ตอนพิเศษรักสนุก.....แต่ไม่ผูกพัน


เปิดเพลงประกอบตอน
http://www.youtube.com/v/1itOnMsh-nA?fs=1&hl=en_USเดคไม้ที่เรียงรายไปด้วยต้นจิกน้ำ ทิ้งช่อดอกแดงอร่ามไปทั่วทั้งคณะศิลปกรรม ลานด้านข้างคณะแห่งนี้ยังคราคร่ำไปด้วยนักศึกษา ที่รวมตัวกันแต่ละชั้นปี พบปะพูดคุยกันตามประสารุ่นพี่รุ่นน้อง สำหรับคณะที่ห่างไกลความเจริญ ในมหาลัยแห่งนี้
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าบ่อยครั้ง กลุ่มคณะสถาปัตย์ฝั่งคลองตรงข้าม จะข้ามสะพานมารวมกลุ่มเฮฮาสังสรรค์
ไม่ใช่สถาปัตย์ไม่น่าอยู่ ไม่ใช่สถาปัตย์ไม่สวยงาม
แต่พอดีหัวใจอยู่ที่หนุ่มศิลปกรรมไปแล้ว
ถาปัตย์จะน่าอยู่ขนาดไหน ก็ต้องข้ามคลองมายึดศิลปกรรมเสมือนเรือนตายอยู่ดี
แต่วันนี้
โต๊ะที่ครื้นเครงที่สุด เฮฮามากที่สุด และเป็นที่สนใจมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นจากรุ่นพี่หรือรุ่นน้อง
ไม้เว้นแม้แต่คณะอื่นๆ ที่โฉบผ่านมาส่งสายตา ให้หนุ่มหล่อติสแตกแถวนี้
เสียงหัวเราะเพิ่งจะสิ้นสุดไป เมื่อเป้เข้ากับสมัยนิยมลอยหวือลงมากลางโต๊ะ อย่างกับจับวาง
บรรยากาศมาคุลอยเข้ามาแบบไม่มีใครได้ดูฤกษ์ดูยามไว้ล่วงหน้า
“กินรังแตนที่ไหนมาวะฉาน หรือว่าเมียหาย” ต่อให้คนที่ส่งกระเป๋ามาให้ดูต่างหน้า จะมีสีหน้าแทบจะฆ่าคนได้ด้วยมือเปล่าแค่ไหน
แต่มันก็ยังมีคนยื่นปากเข้าไปหาเรื่องตายอยู่ดี
ถ้าไม่ใช่ไอ้หวาน หนุ่มหน้าโฉดแห่งศิลปกรรม ใครหละจะกล้ากับท่านฉานแสง
แม้หน้าตาจะปฎิเสธไม่ได้ว่า เทพบุตร มีจริงแค่ไหน แต่หน้าตาพ่อเทพบุตรแห่งสถาปัตย์ตอนนี้
ใกล้เคียงกับซาตานชนิดที่แตกต่างจากหน้าตาโดยสิ้นเชิง
วินาทีวิกฤตแบบนี้ ขนาดไอ้แกละ ที่ว่าปากเสียไม่แพ้ใครในถาปัตย์ ยังไม่กล้ายื่นปากไปแซว คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกพี่
แต่ไอ้หวานมันมีมากกว่าคำว่ากล้า ไม่ใช่แค่คำถามเท่านั้นที่ยียวน แต่มันเป๊ะทั้งหน้าตาและท่าทาง ถ้าไม่ติดว่าอารมณ์เสียอยู่ ไอ้ฉานคงเอารองเท้ายัดปากไอ้คนที่กล้าไม่ดูเวร่ำเวลาแล้ว
“เออ “ กระแทกเสียงตอบไปแบบเซ็งในชีวิตสุดๆ
มันจะฉิบหายก็อีตอน เดาสุ่มถามไปแบบไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงนี่แหละ
ไม่ใช่แค่คนปากกล้าที่สะดุ้ง แต่มันสะดุ้งกันทั้งโต๊ะนั่นแหละ ....ทั้งตกใจทั้งแปลกใจ
มีด้วยเหรอวะ!!! ที่คนอย่างไอ้ฉาน หวงเมียยังกะจงอางหวงไข่ ปล่อยให้เมียหาย...
