะรู้ได้ยังไง ไม่ได้ไปดูหนังชาติกว่าแล้ว อยู่ดี ๆ เล่นหันมาถาม
ถามเสร็จยังมีการทำหน้าครุ่นคิดอีก

เป็นอะไรมากมั้ย

ถามจริง ๆ เป็นอะไร

นุชากำลังจะอ้าปากถาม แต่เมื่อเห็นโทรศัพท์ของอีกฝ่ายที่ยื่นมาให้ก็เลยต้องเอื้อมมือรับเอาไว้ และสงสัยว่าอีกฝ่ายยื่นส่งมาให้ทำไม

“โทรไปถามที่บ็อกซิ มีอะไรดูบ้างเอาเรื่องที่สนุก ๆ นะเอารอบใกล้ ๆ นี่เลยไปถึงก็ดูได้ทันที”

บ้าแล้ว

บ้าไปแล้ว

แต่ที่บ้ากว่าคือนุชา ที่รับโทรศัพท์ของเทพมึนมาถือเอาไว้และยังทำหน้างงเป็นหมาหลงทาง

“เบอร์แรกเลยนั่นแหละโทรได้เลย”

อ่า

ให้มันได้อย่างนี้ กูก็บ้าเนอะ กดโทรไปถามให้ซะอีก

“เรื่อง.........ฉายกี่โมงครับ.....อืมมมห้าโมงครึ่ง นี่ใกล้สุดแล้วเรื่องนี้”

หันไปถามความคิดเห็นของคนที่ยังใช้ปลายนิ้วเคาะที่พวงมาลัยรถและก็เห็นคุณซ้งพยักหน้าให้ว่าให้เลือกเรื่องนี้

กดวางสายเรียบร้อยและคืนโทรศัพท์ให้คุณซ้งที่ยังทำได้หน้าเดียวคือหน้าเรียบเฉย

ถ้าใครเข้าใจพฤติกรรมแบบนี้คงบ้า
กูว่ากูมึนแล้วนะ เจอคุณซ้งนี่ตายเลย เทพมาจากไหนล่ะนั่น

“ดูหนังเสร็จก็พอดีแหละ ฝนหยุดตก หาข้าวกินแป๊บนึง แล้วก็แวะกลับมาบ้านนุชาใช่เปล่า แล้วก็รอไปส่งนุชาตอนสี่ทุ่มพอดี”

หึ หึ หึ

นี่สินะ ที่เขาเรียกมึนขั้นเทพ เทพแท้จริงได้มาจุติแล้ว
เล่นกับใครไม่เล่น ดันมาเล่นกับเทพคุณซ้ง

กำหนดการของท่าน ช่างยาวเป็นหางว่าว ถ้าไม่พูดก็คงไม่รู้ว่าสมองของท่านได้กำหนดช่วงเวลาเอาไว้แล้ว ว่ามีแผนจะทำอะไรบ้างในวันนี้

ให้มันได้อย่างนี้สิครับ ให้มันได้อย่างนี้เลยครับท่านเทพ

ให้มันได้อย่างนี้เลยสิโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยย

“ถามผมมั้ย”

เป็นการบ่นที่เลื่อนลอย นุชาได้แต่บ่นลอย ๆ ไปตามลม และก็เห็นรอยยิ้มกวน ๆ จุดขึ้นที่มุมปากของคุณซ้ง

พักนี้ชักยิ้มแบบนี้บ่อย ๆ
คุณซ้งเป็นคนแบบนี้เอง

เป็นคนแบบนี้สินะ

ปั่นหัวคนเล่นแล้วสนุกมากเลยเนอะ

“ถามทำไม ถามให้งี่เง่าใส่ เรื่องอะไรต้องถาม”

ดีเนอะ
ตอบได้สะใจมาก
ถ้าถามเดี๋ยวก็จะงี่เง่าใส่ ก็เลยไม่ถาม เลยกำหนดเอาเองตามใจชอบเลย

“เออสิ ผมมันคนงี่เง่า งี่เง่า งี่เง่า ที่หลงรักคนไม่มีหัวใจ ไม่มีหัวใจ ไม่มีหัวใจ อย่างผมจะไปทำอะไรได้ ก็ต้องยอมอ่อนข้อให้นั่นแหละวะ”

แกล้งพูดซ้ำ ๆ พูดย้ำ ๆ ที่ประโยคเดิม ๆ
พูดแล้วก็เบะหน้า แล้วก็หันหน้าหนีไปอีกทางเพราะทำอะไรไม่ได้จริง ๆ
ก็ใช่ไง ทำได้คงทำไปแล้ว นี่เพราะมันทำไม่ได้ ก็เลยวน ๆ เวียน ๆ วกวนกลายเป็นวัวพันหลักอยู่แบบนี้

“เมื่อไหร่จะมีคนให้จีบใหม่ซะทีวะ จะได้ไม่ต้องมาง้อคุณซ้ง”

ขุดหลุมฝังตัวเองของแท้

ปากพาจน และต้องรีบหันกลับไปหาคนที่อยู่ดี ๆ ก็เอามือมาแตะที่หัวและลูบผมของนุชาเล่น

ไม่ใช่หมา ทำไมอยู่ดี ๆ มาลูบหัว
เด็กกว่า อายุน้อยกว่า ทำแบบนี้กับผู้อาวุโสกว่า คิดว่ามันสุภาพหรือไง
มีใครสั่งใครสอนให้ทำแบบนี้

“ไม่ใช่หมาโว้ย ลูบหัวนี่เห็นเป็นหมาใช่มั้ย”

ไม่ให้ลูบหัวเหรอ

อ่อ ไม่ให้ลูบหัว แถมยังปัดมืออีก

ไม่พอใจ ไม่ชอบใจ ก็เลยโวยวายใส่ อืมมมมมม

“ก็เห็นเป็นนุชาก็เลยลูบ....ถ้าเห็นเป็นคนอื่นก็คงไม่ทำ”

พูดเสร็จแล้วคนที่เอื้อมมือมาลูบ ก็ทำหน้าเมินโลก ไม่สนใจนุชาที่อยากเอาหัวโขกกระจกรถตายไปให้รู้แล้วรู้รอด

ให้มันได้อย่างนี้

เออออออออออออ ให้มันได้อย่างนี้สิโว้ยยยยย อยากจะเป็นบ้า

“อีกอย่างนะ”

อะไร
อีกอย่างอะไรอีก จะเอาอะไรอีก จะมึนอะไรอีก
จะเอาอะไรอีกสักกี่อย่างครับ อยากจะพูดอะไรอีกครับเอาซะให้พอเลยโว้ยยยย

“นอกจากหัวก็มีแก้มที่น่าลูบ..เออใช่...ว่าจะบอกก็ลืม... แก้มนุ่น ก็นิ่มนุ่มดีเหมือนกันนะ”





TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
ตอน คู่มือเด็กเรียน



“เฮ้ย”

นุชาถึงกับสะดุ้ง เมื่อมีขวดน้ำเย็น ๆ มาแตะที่ข้างแก้ม
ยกมือขึ้นลูบและก็เห็นคนแกล้งยืนทำหน้าเฉยเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับการกระทำของตัวเอง

“นิสัย...สนุกมากหรือไง”

อ่อ

เปล่า ไม่ได้สนุก แต่ว่าง ๆ ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยลองเอาขวดน้ำแนบแก้มนุชาดู เห็นทำหน้าเบื่อ ๆ และไม่ยอมพูดด้วย ก็เลยลองทดสอบว่ายังพูดได้อยู่มั้ย อืมมมม ผลการทดสอบสรุปได้ว่า ยังพูดได้อยู่

“นุ่น”

นุชารีบเงยหน้าขึ้นมอง เพราะได้ยินเสียงเรียก
อีกแล้ว เออ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ มันจะประทับใจอะไรนักหนากับชื่อนี้ ชอบเหลือเกิน ทำแต่ละอย่างทำแต่เรื่องไม่ชอบทั้งนั้นนี่ เห็นไม่ชอบก็เลยเรียกได้เรียกดีว่างั้น

“อะไร”

มองคนที่หมุนหลอดดูดน้ำในขวดน้ำเล่น แล้วแทบทรุดลงไปกองกับพื้น

ไอ้ท่าทางลอยหน้าลอยตาแกล้งมองไปทางอื่น ฟอร์มจัดทำเหมือนเรียกแต่ไม่ได้เรียกนั่นมันอะไรกันวะ

แล้วนั่นมันอะไรอีก อะไรอีกวะนั่น
สาวนักศึกษาน่ารักสองคนที่ยืนบิดม้วนไปม้วนมา ซุบซิบกันอยู่สองคน
และหันมามองทางนี้บ่อย ๆ มองใครวะ มอง.....

“มองทำไมวะ เฮ้ยนุชา คนรู้จักเปล่า มองนุชาอยู่นั่น”

หึ หึ หึ

มองกูเนี่ยนะ ผิดแล้วแหละ มองคุณนั่นแหละครับ ไม่ได้มองกระผมเลยเว้ยยย

ก็เล่นทำหน้าหล่อใสกิ๊ง แต่เมินโลกใส่คนรอบข้างซะขนาดนี้
ไม่ให้มันสะดุดตาใครเลยก็บ้าเต็มทีแล้ว เป็นกู กูก็มองครับคุณซ้ง

และกูก็กำลังมองอยู่นี่ไงครับ

อืมมมม น่ารักเนอะ คนอะไรหล่อได้หล่อดี
ขนาดหน้าเฉย ยังน่ารักได้อีกเนอะคนเรา
และจะดีมากกว่านี้ถ้าเอามือปิดปากไว้ตลอดเวลา เพราะคำพูดแต่ละคำที่พูดออกมามันชวนให้ร้าวรานหัวใจวันละสามสิบแปดรอบ

“ป่ะ”

หมดเวลาปลาบปลื้มใจ เพราะคุณซ้งเรียกและเดินนำหน้าไปแล้วชนิดไม่รอกันเลย

นี่เรียกว่าไม่อยากดูสินะ ถ้าอยากดูคงจะยิ่งเดินเร็วกว่านี้

เข้ามานั่งตามหมายเลขที่ระบุไว้ในตั๋ว

แค่ดูโฆษณาที่ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมง

แอร์เย็น ๆ มันชวนให้ง่วงนอนจริง ๆ
ถ้าหนังไม่สนุกคงได้หลับยาวกันเลยงานนี้

ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามา และนุชาก็ยกแขนขึ้นนั่งท้าวคางมองที่หน้าจอ

หูฟัง
ตามอง

และยืนทำความเคารพก่อนหนังจะฉาย

โชคดีที่หนังไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่กลัว ดูเพลินๆ ไม่ได้สนุกมากแต่ก็ไม่น่าเบื่อจนเกินไป ดูได้เรื่อย ๆ และมีมุกตลกสอดแทรกให้หัวเราะได้ในบางช่วงของหนัง

แต่มันชักไม่ตลกก็ตรงที่.....

เมื่อหันไปมองคนที่นั่งกอดอกอยู่ข้าง ๆ
แทนที่สายตาคุณซ้งจะไปจดจ่ออยู่กับการดูหนัง แต่กลับมาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของนุชา

มองนิ่ง ๆ มองจนตาไม่กระพริบ

หือ

อ้าว แล้วยังไง

อะไร มองอะไรวะ กูไม่ได้ผิดปกตินะนี่

เกิดอาการอึ้งและทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที รีบหันกลับมามองหนังที่กำลังฉายและก็เห็นว่าคุณซ้งรีบหลบตาหันไปมองที่หน้าจอแบบทันทีทันใดเหมือนกัน

บ้าแล้ว

อย่าคุณซ้ง อย่า อย่า เดี๋ยวได้คิดใหม่อีกรอบ ว่ามีใจให้นะ
เอายังไงนี่ จะมีใจก็รีบ ๆ มี จะกั๊กทำไมวะนั่น เอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำ
คิดว่าจะหาน้ำกินแก้เก้อ

แต่สิ่งที่ตามมามันทำให้หัวใจเต้นระทึก
นุชากำลังกลายเป็นนุชาคอแข็งและไม่กล้าหันไปมองคนที่ทำให้เหงื่อตก
ทั้งที่อากาศแสนจะเย็นยะเยือกจนแทบจะกลายเป็นหนาว

เยี่ยมเลย

ดีนะ

แอร์เย็น อากาศก็เย็น

หนาว ๆ แบบนี้ บางทีคนเราคงต้องการความอบอุ่น
คุณซ้งก็เลยคว้ามือนุชาเอาไปจับไว้แน่น

ทันใจดีจริง ๆ

มองหน้าเสร็จปุ๊บ คว้ามือไปจับปั๊บ ไม่จูบผมในโรงหนังเลยล่ะครับ
จะได้ครบสูตร เหมือนที่คนอื่นๆ เขาทำกัน

อย่าแม้แต่จะคิด

หน้าด้านขนาดนี้ แต่ก็ยังมีสามัญสำนึกไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อในที่สาธารณะครับ

หึ หึ หึ ให้มันได้อย่างนี้

หนังไม่ต้องดูกันเลยล่ะว่ะ

ตาดูหนังแต่ใจไปอยู่ที่มือเรียบร้อยแล้ว
หนึ่งชั่วโมงครึ่งแห่งการพลอดรักแบบมึนที่สุดในโลก

ทำให้นุชาเกิดอาการนั่งตัวเกร็ง และจำแทบไม่ได้ว่ากำลังดูหนังเรื่องอะไร

ตอนจบของเรื่อง ทำให้ต้องรีบขยับตัวออกห่างคนที่นั่งข้าง ๆ เล็กน้อย เพราะกลัวจะครบสูตรตามที่คิดเอาไว้

ฉากจบมาถึงเมื่อพระเอกนางเอกแสดงความรักต่อกันด้วยการจูบ

สุดยอดเลยครับ จูบกันดูดดื่มซะด้วย

เรามาทำกันแบบนั้นบ้างดีมั้ยครับคุณซ้ง เข้าท่าเนอะ แหมอยากทำแบบนั้นบ้างจัง

ลอบมองคนที่นั่งนิ่งด้วยหางตา และก็เห็นว่าคุณซ้งยังคงมีแค่หน้าเดียว
คือหน้าเฉยเมยเมินโลก

ให้มันได้อย่างนี้

ให้มันได้อย่างนี้สิวะ

ตัวอักษรปรากฏที่หน้าจอ และแสงไฟก็สว่างขึ้น
ฝ่ามือถูกคลายออกแล้ว และนุชาก็ลุกขึ้นยืน
เดินนำหน้าและมีใครบางคนก้าวขาเดินตามหลัง

หนังจบอารมณ์ไม่จบ
คนอื่น ๆ ที่เดินผ่านหน้าไป พากันวิจารณ์หนังที่เพิ่งดูจบ
แต่นุชาไม่รู้จะวิจารณ์อะไรเพราะแทบจะไม่ได้ดู

จะบอกว่าดูรู้เรื่องแค่ช่วงแรก แต่ช่วงท้าย ๆ สมองเบลอ ๆ เพราะดูก็เหมือนไม่ได้ดู สาเหตุหลักแบบไม่ต้องเดาก็เพราะน้องแรงบันดาลใจคุณซ้งหน้าใสกิ๊งที่ทำหน้าเซ็งโลกตลอดเวลาคนนั้น

มึนได้อีกครับ

คุณซ้งมึนได้อีก

แกล้งมึนได้เนียนมาก
จนคิดว่า บางทีนิสัยตีมึนแบบนี้คงเป็นนิสัยที่แท้จริงของคุณซ้งแน่ ๆ

“กินอะไร”

ขอบคุณมากครับที่ยังมีน้ำใจไมตรีหันกลับมาถาม ยังดีที่เดินลิ่ว ๆ นำหน้าแต่ก็หยุดก้าวขาและมาเดินข้างกัน

อะไรก็กิน ๆ ไปเถอะ อารมณ์นี้ต่อให้พาไปกินบัวลอยน้ำขิงก็ดีใจจะตายห่าแล้วครับ

“อิ่ม”

อิ่ม อะไร

ยังไม่ได้กินอะไรเลย จะมาอิ่มได้ยังไงวะ

บ้าหรือเปล่า นุชามันตอบอะไรโง่ ๆ แบบนี้อีกแล้ว

“งั้นไม่ต้องกิน”

เรื่องมากนักไม่ต้องกินหรอก แค่ถามว่าจะกินอะไรก็ทำเป็นมีปัญหาอยู่ได้ นึกว่าอยากจะรู้หรือไงว่าจะกินหรือไม่กินอะไร

“ก็ว่างั้นแหละอย่ากินเลยเนอะคุณซ้ง แค่นี้ก็เลี่ยนจะตายอยู่แล้ว ก็เล่น หวานซะขนาดนี้”

หวานอะไร
ใครหวาน

เลี่ยนอะไร ไม่มี ไม่มีหวานไม่มีอะไรให้เลี่ยนทั้งนั้นแหละ
ยังไม่ได้กินอะไรจะมาเลี่ยนมาหวานได้ยังไง พูดจาเพ้อเจ้ออีกแล้ว

“ประสาท”

มันคือประโยคปิดท้ายที่ทำให้นุชา ถึงกับขำ
หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ และรีบยกมือขึ้นปิดปาก เพราะคำพูดออริจินัลดั้งเดิม ของผู้ที่เป็นต้นแบบของความงี่เง่าอย่างไร้เหตุผล

ตัวจริง เสียงจริง ต้องพูดแล้วทำหน้าเฉยด้วย
และตัวจริงเสียงจริงเจ้าของคำพูดนั้นก็ทำหน้าเฉยเมยจริง ๆ
สมแล้วที่เป็นคุณซ้ง เชื่อเลยครับ นี่แหละครับตัวจริงเสียงจริง

“เวลาหิวอย่างอแงนะ หนูซ้ง”

ประสาท
นุชามันประสาทอีกแล้ว ใครหิววะ ถ้าหิวก็ไปหาข้าวกินแล้วจะมาเดินให้มันพูดจาบ้าบอใส่อยู่แบบนี้ทำไม

“ในนี้ก็มีแต่ของไม่อร่อยทั้งนั้น เราไปแวะหาอะไรกินข้าง ๆ นี้ดีกว่านะ รับรองอร่อย คุณซ้งเลิกงอแงเลย เราไปกันเนอะ”

พยักหน้าและแกล้งทำตาโตใส่คนที่ยังทำหน้าหงิก
เห็นคุณซ้งหันมามองด้วยความสนใจ และทำเป็นเมินไปทางอื่น
แต่ก็เป็นอันรู้กัน ว่าตกลงตามนั้น

เดินมาที่รถที่จอดไว้ในลานจอดรถ
ก้าวขึ้นมานั่ง และนุชากำลังคาดเข็มขัดนิรภัย

แต่สายตาไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง

อันนี้มันอะไรวะ

คิดว่าเป็นหนังสือ หรือไม่ก็สมุด เป็นเล่มเล็ก ๆ เห็นเสียบเอาไว้ก็เลยหยิบมาดู

“เฮ้ยยยยยย เอามา อันนั้น ไม่ได้ เอามานี่”

อะไรวะ อะไร ตกใจอะไรขนาดนั้นคุณซ้ง กะอีแค่หนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มเดียว

แล้วเอื้อมมือมาคว้าไปทำไม แบบนี้ยิ่งน่าสงสัย ใครจะยอมให้ง่าย ๆ

“เฮ้ยยยยยยยยย นุชาปล่อย ปล่อยมือ ปล่อยเร็วสิวะ”

อะไรเนี่ย โมโหใส่อีก มันหนังสืออะไร ทำไมไม่ยอมให้ดู.
สำคัญอะไรนักหนาวะ ก็แค่.....

“เดทแรกแสนประทับใจ”

อ่านชื่อเรื่อง แล้วถึงกับชะงัก

คุณซ้งดึงหนังสือเล่มเล็ก ๆ กลับไปแล้ว และเอาไปยัดไว้ข้างตัวตรงด้านที่นั่งคนขับ

อะไร

ไม่เข้าใจ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น รู้แค่ว่า คุณซ้งหน้าเฉยเมยตลอดชีวิตมีอาการลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด แถมยังกลายเป็นคนพูดจาติด ๆ ขัด ๆ พูดไม่รู้เรื่องขึ้นมาอีก

“ไม่ใช่เดทแรกอะไรนะ ไม่ ไม่ ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละ อะไรนุชามองหน้าทำไม ไหนร้าน จะไปร้านไหน รีบ ๆ บอกมา”

อืมมมม ครับ

อยากได้ยินอะไรมั้ยคุณซ้ง

เอาแบบจริง ๆ จัง ๆ เลยนะ เอาแบบว่าโคตรจริงจัง

บอกเลยจริง ๆ
เอาแบบจริงจังจากใจชนิดที่เกิดมาไม่เคยจริงจังและจริงใจกับใครได้มากขนาดนี้
ตรง ๆ เลยนะครับคุณซ้ง ผมคิดว่าอันที่จริงแล้วน่ะ....

“มันน่าจะมีอีกเล่มนะ เอาไว้อ่านคู่กัน ตั้งชื่อเรื่องว่าจีบยังไงให้ประทับใจ”

คำแนะนำเรียบง่าย แต่คนได้รับคำแนะนำถึงกับอ้าปากค้างทำหน้าไม่ถูก
พูดอะไรไม่ออก ได้แต่นั่งนิ่ง หุบปากเงียบ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไร โต้ตอบไม่ได้

และกำลังกลายเป็นคุณซ้งหน้าเอ๋อ

นุชาค่อย ๆ หันไปมองที่นอกหน้าต่างรถ
หยุดรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ไม่ได้หลังจากที่ลอบมองท่าทางลุกลี้ลุกลน ของคนที่กำลังทำตัวไม่ถูกและทันได้เห็นว่าคุณซ้งที่เคยมีหน้าเดียวคือหน้าเซ็งโลก
กำลังกลายเป็นคุณซ้งหน้าแดงเถือก

ผิวขาว ๆ แบบนั้นยิ่งทำให้เห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่หน้า แต่ยังแดงไปถึงหูและลามลงมาจนถึงคอ

บางทีคุณซ้งอาจไม่รู้ตัว ว่าหน้าแบบนั้นมันน่ารักสุดยอด น่ารักที่สุดจนห้ามรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ไม่ได้

ตายสิครับงานนี้

เอาจริงก็ไม่บอก

เห็นพูดออกมาปาว ๆ ว่าไม่ชอบ ไม่จีบ ไม่เคยรู้สึกอะไรด้วยเลย
ท่าทางมุ่งมั่นจริงจังขนาดนั้น ใครจะไปกล้าคิด
ก็นึกว่าไม่ได้ชอบจริง ๆ อย่างที่ปากพูด

แล้วดูสิ่งที่คุณซ้งทำ สวนทางกันได้ตลอดกับที่ปากพูดจริง ๆ

น้องแรงบันดาลใจคุณซ้งครับ เล่นทำถึงขนาดนี้ แบบนี้ใครไม่ใจอ่อนก็เกินไปแล้ว
ก็ถ้าจะ.....ตั้งใจจีบและศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดีซะขนาดนั้น
ก็บอกกันมาเลยตรง ๆ จะได้ให้ความร่วมมือด้วย

รู้อย่างนี้ไม่กวนให้โมโหหรอก ยินดีให้ความร่วมมือ
และสัญญาจะไม่ทำให้คุณซ้งหงุดหงิดโมโห หรือยืนเก้ออย่างที่แล้ว ๆ มา

ชอบก็รีบ ๆ บอกมาเถอะครับ
อย่ามาแกล้งทำเป็นมึนต่อไปอีกเลย
ลุ้นนะครับคุณซ้ง ใจคอจะใจร้ายให้ลุ้นกันจนตายไปข้างเลยหรือไง





TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † ของฝาก † [06/04/12]
«ตอบ #362 เมื่อ06-04-2012 14:27:41 »

ตอน ของฝาก



เป็นอะไรครับคุณซ้ง
คุณซ้งเป็นอะไรไม่รู้นะ รู้สึกจะเงียบผิดปกติ
ซึ่งปกติก็เงียบอยู่แล้ว ถ้าไม่แกล้งไม่แหย่ก็ไม่ค่อยจะอยากพูด

หน้าเฉย นั่งนิ่ง และหุบปากสนิท สงบเสงี่ยมเรียบร้อยจนเกินปกติ

“เคยกินมั้ย ลาบข้าวโพด”

เอ่ยถามและก็เห็นว่าฝ่ายนั้นส่ายหน้าเป็นคำตอบ
ทำไมทำหน้าไร้อารมณ์ได้ขนาดนั้น

ถามว่ากินมั้ย ก็เห็นบอกว่าอยากกินอะไรก็ให้สั่งมากินได้หมด

โกรธ หรืองอน หรือโมโห

ทำหน้าเฉยขนาดนี้ เงียบขนาดนี้ หมายความว่ายังไง
แซวแค่นิด ๆ หน่อย ๆ พอให้รู้ความรู้สึกกันบ้างแค่นั้น
แต่ไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณซ้งทำตัวไม่ถูก หรืออึดอัดใจแบบนี้

“นั่นน่ะ ไปซื้อนมแล้วก็ขนมในร้านสะดวกซื้อแถวบ้าน เห็นมันขายอยู่ก็เลยหยิบมาอ่านเล่น ๆ ไม่ได้คิดอะไร”

อ๋อ

ครับ

ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่หยิบมาอ่านเล่น ก็แค่ซื้อมาอ่านเล่น หนังสืออ่านเล่นใคร ๆ เขาก็ซื้อมาอ่านกันทั้งนั้น ไม่แปลกหรอก ไม่มีอะไรแปลกเลยคุณซ้ง

“ครับ เข้าใจ”

นุชาพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรให้มากความ
ตักข้าวแบ่งใส่จานให้คุณซ้ง แล้วก็เห็นว่าคนที่บอกเหตุผลในการซื้อหนังสืออ่านเล่น ยังทำหน้าลำบากใจอยู่

ไม่เป็นไรคุณซ้ง
อะไรก็ได้ ยังไงก็ได้

สบาย ๆ อย่าคิดมาก
ไม่ได้จริงจังบังคับขู่เข็ญ แค่พูดคุยกันได้อย่างสบายใจก็เพียงพอแล้ว
มันก็มีบ้างที่แอบดีใจเล็ก ๆ ถึงจะเป็นอย่างที่คุณซ้งพูดจริง ๆ ก็ไม่ได้ว่าอะไร

จะยังไงก็แล้วแต่

ตอนนี้ผมก็นั่งกินข้าวอยู่กับคุณครับ ทั้งที่ก่อนหน้าโน้นนนนนนนน
ยังได้แค่แอบมอง และคิดว่าคุณซ้งเป็นคนที่มีใบหน้าน่ามองที่สุดคนหนึ่ง
จนอดใจไม่ไหวต้องหาเรื่องมามองหน้าคุณซ้งที่สนามทุกเย็น
นึกถึงวันแรกที่ได้พูดกันแล้วก็ยังจดจำได้ดี ซึ่งไม่คิดว่ามันจะน่าจดจำสำหรับคุณซ้งเท่าไหร่

มันผ่านมาแล้ว
และต่อจากนี้ไปจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้เราก็กำลังนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่

ผมมีความสุขดี ความสุขตามสมควร
ส่วนคุณซ้ง ผมไม่รู้ ว่ามีความสุขดีตามสมควรหรือเปล่า

อาจจะรู้สึกรำคาญตา หรืออาจจะรู้สึกไม่ชอบใจบ้าง
เวลาที่โดนแกล้งกวนประสาทใส่ ซึ่งอันนั้นผมก็ตั้งใจ
ถ้าให้เรานั่งคุยกันดี ๆ แบบคนอื่นก็คงไม่ใช่

เพราะคุณซ้งเป็นประเภทถามคำตอบคำ
และผมเป็นประเภทถามคำตอบได้หลายคำ คุณซ้งไม่เคยถาม แล้วจะให้ผมเอาอะไรมาตอบหลายคำ มันก็ยิ่งเงียบไปกันใหญ่

เพราะฉะนั้นก็เลยหาเรื่องตอแย หาเรื่องแกล้งคุณซ้งไปเรื่อย ๆ ให้ได้พูดคุยกันแบบสบาย ๆ ไม่ต้องอึดอัดใจ ไม่ต้องวางฟอร์มใส่กัน

ได้แหย่ได้แกล้งได้เห็นคุณซ้งทำหน้าหลากหลาย
มันก็ทำให้อมยิ้มได้
เพราะว่าผมจะเก็บเอาไว้นึกถึงเวลาที่เราไม่ค่อยได้เจอกัน
ใช่ว่าจะได้เจอคุณซ้งบ่อย ๆ เหมือนเมื่อก่อน นาน ๆ จะได้เจอกันที ก็ต้องทำแบบนี้

“เอ่อ...นุ..นุชา”

หือ

อะไร

นุชาเงยหน้าขึ้นมองคนที่เรียก แล้วก็เห็นสีหน้าลำบากใจของอีกฝ่าย
เหมือนกำลังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็พูดไม่ออก เหมือนอึดอัดใจที่จะพูด

อะไรคุณซ้ง
เรียกแล้วทำหน้าลำบากใจขนาดนั้น ไม่ดีหรอกคุณซ้ง กินข้าวแบบอึดอัดใจ
ไม่มีความสุข ผมไม่ค่อยสนับสนุนเท่าไหร่

เพราะฉะนั้นระหว่างกินข้าว จะงดเว้นจากการแกล้งให้คุณซ้งโมโหนะ

“ไอ้เรื่องนั้นน่ะ ไม่ได้คิดอะไรนะ จีบบ้าบออะไรนั่น ไม่ได้คิดนะ อย่าเหมา”

อืม

เหรอ

ไม่ได้ว่าอะไร จีบหรือไม่จีบ ชอบหรือไม่ชอบ มันไม่สำคัญแล้ว
ตอนนี้เราก็นั่งกินข้าวด้วยกันอยู่
และผมมีความสุขตามสมควร ตามสถานะของตัวเอง

“รู้....เรื่อย ๆ คุณซ้ง อย่าคิดมากไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยมันหลุดไปจากความคิดบ้างเถอะ ถือว่าผมปากพล่อย พูดจาไม่คิดแล้วกันนะ”

รอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากของนุชา และก้มลงมาสนใจกับอาหารในจานต่อ
ทำให้ซ้งต้องนิ่งเงียบ และเขี่ยข้าวในจานไปมา

ไม่ใช่กับข้าวไม่อร่อย

แต่เหมือนหมดความรู้สึกอยากจะกิน

บอกไม่ถูก มันหงอย ๆ เหงา ๆ เศร้า ๆ พิกล ยิ่งมองคนที่บอกว่ารู้ และเข้าใจ ยิ่งพาให้หงอยเหงา

นุชาเข้าใจเหตุผลที่บอก ยอมรับฟังและเหมือนเข้าใจเป็นอย่างดี ไม่มีข้อโต้แย้ง
แต่แทนที่จะรู้สึกดี กลับรู้สึกแปลก ๆ

ดีแล้วไม่ใช่เหรอที่อีกฝ่ายเข้าใจเหตุผลที่อธิบาย

แต่ทำไมไม่เห็นรู้สึกดี

ทำไมไม่รู้สึก

“อืมมม กลับยังคุณซ้ง”

กลับหรือยังเหรอ เงยหน้าขึ้นและมองออกไปนอกร้านอาหาร ข้างนอกมืดนานแล้ว หันมามองนุชาที่จ่ายเงินค่าอาหารเรียบร้อยก็เลยต้องรีบคว้ากระเป๋าสตางค์มาหยิบเงินส่งให้เป็นค่าอาหาร

“ไม่เป็นไร มารับมาส่งแล้วก็พาไปดูหนังแล้ว เพื่อนกัน อย่าคิดมาก”

เพื่อนกัน

และอย่าคิดมาก

เพื่อนกันเหรอ...เพื่อน

“คุณซ้งแยกกันตรงนี้ก็ได้นะ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่กลับเอง เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวผมมีนัดกับเพื่อน ๆ ตอนสี่ทุ่มอีก”

แยกกันตรงนี้

ไม่ได้

“ไม่ ไม่ สัญญาแล้ว ไปส่ง กลับด้วยกัน เดี๋ยวไปส่ง”

พูดแล้วคุณซ้งก็คว้ากุญแจรถ เดินนำหน้าไปที่รถที่จอดเอาไว้

แล้วนุชาก็เลยต้องลุกขึ้นเดินตาม

ไม่รู้ว่าไม่ชอบใจหรือไม่พอใจอะไร แต่ท่าทางแปลก ๆ ของคุณซ้งทำให้นุชาต้องขมวดคิ้ว และลอบมองใบหน้าของอีกฝ่ายเงียบ ๆ

ไม่ใช่ว่าไม่พอใจ แต่เหมือนคุณซ้งกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ในหัว
แต่ไม่ยอมพูดออกมาเท่านั้น

ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะคุณซ้งไม่ใช่คนช่างพูดจา ช่างเล่า ยิ่งมาเล่าให้นุชาฟังด้วยแล้ว
ยิ่งเป็นเรื่องยากเข้าไปใหญ่

แค่อยู่ข้าง ๆ กัน แค่ได้อยู่ข้าง ๆ แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้ว

ไม่ได้คิด หรือคาดหวังอะไรให้มากกว่านี้

ไม่ได้คิด หรือคาดหวัง เลิกคิด
เพราะครั้งหนึ่งเคยคิดและเคยคาดหวังกับใครบางคนเอาไว้
เวลาที่ไม่เป็นไปอย่างที่หวัง มันเจ็บปวด
เพราะฉะนั้น จะไม่อยู่ด้วยความคาดหวังกับใครอีก

รถขับมาจอดที่หน้าบ้าน
และนุชาก็ก้าวขาลงจากรถ โดยมีซ้งเดินตามลงมาด้วย

“รอแป๊บเดียว อาบน้ำก่อน แม่ผมก็อยู่นะ เคยเจอกันยัง”

เคยเจอ

เจอบ่อย ๆ

เจอช่วงที่....นุชาไม่อยู่บ้าน

ซ้งเดินตามเข้ามาในบ้าน และเห็นว่านุชากำลังเรียกแม่ตัวเองที่ยังอยู่ในครัว

“แม่คร้าบบบบบบบ เพื่อนมา...แม่ผมคุณซ้ง ....”

เห็นคุณซ้งยกมือไหว้แม่และก็เห็นแม่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและรับไหว้คุณซ้ง
แถมยังมีการพูดคุยกันเหมือนสนิทสนมกันมานาน นั่นทำให้นุชาแปลกใจ

“อ๋อออออออ ซ้ง....แม่ก็ลืม วันก่อนที่เอากะปิมาให้ แม่ว่าจะทำน้ำพริกกะปิแบ่งไว้ให้ก็ยังไม่ได้ทำแม่ก็ลืมไปเลย เดี๋ยววันไหนแม่ทำ แล้วโทรบอกมาเอานะ....ปลาหมึกแห้งยังกินไม่หมดเลย มันเยอะจัด”


อะไร

หมายความว่ายังไง

“นุ่นมันอย่างนี้แหละขี้เกียจหอบข้าวของ มันอยู่ชลบุรีไม่เคยเอาอะไรมาฝากที่บ้านเลยให้ซ้งหิ้วนั่นหิ้วนี่มาเรื่อย ฝากซ้งมาเคยให้ค่าน้ำมันรถค่าหิ้วเพื่อนบ้างเปล่าเรา”

ไม่เคยฝากนะ

ไม่เคยให้ช่วยหิ้วด้วย

ไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ

หมายความว่ายังไงคุณซ้ง

“ไม่เป็นไรครับ ซ้งไปชลบุรีบ่อยอยู่แล้ว วันนี้ก็ยังรับ...เอ่อนุ่น....กลับมาด้วยกัน”

ใช่ วันนี้กลับด้วยกันจริง แต่วันอื่น ๆ ไม่เคย
แล้วผมก็ไม่เคยฝากของมาให้แม่ด้วย เพราะผมไม่เคยเจอคุณซ้งแล้วจะฝากของมาให้แม่ได้ยังไง

“ยังไงคุณซ้ง....”

หันไปถามคนที่ทำหน้าเฉยแล้วหันไปทางอื่นก็เลยมีแต่คำถามเต็มไปหมด
อะไร
หมายความว่ายังไง
มันคืออะไร

“ไปอาบน้ำเหอะไป”

ไล่เหรอ

เออไล่ นี่รีบหรอกนะ ถึงยังไม่ถาม เดี๋ยวจะถามกลับมาถามว่ามันหมายความว่ายังไง

“แม่ เดี๋ยวไปข้างนอกนะ ดึกหน่อยวันนี้”

บอกแล้ว นุชาก็ก้าวขาเดินลิ่ว ๆ ขึ้นบันไดบ้านไปอาบน้ำ

“เพื่อนเยอะ....กลับบ้านทีเพื่อนคนนั้นก็ตามคนนี้ก็ตาม แล้วซ้งไปด้วยมั้ย ทำไมใส่ชุดนี้ไม่ได้ไปด้วยกันเหรอ”

“ไปส่งครับ เดี๋ยวรอรับกลับมาพร้อมกันเลย คงไม่เข้าไปด้วย เที่ยงคืนก็ว่าดึกแล้ว จะไม่ให้อยู่เพลินจนเลยเที่ยงคืนครับ”

เป็นการพูดคุยที่ดูจะสนิทสนมกันเกินปกติ
และนุชาที่เดินขึ้นบันไดไปแล้ว ยังหันมามองด้วยความไม่เข้าใจ

ไปสนิทกันตอนไหนวะนั่น มิน่าล่ะ ถึงได้รู้ชื่อ....แล้วคุณซ้งไปทำอะไรที่ชลบุรีบ่อย ๆ แถมยังหิ้วของมาฝากแม่อีก เขาทำอะไรของเขาวะ

คุณซ้งนี่ชอบทำอะไรแปลก ๆ มีลับลมคมในตลอดเวลา
ถามจริง ๆ อยากรู้มาก คุณกำลังทำอะไรของคุณอยู่กันแน่ครับ คุณซ้ง




TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † คำถามยาก ๆ † [06/04/12]
«ตอบ #363 เมื่อ06-04-2012 14:29:56 »


ตอน คำถามยาก ๆ



“ไปเถอะคุณซ้ง”

อาบน้ำแต่งตัวรวดเร็วใช้ได้นะ นึกว่าจะโอ้เอ้เอ้อระเหยซะอีก
เห็นบางทีเวลาทำอะไรก็เชื่องช้าเหลือเกิน

ซ้งคว้ากุญแจรถมาถือเอาไว้ และเงยหน้าขึ้นมองคนที่มายืนอยู่ข้าง ๆ
ไม่ได้คิดอะไร ไม่ทันได้คิด แต่พอเห็นหน้าของคนที่มายืนข้าง ๆ ก็ถึงกับชะงัก

มันผิดจากทุกทีที่เคยได้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ
ทำไมถึงได้คิดตั้งแต่แว่บแรกที่เห็น ทำไมถึงคิดว่าในเวลานี้นุชาน่ามองกว่าที่เคย
ปกติก็เคยเห็นใส่ชุดกีฬา และชุดทำงาน แต่วันนี้เป็นชุดลำลองธรรมดา
มันแสนจะธรรมดามาก แต่มันดูน่ารักผิดหูผิดตาจากที่เคยเห็นกัน

นุ..ชา

ซ้งกำลังมอง

มองหน้าของนุชานิ่ง ๆ และก้มกลับลงมา
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง

“อะไรคุณซ้ง” คนถูกมองอยู่ในอาการงง และก้มลงมองสำรวจตัวเอง
มันก็ปกตินี่หว่า ไม่ได้แต่งตัวอะไรประหลาดผิดแปลกไปจากคนปกติเขาใส่กัน

ก็เสื้อเชิ้ตธรรมดา กางเกงยีนส์
มองอะไรของเขาวะ แปลก มีอะไรน่ามอง

“เอ่อ...เปล่า ไม่มีอะไร”

อะไรวะ เปล่าคือคำปฏิเสธแต่หน้านี่บ่งบอกมากว่ามีอะไรแน่
มองอย่างนี้มันต้องมีแน่ ทำไมไม่บอกกันดี ๆ

“ซ้งไปก่อนครับแม่เดี๋ยวดึก ๆ มาส่งนุชานะครับ”

ครับแม่ เดี๋ยวดึก ๆ มาส่ง โหหหหหหห สนิทกันเกินไปหรือเปล่า
นี่ก็อีกประเด็น ไปรู้จักกันตอนไหน ต้องถามให้รู้เรื่อง

เดินขึ้นมานั่งบนรถ และหันไปมองคนที่แกล้งทำเป็นเฉย
อย่ามาทำมึนครับ เล่ามา

“คุณซ้งสนิทกับแม่ผมดีนะ... ยังไง”

เอ่ยถามและเห็นคนที่กำลังสตาร์ทรถถึงกับชะงัก

เปล่า ไม่มีอะไร ไม่ได้....

“ไปส่งตรงไหนนะ ใกล้ ๆ แยกใช่มั้ยคนละเส้นกับทางไปสนามหรือเปล่า”

ไม่ใช่แล้ว
อย่ามามึน อย่าทำเป็นเฉไฉพูดเรื่องอื่น กำลังถาม และอยากรู้
ไม่ตอบไม่ว่า แต่อย่าเฉไฉ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวถามแม่ก็ได้ ไม่เห็นยาก”

อยากรู้แต่ไม่ยอมบอก ก็ต้องถามคนที่น่าจะรู้จริงและตอบคำถามได้ชัดเจนมากที่สุด

“อย่า อย่า เอ่อ พอดีว่า เอ่อ....”

พูดไม่ออก ทำหน้าไม่ถูก และไม่รู้ว่าควรตอบอะไรดี

ซ้งขบริมฝีปากตัวเอง และเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
ถอนหายใจ และแอบเหลือบสายตามองคนที่จ้องหน้าอยากได้คำตอบ

“นุชาอย่าถามแม่ได้มั้ย”

ไม่ได้
ทำไมถึงไม่ให้ถาม

อะไรมีอะไร ทำหน้าลำบากใจอึดอัดใจแบบนั้นมันหมายความว่ายังไงวะ
แบบนี้ยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่

“ถ้า...ไม่ถามได้มั้ย”

ไม่ได้

“อยากรู้คุณซ้งกำลังทำอะไร จะเล่าหรือจะให้ถาม”

แบบนี้มันน่าสงสัยเกินไป

หรือว่า

“เฮ้ยยยยยยยยยย นี่จะจีบแม่ผมเหรอคุณซ้ง หยุดเลยนะ คุณซ้งเป็นคนแบบนี้เหรอ
หืออออออออ คุณซ้งงงงงง”

ตะโกนโวยวายและหันไปมองหน้าคนที่อ้าปากค้าง ทั้งที่สายตายังมองไปที่ถนน

“จะบ้าไปใหญ่แล้ว บ้าหรือไงนุชา บ้า คิดเข้าไปได้ยังไงวะ”

เอออออ
แล้วไป
อย่าให้รู้ว่าคุณซ้งคิดอะไรแปลก ๆ แล้วกัน

คุณซ้งก็คุณซ้งเหอะ เละแน่

“แล้วรู้จักแม่ผมได้ไง”

เอ่ยถามเสียงแข็งด้วยความหงุดหงิด ยิ่งเห็นสีหน้าท่าทางลำบากใจของคนที่ไม่ยอมพูดยิ่งพาลให้โมโห

“ก็ช่วงนุชาไม่อยู่บ้าน ก็แวะไปช่วยรดน้ำต้นไม้บ้าง ไปนั่งเล่นบ้างแค่นั้น”

แค่นั้น
ใช่มันแค่นั้น ประเด็นคือไม่ใช่อยากรู้แค่นั้น
ประเด็นคือทำไมถึงไปบ้านผมครับ

“ไปทำไม”

เอ่ยถาม และรอฟังคำตอบ คนที่สมควรตอบคำถาม ยิ่งทำหน้ายุ่งเหยิงเหมือนกำลังคิดคำตอบอยู่ ตอบให้มันดี ๆ ให้มันได้ใจความนะคุณซ้ง

“ไม่รู้...ก็ไปงั้น ๆ ไม่รู้จะไปไหนก็เลยไป...บ้านนุชา”

เออให้มันได้อย่างนี้

ไม่รู้จะไปไหนก็เลยไป
เป็นคำตอบที่ได้ใจความมาก แล้วทีตอนอยู่ทำไมไม่มา ทีไม่อยู่จะมาทำไม

“ทำไม”

เอ่ยถามแบบนิ่ง ๆ และจ้องหน้าคนที่ตอบคำถามได้เฉไฉที่สุดในโลก
ให้โอกาสครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ตอบ....หึ หึ หึ

“แค่นึกถึงเฉย ๆ ก็เลย...ไป..”

