[22]
ผมกำลังกอดกับพี่ใหญ่อย่างมีความสุข จะมีสักกี่คนนะที่เกิดมาแล้วพบคนที่ดีกับเราได้ขนาดนี้ คนที่พร้อมจะเข้าใจในตัวเรา คนที่พร้อมจะใส่ใจในความรู้สึก คนที่ให้แม้ไม่เคยเรียกร้อง ผมอาจจะเป็นผู้รับที่โชคดีที่สุด แต่ผมก็อยากจะเป็นผู้ให้บ้าง......ให้กับพี่ใหญ่ของผม
“ป๊า.....” ผมผละออกจากพี่ใหญ่ทันทีที่เห็นว่าหลังประตูที่เปิดออกมานั้นเป็นใคร
“หายแล้วหรอเราถึงมาอยู่นี่” ป๊าไม่ได้ดุอะไรผม เพียงแต่ทำหน้าไม่ถูกเท่านั้น
“ก็ดีขึ้นแล้วครับ” ผมไม่รู้ว่าจะมีคำไหนที่จะดีกว่านี้
“งั้นก็ดีแล้ว เดี๋ยวป๊ากลับก่อนแล้วกัน” ป๊ามองหน้าผมนิ่งๆไม่ได้แสดงท่าทางอะไรให้รู้ถึงอารมณ์
“ครับ” ผมได้แต่ก้มหน้ามองพื้น เพราะไม่รู้ว่าป๊ายอมให้อภัยผมแล้วหรือยัง
“พรุ่งนี้มาทานข้าวเย็นที่บ้านนะ ต้อนรับแขกจากกรุงเทพ” พอผมเงยหน้าก็พบกับรอยยิ้มของป๊าที่ส่งมาให้ แค่เท่านี้มันก็ทำให้ผมมีความสุขอย่างมากแล้ว
“แต่ว่า...” ผมหันกลับไปมองพี่ใหญ่ที่นอนยิ้มน้อยๆอยู่บนเตียง เพราะผมไม่อยากทิ้งให้พี่ใหญ่ต้องอยู่คนเดียวที่นี่
“ไอ้เอมันว่าง เดี๋ยวให้มันมาดูแลเพื่อนมันเอง” ป๊าคงเห็นว่าผมห่วงพี่ใหญ่ เลยเสนอความคิดมาให้
“อ้าวป๊า....ผมก็อยากอยู่ด้วยนี่นาพรุ่งนี้นะ” พี่เอเริ่มท้วงขึ้นมา ท่าทางจะไม่ยอมง่ายๆ
“เอ็งกับน้องใครควรต้องอยู่พรุ่งนี้” ป๊าหันไปถามพี่เอ ถามในสิ่งที่ผมสับสน พรุ่งนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นหรอ ผมถึงต้องอยู่ที่บ้าน
“ทุกทีเลย อะไรก็บีๆ” พี่เอทำท่างอนป๊า แต่ผมว่าจริงๆก็แค่แกล้งเล่นเท่านั้นเอง
“พรุ่งนี้ตอนเอมันมา เราก็ขับรถกลับบ้านนะ” ป๊าไม่ได้สนใจพี่เอ แต่หันมาบอกผมต่อ
“ไม่ต้องห่วง เสร็จเรื่องแล้วจะพามาส่ง” ป๊าหันไปบอกพี่ใหญ่ แต่ไม่ได้มองตรงๆ
ก่อนที่ป๊าจะกลับ ได้หันมาบอกทั้งผมและพี่ใหญ่
“คราวหน้าคราวหลังอย่าทำอะไรโจ่งแจ้งแบบนี้อีก ยังทำใจไม่ได้”
พูดทิ้งไว้แค่นั้น ก่อนจะเดินออกไปพร้อมพี่เอ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ทำอะไร ทำไมไม่ปรึกษา” ผมหันไปดุคนที่นอนป่วยอยู่บนเตียง