เรื่องแบบนี้แปลกที่สุดในสามโลกเลยเหอะ.....
ต่อให้สนใจใคร่รู้ เรื่องคู่รักคู่ดังสะท้านมหาลัยแค่ไหน.......แต่ใครหละจะกล้าลองดีกับท่านฉานแสง
ถึงจะเป็นเพียงแมลงเม่า.....แต่ไฟตอนนี้มันลุกโหมเกินกว่าจะบินเฉียดเข้าไปใกล้เลยเถอะ...แค่โดนอายความร้อนยังตายเลย...
ไอ้คนเมียหายมันฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ใช้ท่อนแขนต่างหมอน...ยังกะจะปิดบทสนทนาเรื่องเมียหายไว้แต่เพียงเท่านี้
คิดดูสิ.....ไอ้เมฆมันเพื่อนไอ้หวานแท้ๆ แต่ไอ้หวานยังไม่รู้เลยว่ามันหาย
แล้วสามีที่อยู่กันคนละฝั่งคลอง มันรู้ได้ไงวะ!!
เสียงถอนหายใจดังขึ้นรอบโต๊ะ รอยยิ้มหวานที่ดูประดิษฐ์อย่างที่สุด ถูกส่งไปให้ หญิงสาวเพียงคนเดียวของกลุ่ม
วันนี้น้อยหน่า สวยที่สุด!!!
(ความจริงมันก็สวยที่สุดทุกวัน......ก็มันเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มนี่..ถึงต้องพิจาณากันนานๆก็เหอะ)
แล้วทั้งโต๊ะก็ต้องหนาวสะท้านไปทั่วสันหลังอีกครั้ง เมื่อไอ้ห้าวของแกงค์ เขย่าแขนไอ้คนที่แกล้งตายต่อหน้าเพื่อนๆ
“เฮ้ยฉาน เป็นไรวะ เมื่อคืนนอนไม่พอเหรอ หรือไม่ได้นอน หรือว่า...เมียหาย!!!!”
ไม่รู้ว่าไอ้แกงค์ถาปัตย์และแกงค์ศิลปกรรมที่มันสมานฉันท์กันตั้งแต่เพื่อนในกลุ่มเกี่ยวดองเป็นผัวเมียกัน กลายเป็นคนขวัญอ่อนกันตั้งแต่เมื่อไหร่ อะไรนิดอะไรหน่อยก็สะดุ้ง
ก็มันน่าสะดุ้งน้อยซะที่ไหนหละ....นี่ขนาดมากันคนละเวลา แต่คำพูดคำจาไม่กลัวตาย ยังกับกอปปี้กันมายังไงยังงั้น
วิญญาณที่ออกจากร่างไอ้ฉานไปเมื่อไม่นาน สงสัยจะกลับเข้าร่างอีกครั้ง
“อือ...เมฆมันบอกมึงบ้างป่ะ เรื่องที่จะไปสอนวาดรูปให้ไอ้แสบข้างบ้านไอ้ไม้อ่ะ”
“ไม่ได้บอก แล้วไอ้ไม้มันสอนเมียมันเองไม่ได้รึไง ถึงให้ไอ้เมฆไปสอน เมียมึงสอนคนเป็นด้วยเหรอวะฉาน “ ขอให้ได้กัดสักนิดแขวะสักหน่อย ก็สบายใจแล้วสำหรับไอ้หน่า
“ไม่รู้หวะ เห็นไอ้ไม้บอกว่าสอนกันแล้วจะตีกันตายทุกที กูก็พอจะเข้าใจ แต่ที่กูไม่เข้าใจคือ ทำไมกูติดต่อมันไม่ได้”
“อ่อ คือที่มึงมานั่งทำหน้าหมาหงอยอยู่นี่ เพราะติดต่อเมียมึงไม่ได้ว่างั้น...แล้วมันไปหาไอ้แสบน้องปลื้มนั่นยังไงวะ”
“ไอ้ไม้ไปส่ง”