เยี่ยมครับ

ไม่มีใครเขาตอบแบบนี้กันหรอก
คนตอบ ตอบแบบอ้อมแอ้ม ไม่เต็มเสียง แถมยังหลบสายตาอีกต่างหาก

“คิดถึงก็บอกมาตรง ๆ อย่าอ้อมโลก”

เคยล้อเล่นและไม่เคยจริงจังกับคำพูดพวกนี้เพราะเป็นแค่การแหย่การแกล้ง
ให้คุณซ้งโมโห แต่ครั้งนี้เป็นการถามแบบจริงจัง ตั้งใจถาม อยากรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายให้แน่ชัด ทำไมวะ พูดว่าชอบมันจะตายมั้ย พูดว่าคิดถึงมันยากมากนักหรือไง

“เปล่า เปล่า ไม่ได้คิด...ไม่..ไม่.เคยคิด”

อีกแล้ว

เออดี

ให้มันได้อย่างนี้ คุณซ้งเป็นอะไรของเขาวะ คิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่
การกระทำและอะไรหลายๆ อย่างมันโจ่งแจ้งชัดเจนขนาดนี้
ยังจะบอกว่าไม่ได้คิดอะไรอีก ยังจะกล้าพูดแบบนี้อีกเหรอ

นุชาถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
และนั่งกอดอกนิ่งเงียบ

ไม่อยากได้แล้วคำตอบ ถามอะไรไม่เคยตอบตรงคำถาม
ถ้าแค่ตอบไม่ตรงคำถามมันน่าหงุดหงิดไม่พอ ก็มีบางครั้งที่พูดให้หงุดหงิดโมโหเพิ่มขึ้นได้อีก

อยากทำอะไรเอาเลยเต็มที่ เบื่อกับความสับสนวกวนของคุณซ้งเต็มที
ทำไมมีอะไรไม่ทำให้ชัดเจน ไม่ชอบแล้วเข้ามาหาทำไม หนีไปตั้งไกลแล้วตามไปทำไม ถ้าไม่คิดอะไร ทำไมทุกครั้งที่คิดจะถอย คุณซ้งก็มักจะหาเหตุเข้ามาพัวพันได้บ่อย ๆ

จะบอกว่าบังเอิญ มันก็ไม่น่าใช่
น้อยมากที่จะโทรหาคุณซ้ง แต่ฝ่ายนั้นก็ยังหาเหตุโทรมาจนได้
โทรมาพูดจาแปลก ๆ โทรมาหงุดหงิดโมโหใส่

มันอะไรกันนักหนาวะ

ซ้งนิ่งเงียบ และเหลือบสายตามองคนที่ไม่ยอมพูดด้วย

กำลังทำอะไรไม่ถูก

ไม่รู้ควรทำยังไง

...อย่ารักใครอาซ้ง ซ้งรักได้แค่หม่าม๊าคนเดียว อย่าไปหลงรักใครมันจะเจ็บปวด จะเป็นเหมือนหม่าม๊า อย่าไปเผลอรักใครนะซ้ง…

มันจะเจ็บมันจะปวด

หม่าม๊าทรมาน ทุกคนกลัวหม่าม๊า หม่าม๊าร้องไห้ทุกวัน
กินก็ร้องไห้ นอนก็ร้อง มันเจ็บปวดไปหมดทั้งที่เป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ
แต่ก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่หม่าม๊าได้รับ และมันถ่ายทอดมาให้ทั้งหมด
จนอยู่ลึก และฝังอยู่ในใจ

แค่เพียงคิด
จะเครียดจนนอนไม่หลับ

กลัว

กลัวว่าจะเป็นอย่างที่หม่าม๊าเคยเป็น
บางครั้งที่นอนหลับไปแล้ว
กลางดึกยังสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะความฝันจะตามมาหลอกหลอนเสมอ

ความรู้สึกแปลก ๆ ที่มีให้นุชามันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหนก็ตอบตัวเองไม่ได้
รู้แค่ว่า ตั้งแต่นุชาย้ายไปอยู่ชลบุรี ตั้งแต่เริ่มเห็นหน้านุชาน้อยลง
สนามมันก็กว้างกว่าปกติ

เคยวิ่งเพียงคนเดียวได้ และไม่เคยคิดจะใส่ใจกับทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว
สายตาเคยมองหานุชาที่คอยมาพัวพันกับอาม่าจนต้องโฉบเข้าไปกันท่าเสมอ

แต่เวลาที่นุชาไม่อยู่ อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเหงา
เคยมองหา สายตาเคยไล่ตามและมองหา
แต่วันที่มองไปแล้วไม่เห็นนุชาอยู่ในที่ที่เคยอยู่ มันใจหาย

ครั้งแรกที่แวะมาที่บ้านนุชาเป็นเย็นวันศุกร์
หวังว่านุชาจะกลับบ้าน แต่ก็ไม่เห็น ผ่านไปวันเสาร์ก็ไม่มา
ที่สนามตอนเย็นก็ไม่เห็นมีสักวันที่แวะไป

ทุก ๆ เย็นวันศุกร์ จะขับรถมาที่บ้านนุชา
มารอ....
รอ....
เผื่อนุชาจะกลับมา
แต่ไม่กล้าโทร
เพราะไม่รู้จะโทรไปทำไม
ไม่มีเหตุผล หาเหตุผลไม่ได้

เห็นแม่ของนุชาอยู่บ่อย ๆ และกลัวว่าจะหวาดกลัวที่มีใครมาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าบ้านบ่อย ๆ ก็เลยต้องลงจากรถไปสวัสดี และถามข่าวคราวนุชาบ้าง

มันเริ่มจากตรงนั้น

แล้วก็เลยได้แวะเวียนมาเยี่ยมอยู่บ่อย ๆ เวลาที่นุชาไม่อยู่บ้าน
บางครั้งหลังจากเลิกเรียนในบ่ายวันอาทิตย์ก็จะขับรถไปชลบุรี
ไปทั้งที่ไม่รู้ว่านุชาอยู่ไหน

แต่ไปเพื่อให้รู้ว่าเราได้อยู่ในที่เดียวกัน แม้ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหน อยู่ตรงไหน
แต่อย่างน้อย ก็ได้รู้ว่าอยู่ไม่ห่างกัน

ได้พูดคุยกับแม่นุชา ได้รู้เรื่องของนุชา ทั้งเรื่องตั้งแต่เด็ก เรื่องตอนโต
เรื่องตลก ๆ เรื่องเครียด ได้รับรู้ทุก ๆ เรื่องของนุชา
สุดท้ายกลายเป็นสนิทกับแม่ของนุชาและซื้อขนม ของฝากจากชลบุรีมาฝากบ่อย ๆ
โดยอ้างว่าเป็นของนุชาฝากมาให้บ้าง ทั้งที่ไปแล้วไม่เคยได้เจอกัน

ทำอะไรบ้า ๆ
ทำตัวบ้า ๆ บอ ๆ ยิ่งกว่าที่เคยว่านุชาไป

ไม่รู้ว่าทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ ทำไมถึงได้ทำอะไรโง่เง่า

ยิ่งวันที่ได้เจอหน้านุชาจริง ๆ
วันที่ไปหาที่ชลบุรีและได้พบหน้ากันจริง ๆ ยิ่งเหมือนความรู้สึกของตัวเอง
มันจะระเบิดออกมา
วันที่บอกตัวเองว่าไม่อยากจะคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว วันที่อยากร้องไห้ที่สุด

แต่แค่ได้เห็นหน้านุชา แค่ได้อยู่ข้าง ๆ ก็ทำให้จิตใจที่เคยว้าวุ่นสงบลงได้

ทำเรื่องโง่ ๆ อยู่บ่อยๆ โดยไม่มีใครรับรู้ด้วย

แค่แวะซื้อขนมและเห็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ ก็ต้องมองซ้ายมองขวาเพราะกลัวคนจะรู้ว่าสนใจอยากอ่านแม้กระทั่งหนังสือหลอกเด็กไร้สาระ

แต่เพราะไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง นุชาถึงจะรู้สึกดี
แค่อยากตอบแทน ก็เลยซื้อมาอ่านและทำตาม

บางทีความรู้สึกที่เป็นอยู่มันอาจจะเลยขั้นของคำว่าชอบไปแล้ว
แต่จะให้ทำยังไง....ในเมื่อ

หัวใจก็คอยปฏิเสธและพยายามบังคับใจตัวเองให้หยุดคิดเรื่องนี้ตลอดเวลา

มันน่ากลัว

การรักใครสักคน...มันน่ากลัว

น่ากลัวมากเหลือเกิน

“นุชา....”

เรียกชื่อคนที่นั่งกอดอกเงียบ ๆ และได้เห็นว่านุชาขยับตัวเล็กน้อย
แต่ไม่ขานรับ ทำหน้านิ่ง และรับรู้ได้ว่ากำลังไม่พอใจ

รถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถ ใกล้กับผับที่นุชาให้มาส่ง
คนที่ให้มาส่งเตรียมจะก้าวขาลงจากรถ แต่กลับถูกรั้งข้อมือเอาไว้

นุชามองที่ข้อมือของตัวเองและกลับเข้ามานั่งกอดอกอยู่ในรถเหมือนเดิม
มองหน้าของคนที่หันมาหาแล้วก็อยากจะรู้ว่าคุณซ้งอยากจะพูดอะไร

แต่ก็ไม่เห็นพูด

มีแต่มอง

มองนิ่ง ๆ จ้องนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น

อยากจะถามว่าทำไมยังไม่ให้ไป ก็พอดีกับปลายนิ้วของคุณซ้งยื่นมาแตะที่ข้างแก้ม

แตะเบา ๆ

และเกลี่ยไล้เล่น

สายตาที่มองมา มันผิดจากที่เคยเห็น
มีความอึดอัดกดดันอยู่ในแววตาคู่นั้น เหมือนกำลังพยายามเก็บกดความรู้สึกของตัวเอง แต่มันก็เหมือนจะเผยออกมาให้เห็นได้ชัด ๆ

ปลายนิ้วอุ่น ๆ เกลี่ยไล้ลงมาที่ข้างแก้มและหยุดนิ่งที่ริมฝีปาก
ก่อนที่เจ้าของมือ จะชะโงกหน้าเข้ามาหาและแตะริมฝีปากเบา ๆ ที่ข้างแก้ม
ผละออกห่าง และนิ่งมองสบตากับนุชาที่มองมาด้วยความตกตะลึง นิ่งงัน

ไม่เข้าใจ

ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร
ความสับสนวุ่นวาย และคำถามมากมายกำลังตีกันอยู่ในหัว

“ทำไม..อือ..”

อยากจะเอ่ยถามแต่เมื่อคนที่ควรตอบคำถามกลับก้มหน้าลงมาหาอีกครั้ง
ก็ทำให้ต้องหุบปากเงียบเมื่อริมฝีปากอุ่น ๆ ทาบทับลงมาที่ริมฝีปากบาง

อยากถาม
อยากรู้

แต่ความรู้สึกหวานๆ ที่มาพร้อมความสับสนงุนงง ที่บดเบียดเข้ามาที่ริมฝีปาก
ก็ทำให้ต้องนิ่งเงียบ และปล่อยให้คนที่มอบความรู้สึกมาให้ทำได้อย่างใจต้องการ

เป็นนานที่ความรู้สึกล่องลอยไปไกลแสนไกล
หลับตาลงและตอบรับทุกสัมผัสด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่อยากมอบให้
อยากให้รับรู้ว่ารู้สึกดีมากแค่ไหน

มีความสุข

สุขจนกลัวว่าความสุขที่ได้รับจะจางหายไป
แม้อยากจะดื่มด่ำซึมซับความรู้สึกนี้เอาไว้ตลอดไป แต่ก็ต้องบอกตัวเองให้รู้จักคำว่าพอ
คำว่าพอดี พอควร

ผละใบหน้าออกห่างและเอ่ยเรียกคนที่เหมือนกำลังมึนเมาไม่ได้สติ
และดูเหมือนจะหยุดตัวเองเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป

“อือ...คุณ...คุณซ้ง..พอ..พอแล้ว”

แตะฝ่ามือที่อกของคนที่ใบหน้าอยู่ห่างกันแค่คืบ จนรู้สึกถึงลมหายใจ
และเหมือนฝ่ายนั้นจะเริ่มรู้สึกตัว ยอมผละออกห่างและกลับไปนั่งในที่ของตัวเองเรียบร้อย

“เอ่อ...นุชา..คือว่านะ”

ไม่ต้องอธิบาย
เวลาไม่อยากได้คำอธิบายอย่ามาอยากอธิบายตอนนี้

นุชานิ่งเงียบ

และซ้งเองก็ไม่ต่างกัน

ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบ

หลุดเข้าไปอยู่ในความคิดของตัวเอง
และเริ่มรู้สึกถึงความอึดอัดที่กำลังถาโถมเข้ามา

“ให้แค่เที่ยงคืนใช่มั้ย...”

หันไปถามคนที่นั่งนิ่ง และก็เห็นว่าคุณซ้งพยักหน้าตอบรับ
นุชาก้มหน้าก้มตาปลดล็อคเข็มขัดนิรภัย และจัดแต่งเสื้อผ้าให้เข้าที่

ก่อนจะรีบก้าวขาลงจากรถและเดินลิ่ว ๆ จากไปอย่างรวดเร็ว
ปล่อยให้ซ้งอยู่คนเดียวภายในรถ

และคนที่เหมือนเพิ่งสงบสติอารมณ์ได้ ก็ถึงกับต้องก้มหน้าลงซบลงกับพวงมาลัยรถ

อยากจะบีบคอตัวเองให้ตาย ๆ ไปซะ
เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเผลอทำอะไรลงไป

ทำไปทำไม ทำไปเพื่ออะไร รู้สึกตัวอีกทีก็ทำลงไปแล้ว
เป็นการกระทำที่ไม่สมควร เป็นเพราะจัดการความรู้สึกของตัวเองไม่ได้
จนเผลอทำเรื่องแปลก ๆ ลงไป และในเวลานี้แม้จะเพิ่งสำนึกกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปได้
ก็เหมือนจะสายเกินไปแล้ว

“บ้าเอ้ยยยยยยยยยย เป็นบ้าอะไรวะ....ทำไมถึงได้ทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้....ซ้งเอ้ยยยย ซ้งไอ้บ้าซ้งงงงทำบ้าอะไรอยู่วะ”


TBC...



:bye2:

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † คำถามยาก ๆ † [06/04/12]
«ตอบ #364 เมื่อ06-04-2012 14:32:56 »

 :z13:

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
Re: Running โดย aoikyosuke † คำถามยาก ๆ † [06/04/12]
«ตอบ #365 เมื่อ07-04-2012 19:18:20 »

8 ตอนกับความหวานแบบขมๆ เดี๋ยวนี้หนูซ้งเค้ามีพัฒนาการ มองตา จับมือ หอมแก้ม แล้วก็จูบ
แต่ก็ยังอึมครึมอยู่ดี
หนูซ้งหลงรักหนูนุ่นเข้าแล้วเต็มๆ แต่ดันยึดติดฝังใจกับคำพูดแม่มาก แบบนี้เมื่อไหร่กำแพงหัวใจหนูซ้งจะพังเสียทีนะ
สงสารทั้งสองคน คงสับสนน่าดู


ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: Running โดย aoikyosuke † คำถามยาก ๆ † [06/04/12]
«ตอบ #366 เมื่อ08-04-2012 12:29:31 »

มายาว ๆ เลย ขอบคุณนะคะ แต่อยากอ่านอีกมาก ๆ ตึบหนึบหนับมากเลย
ตั้งแต่อ่านนิยายมา ขอมอบรางวัลพระเอกซึนดีเด่นให้คุณซ้งเลยค่ะ ซึนได้น่ารักมากด้วย
แ่ต่มันหน่วงความรู้สึกมากเหมือนกันนะที่คุณซ้งขยันปิดตัวปิดใจซะขนาดนี้
แม้จะฮากับความคิดน่ารัก ๆ ของนุชา แต่บางทีก็กลัวนุชาจะทนไม่ไหวจะท้อจะล้าไป
ก่อนที่คุณซ้งจะยอมเปิดใจ...เปิดใจเถอะนะคุณซ้ง นุชาน่ารักจะตาย จะได้ไม่ต้องเป็นแค่เพื่อนไง


nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † คิด † [10/04/12]
«ตอบ #367 เมื่อ10-04-2012 02:03:39 »

ตอน คิด



เคาะกระจก และเห็นคนที่ซบหน้าอยู่ที่พวงมาลัยรถเงยหน้าขึ้นมองในสภาพสะลึมสะลือ
แล้วนุชาก็เลยโบกไม้โบกมือและส่งยิ้มให้

ประตูรถถูกปลดล็อคแล้วนุชาก็เปิดประตูรถก้าวขาเข้ามานั่งภายในรถได้

“เที่ยงคืนเป๊ะนะ ไม่ขาดไม่เกิน”

ซ้งก้มลงดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ และก็เห็นว่าไม่ขาดไม่เกินสักนาที
มองหน้าของคนที่เข้ามานั่งอยู่ในรถเรียบร้อย และเริ่มได้กลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ มาจากลมหายใจของนุชา

“เมาเปล่าเนี่ย”

เอ่ยถามและเห็นนุชาพยักหน้าและทำหน้าแหยใส่
ก็เลยต้องอมยิ้มและส่ายหน้าด้วยความขำ

“เมาจริงคุณซ้ง โดนกรอกด้วย ไม่เจอกันนาน เดี๋ยวเติมเดี๋ยวเติมไม่กินก็ไม่ได้ ทั้งง่วงทั้งเมาเลยคุณซ้ง”

คนทำงาน มันก็ต้องมีบ้างแค่ควบคุมให้อยู่ในสถานะที่พอดีพอควรได้ก็พอ

“ซ้งกินแล้วแพ้ เวลาไปไหนก็อ้างได้ ไม่ค่อยมีใครว่าอะไร”

ดีมันก็ดี จะว่าไม่ดีก็ไม่ดี เพราะเห็นตอนคุณซ้งแพ้แอลกอฮอล์แล้วโคตรน่ากลัว
ตัวแดงไปหมด และเหมือนจะหายใจไม่ออกด้วย ขนาดอาม่ากิมยังบอกว่าเคยหามส่งโรงพยาบาลมาแล้ว แบบนั้นมันก็เกินไป

แต่....นั่นไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นมันอยู่ที่ประโยคบอกเล่านั่นต่างหาก

ซ้ง....
ซ้ง
ซ้ง
...ซ้งเหรอ

ไม่ใช่อั๊วแล้วเหรอ ปกติเห็นเรียกตัวเองว่าอั๊วตลอด บางทีก็เสียงสูงตอนที่ตะคอก
บางทีก็เสียงต่ำตอนที่โดนแหย่โดนแกล้งให้โมโห

เวลาเปลี่ยนจากอั๊วเป็นซ้งแล้ว.....มัน….ก็

“ซ้ง ซ้ง ซ้ง....คุณซ้ง....”

นุชาบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ และส่งยิ้มหวานเชื่อมให้คนที่กำลังขับรถ
เห็นคุณซ้งทำหน้าแปลก ๆ เหมือนจะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก

จะขำก็ไม่ใช่

มองแล้วเหมือนคล้าย ๆ กำลังเขินมากกว่า

“อะไร...”

เปล่า ไม่มีอะไร แค่คิดว่า คุณซ้งน่ารักดี เวลางัวเงีย เวลาทำตาเบลอ ๆ เวลาหัวยุ่ง ๆ แล้วก็ทำหน้าเหมือนกำลังเขิน

เวลาขานรับทำไมต้องหันไปมองทางอื่นด้วย

ทำไมล่ะ ไม่อยากมองหน้ากันขนาดนั้นเลยเหรอคุณซ้ง หน้าผมไม่น่ามองขนาดนั้นเลยเหรอ ถนนน่ามองกว่าหรือยังไง

“คุณซ้ง ยืมหนังสืออ่านหน่อยสิ ไอ้ที่ซื้อมาอ่ะ”

อะไรนุชา หนังสืออะไร ไม่มี หนังสือหลอกเด็กแบบนั้นจะอยากอ่านไปทำไม

“กลับบ้าน กลับบ้าน เมาแล้วเพ้อเจ้อกว่าปกติอีกนะ”

เอ้า บ่นอีกแล้ว บ่นแล้วก็ทำท่าลุกลี้ลุกลน ทำไมล่ะคุณซ้ง ทำไม

“คุณซ้งงงงงงงงงงงงงงง คุณซ้ง ฮืออออออ อยากอ่าน อยากรู้ ขออ่านหน่อยนะ นะ นะ”

ลากเสียงยาว ๆ และทำหน้าออดอ้อน พยักหน้าสองสามทีและยกมือขึ้นประสานกันเพื่อขอหนังสือที่อยากอ่าน แต่ก็เห็นคนที่ตั้งใจขับรถเกินเหตุ หันมามองแว่บเดียวและส่ายหน้าแทนคำตอบ

“นะ นะ นะ คุณซ้งงงงงงงง น่า นิดเดียว นิดเดียวเนอะ คุณซ้งใจดี”

ไม่หลงกลง่าย ๆ หรอก
อย่ามาทำท่าทางแบบนี้
อย่ามาทำเสียงแบบนี้
แล้วก็ไม่ต้องมาทำหน้าออดอ้อนแบบนี้ มันไม่เข้ากับลื้อหรอกนุชา
มันดูตลก มันดูน่าขำมากกว่า....

มันไม่ได้ดู.........น่ารัก.....เลยสักนิด จริง ๆ นะ

ไม่ได้ดูแล้วทำให้คิดว่า แบบนี้ก็...น่ารักดี...

“เงียบ ๆ บ้างเป็นมั้ย”

แกล้งเอ็ด แกล้งทำเป็นหงุดหงิดใส่ และก็เห็นว่าฝ่ายที่ร้องขอ ทำหน้ามุ่ย และจ๋อยสนิท นั่งกอดอกแล้วหันหน้าไปมองนอกหน้าต่างรถอีกแล้ว

ทำเหมือน.....ไม่ถูกใจ ไม่ชอบใจ

ปกตินุชาจะทำแค่นิ่งเฉย ไม่พูด

แต่ครั้งนี้ มันมีการทำหน้างี่เง่าใส่ด้วย เป็นการทำหน้างี่เง่าที่ทำให้ใจของคนที่เห็นถึงกับสั่นจนควบควบแทบไม่อยู่ อยากจะเลี้ยวรถเข้าข้างทาง และทำอะไรบางอย่างให้รู้แล้วรู้รอดไป

“คุณซ้ง....คุณซ้ง”

อะไร
เรียกทำไม

เรียกแล้วก็เปลี่ยนจากทำหน้ามุ่ยเมินหน้าหนี กลายมาเป็นนั่งท้าวคางและมองจ้องกันอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนั้น

ถ้าแค่เรียกชื่อมันน้อยไป นุชายังมีการส่งยิ้มให้ด้วย
รอยยิ้มหวานๆ มาพร้อมกับตาโต ๆ ที่เริ่มหรี่ปรือปรอย
อาการที่บอกว่า เมา ของนุชาดูท่าจะจริงอย่างที่ปากพูด

เพราะว่านุชายิ้มมากกว่าปกติ
และทำท่าทางออดอ้อนออเซาะทั้งที่ไม่เคยทำให้เห็นมาก่อน

“จูบทำไมคุณซ้ง”

สติแทบจะหลุด และอยู่ในอาการพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

มันเมา

นุชามันเมา

ตั้งสติเอาไว้ อย่าไปสนใจคำถามให้มากนัก เดี๋ยวพอกลับบ้านนอน ตื่นมาอีกทีก็ลืมแล้ว

“ทำไมล่ะคุณซ้ง....จูบทำไม”

อะไรวะ

จะอยากรู้ไปทำไม ถามไปทำไม เรื่องอื่นมีเยอะแยะให้ถามทำไมไม่ถาม
มาถามเรื่องที่ไม่อยากตอบ เรื่องที่ตอบไม่ได้

ถามไม่ถามเปล่า ทั้งยิ้ม ทั้งจ้อง และทำหน้าเหมือนรอคอยจะให้ตอบให้ได้

“นุชา ไปนั่งให้ดี ๆ แล้วเงียบ ๆ บ้าง น่ารำคาญ”

โหหหหหหหหหหหห

จะให้ไปนั่งที่ไหน ก็นั่งอยู่ตรงนี้ นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ดีตรงไหน
แล้วก็ไม่ได้พูดมากอะไรเล้ยยยยยยย แค่ถามเรื่องที่อยากรู้

คุณซ้งก็แค่ตอบ
อย่าทำเป็นเมิน อย่าทำเป็นบ่น อย่าเฉไฉไปเรื่องอื่น
ขอแค่นั้นได้หรือเปล่าครับ

อยากได้แค่นั้นเอง

คำตอบอะไรก็ได้
อยากได้
อยากได้คำตอบอะไรก็ได้ที่ทำให้รู้สึกชัดเจน
แม้จะไม่ใช่คำว่า “ชอบ” หรือ “รัก” ก็ได้

การกระทำมันชัดเจนบ่งบอกความรู้สึกอยู่แล้ว
แต่บางครั้งก็งี่เง่าอยากจะได้ความชัดเจนบ้าง

ขอมากไปก็รู้ตัว
แต่ก็หวัง เพราะอยากได้

“ทำไมล่ะคุณซ้ง...ทำไมถึงทำ”

คนถามเลิกจ้องหน้าแล้ว และกลับไปนั่งในที่ของตัวเองเรียบร้อย
เรียบร้อย แบบน้อยใจ

ดูยังไงก็รู้

“นุชา...”

เรียกอีกแล้ว เรียกแล้วก็ไม่เห็นพูดอะไร

แต่ก็ยังอยากได้ยินเสียงเรียก
ชอบเสียงคุณซ้ง

เวลาพูด เวลาบ่น เวลาที่พูดบางอย่างแล้วทำให้เศร้าแต่ก็ยังชอบฟัง

ทำไมถึงชอบ เพราะอะไรทำไมถึงยังชอบ

ทั้งน้ำเสียงทั้งหน้าตา ทั้งวิธีการพูด ทุกสิ่งทุกอย่าง

แม้คุณซ้งจะชอบทำให้เสียใจกับคำพูดเชือดเฉือนที่ฟังทีไรก็รู้สึกเจ็บแปลบทุรนทุราย

แต่ก็ยังชอบ

ชอบคุณซ้ง
ชอบทุกอย่างที่รวมเป็นคุณซ้ง
ชอบเวลาที่โมโห เวลาโกรธ เวลาที่หงุดหงิด งี่เง่า เวลาที่เศร้า หรือแม้กระทั่งเวลาที่ยิ้ม

ชอบคุณซ้งจริง ๆ นะ
ทำไมมันถึงได้เพิ่มมากขึ้นขนาดนี้ล่ะ
และดูเหมือนมันจะเพิ่มขึ้นทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกวินาทีที่ได้นึกถึง

“คุณซ้งจูบทำไม...”

ได้ยินคำถามที่นุชาถามซ้ำ ๆแล้วซ้งก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

ตอบไม่ได้

ไม่รู้ว่าต้องตอบยังไง

รู้แค่ว่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะจนใจจะหาคำอธิบายมาตอบได้
เอื้อมมือไปแตะที่เส้นผมของคนที่ถามคำถามซ้ำ ๆ และเหมือนกำลังบ่นพึมพำอะไรบางอย่างที่ฟังไม่รู้เรื่อง และก็ถึงกับชะงัก เมื่อถูกปัดมือออก

“นุชา”

แกล้งทำเสียงเข้มใส่ คนที่มีท่าทางโกรธเคือง
และก็เห็นนุชาเงยหน้าขึ้นมอง แค่เพียงแว่บเดียวแล้วก็ก้มกลับลงไปมองที่มือของตัวเองอีกครั้ง

เมินกันแบบสมบูรณ์แบบ

“ถ้างั้นมาทำกันอีกครั้ง....”

ทำกันอีกครั้งคืออะไร

ทำกันอีกครั้งหมายความว่ายังไง

“ทำกันอีกครั้งนะคุณซ้ง....”

เมาจริง ๆ แค่เห็นก็รู้ว่าเมา แค่คำพูดก็รู้แล้วว่าเมา
คนเมา ทำอะไรไปก็ไม่เคยจดจำ แล้วมันจะมีค่าอะไร จะทำไปเพื่ออะไร
ในเมื่อทำไปแล้วไม่มีความหมายอะไรอยู่ในความรู้สึกนั้น

“ถึงบ้านแล้วนุชา...เดี๋ยวพรุ่งนี้มารับ....ขึ้นบ้านแล้วอาบน้ำนอนได้แล้ว”

อืมมมม

ไม่อยากตอบจริง ๆ สินะ

ไม่อยากตอบจริง ๆ ด้วย ถ้าอยากโกหกก็ได้ แต่คุณซ้งก็ไม่ทำ
ไม่ตอบอะไรออกมาเลย

มันน่าเสียใจ มันน่าเสียใจจริง ๆ นั่นแหละ

นุชาหน้าซึมเศร้า กำลังจะก้าวขาลงจากรถ

ไม่เคยมีคำตอบ ไม่เคยมีความมั่นใจ ไม่เคยมีความหมายอะไรในการกระทำแต่ละอย่างของคุณซ้งเลย ไม่มีเลยจริง ๆ

“นุชา...”

ได้ยินเสียงเรียกแล้วนุชาก็หันกลับมามองหน้าของคนที่ขับรถมาส่งในเวลาดึกดื่น
ทันได้สบตากับสายตาที่จ้องนิ่งตรงมา ตั้งใจฟังคำพูดบางอย่างของคุณซ้ง
ตั้งใจฟัง และบอกตัวเองว่าอย่าคาดหวังกับคำพูดที่คุณซ้งพูด

ไม่กล้า

ไม่กล้าคิดอะไรให้มาก
ไม่กล้าแม้แต่จะคาดหวัง

“ที่ไม่พูด ไม่ได้แปลว่าไม่คิด แต่เพราะคิดแล้วถึงยังไม่พูด ถ้าแค่พูดเลื่อนลอยไม่รับผิดชอบ ก็คงพูดไปนานแล้ว สำหรับนุชา...คำพูดบางอย่างมันอาจไม่สำคัญสามารถพูดได้ง่าย ๆ แต่สำหรับซ้งคำพูดคำเดียวมันสำคัญกับชีวิตของซ้งมาก ถ้านุชาจะเกลียดหรือโกรธเพียงเพราะไม่พูดสิ่งที่นุชาอยากฟัง ซ้งก็ไม่ว่าอะไร”





TBC...



มาอีก4ตอนคะ^^

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † กำลังใจ † [10/04/12]
«ตอบ #368 เมื่อ10-04-2012 02:05:48 »

ตอน กำลังใจ



“ทานกาแฟเย็นหน่อยครับคุณนุชาจะได้ใจเย็น ๆ”

ครับ

วันเวลาเก่า ๆ ได้กลับคืนมาอีกแล้ว
กาแฟเย็น ชีวิตนี้เกลียดที่สุดคือกาแฟเย็น จะไม่ขอซื้อกินอีกตลอดชีวิต สาบานได้
ทำไมลูกค้าต้องซื้อกาแฟเย็นให้กินด้วย อะไรดลใจให้ซื้อนักหนา

กาแฟเย็น

เฮ่ออออ เห็นแล้วก็ได้แต่ยิ้มแหย ๆ และจำใจยกแก้วขึ้นจิบเพื่อให้ไม่เป็นการเสียมารยาทที่ลูกค้าอุตส่าห์ปรารถนาดีซื้อมาฝาก

“คืออย่างนี้นะครับคุณนุชา ธุรกิจของผมเนี่ย.................”

พี่ท่านเล่าอย่างยาวเหยียด และเริ่มแจกแจงเอกสารที่แนบมาให้พิจารณาด้วย
นุชาอ่านเอกสารที่ถูกส่งให้อ่าน และตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกค้าพยายามเล่าและนำเสนอ

ปาเข้าไปบ่ายแก่ ๆ กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง กว่าจะเข้าใจ
และนุชาก็รวบรวมเอกสารเพื่อทำเสนอพิจารณาหลังการพูดคุยกันจบ

เวลางานต้องตั้งใจทำงาน
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้จะพยายามบังคับใจให้จดจ่ออยู่กับงาน แต่ก็เผลอมองไปที่โทรศัพท์ที่วางเอาไว้

สี่วัน

สี่วันเลยนะครับ
กูทำอะไรผิดวะ
นี่มันสี่วันแล้วนะครับ
หลังจากที่รับฟังคำพูดโคตรโดนใจจากคุณซ้งวันนั้น นี่ก็ปาเข้าไปสี่วันแล้ว

บ่ายวันที่จะกลับบ้าน ไม่มีสายโทรเข้า ไม่มีการนัดพบ
และเมื่อรอจนถึงบ่ายสาม ก็มีข้อความส่งเข้ามาหา

…วันนี้มารับไม่ได้แล้ว....

แค่นี้
มีข้อความมาแค่นี้จริง ๆ

ไม่มีการบอกที่มาที่ไป ไม่มีการบอกเหตุผล ไม่มีการบอกอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น
และคนรอก็ถึงกับอึ้งกับข้อความที่ได้รับ

อยากจะโทรกลับไปถาม
แต่ก็ไม่ใช่นิสัย

ไม่ใช่คนงี่เง่า เซ้าซี้ ที่จะอ่านข้อความแล้วไม่เข้าใจ

ถ้าอยากโทรคงโทรมาแล้ว คงไม่ส่งแค่ข้อความมาให้
นี่คงไม่อยากคุยตอนนี้ ถึงได้ส่งข้อความที่อ่านแล้วปวดใจมาให้แทน

กูผิดตรงไหนวะ
กูทำอะไรผิดวะ

กำลังทำให้คุณซ้งหนักใจ อึดอัดใจใช่มั้ย บางทีมันอาจจะใช่
เอาแต่เร่ง เอาแต่หาเรื่องให้พูดคำที่อยากฟังโดยไม่สนใจจิตใจคนที่ต้องพูด ว่าบางทีอาจจะอยู่ในสภาพฝืนทน จำใจ

เพราะคิด...ก็เลยไม่ยอมพูด

ไม่ยอมพูด เพราะผ่านการคิดมาแล้วว่าบางที พูดไปคงไม่ดี

เงียบ และทำเป็นเฉยคงดีกว่า

มันคงจะดีกว่า

สำหรับคุณซ้งมันคงดีกว่าพูดออกมา....

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาหมายเลขโทรเข้าล่าสุด แล้วก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
ผ่านมาสี่วันแล้วและหลังจากนั้นไม่มีหมายเลขโทรเข้าจากคุณซ้งอีกเลย

ไม่มีเลยจริง ๆ

จะให้โทรไปหา ก็ไม่ทำอยู่แล้ว

เพราะถ้าคุณซ้งอยากคุย ต้องโทรมาเอง จะไม่ไปรบกวนหรือไปยุ่งวุ่นวายให้รำคาญใจเด็ดขาด

จะไม่ทำให้อึดอัด จะไม่ทำให้ปวดหัว เพราะไม่อยากถูกเกลียด

คุณซ้ง......

ตกลงแล้วเราไม่ได้เข้าใจกันหรอกเหรอ
ทั้งที่ดูเหมือนว่าจะเข้าใจบางอย่างที่คุณซ้งคิดตั้งมากมาย
แต่สุดท้าย จะให้แปลว่าไม่เข้าใจสิ่งที่คุณซ้งคิดเลยอย่างนั้นเหรอ

ที่จริงแล้ว กูไม่เข้าใจความคิดของน้องแรงบันดาลใจคุณซ้งหน้าใสปิ๊งและชอบทำหน้าบึ้งอยู่เสมอ คนนั้นเลยหรือนี่

คุณซ้ง ยังอยู่ห่างไกลเหมือนเดิม เหมือนตอนที่ได้รู้จักกันในช่วงแรก ๆ หรือไงวะ

แต่มันก็ไม่น่าจะใช่

ความรู้สึกอาจหลอกตัวเองได้
แต่การกระทำที่โคตรชัดเจนขนาดนั้น มันจะเรียกว่าหลอกตัวเองได้ยังไง

เพราะไม่ได้เป็นคนทำอะไรแล้วคิดไปเอง

แต่เป็นคุณไม่ใช่เหรอครับ ที่มาทำอะไรอย่างนั้นกับผม
คนไม่คิดไม่รู้สึกอะไรเลยจะทำแบบนั้นไปทำไม

ยิ่งคุณซ้งด้วยแล้ว ไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่มีทางเลย

แล้วการเงียบหายไปแบบนี้หมายความว่ายังไง

คิดจะทรมานใจกันให้ตายไปข้างเลยหรือยังไงคุณซ้ง

คนรอ ที่ไม่รู้กำหนดเวลา มันทรมานใจนะครับ

มันทรมานหัวใจ.....มากนะครับคุณซ้ง

“นุชา...เป็นอะไรหน้าเครียด ๆ เคสนี้มีอะไรลำบากใจหรือยังไง”

เปล่าครับพี่ ไม่มีอะไรลำบากใจ แค่ทำข้อมูลและนำเสนอเพื่อส่งพิจารณาไม่ใช่เรื่องยาก

ขอโทษที่อู้งาน
ขอโทษที่เอาเวลางานมาคิดเรื่องส่วนตัว

ผมจะเร่งทำงานเดี๋ยวนี้ครับ

“ก็นิดหน่อยครับ แต่ไม่มีอะไรมาก เดี๋ยววันนี้น่าจะทำเสนอได้เลย”

ตอบกลับรุ่นพี่ที่เดินผ่านมาทักทาย
และส่งยิ้มให้หลังฟังคำถามเรื่องความคืบหน้าของงาน

ก้มหน้าก้มตาทำงาน
ทั้งที่ยังรอ และหวังว่าจะมีโทรศัพท์เข้ามา

รอ

รอสายเรียกเข้า

รอให้เจ้าของหมายเลขที่นึกถึงโทรเข้ามาหา

แต่ก็ไร้วี่แวว
ไม่มีแม้แต่ข้อความหรือคำอธิบายใด ๆ ทั้งสิ้น

มีแต่ความเงียบ และการรอคอยของนุชา

คุณซ้ง ทำไมทำแบบนี้ ทำไมทำกันได้ถึงขนาดนี้วะ

จะเอายังไงก็น่าจะบอกกันบอก

ถ้าจะไม่คิด จะเลิกคิดแล้ว และจะไม่ยอมพูดอีก ก็ไม่ว่า
แต่อย่าปล่อยให้รอ อย่าปล่อยให้คอย

แค่บอกมาตรง ๆ จะไม่ดื้อด้านงี่เง่าทำให้ลำบากใจ

แค่เพียงพูดมาคำเดียวเท่านั้น ว่าให้หยุด และแค่พูดมาคำเดียวว่าจะเลิกพบเลิกเจอกัน

การเงียบแบบไร้คำอธิบายแบบนี้ มันทำให้คนรอคอย ทรมาน ทุรนทุราย

ทำไมถึงไม่บอกอะไรกันเลยคุณซ้ง
ทำไมถึงไม่บอกอะไรผมบ้างเลย


นุชาวางกระเป๋าเอกสารลงบนโต๊ะพับเล็ก ๆ
เปิดรายการโทรทัศน์ทิ้งไว้ ปลดเนคไทน์โยนทิ้งไว้บนเตียง และปลดกระดุมแขนเสื้อและกระดุมเสื้อเม็ดบนออกเพื่อให้คลายความอึดอัดลงบ้าง

นั่งเหยียดขา และเอนหลังพิงกับเตียงนอน

มองโทรศัพท์ที่วางเอาไว้ และถอนหายใจเฮือกใหญ่

ไม่โทรจริง ๆ สินะ

บางทีนี่คงเป็นคำตอบของการเงียบหาย ก็ดีนะ ไม่ต้องพูดให้มากความ
คุณซ้งไม่ใช่คนที่ถนัดจะพูดอะไรซะด้วย

การทำแบบนี้ก็ดูสมเป็นคุณซ้งดี

ทำแบบนี้มันก็ดู.....สมกับเป็นคุณซ้ง....ดีนะ

คิดแล้วก็หัวเราะออกมาเสียงเบา
ไม่ใช่หัวเราะเพราะขบขันแต่เพราะเยาะหยันตัวเอง

ไม่เป็นไร ความผิดหวังเป็นเรื่องปกติที่คนเราต้องพบเจอ
ไม่สำคัญว่าจะผิดหวังมากแค่ไหน สำคัญคือเราจะจัดการกับความผิดหวังยังไง

อยู่อย่างทุรนทุรายเจ็บปวด หรืออยู่อย่างเข้าใจ และปล่อยมันให้เป็นไป

เราควบคุมความรู้สึกนึกคิดหรือการกระทำของคนทั้งโลกไม่ได้
เราแก้ไขคนอื่นให้เป็นอย่างใจเราไม่ได้ เพราะฉะนั้นที่เราต้องทำคือแก้ไขที่ตัวเองก่อน
ทำยังไงให้ตัวเองอยู่ต่อไปได้

ทำยังไงให้สามารถใช้ชีวิตอยู่กับความผิดหวังต่อไปได้

เสียใจ ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่จะทำยังไงหลังการเสียใจ จะทำยังไงถ้าเสียใจ

นุชานั่งอมยิ้ม และมองเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะ

ก็....มันช่วยไม่ได้นี่นะ ที่คุณซ้ง....จะไม่ทำอะไรอย่างที่หวัง

ไม่พูดอย่างที่อยากฟัง ไม่ทำอย่างที่อยากให้เป็น
มันช่วยไม่ได้ เพราะมันช่วยไม่ได้จริง ๆ

แต่ว่า........แม่งโคตรเจ็บเลยว่ะ ทำไมมันเจ็บไปถึงหัวใจขนาดนี้วะเนี่ย
เจ็บจนอยากร้องไห้ แต่ร้องไม่ออก

ไม่รู้จะร้องยังไง

ต้องทำยังไง.....

มันไม่เหมือนความทุกข์ใจอย่างคราวพี่ฟ้า มันต่างกัน
พี่ฟ้า....

ก็แปลกดี
ทั้งที่ตอนนี้ก็อยู่ในใจ ยังนึกถึง ยังคิดถึงอยู่

แต่ไม่เหมือนคุณซ้ง มันคนละความรู้สึกกัน
ความรู้สึกที่มีให้พี่ฟ้า มันเจือจางและไม่ได้รู้สึกแบบที่ผ่านมาอีกต่อไปแล้ว

ไม่ได้รู้สึกโหยหาอยากได้มาครอบครอง
ไม่ได้รู้สึกต้องการอยากฉุดรั้งเอาไว้
ความรู้สึกชอบพอฉันท์ชู้สาวมันหมดลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่

มันหายไปและหมดลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

นุชาหยิบรีโมทโทรทัศน์มากดค้นหาช่องรายการโทรทัศน์ กดเล่นไปเรื่อย ๆไม่ได้คิดอยากจะดูแบบจริง ๆ จัง ๆ กดข้ามไปข้ามมา และต้องกดย้อนกลับมาอีกครั้ง เมื่อพบว่าช่องการ์ตูนกำลังฉายการ์ตูนเรื่องที่เคยเห็นคุณซ้งดู

นึกถึงขึ้นมาทันที

วันก่อนโน้นนนนนนน ยังได้ดูด้วยกันอยู่เลย ยังแซวไปว่า แอ๊บแบ๊ว ทำเป็นแบ๊วไปได้
แล้วคุณซ้งก็รีบเปลี่ยนไปดูรายการสารคดีทันที

เป็นคนที่น่ารักมาก ๆ จริง ๆ นั่นแหละ
คุณซ้งเป็นคนน่ารัก นิสัยใจคอหลายๆ อย่าง ยิ่งมองยิ่งได้เห็น ยิ่งได้อยู่ใกล้ยิ่งได้สัมผัส
ก็ทำให้รู้สึกและสัมผัสถึงอีกแง่มุมของคุณซ้ง ที่มีมากกว่าการทำหน้าเฉย
และทำหน้าเหมือนเกลียดคนทั้งโลก

มีบางอย่างที่ทำให้อยากค้นหา และอยากเข้าใกล้ในเวลาเดียวกัน

คุณซ้ง.....