“พี่ขอโทษครับ” พี่ใหญ่ยิ้มกลับมาให้ผม
“เคยทำอะไรหนักๆแบบนั้นหรือไง” ผมยังโวยวายต่อ
“พี่ขอโทษครับ” รอยยิ้มที่มีดูจะกว้างขึ้นกว่าเดิมอีก
“เหนื่อยแล้วทำไมไม่พัก จะขับรถกลับทำไม”
“พี่ขอโทษครับ”
“ถ้าอุบัติเหตุมันแรงกว่านี้ จะเป็นยังไง”
“พี่ขอโทษครับ”
ผมเริ่มหงุดหงิดกับคำที่พี่ใหญ่พูด และรอยยิ้มที่ส่งมาให้ผม นี่จะรู้ไหมว่าคนเค้าเป็นห่วง แล้วยังจะพูดแต่คำเดิมๆ แล้วยิ้มนั่นอีก มันน่าหมั่นไส้นัก
“พูดเป็นอยู่คำเดียวหรือไง” ผมทำหน้ามุ่ยไม่พอใจพี่ใหญ่
“พี่ขอโทษครับ” เอาอีกละ ไม่เลิกใช่ไหม ผมทำท่าจะว่าพี่ใหญ่ต่อ แต่พี่ใหญ่ก็พูดสวนมาก่อน
“พี่ขอโทษที่ทำอะไรไม่บอก พี่ขอโทษที่ตัดสินใจทำอะไรที่ไม่เคยชิน พี่ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง และพี่ขอโทษที่พี่ “รัก” บี” พี่ใหญ่ดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้ง ด้วยมือเพียงข้างเดียวที่เหลืออยู่ ถึงแรงดึงจะไม่มาก แต่ตัวผมก็แทบจะถลาเข้าไปหาพี่ใหญ่ทันทีที่ได้ยินประโยคเหล่านั้น
“พี่จะขอโทษทำไม......พี่แค่อย่าเป็นอะไรเท่านั้นก็พอแล้ว” ผมซุกหน้าลงกับอกของพี่ใหญ่ น้ำตาจากไหนไม่รู้ไหลมาอย่างมากมาย ที่พี่ใหญ่ทำไปทุกอย่าง ที่พี่ใหญ่ต้องมานอนแบบนี้ มันเป็นเพราะพี่ใหญ่ทำเพื่อผมทั้งนั้น แล้วแบบนี้ผมจะไปโทษอะไรพี่ได้หละครับ
“พี่ทำให้คิดมากหรือเปล่า” พี่ใหญ่ถามทั้งที่ผมยังซบอยู่ที่อกพี่ใหญ่
“............” ผมไม่ได้ตอบอะไร แค่ส่ายหน้ากับอกเบาๆ
“ไม่คิดมากแล้วทำไมผอมลงตั้งเยอะ ดูสิกอดไม่เต็มมือเลย”
“ถ้าชอบแบบเต็มมือก็ไปหาคนอื่นสิ” ผมเงยหน้าออกมาจ้องหน้าพี่ใหญ่ ถึงรู้ว่าพี่ใหญ่พูดเล่นแต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ มันเหมือนผมมีข้อเสียที่เติมให้พี่ใหญ่ได้ไม่เต็ม
“ไปหาทำไมหละ มีอยู่แล้วทั้งคน ก็แค่ขุนคนนี้ให้เหมือนเดิมก็พอใจแล้ว” พี่ใหญ่ดึงกลับไปอีกครั้ง รอยยิ้มแบบนั้น มันยิ่งทำให้ผมชอบพี่มากขึ้นนะครับ รอยยิ้มที่อบอุ่น และเป็นรอยยิ้มจากพี่ใหญ่ที่ผมรัก........