“อ้าว แล้วทำไมมึงไม่ถามไอ้ไม้ละเฮ้ย....มานั่งทำตาขวางอยู่ทำไม กูก็สงสัยว่าทำไมวันนี้เดคเงียบผิดปกติ เพราะมึงนี่เอง”
“กูรอมันอยู่เนี่ย วันนี้มีพรีเซ็นต์ ยังไม่ลงมาจากตึกเลย ความจริงถ้ากูไม่ติดว่าต้องพรีเซ็นต์เป็นคนแรกๆนะ กูไปส่งเองแล้ว แมร่ง ทำตัวน่าสงสัยตั้งแต่เมื่อเช้าแระ”
“ยังไงวะ....หรือว่าเมียมึงทำตัวมีลับลมคมใน หรือว่ามันเสน่ห์แรงมีคนมาชอบอีกวะ “
“ไม่รู้หวะ แต่หลังๆมานี้ชอบมีโทรศัพท์มาดึกๆ แล้วมันชอบปลีกตัวไปคุยคนเดียว มึงว่าน่าสงสัยมั้ยหละ”
ทุกคนชินแล้ว!!
มีอยู่เรื่องเดียวที่มีผลต่อสภาพอารมณ์เทพแห่งสถาปัตย์ได้ คือเรื่องไอ้เมฆนี่แหละ ทั้งๆที่มันก็อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา จะห่างกันก็แค่ตอนเรียน ทั้งๆที่มันเรียนรู้กันมาตั้งสิบห้าสิบหกปี แต่ถ้าเป็นเรื่องของไอ้เมฆ สาวห้าวที่ไม่เคยมีความรักอย่างน้อยหน่า ยังสงสัยไม่หาย ไอ้เมฆมันดื้อเงียบ หัวรั้น และปากเสียจะตาย ทำไมไอ้ฉานยังไม่ชิน!!!
ถึงจะยอมรับแต่ไม่เคยพูดให้เจ้าตัวดีใจ ว่าไอ้เมฆมันหน้าตาดี ทั้งสาวทั้งหนุ่มถึงได้แวะเวียนมาถูกอกถูกใจไข่ในหินของไอ้ฉานนักหนา แต่หลายครั้งที่น้อยหน่า ออกความเห็นว่า เค้ามาชอบไอ้เมฆก็ให้ชอบไป เดี๋ยวพอเค้ารู้ว่าไอ้นั่นมีดีแค่หน้าตาอย่างเดียว แต่ปากร้ายยังกะอะไร เค้าก็หายกันไปเอง
แผนนี้ไม่เคยได้ผล
ไอ้ฉานมันฟังซะที่ไหน ขอแค่รู้ว่ามีใครมาสนใจไอ้เมฆ แค่เพียงแสดงออกว่าสนใจ แต่ยังไม่ทันจะทำอะไร ก็มีอันต้องถอยทัพกลับไปแทบไม่ทัน ทั้งชายทั้งหญิงนั่นแหละ ไอ้ฉานมันตัดไฟยังแต่เค้ายังไม่ทันจะราดน้ำมัยเลยด้วยซ้ำ..........ทุกคนชิน แต่ที่ไม่ชินคือ เวลาที่ไอ้เมฆมันออกนอกลู่นอกทางทีไร เพื่อนๆต้องลุ้นกันแทบหายใจไม่ทั่วท้องทุกทีว่าไอ้ฉาน จะระเบิดลงแบบไหน แล้วสะเก็ดระเบิดจะกระเด็นลงที่ใครรึเปล่า
“มึงไม่เชคโทรศัพท์มันหละ ทำยังกะมึงไม่เคย”
“เชคแล้ว แต่มันรู้ทัน มันโทรเสร็จแล้วมันลบหวะ พอกูคาดคั้นก็มางอนกูอีก หาว่ากูจ้องจับผิดมัน ทั้งๆที่กูโกรธ แทนที่มันจะมาง้อ กลายเป็นกูต้องตามง้อมันซะงั้น”
ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าไอ้ฉานดี...