คิดถึง.....

คิดถึงคุณซ้งจริง ๆ นะ

แบบนี้เรียกว่าคิดถึงแบบจริง ๆ จัง ๆ

จะทำยังไงล่ะ จะให้ทำยังไง
แม้จะคิดถึง แต่ก็ต้องหยุดความคิดแล้วใช่มั้ย เพราะคำตอบดูเหมือนจะชัดเจนขนาดนี้

นุชาหยิบโทรศัพท์มาค้นหาหมายเลขของคนที่ทำให้นึกถึง และเริ่มกดลบข้อความที่เคยมีเข้ามา ลบหมายเลขโทรเข้าของคุณซ้งที่เคยโทรเข้ามาหา

ลบไปเรื่อย ๆ ไล่ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มโทรเข้า
นั่งนิ่งมองหมายเลขโทรเข้าที่ถูกลบทิ้งออกไปเรื่อย ๆ

จนถึงวันสุดท้ายที่โทรเข้ามาเมื่อสี่วันก่อน

กำลังจะกดลบ แต่ก็มีหมายเลขโทรเข้า

เบอร์ของคนที่ทำให้นึกถึง หลังจากหายไปสี่วันเต็ม ๆ

“นุชาครับ”

กดรับสายและกรอกเสียงเข้าไปด้วยหัวใจเต้นระทึก จะด่า จะบ่น จะว่า หรือจะพูดอะไร
อยากฟัง อยากรู้ว่าคุณซ้งจะพูดว่ายังไงบ้าง

“คุณนุชานะครับ...เอ่อ ผมเหวงนะ...พี่ชายซ้ง”

แปลกใจ ที่คนที่โทรเข้ามาไม่ใช่คุณซ้งอย่างที่คิด แต่เป็นใครบางคนที่มีเสียงคล้ายกัน
คล้ายมากจนเกือบจะคิดว่าเป็นคน ๆ เดียวกัน

“เอ่อครับ...คุณเหวงโทรหาผมมีอะไรหรือเปล่าครับ”

สงสัยและประหลาดใจ ทำไมถึงเป็นพี่ชายคุณซ้งโทรมา ทำไมคุณซ้งไม่โทรมาเอง

“น้องชายผม ซ้งน่ะ มันไม่กินข้าวไม่หลับไม่นอนมาสามสี่วันแล้ว จะเป็นการรบกวนคุณนุชาเกินไปมั้ย ถ้าคุณจะช่วยพูดให้มันกินข้าวซักหน่อยก็ยังดี”

ไม่กินข้าว
ไม่หลับไม่นอนมาสามสี่วันแล้ว

เป็นอะไร ทำไมถึงได้

คุณซ้งเป็นอะไรทำไมถึง......

“คุณซ้งเป็นอะไรครับทำไมไม่ยอมกินข้าวไม่ยอมนอน มีอะไรหรือเปล่าครับ”

ร้อนใจ เหมือนจะทนไม่ไหวเมื่อได้รับรู้เรื่องราวของคนที่เงียบหายไป

“ผมอยู่โรงพยาบาลนะครับ เมื่อวันอาทิตย์น้าหงษ์กับน้องชายคนเล็กของผมขับรถมาส่งอาม่ากิมที่บ้าน แต่มีรถกะบะเสียหลัก พุ่งชน ตอนนี้ทั้งสามคนอยู่ในไอซียูมาสี่วันแล้ว”

มือเย็นเฉียบ

หัวใจหล่นวูบเมื่อได้ฟังสิ่งที่พี่ชายคุณซ้งเอ่ยบอก

อาม่ากิม อาม่า....

อยู่ในห้องไอซียูมาสี่วันแล้ว

ช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน ทั้งที่ไม่ใช่อาม่าของตัวเอง แต่แค่ได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้น
นุชาก็ถึงกับน้ำตาคลอ และแตะฝ่ามือที่อกของตัวเอง

“อาม่า...จะ...จะเป็นอะไรมากมั้ยครับ”

เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง และขมวดคิ้วมุ่น กำโทรศัพท์ไว้แน่น
รอฟังด้วยใจเต้นระทึก

“หมอบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ต้องรอดูอาการ ยังต้องอยู่ไอซียูก่อน
คนเจ็บก็ห่วงจะแย่แล้ว แต่คนที่ไม่เจ็บมันจะเป็นหนักกว่าคนเจ็บไปแล้ว…
อ้าวซ้งมาพอดี เฮียโทรหาคุณนุชาให้แล้ว คุยกะคุณนุชาหน่อย”

โทรศัพท์ถูกเปลี่ยนมือไปที่เจ้าของโทรศัพท์ และนุชาก็ได้ยินเสียงพูดของคนที่อยู่ปลายสาย

เฮียโทรทำไม....ผมบอกว่าอย่าโทร เฮีย....ผมไม่...เฮีย....

ได้ยินเสียงพูดแว่ว ๆ และคนที่บอกว่าไม่ต้องการโทรหา ก็เอ่ยทักทายนุชาเสียงเบา

“นุชา…เอ่อ...เอ่อซ้ง..เองนะ”

รู้แล้วว่าเป็นคุณซ้ง แต่ทำไมถึงไม่บอกกันสักคำ ว่าอาม่ากิมอยู่โรงพยาบาล
ใจร้ายมาก ทำไมถึงไม่โทรบอกกันบ้าง

“ทำไมไม่กินข้าว ทำไมไม่ยอมนอน ทำไมคุณซ้งไม่ห่วงตัวเองบ้าง คุณซ้งทำแบบนี้อยากให้ผมเป็นบ้าตายใช่มั้ย ทำไมไม่บอกว่าอาม่ากิมอยู่ไอซียู ทำไมคุณซ้งไม่บอกอะไรสักคำ ผม....มันไม่มีความสำคัญอะไรกับชีวิตคุณซ้ง ไม่จำเป็นต้องบอกอะไรให้รับรู้ก็ได้ใช่มั้ย”

แบบนี้มันหนักกว่าโดนเกลียดอีก

แค่บอกกันสักคำ เรื่องสำคัญ เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ทำไมถึงไม่บอกกันเลย
ทำไมทำแบบนี้

“นุชา...ซ้งไม่...ไม่อยาก...รบกวน..ไม่อยากให้นุชาเสียการเสียงาน”

ไม่อยากรบกวนไม่อยากให้เสียการเสียงาน แต่ทำไมไม่คิดบ้างว่าจะทำให้เสียใจ

“ไหวมั้ยคุณซ้ง....ตอนนี้...ใจคุณซ้ง..พอจะสู้ไหวมั้ย”

เอ่ยถาม และได้รับความนิ่งเงียบตอบกลับมา

นิ่งเงียบ

เงียบงัน

อยู่ในความเงียบแบบนั้น เป็นนาน

นานจนเริ่มได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ จากปลายสาย

“คุณซ้ง...ไหวมั้ย...ไม่เป็นไรคุณซ้ง...คุณซ้งสู้ไหวอยู่แล้วนะ อาม่ากิมไม่เป็นไรหรอกคุณซ้ง...คุณซ้งต้องกินข้าวแล้วก็ต้องนอนบ้าง ไม่อย่างนั้นอาม่ากิมจะเป็นห่วงมาก คุณซ้งเข้าใจใช่มั้ย...คุณซ้งเชื่อนุชาใช่มั้ย”

เอ่ยบอกและยิ่งเหมือนได้ยินเสียงสะอื้นหนักขึ้นของปลายสาย

ใจจะขาดให้ได้ แม้ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมา แต่แค่รู้ว่าคนฟังกำลังร้องไห้
ก็รู้สึกเหมือนจะขาดใจ

รู้ว่าคนที่นิ่งเงียบกำลังร้องไห้
แล้วนุชาก็ต้องบังคับตัวเองไม่ให้ร้องตาม

ร้องไม่ได้ ถ้าขืนร้อง อีกฝ่ายคงยิ่งแย่

“เชื่อนุชาใช่มั้ยคุณซ้ง...เชื่อนุชานะ...ไม่เป็นไร ไม่มีอะไร คุณซ้งผ่านไปได้อยู่แล้ว”

ปลอบใจเท่าที่จะนึกได้ คิดหาคำพูดที่จะทำให้คนที่กำลังร้องไห้สบายใจขึ้นบ้าง

“ขี้แยจริง ไม่สมเป็นคุณซ้งเลย ลูกผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันหรอก ถ้าคุณซ้งร้องอีกนุชาจะฟ้องอาม่ากิมนะ”

ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ทั้งที่ยังร้องไห้ของปลายสาย แล้วนุชาก็เริ่มยิ้มออกมาได้

คิดว่าตัวเองเป็นคนโง่เง่า คิดอะไรบ้าบอเพ้อเจ้อ เอาแต่ใจ
ทั้งที่ไม่ได้รับรู้เลยว่าคนที่นิ่งเงียบไปกำลังทุกข์ใจมากแค่ไหน

ทำไมไม่พูด ทำไมไม่ถาม ทำไมถึงได้ปล่อยให้คุณซ้งเป็นทุกข์อยู่คนเดียวได้ตั้งนาน

“พรุ่งนี้นุชาจะไปหา คุณซ้งวันนี้ต้องกินข้าวนะ แล้วก็นอนหลับซักงีบก็ยังดี
ห้ามดื้อนะคุณซ้ง บอกแล้วต้องฟัง ต้องเชื่อนุชาเข้าใจมั้ย”

ไม่รู้ว่าเข้าใจหรือเปล่า

ไม่รู้ว่าจะทำตามอย่างที่บอกหรือเปล่า

แต่เมื่อได้ยินเสียงที่ตอบกลับมาก็ทำให้นุชาสบายใจขึ้นได้บ้าง

“จะ...จะเชื่อ..”

แค่บอกว่าจะเชื่อ....แค่เพียงเท่านั้น
ก็ทำให้คนนุชายิ้มออกมาได้ เมื่อได้รับรู้ว่าอย่างน้อยคุณซ้งก็ยังยอมรับฟังกันบ้าง
ไม่ได้ดื้อดึงหรือต่อต้าน

“คุณซ้ง....เป็นห่วงจริง ๆ นะ อย่าร้องไห้เลย จะร้องตามอยู่แล้ว”

เอ่ยบอก และได้ยินเสียงหัวเราะตอบกลับมา มันอาจไม่ใช่เสียงหัวเราะที่สดใสที่สุด
แต่เป็นเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ในเวลาที่ทุกข์ใจที่สุด

มันอาจไม่สดใส แต่ก็ทำให้มีความหวังขึ้นมาบ้าง ทำให้คนที่ต้องต่อสู้กับความกลัว
ความทุกข์ทรมานใจได้รู้ ว่าไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง ยังมีใครบางคนอยู่ข้าง ๆ
ยังมีใครบางคนคอยให้กำลังใจและยังคอยอยู่ข้าง ๆ เสมอไม่ได้หายไปไหน

“ขอบใจมาก....ขอบใจมากจริง ๆนะ...นุชา”




TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † พัก † [10/04/12]
«ตอบ #369 เมื่อ10-04-2012 02:07:11 »

ตอน พัก



คุณซ้ง....

..............

นุชาถึงกับรับไม่ได้กับสภาพของคนตรงหน้าที่ได้เห็น
ใครคนหนึ่งนั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้หน้าห้องผู้ป่วย ในสภาพที่คนเห็นสภาพแทบขาดใจ


เสื้อเชิตสีขาวยับย่นถูกพับขึ้นมาถึงข้อศอก
คุณซ้งยังคงนั่งนิ่ง ๆ เงียบ ๆ คนเดียว มันดูอ้างว้างโดดเดี่ยวเหลือเกินในสายตาของนุชา แค่เห็นก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวที่ส่งมาถึง

ยืนนิ่งจ้องมอง และก็เห็นคุณซ้งค่อย ๆ หันมามองอย่างช้า ๆ

หัวใจกระตุกวูบ แค่เห็นก็แทบทนไม่ไหว

แค่เห็นก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ดวงตายังแดงก่ำ คงทั้งร้องไห้ ทั้งอดนอน

ริมฝีปากแห้งผาก และความหม่นหมองที่ส่งผ่านมาทางสายตาเมื่อนุชาได้สบตาด้วย ใบหน้าหม่นหมองของคนที่หันมองมา

คุณซ้ง.....

นุชารีบก้าวเท้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนที่ยังนั่งนิ่ง

เห็นแล้วแทบอยากร้องไห้ อยากจะร้องไห้จริง ๆ

“อาม่ากิม...เป็นยังไงบ้างครับ”

เอ่ยถามทั้งที่สายตายังจ้องนิ่งที่ใบหน้าของคนที่ยังมีท่าทางเหม่อลอย

“อาม่า...อยู่ข้างใน...อยู่ในห้อง อาม่าไม่เป็นไรแล้ว....ใช่มั้ยนุชา”

คนที่ควรถาม กลายเป็นต้องตอบคำนี้ซะเอง
คำถามที่ทำให้นุชาถึงกับฟังแล้วสะอึก
คุณซ้งต้องการกำลังใจ และต้องการความมั่นใจในเวลาเดียวกัน
และนุชาก็รีบพยักหน้า รีบบอกให้คนที่รอคอยคำตอบมั่นใจ

“ไม่เป็นไร อาม่าไม่เป็นไรแล้ว คุณซ้ง”

เห็นรอยยิ้มน้อย ๆ จุดขึ้นที่มุมปากของคนถามแล้วนุชาก็ถึงกับนิ่วหน้า

ไม่รู้จะพูดอะไรดี
พูดไม่ออก

สงสาร
รู้สึกสงสารจับใจ

แตะฝ่ามือเบา ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่มองมาทั้งที่ดวงตายังแดงก่ำ
และยังจ้องนิ่งไปที่ดวงตาหม่นหมองคู่นั้น

“ไหวมั้ย”

เอ่ยถาม และก็ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าอย่างช้า ๆ

“กินข้าวหรือยัง นอนบ้างหรือเปล่า”

ถาม
รีบถาม และจ้องหน้าเพราะอยากได้คำตอบ และก็เห็นคนตรงหน้าเหมือนกำลังคิดตามว่ากินข้าวหรือยัง แล้วนอนไปบ้างหรือเปล่า คิดอยู่นานก่อนตอบ

“กิน...ไปนิดหน่อย...นอนไปบ้างแล้ว”

แค่นิดหน่อยก็ยังดี แค่นิดเดียวก็ยังดีกว่าไม่กินไม่นอนเลย
นุชาเดินมานั่งข้าง ๆ คนที่นั่งนิ่งเฉย และจ้องหน้าของคุณซ้งที่หันมามอง

เป็นห่วง

เห็นสภาพคุณซ้งแล้วยิ่งน่าห่วง

“ผมช่วยอะไรคุณซ้งได้บ้างมั้ย”

อยากให้รู้ว่าจะอยู่ข้าง ๆ ไม่คิดจะทอดทิ้งให้ต้องต่อสู้เพียงลำพัง
อะไรก็ได้ อยากให้ช่วยอะไร แค่เพียงบอกมา แค่เพียงพูดมา

“ไม่เป็นไร....ไม่เป็นไรหรอกนุชา....ซ้งยังไหวอยู่”

ยังไหวอยู่ แต่สภาพเหมือนคนกำลังจะตาย แบบไหนที่ว่ายังไหว
แบบนี้เหรอที่เรียกว่ายังไหว

แบบนี้เหรอ.....แบบนี้หรือไงคุณซ้ง

ซ้งนิ่งจ้องมองคนที่อยู่ตรงหน้า อยากจะพูดอยากจะตอบ
แต่ลำคอแห้งผาก แทบไม่มีแรงจะตอบ

ไหวจริง ๆ นะนุชา
ตอนนี้ยังไหว

กลัว

ความหวาดกลัว กลัวที่จะสูญเสียคนสำคัญ กลัวสูญเสียคนที่รักที่สุดในชีวิตไป

มันน่ากลัว

อาม่านอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียง มีสายห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด
อาม่าที่ทุกทีต้องยิ้ม และค่อยบ่นเวลาที่ทำตัวไม่ดี เวลาที่ทำตัวแย่ ๆ เอาแต่ใจ

อาม่าที่คอยเป็นห่วงเป็นใย อยู่ใกล้ ๆ และ ดูแลมาตลอดชีวิต ตั้งแต่เล็กจนโต

มันปวดใจ แค่เห็นอาม่าในสภาพที่ไม่ควรเห็นและไม่คิดว่าจะได้เห็นแบบนั้นมันเหมือนจะขาดใจ

ทนไม่ได้

เกือบจะทนไม่ได้

ร้องไห้ และภาวนาขออย่าให้อาม่าเป็นอะไร

จมอยู่กับความทุกข์ทรมานมานานหลายวัน ไม่อยากกิน ไม่อยากนอน ไม่อยากรับรู้เรื่องรอบตัว

ไม่อยากรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ รอบตัว
ทั้งสมองทั้งหัวใจ ตัดขาดคนรอบข้างออกไปจนหมด

มีเพียงอาม่าคนเดียว มีแค่เพียงเรื่องของอาม่ากิมคนเดียว
ไม่อยากเจ็บปวดอีก กลัว.....ถ้าต้องสูญเสียคนสำคัญที่สุดในชีวิตไปอีกคน

จะทำใจได้ยังไง จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปยังไง

คิดอะไรไม่ออก เจ็บปวด และหวาดกลัว

จมอยู่กับสภาพแบบนั้น
จนกระทั่งได้ยินเสียงนุชา

ความกลัวไม่ได้ทุเลาเบาบางลง
มันยังฝังลึกและยังแสดงให้เห็นให้รู้สึกอย่างชัดเจน

แต่การที่ได้รับรู้ว่าไม่ได้อยู่กับความกลัวเพียงลำพังก็ทำให้
ความความหนาวเหน็บที่หัวใจผ่อนคลายลงบ้าง

แค่เพียงได้เห็นหน้า
ได้เห็นแววตา
ได้รับรู้ว่ายังมีคนอีกคนที่คอยห่วงใย

แค่เพียงได้รู้ว่ายังมีนุชาอยู่....ใกล้ ๆ ในเวลานี้

แค่เพียงได้รู้

“คุณซ้ง....”

ได้ยินเสียงเรียก และนิ่งมองใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จนรู้สึกได้ถึงไออุ่นของร่างกายของคนที่เรียก มองและเห็นว่านุชาส่งยิ้มมาให้

กำลังใจเล็ก ๆ ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มนั้น มันทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากความหวาดกลัวและความกดดันลงได้บ้าง

ก้มลงมองที่มือของตัวเอง ที่ถูกดึงไปกุมเอาไว้

ฝ่ามืออุ่น ๆ แตะสัมผัสอย่างแผ่วเบา และลูบไล้เบา ๆที่หลังมือ

มันอุ่น

อบอุ่น

รับรู้ถึงความรู้สึกอบอุ่นที่ไม่ใช่แค่ฝ่ามือ แต่ยังส่งไปถึงหัวใจ

ขยับร่างกายเพื่อให้ผ่อนคลายจากความเมื่อยล้า และค่อย ๆ เอนหัวแตะลงบนไหล่ของคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

เหนื่อย

เพิ่งรู้ว่าเหนื่อย

เพิ่งรู้ว่าร่างกายกำลังทนแบกรับกับสภาพหนักหนาสาหัสที่ผ่านมาไม่ไหวแล้ว

เพิ่งรู้ว่าร่างกายทนไม่ไหว

หรี่ปรือตาลง และหลับตาลงได้ง่าย ๆ ทั้งที่ไม่สามารถข่มตาให้หลับได้เลยตลอดสามสี่วันมานี้

หลับตา แค่เพียงได้หลับตาก็ทำให้หลับได้ไม่ยาก

นุชานั่งนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น

นั่งนิ่งให้คนที่อ่อนล้ามาตลอดหลายวันได้เป็นที่พักพิง

เป็นที่พึ่ง....

เป็นที่เดียว ที่รู้สึกไว้วางใจและสามารถหลับตาลงได้

“เฮ้ยซ้ง กิน...ข้าว...”

เสียงเรียกของใครบางคนทำให้นุชาต้องเงยหน้าขึ้นมอง

และถึงกับนิ่งอึ้ง เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่มายืนอยู่ตรงหน้า

คล้ายกันมาก

ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับคนที่หลับตาลงซบอยู่ที่ไหล่

“นุชาครับ”

แนะนำตัวและส่งยิ้มแหย ๆ ให้กับคนที่ยืนนิ่งมองและพยักหน้าให้เหมือนเป็นอันรับรู้ว่าเคยได้พูดคุยกันบ้างแล้ว

“ซ้งมัน...ไม่ได้นอนมาหลายวันแล้วครับ...ขอโทษแทนน้องผมด้วย ...รบกวนหน่อยนะครับ”

แม้จะคล้ายกัน แต่ท่าทางและการพูดจาต่างกันอย่างลิบลับ

คุณเหวง ดูมีมนุษย์สัมพันธ์ดี ไม่ได้ดูนิ่งเงียบ และเมินเฉยแบบคุณซ้ง
ดูมีชีวิตชีวา และไม่ได้รู้สึกถึงความโดดเดี่ยวอ้างว้างแบบที่คุณซ้งเป็น

พี่น้องต่างกันได้มากขนาดนี้

“ผมเหวงพี่ชายซ้งมันนะครับคุณนุชา...เคยเห็นแต่ไกล ๆ ไม่นึกว่าจะได้เห็นชัด ๆ วันนี้”

เห็นไกล ๆ
แสดงว่าเราเคยเจอกันมาแล้ว

“มันบอกว่าอยากเห็นก็ให้โฉบไปที่สนาม....ผมก็อยากรู้นะครับ..ความอยากรู้อยากเห็นก็เลย.......อยากรู้ว่าคุณนุชาที่ไอ้ซ้งมันพูดถึงบ่อย ๆ เป็นยังไง ก็อย่างว่าแหละครับ อย่างมันนี่เคยพูดถึงใครที่ไหน ถ้ามันพูดก็แสดงว่าต้องไม่ธรรมดา ผมก็อยากเห็นคนไม่ธรรมดาของไอ้ซ้งมันนะครับ อย่าโกรธกันนะครับคุณนุชา”

อ่า

พูดเก่งกว่า

ยิ้มเก่งกว่า

และทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดใจ นุชาก็เลยยิ้มอย่างอาย ๆ ที่มีคนให้ความสนใจขนาดนี้ และต้นเหตุของความน่าสนใจที่เกิดขึ้นก็มาจากคำบอกเล่าของคนที่หลับอยู่ข้าง ๆ

“ถ้าเป็นคุณนุชา...ผมก็คิดว่าวางใจได้...”

จริงจัง

จากที่พูดไปยิ้มไปคราวนี้กลายเป็นคำพูดจริงจัง

นุชาเงยหน้าขึ้นมองคุณเหวงที่เอ่ยบอกบางอย่างที่ทำให้ต้องขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจ

“ฝากน้องชายผมด้วย.....ฝากดูแลมันหน่อย ดูแลในส่วนที่พี่ชายอย่างผมทำให้มันไม่ได้ ตรงนี้ของซ้งมัน”

มองตามและเห็นว่าคนตรงหน้าแตะฝ่ามือที่อกข้างซ้าย

ตำแหน่งของหัวใจ

“ถ้าคุณนุชาทำให้ซ้งมันเปิดใจได้แล้ว...ผมขอร้องอย่าทำให้มันเสียใจ
เพราะผมคงทนไม่ได้..ถ้าจะต้องเห็นน้องผมกลับไปเป็นแบบเดิม และอาจแย่กว่าเดิม”

มันคือคำขอร้อง

คำขอร้องให้กับคนสำคัญ

นุชานิ่งมองคนที่ร้องขอ
จริงจังที่สุดในชีวิต
จริงจังและไม่คิดจะล้อเล่นกับเรื่องสำคัญ

เอ่ยบอกออกมาเต็มเสียง ชัดถ้อยชัดคำ
ไม่ต้องรอไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มาก
ตอบออกไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้ ความรู้สึกจริงจังมุ่งมั่นที่มาจากใจ

“ผมจะไม่มีวันทำให้คุณซ้งเสียใจ”




TBC...





CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Running โดย aoikyosuke † พัก † [10/04/12]
« ตอบ #369 เมื่อ: 10-04-2012 02:07:11 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † กำลังพัฒนา † [10/04/12]
«ตอบ #370 เมื่อ10-04-2012 02:11:04 »

ตอน กำลังพัฒนา



“อาม่าครับ อาม่า อาม่าคร้าบบบบ”

เสียงอู้อี้ของคนที่จับมืออาม่ากิมไว้แน่นและทั้งหอมที่หลังมือและเอามาแนบที่แก้ม
ทำให้นุชาที่นั่งมองอยู่ถึงกับอมยิ้มกับภาพที่ได้เห็น

“อาม่า อาม่าคร้าบบบบ”

คุณซ้งยังเรียกอาม่ากิมเหมือนเด็ก แล้วก็ทำเสียงออดอ้อนเมื่อเห็นอาม่ากิมยิ้ม
และกระพริบตามองหลานชายตัวโตที่ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่ยอมโต

แตะฝ่ามือลงบนหัวของคนที่นั่งซบหน้าอยู่ข้างเตียงและลูบไล้แผ่วเบาด้วยความรัก

“อาซ้ง อ้อนอาม่าแบบนี้ไม่อายอานุชาบ้างหรืองาย”

แม้น้ำเสียงจะแผ่วเบา แต่ซ้งก็ได้ยินชัดเจน

ส่ายหน้าและทำหน้างอเหมือนเด็ก ๆ เมื่อหันไปมองนุชาที่นั่งอมยิ้มอยู่ที่โซฟาถัดออกไป

ไม่อาย เรื่องอะไรต้องอาย ไม่เห็นมีอะไรน่าอาย
นุชาจะคิดยังไงก็ช่าง แต่ซ้งไม่อายหรอกอาม่า
ซ้งรักอาม่า ซ้งดีใจที่เห็นอาม่าฟื้น ซ้งดีใจที่เห็นอาม่าปลอดภัย
ซ้งรักอาม่า อยากหอมมืออาม่าอยากให้อาม่าลูบผม ไม่เห็นมันจะน่าอายตรงไหน

“ซ้งไม่อายหรอก อายทำไม อายนุชาเหรอ ไม่มีทางหรอก
อาม่าเมื่อไหร่จะหาย....ซ้งอยากพาอาม่าไปวิ่งแล้ว อาม่ารีบหายเร็ว ๆ สิคร้าบบบ”

คงไม่มีอะไรที่ทำให้นุชายิ้มกว้างได้มากขนาดนี้อีกแล้ว
อะไรกัน

ทำไมต้องมาพาดพิงถึงด้วย แล้วยังจะทำหน้างอ และทำเสียงเล็กเสียงน้อยเหมือนเด็กเอาแต่ใจแบบนั้นอีก

ยิ่งมอง ก็ยิ่งอมยิ้ม ยิ่งมองก็ทำให้รู้สึกดี

หลายวันมานี้ คุณซ้งรอคอยให้อาม่ากิมฟื้นด้วยความทุกข์ทรมานใจ

ไม่กินและไม่นอน

เห็นแล้วน่าสงสารจนไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
อยู่ด้วยกันเกือบตลอดสามสี่วัน และต้องคอยปลอบคอยพูดให้กำลังใจ พูดให้สบายใจ กว่าจะยอมกินข้าว กว่าจะยอมนอนหลับบ้างก็เล่นเอาแย่

แต่เมื่ออาม่ากิมถูกย้ายจากห้องไอซียูมาอยู่ในห้องคนไข้ธรรมดาและฟื้นขึ้นมาในเวลาไม่นาน ก็ทำให้คุณซ้งยิ้มได้ แม้อาม่าจะยังไม่สามารถเดินเหินได้เป็นปกติ และยิ่งมีสายระโยงระยางต็มไปหมด แต่ก็เริ่มพูดได้ แม้จะยังขยับร่างกายไม่ได้มากนักก็ตาม

อาม่ากิมอาการดีขึ้นมาก
แต่อีกสองคนยังอยู่ในห้องไอซียู และอาการยังน่าเป็นห่วง

“อานุชา”

ได้ยินเสียงเรียกของอาม่ากิม แล้วนุชาที่นั่งอยู่ที่โซฟาก็ลุกขึ้นมาหาอาม่ากิมที่ยังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย

“ครับอาม่า”

มือของอาม่ากิมพยายามจะเอื้อมมาหานุชา และนุชาก็รีบคว้ามือของอาม่าเอาไว้ ตั้งใจฟังสิ่งที่อาม่ากิมพูด

ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อจะฟังให้ชัด

“อย่าตามใจอาซ้งมากนา...อย่าให้เอาแต่ใจ...ข้าวปลาม่ายกินไม่ล่าย
จัดการให้เด็ดขาด ถ้าอีม่ายเชื่อฟางงมาบอกอาม่า”

นุชาถึงกับหัวเราะออกมาเสียงเบา
ก่อนจะเหลือบสายตามองคนที่ถลึงตาใส่ และยิ่งทำหน้างี่เง่างอแงเข้าไปใหญ่

“อาม่า....อาม่าคร้าบบบ ทำไมอาม่าพูดแบบนี้ซ้งเคยไปเอาแต่ใจตอนไหนครับอาม่า”

งอแงและเริ่มบ่น

แล้วคุณซ้งก็ยกมือของอาม่ากิมขึ้นมาหอม และเอามาแนบไว้ข้างแก้มเหมือนเดิม

บ่น

และทำเสียงเหมือนไม่พอใจใส่อาม่ากิมที่อมยิ้มน้อย ๆ กับหลานชายตัวโตที่ทำยังไงก็ไม่ยอมโต

“อาม่าคร้าบบบบบ อาม่า อาม่า”

ขยันเรียกอาม่า เรียกแล้วก็ทำเหมือนเดิม
ทำแบบเดิม ซ้ำ ๆ คือซบหน้าลงที่ข้างเตียงและจับมือของอาม่ากิมไว้แน่น

คุณซ้ง
ดีใจที่เห็นคุณซ้งกลับมาเป็นเหมือนเดิม

ดีใจจริง ๆ นะคุณซ้ง

ดีใจมาก

คุณซ้งที่เป็นแบบนี้ ดีกว่าคุณซ้งหน้าเศร้าตาเศร้า เห็นแล้วใจจะขาด
กลัวคุณซ้งจะเป็นอะไรไปอีกคน

ห่วงจริง ๆ นะ

เป็นห่วงจริง ๆ จากหัวใจ
อยากทำให้คลายความเศร้าลงบ้าง อยากให้คุณซ้งสบายใจ

“คุณซ้ง...แม่ทำข้าวเช้ามาให้ กินข้าวเถอะ เมื่อวานก็กินไปนิดเดียวเอง”

เดินไปหยิบปิ่นโต ที่หิ้วมาจากบ้าน และนำไปวางไว้ที่โต๊ะที่สามารถวางของได้ เรียกคนที่นั่งซบหน้าอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย แล้วก็เห็นคุณซ้งหันมามองและกลับไปซบหน้าอยู่เหมือนเดิม ไม่ยอมลุกขึ้นมากินข้าว

“หมอจะมาตรวจอาม่ากี่โมงนะนุชา”

เอ่ยถามคนที่เตรียมอาหารออกจากปิ่นโต แล้วก็เห็นนุชาเดินไปดูตารางนัดตรวจที่เสียบไว้ที่ปลายเตียง

“อืมมมม เก้าโมงครึ่ง นี่ก็เจ็ดโมงครึ่ง อีกซักพักแหละ”

ดูตารางเรียบร้อย และนุชาก็กลับมานั่งที่โซฟา และเตรียมอาหารออกมาสองสามอย่าง อาหารที่กินง่าย ๆ แค่ผัดผัก ต้มจืดและไข่เจียวกับข้าวสวย

“นุชาออกจากบ้านมาตั้งแต่กี่โมง”

กี่โมงเหรอ น่าจะประมาณ....

“หกโมงครึ่งนะนั่งรถแป๊บเดียว”

รถยังไม่ค่อยเยอะก็เลยไม่ต้องฝ่าการจราจร ถ้าออกสายกว่านี้คงเจอกับรถติดแน่

“คุณซ้งแปรงฟันหรือยัง ล้างหน้าแปรงฟันแล้วมากินข้าวเร็ว”

ข้าวโรงพยาบาลคือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุด เพราะมันทั้งจืดทั้งชืดหาความอร่อยแทบไม่ได้ ดีที่แม่ลุกขึ้นมาทำกับข้าวให้ในตอนเช้าเลยมีข้าวใส่ปิ่นโตมากิน

ไม่อย่างนั้นคงต้องฝืนทนกินข้าวกล่องไม่อร่อยแน่ ๆ
ซึ่งแน่นอนคุณซ้งที่ไม่อยากกินข้าว ก็คงยิ่งจะไม่ยอมกินเข้าไปใหญ่
ทำมาเองแบบนี้ ก็ยังมีข้ออ้างว่าทำมาแล้วไม่ยอมกิน คนที่ตื่นมาทำให้กินจะเสียใจ

“ซ้งเหมือนคนไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันหรือไงนุชา ดูดี ๆ นี่ล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว”

อ่อเหรอ เป็นแบบนั้นเหรอ

“จะไปรู้เหรอ ก็เห็นทำหน้ามึน ๆ งง ๆ จะรู้ได้ยังไงว่าล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้วหรือยังไม่ได้ทำอะไรเลย”

หาเรื่องใช่มั้ยนุชา คิดจะแกล้งกันใช่มั้ย

“ม่าคร้าบบบบ นุชาว่าซ้งอีกแล้ว”

อ้าว

ซวยอีก ไปว่าตอนไหนล่ะ ยังไม่ได้ว่าเลย

ยังไม่ได้ว่าเลยนะครับ ทำไมถึงไปฟ้องอาม่าแบบนั้นล่ะครับ คุณซ้ง

“ม่ายหวาย ไม่โตซ้ากกกที อานุชาเอาอีไปเลี้ยงหน่อย เลี้ยงยังไงก็ม่ายยยอมโต”

หึ หึ หึ

เป็นไงล่ะ โดนซะ

งอแงดีนัก ต้องเจออาม่ากิมแบบนี้แหละ คุณซ้งไม่กล้าออกฤทธิ์ สงบเสงี่ยมเรียบร้อยทันที

“อาม่า ทำไมอาม่าไม่เข้าข้างซ้งเลย อาม่าเข้าข้างนุชา อาม่าคร้าบบ อาม่า”

น่ารักเกินไปหรือเปล่าคุณซ้ง

น่ารักเกินไปแล้ว อ้อนได้ขนาดนั้น มันจะเกินไปแล้วคุณซ้ง

“อาซ้ง...ล่ายดูอาป๊าลื้อบ้างหรือเปล่า ซ้งมีความสุขดี แต่ดูอาป๊าหน่อยนะ อาม่ารู้ว่าซ้งคิดยังงาย แต่อาป๊าดูท่าจะแย่ ม่ายมีครายดูแลเลย เวลาแบบนี้ เรื่องไม่ดีลืมไปซักพักนะซ้ง”

เรื่องไม่ดีลืมไปซักพัก
ลืมไปซักพัก……

ตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่ที่โรงพยาบาล ย่อมหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าไม่ได้
มันเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องพูดกัน

แต่เพราะไม่เคยพูดคุยกันมานาน การพูดกันแต่ละครั้งถึงเป็นไปอย่างยากลำบาก

ในเวลานั้นแทบไม่คิดอะไรเลย ไม่สนใจใคร ไม่สนใจป๊า

คิดแต่เรื่องอาม่ากิมคนเดียว ไม่ได้มองด้วยซ้ำว่าป๊าอยู่ในสภาพที่เคร่งเครียดไม่ต่างกัน

“อาม่าม่ายเป็งไรแล้ว แต่อาหงส์ ยังแย่อยู่...แล้วยังอาเฟย.. ยังไงอีก็ถือเป็นน้องชายซ้งนะ อียังเด็ก อย่าเกลียดน้อง ถึงม่ายช่ายแม่เดียวกัน แต่อย่าเกลียดน้อง”

ซ้งรู้ครับอาม่า

ซ้งจะพยายามทำอย่างที่อาม่าบอก

ยังไงคนที่ดูแลเรื่องต่าง ๆ ก็ยังเป็นป๊า
คนที่ดูแลเรื่องความเรียบร้อยและจัดการเรื่องเล็ก ๆ ยิบย่อย เรื่องคดีความก็ยังเป็นป๊า

ทั้งที่ป๊าเอง ก็คงจะรู้สึกแย่ เพราะไม่ใช่แค่อาม่ากิมคนเดียวแต่ยังรวมไปถึงน้าหงส์ แล้วก็เฟย

น้องชายงั้นเหรอ

น้องชาย

ถึงไม่ได้สนิทสนมกัน นาน ๆ จะได้พูดกันสักครั้ง
แต่ถ้าให้พูดกันตามจริง น้าหงส์ก็มารับมาส่งอาม่าตลอดทุกวันที่ต้องไปเรียน ดูแลในฐานะสะใภ้ได้เป็นอย่างดี

เข้าใจและยอมรับได้

แต่ไม่สามารถสนิทสนมด้วยได้

เพราะไม่ใช่คนที่จะไปสนิทกับใครได้ง่าย ๆ ไม่จำเป็นก็ไม่พูดไม่คุย
เข้าใจและยอมรับได้ แต่ต่างคนต่างอยู่ ไม่เกี่ยวข้องกัน

“อาซ้ง…เรื่องไม่ดีอย่าจำ...เลือกจำแต่เรื่องดี ๆ นะซ้ง”

ครับ

ซ้งพยายามอยู่ครับ เลือกจำแต่เรื่องดี ๆ เรื่องไม่ดี.....ซ้งพยายามอยู่
พยายามให้มันอยู่ข้างใน เก็บเอาไว้ลึก ๆ และพยายามไม่นึกถึงมันอยู่

“อะไรนุชา..นั่งเงียบเลย ตั้งใจฟังอะไรขนาดนั้น.. น้ำลายจะหยดแล้ว”

อ้าว

มาว่ากันซะงั้น

แล้วผมควรจะพูดอะไรล่ะครับ อยู่ดี ๆ ก็พูดแสดงความคิดเห็นขึ้นมาหรือยังไง
ใครจะไปทำแบบนั้นล่ะครับ คุณซ้งนี่ก็นะ

“หิวแล้ว...”

หิวก็มากินสิครับ บ่นอยู่ตรงนั้นแล้วจะได้กินมั้ย
นุชาแบ่งข้าวใส่ปิ่นโตแล้ววางช้อนใส่ไว้ให้ และคนที่บ่นก็ยอมลุกจากข้างเตียงคนป่วยมานั่งที่โซฟาด้วยกัน

หยิบช้อนมาถือเอาไว้ และเริ่มลงมือตักกับข้าวเข้าปาก

“กินเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ หนูซ้ง”

หาเรื่องใช่มั้ยนุชา ปากดีนักนะ เห็นอ่อนแอหน่อยเดียว ทำเป็นมาแซว กล้ามากจริงนะ

“อะไรหนูนุ่น... ก็ยังดีกว่ากินแล้วไม่โตขึ้นกว่านี้แล้วแหละว๊า”

โคตรเจ็บปวด

เออใช่สิโตได้เต็มที่แค่นี้เอง

หายจากอาการซึมเศร้าแล้วนี่ ก็เลยปากดีได้
คิดจะล้อชื่อนี้ให้ได้ใช่มั้ย ถ้าคิดจะล้อกันขนาดนี้นะ ระวังตัวให้ดีเถอะ

“ทำเรื่องย้ายกลับมาที่นี่ได้แล้ว ถ่อไปก็ถ่อมา ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”

เหนื่อยมั้ยเหรอ

จะบอกว่าเหนื่อยก็เหนื่อยอยู่

แต่ทำยังไงได้ ขอย้ายไปเอง จะขอย้ายกลับมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
กว่าจะเข้าไปทำงานที่นี่ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย

จะทิ้งไปก็ใช่ที่

“รู้แล้ว....ถ้ามีโอกาสก็ว่าจะย้ายกลับมา”

คนที่กำลังนั่งกินข้าวชะงักมือ และหันไปมองหน้าของนุชาที่ทำหน้าเฉย
ไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดที่เอ่ยบอกเลยสักนิด แต่คนฟังเริ่มคิดบางอย่าง

“ถ้านุ่นไม่ย้ายกลับมา...ซ้งไปค้างที่โน่นวันที่นุ่นหยุดก็ได้ใช่มั้ย งั้นก็ไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

หือ

อะไร

ไปค้างอะไร

จะไปค้างทำไม อะไร ยังไง โปรดอธิบาย
อยากฟังคำอธิบายเพิ่มเติม แต่เห็นคนที่หันกลับไปก้มหน้าก้มตากินข้าวหน้าตาเฉยแล้วนุชาก็เลยได้แต่ทำหน้างง กับคำพูดที่เพิ่งได้ยิน

อะไรของคุณซ้งวะ

พูดอะไร

คิดได้ยังไงจะไปค้าง อยู่ดี ๆ จะไปค้างได้ยังไง ไม่ได้เป็นอะไรกัน

ไม่ได้เป็นอะไรกันจะไปค้างทุกวันหยุดได้ยังไง

“ถ้า.....เอ่อ.....ไปหาบ่อย ๆ มันก็จะได้คุยกันบ่อยขึ้นเห็นหน้ากันบ่อยขึ้น ความสัมพันธ์มันก็น่าจะพัฒนาได้เร็วขึ้นใช่มั้ยล่ะ...คือว่า...หนังสือเขาบอกมาแบบนั้น….มันอยู่ช่วงที่บอกเรื่องการพัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่มิตรภาพอันดี”

หนังสือบอกมาแบบนั้น บอกมาว่าแบบนั้นเหรอคุณซ้ง

คุณซ้งเอ้ยยยยยยยยยยย คุณซ้ง

หายซึมแล้วก็ยังมาแนวเดิม

อย่ามาทำเป็นตีมึนอ้างเรื่องหนังสืออะไรไปเรื่อย จะปั่นหัวกันเล่นอีกแล้วใช่มั้ย
นี่อยากให้กระโดดกอดต่อหน้าอาม่ากิมใช่มั้ย ถ้าอยากจะได้นักเดี๋ยวจะจัดให้

“พัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่มิตรภาพอันดีทำไม.....มิตรภาพเรามันแย่มากเลยต้องพัฒนาว่างั้น….แล้วพัฒนาเสร็จแล้วยังไง จะพัฒนาไปไหน จะเป็นยังไงอีก”

แกล้งถาม และก็เห็นคนที่อ้างเรื่องหนังสือก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป

ทั้งที่หน้าเริ่มแดง

และมันก็ชักจะแดงขึ้นเรื่อยๆ จนลามไปถึงหู

อะไรคุณซ้ง ถามแค่นี้ทำไมต้องหน้าแดงแบบนั้นด้วย
มีอะไรให้เขิน มีอะไรมากกว่าการพัฒนาไปสู่มิตรภาพอันดีหรือไง

“มันสามารถพัฒนาไปเป็นแฟนได้ป่ะ”

นุชาแกล้งก้มหน้าลงมาถามใกล้ๆ คนที่นั่งกินข้าว กระซิบถามเสียงเบา
และก็เห็นว่าคุณซ้งถือช้อนชะงักค้างนิ่งงัน ก่อนจะเริ่มเคี้ยวข้าว และพยักหน้า

“กำลังพัฒนาอยู่”

ตาย

แทบจะเป็นบ้าตายกับคำตอบที่ได้ยิน

แล้วนุชาก็อยู่ในอาการนิ่งเงียบ และมองหน้าคนที่เอ่ยบอกตาค้าง

พัฒนาที่ว่า

คือการพัฒนาไปเป็นแฟนนะ

อ่า...พัฒนาไปเป็นแฟน.....และกำลังพัฒนาอยู่

บางทีอาจมีบางคนมองว่านุชาเป็นบ้า บางคนก็มองว่านุชาเป็นคนย้ำคิดย้ำทำ

แต่ใครจะรู้.....ในวันนั้นตั้งแต่เช้าจนถึงเข้านอน

คำว่า “กำลังพัฒนาอยู่” ยังก้องไปก้องมาในหูนุชาตลอดเวลา





TBC...