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนบ่ายแก่ๆของอีกวันหนึ่งพี่เอก็มาที่โรงพยาบาลและบอกให้ผมกลับบ้านไปเตรียมตัวเลย เพราะวันนี้ป๊าจะมีแขกมา ให้ผมไปทานข้าวด้วย ผมว่าจะอยู่อีกสักพักค่อยกลับ แต่พี่เอบอกให้กลับไปเลยเพราะป๊ารออยู่
“ทำไมผมต้องมาทานข้าวกับแขกของป๊าด้วยหละครับ” พอผมกลับมาถึงบ้าน ก็ถามในสิ่งที่ผมสงสัย เพราะที่ฟังดูแล้ว เหมือนว่าผมเป็นคนสำคัญของการทานอาหารวันนี้
“เพื่อนป๊าจะมา คุยเรื่องหมั้นของเรา” ป๊าบอกนิ่งๆ แต่มันทำให้ผมตกใจไม่น้อย
“หมายถึงใครครับป๊า” ผมพยายามคิดว่าไม่ใช่ผม แต่ทำไมในใจมันก็คิดว่าต้องใช่
“บี กับ ลูกของเพื่อนป๊า” หน้านิ่งๆของปา ทำให้ผมไม่รู้ว่าป๊าคิดอะไรอยู่กันแน่
“ผมไม่คุย ผมจะกลับโรงพยาบาล” ผมทำท่าจะกลับ แต่ไม่ทันที่ผมจะเดินออกไป ก็มีมือมาล็อกแขนผมทั้งสองข้าง
“ไอ้เหน่ง ไอ้อู มึงปล่อยกูนะ” เด็กที่ร้านของป๊าสองคนจับแขนผมทั้งสองข้างไม่ให้ผมขยับตัวได้
“ขอโทษนะเฮีย เถ้าแก่สั่ง พวกผมก็ต้องทำ” ไอ้เหน่งบอกผม หน้าตาของมันมีความเห็นใจผม แต่ผมก็ยังดิ้นขัดขืนอยู่ดี
“ป๊า...ปล่อยผมเถอะนะ ผมรักพี่ใหญ่จริงๆ ผมอยู่ไม่ได้ ถ้าขาดพี่เค้า ป๊าก็เห็นแล้วว่าเค้าดีขนาดไหน ทำไมป๊ายังขัดขวางเราอีก สงสารพวกผมสองคนนะป๊า” ผมแทบจะขาดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ตอนนี้ ผมต้องแยกจากพี่ให่จริงๆใช่ไหม ทำไมป๊าไม่เข้าใจพวกผมสักที
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย....มึงสองคนพาเฮียไปบนห้อง แล้วอย่าให้หนีไปได้นะ” ป๊าหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แล้วหันไปบอกไอ้สองคนให้พาผมไปขังไว้ในห้อง
เมื่อผมเข้ามาอยู่ในห้อง ผมคิดทบทวนเรื่องทั้งหมดเพียงลำพัง ผมก็ยังไม่เข้าใจป๊าอยู่ดีว่าเพราะอะไร ทำไมป๊าไม่ยอมรับพี่ใหญ่เสียที แล้วแบบนี้ผมจะทำยังไงดี ผมเองที่เป็นคนเดินเข้ามาให้ป๊าจับขัง แล้วจะหนีออกไปยังไง ยิ่งคิดผมก็ยิ่งสับสนมากยิ่งขึ้น
ถามว่าผมอยากฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหานี้ไหม ผมตอบได้เลยว่าไม่คิด เพราะอย่างแรกถ้าผมตาย ผมกับพี่ใหญ่ก็ต้องจากกันอยู่ดี อย่างที่สอง ทุกปัญหามันมีทางออกของมัน เพียงแต่รอเวลาและสติเท่านั้น เพราะอย่างนี้ ผมถึงไม่อยากจะใช่อารมณ์มาตัดสินปัญหา
ผมไม่รู้ว่าผมนั่งคิดและอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองนานแค่ไหน มารู้ตัวอีกทีก้ตอนที่ไอ้เหน่งมาเปิดประตู ผมจึงรู้ว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว
“เถ้าแก่ให้มาตามครับเฮีย” ไอ้เหน่งพูดเบาๆ มันทำให้ผมรู้ถึงความรู้สึกผิดของมัน ผมจึงไม่อยากจะว่าอะไรมันมากไปกว่านี้
“นี่มันอะไรครับ” ผมมองหน้าทุกคนบนโต๊ะแบบงงๆ ก้ไม่ให้งงได้ยังไงหละครับ ก็คนที่นั่งอยู่นอกจากป๊ากับม๊าผมแล้ว ยังมีสมาชิกที่ผมคุ้นเคยอยู่ด้วย
พ่อ – แม่ของพี่ใหญ่ น้ำ พี่ดิว พี่เอ๋ ผมสับสนมึนงงไปหมด
“อ้าว จะงงทำไม ก็ป๊าบอกแล้วว่าเค้าจะมาคุยเรื่องหมั้นกับเรา” ป๊าผมหันมาบอกแบบยิ้มๆ
“ป๊าหลอกผม” ผมเริ่มโวยวาย ที่ปล่อยให้ผมคิดมากหลายชั่วโมงนี่ มันเพื่ออะไร