ความจริงแล้วใครๆก็รู้ว่าไอ้คู่นี้มันรักกันด้วยพันธะที่เหนียวแน่นที่สุด
มันไม่ใช่คู่เกย์ที่รักสนุกกันไปวันๆ ตามอารมณ์ชั่ววูบ มันไม่ได้เป็นเกย์มาเพราะว่าแฟชั่นหรือเกิดมาเป็นแบบนั้น แต่คนอื่นยัดเยียดคำว่าเกย์ให้มัน เพียงเพราะ มันสองคนเป็นผู้ชายที่รักกันแบบคนรักเท่านั้น
ไอ้ฉานก็แมนแสนจะแมน แถมเก่งและเทห์ จะว่าเพอร์เฟคเลยก็ได้
ส่วนอีกคนก็ พยายามจะแมน จริงๆแล้วมันก็แมน แต่มันเสือกไม่มั่นใจ มันเลยพยายามแสดงออกเป็นพิเศษ ไม่คิดว่าการที่มันตกอยู่ในสถานภาพรับถาวร และใครๆก็เรียกมันว่าเมียไอ้ฉาน จะทำให้มันเสียความมั่นใจขนาดนี้
แต่การแสดงออกของไอ้เมฆก็น่ารักดี...เพื่อนๆเลยขยันแซว
ไม่ใช่ไอ้ฉานคนเดียวที่หน้าบูด ไอ้คนแก่ที่กินเด็กหัวเกรียนข้างบ้านไปหมาดๆ ก็บูดไม่แพ้กัน ไอ้ไม้เดินข้ามสะพานมาฝั่งที่ทุกคนนั่งกันอยู่หน้านิ่วคิ้วขมวด รุ่นน้องที่เดินสวนไปจะยกมือไหว้ยังต้องยั้งมือแล้วเดินสวนไปแบบไม่กล้าสบตา คงกลัวรุ่นพี่อมหัว มองแล้วก็น่าสงสาร แล้วก็แปลกใจ
ทำไมเพื่อนๆที่มีครอบครัวถึงได้อารมณ์เสียพร้อมกันแบบนี้วะ แล้วนี่ไม่ใช่เอาระเบิดมาลงที่ศิลปกรรมอีกคนนึงหรอกนะ......ดีแล้วที่คนอย่างน้อยหน่าไม่อยากจะมีแฟน
“เฮ้ยฉาน กูว่ามึงมีผู้ร่วมชะตากรรมแล้วหวะ” เสียงไอ้แกละร้องบอกพร้อมส่งสายตาไปหาเป้าหมาย ที่ตอนนี้เดินมาหยุดตรงโต๊ะที่นั่งรวมกันแบบพอดิบพอดี
“ฉานมึงติดต่อเมฆได้มั้ยวะ” ไอ้คนถูกถามไม่ได้ตอบอะไรได้แต่ส่ายหน้าเซ็งๆ
“มึงก็ติดต่อไอ้เมฆไม่ได้เหรอ เออ ให้มันได้แบบนี้ดิ กูติดต่อตี่ตี้ไม่ได้เหมือนกัน ทำตัวน่าสงสัย” ไอ้คนที่เมียเด็กหายก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งเชียว ตอนแรกก็ปากแข็งทำเป็นไม่ได้คิดอะไรกับไอ้เด็กเกรียน แต่ที่ไหนได้ ไม่ได้สนใจแต่ก็กินลูกเค้าไปทั้งตัวแล้ว ที่สำคัญไอ้คนที่บอกว่าไม่ได้สนใจ มันกำลังหัวเสียเพราะติดต่อไอ้แสบเกรียนข้างบ้านไม่ได้อยู่ไม่ใช่รึไง....
ถ้าไม่ติดว่ามันกำลังอารมณ์เสียอยู่ ก็อยากจะขากถุยใส่สักทีสองทีเหมือนกันนั่นแหละ
“เฮ้ยๆ....นี่เมียพวกมึงพร้อมใจกันเหลวไหลเลยเหรอวะ “ คราวนี้เป็นไอ้ไผ่ ที่เกิดความสงสัยขึ้นมา
“แล้วมึงเอาเมฆไปส่งหาเมียมึงที่ไหน” ทุกคนพร้อมใจกันเงียบแต่ขยายใบหูเพื่อการรับฟัง ปล่อยให้คนเมียหายสองคนเค้าปรึกษากันไป
“เซ็นลาด กูยังไม่ทันจะถามว่าไปสอนกันที่ไหน รถคันหลังก็เสือกกดดัน กูเลยต้องรีบออกมา กะว่าค่อยโทรถาม ที่ไหนได้ ติดต่อไม่ได้เลยแมร่ง”
“เดี๊ยวคงมีใครติดต่อกลับมาเองแหละมั้ง “ ไอ้ยอนออกความเห็นอย่างคนที่มองโลกในแง่ดี จริงๆแล้วเรื่องแบตหมดแล้วติดต่อไม่ได้เป็นเรื่องปกติจะตาย ใครๆเค้าก็เกิดภาวะแบบนี้ได้
“ติดต่อมาเอง แล้วมันตอนไหนหละ กูว่านะ เรื่องติวนี่ข้ออ้างชวนกันไปเหลวไหลแน่ๆ” เห็นมั้ยบอกแล้ว กับคนอื่น นี่อาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่มันใช้ไม่ได้กับไอ้คนเมียหายสองคนนี้แน่ๆ เพราะตอนนี้พวกมันใช้ความคิดชนิดที่ว่า รอยย่นตรงหัวคิ้วจะพันเกลียวกันได้อยู่แล้ว
“เฮ้ยยยยยยยยยย ไอ้ฉาน ฉิบหายแล้ว ใช่แน่ๆ กูว่านะ แมร่งเอ้ย”
“มึงขยายความดีๆ ไอ้ไม้ฉิบหายอะไร มึงพ่นมาแค่นี้ จะมีใครเข้าใจกะมึงมั้ย”
“ก็คืนก่อน เพื่อนตี่ตี้โทรหา แล้วคุยกันถึงผับเกย์แถวรัชดา เห็นบอกว่าเป็นผับที่รวมรวมเกย์วัยมัธยมปลายและวัยมหาลัยตอนต้น ดูท่าทางตี่ตี้จะสนใจ เห็นช่วงหลังๆชอบบ่นอยากรู้ว่าเกย์เค้าใช้ชีวิตกันยังไง จะอะไรกันนักหนาวะ จะอยากรู้ไปทำไม ก็กูบอกแล้วว่าเกย์จะใช้ชีวิตยังไงก็ช่างแม่ง แต่ให้มันใช้ชีวิตเหมือนเดิมก็พอ” แลดูไอ้ไม้จะหัวเสียไม่น้อยพอบ่นมาถึงตอนนี้
“แล้วเกี่ยวอะไรกับเมียกูวะ” นั่นสิ เพื่อนๆทุกคนในโต๊ะก็เสือกทำหน้าอยากรู้ขึ้นพร้อมกัน แล้วไอ้เมฆผู้มาดแมนเกี่ยวอะไรด้วยวะ
“เมียมึงคงอยากรู้จักชีวิตย์เกย์รับยุคใหม่ จะได้เอาไว้มัดใจมึงมั้ง “
“มึงแน่ใจเหรอไม้ ว่าอย่างไอ้เมฆมันอยากจะได้เทคนิคมัดใจ กูว่าแค่มารยาร้อยเล่มเกวียนที่มันขยันงัดออกมาใช้เนี่ย กูว่าก็ติดทอปเท็นในแดนสยามแล้วนะ” ไม่ใช่ไอ้ฉานหรอกที่พูดประโยคนี้ แต่เป็นไอ้หน่า ผู้จัดการส่วนตัวที่รู้ดียังกะอยู่ใต้เตียงต่างหากหละ
“หรือว่าเมียมึง อยากพิสูจน์อะไรอีกรึเปล่าวะฉาน เมียมึงยิ่งขยันสงสัยอยู่ คงอยากเป็นนักวิจัยหรือไม่ก็นักวิทยาศาสตร์” ไอ้หวานออกความเห็นได้น่าสนใจ
“นั่นดิ ไม่ใช่ว่ามันพิสูจน์เรื่องที่พวกเราชอบแซว ว่ามันอ่ะมีเสน่ห์ต่อเพศผู้ด้วยกันนะเว้ย พอพวกกูแซวเรื่องนี้ทีไรชอบทำหน้าประหลาดใจทุกที ทั้งๆที่ผัวมันก็เป็นผู้ชายด้วยกันแท้ๆ พอกูแซวว่ามีเสน่ห์กับพวกผู้ชาย เสือกทำหน้าแปลกใจใส่กู”
“แล้วพิสูจน์ ด้วยการพาตัวเองไปอยู่ในดงเกย์เนี่ยนะ แล้วไอ้เมฆมันรู้มั้ย ว่าเกย์อะเค้าถึงเนื้อถึงตัวกันแค่ไหน ไม่ใช่พอใครมาแตะเนื้อต้องตัว หรือมีท่าทีเข้าไปสนใจ แล้วมันโวยวายพังผับเค้านะเว้ย” เออ เจริญมากเพื่อนแต่ละคน ออกความเห็นกันแบบไม่กลัว ไอ้เมียหายสองคนจะอกแตกตายกันเลยทีเดียว
“มึงเอาไงวะฉาน มึงคิดว่าไง” ไอ้ไม้เริ่มหน้าซีดไปกับความเห็นของเพื่อนๆแล้วตอนนี้
“ก็ไม่ไง ก็รอเวลาแล้วก็ตามไปสิ หรือมึงจะปล่อยเมียมึงให้ไปเผชิญชะตากรรมเองหละ “
“ไม่ได้เว้ย เมียกูไม่ใช่ของสาธารณะนะ แล้วเห็นมันแสบๆแบบนั้น จริงๆแล้วมันรู้ไม่เท่าทันใครเท่าไอ้เมฆนะเว้ย”
“เออ งั้นมึงก็สืบมาให้ได้ ว่าร้านที่เพื่อนเมียมึงบอกชื่ออะไร”
“กูได้ยินว่าอยู่รัชดา ซอยแปด ร้านชื่อจีอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ กูได้ยินไม่ชัด ไม่แน่ใจ ไม่อยากให้มันรู้ว่ากูแอบฟัง เลยไม่ได้สนใจอะไรมาก”
“แค่นี้ก็เยอะพอแล้ว นี่ขนาดไม่ได้สนใจอะไรมากนะเนี่ย ไอ้ปากแข็ง”
“เออ แล้วมึงรู้เหรอว่าร้านไหน”
“ไม่รู้เว้ย แต่ค่อยไปถามแถวนั้นเอาก็ได้”
“แล้วถ้าแถวนั้นมันมีร้านชื่อออก จีๆ หลายร้านจะทำไงวะ”
“ก็ชวยไปสิ ทำไงได้ มึงกะกูก็ต้องฝ่าฝูงเกย์ไปตามหาเมีย เป็นไงมึง เร้าใจดีมั้ย” เพื่อนๆนี่ลุ้นกันจนตัวโก่ง แต่ไอ้ไม้ทำหน้าแหยงเมื่อรู้ว่าอาจจะต้องเปลืองตัวให้ฝูงเกย์แทะโลมทางสายตา