แล้วเจอกันใหม่นะคะ
ขอบคุณสำหรับคนที่ยังตามอ่านเรื่องของเท็นและยังไม่ทิ้งกันไปไหน :กอด1:

วันสงกรานต์ใครที่จะเดินทางไปเที่ยวก็เดินทางอย่างปลอดภัย เที่ยวให้สนุกนะคะ :bye2:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: Running โดย aoikyosuke † กำลังพัฒนา † [10/04/12]
«ตอบ #371 เมื่อ10-04-2012 20:08:07 »

อาม่าประสบอุบัติเหตุน่ากลัวเชียว แ่ต่ก็ดีขึ้นแล้วดีใจจัง ไม่งั้นซ้งขาดใจตายแน่
นุชาน่ารักที่สุด ดูแลอย่างดี คราวนี้ละหวา อาซ้งไม่รอดแน่...หุๆๆๆ
มีการจะไปนอนกะเค้าด้วยไรด้วย ตีมึนที่สุดผู้ชายคนนี้

ขอบคุณค่ะ

Ken Ken

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † กำลังพัฒนา † [10/04/12]
«ตอบ #372 เมื่อ10-04-2012 22:32:25 »

เห้ย....หนูซ้งน่ารักอะไรจะขนาดนั้น!!!
เริ่มจะบ้าไปกับนุชาแล้วสิ เพ้อ...หนูซ้งน่ารัก

ตกใจตอนอาม่าประสบอุบัติเหตุมาก สงสัยจะอินจัดกับเรื่องไปแล้ว!
เห็นปลอดภัยก็โล่ง กลัวนุชาจะต้องมาปลอบหนูซ้งอีกยาวนาน เดี๋ยวน้ำตาลจะหาย ฮา

อ่านไปก็ยิ้มก็เขินไปอยู่คนเดียว หนูซ้ง หนูนุ่น
กำลังพัฒนา ติดสตั้นไปหลายวิแล้วก็ระเบิดหัวเราะออกมา
น่ารัก น่ารัก น่ารักมาก...

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † ขอร้อง † [11/04/12]
«ตอบ #373 เมื่อ11-04-2012 00:25:33 »

ตอน ขอร้อง



“คุณซ้ง วันนี้ตอนเย็นผมต้องกลับแล้วนะ พรุ่งนี้ทำงาน”

นุชาเอ่ยบอกคนที่อาสาขับรถมาส่งที่บ้าน และก็เห็นคนที่นิ่งเงียบ เริ่มขมวดคิ้วมุ่นและหันหน้ามามองก่อนจะหันกลับไปและทำเหมือนกับจดจ่ออยู่กับการขับรถ

นุชาทำงานอยู่ไกล ไม่แปลกอะไรที่ต้องเดินทางไป ๆ มา ๆ
วันหยุดกลับมาบ้าง แต่มีบางครั้งที่ไม่ยอมกลับมา ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา

สามวันที่เป็นวันหยุด นุชามาอยู่เป็นเพื่อน
มาหา...มาคอยดูแลเอาใจใส่ คอยให้กำลังใจอยู่ใกล้ ๆ จนทำให้คนที่ไม่อยากคิดอะไร
ชักจะหยุดความคิดของตัวเองไม่ได้

ไม่อยากให้กลับ
แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง

มันเป็นการรบกวน ถ้าคิดจะเอาแต่ใจตัวเองเรื่อยไป
นุชามีภาระหน้าที่การงาน ถ้ารั้งเอาไว้ก็เท่ากับเห็นแก่ตัว

ทั้งที่ภายในใจลึก ๆ ก็อยากจะเห็นแก่ อยากจะทำตัวไม่ดี
อยากจะห้าม อยากจะรั้ง ไม่อยากให้กลับไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

ได้แต่นิ่งเงียบ และพยายามเก็บความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้

“คุณซ้ง”

ได้ยินเสียงเรียก และซ้งก็แกล้งทำทีเป็นนิ่งเฉย แกล้งไม่ฟัง แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

เผื่อว่า...
นุชาจะพูดผิดไป

เผื่อนุชาจะอยู่ต่อ ยังไม่กลับไปทำงาน
เผื่อว่า...

“คุณซ้งคร้าบบบบ”

หันมาตามเสียงเรียก และเห็นว่านุชากำลังจ้องหน้าอยู่
ได้ยินนานแล้ว แค่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
แค่แกล้ง....และเผื่อว่าจะเป็นไปอย่างที่หวัง

อยากอยู่ใกล้ ๆ นุชา

อยากให้นุชามาอยู่ใกล้ ๆ

“อะไรวะเรียกอยู่ได้ น่ารำคาญ”

บ่น และเมินหน้าหนี หวั่นใจ กลัวจะแสดงพิรุธออกไปให้อีกฝ่ายจับได้

เพราะไม่อยากให้กลับ แต่ทำอะไรไม่ได้
ทำได้แค่ที่เคยทำ คือแกล้งหงุดหงิดโมโหใส่ และทำเป็นงอแงงี่เง่า
เพื่อให้นุชาไปไกล ๆ ไปให้ห่าง จะได้ไม่ทำบางอย่างให้หนักใจ

ถ้าไม่รีบทำ ก็ไม่แน่ใจตัวเอง กลัวว่าจะหลุดปากรั้งเอาไว้
กลัวความเห็นแก่ตัวจะทำร้ายนุชา

ทั้งที่อยากเห็นหน้านุชา อยากได้ยินเสียง

ชอบเวลาที่นุชายิ้ม ชอบเวลาที่พูดคุย ชอบเวลาที่ทำท่าออดอ้อนขอร้อง
ชอบเวลาที่ทำหน้าเฉย ชอบเวลาที่ทำหน้าเจ้าเล่ห์เวลาที่อยากจะแกล้ง
ชอบทุกอย่าง ชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมกันเป็นนุชา

ชอบ...นุชา

แบบนี้เรียกว่า...ชอบสินะ

“โห เรียกแค่นี้ทำไมต้องว่ากันด้วย จ๋าเป็นมั้ย คุณซ้ง จ๋าบ้าง พูดให้มันดี ๆหน่อย”

ไม่ได้

ถึงจะแอบขานรับอยู่ในใจ แต่ถ้าต้องพูดจะพูดออกไปได้ยังไง คำพูดบ้าบอทุเรศแบบนั้น ใครจะกล้าพูด....

ไม่กล้า....
ไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถพูดจาแบบนั้นออกไปได้

“เอ้า เงียบเลยทีนี้ มีอะไรอยากพูดก็พูดมา ถ้ายังขืนเก็บเงียบเอาไว้ไม่ยอมพูดแบบนี้ระวังจะอกแตกตาย”

ไม่มีอะไรอยากพูดทั้งนั้น
ไม่คิดว่าจะอกแตกตายด้วย

ไม่อยากพูด ไม่อยากคุย ไม่อยากทำอะไร

และยิ่งไม่อยากให้นุชาไป

“เงียบของแท้ โกรธจริงจังหรือไงครับท่าน”

จะบอกว่าอย่างนั้นก็ได้ ความผิดของนุชาทั้งนั้น ทั้งหมดนั่นเป็นความผิดของนุชาคนเดียว

โยนความผิดทั้งหมดให้เป็นของนุชา แต่ซ้งก็ยังขมวดคิ้วมุ่นไม่เลิก
อะไรบางอย่างในใจมันเหมือนจะระเบิดออกมาจริงๆ อย่างที่นุชาพูด

อะไรบางอย่าง...
ความรู้สึกบางอย่าง
ทุกสิ่งทุกอย่าง มันกำลังอัดแน่นอยู่ภายในใจ

อยากทำอะไรก็ทำไม่ได้อย่างใจ อยากคิดก็แทบไม่กล้าคิด
ถึงอยากพูดคำพูดบางอย่างมากแค่ไหน แต่ก็ทำไม่ได้

“อย่าโกรธนุชาเลยนะ คุณซ้ง อย่าโกรธเลย นะ นะ นะ”

สิ่งที่ซ้งพยายามหลีกเลี่ยงมากที่สุด คือการพยายามแกล้งทำเป็นไม่เห็นและไม่มองเวลาที่นุชาเริ่มอ้อน

วิธีการที่ทำให้คนที่ได้เห็น ไม่สามารถหยุดรอยยิ้มของตัวเองได้
ต้องหันหน้าหนี และแกล้งทำเป็นเมินเฉยให้มากที่สุดเพราะกลัวจะหลุดหัวเราะออกมาจนทำให้เสียฟอร์ม

“ไม่หายโกรธเหรอ ทำไมล่ะคุณซ้ง ทำไมล่ะ ทำไม ทำไม ทำไม”

อย่ามาทำเสียงเล็กเสียงน้อย อย่าขยับเข้ามาใกล้ อย่ายื่นหน้าเข้ามาหา
อย่าจ้อง และอย่ากระพริบตาแบบนั้น

อย่าทำ

“โอ้ยยยยยยย ไปห่างๆ ไป รำคาญ”

ออกปากไล่ แต่แทนที่นุชาจะเชื่อและขยับออกไปห่าง ๆ
คราวนี้ไม่แค่หน้าที่ยื่นมาใกล้ ยังมีการท้าวคางมอง และเริ่มอมยิ้ม

ยิ้มทำไม มองแล้วยิ้ม จะยิ้มทำไม ไม่มีอะไรน่าสนใจน่ามอง
จะยิ้มทำบ้าอะไรวะ

“คุณซ้งนี่ก็แปลกเนอะ เวลาเขินจะบ่นมากกว่าปกติ”

อะไรนะ

เวลาเขิน

ไม่จริง อั๊วไม่ได้เขิน ไม่ได้คิดอะไรด้วย ไม่ได้บ่นอะไรทั้งนั้น
ไม่ได้เขิน...ไม่ได้...

“คุณซ้งทำเป็นแต่หน้าเฉยกับหน้าเบื่อโลกเนอะ แบบนั้นก็เห็นจนชินแล้วนะ แต่ทำไมตอนนี้ต้องทำหน้าแดงด้วยวะ คิดอะไรอยู่คุณซ้ง”

ไม่จริง

อั๊วไม่ได้หน้าแดง ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นด้วย ไม่ได้เป็นอะไร
ไม่ได้เป็น….

แล้วก็เลิกวิจารณ์กันซึ่งหน้าแบบนี้ซะที คำว่ามารยาทสะกดไม่เป็นหรือไง

“นุชา”

น่านงายยยยยยยยย
ใช่จริง ๆ ด้วย
เคยสงสัยมานาน แต่ตอนนี้ชัดเลย

ภายใต้ใบหน้าเมินเฉยนั้นมันมีอะไรบางอย่างแฝงไว้อยู่จริง ๆ ด้วย
แต่ต้องจับสังเกตให้ดี ๆ คนไม่รู้ อาจนึกว่าบ่น อาจนึกว่าคุณซ้งไม่ชอบ
แต่จริง ๆแล้ว มันเป็นแบบนี้นี่เอง

เวลาที่โดนจับได้ ว่ากำลังรู้สึกยังไง คุณซ้งก็จะทำแบบนี้
เรียกชื่อแล้วทำเสียงเข้ม ๆ ดุ ๆ ใส่

วิธีการที่เห็นมานานแต่ไม่เคยคิดว่ามันแปลก
เพิ่งมาสังเกตจริง ๆ จัง ๆ ก็พักหลัง ๆ
และวันนี้ยิ่งเห็นชัด ชัดเจนเลยจริง ๆ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณซ้งนี่น่ารักจริง ๆ เนอะ โคตรน่ารักเลยเว้ยยยยยยยย”

บ้า

นุชามันบ้า

มันบ้าไปแล้วจริง ๆ

“ปากแข็งจริง ๆ คนเรา”

ไม่จริง ไม่ใช่ อย่ามาพูดเองเออเอง

อย่าคิด อย่ามาพูดใส่หน้า อย่ามาทำลายความตั้งใจให้สั่นคลอน

“หยุดพูดอะไรเพ้อเจ้อได้แล้ว”

อ๋ออออออออออออออ เหรอ

เพ้อเจ้อเหรอ อืมมมมมม

เพ้อเจ้อมากเลย เพ้อมากไปจนคุณซ้งรับฟังไม่ได้เลยเหรอ

คุณซ้งเอ้ยยยยยยยย มันไม่ใช่แค่หน้าหรอกนะ โน่นนนน มันแดงลามไปถึงคอถึงหูแล้ว

ถ้าไม่เห็นสีหน้า ไม่เห็นแววตา ไม่เห็นท่าทาง ไม่รู้จัก ไม่จับสังเกต
เป็นใครก็ต้องคิดว่าคุณซ้งโกรธแบบจริง ๆ จัง ๆ แต่ถ้าลองมองดี ๆ จะรู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่อย่างที่ตาเห็น

“ชอบคุณซ้ง...ชอบ..ชอบ...ชอบ”

นุชาพูดไปยิ้มไป พูดสิ่งที่คิด พูดสิ่งที่รู้สึกจากใจ แต่ยิ่งพูดคนฟังยิ่งขมวดคิ้ว
และยิ่งเมินหน้าหนีไปทางอื่นแถมยังพูดถ้อยคำบางอย่างที่ถ้าคนอื่นที่ไม่ใช่นุชาได้ฟังคงเศร้าใจตาย

“รำคาญ”

อ๋อออออออออออ เหรอ

รำคาญ

รำคาญมากมั้ย สงสัยจะรำคาญมาก
ท่าทางแบบนี้ คงรำคาญมากสินะ

“ชอบคุณซ้ง..มาก มาก มากที่สุด...จะตั้งใจทำงานแล้วเจอกันวันศุกร์หน้านะ”

นุชากำลังอมยิ้มเล็ก ๆ และเอ่ยบอกคนที่เมินหน้าหนี
แต่แค่เพียงบอกว่าเจอกันวันศุกร์หน้า จากหันหน้าหนี คราวนี้คุณซ้งรีบหันขวับกลับมามองแบบเต็ม ๆ ตา

“วันศุกร์หน้าเลยเหรอ”

น้ำเสียงแผ่ว ๆ ที่เอ่ยถาม ทำให้นุชายิ่งพยายามไม่ให้ตัวเองยิ้มกว้างมากไปกว่านี้

“วันศุกร์หน้าเลยเหรอนุ่น”

ถามย้ำ ๆ ถามซ้ำ ๆ ด้วยคำถามเดิม ๆ
คนถาม ถามด้วยความรู้สึกแบบไหนไม่รู้ แต่คนฟัง แปลเอาว่าเหมือนไม่อยากให้ไป และอยากให้กลับมาเร็ว ๆ

“เดี๋ยวโทรหา โอเคเปล่า”

ไม่

ไม่โอเค

โทรหา ก็แค่แป๊บเดียว
นุชาไม่ชอบคุยโทรศัพท์ พูดแป๊บ ๆ ก็รีบวาง ไม่เคยมีครั้งไหนที่ได้พูดคุยกันยาว ๆ เลยสักครั้ง

แถมยังต้องเป็นฝ่ายโทรหาอยู่ฝ่ายเดียว
นุชาไม่เคยโทรมาหากันบ้างเลย แทบจะไม่เคย ทำไมถึงเป็นแบบนั้น
หรือว่าคำว่าชอบ มันไม่เชื่อมโยงกับคำว่าคิดถึงเลยหรือไง

“คุณซ้ง....ทำไมเงียบอีกแล้ว”

เอ่ยถาม และก็เห็นว่านอกจากนิ่งเงียบ คราวนี้มีท่าทีซึมเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
มันออกมาทางสีหน้า ออกมาทางแววตา ทางคำพูด

“คุณซ้งงงงงงงงครับ”

เรียกแล้วก็ไม่ตอบ เรียกแล้วก็ไม่ขาน ไม่ตอบแล้วยังทำหน้าแบบนี้อีกหมายความว่ายังไง

“จ๋าเป็นมั้ย ขานรับหน่อย พูดจาดี ๆ จะได้น่ารัก ๆ ทำเป็นมั้ยครับ”

เป็น

แค่พูดไม่ใช่เรื่องยาก แต่เพราะไม่กล้าพูด มันก็เลยเหมือนคนพูดไม่เป็น

“จ๋าเป็นมั้ย”

นุชาชอบพูดแบบนี้ ย้ำอยู่นั่น ไม่รู้ว่าจะพูดย้ำอะไรมากมาย

“เออ...รู้แล้ว”

รู้แล้วเหรอครับคุณซ้ง รู้แล้ว...แล้วยังไง แล้วคิดจะทำมั้ย คิดจะพูดมั้ย
ไม่คิดล่ะสิ และก็ไม่เคยทำด้วย หึ หึ หึ แกล้งคนมันสนุกแบบนี้นี่เอง

“คุณซ้ง..จ๋าเป็น....มั้....ย..”

พูดยังไม่ทันจบประโยค และเตรียมจะหัวเราะอีกรอบ เพราะเห็นสีหน้าลำบากใจของคนที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ยอมพูดจาหวาน ๆ ให้ได้ยินสักที

“เออ...จ๋า..”

หือ

อะไร.....แบบนั้นมันเรียกว่า....อะไรเหรอ
นั่นเรียกว่าคำพูดหวาน ๆ เหรอ
เสียงเข้มแบบนั้น ทำเสียงเหมือนดุเหมือนเอ็ดกันแบบนั้น
แบบนั้นเรียกว่าอะไรคุณซ้ง

“จ๋าแล้ว”

อ่า

เหรอ

จ๋าแล้วเหรอ.....ยอมพูดแล้วเหรอ

ยอมพูดแล้วสินะ.....ทำไมถึงยอมพูดล่ะ ทำไมถึงยอม
ไม่คิดว่ามันฟังดูตลก
ไม่คิดว่า.....กำลังถูกแกล้งอยู่เหรอ
รู้มั้ย เวลาที่พูดแล้วพยายามหันหน้าหนีไม่ยอมรับผิดชอบคำพูดของตัวเองน่ะ
คุณซ้งไม่รู้ตัวหรอก ว่าน่ารักมากขนาดไหน เวลาที่เขินมันน่ารักมาก

ไม่คิดว่าจะกล้าพูดนะ ไม่เคยคิดเลย แต่ก็ยอมพูด

ไม่คิดว่า....คุณซ้งจะยอมพูดแต่คุณซ้งก็ยอม

“ผมชอบคุณซ้งแน่ ๆ แล้วสินะ”

บอกตัวเอง และบอกคนที่กำลังพยายามทำบางอย่าง พยายามที่จะเปิดใจรับใครสักคนเข้ามา

“นุชาชอบซ้งแล้ว”

ได้ฟังคำพูดที่แสนมั่นอกมั่นใจของใครคนนั้นแล้วนุชาก็ถึงกับยิ้มกว้าง

เป็นแบบนั้นหรอกเหรอ

เป็นแบบนั้นไปแล้ว…..ใช่มั้ย

“แล้วเมื่อไหร่คุณซ้ง...จะชอบผมซะที”

เอ่ยถาม และไม่คิดอยากได้คำตอบอะไรอีก
เพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ มันชัดเจนยิ่งกว่าชัดเจน ชัดมากจนไม่ต้องการคำพูดใด ๆมารับรองอีกต่อไปแล้ว

“พอเถอะ ไม่อยากฟังแล้ว”

อ่า

ครับ

สุดยอดครับ

สมเป็นคุณซ้งจริง ๆ

หนีไปได้ตลอดเลย ปฏิเสธได้แบบนี้ทุกที เลี่ยงได้ทุกครั้ง
เพราะเป็นคุณซ้ง ถึงได้เข้าใจ และไม่คิดโกรธเคืองอีกต่อไปแล้ว

ผมเข้าใจคุณซ้ง แล้วก็รอได้ เพราะไม่ได้รีบไปไหน ยังไงก็รอได้

เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นนะคุณซ้ง

“นุชาไม่ใช่คนเดียวที่รอหรอกนะ.....ซ้งเองก็รอ....รอนุชามาตั้งนานหลายปี
รอตั้งนานกว่าจะได้เจอ...อยู่ด้วยกันก่อนนะ อย่าเพิ่งรีบหนีไปไหน อย่าเพิ่งท้อซะก่อน
กับคนแบบนี้...รออีกหน่อย..รอซ้งอีกหน่อยได้มั้ย ขอร้องล่ะ รออีกหน่อย ได้มั้ยนุชา”




TBC...



แล้วเจอกันใหม่นะคะ
ขอบคุณสำหรับคนที่ยังตามอ่านเรื่องของเท็นและยังไม่ทิ้งกันไปไหน :กอด1:

วันสงกรานต์ใครที่จะเดินทางไปเที่ยวก็เดินทางอย่างปลอดภัย เที่ยวให้สนุกนะคะ :bye2:


ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: Running โดย aoikyosuke † ขอร้อง † [11/04/12]
«ตอบ #374 เมื่อ11-04-2012 23:26:59 »

กีสสสสส  :impress2: :impress2: :impress2:
อยากอ่านอีกอ่ะค่ะ ทำไมน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ทั้งสองคนเลย...
จะบอกว่าคุณซ้งโชคดีจังที่มาเจอนุชา ก็นุชาอ่ะมองผ่านเปลือกของคุณซ้งไปแล้ว
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูออกรู้ทันไปหมด (แต่กว่าจะผ่านจุดนี้นุชาก็เสียใจไปเยอะเน้อ...)
แต่จะทำไงได้นี่ก็น่ารักสุดของคุณซ้งแล้วน้า จ๋าด้วยอะไรด้วย...ยิ่งประโยคตอนท้ายนั่น เอาใจไปค่ะ...
นุชาจ๋า อยากให้ย้ายกลับมาอยู่บ้านจังเล้ย จะได้ไม่ต้องห่างกันอีก สงสารคุณซ้ง
ชอบตอนนุชาจ้องคุณซ้งจนหูแดงมาก ๆ น่ารักอ๊า...คุณซ้งแพ้ทางตลอดนะคะนะคะ

ขอบคุณค่า...

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
Re: Running โดย aoikyosuke † ขอร้อง † [11/04/12]
«ตอบ #375 เมื่อ12-04-2012 01:18:47 »

โอ้ มาอัพแบบยาวสะใจอีกแล้ว อ่านก่อนนะฮ่ะเดี๋ยวมาอีดิท

ออฟไลน์ JingJing

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
Re: Running โดย aoikyosuke † ขอร้อง † [11/04/12]
«ตอบ #376 เมื่อ17-04-2012 22:31:23 »

กรี๊ดดดดดชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆ อ่านตามที่คุณ 2pmui แนะนำในนินายแนะนำ
(ขอบคุณคุณ 2pmui มาณที่นี้ด้วย ปล.เราก็ชอบลิงรั่ว2pmเหมือนกัน^^)

ตอนแรกก็อ่านเพลินๆ ซักพักหยุดไม่ได้อ่ะ อ่านรวดเดียวเลย ยิ้มเป็นบ้าเป็นหลังอยู่หลายตอน
น้ำตาหยดแหมะๆก็หลายฉาก โดยเฉพาะที่คุณซ้งพูดทำร้ายจิตใจนุชาอ่ะ ก็อกแตกเลย :m15:

พระเอก --> ขอมอบโล่ซึนและมึนขั้นเทพ จากน้องแรงบันดาลใจหน้าใสกิ๊ง อาซ้ง หนูซ้ง
และตอนนี้เป็นซ้งที่พยายามเปิดใจ พระเอกผู้มีปมน่าสงสาร แต่บทพ่อจะมึนก็อึนได้น่าถีบ
แต่หลังๆนี้น่ารักที่สวดดดดด โดนจับไต๋ได้แล้ว ไปไม่เป็นเลย :laugh:

นายเอก --> ขอมอบโล่อึดและทนขั้นเทพ จากอาตี๋ นุชา หนูนุ่น เป็นนุ่น(ชื่อน่าร๊าก ชอบเวลาที่ซ้งเรียกมาก)
ตอนพี่ฟ้าเนี๊ยน่าสงสารมาก ตอนโดนซ้งเมินนี่น่าสงสารที่สุด แต่ตอนนี้น่ารักน่าฟ้ด ไม่ไหวจะทน :man1:

อาม่ากิม --> สาวฮอท 555 อ่านแล้วรู้สึกผู้สูงอายุน่ารัก อบอุ่นมาก
 
สรุปชอบเรื่องนี้มาก คนแต่งเก่งมาก  o13 ใช้ภาษาง่ายๆแต่บรรยายให้เห็นภาพ เข้าใจตัวละครและอินไปด้วยมากๆ
เรื่องนี้ครบรสเลย ตลก ฮา น่ารัก เศร้า อบอุ่น ขอย้ำอีกทีชอบมากๆค่ะ
ขอบคุณคนแต่งคุณ aoikyosuke :L2: คนโพสคุณ nana lon€ly™ :กอด1: มากๆๆๆ รออ่านตอนต่อไปนะคะ
(กรี๊ดดดดดดดเม้นยาวมากตั้งแต่เคยเม้นมาเลยมั้งเนี๊ย)

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † คำขอโทษ † [24/04/12]
«ตอบ #377 เมื่อ24-04-2012 03:33:42 »

ตอน คำขอโทษ



“ซ้ง”

ได้ยินเสียงเรียกและซ้งก็เงยหน้าขึ้นมองคนเรียก
เห็นสีหน้าและแววตาของพี่ชายชัดเจน

รู้ว่าเฮียเหวงคิดอะไร
และไม่ต้องรอให้ถามซ้ำอีกครั้ง พยักหน้ารับทันทีแบบไม่ต้องคิด
และลุกขึ้นยืน

“ผ่าเลยใช่มั้ยเฮีย”

เอ่ยถามพี่ชาย และลุกขึ้นเดินตาม คนที่เดินนำหน้า

“ผ่าเลย….เลือดไม่พอแน่ ถ้าใช้เลือดซ้งกับเฮียน่าจะพอ”

ได้รับคำตอบชัดเจน และรีบเดินไปหน้าห้องไอซียู
ในสมองยังครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเลยไป

วันนี้อาการของเฟยทรุดหนัก
น้องชายคนเล็ก ที่ไม่เคยพูดคุยกัน
ไม่เคยมองหน้า ไม่เคยข้องเกี่ยวด้วย และพยายามหลีกเลี่ยงตลอดมา

แต่ในเวลานี้กลับรู้สึกบางอย่าง
เด็กคนนั้นนอนอยู่ในห้องไอซียู
สภาพที่มีบาดแผลเต็มตัว หัวถูกพันด้วยผ้าพันแผล และใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอดเวลา

“น้องนะอาซ้ง...ยังไงอีก็เป็นน้อง”

อาม่าสอนอยู่เสมอ ว่าให้รักน้อง แม้จะไม่ได้เกิดจากแม่เดียวกัน

ไม่ว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงและไม่ยอมรับแค่ไหน
ความจริงก็คือความจริง
ความจริงที่ว่ายังไงเลือดในร่างกายของเราก็ยังเป็นแบบเดียวกัน
สิ่งยืนยัน ของคำว่าสายเลือดเดียวกันที่ชัดเจนที่สุด

“เฮียซ้งคร้าบบบ”

นานมาแล้ว ในวันหนึ่งที่ได้ยินเสียงเรียกและหันกลับไปมอง
เด็กผู้ชายตัวเล็กในชุดนักเรียนอนุบาล วิ่งเข้ามาหา และจับแขนเอาไว้
เขย่าแขนและเรียกชื่อที่ทำให้ต้องขมวดคิ้วมุ่น

“เฮียซ้งครับ”

ไม่รู้ว่าควรตอบออกไปยังไง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร รู้แค่ว่ายืนนิ่งและมองใบหน้าของเด็กชายแก้มยุ้ยตัวเล็กที่เขย่าแขนเรียก

“อาเฟย...มาหาหม่าม๊า...อย่ารบกวนคุณซ้ง ขอโทษค่ะน้าไม่รู้ว่าเฟยมาทำความเดือดร้อนรำคาญให้คุณซ้ง”

ท่าทีร้อนรนของน้าหงส์ที่รีบเดินมาดึงแขนของเด็กชายตัวเล็กออกไป ทำให้ซ้งต้องยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

นิ่งเงียบ และเมินเฉย ทำเหมือนไม่สนใจ
ทั้งที่ยังสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากฝ่ามือเล็ก ๆ ที่แตะที่แขน

น้องชายเหรอ

น้องชาย.....คนเล็กชื่อเฟย

รู้ รับรู้มาตลอด แต่พยายามหลีกเลี่ยง ไม่พูดคุยไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย
และใคร ๆ รอบตัวต่างก็รู้ว่าต้องทำยังไง

เพราะรู้และเข้าใจว่าซ้งไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนบ้านนั้น

ไม่ยุ่งเกี่ยวแม้กระทั่งป๊า ที่ฝังจิตฝังใจมาตลอดว่าทำให้หม่าม๊าตาย

แต่ในเวลานี้เด็กคนนั้นที่ครั้งหนึ่งเคยจ้องมองมาด้วยแววตาใสซื่อบริสุทธิ์
กำลังอยู่ในช่วงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต

เคยคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกันมาตลอด แต่ก็ไม่เคยโกรธ เกลียด หรือไม่ชอบใจ

“อั๊วกับซ้ง...เลือดน่าจะพอนะป๊า ”

เดินมาหยุดยืนที่หน้าห้องไอซียู
ที่มีใครคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องในสภาพย่ำแย่เต็มทน

ใบหน้าที่เคร่งเครียด แววตาที่มองมาทำให้ซ้งที่ยืนอยู่ข้างพี่ชายถึงกับชะงักนิ่งงัน

สบตานิ่ง ๆ กับดวงตาที่จ้องมองมาและรีบหรุบสายตาลง

ป๊า...

รับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวในแววตาคู่นั้นของป๊า ดวงตาที่แดงก่ำ
ใบหน้าที่เคร่งเครียด

เรา

ไม่เคยพูดคุยกัน
เราต่างหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันมาตลอดชีวิต

ความรู้สึกต่าง ๆ ไม่เคยจางหาย ความรู้สึกฝังจิตฝังใจยังคงอยู่จนถึงตอนนี้

“ลืมมันไปบ้างอาซ้ง เรื่องไม่ดีอย่าจำ”

คำพูดของอาม่ายังดังก้องไปมาในหัว เรื่องไม่ดี....อย่าจำ
พยายามไม่จำ พยายามลืมแม้จะยากลำบาก แต่ถ้าทำแล้วทุกอย่างดีขึ้น
ก็อยากพยายาม

ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
ยืนนิ่งเงียบ และเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เมื่อใครบางคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ลุกขึ้นยืน
และเดินมาหยุดที่ตรงหน้า

ดวงตาที่จับจ้องมองมาทำให้ต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือป๊า

ป๊าที่ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากพูดคุยด้วย ป๊าที่พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันมาตลอดชีวิต

“อาซ้ง”

ได้ยินเสียงเรียก แต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง ยังก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น

ก้มหน้า เพราะไม่กล้าสบตา

พูดไม่ออก
ไม่รู้ว่าต้องขานรับ หรือต้องทำยังไง ยืนนิ่งเงียบ และขบริมฝีปากตัวเองแน่น

“ป๊าขอโทษ...”

คำพูดบางอย่างที่ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะได้ยิน ทำให้ซ้งที่ทำได้แค่เพียงนิ่งเงียบต้องเงยหน้าขึ้นมอง

ได้ยินชัดเจนถึงคำพูดคำนั้น

เสียงที่แทบจะไม่เคยได้ยินเลยตลอดชีวิตนี้
ใบหน้าของคนที่ไม่อยากพบเจอที่สุดที่มาให้ได้เห็นตรงหน้า

คำขอโทษที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้ยิน
คำขอโทษที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากป๊า

“ที่ผ่านมาป๊าไม่ดีเอง ที่ผ่านมาป๊าไม่ดี เพราะป๊าไม่มีหัวคิด ถึงได้ทำให้ซ้งกับอาเหมยเสียใจ”

น้ำเสียงที่สั่นสะท้าน คำพูดที่ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะได้ยิน
คนที่ครั้งหนึ่งซ้งเคยมองว่าสูงใหญ่จนต้องเงยหน้าขึ้นมอง
ในเวลานี้สูงเพียงแค่บ่า
และสามารถมองเห็นได้ชัดเจนแค่เพียงมองและไม่ต้องเงยหน้าอีกต่อไปแล้ว

“ป๊า...ขอโทษลื้อสองคน....ป๊าขอโทษ ยกโทษให้ป๊าด้วย”

หมดแล้ว ทิฐิตลอดชีวิตที่เคยมี

หมดแล้วความรู้สึกที่เคยบอกตัวเองมาตลอดว่าจะไม่มีวันลืม
ความเจ็บปวดรวดร้าวจากการถูกเมินเฉย

พอแล้ว

จบแล้ว….

วันนี้มันจบลงแล้ว

แค่ได้เห็นหน้าป๊า แค่ได้เห็นสายตาแห่งความเอื้ออาทรที่เคยมองผ่านมาตลอดชีวิต

ริมฝีปากแห้งผาก
ใบหน้าที่เคยเรียบเฉย เริ่มมีความรู้สึกปรากฏขึ้น

“ป๊า..ผมไม่..ผม...ซ้ง”

พูดไม่ออก เหมือนมีก้อนแข็ง ๆ จุกอยู่ที่คอ
นิ่งมองใบหน้าของคนที่ไม่เคยกล้ามองมาตลอดชีวิต ตั้งแต่เล็กจนโต
ไม่เคยมองตรง ๆ ได้แต่แอบมองอยู่ห่าง ๆ และเพิ่งได้เห็นชัด ๆ เต็มตาวันนี้

ฝ่ามืออุ่น ๆ แตะลงที่ไหล่

ป๊าพยักหน้าให้และมองมา มองตรงมา

ช่องว่างตลอดชีวิตที่เคยคิดว่าไม่มีทางมาบรรจบได้อีก
มันหายไปในพริบตา เมื่อหัวใจเปิดรับคำขอโทษ

“ลื้อเป็นลูกชายป๊านะอาซ้ง ลื้อป็นลูกป๊า”

น้ำตาที่หยดลงที่ข้างแก้มไม่ใช่น้ำตาของความเจ็บปวด
แต่เป็นน้ำตาของความยินดี
ความยินดีตลอดชีวิตที่ไม่เคยได้พบได้เจอได้รู้สึก

“ป๊าครับ ป๊า ป๊า...ฮือ ป๊า”

อ้อมแขนที่เปิดกว้างรับลูกชายที่ไม่เคยกอดเลยตลอดชีวิต

มันอบอุ่น อ่อนโยน ฝ่ามือที่ลูบลงที่เส้นผม

ความอบอุ่นที่เคยโหยหามาตลอดชีวิต และวันนี้ก็เพิ่งได้รับ
ได้รับเอาไว้ทั้งหมด
เหมือนของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

เหวงยืนมองภาพนั้นนิ่ง ๆ และแตะมือลงบนไหล่ของน้องชาย

พอแล้วซ้ง

หัวใจเจ็บปวดมามากแล้ว ปล่อยมันไปได้แล้ว
ปล่อยมันไปซะ

“ป๊าไม่อยากเสียใครไป ไม่ว่าใครป๊าก็ไม่อยากเสียไปอีก ยกโทษให้ป๊าด้วย ยกโทษให้ป๊านะซ้ง”

ไม่พูด เพราะไม่มีอะไรต้องพูดอีก
การพยักหน้าคือคำตอบที่ดีที่สุด

ซ้งปล่อยให้น้ำตารินไหล
ปล่อยให้หัวใจรับรู้และสัมผัสความรู้สึกที่โหยหามาตลอดชีวิต

พอแล้ว

เหนื่อยแล้ว

ไม่อยากเมินเฉยต่อกันอีกแล้ว

“ป๊า..ครับ”

คำพูดที่ไม่เคยคิดจะพูด คำต้องห้ามที่เคยเก็บงำเอาไว้ตลอดชีวิต

“อย่าทิ้งซ้งไปอีกเลย...อย่าทิ้งซ้งไปอีกคน...ซ้งกลัว ซ้งทรมาน ซ้งไม่อยากเป็นแบบเดิมอีกแล้ว”

พูดทุกอย่างที่อยู่ในใจมาตลอด ตั้งแต่เล็กจนโต
ไม่เคยยอมรับไม่อยากยอมรับว่าที่จริงแล้วความรู้สึกลึก ๆ ที่อยู่ในใจคืออะไร
มันคือความหวาดกลัว ความเหงาโดดเดี่ยวอ้างว้าง

ไม่อยากยอมรับ แต่ทำได้แค่เพียงแกล้งทำเป็นเมินเฉย เหมือนไม่คิดอะไร
ทั้งที่ในใจครุ่นคิดและโหยหาอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลานี้

“ป๊าขอโทษ...ซ้ง....ป๊าขอโทษ....ที่ผ่านมาป๊าขอโทษ...ป๊าจะไม่ทำให้ลื้อเป็นทุกข์อีกต่อไปแล้ว ป๊าขอโทษซ้ง...ยกโทษให้ป๊าด้วย ยกโทษให้ป๊านะซ้ง”



TBC...