“ป๊าไปหลอกแกตอนไหน ป๊าบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าเพื่อนป๊าจะมาคุยเรื่องหมั้นของเรากับลูกเค้า” ป๊าตอบผมกลับมาด้วยหน้านิ่งๆ
“แล้วป๊าไปเป็นเพื่อนกับบ้านพี่ใหญ่ตอนไหน” ผมยังโวยวายไม่เลิก เพราะผมไม่ชอบถูกหลอกนี่ครับ
“เมื่อวานนี้” คำตอบสั้นๆ แต่มันทำให้ผมไม่พอใจอย่างมาก มันเหมือนผมโดนปั่นหัวอยู่
“ป๊ามีความสุขหรือครับที่เห็นผมต้องคิดมาก รู้ไหมผมรู้สึกยังไง รู้ไหมว่าผมทุกข์ใจแค่ไหน”
“แล้วตอนที่เราตัดสินใจออกจากบ้านไป คิดบ้างไหมว่าป๊ารู้สึกยังไง” เมื่อเห็นแววตาของป๊า และน้ำเสียง มันทำให้ผมต้องสะอึกทันที ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมทำให้ป๊าเสียใจขนาดไหน ผมอาจจะเป็นคนที่แย่ที่สุดเลยก็ว่าได้ ที่ทำให้บุพการีต้องทุกข์ใจ
“ผมขอโทษครับ” ผมได้แต่ก้มหน้าสำนึกผิด.....ผิดที่ทำให้ป๊าทุกข์ใจ ผิดที่โวยวายใส่ป๊า
“เอาเถอะ ไหนๆเรื่องก็ผ่านไปแล้ว มานั่งนี่สิลูกบี” แม่ของพี่ใหญ่เดินมาดึงมือผมให้มานั่งข้างๆ มันทำให้ผมรู้สึกดี แต่มันก็ยังไม่สบายใจอยู่ดีที่ผมเป็นต้นเหตุให้ป๊าเสียใจ
“แล้วเรื่องที่คุยค้างกันไว้จะเอายังไงดีคะ” แม่พี่ใหญ่หันไปคุยกับป๊าผม
“เงินสด 100 ล้านบาท ทอง 100 บาท บ้านหนึ่งหลัง พร้อมรถยนต์ 1 คัน.....ทางคุณตกลงไหมครับ” ป๊าผมจ้องมองพ่อและแม่พี่ใหญ่สลับกันไปมาระหว่างพูด ใบหน้านิ่งจนยากที่จะบอกได้ว่าจริงหรือเล่น
“ป๊า....” ผมตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ถ้าไม่ผิดพลาดอะไรสิ่งที่บอกไปนั่นน่าจะเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับผมเป็นแน่
“คุณคะ มรดกส่วนของเจ้าใหญ่นี่มีเท่าไหร่คะ” แม่พี่ใหญ่ไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่หันไปปรึกษากับพ่อพี่ใหญ่
“สบายอยู่แล้วแค่นี้ อีกอย่างเจ้าตัวมันก็คงไม่ว่าหรอกถ้าจะหักเงินจากมรดกมัน” พ่อพี่ใหญ่หันไปคุยกับแม่
“ถ้าไม่พอเอาของผมด้วยก็ได้” เจ้าน้ำเริ่มสมทบอีกคนหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้พี่ดิวและพี่เอ๋ยิ้มตามไปด้วย
“งั้นเป็นอันตกลง” แม่พี่ใหญ่หันมาบอกป๊าผม
“เดี๋ยวสิครับ ผมไม่ใช่สินค้านะ” ผมเริ่มท้วงคนอื่นๆ ทำอะไรกันเนี่ยเหมือนผมเป็นสิ่งของที่จะซื้อขายกันง่ายๆ
“อยู่เฉยๆนะดีแล้ว ยังไงแม่ก็จะเอาหนูมาเป็นลูกสะใภ้” แม่พี่ใหญ่หันมาบอกผม
“นี่พวกคุณจะไม่ต่อรองก่อนหรือครับ” ป๊าผมถามขึ้นมา
“ไม่หละคะ ลูกชายเรารักเด็กคนนี้และเรากรักด้วย เท่าไหร่ก็สู้คะ” แม่พี่ใหญ่ลูบแก้มผมเบาๆ พร้อมกับตอบคำถามของป๊าผม
“55555 งั้นก็เป็นอันตกลงครับ แต่ที่บอกมานะ ผมไม่ต้องการหรอกครับ แค่คุณรักและเอ็นดูลูกชายเรา ผมก็พอใจแล้วครับ” ป๊าผมหัวเราะมีความสุข พร้อมกับส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้ผม……..
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะครับ
ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว แต่ยังมีไข้นิดหน่อย
เพราะทำงานทุกวัน ร่างกายเลยไม่ค่อยได้พักผ่อน
ต้องเร่งทำงานให้เสร้จ ก่อนที่จะลาออกไปเรียนนะครับ
มีความสุขกับตอนใหม่กันนะครับ