ขอโทษที่หายไปหลายวัน อาทิตย์ที่ผ่านมาแนนค่อนข้างยุ่งนะคะ
ต้องเร่งส่งไฟล์นิยายเข้าพิมพ์ มารอบนี้โพสให้9ตอนรวดเลยนะคะ^^


nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † เด็กอนามัย † [24/04/12]
«ตอบ #378 เมื่อ24-04-2012 03:35:42 »

ตอน เด็กอนามัย



“นุชา”

ว่ายังไงล่ะครับ มีอะไรให้รับใช้ครับท่าน

“เอ่อ..ไม่มีอะไร แค่นี้นะ”

เอ้า ทำไมทำแบบนี้
เหมือนจะพูด แต่ไม่พูด เหมือนอยากจะเล่าแต่ก็ไม่เล่า โทรมาแค่นี้เหรอ
มีอะไรก็พูดมา อยากเล่าอะไรก็เล่ามา

อยากฟัง

“วันนี้กินข้าวกับไก่ทอด”

อ่า

ไม่ใช่ซ้งที่เป็นฝ่ายบอก แต่เป็นนุชาที่พูดเรื่องไร้สาระของตัวเองขึ้นมา
ก่อนที่อีกฝ่ายจะรีบวางสายไปก่อน

“...เหรอ..แล้ว..แล้วทำอะไรอีก”

อยากคุยแต่ไม่รู้จะคุยอะไร เออนะคุณซ้งนี่ก็แปลกดี
แค่เห็นว่าโทรมาก็รู้แล้วว่าอยากคุย แต่เพราะเป็นคนแบบนี้
เข้ากับใครไม่ค่อยได้ เพราะพูดไม่เก่ง คุยไม่เป็น ก็เลยทำได้แค่นี้

“ก็ทำงาน คุณซ้งล่ะ ได้กินข้าวบ้างหรือเปล่า อาม่าใกล้จะออกจากโรงพยาบาลแล้วใช่มั้ย”

ใช่

อีกไม่กี่วัน อาม่าก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

“ดีขึ้นเยอะแล้ว ถ้าไม่มีอะไรอีกสองสามวันก็คงได้กลับ วันนี้ที่ชมรมเขาก็มากันหมดนะ มานั่งกันอยู่ตั้งนาน ชวนอาม่าไปสนามด้วย แต่คงอีกซักพักใหญ่ แล้ว...วันศุกร์นุชาจะกลับมามั้ย”

กลับไม่ได้
งานเยอะ ต้องเคลียร์งานบางส่วนให้เสร็จก่อน
จะรีบทำให้เสร็จ เผื่อจะได้กลับ

ต้องดูพรุ่งนี้ว่าเป็นยังไงบ้าง ถ้าไม่มีอะไร บางทีคงได้กลับ

“เดี๋ยวขอดูก่อนแล้วกัน”

ขอดูก่อน คำว่าขอดูก่อนที่ไม่รู้ว่าดูอะไร
แปลได้ง่าย ๆ และมีคำตอบอยู่ในนั้นเรียบร้อยแล้ว
แปลได้ว่า....คงไม่กลับ

ไม่กลับสินะ

“เหรอ...งั้นแค่นี้นะ”

อ้าว เวรแล้วมั้ยล่ะ เสียงอ่อย ๆ แบบนั้น ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ไม่ต้องเดาให้เสียเวลา

งอนไปซะแล้ว

“คุณซ้ง”

เรียกและก็ได้รับเพียงความเงียบเป็นคำตอบ

เฮ่อออออ

ทีอยู่ใกล้ก็ไม่สนใจ ถ่อมาอยู่ซะไกล กลายเป็นสนใจกันขนาดนี้ไปซะอีก
คนเรานี่ก็นะ

“คิดถึงหรือเปล่า”

เอ่ยถาม และก็ได้รับเพียงความเงียบเป็นคำตอบเช่นเดิม

เมื่ออีกฝ่ายเป็นคนที่มีปัญหาทางด้านการมีปฎิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
สิ่งที่ต้องทำคือเข้าใจ
เข้าใจและไม่บีบบังคับกดดันให้รู้สึกอึดอัดใจ

“คิดถึงคุณซ้งนะ”

เอ่ยบอกและเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะน้อย ๆ จากปลายสาย

จริง ๆ
คิดถึงจริง ๆ
ไม่ได้ล้อเล่นหรือพูดเอาใจให้รู้สึกดีหรอก
แต่พูดเพราะอยากพูดอยากบอกจริง ๆ ก็เลยต้องรีบบอก

“อยากเล่าอะไรก็เล่า อยากพูดอะไรก็พูด อย่าเก็บไว้คนเดียว ไม่ได้ตัวคนเดียวแบบเมื่อก่อนแล้ว รู้หรือเปล่า”

เอ่ยบอกและเหมือนคนที่อยู่ปลายสายนิ่งเงียบรับฟังแต่โดยดี

คุณซ้งไม่ใช่คนดื้อรั้นที่จะไม่ฟังใคร แต่เป็นเงียบ ๆ ที่ตั้งใจฟังคนอื่นพูดอยู่เสมอ
ที่เงียบ ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่สนใจมากถึงได้เงียบเพื่อตั้งใจฟัง

“ให้เลือดมา วันนี้ไปให้เลือดเฟยมา”

นั่นไงล่ะ ไม่ใช่เรื่องไร้สาระเรื่อยเปื่อยเลย เป็นเรื่องสำคัญที่น่าสนใจ
แต่ก็ไม่ยอมเล่าให้ฟัง

“แล้วก็ ป๊าบอกว่าขอโทษ”

สำคัญยิ่งกว่าให้เลือดอีก

เรื่องสำคัญขนาดนี้ ก็ยังจะไม่ยอมพูดไม่ยอมเล่าอีก ถ้าไม่ถามไม่ชวนคุยก็ไม่ยอมเล่า

ใช่มั้ย

“แล้วคุณซ้งยังโกรธป๊าอยู่หรือเปล่า”

เอ่ยถามและเหมือนคนที่เริ่มเล่าเรื่องราวของตัวเองครุ่นคิดคำตอบที่จะตอบ

คุณซ้งเป็นคนที่ไม่ถนัดการตอบคำถาม
และไม่ถนัดกับการแสดงความรู้สึกของตัวเองออกไปชัด ๆ คุณซ้งไม่ใช่คนที่ไม่รู้สึกอะไร แต่ที่จริงแล้ว คิดมากและคิดอยู่เสมอว่าจะต้องทำยังไง ทุกอย่างถึงจะผ่านไปได้ด้วยดี

“ไม่เป็นไรคุณซ้ง เรื่องยาก ๆ แบบนั้นจะให้ไม่รู้สึกอะไรเลยภายในวันสองวันมันเป็นไปไม่ได้หรอก”

เอ่ยบอกและคุณซ้งก็รับฟังเงียบ ๆ
คิดอะไรอีกแล้วสินะ

กำลังคิดอะไรอีกแล้วอยู่ล่ะสิ

“นี่...แล้วหนังสือนั่นน่ะ อ่านถึงไหนแล้ว ตกลงพัฒนาไปเป็นแฟนแล้วยังไงต่อ”

ถาม และคราวนี้นุชาก็ถึงกับหัวเราะชอบใจ เมื่อได้แหย่ได้แกล้งให้คนนิ่งเงียบกลายเป็นคนปากร้ายพูดจาโวยวายได้รวดเร็วทันใจ

“อะไรนุชา...ทิ้งไปตั้งนานแล้ว ของแบบนั้นไร้สาระ”

อ๋อ เหรอ

ไร้สาระเหรอ

“คุณซ้ง เป็นคนแบบนี้เหรอเนี่ย ใจร้ายว่ะ”

เงียบ

ฟังแล้วก็เงียบ

ตั้งใจฟังแต่เงียบ ไม่ยอมตอบ

“งั้นใช้ทฤษฎีของผมต่อไปก็ได้วะ ก็ต้องจีบคุณซ้งไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะใจอ่อนใช่มั้ย”

พูดแล้วนุชาก็อมยิ้ม เมื่อรู้สึกได้ถึงความลังเลของคนที่นิ่งฟัง

คุณซ้งเป็นคนแบบนี้ ถึงไม่พูดอะไรมาก
แต่บางครั้งถ้ารู้สึกอะไร คนรอบข้างก็เหมือนจะสัมผัสได้เสมอถึงความรู้สึกนั้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ได้บังคับ”

โหหหหหหหหห

กล้าพูด
กล้าพูดจริงนะคุณซ้ง
พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ใครจะยอม
ไม่ทันแล้ว มาถึงขั้นนี้แล้วใครจะยอมถอยง่าย ๆ
เคยชอบแค่หน้าตา แต่ตอนนี้มันรวมไปถึงนิสัยใจคอ
และทั้งหมดที่รวมกันเป็นคุณซ้งแล้ว

ขืนเลิกจีบตอนนี้ก็บ้ากันพอดี

เรื่องอะไรจะปล่อยคนดี ๆ น่ารัก ๆ แบบคุณซ้งไป
ปล่อยไปก็โง่เต็มที

“แล้วเมื่อไหร่จะจีบคืนบ้างล่ะ”

แกล้งถามให้ด่าเล่น แล้วก็ได้ยินเหมือนฝ่ายนั้นทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ
ทำเหมือนไม่พอใจ แต่แค่ได้ฟังก็ทำให้หัวเราะออกมา

ก็มันเป็นซะอย่างนี้

น่ารักซะขนาดนี้

แล้วใครมันจะกล้าเลิกจีบ ปล่อยไปให้คนอื่นก็แย่เต็มที
อุตส่าห์เข้าใกล้ได้ถึงขนาดนี้แล้ว หนีไม่พ้นแล้วคุณซ้ง
รอดยากแล้วไม่รู้ตัวบ้างเลยเหรอ

“คุณซ้ง คุณซ้ง คุณซ้ง คุณซ้ง”

เรียกซ้ำ ๆ และเรียกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน แกล้งทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่
และก็ยิ่งได้ยินเหมือนฝ่ายนั้นทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ทำเหมือนไม่ชอบ ไม่พอใจ
แต่รู้ทันหรอก ชอบก็อย่าทำเป็นฟอร์มเล้ยยยย

“อะไร เรียกอยู่ได้”

ไม่เคยจำ บอกเท่าไหร่ก็ไม่เคยจำ สอนเท่าไหร่ก็ไม่เคยเชื่อ บอกเท่าก็ไม่เคยทำตาม

“จ๋า...จ๋า....จ๋า...เวลาขานรับให้มันเพราะ ๆ หน่อย... จ๋าสิหนู พูดกับผู้ใหญ่ให้มันดี ๆ หน่อย เข้าใจมั้ย”

ไม่เข้าใจ

อย่ามาแกล้ง อย่ามาให้ทำอะไรบ้า ๆ แบบนี้อีก

“พูดไม่ได้หรอกนุชา”

ก็ไม่ได้ว่าอะไร แกล้งไปงั้นแหละ เห็นคุณซ้งหงุดหงิดแล้วมันสบายใจ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ว่าแล้ว...อย่างนี้แหละ ชิน..เด็กดื้อสอนยาก ทำใจแล้ว”

หัวเราะชอบใจ เมื่อได้แกล้งหยอกล้อให้คุณซ้งหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม
ไม่รู้ทำไมถึงได้ชอบทำแบบนี้

คุณซ้งน่าแกล้งที่สุด
เวลาที่งี่เง่างอแง และโมโห มันดูมีชีวิตชีวากว่านิ่งเฉย และเมินโลก
สนุกดีจะตาย เปลี่ยนคนเงียบ ๆ ให้กลายเป็นคนปากร้าย ช่างต่อปากต่อคำ

“นอนเหอะไป เด็กอนามัย”

แกล้งแซวแกล้งแหย่เล่น และคราวนี้คนที่อยู่ปลายสายยิ่งโมโหใส่ไม่เลิก

“ก็ยังดีกว่าคนที่รีบนอนไม่ได้ แล้วเช้ามาก็กลายเป็นหมีแพนด้าแหละวะ”

อ๋อ

เหรออออออออออ

เป็นหมีแพนด้าเหรอครับ ใช่สิเป็นหมีแพนด้า
หมีแพนด้าแล้วมันยังไงล่ะครับคุณซ้ง

“หมีแพนด้าแล้วไง น่ากลัวตรงไหน ยังไงคุณซ้งก็รักผมอยู่ดี”

นุชา

นุชา

นุชา

ลื้อนี่มัน......ลื้อนี่มันเป็นคนที่มึนที่สุดในโลกเลยโว้ยยยยยยยยยย

“ใช่เปล่าล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า รักแล้วไม่กล้าพูด ปากแข็งเอ้ยยยยย”

นุชาหัวเราะไม่เลิก และยังย้ำข้อความที่ทำให้ซ้งพูดอะไรไม่ออกได้อีก

ตลกยิ่งกว่าตลก ขำยิ่งกว่าขำ เมื่อยั่วให้อีกฝ่ายโมโหได้
และคุณซ้งก็รีบชิงวางสายไปซะก่อน เพราะไม่สามารถต้านทานกับความมึนระดับเซียนของนุชาได้

ขำและอมยิ้ม ก่อนจะหยิบเอกสารมานั่งอ่านและเริ่มลงมือพิมพ์ข้อความลงในคอมพิวเตอร์เพื่อใช้นำเสนอในวันถัดไป สายตายังไล่ไปมาที่ตัวอักษร

ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เมื่อพบว่ามีข้อความเข้ามา

“หมีแพนด้า รีบนอนได้แล้ว”

โถ พ่อคุณเอ้ยยยย มีใครเขาส่งข้อความแบบนี้กันบ้าง
มีแต่ส่งมาว่า ฝันดีนะ หรืออะไรทำนองนี้ต่างหากล่ะ

มีอยู่คนเดียวนี่แหละ ที่ส่งข้อความที่ไร้ความหวานแหววแบบนี้มาให้

แต่ก็สมเป็นคุณซ้งดี ถ้าขืนมีอะไรทำนองนั้นส่งมา โลกคงได้ถล่มทลายกันพอดี

หมีแพนด้างั้นเหรอ ..... หมีแพนด้า

อ่านแล้วก็อมยิ้ม และรีบพิมพ์ข้อความตอบกลับไป

คนที่กำลังจะเอนหลังลงนอนรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความที่ส่งกลับมาให้
อ่านแล้วก็ยิ้ม อมยิ้มจนแทบจะหยุดรอยยิ้มเอาไว้ไม่ได้

.....ฝันดีครับ...เด็กอนามัย…



TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
ตอน ความรู้สึกช้า



เจ็ดโมงครึ่ง
นุชาอาบน้ำแปรงฟันเรียบร้อยและอยู่ในชุดเสื้อยืดเก่า ๆ กับกางเกงขาสั้น
เริ่มลงมือเขียนรายงานการนำเสนอที่จะต้องส่งในวันจันทร์
และยกแก้วโกโก้อุ่น ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาจิบเป็นครั้งคราว

ถึงแม้จะเป็นวันหยุด แต่ก็อยากทำงานให้เสร็จเรียบร้อย
ไม่ได้รีบไปไหน นั่งทำไปเรื่อยๆ อ่านแล้วก็พิมพ์ข้อมูลลงไปในคอมพิวเตอร์

ไม่ได้รู้สึกเคร่งเครียดหรือเบื่อหน่ายงานที่ทำ แต่รู้สึกชอบและเพลิดเพลิน

ทำงานที่ตัวเองชอบ ทำแค่ไหนก็ไม่รู้สึกเหนื่อย ไม่รู้สึกเบื่อ
กลัวก็แต่คนที่ไม่เข้าใจ จะหาว่าเป็นคนบ้างาน และจะพาลน้อยใจหาว่าไม่สนใจกัน

อยากทำงานให้สำเร็จลุล่วง
ถ้าเคลียร์งานหมดแล้วคิดจะลาพักร้อนหลาย ๆ วัน
มีหลายอย่างต้องทำ
รู้สึกเหมือนต้องชดเชยบางอย่างให้กับคนบางคนที่ไม่ค่อยยอมพูดคนนั้น
คนที่ชอบทำหน้าเรียบเฉย เมินโลก แต่น่ารักและน่าแกล้งที่สุด

คุณซ้งบอกว่าอีกไม่เกินสองวันอาม่ากิมก็จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

ดีใจมาก

แค่ฟังก็รู้แล้วว่ามีความสุขและดีใจ แม้จะชอบทำเสียงนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ราบเรียบไม่แสดงท่าทางตื่นเต้นออกมา แต่แค่ฟังก็รับรู้ความรู้สึกได้

คนบางคนชอบทำให้อมยิ้มได้ทั้งวัน
แค่นึกถึง แค่ได้คิดถึงก็มีความสุข
นุชามองที่นาฬิกาและหยิบรีโมทมากดเปิดรายการโทรทัศน์ช่องรายการการ์ตูนและเงยหน้าขึ้นมองเป็นพัก ๆ

มองแล้วก็อมยิ้ม

เปิดเสียงคลอเบา ๆ และก้มหน้าก้มตาทำงาน
ลงมือพิมพ์ข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ และละสายตาจากหน้าจอมามองที่รายการการ์ตูนที่กำลังออกอากาศ

มันก็สนุกดีเหมือนกันนะ ดูไปก็เพลิน ๆ ดี

มิน่าล่ะ ถึงได้ชอบดู
แล้วป่านนี้ทำอะไรอยู่ ตื่นนอนหรือยัง เช้าขนาดนี้ จะโทรไปหาก็คงไม่ค่อยดี

นุชาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดค้นหาข้อความที่ค้างอยู่ในเครื่อง

….ไอ้นุ่นเน่าเลิกงานแล้วหาข้าวกินด้วย....

อ่านแล้วก็ขำ ขำแล้วก็ส่ายหน้ากับข้อความแปลก ๆ ที่ถูกส่งเข้ามาบ่อย ๆ

....นุ่นหน้ามึนน่าเบื่อ...น่าเบื่อ...น่าเบื่อ...

อะไรของเขา ส่งมาทำไม ตอนที่เปิดอ่านถึงกับขำไม่หยุด ไม่รู้ว่าคนที่ส่งข้อความประหลาดแบบนี้มากำลังคิดอะไรอยู่

เวลาคุยด้วยก็ไม่ค่อยอยากจะพูด ต้องให้ถามนั่นถามนี่ถึงจะคิดตามแล้วกว่าจะตอบคำถามแต่ละอย่างออกมาได้ คิดแล้วก็คิดอีก บอกว่าอย่าคิดให้มากนัก
ก็ไม่ค่อยจะยอมเชื่อ

คุณซ้งเป็นคนพูดคุยไม่เก่ง แต่ปากจัดได้ใจ อย่ายั่วให้ด่า อย่าทำให้โมโห ไม่อย่างนั้น
จะงอแงงี่เง่า และงอนใส่

พฤติกรรมแบบนั้น มันยิ่งกว่าน่ารักอีก คุณซ้งเอ้ยยยยยยย

ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้ ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้นะ
ทำไมถึงได้....เฮ่อออออ คิดถึงว่ะคุณซ้ง ทำอะไรอยู่เนี่ย เช้า ๆ แบบนี้ ตื่นนอนหรือยัง

ตื่นได้แล้ว อยากคุยด้วยแล้ว รีบโทรมาหาซะที
หรือไม่ก็ส่งข้อความอะไรมาก็ได้ อยากอ่าน

เฮ่ออออออออ

คุณซ้ง คุณซ้ง คุณซ้ง สอนไปตั้งมากมาย เมื่อไหร่จะจำ
เมื่อไหร่จะพูดเพราะ ๆ หวาน ๆ บ้าง เมื่อไหร่จะหัดทำตัวหวานแหววบ้าง
ทำไมถึงได้สอนยากสอนเย็นขนาดนี้ ทำไมเป็นคนแบบนี้วะ

บ่นคนเดียว คิดอะไรเล่น ๆ แต่ไม่ได้รู้สึกจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองคิด
บ่นไปเรื่อยเปื่อย
ทั้งที่รู้สึกชอบความดื้อเงียบของคนที่สอนเท่าไหร่ก็ไม่ยอมทำตามคนนั้น
ชอบความดื้อรั้นแบบแปลก ๆ แต่น่ารักมากเลยรู้ตัวมั้ยครับคุณซ้ง

ไม่พูดไม่เถียง แต่ก็ไม่ยอมทำตาม

น่ารักเกินไปแล้วคุณซ้งเอ้ยยยยยยยยยยย

“เฮ่อออ” ถอนหายใจยาวเหยียด และนุชาก็ส่ายหน้ากับความคิดไร้สาระของตัวเอง
ยกแก้วโกโก้อุ่น ๆ ขึ้นจิบ และเปิดเอกสารหน้าถัดไป
อ่านอย่างช้า ๆ ทำความเข้าใจ และพิมพ์ข้อความไปเรื่อย ๆ
นั่งทำเอกสารอยู่นาน ก่อนจะยิ้มออกมาได้ เมื่อพิมพ์ข้อความสุดท้ายจบลง

“เสร็จแล้วววววววว” ยกมือขึ้นสองข้าง เหยียดขาออก และเอนตัวไปซ้ายและขวาเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า เก็บรวมรวมเอกสารใส่ในกระเป๋าเอกสาร และปิดคอมพิวเตอร์

หยิบรีโมทมาเปิดเสียงรายการการ์ตูนและเอนหลังพิงกับเตียง
ชันเข่าขึ้นและนั่งดูไปเรื่อย ๆ

เพลิน

สนุกดี

สนุกจนอยากดูตอนต่อไป

แปดโมงกว่าแล้ว ตื่นนอนหรือยัง โทรไปหาได้หรือเปล่า
แต่... มันก็ยังดูเช้าเกินไป เดี๋ยวรออีกหน่อยก็ได้

หยิบโทรศัพท์ที่วางเอาไว้มากดดูหมายเลขที่ต้องโทรหา

คิดถึงว่ะคุณซ้ง

คิดถึง....คิดถึงมากนะเนี่ย ทำไมเป็นแบบนี้

เมื่อก่อนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พักหลังๆ ที่เริ่มคุยกันอย่างจริง ๆ จัง ๆ มากขึ้น
ทำไมถึงได้รู้สึกคิดถึง และอยากเจอมาก
ไม่เหมือนช่วงแรกที่หลงใหลได้ปลื้มแค่หน้าตา
แต่ตอนนี้มันคือความรู้สึกบางอย่างที่มากกว่านั้น

อยากอยู่ข้าง ๆ อยากอยู่ใกล้ ๆ
ชอบเวลาที่เราได้แบ่งปันความรู้สึกต่าง ๆ กัน เรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจจนร้องไห้
และเรื่องที่ทำให้เรายิ้มได้

เรื่องที่ทำให้เรายิ้มออกมาได้พร้อมๆ กัน

ทั้งเรื่องดี ๆ หรือเรื่องราวแย่ ๆ ที่ผ่านเข้ามา อยากแบ่งปันให้รับรู้
ทำไมถึงได้รู้สึกกับคุณซ้งมากขนาดนี้

ทำไมวะ ทำไมเป็นเอามากขนาดนี้ อยากรู้มากเลยคุณซ้ง

แล้วคุณซ้งเป็นแบบนี้บ้างหรือเปล่า
แบบที่ว่าคิดถึงจนเหมือนจะทนไม่ไหวแต่ก็ต้องพยายามหักห้ามใจตัวเอง
ไม่ให้มากเกินไปจนมีผลกระทบกับงานและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ

เป็นเหมือนกันหรือเปล่าคุณซ้ง

ตอนนี้ผมรู้สึกแบบนั้นอยู่นะ คุณซ้งจะรู้บ้างมั้ย

ที่ทำเหมือนแกล้ง เหมือนแหย่ ให้คุณซ้งโกรธ
ทุกครั้งที่ทำแบบนั้นแม้จะเป็นการหยอกล้อ แต่มันมีบางอย่างมากกว่านั้น
บางสิ่งบางอย่างที่อยากบอกให้คุณซ้งรับรู้

อยากบอกให้รับรู้เอาไว้

ชอบเวลาที่ได้เห็นคุณซ้งหน้าแดง บางครั้งก็บ่นบ้าง ด่าบ้าง

แต่แค่นั้นก็ทำให้ยิ้มได้ แม้จะไม่ยอมตอบกลับมา
แต่ท่าทางทั้งหมดที่ได้เห็นก็ทำให้รับรู้ได้ ว่าคุณซ้งเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน

คิดถึงผมหมือนกันใช่มั้ยคุณซ้ง
ผมก็คิดถึงคุณซ้งเหมือนกัน

นั่งคิดอะไรเพ้อเจ้ออยู่คนเดียวเป็นนานสองนาน กว่าจะสำนึกได้ว่าปล่อยให้หัวใจล่องลอยไปไหนต่อไหน ก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง

นุชาสะบัดหัวไล่ความคิดของตัวเองออก และลุกขึ้นยืน เก็บแก้วโกโก้ไปล้าง
เปิดวิทยุเครื่องเล็ก ๆ ค้นห้าสถานีเพลง และเลือกฟังเพลงที่ถูกใจ

มัดถุงขยะ และเตรียมจะเอาไปทิ้ง

แต่เมื่อเปิดประตูห้องออกมาก็ถึงกับยืนนิ่งอึ้ง เมื่อพบว่ามีใครบางคนยืนอยู่หน้าประตู

“คุณ...ซ้ง”

อึ้ง และเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ

มายังไง แล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้ว....เอ่อ

“จะ...ไปทิ้งขยะเหรอ....”

ใช่ กำลังจะไปทิ้งขยะ แต่ว่านั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญก็คือ....คุณซ้งมายังไง
มาตอนไหน แล้วมานานหรือยัง แล้ว..........

อยากจะถาม อยากจะอ้าปากพูด แต่คนที่เอื้อมมือมาคว้าถุงขยะไปถือเอาไว้และเดินลิ่ว ๆ เอาขยะไปทิ้งที่ถังขยะห่างออกไป กำลังทำให้นุชางง
คุณซ้งเดินกลับมายืนอยู่ตรงหน้า
และกำลังทำหน้าลำบากใจ เพราะคิดบทสนทนาต่อไม่ได้

ยังไง

อะไรคุณซ้ง

ที่นี่มันชลบุรี คิดว่ามันใกล้มากนักหรือไงถึงได้คิดจะมาจะไปแบบไม่ต้องบอกกันเลย

มายืนอยู่นานแค่ไหนแล้ว
ทำไมไม่เรียก ทำไมไม่โทรบอก ทำไมถึงได้.........

อยากจะถามด้วยความสงสัย แต่ความดีใจมีมากกว่า
มองหน้าของคนที่มองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่ก และเหมือนทำตัวไม่ถูกแล้วนุชาก็เริ่มอมยิ้ม

“คุณซ้ง...ดื่มโกโก้มั้ย เดี๋ยวชงให้”

โกโก้เหรอ

เช้า ๆ แบบนี้โกโก้อุ่นก็ดี ก็....คงจะดีมาก ถ้า...นุชาเป็นคนชงให้

นุชาเดินนำหน้าเข้ามาในห้อง โดยมีใครบางคนเดินตามเข้ามา
เดินไปเตรียมแก้วน้ำสำหรับรินน้ำอุ่นใส่ลงไป ชงโกโก้อุ่นหนึ่งแก้ว
และนำมายื่นส่งให้กับคนตรงหน้าที่ยังมีทีท่ามึงงง เหมือนไม่รู้จะทำยังไง

คุณซ้งรับแก้วมาถือเอาไว้ และนิ่งมองแก้วโกโก้อยู่นาน
ก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะ และเดินมาหาคนที่กำลังค้นหาบางอย่าง

“เดี๋ยวหาช้อนให้นะ เมื่อกี้ก็เห็นอยู่....ตรง เอ่อ...คุณซ้ง เดี๋ยวหาช้อน อ่า”

นุชาทำได้แค่ยืนนิ่ง ๆ เมื่ออยู่ดี ๆ คนที่ทำเหมือนมึนงงและทำอะไรไม่ถูกคนนั้น
ก็เดินเข้ามาหาและกอดเอาไว้

กอดแน่น

กอดเอาไว้ทั้งตัว

กอด...ด้วยความรู้สึกที่นุชารับรู้ได้ว่าคนกอดกำลังกอดด้วยความรู้สึกแบบไหน
อ้อมแขนอุ่น ๆ ที่โอบรัดรอบตัว

ใบหน้าที่ซบลงมา น้ำเสียงแผ่วเบาที่กระซิบที่ข้างหู

“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะนุชา ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้....”

ทำไมเหรอ

ทำไม

แค่ได้ฟังเสียงก็รู้สึกอุ่นวาบไปถึงหัวใจ
มันอบอุ่นและชวนให้เคลิบเคลิ้มกับความรู้สึกที่มากับคำพูดที่แปลความหมายไม่ได้

“ทำไมอยากเจอขนาดนี้ อยากเจอจนทนไม่ไหว ทำไมล่ะนุชา ทำไม”

อย่าถามเลย เพราะตอบไม่ได้จริง ๆ
ผมไม่รู้จริง ๆ ว่า คุณซ้งอยากเจอใคร
แล้วยิ่งไม่รู้ด้วยว่าทำไมถึงได้อยากเจอมากขนาดนี้
ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไม ผมตอบไม่ได้
แล้วทำไมล่ะ เพราะอะไร ทำไมถึงอยากเจอจนทนไม่ไหวล่ะคุณซ้ง
ทำไมถึงได้....อยากเจอจนทนไม่ไหว....

นุชายืนนิ่งเงียบ และซบหน้านิ่ง ๆ กับอกของคนที่กอดเอาไว้แน่น

คุณซ้งเองก็รู้สึกเหมือนกันใช่มั้ย

ความรู้สึกแบบนี้
เป็นเหมือนกันใช่มั้ย
มันอยู่ข้างใน มันอยู่ลึก ๆ ข้างในหัวใจ

“คิดถึงคุณซ้ง...อยากได้ยินเสียง อยากคุยด้วย อยากเจออยู่ตลอดเวลา
แต่ไม่กล้า ไม่กล้าโทรไปหาบ่อยๆ กลัวคุณซ้งรำคาญ กลัวมันจะมากเกินไป”

เอ่ยบอก ทั้งที่ยังซบใบหน้านิ่ง ๆ อยู่กับอกของคนที่ยังกอดแน่นไม่ยอมปล่อย

อย่ารำคาญผมเลย อย่าหาว่าผมงี่เง่า อย่าหาว่าผมบ้าบอเลยคุณซ้ง
ตอนนี้ กำลังรู้สึกแบบนี้จริง ๆ รู้สึกคิดถึงจนยอมเป็นคนบ้า ๆ บอ ๆ
ยอมเป็นคนพูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระให้คุณซ้งต่อว่า

อ้อมแขนอุ่น ๆ ผละออกห่าง และคนตรงหน้าจับไหล่ของนุชาให้ยืนเผชิญหน้ากัน

สบตากันนิ่ง ๆ และเหมือนรู้สึกได้ถึงความรู้สึกมากมายท่วมท้นที่มีให้กัน

ปลายนิ้วอุ่น ๆ เกลี่ยไล้สัมผัสแผ่วเบาที่ข้างแก้มของนุชา

ดวงตาที่จ้องนิ่งตรงมา ทำให้นุชาหยุดรอยยิ้มของตัวเองไว้ไม่ได้
หรี่ปรือตาลง เมื่อใบหน้าที่โน้มเข้ามาหา ค่อย ๆ จรดปลายจมูกลงที่หน้าผาก

กดหนัก ๆ ก่อนจะผละออกห่างและปลายนิ้วยังคงเกลี่ยไล้เล่นที่ข้างแก้มอยู่อย่างนั้น

รู้สึกยังไง คงไม่ต้องบอก แค่มองตาก็รู้ว่าคุณซ้งรู้สึกยังไง

“คิดถึง...มั้ย”

ลังเลใจที่จะพูด แต่เมื่อถามแล้วคนถามก็ไม่เคยคิดอยากได้คำตอบ
การกระทำมันบอกทุกอย่างหมดแล้ว แต่แค่อยากจะล้อคนที่มาหาในเวลาเช้าขนาดนี้

เห็นสายตาที่หรุบลงต่ำ และเหมือนคนที่ฟังคำถามกำลังคิดบางอย่าง
คราวนี้นุชาก็ยิ่งยิ้มกว้างมากกว่าเดิม

จะบ่นหรือจะด่าล่ะคุณซ้ง....จะว่าอะไรอีก
ก่อนจะพูดไม่ต้องหน้าแดงก็ได้นะ .... เป็นแบบนี้อีกแล้ว
ไม่รู้เหรอว่าผิวขาว ๆ ของคุณซ้งแค่แดงนิดเดียวก็เห็นชัดแล้ว

ไม่รู้บ้างหรือไง

“คิดถึงนุชามั้ย”

แกล้งถามย้ำ และอมยิ้ม เมื่อจ้องมองใบหน้าของคนที่ยังแกล้งทำเป็นนิ่งเฉย
ทั้งที่ความรู้สึกบางอย่างมันเผยออกมาหมดแล้ว แค่เพียงสบสายตาคู่นั้น

“มาก......”

คืออะไร มากที่ว่า คำว่ามากมีความหมายว่ายังไง

“อะไรมาก คิดถึงนุชามากหรือไง”

แกล้งถามและเอียงคอมองหน้าของคนที่ไม่ยอมพูด ทั้งที่ปลายนิ้วยังเกลี่ยไล้เล่นที่ข้างแก้มไม่เลิก

อย่าเฉไฉ อย่ามองไปทางอื่น มองมาตรงนี้ มองมาที่ตาคู่นี้
อย่าหลบสายตา อย่าเมินมองไปทางอื่น มองมาตรงนี้คุณซ้ง
มองตรงมา

“คิดถึง.....นุ่น.....มาก.....พอใจหรือยัง”

คนตอบ ตอบออกมาทั้งที่หน้างอ และตอบเหมือนถูกบังคับให้ตอบ

“อะไรนะ...พูดอะไรฟังไม่เห็นรู้เรื่อง”

แกล้งไม่ได้ยิน และอมยิ้ม เมื่อคนพูด พูดแล้วก็เอาแต่จะหลบสายตาไปทางอื่น
จนนุชาต้องจับแก้มเอาไว้ให้หันหน้ามาบอกกันดี ๆ

บังคับให้หันมองมาไม่ให้เมินมองไปทางอื่นได้อีก

“พูดใหม่...พูดว่าอะไร”

แกล้งทำเสียงดุ และก็เห็นว่าคุณซ้งกำลังมองนิ่งตรงมาจริง ๆ
คราวนี้ไม่หลบตา ไม่แกล้งเมินไปทางอื่นอีก

และเมื่อละมือออกจากข้างแก้มของคุณซ้ง
คราวนี้ฝ่ายนั้นยิ่งไม่ยอมหลบสายตาไม่เหมือนคราวแรกที่ทำยังไงก็ไม่ยอมพูด

“ซ้งคิดถึงนุ่นมาก...ชัดพอมั้ย”

ชัด

ชัดยิ่งกว่าชัด

ชัดเจน และโคตรเข้าใจ

พูดได้ดีมากคุณซ้ง พูดได้ดีและหน้าก็แดงจัด ชัดเจนพอ ๆ กับคำพูดด้วย

ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้

ถึงจะพูดไปเขินไป แต่แค่ยอมพูดออกมา ก็ทำให้คนฟังดีใจจนแทบบ้า

“ชัดแล้ว...นุ่นก็คิดถึงคุณซ้งมากเหมือนกันเป็นแฟนนุ่นเถอะนะ”

จะมีใครมึนได้มากเท่านุชา

ถามออกไปโดยไม่รอให้คนฟังตั้งตัว

เหรอ

เป็นแฟน...กันเถอะนะ...งั้นเหรอ

ทำไมถึง.....

ทำไมถึงเพิ่งมาถาม ทำไมถึงเพิ่งมาขอ ทำไมความรู้สึกช้าขนาดนี้

“เราคบกันมาพักใหญ่แล้ว อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ อย่าแกล้งมึนให้มากนักได้มั้ยนุชา”


TBC...





CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † เอาคืน † [24/04/12]
«ตอบ #380 เมื่อ24-04-2012 03:39:36 »

ตอน เอาคืน



มีใครบางคนนั่งตาปรือคอเอียงอยู่บนโซฟา
กอดหมอนอิงเอาไว้และมองยังไงก็รู้ว่าง่วง แต่ไม่กล้านอน

นุชาก็เลยคว้าหมอนอีกใบมาวางเอาไว้ และแตะเบา ๆ ที่ไหล่ของคนที่กำลังนั่งหลับ

“ง่วงก็นอนซักพักเถอะคุณซ้ง เดี๋ยวปลุก”

บอก และเห็นคนที่หรี่ตาขึ้นมอง พยักหน้าให้ และเอนตัวลงนอนหนุนหมอนที่เตรียมไว้ให้อย่างว่าง่าย

เอนลงนอนตะแคงและกอดหมอนอิงเอาไว้

เพียงเวลาไม่นานลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอก็ทำให้นุชารู้ว่าคนที่นั่งง่วงมานาน หลับสนิทเรียบร้อยแล้ว

หลายวันมานี้มีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย
และนั่นคงทำให้คุณซ้งทั้งเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียไม่น้อย ไม่มีเวลาได้พักผ่อน
เพราะต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นเพื่อไปดูแลอาม่ากิม
แต่วันนี้ยังอุตส่าห์ขับรถทางไกลไปรับตั้งแต่เช้า

บอกว่าคิดถึงจนทนไม่ไหว อยากเจอจนทนไม่ไหวเลยต้องไปหา

ทำไมถึงทำตัวน่าหลงใหลให้หลงรักได้มากขนาดนี้ล่ะคุณซ้ง

ทำไม....

ทอดสายตามองร่างที่นอนหลับอยู่บนโซฟาแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม

เหนื่อยสินะ คงทั้งเหนื่อยทั้งล้า สุดท้ายร่างกายก็เลยทนไม่ไหว
ดีแล้วที่สามารถหลับตาลงได้อย่างสบายใจ
ไม่เหมือนหลายวันก่อนที่ทั้งไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมหลับยอมนอน
ดีแล้วที่คุณซ้งสบายใจขึ้น เป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้ว

ยืนมองนิ่ง ๆ อยู่นาน แล้วนุชาก็ก้าวขาเดินเข้าไปในครัว

กลับมาถึงบ้านโดยใช้เวลาเดินทางไม่นาน
คุณซ้งขับรถมาส่งถึงหน้าบ้านและยังเข้ามาทักทายแม่ที่ดูเหมือนจะดีอกดีใจจนออกนอกหน้าที่ได้เจอคุณซ้ง แล้วดีใจมั้ยเนี่ยที่เห็นหน้าลูก แถมยังบ่นไม่เลิก หาว่าถ้าคุณซ้งไม่ไปรับก็คงไม่ยอมกลับบ้าน

แม่นี่ก็บ่นไปเรื่อย ไม่ยอมหยุด

ไม่ใช่ไม่อยากกลับหรอก
งานมันยุ่งจริง ๆ ครับแม่
ไม่ใช่ว่าจะเลี่ยงไม่ยอมกลับบ้าน คิดถึงแม่จะแย่ ไม่ให้คิดถึงแม่แล้วจะให้ไปคิดถึงใคร

“แม่คร้าบบบบ”

เดินมากอดเอวแม่ที่ยังสาละวนอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวัน และก็โดนเขกหัวเข้าให้ เพราะวุ่นวายไม่ถูกเวลา

“เรานี่นะ เดี๋ยวก็โดนน้ำมันลวกกันพอดี”

บ่นได้อีก จะบ่นอะไรนักหนา ลูกมาแสดงความรักขนาดนี้ ยังจะว่ากันอีก
ลูกสุดที่รักเลยนะแม่ ทำไมแม่ต้องเขกหัวด้วย มันเจ็บนะครับ


“โห่ แม่นี่บ่นตลอด เป็นเครื่องบ่นหรือไงแม่ รู้งี้ไม่กลับก็ดี”

แกล้งทำเป็นงี่เง่า และเห็นแม่มองค้อนกลับมาแล้วก็เลยหัวเราะชอบใจ

“เรานี่นะ เจ้านุ่น หนีแม่ไปอยู่ไกล ๆ แล้วยังจะไม่ยอมกลับมาอีกถ้าเป็นเด็ก ๆ จะตีให้น่วมเลย ลูกคนนี้”

พูดเล่นหรอกแม่ ใครจะกล้า กำลังทำเรื่องย้ายกลับมาอยู่ ถ้าเกิดไม่ได้ ก็อาจจะลองหางานใหม่แล้ว ใจเย็น ๆ น่า อย่าบ่นเลยคร้าบบบบบบ

“แล้วปล่อยซ้งทิ้งไว้ไหนล่ะ ไม่ออกไปดูหน่อย”

ทิ้งไว้ไหนเหรอ ก็....ทิ้งไว้ที่เดิมแหละ นอนหลับไปแล้ว คงเหนื่อยมาก

“เอาเค้ามาแล้ว อย่าทิ้งขว้างนะลูก โตแล้วทำอะไรคิดหน้าคิดหลังให้ดี ๆ เราโตกว่าเค้า เราต้องมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่เรื่องความเป็นอยู่แบบทั่วไป แต่ให้รับผิดชอบหัวใจเค้า รับผิดชอบความรู้สึกเค้า อย่าทิ้งขว้าง ”

นุชากำลังยืนนิ่งอึ้งกับคำพูดที่ได้ยิน
แกล้งเดินเตร่ไปเด็ดผักในตะกร้า และนิ่งเงียบ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา

“อย่าทำอะไรเล่น ๆ เป็นเด็ก ๆ เพราะเค้าดูจริงจังกับนุ่นมากนะลูก”

ฟังที่แม่พูด แล้วก็ได้แต่คิดตาม

แม่บอกว่าช่วงเวลาที่ไม่อยู่บ้าน คุณซ้งมักจะแวะมาหาบ่อย ๆ
มาช่วงบ่าย ๆ เย็น ๆ มารดน้ำต้นไม้ให้แล้วก็กลับ
บางครั้งก็มานั่งคุยเป็นเพื่อนพ่อ

แม้จะไม่ค่อยมีเวลา แต่ก็ยังปลีกตัวมาหา มาอยู่เป็นเพื่อนและพูดคุยกันบ้าง

ได้พูดได้คุย ได้รู้เรื่องราวชีวิตของคุณซ้งแล้วยิ่งสงสารเห็นใจ

แม่ไม่เคยพูดอะไรจริงจังเป็นงานเป็นการเลยสักครั้ง
และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แม่พูด

“แม่เสียใจมั้ย ที่นุ่นเป็นแบบนี้” ก้มหน้าก้มตาเด็ดผัก และถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะเอ่ยถามแม่ ที่ทำเหมือนกับง่วนอยู่กับการทำอาหารสำหรับมื้อกลางวัน

ครั้งนี้คือการพูดคุยกันแบบจริงจังที่สุด
แต่ทั้งแม่และนุชาต่างก็ทำเหมือนเป็นเรื่องสบาย ๆ พยายามให้รู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด

“แม่เลี้ยงนุ่นมา นุ่นไม่เคยทำให้แม่เสียใจ ไม่เคยทำให้แม่ทุกข์ ถ้านุ่นรักใครแม่ก็รักด้วย แล้วนุ่นจะให้แม่เสียใจเรื่องอะไร”

แม่ครับ

นุ่นโคตรรักแม่เลย

รักแม่มากที่สุดในโลกเลยครับ

“ซ้งเค้ารักนุ่น เค้าดีกับนุ่นเค้าดีกับครอบครัวของเรา นุ่นก็ควรจะดีกับเค้าดีกับครอบครัวของเค้าเหมือนกัน รู้มั้ยลูก”

ครับแม่

รู้แล้ว เข้าใจแล้ว

เข้าใจแล้วครับแม่ นุ่นเชื่อแม่นะ

แม่ครับ นุ่นคิดว่านุ่นเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่ครับ
ไม่ว่านุ่นจะเป็นอะไร พ่อแม่ก็ไม่เคยต่อว่า ไม่เคยพูดจาร้าย ๆ ใส่ให้เจ็บปวด
ขอแค่เป็นคนดีมีความรับผิดชอบไม่เบียดเบียนใคร ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครก็พอ

“แล้ว....พ่อ...ว่ายังไงบ้าง”

ถาม และหันไปมองแม่ที่กำลังจะตักอาหารจากกะทะก็เลยรีบหาจานไปวางไว้ให้
และยืนดูผัดผักร้อน ๆ ที่ถูกตักใส่จาน

“พ่อเค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร เค้าก็บอกว่าค่อย ๆ เรียนรู้กันไป ให้อยู่เป็นเพื่อนกันดูแลกันไปเรื่อย ๆ”

นุ่นรักพ่อกับแม่ครับ

นุ่นโคตรโชคดีเลยที่มีพ่อกับแม่

“เดี๋ยวแม่จะแบ่งข้าวใส่กล่องให้เอาไปกินที่โรงพยาบาลนะ เราก็เหมือนกันไปเยี่ยมไปดูแลอย่าให้ขาดตกบกพร่อง อย่าให้เสียชื่อมาถึงแม่ เข้าใจมั้ย”

เข้าใจแล้วคร้าบบบบบบบบ

เข้าใจแล้ว

“นุ่นรักแม่ รักแม่ รักแม่…”

แล้วนุชาก็เดินไปกอดเอวแม่ และหอมแก้มทั้งซ้ายและขวา ก่อนจะถูกเขกหัวอีกหนึ่งที โทษฐานทำอะไรไม่ดูกาลเทศะ

“เรานี่... มันก็เป็นซะแบบนี้เรื่อย ถ้าโดนน้ำมันกระเด็นใส่มันจะเป็นยังไง
ออกไปเลยนะ อย่ามาเกะกะแม่”

โดนบ่น แต่นุชาก็ยังหัวเราะได้ เดินลิ่ว ๆ ออกมาจากครัวโดยมีสายตาของแม่มองตาม

นุชาเป็นเด็กดี ร่าเริง และตั้งใจเรียน ไม่เคยสร้างปัญหา
ยิ่งรู้ว่าตัวเองมีข้อด้อยและแตกต่างจากคนอื่น ยิ่งพยายามมากขึ้น
พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ

ในเมื่อสิ่งที่ลูกเป็นอยู่มันเลือกไม่ได้
แล้วยังจะเอาอะไรจากลูกอีก แค่ได้เห็นว่าลูกมีความสุขดี
และทำอะไรอยู่ในกรอบ ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

เสียใจที่ไม่ได้อย่างใจ อาจจะใช่
แต่มันจะได้อะไรขึ้นมาถ้าทำให้ลูกเป็นทุกข์ ถ้าทำให้ลูกไม่มีความสุขเลยตลอดชีวิต
สู้เปิดใจให้กว้าง มองอยู่ห่าง ๆ และคอยประคับประคองยามที่ล้มลงดีกว่า

นุชานั่งอยู่บนโซฟาและหันไปมองแม่ที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว

มองแล้วก็ยิ้ม มองแล้วก็ได้แต่ยิ้มกับความสุขที่ได้รับ
ความสุขที่ไม่ต้องไปหาจากไหนไกล แค่ได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ได้พูดคุยกัน ได้แบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ให้กันก็มากเกินพอแล้ว
แม่หันกลับไปเตรียมอาหารสำหรับมื้อกลางวันต่อแล้ว

แต่นุชายังคงนั่งอมยิ้มไม่เลิก

โชคดีจริง ๆ นั่นแหละ เรามันเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก
มีครอบครัวที่รักและเอาใจใส่อยู่ตลอดเวลา

ไปที่ไหนก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะรู้ว่าสุดท้ายแล้วจะมีที่ให้กลับมานอนหลับตาลงได้อย่างสบายใจ

นอนหลับตาลงได้อย่างสบายใจ......

เหมือนที่คนบางคนกำลังทำอยู่ตอนนี้หรือเปล่า

ที่ ที่สามารถนอนหลับตาลงได้อย่างสบายใจ
สัญญาเอาไว้แล้ว ว่าจะดูแลให้ดีและไม่ทำให้เสียใจ

เมื่อสัญญาแล้วก็อยากจะทำให้ได้ตามสัญญา
และจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะทำให้ได้

เพิ่งจะรู้ว่าในความคิดของคุณซ้ง เราคบกันมาได้ซักพักแล้ว
แล้วเมื่อไหร่ที่เราเริ่มคบหากันอย่างจริงจัง

มันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่

สำหรับคุณซ้ง การคบกันของเรามันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่
ทำไมถึงไม่ยอมพูด ทำไมถึงไม่ยอมบอกล่ะ
ถามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมบอกไม่ยอมตอบ
เอาแต่เฉไฉหลบสายตาและหน้ามักจะแดงก่ำอยู่เสมอ เวลาที่แกล้งถามอะไรทำนองนี้

ทำเหมือนไม่ชอบ แต่จริง ๆ แล้วชอบให้จีบ
ชอบให้หยอกล้อ
ชอบให้อ้อน

ทำเป็นบ่นทำเป็นว่า ทั้งที่ชอบมาก แปลกคนจริง ๆ เลยนะคุณซ้ง

“อืออออ”

คนที่นอนหลับอยู่เริ่มขยับตัว และหรี่ปรือตาขึ้นมองนุชาที่มานั่งอยู่ใกล้ ๆ

“นอนอีกหน่อยก็ได้คุณซ้ง เพิ่งนอนไปแป๊บเดียวเอง”

บอก และแตะเบา ๆ ที่ไหล่ของคนที่ยกหลังมือขยี้ตา

“นุ่น”

หือ....

เรียกทำไม มีอะไรหรือเปล่า

เรียกทำไมเหรอ

“ไม่นอนด้วยกันเหรอ”

นอนด้วยกัน....นอนด้วย.........กัน
อืมมมมม คิดแล้วมันก็....

“อยากนอนกับผมเหรอคร้าบบบบ”

แกล้งถาม และหัวเราะร่วนเมื่อเห็นคนที่เอ่ยถามรีบลุกขึ้นนั่งแบบทันทีทันใด
และเริ่มบ่น

“อะไรนุชา....แปลแต่ละอย่างแปลเข้าไปได้ยังไง”

โหหหหหหหหห ก็แล้วใครมันพูดให้แปล พูดไม่คิดเอง นี่ก็ตอบแบบไม่คิดอะไรนะ

หรือว่าคุณซ้งคิด

“เอ้า...ทำไมต้องว่าด้วย ไม่อยากก็ไม่อยากสิ ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย”

ปากดีนักนะนุชา ปากดีนัก พูดแล้วยังลอยหน้าลอยตาใส่อีก มีอะไรน่าขำ
ตลกตรงไหน มีอะไรสนุกนักหรือไง ถึงได้ขำขนาดนี้

“ไม่อยากพูดด้วยแล้ว”

อ้าววววววววว ทำไมล่ะ ทำไมแบบนั้นล่ะ ทำอะไรผิดอีกหรือนี่
ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ทำไมงอนง่ายจัง

“คุณซ้ง คุณซ้ง คุณซ้ง คุณซ้งอ่ะ”

อะไร ไม่ต้องเรียก ไม่ต้องทำเสียงแบบนี้ ไม่ต้องทำหน้าแบบนี้ หยุดอ้อนได้แล้ว

“นอนซะนะ อย่างอนเล้ยยยย เอ้า นอน ๆ นอนต่อ เดี๋ยวปลุกนะคร้าบบบ”

หัวเราะกับการทำหน้าเมินโลกของคุณซ้ง และรีบจัดหมอนให้เข้าที่ แตะ ๆ ไปสองที
และคนที่งอนก็ยอมล้มตัวลงนอนอีกครั้ง

“เป็นเด็กวัยกำลังกินกำลังนอน ยังใช้งานไม่ได้ก็ต้องทำใจ รีบโตไว ๆ นะจ๊ะหนูซ้ง”

นุชา

อย่าท้า

อย่ามาท้าทาย อย่ามาพูดแบบนี้ อยากจะรับผิดชอบคำพูดตัวเองมั้ย จะได้ช่วย

“อยากรู้มั้ยว่าใช้ได้หรือไม่ได้ จะลองดูมั้ยล่ะ”

อ่า อะไรนะ....อยากรู้มั้ยเหรอ...อยากรู้มั้ย เหรอ อืมมมมม

“ลองมั้ย”

ถามย้ำทำไมสองครั้งสามครั้ง หูไม่ได้ตึงหรอกน่าคุณซ้ง
แล้วสายตาแบบนั้นมัน....เอาจริงเอาจังเกินไปแล้วนะนั่น…
ล้อเล่นนิดเดียวเอง เป็นจริงจังไปได้คุณซ้ง ผมล้อเล่นนะ อย่าจริงจัง
เราล้อกันเล่นเนอะคุณซ้งเนอะ ว่ามั้ย คิดเหมือนกันมั้ย ใช่มั้ยล่ะ

“เอ้ออออ...ช่วงนี้อากาศมันร้อนน่าดูเลยเนอะ...เอ้านอน ๆ คุณซ้ง เดี๋ยวไปปรับแอร์ให้เย็น ๆ จะได้นอนสบาย ๆ ....เนอะ”

นุชาลุกขึ้นยืนและเดินหารีโมทมาปรับระดับความเย็นของแอร์

เฉไฉ

หาเรื่องเฉไฉ และเปลี่ยนเรื่องไปเรื่องอื่นแบบหน้าตาเฉย เหมือนที่ซ้งมักทำอยู่บ่อย ๆ
และคราวนี้คนที่นอนอยู่ก็เลยได้ยิ้มออกมาบ้าง

แน่จริงไม่เล่นต่อล่ะนุชา ถ้าแน่จริงต้องเล่นต่อ ทำไมต้องเปลี่ยนเรื่องแล้วทำไมต้องเดินหนีด้วย แล้วคราวนี้รู้หรือยัง ว่าเวลาโดนแกล้งแบบนี้มันเขิน และพาลจะทำตัวไม่ถูก
รู้บ้างหรือยัง ว่าโดนแกล้งแบบนี้มันรู้สึกยังไง




TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
ตอน อย่าดีแต่พูด



“วิ้ดวิ่ววว ......ว่าไงจ๊ะน้อง มาเป็นแฟนพี่เอามั้ย”

“น่ารักนะเรา ทำหน้าเมินโลกก็น่าร้ากกกกก”

“ทำหน้าแบบนี้เอาใจพี่ไปเลยดีกว่า”

และ........................

ซ้งหันไปมองหน้าของคนที่พูดจาบ้าบอเพ้อเจ้อ และหัวเราะคิกคักชอบใจกับคำพูดของตัวเองอยู่คนเดียว มองแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า แต่คนที่แกล้งแหย่แกล้งกวนประสาทยังพูดไม่เลิก พูดไปยิ้มไป และยังท้าวคางมองหน้าอีก

สนุกมาก..... ตรงไหนวะนั่น

“สวยจริงนะน้องสาว ผิวขาวเหมือนดั่งแม่แตงร่มใบ”

อืมมมมมม เอาซะให้พอ พอใจเมื่อไหร่ก็บอกกันด้วย แต่ดูท่าทางจะอีกนาน

“พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย คนสวยนี่หยิ่งแบบนี้ทุกคนเหรอจ๊ะ”

เล่นซะ เอาซะให้พอเลย นุชาเอ้ยยยยย

“ชื่ออะไรจ๊ะ....บ้านอยู่ไหน ขอเบอร์ได้เปล่า”

เหรอ
ใจคอจะเล่นแบบไม่หยุดเลยใช่มั้ย พูดไปขำไปคนเดียว
ไม่ได้สนใจเล้ยยย ว่าคนที่ต้องขับรถเสียสมาธิขนาดไหน

“สวย แล้วหยิ่งแบบนี้พี่ชอบบบบ”

กล้าเนอะ
ปากมันดีขนาดนี้ เวลาเอาเข้าจริง อยากรู้จะปากดีอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้หรือเปล่า
แล้วนั่นพูดไปหัวเราะไป แล้วยังจะมองหน้าไม่เลิกอีก

อยากได้อะไรนุชา
ถ้าอยากได้ขนาดนั้น เดี๋ยวจัดให้ชุดใหญ่เอามั้ย จะได้รู้กันไป

“ปากดีไปเหอะ...พูดให้ตลอดแล้วกัน”

พูดเล่น ๆ ลอยตามลม แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
ฟังหูซ้ายแล้วก็ทะลุหูขวา แถมยังยิ้มกริ่ม ปลื้มกับคำด่าซะอีก

“อย่านะ อย่านะ อย่าทำอะไรเค้าเล้ยยยยยคุณซ้ง กลัวแล้ว กลัวแล้ว”

น่ารักตายล่ะ
ท่าทางสะดีดสะดิ้ง และแกล้งทำเป็นกลัวจนตัวสั่นแบบนั้นมันอะไรกัน
พูดแล้วคนพูดก็ยังยิ้มไม่หุบ สนุกสนานกับคำพูดของตัวเอง และคราวนี้จากพูดจาเพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อย นุชาก็เปลี่ยนเป็นท่าทางเป็นสงบนิ่งแทน

ทั้งที่ยังท้าวคางและอมยิ้มมองหน้าคนที่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถอยู่ตลอดเวลา
ตั้งใจเกินไปแล้ว ทำไมไม่หันมาสนใจกันบ้าง อุตส่าห์แหย่อุตส่าห์แกล้งแล้วนะ

ไม่อยากเล่นด้วยกันหรือไงคุณซ้ง

“ไปทำเรื่องย้ายกลับมาเถอะ”

ได้ฟัง แต่ไม่ตอบ นุชานั่งฟังเงียบ ๆ
แต่สายตายังจ้องหน้าของคนที่เอ่ยบอกนิ่งอยู่อย่างนั้น
มองยังไงก็ไม่เบื่อ ชอบมองหน้าคุณซ้ง

มองเวลาทำหน้าเฉย เวลาตั้งใจทำอะไรก็มักจะมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น
ใบหน้าด้านข้าง ปลายจมูก ริมฝีปาก คิ้ว คาง ทุกสิ่งทุกอย่าง

“คุณซ้ง....”

อยากเรียก ชอบ อยากเรียกเยอะ ๆ อยากเรียกชื่อนี้ ชอบมาก
เรียกและก็ได้ยินเสียงขานรับ

“อือ...ว่าไงนุชา”

ว่าไงเหรอ ไม่ว่าไงหรอก ไม่รู้จะว่าไง แค่อยากเรียก อยากอยู่ใกล้ ๆ
อยากทำทุกอย่างร่วมกัน อยากเข้าใจ อยากเป็นคนสำคัญ

“ชอบ.....ผมป่ะ”
ถามและนิ่งมองหน้าของคนที่เหมือนชะงักไปเล็กน้อย และก็รู้อยู่แล้วว่าฝ่ายนั้นจะไม่มีทางพูด หรือตอบอะไรออกมาแน่

ไม่ได้อยากได้คำตอบ
ไม่เคยอยากได้

แค่อยากถาม
อยากถาม อยากเห็นสีหน้า แววตา และความรู้สึกขัดเขินของคนที่ไม่เคยตอบคำถาม

และก็ได้เห็น ได้เห็นทุกครั้งที่อยากจะเห็น
ได้เห็นทุกครั้งที่เอ่ยถาม ไม่เคยสักครั้งที่คุณซ้งจะมีท่าทีเมินเฉยอย่างแท้จริง

ทุกครั้งที่ถามจะเห็นการพยายามแกล้งเมินเฉย ทั้งที่ลุกลี้ลุกลนทุกครั้งที่ถูกตั้งคำถาม
ท่าทางที่แสดงออกมาชัดเจน จนไม่ต้องจับสังเกตเหมือนครั้งแรก ๆ ที่เคยถามคำถามแบบนี้

“คุณซ้ง”

ไม่มีการขานรับ และนุชาก็ไม่ได้ต้องการให้อีกฝ่ายพูด
แค่อยากนั่งมองไปแบบนี้ นาน ๆ

“ชอบคุณซ้งนะ... ต่อให้คุณซ้งไม่ยอมตอบเลยตลอดชีวิตก็ยังชอบ”

บอก และกลับมานั่งสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ไม่แกล้งไม่หยอกให้คนที่นิ่งเงียบต้องรำคาญใจอีก

เพราะอยู่ใกล้ชิดกัน ได้เรียนรู้นิสัยใจคอ เรียนรู้ความรู้สึกของกันและกัน
นุชารู้ว่าเล่นได้แค่ไหน จริงจังได้แค่ไหน

รู้ว่าเวลาไหนควรจริงจังและเวลาไหนควรล้อเล่น

เหมือนที่เวลานี้....คำพูดบางอย่างก็ต้องจริงจังและไม่ล้อเล่นเหมือนที่เคยทำ

“นุชา”

หันหน้าไปมองคนที่กำลังเลี้ยวรถเข้าไปจอดรถภายในโรงพยาบาล
และเห็นว่าคุณซ้งนิ่งเงียบลง มองไปรอบ ๆ บริเวณลานจอดรถและมองหาที่ว่างเพื่อจะวนหาที่จอดรถให้เรียบร้อย

รถจอดสนิท และนุชากำลังลงมือปลดเข็มขัดนิรภัยออก

“นุชา”

ครับ.....ว่าไงครับ

หันหน้าไปมองคนที่ขยับเข้ามาใกล้ ใกล้เข้ามาจนใบหน้าห่างกันจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว ที่เป่ารดอยู่ที่ปลายจมูก

ฝ่ามืออุ่น ๆ แตะไล้เบา ๆ ที่ข้างแก้มและคนสองคนที่อยู่ใกล้ชิดกัน
กำลังสบสายตานิ่งจ้องมองกันเงียบ ๆ

“อยากรู้ใช่มั้ย ว่าทำไมตอนนั้นถึงจูบ”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มแผ่วเบา ที่เอ่ยถาม ทำให้นุชาต้องหรุบสายตาลงต่ำ
และเพิ่งรู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นแรง

คนบางคน ทำเป็นแต่หน้าเฉย หน้าหงุดหงิดงี่เง่า และหน้าเขิน
และไม่บ่อยนักที่จะทำหน้าแบบนี้ให้เห็น

ใบหน้าที่มีความรู้สึกร้อนแรงแฝงมากับน้ำเสียงและแววตา

คนที่ช่างเขินกับคำพูดหยอกล้อ บางครั้งก็ทำให้คนที่ไม่ค่อยรู้จักอาย
ใจเต้นแรงได้เหมือนกัน

“คุณซ้งใจเย็น ๆ นะ...เดี๋ยวผมขอเวลานอกสิบนาที”

หาเรื่องเฉไฉด้วยการพยายามผละออกห่าง และเริ่มรู้สึกว่ากำลังไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างที่เคย

“อยากรู้ไม่ใช่เหรอ....อยากรู้มั้ยว่าซ้งรู้สึกกับนุชายังไง”

ไม่

ก่อนหน้านี้เคยอยากรู้ แต่ตอนนี้ชักจะไม่อยากแล้ว

คุณซ้งปกติไม่ใช่แบบนี้นี่หว่า แค่หยอกไปนิด หยอดไปหน่อยก็จะทำหน้าเขินและหน้าก็จะแดงจัด ไม่ใช่คุณซ้งแบบนี้ แบบที่เห็นและรู้สึกในเวลานี้

“เอาแต่คอยถาม เวลาจะตอบทำไมถึงไม่อยากรู้”

ก็มันไม่อยากรู้
อะไรล่ะคุณซ้ง เวลาแบบนี้มันใช่เวลามาตอบเหรอ

มันใช่เวลาที่ไหน

“นุชา”

ครับ ว่ายังไงเหรอ มีอะไรจ๊ะ คุณซ้ง

“จูบกัน”

เหรอ.... ก็....ก็ได้...

แต่แม่งเขินจริงจังนะนี่ อะไรว๊า อยู่ดี ๆ เกิดจะอยากจูบก็มาขอกันแบบนี้เลยเหรอ
คุณซ้งนี่ก็เป็นคนแปลก ๆ เหมือนกันนะ ที่แปลกกว่านั้นคือไม่ใช่ว่าจะไม่เคยทำอะไรแบบนี้ แต่ครั้งนี้ทำไมมันรู้สึกแปลก ๆ และขัดเขินจนชักจะทำตัวไม่ถูก

และ.....

กว่าจะคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปไกล ก็พอดีกับที่ปลายนิ้วแกร่งเชยคางของนุชาขึ้น
และจ้องนิ่งเข้าไปในดวงตาที่มีแต่ความหวั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด

รอยยิ้มน้อย ๆ จุดขึ้นที่มุมปากของคนที่เหมือนแกล้งยิ้มล้อเลียนนุชา ที่เพิ่งจะทำท่าขัดเขินให้เห็นเป็นครั้งแรก

โน้มใบหน้าเข้าหา จ้องนิ่งเข้าไปในดวงตาคู่นั้นที่ค่อย ๆ หรี่ปรือลงและแตะริมฝีปากเบา ๆที่ข้างแก้ม เคล้าคลอแผ่วเบาและเคลื่อนมาหยุดที่ริมฝีปากของคนที่ยินดีรับสัมผัสแผ่วหวานนั้นเอาไว้ทั้งหมด

“อือออ”

เสียงครางแผ่วในลำคอ และนุชาโอบแขนรัดรอบคอของคนที่ยังมอบสัมผัสนั้นมาให้ ปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดพัวพัน ส่งความรู้สึกถึงกันและแบ่งปันความรู้สึกให้

เป็นนาน ที่หลงใหลมัวเมาจนแทบไม่อยากลืมตาขึ้น
แต่ก็ต้องจำใจผละออกห่าง สัมผัสร้อนแรงแต่แผ่วหวาน ยังไม่จางหาย

นิ่งเงียบและสบสายตากันนิ่ง ๆ ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างก็รีบหรุบสายตาลงและค่อย ๆ ผละออกห่างจากกันอย่างเชื่องช้า ทั้งที่ยังรู้สึกเสียดายสัมผัสอุ่น ๆ ที่เพิ่งมอบให้กัน

นุชากลับมาอยู่ในที่ของตัวเอง และรู้สึกว่าหน้ากำลังร้อนผ่าว
ยกมือขึ้นลูบผมตัวเอง เพื่อจัดให้เข้าทรงและจัดเสื้อผ้าให้อยู่ในสภาพปกติ

แอบเหลือบสายตามองคนที่นั่งข้าง ๆ แล้วยิ่งเห็นบางอย่างชัดเจนยิ่งกว่า

คุณซ้งงงงงงงงง อะไรล่ะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น มันน่ารักนะครับ

เอาวะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกครับที่เขิน

คุณซ้งท่าจะหนักกว่าเยอะ
หน้าแดงยิ่งกว่าผมอีกคร้าบบบบบ คุณซ้งเอ้ยยย คุณซ้ง
ช่วยไม่ได้นะ ผิวขาว ๆ แบบนั้น เวลาขึ้นสีมันเห็นชัดเกินไป

จะลงจากรถไปตอนนี้ก็ไม่ได้ซะด้วย

ขืนลงไปล่ะก็ ได้เป็นเรื่องแน่ ๆ ....ว่าแต่.......... คุณซ้งนี่ก็ใช่เล่นนะ

จูบเก่งใช้ได้......เห็นหงิม ๆ แบบนี้ เอาเรื่องเหมือนกันนะคุณซ้ง
เล่นซะเคลิ้มเลย

“คุณซ้ง”

เรียกและหันไปมองหน้าของคนที่กำลังพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติแต่แค่สายตาที่มองมาก็ทำให้นุชาถึงกับชะงักและรีบกลับมานั่งเงียบ ๆ สงบปากสงบคำทันที

อะไรครับ สายตาแบบนั้นมันอะไร
ไม่เหมือนแบบปกติที่เคยเห็น ไม่เหมือนแบบปกติที่เคยเป็น

ไม่เหมือนคุณซ้งหน้าเมินโลกคนนั้นเลย

“วันหลังอย่ามาทำอะไรกันในที่แบบนี้เลยดีกว่า...ว่ามั้ย”

ว่ามั้ยเหรอ....ยังไง...ไม่เข้าใจ...หมายความว่ายังไงวะ ว่ามั้ยแปลว่า....เข้าใจแล้ว
เป็นแบบนี้เอง ว่ามั้ยคงหมายถึงแบบนี้

“คุณซ้งคงรู้สึกแย่มากเลยเนอะ”

จากหน้าเขิน กลายเป็นหน้าจ๋อย และนุชาที่จัดแต่งเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เตรียมจะก้าวขาลงจากรถ แต่ก็ถูกคว้าข้อมือเอาไว้ จนต้องหันกลับไปมองคนที่ไม่ยอมให้ลงจากรถ

เหมือนคุณซ้งอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็นิ่งเงียบและไม่ยอมพูด

“แย่จริงด้วย...ก็ยังดีที่บอกกันตรง ๆ”

ดีแล้วที่บอก ถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่ามันไม่สมควร
และไม่น่าประทับใจสำหรับคุณซ้งเลย

“แย่สิ โคตรแย่เลย...พอรู้สึกอะไรมากกว่านั้น...อยากจะทำอะไรต่อก็ทำไม่ได้”

อะไรที่ว่ามากกว่านั้น อะไรที่อยากทำต่อ อะไรคือทำไม่ได้

รู้สึกอะไร.....หมายถึง....อะ.....ไร....หรือ....หมาย...ถึง...เรื่อง...นั้น

เฮ้ยยยยยยยยย อย่ามาพูดแบบนี้คุณซ้ง อย่า อย่า ขอร้อง อย่า
มันไม่ใช่คุณซ้งแล้วแบบนี้ อย่ามาสลับความคิด อย่ามาสลับคำพูดกับผมครับ
ขอร้องนะ ขอร้องจากใจจริง ขอร้อง ว่าอย่า.............ช้า....

“เฮ้ยยยย คุณซ้ง...อะไรเนี่ย...แล้วอยากทำอะไรต่อเหรอ อยากรู้ อยากรู้”

เหมือนจะโวยวาย เหมือนจะไม่เห็นด้วย แต่คราวนี้คนที่ทำเหมือนจะโวยวายรีบเกาะแขนของซ้งที่เมินหน้าไปทางอื่น และยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ยิ้มระรื่นทั้งที่หน้าแดงเรื่อ
แต่ต้องหาทางให้ตัวเองเขินน้อยลงด้วยการพยายามทำให้อีกฝ่ายเขินยิ่งกว่า

“อะไรเนี่ย อายบ้างมั้ยนุ่น ถามจริง ๆ อายเป็นมั้ย”

อายเป็นสิ
อายมากด้วย

โคตรอาย ตอนนี้อายแบบสุด ๆ เลย ด้วย

แต่คุณซ้งอายแล้วได้ใจกว่า....เห็นแล้วชอบบบบบบบบบบบ

“อยากทำอะไรจ๊ะ อยากทำอะไรเหรอน้องสาว อยากทำแต่ทำไม่ได้ น่าสงสาร”

ท้าทายและหาเรื่องใส่ตัว

“จะทำมั้ยล่ะ ถ้าจะทำจริง ๆ ทำไมจะทำไม่ได้”

อ้าว.....เวรแล้ว ซวยแล้วสิกู เรื่องขุดหลุมให้ตัวเองถนัดนัก
แล้วมือที่เอื้อมมาดึงแขนเพื่อจะให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดนั่นอีก

จริงจังไปแล้วคุณซ้ง อย่าจริงจังมากขนาดนี้ก็ได้

อย่าเลย อย่าทำเล้ยยยยยยยย ผมจะไม่ท้าและไม่กล้าว่าอะไรแล้ว ขอโทษคร้าบบบ

“ยอมแพ้แล้วคุณซ้ง....ยอมแล้ว...จะไม่ท้าอีก ยอมแพ้แล้ว”

พยายามขืนตัวหนี และคราวนี้ก็ได้เห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ของคนที่นาน ๆ จะยิ้มให้เห็น ยิ้มและเริ่มหัวเราะเสียงเบา

ยอมปล่อยง่าย ๆ และนุชาก็อยู่ในอาการมือไม้พันกัน และสำนึกได้ว่าไม่ควรทำแบบนี้อีก

นุชานี่บางครั้งก็ดูออกง่ายมากอย่างไม่น่าเชื่อ

คราวหน้าไม่ต้องท้าหรอก ทำเลยดีกว่า เบื่อพวกปากเก่งแต่เอาเข้าจริงไม่ได้เรื่อง พฤติกรรมเหมือนใครบางคนก็ไม่รู้ที่นั่งอยู่แถว ๆ นี้

“คนพูดไม่ทำ...คนจะทำเขาไม่มานั่งพูดกันหรอกนุ่น...นี่บอกไว้ล่วงหน้าแล้วนะถือว่าให้โอกาสเตรียมตัว....”



TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † ณ โรงพยาบาล † [24/04/12]
«ตอบ #382 เมื่อ24-04-2012 03:43:25 »

ตอน ณ โรงพยาบาล



“นุชา……”

“ครับ” ขานรับเพราะได้ยินเสียงเรียก แต่คนที่เรียกแล้วเดินเรื่อย ๆ ไปตามทางเดินไม่ยอมพูด ทำให้นุชาต้องมองด้วยความสงสัย

เรียกแล้วไม่พูดจะเรียกทำไมวะคุณซ้ง นิสัยชอบแกล้งนี่มันติดมาจากใครครับ
ไปเอานิสัยแบบนี้มาจากไหน อยากรู้จริง

“คุณซ้ง.....” เพราะโดนแกล้ง นุชาก็เลยต้องเอาคืนบ้าง เรียกแล้วก็ทำเป็นลอยหน้าลอยตาทำเหมือนไม่ได้เรียก

และคนที่กำลังเดินหันหน้ามามองและเลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนอยากถามว่ามีอะไร
แต่นุชาก็แค่อมยิ้ม และแกล้งยักคิ้วให้คนที่มองมา

เดี๋ยวนี้รู้จักแกล้งนะ ชักเก่งขึ้นทุกวันแล้วนะคุณซ้ง
เรียกแล้วก็ทำเป็นเงียบ ทำเป็นเฉย เอาคืนบ้างเป็นไงครับ

“นุชา....”

มาอีกแล้ว เรียกอีกแล้ว เรียกและไม่ยอมพูดอีก ปัญหาเยอะเหมือนกันนะนี่คุณซ้ง

“ครับ ครับ ครับพ้ม น้องแรงบันดาลใจคุณซ้ง”

ตอบกลับอย่างอารมณ์ดี และคราวนี้คนที่แกล้งเรียกชื่อหันกลับมามองอย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้วมุ่น เพราะไม่รู้ความหมายที่นุชาพูดออกมา

หมายความว่ายังไง

คืออะไร

“แรงบันดาลใจ.....อะไร”

สงสัย จนต้องเอ่ยถาม และก็เห็นนุชาอมยิ้ม และก้มหน้าก้มตาเดินไม่ยอมพูดยอมจา

เห็นแล้วยิ่งทำให้สงสัยเพิ่มขึ้น
อะไรวะ น้องแรงบันดาลใจอะไร แล้วทำไมต้องทำเหมือนเขิน
แล้วจะเขินทำไมกับคำว่า แรงบันดาลใจ แล้วใครเป็นแรงบันดาลใจที่ว่า....ใครวะ

“น้องแรงบันดาลใจอะไรนุชา”

อยากรู้ จนต้องถามซ้ำอีกครั้ง แต่คราวนี้นอกจากไม่ตอบแล้ว
นุชายังหัวเราะเสียงเบาและเงยหน้าขึ้นมอง มองแบบจ้องหน้า ไม่ได้หาเรื่อง
แต่มองแล้วยิ้ม ยิ้มจนตาหยี ทำไมต้องยิ้มขนาดนั้น หมายความว่ายังไง

“ชื่อคนแถวนี้....ก็เมื่อก่อนไม่รู้ว่าชื่ออะไร ก็เลยเรียกแบบนี้ไปก่อน”

ตอบคำถาม และนุชาก็ได้แต่นึกเขินกับความบ้าบอของตัวเอง
ชอบตั้งแต่แรกเห็นแล้ว หน้าแบบนี้ นิ่ง ๆ แบบนี้ ดุ ๆ แบบนี้แหละ
โคตรชอบเลย ก็เลยมีชื่อที่เอาไว้แอบเรียกคุณซ้งเงียบๆ โดยไม่ได้บอกใคร
รู้อยู่แค่คนเดียว

“ชื่อบ้าอะไร แรงบันดาลใจ ประหลาด ไม่เหมือนชื่อกระต่าย น่ารักกว่าตั้งเยอะ”

หือ กระต่าย
กระต่ายอะไร มันคืออะไร

“กระต่ายอะไรคุณซ้ง กระต่ายใคร กระต่ายอะไร”

ถามทำไมนุชา ไม่มีอะไรซะหน่อย ก็แค่เอาไว้เรียกคนบางคนแถว ๆ นี้แค่นั้น
ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก

“แอบชอบผมเหมือนกันล่ะสิ ชอบมานานแล้วก็บอกเหอะ ฟอร์มว่ะ”

อย่ามาปากดีนุชา ปากดีอีกแล้วนะ พอทีนี้ล่ะพูดเก่ง ทีก่อนหน้านี้ทำไมไม่กล้า
ถ้าพูดแบบนี้ตั้งแต่อยู่ในรถ คงได้เรื่องแน่ มาพูดตอนนี้ ตอนที่รอดตัวแล้ว
ใช้ได้นะ ถือว่าเอาตัวรอดได้ดี

“คุณซ้งเราเริ่มคบกันตอนไหน อยากรู้จริง ๆ นะ”

เดามาหลายรอบ และเห็นคนที่ทำหน้านิ่ง แต่คิ้วผูกโบว์ รีบหันหน้าหนีไปทางอื่น
อีกแล้ว หน้าแดงอีกแล้วคุณซ้ง ทำไมไม่เห็นตอบเลย จะเขินอะไรขนาดนั้น
หันมาเขินทางนี้เหอะ อยากรู้ ว่าทำไมถึงไม่ยอมบอก ทำไมล่ะคุณซ้ง ทำไม ทำไม

“ตอนไหนล่ะคุณซ้ง ทำไมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

เดาไม่ออก แล้วก็เลยเห็นคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ ยิ่งนิ่งเงียบกว่าเดิม

อะไร
นุชา ถามอะไร มาถามอะไรตอนนี้ โรงพยาบาลคนเยอะแยะไม่มีอะไรจะคุยหรือไง
ถึงได้มาถามแบบนี้

“เราไปคบกันตั้งแต่ตอนไหน ไม่เห็นรู้เรื่องเลยคุณซ้ง”

สงสัยและเอ่ยถามอีกหลายครั้ง แต่ไม่เห็นคุณซ้งยอมตอบ

เห็นคุณซ้งแตะ ๆ ไปที่กระเป๋าเสื้อ และเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่างแล้วนุชาก็เลยต้องหยุดนิ่งมอง

หาอะไรเหรอ อะไรหายเหรอ ให้ช่วยมั้ย

“อะไรหายเหรอ ช่วยหา”

ถามและก็ยังมองคนที่ยังแตะมือไปตามกระเป๋าเสื้อและกระเป๋ากางเกง

เห็นคุณซ้งชะงักนิ่งไปเล็กน้อย และทำหน้าเคร่งขรึม
มีอะไรเหรอ มีอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงได้ทำหน้าตาท่าทางแบบนี้

“ใครไม่รู้มันทำแบบนี้ตอนที่มารับไปสนามช่วงแรก ๆ เห็นบอกว่าหาอะไรนะ
รู้สึกว่าจะ......หาเหตุผล โคตรเจ็บปวด ฟังครั้งแรกจุกมาก ปวดหัวเลย”

อะไรนะ

คุณซ้ง

นี่คุณซ้งจำได้ด้วยเหรอ อะไรเนี่ย จำได้ ได้ยังไง แล้วจำอะไรได้อีก

อย่าบอกนะว่าตั้งแต่ตอนนั้น

“ชอบผมทำไมไม่บอก โกงเหรอ ปล่อยให้ผมร้องไห้ทุกวันเลยนะ”

ร้องไห้ทุกวัน
นุชาร้องไห้ทุกวันทำไม ทางนี้ต่างหากที่อยากร้องไห้มากกว่า
“กวนมาก อยู่ดี ๆ มาทำให้โมโห อยากบีบคอให้ตาย คนอะไรกวนประสาทจนกลับบ้านไปต้องไปหายาแก้ปวดกินทุกวัน”

นี่ผมทำให้คุณซ้งต้องกินยาแก้ปวดเลยเหรอ เออ.....กูนี่ก็ใช้ได้เหมือนกันนะ
ก็ทดแทนกันไง ทีคุณซ้งยังทำให้เสียใจได้ทุกวันเลย ด่าผมซะไม่มีดี
ไม่รู้หรือไงว่าผมโคตรเสียใจเลยจริง ๆ

“ที่ย้ายไปไกลแบบนั้น....เพราะซ้งด้วยส่วนหนึ่งใช่มั้ย”

เคยคิดว่าอาจจะใช่ แต่ตอนนี้มั่นใจแล้ว ว่าใช่แน่

“ก็ด้วย.....ไม่ทั้งหมดหรอกคุณซ้ง ผมงี่เง่าด้วยส่วนหนึ่ง”

สรุปว่าใช่จริง ๆ สินะ

“คนนั้นยังโทรหานุ่นอยู่เปล่า คนที่โทรมาบ่อย ๆ แล้วนุ่นไม่ค่อยรับสาย”

นี่ก็อีกความสงสัย อยากรู้ และสังเกตมานาน เห็นโทรมาทีไร จากกำลังแกล้งกำลังกวน สีหน้าของนุชาจะเปลี่ยนไป กลายเป็นเงียบสนิททันที

ถ้าให้เดา

บางทีนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้นุชาร้องไห้วันนั้นก็ได้

“พี่ฟ้า...”

พี่ฟ้าที่ว่า คงหมายถึงคนที่หลุดชื่อออกมาคราวก่อน
พี่ฟ้าที่ว่า ยังติดต่อกันอยู่หรือเปล่า นุชายังมีเยื่อใยให้คนนั้นอยู่มั้ย

“คุณซ้ง...ผมอยู่กับความเป็นจริง อยู่กับปัจจุบัน..ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกเลิกคิดไปได้เลย เห็นแบบนี้ผมตัดบัวไม่เหลือใยนะ”

เงยหน้าขึ้นมองคุณซ้งที่เริ่มขมวดคิ้วมุ่น
และเหมือนกำลังเริ่มไม่พอใจแล้วก็เลยตอบออกไปจากใจจริง

ไม่อยากปิดบัง
ไม่รู้จะทำแบบนั้นไปทำไม

บอกให้รับรู้ว่าจบไปแล้ว ดีกว่าให้อยู่อย่างค้างคาใจ

“นุชา”

ได้ยิน และนุชาก็เงยหน้าขึ้นมอง คนที่เรียก
มีคำถามมากมายในแววตาคู่นั้น เหมือนอยากถามแต่ไม่กล้า
ยังมีอะไรต้องกลัวอีกเหรอคุณซ้ง ถ้าไม่มั่นใจกันขนาดนั้น ผมก็ไม่พูดซ้ำให้รำคาญหรอกนะ

“ขอโทษนะ ที่ถามแบบนั้น อย่าโกรธเลย อะไรที่เคยทำไม่ดีไว้ ทำให้นุชาเสียใจ ทำให้ร้องไห้ ขอโทษนะ”

ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะคุณซ้ง อยากรู้ก็ถาม ตอบได้ก็ตอบอยู่แล้ว
ไม่รู้ว่าจะทำให้คุณซ้งคิดมากไปทำไม แบบนั้นมันไม่ดี คุณซ้งมีเรื่องให้คิดมากพอแล้ว อย่าต้องให้มานั่งคิดเรื่องของผมด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีเลย

ไม่ต้องขอโทษเรื่องก่อนหน้านั้นด้วย

ก็ตอนนั้นเราไม่รู้จักกัน ผมก็กวนประสาทจริง ๆ ทำให้คุณซ้งต้องกลับบ้านไปกินยาแก้ปวดทุกวันไม่ใช่เหรอ

“อยู่คนเดียวมันเหงา...เวลานุชาอยู่ด้วย...ทำไมมีความสุขมากก็ไม่รู้ มากจนบางทีก็กลัวว่าถ้าต้องกลับไปอยู่คนเดียวอีก จะทนได้เหรอ ตอนนี้ไม่คิดว่าจะทนได้อีกต่อไปแล้วนะ”

ผมรู้
ผมเข้าใจดี

ยิ่งเห็นในหลายๆ แง่มุม ได้เห็นเรื่องราวของคุณซ้งทั้งหมดแล้ว
ยิ่งไม่มีทางปล่อยให้คุณซ้งกลับไปอยู่คนเดียวแบบนั้นอีก

เวลาที่คนเราได้คุยกัน ได้เรียนรู้ ได้เข้าใจกันเพิ่มขึ้นแบบนี้ มันก็ดีนะ
ดีมาก เพราะมันทำให้เราเติบโตไปด้วยกัน ได้พัฒนาความรู้สึกไปพร้อม ๆ กัน

“รักนุชานะ...”

นุชาถึงกับชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดิน และรีบหันขวับกลับมามองคนที่พูดบางสิ่งบางอย่างออกมาโดยไม่ให้ตั้งตัว

ว่าไงนะ

ที่นี่มันโรงพยาบาล คนเยอะแยะ บางทีหูอาจจะแว่ว

คุณซ้งไม่น่าจะพูดอะไรง่าย ๆ ในสถานที่แบบนี้ แล้วทำไมถึงได้

ชี้นิ้วที่ตัวเอง และเหมือนอยากถามว่า ที่พูดเมื่อกี้นี้พูดจริงหรือหูแว่วคิดไปเอง

ได้พูดออกมาจริงๆ หรือเปล่า พูดออกมาจริง ๆ ใช่มั้ย

“มาคิด ๆ ดู ถ้าไม่รีบพูด กลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้พูด ความไม่แน่นอนนั่นแหละคือความแน่นอน อาม่าเจ็บคราวนี้ ทำให้คิดได้หลายอย่าง....ถ้ารัก...ก็ต้องพูดออกมาบ้าง..
แบบนั้นหรือเปล่านุชา”

ใช่ แบบนั้นเลยคุณซ้ง เป๊ะเลย แบบนั้นแหละ แบบนั้น ใช่เลย ใช่ ใช่ ใช่

“ซ้ง...รักนุชา...ได้...ใช่มั้ย”

ได้ ได้ ไม่มีปัญหา รักได้ รักมาเหอะ รักได้ ไม่มีปัญหาอะไรใด ๆทั้งสิ้น ไม่ขัดข้องแต่ประการใด

“เสียดายนะ จูบก็ไม่ได้ .... แถมยังไม่ค่อยซึ้งด้วย..ทำได้แค่นี้แหละนุชา”

แค่นี้เหรอ

รู้มั้ยแค่นี้ของคุณซ้งมันแค่ไหน
คุณซ้งพูดออกมาทั้งที่หน้าแดง พูดแบบเขิน ๆ ถึงมันจะดูติด ๆ ขัด ๆแต่มันก็น่ารักที่สุด สายตาอ่อนโยนที่จ้องมองมา ความรู้สึกทั้งหมดที่ไม่เคยถูกเปิดเผย และครั้งนี้เพิ่งจะได้เห็นแบบชัด ๆ
ทั้งที่เหมือนกำลังอาย แต่ก็ยังมีความพยายามที่จะสบตาด้วย
การพยายามแสดงความจริงใจให้มากที่สุด ทั้งที่คุณซ้งไม่ถนัดจะแสดงความรู้สึกแบบนี้ รู้ตัวบ้างมั้ย..... รู้มั้ยว่าแค่นี้มันก็ทำให้ผมดีใจสุด ๆ รู้บ้างมั้ยครับคุณซ้ง

โรงพยาบาลก็โรงพยาบาลเถอะวะ ไม่ไหวแล้ววววววววววววววว
ขอกอดทีเถอะ ไม่กอดไม่ได้แล้วแบบนี้

“คุณซ้ง ผมโคตรรักคุณซ้งเลยจริง ๆ ทำไมคุณซ้งเป็นคนแบบนี้ คุณซ้งรู้มั้ยผมโคตรรักคุณซ้งเลยโว้ยยยยยยยยยยย”







TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
ตอน ณ โรงพยาบาล



จะมีความสุขมากแค่ไหน ถ้าได้รู้ว่าคนที่ทำหน้าเรียบเฉยอยู่ข้าง ๆ
มีความรู้สึกดี ๆ ให้กันมากมายท่วมท้นขนาดนี้

มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เราสองคนคบกันแบบจริงจัง
แต่ถึงไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะเป็นไปแล้ว

ได้เรียนรู้นิสัยใจคอ ได้เห็นบางแง่มุมที่ไม่เคยได้เห็น
ได้เห็นวิธีการคิด วิธีการดำเนินชีวิต หลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้เราสองคนเชื่อมโยงกันได้

น่าแปลกที่เราก้าวเดินมาด้วยกัน แม้จะไม่เป็นอย่างที่คิด ขัดใจกันบ้าง
และมีความไม่พอใจต่อกันในบางเรื่องตั้งแต่เริ่มต้น
แต่ในที่สุด ในเวลานี้เราก็ได้คบหากัน
วิถีชีวิตแตกต่าง ความคิดแตกต่าง แต่เราสามารถเชื่อมโยงจิตใจถึงกันได้

ความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้มากมายขนาดนี้ มันไม่น่าเชื่อ แต่มันก็เป็นไปแล้วจริง ๆ

นุชากำลังพยายามปรับสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติมากที่สุด และพยายามบังคับใบหน้าไม่ให้เผลอยิ้มออกมา เวลาที่ได้เหลือบสายตามองคนที่เดินอยู่เคียงข้าง

อาม่ากิมออกจากโรงพยาบาลแล้วและอยู่ระหว่างพักฟื้น
ตอนนี้ต้องย้ายไปอยู่บ้านป๊าของคุณซ้ง เพื่อจะได้มีเวลาดูแลกันอย่างเต็มที่

คุณซ้งยังยืนยันว่าจะไม่เข้าไปอยู่ที่บ้านใหญ่
จะอยู่ที่บ้านหลังเล็กเหมือนที่เคยอยู่
แต่ก็ยังไปกลับระหว่างสองบ้านเกือบทุกวันเพื่อดูแลอาม่ากิม

ความสัมพันธ์ในครอบครัวกำลังเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับ

แต่ความสัมพันธ์ของเราสองคน ยังไม่รู้จะเป็นยังไงต่อไป

“นุชากินนี่ป่ะ”

คุณซ้งที่กำลังเลือกผลไม้หันมาเอ่ยถามคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ
ขณะกำลังเข็นรถเข็นที่มีทั้งขนมและของกินของใช้อยู่เกือบเต็ม

องุ่นเหรอ ไม่ค่อยชอบ แล้วคุณซ้งจะกินหรือเปล่า ถ้ากินก็ซื้อ

“คุณซ้งกินด้วยป่ะล่ะ ถ้ากินซื้อเลย”

การพูดคุยด้วยความสนิทสนมกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ปกติสำหรับนุชาเลย
เพราะในเวลานี้สำหรับนุชาแล้วมันคือการพัฒนาความสัมพันธ์ไปในทิศทางที่ดี

กว่าคนสองคนจะสามารถพูดคุยกันได้แบบนี้ ต้องใช้เวลาปรับตัวเข้าหากันอยู่นาน
เป็นนานกว่าจะสามารถเดินคุยกันได้เรื่อย ๆ สบาย ๆ ไม่ต้องคิดมาก
หรือคอยเดาทางอีกฝ่ายว่ากำลังคิดอะไร

ก่อนหน้านี้ แม้จะรู้สึกชอบพอกันอยู่ในใจลึก ๆ แต่เวลาที่อยู่ใกล้กันก็ยังไม่รู้สึกสนิทใจที่จะพูดคุยกันด้วยความรู้สึกสบาย ๆ เหมือนในเวลานี้

“นุชาไม่เห็นซื้ออะไรติดบ้านไว้เลย มาทีไรไม่เห็นมีอะไรกินซะที”

อ้าว
ก็คนมันอยู่คนเดียวจะซื้ออะไรไว้นักหนา
สุดสัปดาห์ก็ต้องกลับบ้านจะให้ซื้ออะไรไว้เยอะแยะมากมายครับ
ถ้าวันไหนคุณซ้งไม่มาก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้ว
วันไหนมาก็หาข้าวกินข้างนอก ก็เลยไม่รู้จะซื้ออะไรไว้
เพราะไม่รู้จะกินอะไรเหมือนกัน ตัวคนเดียว หาอะไรกินง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก
แต่ถ้าสองคนแบบในเวลานี้ก็ต้องหาอะไรกิน เป็นเรื่องปกติธรรมดาไม่ใช่หรือ

“ครับ เดี๋ยววันหลังจะซื้อนมเก็บไว้กินก็ได้ครับคุณซ้ง”

แกล้งทำเป็นเมินหน้า และก็เห็นว่าคนที่กำลังยืนเลือกผลไม้
หันมามองและเริ่มขมวดคิ้วมุ่น

อะไรเหรออออออ เป็นอะไร ไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าเป็นอะไร คุณซ้งเป็นอะไรเหรอครับ ขมวดคิ้วทำไม

แกล้งลอยหน้าลอยตา ทำเป็นฟังหูซ้ายทะลุหูขวา
แกล้งแหย่ให้อีกฝ่ายหงุดหงิดเล่น
และก็เห็นว่าคุณซ้งมองหน้าแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

หยิบนมกล่องสองแพ็คใส่รถเข็น และยังหันมามองหน้าเหมือนอยากถามว่าต้องซื้อเท่าไหร่ถึงจะพอ

“กินไปมันก็ไม่โตแล้วคุณซ้ง สูงไล่ตามคุณซ้งไม่ทันแล้ว”

หันมามองและหยิบนมออกจากรถเข็น แต่ก็เห็นคุณซ้งหยิบกลับมาใส่รถเข็นเหมือนเดิม และเพิ่มเป็นสามแพ็ค

เหมือนแกล้ง และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นอีกฝ่ายทำหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก

“นุ่นจะไม่กินก็ได้ แต่ซ้งต้องกิน ซ้งต้องบำรุง เดี๋ยวโตไม่ทันใช้งาน
ไม่ถูกใจนุชาขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ”

รับผิดชอบอะไรวะ บำรุงทำไมวะ ก็ดูสุขภาพแข็งแรงดี ไม่เห็นต้องมีใครรับผิดชอบเลย จะให้ใครมารับผิดชอบเรื่องอะไร หมายความว่ายังไง

เอียงคอมองหน้าคนที่พูดไปทำหน้าเฉยไป แล้วก็ได้แต่ครุ่นคิดสงสัย
เห็นคุณซ้งเหลือบสายตามามองและเมินสายตาไปทางอื่น แต่หน้าเริ่มแดงแล้วก็ยังไม่เข้าใจ

“อะไรคุณซ้ง ไม่ทันใช้งาน....เรื่อง...อะ...เฮ้ยยยยยยย”

แล้วนุชาก็เลยเพิ่งจะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

รู้แล้ว และยิ่งตกใจที่ได้รู้ความคิดของคนที่เอ่ยบอก
คุณซ้งยังทำหน้าเมินโลกเหมือนเคย แค่ผิดจากปกติตรงที่รีบก้มหน้าก้มตาเข็นรถเข็นเดินหนีกันไปต่อหน้าต่อตา

“คุณซ้ง ทำไมเนี่ย คิดแบบนี้เหรอ อะไรเนี่ย คิดแบบนี้ทำไมไม่บอก”

นุชากำลังยิ้มร่าและเดินตามคนที่เดินหนี และไม่ยอมหันมามองหน้ากัน
คอขาว ๆ ขึ้นสีแดงเรื่อชัดเจน เห็นแล้วก็ยิ่งอยากจะล้อ อยากจะแกล้งให้คุณซ้ง
ทำหน้าเมินโลกทั้งที่หน้าแดง

“คุณซ้ง คุณซ้ง คุณซ้งน่ารัก”

แกล้งเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน และเห็นคุณซ้งแค่เหลือบมองด้วยหางตา
และไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีกเลย เข็นรถเข็นที่มีขนมนมเนยหนีไปทางอื่น
และแม้จะตามแกล้งตามแหย่ แต่คุณซ้งก็ยังแกล้งทำเป็นไม่สนใจกันสักนิด

“น่ารักเนอะ คุณซ้งนี่เป็นคนที่โคตรน่ารักเลยว่ะ บอกตรง ๆ”

บอกคนที่ทำหน้าเฉย แล้วนุชาก็ยิ้มร่า เมื่อมองใบหน้าด้านข้างของคนที่ขยันทำหน้าเฉยจนเป็นเรื่องปกติ

ทั้งที่ถ้าเดาจากท่าทางแล้ว ก็รู้ว่าคุณซ้งไม่ได้รู้สึกปกติเอาซะเลย

“น่ารักตรงไหนนุชา บ้าหรือเปล่า”

ไม่น่ารักได้ยังไง ก็เห็นอยู่ว่าน่ารัก
คุณซ้งน่ารักที่สุดแล้ว สุด ๆ สุดยอดไปเล้ยยย

“ทุกตรงเลยคุณซ้ง ตรงไหนก็น่ารัก”

ยิ้มจนตาหยี และเดินอยู่ข้าง ๆ คนที่กำลังเข็นรถ และแกล้งทำเป็นเลือกของ
หยิบนั่นหยิบนี่อ่านไปเรื่อย ทำเหมือนไม่สนใจ แต่รู้หรอกว่ากำลังตั้งใจฟัง

“มีที่ยังไม่เคยเห็นด้วย แต่อีกหน่อยก็ได้เห็นแล้ว คงได้ชอบหมดทุกตรงจริง ๆ ”

โหหหหหหหหหห ถ้าคิดจะพูดกันขนาดนี้ ก็ฆ่ากันซะเลยไม่ดีกว่าเหรอคุณซ้ง

คนขยันแกล้งขยันแซวอย่างนุชา มีอันต้องหุบปากเงียบและตีมึนด้วยการแกล้งเมิน
ทำเป็นไม่ได้ยิน

พอคุณซ้งเอาจริงเอาจังขึ้นมาทีไร ก็ทำตัวไม่ถูกซะที

รู้ว่าคุณซ้งเองก็เขินเวลาพูดอะไรทำนองนี้

รู้ว่าเขิน แต่ก็ยังกล้าพูดแถมยังมีการหันมามองหน้าอีก
มองแล้วก็ใช้สายตาในแบบที่นุชาไม่ค่อยจะเคยได้เห็น และพักหลังๆ ดูเหมือนยิ่งใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ ก็เริ่มเห็นบ่อยขึ้น

ที่เคยแกล้งหยอกเย้าก็เลยมีอันต้องหยิบของบนชั้นวางมาพิจารณาดูส่วนผสม
และราคาแบบทันทีทันใด

เอ้ออออออออออ อันนี้มันใส่อะไรเข้าไปหนอ ดูน่าซื้อดีเหมือนกันนะ


“จะได้รู้ไว้ว่าข้าวโพดกระป๋องมันน่าสนใจกว่าการคุยกัน”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย
ไม่ใช่เลย เปล่านะ อย่าทำเสียงแบบนั้นสิ อย่าทำเป็นเมินแบบนั้นด้วย
ก็พอดีว่าตรงนี้มีข้าวโพดกระป๋องก็เลยหยิบมาดู เห็นมันน่ากินดี
ก็เลยอยากรู้ว่ามันผลิตที่ไหนก็แค่นั้นเอง จริง ๆ นะ

“เค้าขอโทษ คุณซ้งคนดี อย่าโกรธนุ่นเลย นะ นะ นะ”

ก็ถ้าคุณซ้งเล่นทำเสียงแบบนี้ แล้วใครจะไปกล้าทำอะไรได้
ข้าวโพดกระป๋องอะไรเนี่ย ไม่เห็นน่าสนใจตรงไหนเลย จะผลิตที่ไหน
หมดอายุเมื่อไหร่ก็ช่างมันเถอะ ไม่อยากรู้แล้ว

สนใจคุณซ้งก็ได้ สนใจแล้ว อย่างอนกันเลยนะคร้าบบบบ

“เออออออออออ ซ้งจะไปทำอะไรได้ ปากบอกว่าชอบ ๆ แต่ไม่เห็น
จะเคยสนใจกันจริง ๆ จัง ๆ ซะที นุ่นเห็นข้าวโพดกระป๋องมันดีกว่าซ้ง จะได้จำไว้”

อ้าวววววววววววว เฮ้ยยยยยยยยยย

ยาวเลยสิครับงานนี้

คุณซ้ง จะไปไหนค้าบบบบเดี๋ยวก่อน อย่าเดินหนีกันแบบนี้ ขอโทษ ขอโทษ
จะไม่แกล้งตีมึนแล้ว หายโกรธเถอะคร้าบบบบบ

“ซ้งมันปากแข็งนี่ พูดอะไรอย่างที่นุ่นอยากให้พูดก็ทำไม่ได้ นุ่นก็เลยเห็นข้าวโพดกระป๋องดีกว่า เอออออออ แค่นี้ก็รู้แล้ว จำเอาไว้ จำไว้เลยนะ”

ตายห่า

นี่แค่ข้าวโพดกระป๋องนะ ยังโกรธได้ขนาดนี้
อย่าทำแบบนี้สิครับ ขอโทษแล้ว ไม่ได้ตั้งใจทำให้โกรธหรือไม่พอใจจริง ๆ

“คุณซ้ง โกรธจริงจังป่าว”

นุชาเดินไปข้างหน้าและพยายามจะมองคนที่หันหน้าหนี และทำทีเป็นหยิบของมาพิจารณาดู

“หายโกรธเถอะ จะให้ทำยังไงถึงหายโกรธ”

ง้อ

และก็เห็นเหมือนแววไหวระริกในดวงตาคู่นั้น
เหมือนเห็นคุณซ้งอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก แต่ก็ไม่แน่ใจ
เพราะเมื่อจ้องมองกันชัด ๆ อีกครั้ง
ก็ยังเห็นคุณซ้งทำหน้าเฉยเมินโลกเหมือนเดิม

“อะไรก็ได้เหรอ”

อะไรก็ได้ ยอมหมด แต่อย่าโกรธ อย่าทำให้รู้สึกใจไม่ดี
อย่าทำเหมือนไม่สนใจกัน มันทรมาน

“อือ”

พยักหน้า และตอบออกไปแบบไม่ต้องคิด และก็เห็นว่าคุณซ้งที่เคยทำหน้าเมินโลกเริ่มอมยิ้มน้อย ๆที่มุมปากจริง ๆ

ยิ้มจริง ๆ

คุณซ้งกำลังอมยิ้ม น้อยครั้งเหลือเกินที่จะได้เห็น และเมื่อได้เห็นนุชาก็แทบจะล่องลอยเพราะรอยยิ้มหวาน ๆ แบบนั้น

ตายเป็นตายวะ แค่เห็นคุณซ้งอมยิ้มก็โคตรละลายใจเลย คนอะไรวะ
ยิ้มได้น่ารักสุดยอด ยิ้มแล้วโลกสว่างไสวขึ้นในพริบตา

“นุ่น....เราก็คบกันมาพักหนึ่งแล้วเนอะ”

เออใช่

ก็น่าจะพักหนึ่งแล้ว

จะว่าพักใหญ่ ๆ เลยก็ว่าได้

เป็นพักใหญ่ที่ได้เห็นพัฒนาการทางสีหน้าและแววตาของคุณซ้งในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ

พูดเก่งขึ้น

เปิดใจมากขึ้น

ยอมให้เข้าใกล้ และเริ่มพูดคุยอย่างสนิทใจ ไม่ต้องเกร็งหรือใช้ความคิดมากมายเวลาที่ได้พูดคุยกัน

รู้สึกดี รู้สึกใกล้ชิดกัน และรู้สึกว่านานวันความรู้สึกของเราที่มีให้กินก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ๆ

“นุ่นว่า...ซ้ง...อืมมมม”

อืมมม ครับ อะไรครับ อืมม ที่ว่าแล้วก็พยักหน้าแล้วก็ลากเสียงยาว ๆ
มันหมายความว่ายังไง แปลว่าอะไรครับ

“ก็.....”

ก็...ครับ ก็อะไรล่ะครับ ยังไง พูดมา อยากได้อะไร

“ให้เวลาเตรียมตัวนานแล้วนะ”

อ๋อออ

ครับ เป็นอย่างนั้นนี่เอง เอ้อ เนอะ ก็ไม่ยอมบอกกันตั้งแต่แรก
ทำหน้าอ้ำอึ้งเหมือนมีเรื่องอยากจะพูด

ให้เวลาเตรียมตัวนานแล้ว ก็เข้าใจ แล้ว......

“คุณซ้งข้าวโพดกระป๋องยี่ห้อนี้มันน่ากินเนอะ มันนำเข้าจากไหนเนี่ย ประเทศไทยก็มีไร่ข้าวโพดเยอะแยะ แล้ว....ก็นะ อันนี้อีกทำไมมันถึงได้ อ่า....”

ร่ายซะยาว และหยิบข้าวโพดกระป๋องขึ้นมาดูอีกครั้ง พิจารณาอย่างถ้วนถี่เพื่อหาสถานที่ผลิต และเริ่มหยิบข้าวของอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงขึ้นมาพิจารณา

“คืนนี้นะนุ่น”

อ่า....ข้าวโพดกระป๋องมันก็น่ากินเหมือนกันเอาไปใส่ในคอนซุปก็อร่อย
ต้องใส่เยอะ ๆ แล้วก็....

ตามองกระป๋องข้าวโพด แต่ใจคิดไปถึงไหน

เห็นคนที่ยืนอยู่ และเริ่มท้าวแขนไปบนรถเข็น สายตาร้อนแรงที่จ้องมองมาและอมยิ้มน้อย ๆ ทำให้นุชาที่คิดจะเล่นมุกตีมึน ต้องยอมจำนน และเงยหน้าขึ้นสบสายตากับคนที่กำลังจ้องมองและอมยิ้มน้อย ๆ

“ให้สนใจอย่างอื่นไปนะตอนนี้...ไม่ว่าแล้ว”

ก็แน่ล่ะ เล่นพูดกันซะขนาดนี้ แล้วจะไปทำอะไรได้

เก่งกล้ามากนะเดี๋ยวนี้ ตั้งแต่รู้ใจตัวเอง อะไรที่อยากได้ก็จะเอาให้ได้
อยากจูบเมื่อไหร่ ก็หาเรื่องจูบกันจนได้

อยากจะกอด บางทีอยู่เฉย ๆ ก็คว้ามากอดแบบไม่ต้องบอกกล่าว

คราวนี้ก็คงเหมือนกันสินะ เก่งกล้าสามารถแล้ว ขนาดจ้องกลับก็ไม่ยอมหลบสายตาและทำหน้าแดงเหมือนเมื่อก่อน

รู้จักใช้สายตาแบบนั้นได้ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คุณซ้งแบบธรรมดาที่เคยหยอกล้อหรือแกล้งแหย่ให้โมโหได้ง่าย ๆ

“กะ...กลับบ้านกันเหอะคุณซ้ง”

นุชาเอ่ยบอกคนที่จ้องหน้าและกำลังยิ้ม
และคราวนี้ก็เห็นว่าจากที่แค่อมยิ้มน้อย ๆ กลายเป็นยิ้มกว้างอย่างพอใจกับคำตอบที่ได้รับ

นุชาเดินลิ่ว ๆ นำหน้าโดยมีคุณซ้งเข็นรถเข็นตามมาใกล้ ๆ

“นุชา”

อย่าเรียก อย่ามาเรียก กูเขินจะตายห่าแล้ว อย่ามาทำเป็นเรียก
ชักไม่กล้ามองหน้าคุณซ้งนาน ๆ แล้วนะรู้บ้างมั้ย ไม่ต้องเรียกเยอะแยะแล้วก็ไม่ต้องมาดึงแขน แล้วก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกได้มั้ย

ไม่ต้องพูดให้ยิ่งอยากกลับบ้านเร็ว ๆ ตอนนี้เลยด้วย และอย่าเอาหน้าเข้ามาใกล้และกระซิบด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มอ่อนหวานแบบนี้ด้วย

“รู้ป่ะเวลานุ่นเขินแล้วแกล้งมึน....ดูน่ารักจัง เห็นแล้วบอกตรง ๆ นะว่าโคตรอยากได้เลย”





TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † สบายใจ.. † [24/04/12]
«ตอบ #384 เมื่อ24-04-2012 03:51:19 »

ตอน สบายใจ..



มันคงเป็นแค่คำขู่

เพราะว่าหลังจากจัดของเข้าชั้นวางและรื้อผลไม้ในถุงออกมาล้างและใส่จานเรียบร้อย

นุชาก็กลับเข้าสู่สภาพเดิม คือเปิดคอมพิวเตอร์และเริ่มลงมือพิมพ์งานที่ค้างเอาไว้ โดยมีคุณซ้ง นั่งกดรีโมทเพื่อเปลี่ยนช่องรายการโทรทัศน์และเลือกหารายการที่สนใจอยู่ข้าง ๆ

ไม่ได้พูดอะไรกันมากมาย ต่างฝ่ายต่างกำลังอยู่ในโลกของตัวเอง

แต่ก็ไม่ใช่อยู่ในโลกของตัวเองแบบปิดกั้นโลกของอีกฝ่ายไม่ให้เข้ามามีบทบาทในชีวิต

ซ้งจับจ้องสายตาไปที่รายการโทรทัศน์จริง แต่หัวใจ ไปอยู่ที่ใครบางคนที่กำลังนั่งพิมพ์งาน และยังเปิดเอกสารหน้าถัดไป ใจจดใจจ่ออยู่กับการอ่านและมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่

“คุณซ้ง”

เห็นนุชาละสายตาจากข้อความที่กำลังอ่านและเรียกหา ซ้งก็เลยวางรีโมทและหันไปมองคนที่เรียก

“...จ๋า...ว่าไง”

เป็นนานกว่าจะขานรับ
คนที่ขานรับ มีสีหน้าครุ่นคิดและดูเหมือนลำบากใจเล็กน้อยกว่าจะเอ่ยคำพูดน่ารัก ๆ ออกมาได้

นุชาถึงกับอมยิ้มเล็ก ๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

พัฒนาการแบบก้าวกระโดดของใครบางคน ที่ยอมพูดจาน่ารัก ๆ มากขึ้น
แม้จะดูฝืนใจไปบ้าง แต่เจ้าตัวก็พยายามทำ

เคยบอกว่าไม่ต้องทำก็ได้ เพราะอยากให้รู้สึกสบาย ๆ ผ่อนคลาย
ที่จริงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหรือสำคัญอะไรที่จะต้องพยายามขนาดนั้น

แต่คุณซ้งก็ยังทำหน้ามุ่งมั่นและบอกว่าอยากทำ กำลังหัดอยู่ และจะพยายามไม่เขินให้มากนัก ทั้งที่ตอนนั้นที่พูดออกมา หน้าของคนที่บอกว่ากำลังพยายามยังแดงเรื่ออยู่เลย

ผิดกับตอนนี้ที่ถึงแม้จะยังไม่ค่อยชิน แต่ก็เริ่มเป็นตัวของตัวเองดี

“นุ่นอยากกินโกโก้เย็นมากครับ”

ขอร้องด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ก่อนจะยกมือขึ้นมาประกบกันและแกล้งกระพริบตาปริบ ๆ คุณซ้งยังเป็นคนเดิม คือเห็นแล้วก็ยังทำหน้าเฉยเมินโลกและส่ายหน้า

ถึงจะทำเหมือนเอือมระอา แต่ก็เห็นอมยิ้มอยู่เหมือนกัน
ไม่ต้องให้รอนาน คุณซ้งก็ลุกขึ้นและไปจัดการชงโกโก้ให้ทันที

คุณซ้งเป็นคนเมินโลก ที่ขยันทำหน้าเฉย แต่ก็แสนจะใจดี

อยากเรียนรู้กันไปเรื่อย ๆ อยากก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน
อยากอยู่ด้วยกันด้วยความสนิทใจ อยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจ ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน อยากพูดคุยได้ในทุกเรื่องและแบ่งปันความสุขให้กันได้

ในเวลาไม่นาน มีแก้วโกโก้มาวางอยู่บนโต๊ะที่มีเอกสารวางกระจัดกระจาย

คุณซ้งไม่ได้สนใจจะกลับไปดูรายการโทรทัศน์แต่มานั่งอยู่ตรงหน้านุชาและรวบเอกสารที่วางระเกะระกะจัดวางจนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย

“ใกล้สิ้นเดือน ช่วงนี้ต้องเคลียร์เงินค่าเช่า ไหนจะเรื่องยื่นภาษี แล้วยังเรื่องจ่ายเงินเดือนลูกน้องที่เขาช่วยดูแลตึก ยุ่งไปหมด เหนื่อยว่ะ”

เข้าใจ
รู้ว่าคุณซ้งเหนื่อย

งานทั้งหมดทำเองทุกอย่าง ตอนแรกคิดว่าไม่ได้ทำอะไรมากมาย
คิดว่ามีหน้าที่ดูแลอาม่ากิมและเรียนหนังสือ แต่เพิ่งรู้ว่าต้องไปทำงานทุกวัน ไปดูแลเรื่องตึกที่ให้เช่า เรื่องงานเอกสารจุกจิก จากที่เคยคิดว่าคุณซ้งอยู่อย่างสบาย ๆ ตอนนี้คิดผิดถนัด คุณซ้งก็มีเรื่องที่ต้องทำอยู่ทุกวันเหมือนกัน

ไหนจะเรื่องอาม่ากิม ที่ยังพักฟื้น และตอนนี้เห็นว่ากำลังยุ่งกับการเตรียมเข้าเรียนมหาวิทยาลัย

“คุณซ้งสู้ ๆ”

รอยยิ้มจาง ๆ และท่ากำมือขึ้นที่นุชาทำ สายตามุ่งมั่นและน้ำเสียงล้อเลียนของคนตรงหน้าทำให้ซ้งยิ้มออกมาได้
เห็นแล้วก็นึกหมั่นไส้คนที่อายุมากกว่า แต่มีบางครั้งที่ทำตัวเป็นเด็ก ๆ ให้เห็น
เอื้อมมือไปขยี้เส้นผมของคนที่ให้กำลังใจด้วยท่าทางแบบเด็ก ๆ
และยิ้มออกมาอย่างสดชื่น ยิ้มได้แล้ว แม้จะเหนื่อย หรือเบื่อแค่ไหน
แต่ก็ยังพอจะยิ้มได้

“อาม่ากิมหายดีเมื่อไหร่ เราไปวิ่งกันอีกเถอะ หยุดมาพักใหญ่แล้ว คิดถึงสนามของเราเนอะ”

ก็คิดถึงอยู่ แต่ภาระยุ่งยากที่เกิดขึ้นทำให้ต้องห่างเหินไปนาน

“นุ่น...เมื่อไหร่จะย้ายกลับไปซะที”

เมื่อไหร่เหรอ ก็ไม่คิดว่าจะนานเท่าไหร่ น่าจะเร็ว ๆ นี้
สงสารคุณซ้งที่ต้องไป ๆ มา ๆ เรื่องงานและเรื่องส่วนตัวก็เหนื่อยพอแล้ว ยังต้องเหนื่อยขับรถอีก จะกลับไปเองงานก็ไม่ค่อยเสร็จซะที ต้องเคลียร์กันทุกสัปดาห์

นุชาหยุดมือที่กำลังพิมพ์งาน
ยืดขาออกและเอนหลังให้พิงกับเตียงและยกแขนขึ้นสองข้างเพื่อผ่อนคลายความเมื่อล้า ก่อนจะแตะเบา ๆ ที่หน้าขาของตัวเองสองสามครั้ง พยักหน้าเรียก และคุณซ้งก็ลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนและใช้ขาของนุชาหนุนแทนหมอน

“เหนื่อยมากเลยนุ่น”

บ่นออกมาเบา ๆ และนอนมองหน้าของคนที่ส่งยิ้มบาง ๆ มาให้
ฝ่ามืออุ่น ๆ แตะเบา ๆ ที่เส้นผมของคนที่นอนหนุนตักและลูบไล้เล่น
เห็นนุชาพยักหน้าให้

รู้ดีว่าเข้าใจ แม้ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ก็รู้ว่ารับฟังอยู่เสมอ

มีบางครั้งที่เราหยอกล้อกัน
แหย่กันบ้างให้หงุดหงิดโมโห

แต่ในเวลาที่จริงจังแบบนี้ เราก็พยายามช่วยเหลือกันแม้จะไม่มากนัก
แค่เพียงได้พูดคุยในทุกเรื่อง พูดคุยกันได้เรื่อย ๆ ก็ทำให้สุขใจแล้ว.

“นุ่น...”

หือ...ว่าไงครับ เรียกแบบนี้และทำหน้าแบบนี้หมายความว่ายังไง

“เหมือนจะขาดนุ่นไม่ได้แล้วล่ะชีวิตนี้ คิดไม่ออกจริง ๆถ้าไม่มีนุ่นอยู่ด้วยซ้งจะอยู่ต่อไปยังไง”

คุณซ้งน่ารักขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ

ชอบพูดเรื่องที่ทำให้ยิ้มได้บ่อย ๆ ซะจริง กว่าจะสามารถคุยกันได้ขนาดนี้
ต้องใช้เวลาศึกษานิสัยใจคอกันนานมาก แต่เมื่อเริ่มเปิดใจให้กันแล้ว อะไรที่ว่ายากก็กลายเป็นเรื่องง่าย ๆ ไปหมด

“รักคุณซ้งก็แบบนี้แหละ”

คนบางคนขยันพูดคำว่ารัก เพื่ออยากให้อีกฝ่ายรับรู้และเก็บสะสมเอาไว้ในหัวใจให้มาก ๆ อยากให้เก็บเอาไว้ทุกวัน ทุกวัน มากขึ้น และมากขึ้น

แต่คนอีกคน แม้ไม่ค่อยพูดอะไรมากมาย แต่การกระทำก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่ารู้สึกยังไง

คนสองคนที่แตกต่างกันแต่ช่วยเติมเต็มบางอย่างที่หายไปของอีกฝ่ายให้เต็มตื้นขึ้นมาได้

“นุชา....บ้าว่ะ”

อะไรคุณซ้ง อย่ามาทำเป็นว่า อย่ามาทำเป็นบ่นกันหน่อยเลย

รู้หรอกว่าชอบให้ทำแบบนี้

ชอบให้แซว ชอบให้จีบ ชอบให้อ้อน ชอบให้ทำอะไรหวาน ๆ ใส่

แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธที่จะทำแบบนี้บ้าง

และทั้งที่ชอบให้ทำแบบนี้ใส่มาก แต่ก็มักจะเฉไฉทำเหมือนไม่ชอบอยู่ดี

ความเขินไม่เคยลดระดับลงมาเลยนะครับคุณซ้ง

“นุชา...ก้มมาเนี่ย”

อย่าเล้ยยยยยย อย่ามาบิ๊ว

รู้หรอกว่าจะทำอะไร

แกล้งส่ายหน้าไม่ยอมก้มลงไปหา แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้น
เพราะคนออกคำสั่งลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว และยื่นแขนเข้ามาหา และกอดนุชาเอาไว้ทั้งตัวก่อนจะทิ้งกายลงมาทั้งหมดจนนุชาต้องล้มตัวลงนอนเพราะน้ำหนักตัวของคนที่ทาบทับลงมาแบบไม่ให้โอกาสหนี

“นุ่นนนนนนนนนนน”

ได้ยินแล้ว

ชัดขนาดนี้ แถมใบหน้ายังอยู่ใกล้กันซะขนาดนี้ ไม่ต้องเรียกให้ดังมากนักก็ได้

ทำไมถึงได้ลากเสียงยาวขนาดนั้น แถมยังก้มหน้าเอาจมูกมาถูเล่นที่แก้มอีก ต้องการอะไรครับ อยากได้อะไรล่ะคร้าบบบบบบ คุณซ้งคนดี

“นะ”

เหรอ

อืมมมมม ก็คิดงั้นอยู่เหมือนกัน แล้วทำไมเวลาพูดต้องทำหน้าแบบนี้
ทำไมเวลาบอกต้องทำเสียงกระเส่าขนาดนี้

ทำไมต้องจ้องมองหน้ากันด้วยสายตาสายตาร้อนแรง อย่ามาแกล้งกันหน่อยเลยคุณซ้ง

“หน้าแดงแล้วนุ่น”

ใครว่า ไม่มีหรอก ที่หน้าแดงน่ะมันคุณซ้งไม่ใช่หรือไง หน้าแดงยังไม่พอ
ประกายตาวิบ ๆ วับ ๆ นั่นอีก หมายความว่ายังไงบอกมา

ใบหน้าที่โน้มลงมาหา ดวงตาที่สบกันนิ่งทำให้หัวใจสั่นไหวและเต้นระทึก

นุชาหรี่ปรือตาลงเพื่อรับสัมผัสเบา ๆ แผ่ว ๆ ที่แนบลงที่หน้าผาก
รับรู้ถึงความอุ่นที่แตะซ้ำ ๆ ลงมา ก่อนจะผละออกห่างและเพียงเวลาไม่นานก็กลับมาอีกครั้ง และคราวนี้ไม่ใช่แตะเล่นที่หน้าผากเหมือนทดลอง แต่กลายเป็นเคล้าคลึงและแนบลงมาที่ข้างแก้มด้วยความรู้สึกร้อนแรง ริมฝีปากร้อนรุ่มผละออกห่างเมื่อรู้ว่าหยุดความรู้สึกของตัวเองไม่ได้อีกแล้ว

“นุ่น”

หรี่ปรือตาขึ้นจ้องมองและได้เห็นใบหน้าของคนที่คุ้นเคยที่ในเวลานี้ ทั้งสีหน้าและแววตาถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกบางอย่าง

ใบหน้าขาว ๆ ใส ๆ ที่นุชามักชื่นชมอยู่เสมอ เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่ออย่างเห็นได้ชัด
และเพียงเท่านั้นก็ทำให้อยากจ้องมองให้มากขึ้นและมากขึ้น

คุณซ้งเวลามาแนวนี้แล้วแทบจะทำให้ลืมหายใจ ไม่เคยเห็นใครหน้าแดงได้ละลายใจเท่าคุณซ้งเลยจริง ๆ

“มองแบบนี้จะยั่วใช่มั้ย”

เฮ้ยยยยยย เปล่า ไม่ใช่จะยั่ว ไม่ได้ตั้งใจ ที่มองแบบนี้ก็แค่อยากเฉย ๆ
อยากกับยั่ว มันต่างกันนะ เอาอะไรมาพูดว่ายั่ว ไม่จริงเลยครับ เถียงขาดใจ

“คุณซ้ง....หยุดทำไม”

ถามทั้งที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังเขิน
แต่ไม่คิดจะหลบเลี่ยงหรือหลบสายตาของคนที่จ้องมองมา

กลัวอะไรวะ
ผมเขิน คุณซ้งก็เขินเหมือนกันแหละว๊า อย่ามาทำเป็นวางมาดในเวลานี้หน่อยเลย

หน้าแดงขนาดนั้น เอาอะไรมาน่ากลัวล่ะครับคุณซ้งคนดี

“รู้แล้ว...ช้าหน่อยนี่ไม่ได้เลยนะ”

อย่ามาทำเสียงกระเส่าเซ็กซี่ขนาดนั้น
ไม่รู้เหรอว่าของแบบนี้ช้าไม่ได้ ช้านิดช้าหน่อย มันจะเสียเวลาจนเกินไป
จะทำอะไรก็รีบ ๆ ลงมือทำซะที

รู้มั้ยว่าอยากเห็นคุณซ้งในแบบที่ไม่เคยเห็น

อยากเห็นจะแย่แล้ว ได้เห็นแค่นี้ก็รู้สึกว่าสุดยอดมากและอยากกระชากลงมาบดปากด้วยเป็นที่สุด แต่ติดอยู่ว่าไม่ใช่ผู้ชำนาญการในด้านการแลกลิ้นก็เท่านั้น

ทุกวันนี้ก็ทำได้แค่ทำเป็นปากดีใจกล้า เพราะสถานะคนอายุมากกว่ามันค้ำคอ จะมาทำเป็นเงอะ ๆ งะ ๆ ไม่เป็นงานก็ทำไม่ได้ เดี๋ยวก็รู้กันพอดี ว่าที่ผ่านมาน่ะแค่ปากดี แต่เอาเข้าจริงทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง กลัวว่าเดี๋ยวจะเสียชื่อนุชาได้ง่าย ๆ

ก็เลยพยายามทำใจกล้าจนถึงเดี๋ยวนี้ ทั้งที่บอกตรง ๆ ว่าสั่นแทบตาย
และจะควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว

“นุชาปากดีเอ้ย”

ก็พอกันนั่นแหละ อย่ามาทำเป็นว่าผมเล้ยยยยยยย คุณซ้งก็ใช่ย่อยเหมือนกันแหละครับ
ทำแบบนี้ดิสเครดิตกันชัด ๆ ผมมีดีมากกว่าแค่ปากดีนะ จะลองดูก็ได้

“คนพูดไม่ค่อยกล้าทำ คนทำไม่ค่อยกล้าพูด อยากรู้เหมือนกันว่าคนไม่ค่อยกล้าพูดจะทำให้คนพูดมากอย่างผมหยุดพูดได้ยังไง”





TBC...





nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † ขอมาจัดไป † [24/04/12]
«ตอบ #385 เมื่อ24-04-2012 03:54:46 »

ตอน ขอมาจัดไป


การเล่นเกมส์จ้องตาเป็นเรื่องท้าทาย จำได้ว่าเล่นแล้วไม่เคยแพ้ใคร
ไม่เผลอยิ้มหรือหัวเราะ เพราะมีความสามารถจ้องจนอีกฝ่ายหลบตาหนีได้

แต่มันไม่ใช่เวลานี้

เวลาที่นอนนิ่ง ๆ แต่หอบหายใจหนักโดยมีร่างของใครบางคนทาบทับอยู่

เล่นเกมส์จ้องตาเป็นเรื่องท้าทาย เคยเล่นและชนะอยู่บ่อยครั้ง และคิดว่าครั้งนี้ก็จะเอาชนะให้ได้ เพราะเคยชนะมาตลอด

คุณซ้งชอบทำหน้าเฉย เวลาที่เล่นจ้องตากันจริง ๆ คุณซ้งเองที่เป็นฝ่ายหลบสายตาได้ตลอด แต่ในเวลานี้มันเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้....

ทำไมถึงไม่ยอมหลบสายตา เห็นว่าใบหน้าขาว ๆ ขึ้นสีแดงเรื่อ แต่ครั้งนี้ไม่ยอมหลบ

หมายความว่ายังไง และ.......

“ฮื้ออออออออออ อย่าเพิ่ง ค่อย ๆ เข้ามันเจ็บ”

มีบางอย่างกำลังรุกล้ำเข้ามาภายในร่างกาย ค่อย ๆ กดแทรกเข้ามา และหยุดชะงักอยู่อย่างนั้น เมื่อได้ยินเสียงประท้วงและนุชาก็ทิ้งตัวลงนอนนิ่ง ๆ
นิ่วหน้าด้วยความเจ็บ และเห็นเหมือนคนที่เล่นเกมส์จ้องตาด้วย กำลังมีสีหน้าลำบากใจ

“นุ่น”

เข้าใจ รู้ว่ากังวล รู้ว่าเครียด แต่เดี๋ยวก่อน รออีกหน่อย ยังไม่ค่อยชิน
รออีกแป๊บเดียว เดี๋ยวค่อยกดเข้ามาใหม่ก็ได้

“เจ็บ....”

ร้องบอก และคุณซ้งก็ยอมหยุดให้ ฝ่ามืออุ่น ๆ แตะลงที่เส้นผมของนุชาและแตะปลายจมูกลงไปที่ข้างแก้มของคนที่ยังนิ่วหน้า จูบซับที่ริมฝีปากเพื่อให้คลายความกังวลลงบ้าง

นุชากำลังพยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ พยายามจะไม่เกร็ง
นิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นนานเพื่อให้ร่างกายปรับสภาพยอมรับแก่นกายที่แทรกเข้ามาภายในร่างให้ได้ เป็นนานกว่าจะเริ่มชินและรู้สึกว่าหายใจได้บ้างแล้ว

หยัดกายลุกขึ้นอีกครั้งและพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อมองบางอย่างที่เห็นได้ชัดเจนในเวลานี้ แค่ได้เห็นก็เข้าใจ เห็นแล้วก็แทบอยากลงไปนอนตายให้รู้แล้วรู้รอด

กูว่าแล้ว ทำไมมันเจ็บขนาดนี้ ก็เพราะแบบนี้ไง เพราะแบบนี้ไงละโว้ยยยยยย
เข้าไปได้ขนาดนี้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว ไม่อยากเชื่อว่าจะเข้าไปได้ แค่เห็นก็หัวใจจะวายแล้วให้ตายเถอะวะ คุณซ้งคร้าบบบบบ คุณซ้ง จะฆ่ากันทางอ้อมหรือไง

ได้มาเยอะเลยนะ ไม่สงสารกันบ้างเลยใช่มั้ย

แล้วก็....ยังจะ โอ้ยยยคุณซ้งเบาก่อน ช้าก่อน อย่าเพิ่งขยับสะโพก มันจะทนไม่ไหวครับ

“อื้อออ”

ร้องออกมาเมื่อรู้สึกว่าความแข็งแกร่งที่ได้เห็นเต็มตากดแทรกเข้ามาภายในร่างและเริ่มจมลึกดิ่งหายเข้าไปอีก

“คุณซ้ง…ช้า ๆ อื้อออออ อย่าเพิ่งนะ พักแป๊บนึง อ่ะอืมมม ช้า ๆ ”

จะให้ใจเย็นได้ยังไงนุชา แบบนี้จะให้เย็นยังไงไหว มันเย็นไม่อยู่ หยุดไม่อยู่ตั้งแต่เสื้อผ้าทั้งหมดหล่นลงไปกองอยู่บนพื้นแล้ว

แต่เห็นคนที่อยู่ใต้ร่างขบริมฝีปากแน่น และเกร็งไปหมดก็ทำได้แค่พยายามหยุดยั้งความต้องการของตัวเองเอาไว้

อยากได้ รู้สึกว่าอยากจะทำอะไรให้ได้อย่างใจ
อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว อยากจะทำอะไรบางอย่างตามใจตัวเองซะให้รู้แล้วรู้รอด

แต่ก็ทำไม่ได้ ทำไม่ลง เมื่อเห็นว่านุชาที่เคยปากดี กลายเป็นนุชาที่น่าสงสาร
กัดปากจนเลือดซิบแล้ว แบบนี้จะให้ทำต่อยังไงไหว

เซ็กส์ที่ทำแล้วอีกฝ่ายทุกข์ทรมาน จะมีความหมายอะไร

“พอเถอะ ซ้งไม่เก่ง ซ้งไม่ดี ทำนุ่นเจ็บ”

เห็นแล้วก็ได้แต่ถอดใจ พยายามแทรกร่างกายเข้าไปจนสัมผัสได้ถึงความตึงคับแน่นและบีบรัดจากภายใน รู้ว่าหัวใจเต้นแรง และอยากจะเข้าไปให้สุดทาง
แต่ในเวลานี้ คงต้องพยายามระงับจิตใจ

อยากจะถอนร่างกายออกแต่เพราะฝ่ามืออุ่น ๆ ที่ประคองที่ใบหน้าและมองมาเหมือนอยากขอร้อง ก็ทำให้ซ้งต้องนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น

หยดน้ำที่คลอรินที่หน่วยตา ใบหน้าแดงก่ำและลมหายใจที่ติดขัด ทำให้แทบหยุดหายใจ

นุชาในแบบที่ไม่เคยเห็น นุชาที่มีแต่ความทรมานแฝงมากับดวงตาคู่นั้น
ไม่ใช่แค่ความทรมานแต่เป็นความปรารถนาอย่างรุนแรง ความต้องการที่กำลังลุกโชน และทำให้ปั่นป่วนจนแทบจะทนไม่ไหว

“อื้อ คุณ...คุณซ้ง...ต่อ...ต่อเถอะ ไม่ไหวเดี๋ยว...เดี๋ยวบอกเอง”

ได้แน่เหรอ ได้แน่ใช่มั้ย

แม้จะกังวลแต่เมื่อสบสายตากับดวงตาที่ยังมีหยดน้ำคลอรินที่หน่วยตาและนิ่งมองมาก็ทำให้ต้องขบริมฝีปาก รู้ว่าในเวลานี้ความรู้สึกทั้งหมดคงแสดงออกชัดเจนทางสายตา

ใบหน้าที่ห่างกันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารด
ร่างกายที่ยังเกร็งไม่ยอมรับการตอบรับค่อย ๆ ผ่อนคลาย เปิดพื้นที่ให้ขยับร่างกายเข้าไปแนบชิดอีกทีละเล็กละน้อย กดเข้าไปเรื่อย ๆ จนเกือบจะสุดทาง

“ซี้ดดดดดดดส์...โอ้ยยยไม่ไหว..คุณซ้ง คุณซ้ง..”

เรียวแขนที่โอบรัดที่รอบรอบลำคอ และใบหน้าแดงก่ำที่สะบัดไปมา ทำให้คนที่ค่อย ๆ ขยับร่างกายต้องนิ่วหน้า และหลับตาแน่น

รู้สึกถึงความอุ่นร้อนภายใน เมื่อแก่นกายแทรกเข้าไปได้จนถึงส่วนในที่ลึกสุด

ทั้งคับทั้งตึงทั้งแน่น ทั้งอึดอัด สัมผัสได้ถึงความบีบรัดจากภายในและค่อย ๆ ผ่อนคลายลงในไม่ช้า ช่องทางอุ่น ๆ ที่ความแข็งแกร่งเข้าไปเสียดสีสัมผัสเริ่มตอบรับ คนที่ใช้ความพยายามอยู่นานในการเข้าไปสัมผัส รู้สึกปวดหนึบและรู้สึกถึงความร้อนรุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วท้องน้อย มันไหลวนอยู่อย่างนั้น และเมื่อเริ่มขยับร่างกายได้ แม้จะแค่เพียงเล็กน้อย แต่ ก็รู้ว่าคงหยุดความรู้สึกต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว

“นุ่น...ซ้งจะพยายาม..อื้อออ ทำไมมันแน่นขนาดนี้ล่ะนุ่น ไม่ไหวแล้ว..โอ้ยยย”

พยายามอะไรไม่รู้แล้ว

จะพยายามอะไรก็พยายามเถอะ จะกดจะแทรก จะกระแทกกระทั้น จะทำอะไรก็ทำซะที นิ่งเฉยอยู่อย่างนี้มันเหมือนจะขาดใจตายครับคุณซ้ง

“คุณซ้ง...ทำเถอะนะ..ทำอะไรก็ได้..อยากทำอะไรก็ทำเถอะนะ นะคุณซ้ง ทำเถอะ”

ใครมันจะอ้อนและยั่วได้น่ารักมากเท่านุชาคงไม่มีอีกแล้ว

น้ำเสียงแผ่ว ๆ ใบหน้าที่แดงก่ำ คำพูดที่ร้องขอ ทำให้คนที่พยายามสงบจิตสงบใจต้องหรี่ตามอง และบดเบียดริมฝีปากลงมาหา แนบชิดสัมผัสกัน และสอดปลายลิ้นเข้าไปพัวพัน ดูดดุนปลายลิ้นร้อนชื้นที่อยู่ภายในและอีกฝ่ายก็ตอบสนองให้ไม่ต่างกัน

เพลิน

เคลิ้ม

หวาน

เซ็กส์กับคนรัก คนที่ผูกพัน คนที่มีใจให้กัน มันคือความสุข
การได้แนบชิดร่างกายเปลือยเปล่าเข้าหากัน ได้มอบไออุ่น มอบสัมผัสที่เกิดจากหัวใจให้ มันคือความสุข แม้จะทุลักทุเล แต่เมื่อเข้าใจกันและไม่เร่งรีบ ค่อย ๆ ประคับประคองและค่อยเป็นค่อยไป ทุกอย่างก็ราบรื่นได้ไม่ยากนัก

บางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในร่าง
เจ็บร้าว แต่ทุกครั้งที่ส่วนปลายแข็งแกร่งกดแทรกและชำแรกเข้าไปจนถึงในสุดและสัมผัสกับบางอย่างที่อยู่ลึกลงไปในช่องทางคับแคบนั้น ก็แทบทำให้คนที่ร้องบอกว่าเจ็บแทบลืมหายใจ

ร้อนไปหมด ภายในช่องท้องปั่นป่วน และเหมือนในหัวขาวโพลน
หยุดไม่อยู่ ไม่อยากให้หยุด อยากได้มากกว่านี้ อยากให้ลึกเข้าไปกว่านี้

อยากให้กดซ้ำและกระแทกกระทั้นเข้ามาให้รุนแรงกว่านี้

แม้จะเจ็บ แต่มันมีความรู้สึกอื่นแฝงมาด้วย ความรู้สึกที่ยากจะอธิบายแต่ก็ทำให้มึนงงและหลงใหลกับรสสัมผัสที่มาพร้อมกับความเจ็บร้าวนั้น

ร่างกายกำลังรู้สึก และส่วนอ่อนไหวที่เคยไร้เรี่ยวแรง เริ่มแข็งแกร่งและตื่นตัวขึ้นแม้ไม่ได้แตะต้องมันก็ไหวระริก และฉ่ำเยิ้มไปด้วยความรู้สึก หยดน้ำใส ๆ ไหลซึมออกมาและนุชาก็ได้แต่หรี่ตาขึ้นมองร่างกายของตัวเองที่กำลังเคลื่อนไหวไปมาตามจังหวะของร่างเบื้องบนที่กดแทรกลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า

สบตาแต่ไม่กล้ามองเมิน

อยากเห็น

อยากเห็นใบหน้าแบบนี้ของคนที่เอาแต่ทำหน้าเฉยเมินโลก
ดวงตาคม ๆ ที่มีแววไหวระริก ริมฝีปากที่ขบเข้าหากันแน่น ใบหน้าที่เคยชื่นชมว่าทั้งขาวทั้งใสกำลังแดงเรื่อ และหยาดเหงื่อเริ่มไหลซึมออกมาที่หน้าผาก

แยกขาออกกว้างขึ้นเพื่อให้รับกับสัมผัสที่ซัดสาดเข้ามาไม่ยั้ง

“นุ่น..อย่ามอง...”

ไม่ได้ ห้ามไม่ได้ ยิ่งห้ามยิ่งอยากมอง อยากเห็น อยากเห็นอีก อยากเห็นมากกว่านี้

ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ยิ่งบอกว่าอย่ามอง นุชายิ่งจ้อง
ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำหน้าแบบไหน แต่รู้ว่าคงมีสภาพไม่ต่างกัน คงไม่ต่างจากที่ได้เห็นจากใบหน้าของคุณซ้งเท่าไหร่ สีหน้าและแววตาของคุณซ้งที่มองตรงมา และไม่ยอมหลบตาเหมือนที่เคยเป็น

ร้อนไปหมด

ร่างกายกำลังสั่นไหวไปตามจังหวะของการกระแทกกระทั้น
เคยคิดว่าเจ็บ แต่ตอนนี้ไม่ใช่

สองมือประคองใบหน้าของคนที่บอกว่าไม่ให้มองเอาไว้

เผยอริมฝีปาก ใช้สายตาเรียกร้องให้เข้ามาหา เรียกร้องให้ใบหน้าที่โน้มลงมาหาส่งปลายลิ้นมาให้ และดูดกลืนเอาไว้ทั้งหมด ไล้เลียที่ริมฝีปากของคนที่แสดงออกทางร่างกายให้รู้ว่ากำลังต้องการมาก

ต้องการอย่างถึงที่สุด

“อื้อ อื้อ อืมมมมส์”

เสียงร้องทุ้มนุ่มครางเครือในลำคอ มาพร้อมกับการความร้อนที่ตอดรัดอยู่ภายในที่เริ่มรุนแรงขึ้น เมื่อถูดกดแทรกเข้าหาซ้ำ ๆ

อยากให้รู้ว่ามีความต้องการไม่ต่างกัน

อยากให้รู้ว่ากำลังจะทนไม่ไหว

อยากให้รู้ว่าใกล้จะไปแล้วเต็มที

“คุณซ้ง คุณซ้ง แรงอีกเถอะ เร็ว ๆ ฮื่อออออออ”

ช่วงเวลาที่ทั้งสมองและสติหลุดล่องลอยไปไกลแสนไกล แม้ความอายก็ไม่มีหลงเหลือ อยากให้เข้ามาให้ลึกที่สุด อยากให้เร่ง อยากให้รุนแรงอย่างที่อยากทำ อยากให้ทำอย่างที่ใจต้องการ

เสียงร่างกายที่กระทบเข้าหากันดังเป็นจังหวะ จากเคยช้ากลายเป็นรุนแรง

และแทบไม่ได้ยินเสียงใด ๆ รอบตัวอีก เมื่อกดแทรกซ้ำ ๆ ย้ำเข้าไปอีกครั้งและหลายครั้ง จนถึงที่สุด ถึงขีดสุดของความต้องการ

ลมหายใจหอบถี่ และกดแทรกเข้าไปและครั้งนี้ลึกที่สุด และทิ้งเอาไว้อย่างนั้นอยู่นาน

นุชาไม่มีสติจะคิดอะไรอีก

ไม่ไหวแล้วแบบนี้

รู้ว่าทนไม่ไหว ยิ่งถูกกระทำมากเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกว่ากำลังทนไม่ไหว

แตะฝ่ามือเข้ากับส่วนกึ่งกลางของร่างกายตัวเองและเหนี่ยวรั้งไปตามแรงกระแทกที่แทรกเข้ามาเป็นจังหวะ รูดรั้งเร็วขึ้นและแรงขึ้น ขยับฝ่ามือไปตามความต้องการที่เกิดขึ้น ภายในช่องท้องกำลังเกร็ง ความร้อนวูบวาบและปั่นป่วนอยู่ภายในท้องกำลังพุ่งขึ้นสูง สะบัดหน้าไปมา และรับรู้ถึงอารมณ์ของตัวเองที่หยุดไม่อยู่อีกแล้ว หรี่ปรือตาจ้องมองใบหน้าของคนที่กำลังมัวเมาอยู่กับสัมผัสร้อนแรงแล้วก็ได้แต่นิ่งมอง และเร่งจังหวะให้ทันกัน

ลมหายใจที่เคยหอบกระเส่า เริ่มสะดุดเป็นพัก ๆ พร้อมกับที่รู้สึกถึงความแก่นกายร้อนๆ ที่อยู่ภายในร่างกายกำลังกลั่นกรองหยาดหยดขุ่นข้นออกมาทั้งหมดและฉีดพ่นลึกเข้าไปภายในช่องทางที่ตอดรัด บีบแน่น จนทำให้เกร็งไปทั้งร่าง

“โอ้ยยยย นุ่น นุ่น...ไม่ไหวแล้ว ออกแล้ว...ออกหมดแล้ว”

น้ำเสียงที่แตกพร่า ใบหน้าที่แหงนเงยขึ้น หัวคิ้วที่ขมวดมุ่นเข้าหากัน
พร้อมกับที่ริมฝีปากขบเข้าหากันแน่น ใบหน้าแดงก่ำ ค่อย ๆก้มลงมาอย่างช้า ๆ ทันได้สบสายตากับดวงตาที่คลอรื้นไปด้วยหยดน้ำที่หน่วยตา

รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายก็รู้สึกไม่ต่างกัน

ริมฝีปากบางกำลังเผยอขึ้นและคนปากเก่งที่กล้าท้าทายกำลังร้องครางเสียงสั่น

ความร้อนภายในร่างกำลังทะยานไปถึงขีดสุด และหยาดหยดทั้งหมดก็พวยพุ่งหลั่งรินออกมาจากส่วนปลายที่ถูกรูดรั้ง หยดน้ำขุ่นข้น พุ่งทะยานออกมาจนไม่มีหลงเหลือ พร้อมกับอาการแอ่นร่างขึ้นและเกร็งแน่น ในเวลาเพียงชั่วอึดใจ

“คุณซ้ง......อื้ออออ”

สองแขนที่ยื่นไปหาเพื่อขอให้กอดเอาไว้ ทำให้คนที่ถึงที่สุดของอารมณ์ทิ้งกายลงและซุกซบใบหน้าเข้าหาที่ซอกคอของคนที่ยังเหนื่อยหอบจนตัวโยน

“นุ่น...”

ได้ยินเสียงเรียก และนุชาก็ทำได้แค่หรี่ปรือตาลง และอมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก

บอกได้คำเดียวว่า

สุดยอดครับ

คุณซ้งเป็นมือใหม่ที่สุดยอดมาก

ทำทุกอย่างแบบไม่มีกั๊กกันเลยนะ รู้บ้างมั้ยว่าจะขาดใจตายก็เพราะหน้าแบบนี้น้ำเสียงแบบนี้ และท่าทางแบบนี้ของคุณซ้ง

“นุ่น”

อือออออ ได้ยินแล้ว ไม่ต้องเรียกแล้ว รู้แล้วครับรู้แล้ว รู้แล้วว่ารู้สึกยังไง

“ดีมั้ย..นุ่นรู้สึกดีมั้ย”

ป่านนี้แล้วจะถามอะไร จะให้ตอบมั้ยว่าดีมาก ดีสุด ๆ ดีจนไม่รู้จะพูดอะไร
แต่ถ้าอยากรู้มากนักจะให้บอกตามตรงเลยก็ได้

“โคตรมันส์เลยครับคุณซ้ง เอาง่ายๆ”

ตอบออกไปและก็ต้องหัวเราะน้อย ๆ เมื่อคนที่นอนนิ่งสงบอยู่บนร่างรีบยกตัวขึ้นและจ้องมองหน้ากันแบบตรง ๆ

“ไอ้นุ่นเน่าเอ้ยยยย”

อะไรคุณซ้ง คนอุตส่าห์ชมมาด่ากันได้ แล้วยังจะ......

“โอ้ยยยย พอแล้วมันเจ็บบบบบบบ”

เพิ่งจะมาสำนึกเอาก็ตอนที่ถูกคุณซ้งแกล้งขยับสะโพกไปมาและความแข็งแกร่งที่อ่อนแรงอยู่ภายในก็ขยับตามไปด้วย ถึงคราวนี้อยากจะปากดีอีกก็ทำไม่ไหว

“เอาของคุณซ้งออกได้แล้ว ข้างในมันเหนียวไปหมด อยากไปล้างตัวแล้ว”

ไม่...

ไม่ต้องไป อยู่แบบนี้แหละ อยู่แบบนี้ไปก่อน จะเหนียวจะเลอะจะอะไรก็ช่าง
อยู่แบบนี้ไปก่อนจะรีบร้อนไปไหน ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
งั้นก็ไม่ต้องรีบไป

“ยังอยากอยู่เลย....เดี๋ยวค่อยไปได้มั้ย”

ตายสิครับงานนี้

เล่นอ้อนกันขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องยอมตาย แล้วยังหยัดตัวขึ้นและมาทำหน้าเฉยเมินโลกแต่หน้าแดงเรื่อใส่อีก แบบนี้จะให้ทำยังไงล่ะคุณซ้ง พูดถึงขนาดนี้แล้วจะให้ทำยังไง

“จัดหนักไม่กลัว กลัวไม่ถึงใจ...ทำไมคุณซ้งไม่รีบทำซะที ช้าแบบนี้รู้มั้ยว่าขัดใจ”





TBC...



แล้วเจอกันอีกทีตอนหน้านะคะ คืนนี้ฝันดีคะ  :bye2:

ออฟไลน์ t_cus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Running โดย aoikyosuke † ขอมาจัดไป † [24/04/12]
«ตอบ #386 เมื่อ24-04-2012 21:19:03 »

นุชา กวนได้อีก

อ่านตอนนี้แล้ว.... :m3:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: Running โดย aoikyosuke † ขอมาจัดไป † [24/04/12]
«ตอบ #387 เมื่อ25-04-2012 00:14:09 »

ดีใจที่มาต่อค่ะ คิดถึงมายมาย

นุชาเรียบร้อยโรงเรียนคุณซ้งแล้ว   :m25: :m25: :m25: หุๆๆ
สมใจคนอ่านยิ่งนัก นุชาย้ายกลับ กทม. เหอะเนอะ เดี๋ยวคุณซ้งจะคิดถึงจนขาดใจตายซะก่อน
ิยิ่งรักกันมากขนาดนี้แล้ว ไม่อยากให้ห่างกันเลย...คุณซ้งบทจะหวานนี่แบบหวานมาก นุชาไปไม่เป็นเลยเหอะ
ส่วนนุชาก็กวนได้น่ารักน่าชังเหลือเกิน คู่นี้เหมาะกันที่สุด ให้นุชามาช่วยงานคุณซ้งดีกว่ามั้ย ได้อยู่ด้วยกันทั้งวัน
คุณซ้งคงมีความสุขเท่าโลก...คนปากแข็งเดี๋ยวนี้ปากไม่แข็งแล้วน้า มีแต่น่ารักๆๆๆ
ดีใจที่คุณซ้งกับพ่อเข้าใจกันแล้ว ส่วนครอบครัวนุชาก็น่ารักได้อีก...มีความสุขจริง ๆ เลย
แต่งงานกันเถอะคู่นี้ 

ขอบคุณค่ะ

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: Running โดย aoikyosuke † ง้อ † [26/04/12]
«ตอบ #388 เมื่อ26-04-2012 01:56:02 »

ตอน ง้อ


“ฮื่ออออ”

แกล้งขู่ และขยับหนีห่างจากคนที่มานั่งกระแซะอยู่ข้าง ๆ
แต่คนที่มานั่งอยู่ด้วยดูท่าจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด แถมยังขยับเข้ามาเบียดยิ่งกว่าเดิมซะอีก

“ฮื่อออออออ”

คราวนี้เลยต้องลากเสียงยาว ๆ และหันไปมองคนที่ยังไม่ยอมขยับหนี
ถึงจะขู่ก็จริง แต่ไม่ได้จริงจังมากนัก เพราะเมื่อหันไปมองคนที่ทำหน้าเฉยแต่ยังไม่เลิกเบียดกายเข้ามาใกล้ แล้วก็ชักเห็นว่าคุณซ้งทำหน้าน่ารักกว่าทุกวัน

จะยิ้มก็ไม่ยอมยิ้ม
เหมือนพยายามฝืนไม่ยอมยิ้ม ทั้งที่อยากจะยิ้มมาก

เหมือนพยายามฝืนทำหน้าเฉย แต่ท่าทางดูสบายอารมณ์และมีความสุขมากเกินกว่าปกติ

หันไปมอง มองแล้วก็แกล้งเมิน
กำลังจะลงมือพิมพ์งาน แต่ก็ต้องหยุดนิ่ง
เพราะฝ่ามือถูกรั้งเอาไปกุมไว้ และคนที่ดึงมือไปกุมไว้แน่นก็ทำเหมือนสนใจกับการดูรายการโทรทัศน์นักหนา ทั้งที่จริง ๆ แล้ว อาจจะไม่ได้สนใจเลยก็ได้

จะเอายังไงครับ
ใจคอจะไม่ให้ทำงานต่อใช่มั้ย จะได้ไม่ทำ
เห็นนะ เดี๋ยวก็ขยับเข้ามาใกล้ เดี๋ยวก็แกล้งทำเป็นชะโงกหน้ามาดูว่ากำลังทำอะไร
ทั้งที่ก็เห็นอยู่แล้วว่ากำลังทำงาน แต่ก็ยังชะโงกหน้ามาหา

“คุณซ้ง” แกล้งเอ็ด แกล้งเรียกและทำเสียงดุใส่ และก็เห็นคนที่ทำหน้าเฉย อมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากและหันมามองหน้ากันตรง ๆ นิ่งสบสายตาด้วย
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นก้มหน้าก้มตาอมยิ้มแบบจริง ๆ จัง ๆ

แล้วนี่มันอะไรครับ ไม่ทำหน้าเฉยเมินโลกเหมือนเดิมแล้วหรือไง
เห็นปกติถนัดนัก เดี๋ยวนี้ชักจะยิ้มเก่งขึ้นนะ มากไปหรือเปล่า ยิ้มหวานขนาดนี้จะให้ละลายไปต่อหน้าต่อตาเลยหรือยังไง

“อะไร”

ยังจะมาถามอีกว่าอะไร ก็เนี่ย มือเนี่ย ที่มาจับกันไว้แบบนี้
มันหมายความว่ายังไงครับ อยากรู้มาก

นุชาเป็นคนที่ขยันถามคำถามที่ไม่ควรถาม ถามมาได้ว่าจับมือทำไม
ก็เพราะว่าอยากจับไง ถึงได้จับ จะถามทำไม ปัญหาเยอะจริง ๆ

ก็อยากจับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
อยากจับมือ อยากนั่งใกล้ ๆ อยากมองหน้า
อยากทำอะไรอีกตั้งเยอะแยะ แต่ติดอยู่ที่ว่า ไม่เคยทำ ถึงอยากทำแต่ก็ไม่เคยทำ
เขิน และรู้สึกไม่ค่อยชินที่จะทำอะไรอะไรแบบนี้

กลัวว่าถ้าทำอะไรมากเกินไป จะถูกมองว่าประหลาด กลัวถูกมองว่าทำอะไรแปลก ๆ ผิดปกตินิสัยที่เคยทำ

ก็เลยต้องทำแค่นี้ไปก่อน แล้วค่อย ๆ พัฒนาต่อไป เพื่อไม่ให้ถูกนุชาบ่นหรือด่า เดี๋ยวจะหาว่าเป็นพวกบ้า ชอบพัวพัน ชอบแตะเนื้อต้องตัว ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยทำ

แต่ตอนนี้ไม่ใช่

ไม่ใช่อีกแล้ว

ก็ตอนนั้นถึงอยากทำอะไรก็ทำไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่ารู้สึกยังไงกับนุชากันแน่

แต่ตอนนี้รู้แล้ว รู้ความรู้สึกของตัวเองดีแล้ว รู้ว่าคิดกับนุชายังไง
อยากจะกอด อยากจะหอม อยากจะทำหมดทุกอย่าง
อะไรก็ได้ ที่ควรทำ อยากจะทำจริง ๆ

รู้สึกว่านุชา....น่ารัก...
รู้สึกว่า น่ารักกว่าทุกวัน

ทำไมถึงได้น่ารัก น่ากอด น่าหอม น่าเข้าใกล้ขนาดนี้ก็ไม่รู้

“คุณซ้ง...เป็นอะไรมากมั้ย”

เป็น

ก็เห็นอยู่ว่าเป็น เป็นมากด้วย แล้วจะถามทำไม
รู้อยู่แล้วว่าเป็น ก็ไม่เห็นต้องมาถามให้ยุ่งยากวุ่นวาย

“อะไรนุชา...พูดอะไรฟังไม่เห็นรู้เรื่อง”

หยุด

อย่ามาทำเป็นมึน อย่ามาทำลอยหน้าลอยตา อย่ามาทำเป็นเมิน
อย่ามาทำหน้าเมินโลกใส่ ทั้ง ๆที่ยังกุมมือเอาไว้
และยังจะลูบไล้หลังมือเล่นไม่ยอมเลิกอีก

“คุณซ้งอย่ามาเจ้าเล่ห์”

เปล่า

ใครเจ้าเล่ห์ ยังไม่ได้เจ้าเล่ห์เลย ก็แค่จับมือเฉย ๆ
จับไม่ได้หรือไง จับมือแค่นี้จะมีปัญหาอะไรมากมายวะ
ก็มือมันนิ่ม มือนุชาสวย เรียวดี ก็เลยอยากจับเล่น แค่นี้จะเป็นอะไรไป
จะหวงทำไม ไม่เห็นต้องหวงเลย จับแค่นี้เองนะ ทีอย่างอื่นทำมาหมดแล้วไม่เห็นจะหวง คราวนี้นึกยังไงจะมาหวงแค่มือ

“ไม่เห็นจะอยากจับเลย”

เออดี ไม่เห็นจะอยากจับ ตอบซะได้ใจ
แล้วทำไมไม่ยอมปล่อย แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยทำไมต้องเมินหน้าหนีไปทางอื่น ทำแบบนี้คิดอะไรอยู่ใช่มั้ย
คิดแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นทำไมต้องหันหน้าหนีด้วย คิดใช่มั้ย บอกมาว่าคิดอะไร

“คุณซ้งจ๋า”

อะไรนุชา

ไม่ต้องเรียก หยุดไปเลย แล้วไม่ต้องทำเสียงอ้อนด้วย ไม่ต้องยื่นหน้ามาใกล้ ๆ
หยุดเลยนุชาหยุดเลย

“คุณซ้งคนดี”

ขยันมาก พอรู้ทางว่าชอบ ก็เลยขยันแกล้ง ชอบเหลือเกินนะ
เล่นไม่เลิกเลยนุชา
อย่ามาทำเสียงอ้อน อย่ามามองหน้า หยุด ห้ามมอง ไม่ชอบ เข้าใจมั้ย

“คุณซ้งหน้าอย่างเอ็กซ์ว่ะ...สวดยอดดดดดดดดด”

ไอ้นุ่นเน่า...อยากตายมากนักหรือไง ถ้าอยากตายขนาดนั้นเดี๋ยวสงเคราะห์ให้

“แล้วไง”

หันไปถามคนที่นั่งอมยิ้ม และหัวเราะไม่เลิก

ยักคิ้วให้ ทำเหมือนไม่ได้คิดอะไร ทั้งที่ในเวลานี้กำลังคิด
ชอบเล่นนักเกมส์จ้องตา เมื่อก่อนอาจจะแพ้ เล่นเมื่อไหร่ก็ไม่กล้าสบตานุชาตรง ๆ แต่ไม่ใช่ในเวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่เริ่มเรียนรู้แล้วเหมือนกันว่านุชา ไม่ใช่สุดยอดนักจ้องตา

ถ้าหากจะเล่นงานกันจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก อาศัยเทคนิคบางอย่างเล็กน้อย
ก็สามารถเอาชนะได้

“แล้วไงนุชา หน้าอย่างเอ็กซ์แล้วไง”

ไม่แล้วไงครับคุณซ้ง ไม่เห็นต้องแล้วไง ก็ชอบไง ถามมาได้

ชอบ รู้หรือเปล่าว่าชอบ โคตรชอบเลย คุณซ้งคร้าบบบบบ

“อีกซักทีดีมั้ย”

ดี...

อีกซักทีก็ได้ อีกซักทีก็ดีเหมือนกันนะครับคุณซ้ง น่าจะดีมากด้วยว่ามั้ย

“ก็....จัดมา”

ท้าทาย และก็เห็นคุณซ้งส่ายหน้าและคราวนี้จากหน้าเฉย กลายเป็นหัวเราะด้วยความขำ

อะไรวะ จะขำทำไมครับ ขำทำไมวะนั่น มีอะไรน่าขำ ตลกตรงไหนคนยิ่งจริงจังอยู่

“เหอะ... เจ็บไม่จริงนี่หว่า...เมื่อเช้าใครมันร้องว่าไม่เอาแล้ว แถมยังบอกให้พออีก ใครนุ่น...ใครมันร้องไห้ขอให้พอ”

นุ่นเองครับ

คนนั้นคือนุ่นเอง

ก็....มันเจ็บจริง ๆ นี่หว่า

ไม่อย่างนั้นคงไม่ร้องไห้
อยากทำอีก แต่ร่างกายมันไม่ยอมเป็นไปอย่างใจคิด

แล้วจะให้ทำยังไง

“ไม่ได้อยากเรื่องอย่างว่ามากมายหรอกคุณซ้งเอาจริง ๆ นะ แต่พอเป็นคุณซ้งแล้วมัน....รู้สึกอยากทำด้วย อยากอยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลาเลย”

คนบางคน เวลาล้อเล่นก็น่าหมั่นไส้ น่ารำคาญ บางครั้งก็ชอบทำให้หงุดหงิดโมโห โกรธจริงบ้าง โกรธไม่จริงบ้าง

แต่คนบางคนที่ว่า ก็มีบ่อยครั้งที่พูดจาน่ารักน่าใคร่
เช่นในเวลานี้ ที่นุชาพูดไปก้มหน้าไป แล้วก็ยังถูมือตัวเองเล่นเหมือนไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี เห็นแบบนี้แล้ว ยิ่งต้องยอมรับ ว่านุชาน่ารักกว่าทุกวัน

มองแล้วถึงสำนึกได้ว่าเพราะอะไร ถึงรู้สึกอยากกอด อยากหอม อยากอยู่ใกล้ นุชา

“แต่ซ้งอยากทำกับนุ่น....มากว่ะ”

อ่า

มิน่าล่ะ

โคตรเข้าใจเลย เห็นหน้าแค่นี้ก็รู้แล้ว ก้มหน้าก้มตาหลบ แล้วก็เมินไปทางอื่น แล้วหน้าขาว ๆ ใส ๆ ก็ขึ้นสีแดงเรื่อที่แก้มแถมยังหันหน้าหนีไปทางอื่นอีก
แค่เห็นก็โคตรจะเข้าใจแล้วคุณซ้งว่ากำลังคิดอะไร

“เป็นคนแบบนี้เองสินะ ที่แท้คุณซ้งก็เป็นคนแบบนี้ ร้ายกาจมาก ไอ้เราก็หลงเชื่อว่าจะหงิม ๆ เฉย ๆ ที่แท้ก็เป็นคนแบบนี้”

แกล้งล้อและแกล้งแซวคุณซ้งที่ชอบทำหน้าเมินโลก
แล้วก็เลยเห็นคุณซ้งนิ่งจ้องมองกันแบบตรง ๆ

ดวงตาคม ๆ ฉายแวววิบวับให้ได้เห็น ทั้งที่คนถูกแซวหน้าแดงแต่ก็ไม่เห็นจะยอมหลบสายตา กล้ามาก เดี๋ยวนี้ ชักจะเก่งกล้าใหญ่แล้ว

“เป็นคนแบบนี้แหละ เป็นนานแล้วด้วย อยากไม่รู้เอง ช่วยไม่ได้ อย่าคิดถอนตัวซะให้ยากไม่ทันแล้วนุ่น”

เหอะ

คนที่ห้ามถอนตัวนั่นมันคุณซ้งคร้าบบบบบ ไม่ใช่ทางนี้

อย่ามาคิดถอนตัวถอนใจซะให้ยากนั่นมันคุณ ไม่ยอมปล่อยให้ไปไหนหรอกครับ
จีบยากจีบเย็น กว่าจะได้มาเรื่องง่ายซะที่ไหน กว่าจะทำให้ยอมเปิดใจ
ยอมคบด้วย ยากสุด ๆ

“น่ารักเนอะ คุณซ้งนี่โคตรน่ารักเลย เอาจริง ๆ”

ชื่นชมและส่งยิ้มหวาน ๆให้ และคุณซ้งที่ทำตาหวานเชื่อม ก็ก้มหน้าก้มตาหน้าแดงเหมือนเดิม ผิดจากเดิมตรงที่ไม่ได้นั่งอยู่เหมือนเดิม แต่เอนลงมาและใช้หน้าขาของนุชาหนุนหัวแทนหมอน

“นุ่นนนนนนนน”

เรียก แล้วก็ยังทำเป็นยิ้มอีก หมายความว่ายังไง เรียกทำไมครับ

“อารายยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

นุชาแกล้งลากเสียงยาว ๆ และแตะมือเล่นที่ข้างแก้มของคนที่นอนหนุนตัก

ที่จริงแล้วคุณซ้งอ้อนเก่งจะตาย

แถมยังเป็นพวกชอบให้อยู่ใกล้ ชอบให้เอาใจซะด้วย

“เมื่อไหร่หายเจ็บ”

อะไร หายเจ็บแล้วทำไมครับ ทำเหมือนเป็นห่วง แต่ไม่น่าจะใช่ทั้งหมด
แล้วจะยิ้มทำไม แล้วจะทำตาหวานทำไม อย่ามาเจ้าเล่ห์ขอร้อง อย่า อย่า หยุดไปเลย

“ไม่ทำแล้ว คุณซ้งรุนแรง ไม่ให้ทำแล้ว”

แกล้งพูด แกล้งว่า และเห็นคนที่ยิ้มหวานเมื่อไม่กี่นาทีก่อนกลายเป็นทำหน้าเซ็งโลกและขมวดคิ้วมุ่นทันที

“ก็ตอนนั้นมันหยุดไม่อยู่...แล้วนุ่นก็บอกให้แรง ๆ ด้วย ทำตามใจนุ่น ซ้งผิดหรือไง”

เอ้า ก็ไม่ได้ว่า ไม่ได้บอกว่าผิดซะหน่อย แค่นี้ทำเป็นงอนไปได้

“จ่ะ จ่ะ ผิดไปแล้ว จะทำแรงแค่ไหนก็เอาเลยจ่ะ ต่อไปจะไม่ว่าอีกแล้วนะจ๊ะ อย่างอนเล้ยยยยยย คุณซ้งจ๋า”

ก็เลยต้องง้อ เพราะคนบางคนชอบให้ง้อเวลางอน

แรก ๆ ไม่รู้ แต่อยู่ด้วยกันบ่อย ๆ ถึงเริ่มเข้าใจ
คุณซ้งถนัดเรียกร้องความสนใจ ด้วยการแกล้งทำเป็นเมิน

ต้องสังเกตดี ๆ ว่าจริงจังหรือกำลังงอนและอยากให้ง้ออยู่
ในกรณีแบบนี้ แปลได้ว่า “ง้อหน่อย อยากให้ง้อ”

ก็เลยต้องง้อ

“ไม่ได้โกรธ ไม่ได้คิดอะไรด้วย อะไรนุชาพูดอะไรไม่เห็นเข้าใจ”

แปลได้ว่า ดีใจนะเนี่ยที่มาง้อ อ่านง่ายไปหน่อยมั้ยคุณซ้ง

และยังทำหน้าระรื่นแบบนี้ใส่อีก

ใจคอจะให้รักจนขาดใจตายเลยใช่มั้ยครับ น้องแรงบันดาลใจคุณซ้งคนดี
ตกลงจะทำให้รักขนาดนี้เลยใช่มั้ยครับคุณซ้ง






TBC...



มีน้องฝากประชาสัมพันธ์บอร์ดบอยเลิฟเปิดใหม่ ใครสนใจก็ตามเข้าไปนะัคะ http://www.facebook.com/MyNovel.k

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
ตอน  ไปวิ่่งกัน (จบ)


ห่างเหินจากการวิ่งเพื่อแรงบันดาลใจมาเนิ่นนาน
หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งปี วันนี้นุชาก็ได้มีโอกาสแวะเวียนกลับมาเยือนที่สนามอีกครั้ง

อยากจะกลับมาแบบเต็มภาคภูมิ เป็นที่ชื่นชมศรัทธาของคนทั่วไป
อยากให้เหล่าสมาชิกตื่นตะลึงกับฝีเท้าระดับเทพ
อยากให้รู้ว่าที่หายหัวไปนานก็เพื่อไปฝึกวิชา

วิ่งได้แล้วนะ วิ่งได้สี่ห้ารอบ ความเร็วในระดับ เอาชนะเด็ก สตรี และคนชราได้แล้ว
อยากจะคุยโม้โอ้อวดมาก อยากจะโชว์ฝีมือให้เห็นกับตา แต่จะมีประโยชน์อะไร
ถ้าไอ้ทั้งหมดที่ฝึกซ้อมมา มันไม่สามารถเอามาแสดงให้โลกรับรู้ได้

การผูกเชือกรองเท้าแบบฟรีสไตล์คือสิ่งที่นุชาใช้เพื่อถ่วงเวลาเมื่อสมาคมนักวิ่งวัยดึกวิ่งผ่านหน้าไป โดยที่นุชายังไม่มีโอกาสจะได้ก้าวเดินลงสนาม

“อาตี๋ เร็ว ๆ เซ่ ทำมายยางไม่ลงมา เอ้าสู้แค่ไหน สู้แค่ไหน ตี๋เอ้ยยยย สู้แค่หนายยย”

สู้แค่ขาดใจครับ เพื่อน ๆ สู้แค่ขาดใจจริง ๆ นะ

ไม่ได้ปวดเข่า ไม่ได้ปวดฟัน ไม่ได้ปวดใจ แต่....สาเหตุที่ร่างกายไม่เป็นใจมันเป็นเพราะอะไร ไอ้คนที่ควรรู้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นคนนั้น คนที่หน้าใสกิ๊ง และวิ่งลิ่ว ๆ เป็นรอบที่แปด

น้องแรงบันดาลใจคุณซ้งที่น่ารักนั่นเอง

เห็นทำหน้าเมินโลก ตอนที่วิ่งผ่านหน้าไป
และนุชาก็ได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ และโบกไม้โบกมือให้และเหมือนเห็นคุณซ้งอมยิ้ม แล้วก็ส่ายหน้าเหมือนว่าเห็นเป็นเรื่องสนุกสนานซะเต็มประดา แล้วจะ....หน้าแดงทำไมครับ ไม่เห็นมีอะไรที่ทำให้คุณซ้งต้องหน้าแดง

ไอ้ที่ต้องนั่งผูกเชือกรองเท้าเพื่อถ่วงเวลาและไม่สามารถวิ่งได้เหมือนชาวบ้านเขามันก็เพราะฝีมือคุณซ้งไม่ใช่หรือไงครับ ยังจะมาส่งยิ้มให้อีก แล้วทำหน้าแดงใส่อีก
ถ้าจะทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ วันหลังอย่ามาขอ งานนี้ตอบได้เลยว่ายากกกกกกกกกกส์

“อาตี๋น๊า มาวิ่งกะอาม่าก็ล่าย ครายมานแกล้งอาตี๋ คราย ๆ อย่าให้ม่ารู้นะจาจัดการให้”

อย่าเลยครับอาม่ากิม อย่าจัดการเลยครับ ส่วนหนึ่งของอาการบาดเจ็บมันมาจากหลานชายของอาม่าเป็นผู้กระทำร่วมด้วย ไม่ใช่ใครที่ไหนจริง ๆ และดูท่าเจ้าตัวเขาจะภาคภูมิใจกับผลงานชิ้นโบว์แดงนี้มากซะด้วย

“จะไปเดี๋ยวนี้ครับอาม่า”

ลุกขึ้นยืน และก้าวขาเดินลงสนามในสภาพเดินแทบไม่ตรงทาง
สาเหตุเพราะอาการเจ็บแปลบ ๆ จากด้านหลัง เพราะถูกทำร้ายร่างกายอย่างหนักเมื่อคืนที่ผ่านมาหลังจากไม่ได้เจอหน้าคุณซ้งมาหนึ่งสัปดาห์เต็ม

จัดได้หนักมาก

ขอบคุณครับที่จัดได้ถึงใจ แต่จะดีกว่ามั้ย ถ้าไม่ทำให้ร่างกายมีสภาพแบบนี้

โทษคุณซ้งก็ไม่ได้อีก เพราะถ้าไม่ร่วมด้วยช่วยกัน มันคงไม่ต้องมามีอาการแบบนี้
จะโทษก็โทษตัวเองด้วย โทษคุณซ้งคนเดียวมันก็ไม่ถูก

“อาตี๋ทำมายเดินอย่างน้านนนล่ะ คราวนี้เจ็บตรงไหนอีก เดี๋ยวอากงจะได้หายาให้ลื้อได้ถูกทำมาย มาวิ่งทีไรไม่เคยหายซะที ลื้อเป็นโรคอารายว๊า”

ขอบคุณที่ห่วงใย แต่มันคงไม่ต้องรบกวนใครหรอกครับงานนี้
ตอบยากจริง ๆ ไม่รู้จะพูดยังไงครับอากง

“อาตี๋อีม่ายเป็งไรหรอกนา อีแข็งแรง มา มา มาวิ่งกับอาม่านี่แหละ อาซ้งอีก็ทำเกินปายยยย ม่ายหวายนา รู้ว่าอาตี๋ไม่สบายก็ยังไปลากอาตี๋มาวิ่งอยู่ล่าย”

ครับใช่

จริงด้วย

อาม่ากิมเท่านั้นที่รักและเห็นใจผมอยู่ตลอด ยกให้เป็นผู้หญิงในอุดมคติเลยจริง ๆ

ได้แต่ยิ้มแหย ๆ และนุชาก็ก้าวขาวิ่งเหยาะ ๆ โดยได้รับการประคบประหงมจากเหล่าสมาชิกชมรมนักวิ่ง ประดุจดั่งไข่ในหิน มองแล้วเหมือนดาวล้อมเดือนก็ไม่ปาน

แล้วก็แซงไปอีกจนได้

รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าน้องแรงบันดาลใจคุณซ้ง ผู้มีฝีเท้าระดับเทพ วิ่งผ่านหน้าไปด้วยใบหน้าที่โชกไปด้วยเหงื่อไหลซึมหยดเป็นทาง

เอ็กซ์โคตร น่ายอมให้ทำร้ายร่างกายอีกซักรอบ ด้วยความสมัครใจ
และโน่นนนน วิ่งไปโน่นแล้ว แบบทิ้งห่างคู่ต่อสู้อย่างไม่เห็นฝุ่น

ไม่คิดจะเทียบรุ่นอีกแล้ว ชีวิตนี้
แค่สภาพร่างกายก็แพ้ตั้งแต่แรก ขาก็สั้นกว่าคุณซ้งอีก แค่คิดจะสู้ยังคิดผิดตั้งแต่เริ่มคิด

กูหนอกู เวรกรรมจริง ๆ

วิ่งเหยาะ ๆ ก้าวขาเหยาะ ๆ วิ่งเรื่อย ๆ กับสมาชิกในชมรมนักวิ่งวัยดึก คงจะเป็นสิ่งที่นุชาคู่ควรที่สุดแล้วในชีวิตนี้

“เอ้า สู้แค่หนายยยยย”

เพลงมาร์ชประจำชมรมของเรา ได้เริ่มต้นแล้ว

“อาตี๋สู้แค่หนาย ร้องซี ร้องเพลงกับอาม่าน๊า”

คร้าบบบบบ อาม่า จะมีใครรักและใส่ใจนุชาเท่ากับอาม่ามั้ย คงไม่มีอีกแล้วครับ
รักอาม่ากิมที่สุดเลย ที่คอยเข้าอกเข้าใจ เห็นใจ อยู่เสมอ และคอยอยู่ข้าง ๆ
แม้ในยามที่รู้สึกว่าตัวเองอาภัพและอับโชค เกินกว่าจะไปเป็นคู่ต่อสู้ของคุณซ้งได้

“สู้แค่ขาดใจ ใช่มั้ยครับอาม่า”

ส่งยิ้มให้กับเทรนเนอร์ที่หายดีเป็นปลิดทิ้ง และแทบเดาไม่ออก ว่าครึ่งปีก่อนเคยเข้าไปนอนในห้องไอซียูเพราะประสบอุบัติ

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้คนเราฟื้นตัวได้เร็วจริง ๆ แม้สังขารจะล่วงเลยไปขนาดนี้แล้วก็ตาม

ทุกคนรู้ว่าอาม่ากิมไม่เหมือนเดิม

ทุกคนรู้ และไม่เร่งฝีเท้าให้เร็วนัก เพื่อจะได้ให้อาม่ากิมวิ่งไปด้วยกัน
มันคือน้ำใจและการดูแลกันในช่วงวัยสุดท้ายของเหล่าสมาชิกชมรมคนชราที่รู้ว่าชีวิตตัวเองเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง


เลยไม่รู้ว่าจะเร่งรีบหรือก้าวขาเร็วขึ้นไปทำไม การวิ่งที่มีสภาพเหมือนเต่าคลานไม่ได้ทำให้นุชาหรือว่าเหล่าสมาชิกในชมรมหงุดหงิดหรือขัดใจ

แค่ได้วิ่งไปร้องเพลงไปยิ้มไปด้วยกันก็เกินพอแล้ว

“สู้แค่ขาดใจสิอาตี๋ สู้ สู้”

ครับ สู้ สู้ สู้

นุชาหัวเราะร่า และมีหน้าที่คอยประคองอาม่ากิม ถ้าเห็นว่าความเร็วในการวิ่งชักจะเร็วเกินไป โดยได้รับการฝากฝังมาจากน้องแรงบันดาลใจซ้งหน้าใสกิ๊ง ที่วิ่งลิ่ว ๆ แบบไม่เคยกลัวเหนื่อย และตอนนี้วิ่งเข้าไปรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

แต่รู้ว่ามองเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ

ไม่เคยเบื่อเลยจริง ๆ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้

ผิดกันแต่ว่า วันแรกที่วิ่ง คุณซ้งทำหน้าเมินโลกแบบไร้เยื่อใย ไม่มีความสนใจแม้แต่จะมองหน้ากันเลยสักนิด คนรอบข้างไม่ต้องพูดถึง เพราะแค่ชายตาแล คุณซ้งยังไม่คิดจะทำ

แต่วันนี้ไม่ว่าคุณซ้งจะวิ่งผ่านหน้าไปกี่ครั้ง ก็ยังมีการส่งสายตามองมา แม้จะแกล้งทำเป็นเฉยเมินโลก แต่ก็รู้ว่าอยากจะส่งยิ้มให้ใจแทบขาด เพราะเห็นว่าแอบอมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากอยู่หลายครั้ง

“สู้เพื่ออาราย อาตี๋ สู้เพื่ออารายยยย สู้ สู้”

สู้เพื่ออะไรไม่รู้ แต่สู้เพื่อคนที่ทำให้หลงรักแบบสุดหัวใจคนนั้นตอบได้เลยว่าใช่

“สู้เพื่อแรงบันดาลใจคร้าบบบบบบบบ”

ตะโกนตอบออกไปเสียงลั่น และเห็นคนที่วิ่งผ่านหน้าไปก่อนหน้านั้น สะดุดเท้าตัวเองและถึงกับต้องหยุดวิ่งและหันมามองแบบทันทีทันใด

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า แรงบันดาลใจที่ว่าหมายถึงใคร

แรงบันดาลใจที่ว่า ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล คงเป็นคนที่วิ่งไปแบบไม่สนใจโลกคนนี้

แต่ตอนนี้บังคับตัวเองให้ไม่สนใจใครอีกไม่ได้แล้ว

นุชา.....เป็นคนที่เข้ามาในชีวิตแบบไม่บอกไม่กล่าว
เข้ามาวน ๆ เวียน ๆ อยู่ใกล้ ๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโดยไม่ทันให้ตั้งตัว

อยู่ใกล้ ๆ และทำให้เกลียดขี้หน้า อยู่ไปอยู่มา เริ่มขาดไม่ได้
ขาดนุชาไปแล้ว รู้สึกเหมือนว่าจะขาดใจ เพราะนุชามีอะไรดีมากว่าเป็นแค่อาตี๋นักวิ่งร่วมสนามที่ไม่เคยมีวันไหนไม่บาดเจ็บ

นุชา....

ซ้งถึงกับวิ่งไม่ออก ก้าวขาลงไปยืนอยู่ข้างสนาม และเหล่าสมาชิกชมรมนักวิ่งกำลังจะวิ่งผ่านหน้าไปช้า ๆ โดยมีนุชาเป็นหนึ่งในสมาชิกชมรม ที่หันมายักคิ้วส่งให้

อยากจะชี้หน้าคาดโทษนัก แต่อาการวิ่งแบบไม่ตรงทางก็ทำให้ยิ้มออกมาได้และถึงกับส่ายหน้าเมื่อคนที่วิ่งผ่านไป เริ่มทำหน้านิ่วคิ้วขมวด คงเป็นเพราะอาการบาดเจ็บ...ใช่มั้ย

“สู้ เพื่อใคร สู้เพื่อใคร สู้เพื่อครายยยยยยยย”

เพลงมาร์ชประจำชมรมนักวิ่ง ที่ไม่เคยตั้งใจฟัง แต่คราวนี้ทำให้ซ้งถึงกับยิ้มกว้างและรอฟังคำตอบของเพลงที่ทำให้นึกเขินจนหน้าแดงหลายครั้งในวันนี้

“สู้เพื่อแรงบันดาลใจ สู้เพื่อแรงบันดาลใจ สู้เพื่อแรงบันดาลจายยยยย”

อยากจะเดินไปกระชากคนที่ปากดีแซวกันซึ่งหน้ามาจูบโชว์ซะให้หนำใจแต่ก็ทำไม่ได้

มันน่าโมโหนัก สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้มีแค่ยืนอมยิ้มอยู่คนเดียว และรอเวลาให้นักวิ่งในชมรมวัยดึก วิ่งผ่านมาอีกรอบ จะได้ตอบกลับคนที่ขยันแซวให้ได้อายกลับไปซะบ้าง

ไอ้นุ่นเน่าเอ้ยยยยย เพราะแบบนี้ไงถึงได้รัก มันเป็นเพราะแบบนี้ไงถึงได้รักมากจนชีวิตนี้ขาดนุ่นต่อไปอีกไม่ได้แล้ว

นุ่น....ซ้งอ่ะโคตรรักนุ่นเลยจริง ๆ ให้ตาย

น้องแรงบันดาลใจคุณซ้งยืนอมยิ้มอยู่ข้างสนาม
ส่วนนุชาที่วิ่งผ่านหน้าไปก็ได้แต่อมยิ้มกับตัวเองด้วยความสุข
สิ่งที่พอจะคิดได้ในเวลานี้ก็คือ

การวิ่งคือการออกกำลังกายที่สุดยอด ไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริม
วิธีการง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากแค่เพียงก้าวขา

สุขภาพดีเยี่ยมได้รับแน่นอนแบบไม่ต้องรอ

แต่มีบางอย่างที่ใครบางคนอาจได้รับมากกว่าสุขภาพกายที่ดีขึ้น

การวิ่ง........ให้อะไรมากกว่าที่คุณคิดจริง ๆ








Fin…










ในที่สุดก็มาถึงตอนสุดท้ายแล้วนะคะ หวังว่าคงจะถูกใจกัน
ต้องขอบคุณ คุณเท็นที่แต่งเรื่องน่ารักๆมาให้อ่าน ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและเป็นกำลังใจให้นะคะ
ถ้ามีเรื่องผิดพลาดประการใดจากการโพสแนนขอน้อมรับนะคะ o(>_<)o[/color][/b]

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด