รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .  (อ่าน 29452 ครั้ง)

tanutchai

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #60 เมื่อ13-03-2010 01:29:23 »

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคับ ผมก็คนนึงที่คิดว่าถ้ารักใครแล้วผมจะไม่ปล่อยให้เขาหลุดไป แต่ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นการยื้อรึเปล่า เขาจะรำคาญรึเปล่า
แต่มันก็ดีกว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ใช่หรอคับ :3123:
ปล re บนน่าสนใจคับ ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

tonsai_2520

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #61 เมื่อ13-03-2010 06:12:01 »


ต อ น ที่   ๕



   เวลาที่คุณ ๆ  มีความรัก  หัวใจคุณ ๆ เป็นอย่างไรครับ

   ผม . . .

   . . . นายโมกข์


   รักแรง  เดินเร็ว  กล้าได้  แต่กลัวเสีย  ผมเป็นแบบนี้จริง ๆ  เป็นคนที่นิสัยค่อนข้างแย่  เพราะผมจะชอบแอบคิดเองเออเองแทบทั้งนั้น  ผมกลัวความผิดหวัง  กลัวความเจ็บปวด  มันกลับไปสามวันแล้ว  เป็นสามวันที่ผมทำงานไม่รู้เรื่อง  

   ภาพคืนนั้น . . .

   . . . คืนที่ผมนอนกอดมันเอาไว้  ตารมมาหลอกหลอนผมอยู่ตลอดเวลา

   ผมถามตัวเอง . . .

   . . . คืนนั้น  ผมโง่มั้ย  ผมมีโอกาสมากกว่าการนอนกอด  แต่ทำไมผมไม่ทำ ผมปล่อยให้โอกาสนั้นมันหลุดมือไปได้อย่างไร   ถ้าวันข้างหน้า  สิ่งที่ผมคิด  ไม่เป็นแบบที่คิด  ผมจะเสียใจไหมที่คืนนั้นผมไม่พิชิตศึกน้องไม้

   ความคิดทางด้านต่ำในตัวเอง  . . .

   ผมมานั่งนึกดู  สองปีที่ผ่านมา  ผมทำตัวแย่  แย่เอามาก ๆ  ตอนนี้  ผมรู้สึกรักใครคนนึง  รักมาก  คิดถึงมาก  หรือว่าแท้จริงแล้วมันเป็นเพียงแค่ความหลงก็ไม่รู้  ผมหลงในรูป รส  กลิ่นเสียง  ของน้องไม้  ยังไงนะเหรอครับ

   หลงรูป . . .

   . . .ไม้หล่อ  หล่อขนาดไหนหรือครับ  ขนาดตอนมีงานวันคริสมาสต์ที่ปริ้นรอยัลสมัยมัธยม  ไม้เป็น  ๑ ใน ๓  คนที่อยู่บนเวทีนั้นก็แล้วกัน  ส่วนผมนะหรือ  แค่คนธรรมดา ๆ  คนนึงเท่านั้นเอง  ผมไม่มีสิทธิ์เลือก  แต่สำหรับไม้  ผมมองด้วยสายตา ไอ้น่ารักของผมมันประเภท

    “หล่อเลือกได้”

   แล้วเลือกมานอนกับกรูนี่นะ . . .

   รส . . .

   . . . ผมยังจำตอนผมประกบปากมันได้  สัมผัสแรกที่ปากของมันค่อย ๆ  ทาบทับกับริมฝีปากของผม    เขียนไม่ออก  มันอาย  ฮิ้วววววว

   กลิ่น . . .


   . . . อันนี้เป็นเอามาก  มากถึงมากที่สุดแล้ว

   เสียง . . .

   . . . ทั้งกลิ่นและเสียงนี่  ทำเอาผมหลงหัวปักหัวปำเลยทีเดียว

   “หวัดดีครับ”  เสียงมันรับสายครั้งที่ห้า  หรือ  หก  ของครึ่งวันเช้าแล้วก็ว่าได้

   “ยุ่งไหม”

   “คุยได้”

   “ไม้ใช้น้ำหอมอะไร”  ผมยังจำได้  ตอนที่มันไร้ซึ่งเสื้อผ้า  กลิ่นนั้นยังติดจมูกผมอยู่เลย  แบบนี้ๆไม่เรียกว่าผมเป็นเอามากจะเรียกอะไรดีหว่า

   “อะไรพี่”  มันหัวเราะเบา ๆ

   “ถามดู  คืนนั้นตอนหอมแก้ม  หอมตรงจักแร้  มันติดจมูก”  ผมอายเหมือนกัน  แต่ก็ยังอยากที่จะถาม  ประมาณว่า  ไม่ได้เจอตัว  ขอกลิ่นที่คุ้นเคยได้ไหม

   “ไม่ได้ใช้นี่ครับ  ใช้แต่สเปรย์”

   “ของไรว่ะ”

   “เอ็กซิส”

   ผมกวาดสายตาไปที่ชั้นขายสเปรย์ในท้อปเอสพละนาดมองหา  ยี่ห้อตามที่ไม้บอกมา  ผมมันชอบวางแผนล่วงหน้า เลยเดินมารอก่อนที่จะโทรหามัน  รอบคอบได้อีก

   “เห็นแล้ว  มีตั้งหลายสี”

   “ของไม้ใช้สีีแดง  เลิฟสกรีน”

   ผมมองหา . . .

   . . . ไม่มี

   พลิกแล้วพลิกอีก  แทบจะรื้ออกทั้งชั้น  แต่มันก็ไม่มีสักขวด

   “ไม่มีอ่ะ  ว๊าแย่เลย”

   “เป็นไรมากมั้ยอ่ะพี่โมกข์”  เสียงมันหัวเราะเบา ๆ

   “ก็คิดถึงไม้  คิดถึงกลิ่นหอม ๆ  ในอ้อมกอดคืนนั้น”  ผมหื่นได้ทุกที่  ขนาดเดินอยู่ในซุปเปอร์มาเก็ตยังไม่วายเล่น

   “ไม่เอา  ไม่คุยแล้ว  ทำงานแค่นี้นะ”  มันกดวางสายไปเลย

   ผมหลับตา  นึกภาพตอนมันอายออก  โดนผมเกี้ยวซะขนาดนั้น  ขืนมันคุยต่อ  มีหวังได้เสร็จทางโทรศัพท์แหง๋ ๆ  

   ผมโทรหามันบ่อยไหม ?

   บ่อยครับ  สามเวลาหลังอาหาร  แถมมีรอบค่ำ  รอบดึก  ผมจะโทรหาทุกครั้งที่อยากโทรหา  เพราะมันบอกผมเอาไว้  ถ้าว่างก็จะรับ  ส่วนมันนะหรือครับ  มันไม่ชอบโทรศัพท์เท่าไหร่มั้ง  เพราะตอนที่มันมานอนกับผมคืนนั้น  มีแค่สองครั้งที่มีสายเรียกเข้ามาเท่านั้นเอง

   “หวัดดีครับคุณอา  มีอะไรอีกครับ”  มันเปลี่ยนสรรพนามทันทีเมื่อผมโทรไปอีกครั้งในช่วงค่ำ  หลังจากวางสายคราวก่อนไปไม่ถึงสามชั่วโมง

   “คิดถึง”

   “เป็นอะไรมากมั้ยนั่น”  มันหัวเราะเบา ๆ

   “ก็ใครล่ะมาทำใจพี่ปั่นป่วนขนาดนี้”

   “แหม คุณอาก็”

   “เดี๋ยวโดน  มาเรียกองเรียกอา”  มันจิ้ด ๆ นะสิครับ  เพราะผมแก่กว่ามันเยอะนี่หว่า

   “ถึงห้องยัง”

   “ยังแวะโลตัสอยู่”

   “ซื้ออะไร  ของใช้หรือ”

   “อืม  กำลังหาเอกซิสอยู่”  ผมคุยไป  เท้าก็เดินไปที่ล๊อคของเครื่งดับกลิ่น

   “เป็นเอามาก”

   “ทำไม ก็คิดถึง  ทำกไมหายากนักว่ะ  ท้อปไม่มี  คาร์ฟูไม่มี  นี่แวะห้างที่สามแล้วนะเนี่ย”  ผมบ่นไปเดินไป

   “สงสัยเขาทำอิลิชั่น  มีขายเฉพาะเซ้นทรัลแอร์พอร์ท”

   “อย่ามาตลก . . .”       ผมเดินมาหยุดตรงที่เคาน์เตอร์

   “. . . เจอแล้ว  กระป๋องสีแดงเหรอ”

   “ช่าย  แดงออกส้ม  เลิฟสกรีน”

   ผมหยิบไอ้กระป๋องนั้น  มาฉีดที่หลังมือ  กลิ่นของมันหรือครับ  กลิ่นเดียวกันด้วย  กับที่ผมเคยใช้จมูกดมไปทั่วทั้งกายของน้องไม้  ผมไม่ลังเล หยิบมันใส่รถเข็นในทันที

   “ได้แล้ว  หายคิดถึงคนไกลหน่อยนึง”

   “มีใครบอกพี่โมกข์มั้ยนี่ว่าเน่าได้ใจ”

   “เน่าเพราะรักหรอกครับ  รักหมดตัว  หมดหัวใจไปแล้ว”  ผมตาบอด  บอดสนิทเลยทีเดียว  เพราะในที่สาธารณะขนาดนั้นยังกล้าเล่น  กล้าพูดอีก

   เหมือนโลกรอบ ๆ  ตัวมีแค่มันเท่านั้น . . .

   . . . ความสุขที่ผมไม่ได้สัมผัสมาร่วมสองปี

   “ไม่คุยแล้ว  จะอาบน้ำ  แค่นี้นะ”  มันตัดสายทิ้งตามเคยไม่ปล่อยช่องให้ผมได้หยอดก่อนวางสายเลยสักนิดเดียว  มันน่านักไอ้น่ารักของผม  


   
   
   ผมมองรูปในกล้องดิจิตอล  รูปเดียวกับที่ผมโหลดลงมือถือเป็นภาพหน้าจอ  รูปของผมเองที่ถ่ายที่น้ำตกที่เมืองกาญจนฯ  เมื่ออาทิตย์ก่อน  น้ำตกที่ผมหมายมั่นปั้นมือว่าจะพาไอ้น่ารักไป  แต่จนแล้วจนรอด  ผมไม่ได้พามันไป  เพราะไอ้เพื่อนเลวมันดันหักคอผมให้เล่นไพ่

   ผมมองออกไปนอกหน้าต่างของเคบินเครื่องบิน . . .

   . . . ท่ามกลางหมอกเหมยยามเช้าของวัน  ผมกลับเห็นภาพอะไรบางอย่าง  วันนั้นหลังจากที่ผมถ่ายรูปนี้  ผมก็จัดการอะไรบางอย่าง  ภาพวันนั้นยังติดตาผมจวบจนวันนี้

   “เจ้าของเสื้อไม่มา  แต่แฟนเจ้าของเสื้อใส่มาเอง ฮิ้ววววว”

   ข้อความ  MMS  พร้อมรูปถ่ายที่ผมถ่ายที่น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น  หลังจากวันที่ไม้กลับไปเชียงใหม่ได้สามวัน  ผมอยากมาถ่ายรูป  เลยถือโอกาสส่งรูปทางโทรศัพท์ไปยั่วมัน  ไอ้น่าร๊ากกกกกก  ของผม

   เพียงครู่เดียวเท่านั้น . . .

   “ไม่ต้องส่งมายั่วเลยคนเรา”  มันส่งเสียงมาตามสาย

   “ยั่วตรงไหน  เห็นมาไม่ได้เลยเอาเสื้อมาด้วยไง”

   “ไม่ยอมทิ้งเลยนะเสื้อตัวนั้น”  นั่น  เข้าทาง

   “ตราบใดที่ไม้ยังไม่ทิ้งพี่  พี่ก็ไม่ทิ้งเสื้อของไม้หรอก”  ผมหยอดกลับไป  ก่อนรู้สึกอายตัวเองยังไงไม่รู้  กล้าเล่นได้อีก

   เสียงปลายสายอึ้งอยู่พักใหญ่

   “แหวะ  อย่ามาหยอด”

   ผมยิ้ม เพราะหลังจากคืนที่ผมรอโทรศัพท์  ระหว่างมันกับผม  ก็ใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ  ผมตั้งใจเอาไว้  อีกไม่กี่วัน  ผมจะลงไปหามัน    เพราะหากว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือลิขิตฟ้า  ผมจะถนอมมันเอาไว้ให้นานมากที่สุด  หากว่ามันไม่ใช่  เส้นทางของผม  ก็คงเดินไปเดียวดายเฉกเช่นที่ผ่านมาอีกครั้ง . . .

   . . . ผมเฝ้ารอวัน  ที่จะได้เจอกับมันอีกครั้ง เพราะผมคิดถึงมันเหลือเกิน

   หากจะมีใครสักคนที่มาปั่นป่วนผมได้  น่าจะเป็นมันนี่แหละ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร  ผมหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้  หรือว่าความจริงแล้ว  ในความรักมันไม่จำเป็นที่จะต้องหาคำตอบ  เพราะทุก ๆ  อย่างมันมีคำตอบในตัวของมันเองดีอยู่แล้ว

   ผมไม่รู้ . . .

   . . . ผมไม่เคยรู้อะไรเลย  นอกจากความรู้สึกที่ว่า  ผมเป็นเอามาก  เมื่อยามที่นึกถึงใบหน้าของมัน  แค่หลับตา  รอยยิ้มมันก็ลอยมา  ทุก ๆ อย่างในเวลานี้  มันเหมือนความฝัน  เป็นความฝันที่ผมเองก็ไม่อยกาตื่นมาพานพบกับความจริงเสียด้วยซ้ำ

   โลกแห่งความฝันสวยงามเสมอ . . .

   . . . หากวันนึง

   ผมตื่นขึ้นมา  แล้วเจอกับคำตอบที่ว่า  สิ่งที่ผมคิดอยู่มันไม่ใช่ มันไม่ได้เป็นแบบที่ผมคิดหวังเอาไว้  ผมจะทนกับความเป็นจริงได้มากน้อยขนาดไหน  ผมพยายามตั้งคำถามกับตัวเอง  เพื่อเป็นเกราะกำบัง  ยามวันเวลาข้างหน้า สิ่งที่ผมเจออาจจะไม่ใช่ที่ผมหวังไว้ทั้งหมด

   ผมยอม . . .

   . . . หากวันหน้านั้นเจ็บปวด

   ผมจะเอาวันดี ๆ  ในเวลานี้มาปลอบประโลมหัวใจที่เจ็บปวด

   ผมยิ้มกว้างมองรูป . . .

   . . .  เสียงกัปตันประกาศเครื่องพร้อมที่จะแลนดิ้งแล้ว . . .

   เครื่องค่อย ๆ  แท็กซี่มาที่ลานจอดที่สนามบินเชียงใหม่  อย่างช้า ๆ  เจ้านกสงขลาลงก่อนเวลาร่วมสิบนาที  ผมมองอาคารสนามบินที่อยู่นอกหน้าต่าง  หัวใจผมหรือ  กระโดดไม่เป็นจังหวะกว่าตอนที่ผมเจอมันคราวก่อนเสียอีก

   คราวนี้ . . .

   . . . ผมจะเดินเข้าไปหามัน  แล้วยิ้มกับมัน  พูดคุยได้อย่างเต็มคำ  ไม่ต้องแกล้งคอยถามโน่นถามนี่เกี่ยวกับสายการบินของมันอีก  เพราะต่อจากนี้  ผมจะคุยเรื่องราวของหัวใจได้อย่างเต็มคำ

   ปลายทาง . . .

   . . .  CNX  STATION

   วันนี้มันมีความหมายกว่าทุก ๆ  ครั้ง  ผมเดินลงมาจากเครื่องด้วยหัวใจเปี่ยมสุขอย่างที่สุด  เพราะปลายทางแห่งนี้  มีคนที่ผมรักรอผมอยู่  คงเป็นที่ไหนสักแห่งในอาคารผู้โดยสารหลังนั้น  ผมค่อย ๆ  ก้าวเท้ายาว ๆ  ไปยังห้องรอรับกระเป๋า  ก่อนเดินออกไปยังด้านนอก

   ขวามือผม  บูธรถเช่า  บูธลิมูซีนเข้าเมือง . . .

   . . . ส่วนบูธ  สีเหลือง  ผมเห็นชัดเจน  รอยยิ้มเดิม ๆ  ที่ผมคุ้นเคย

   ปลายทาง . . .

   . . . มีคนที่ผมรักอยู่จริง ๆ

   กลางหัวใจผม  มีแต่มันเท่านั้น

   ผมเดินไปสู่กลางหัวใจตัวเองอย่างช้า ๆ   ในปลายทางของถนนเส้นนี้  ถนนที่มีใครคนนึงรอผมอยู่  และผมวาดหวัง  ที่ปลายทางนี้  จะมีมันรอผมอยู่ในทุก ๆ  ครั้ง   ที่ผมมาเยือนสนามบินแห่งนี้  ความสุขที่ผมรับรู้ได้ผ่านทางรอยยิ้มนั้น

   รอยยิ้มที่ผมคุ้นเคย สมกับสโลแกนของสายการบิน . . .

   . . . ทุกเที่ยวบินมีรอยยิ้ม

   มันทำงานอยู่ในที่ของมัน  หากแต่มันหันมามองผมเท่านั้น  รอยยิ้มกว้างบนใบหน้ามันก็เกิดขึ้น  เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเอง  ว่ามันเองก็รอคอยการกลับมาของผมเช่นกัน

   “สวัสดีครับคุณอา” มันยกมือไหว้  แถมทำหน้าตากวนใจชะมัด

   “หวัดดีหลานชาย”

   “เอารถไปมั้ย”  มันถามผม   รอยยิ้มของมันเกาะกินหัวใจผมทุกครั้ง  ผมยิ้มตอบ  มองคนในเสื้อสีเหลือที่กำลังทำงานอยู่

   นี่ผมกำลังใช้เวลาส่วนตัวไปให้มันวุ่นวายเล่นในเวลางานหรือเปล่าหว่า

   “ได้แลกบัตรไว้มั้ย”  คำถามโง่ ๆ  ที่ผมถามมัน  ทั้ง ๆ  ที่รู้คนที่ทำงานที่สนามบิน  เขามีบัตรผ่าน  แต่ด้วยความอายที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับมัน  ทำให้ผมตั้งคำถามที่โง่ที่สุดออกไป

   มันตื่นเต้น . . .

   . . .  ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี  พยายามที่จะหาเรื่องพูดคุย แต่ดูเหมือนว่าสมองมันทึบ ๆ  เหมือนควายโง่ ๆ  ที่ไม่รู้จะพูดอะไรอ่ะดิ๊  ได้แต่ตะลึงกับใบหน้าใส ๆ  แก้มชมพูระเรื่อนั้น  นี่หากได้ฝังจมูกไปเบา ๆ นะ  คงมีความสุขที่สุดเลยวุ้ย

   ตื่น . . . ตื่น

   ฝันตอนเช้าตรู่นะมึงไอ้โมกข์ . . .

   “อะไรนะ”  มันเลิกคิ้วสูงกับคำถามเอ๋อ ๆ  ของผม

   “ได้แลกบัตรไว้มั้ย”

   คำถามเดิมที่ผมถามซ้ำ  ไอ้น่ารักเหมือนมันจะรับรู้ได้  ถึงรอยหยักในสมองที่มีอยู่อันน้อยนิดของผม  เพราะมันตั้งคำถามกลับมา  พร้อมแววตาที่มีคำถามในตัวเอง

   “ไม่”

   “ไม่ต้องแลกหรือ”

   “อืม”

   “แล้วเขาว่าไง”

   “ว่าไง”  มันทำหน้าตายียวนวอนโดนหอมแก้มชะมัด

   “แล้วเดี๋ยวตอนขาออกล่ะ”

   “เขามีป้ายติดเอาไว้ไม่เป็นไร”

   “ป้ายสนามบินหรือ”

   “อืม”

   ผมอยากเขกกบาลตัวเองนัก  ทำไมไม่หาเรื่องคุยที่มันดูดีกว่านี้ก็ไม่รู้  เรื่องที่อยากคุยกับมัน  ดันเป็นเรื่องอะไรที่  ทั้งมันและทั้งผม  ต่างก็รู้อยู่แก่ใจ  

   ไม้ส่งกุญแจรถมาให้ผม . . .

   “ไม่หายแน่นะ”  มันยิ้ม  

   “ไม่รู้”  ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่มัน  ก่อนรับกุญแจรถมาจากมัน

   มันกล้า . . .

   . . . หรือ  บ้ากันแน่หว่า

   ถ้าเป็นผม . . .

   . . . ผมจะกล้าพอที่จะหยิบยื่นกุญแจรถให้กับคนที่เจอกันไม่นานได้ไหม?

   ผมเดินมาหน้าอาคาร  แล้วยืนนิ่ง . . .

   . . . ทำไมมันไว้ใจผมนักหว่า  ผมมองหารถตามที่มันบอกมาตั้งแต่แรก  โห  รุ่นหายบ่อยเสียด้วย ดีแมคสี่ประตู  เวรแล้วมึง  ตอนนี้มึงกำลังโดนมันทดสอบอะไรบางอย่างเข้าแล้ว  ผมคิดในใจ  ก่อนเดินข้ามถนนไปยังรถที่จอดอยู่

   เข็มไมล์เพิ่งผ่านสองหมื่นกิโลเมตร . . .

   . . . แปลว่าเพิ่งพ้นสภาพป้ายแดงไม่นาน

   แล้วทำไมมันกล้าให้ผมเอารถไปใช้  คำถามเดิมที่ย้อนกลับเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง  แล้วคำตอบที่เข้าข้างตัวเองก็ทำให้ผมยิ้มกว้าง  ก่อนสตาร์ทรถ

   ตายห่า . . .

   . . . เกียร์ธรรมดา  มันขับยังไงแล้วหว่า  ขับแต่เกียร์ออโต้มาร่วมสิบปี  เจอเกียร์กระปุกเข้าหน่อย  ต้องนั่งนิ่ง ๆ  หลับตานึกว่าคลัชท์อยู่ตรงไหน  อันไหนคือเบรค  แล้วยังคันเร่งอีก  ส่วนเกียร์  มันต้องให้สัมพันธ์กับการปล่อยคลัชท์  ยากดีแท้  เกียร์ธรรมดา

   กว่าจะออกมาจากสนามบินมาถึงบ้านก็เกือบชั่วโมง  ทั้ง ๆ  ที่ปกติ  ผมขับราวยี่สิบนาที  แต่ครั้งนี้ ไม่กล้าขับเร็ว  มันกลัวไปหมด  ไม่ใช่รถตัวเองด้วย  แถมไอ้น่ารักมันไม่ได้พูดอะไรด้วย  มันแค่ส่งกุญแจให้ผม  ทุก ๆ อย่างของมันผมจะรักษาเอาไว้ให้สมบูรณ์แบบมากที่สุด

   แม่เหมือนจะถามด้วยสายตาว่าเอารถใครมาใช้ ?

   หากผมเฉย ๆ  นิ่งเสีย ก่อนรับแม่ไปทำธุระที่ศาลากลาง  แล้วเลยหาอาเพื่อไปหาอะไรกินกัน  เพราะจำได้ว่าตั้งแต่เครื่องออกมีแค่ขนมของป้าแอนตี้เท่านั้นที่ลงท้อง  นอกนั้นยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักอย่าง ลูกสาวอาตัวแสบมันดันไม่ไปโรงเรียน  ตามตูดมาเสียด้วย

   “เอารถใครมาขับหรือพี่  ไม่เคยเห็นว่ารถคันนี้จะจอดที่บ้านลุงเม่น ม๊าว่ามั้ย”  เปิดประเด็นมาทันทีเลยไอ้น้องตัวแสบ  แถมหันไปหาลูกคู่อีกด้วย

   “รถเพื่อน”

   “โห  แปลว่ารักกันมาก  เพราะไม่รักกันคงไม่ให้รถมาใช้หรอก”  คุณอาแกผสมโรงทันที   ให้ดิ้นตาย  แม่ลูกคู่นี้  รับส่งมุขกันสุด ๆ  

   แม่ก็หันมาเหลือบมองสิครับ . . .

   . . . ร้อยวันพันชาติ  ไม่เคยเอารถใครมาใช้  

   นิ่งเข้าไว้ . . .

   เงียบคือสิ่งที่ดีที่สุด  เพราะการพูดอะไรมาก  จะทำให้เข้าเนื้อตัวเอง  เพราะฉะนั้นจงนิ่ง ใช้ความเงียบแทนคำตอบทั้งหมดให้เขาคิดกันเอาเอง  อย่าได้กลัว  แต่หัวใจนี่มันเต้นแรงเสียด้วย  แม่จะจับผิดหรือปล่าวหว่า  แอบหวั่น ๆ  เล็กน้อยถึงปานกลาง

   “รถนี้ผู้ชายใช้แน่ ๆ . . .”   คุณอาแกกะเอาถึงตาย  เพราะแกดันไม่ยอมหยุดซะด้วย  ผมมองทางกระจกหลัง  แกยิ้มยั่ว

   รู้นะคุณอา . . .

   . . . อย่าเด็ดขาดนะเฟ้ย  เดี๋ยวคุณแม่จะช๊อค

   “อ้าว”  ผมพูดได้แค่คำเดียว

   “. . .เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะในรถนี้ไม่มีของจุกจิก”  เหตุผลประกอบเสร็จสรรพอาผม  เอากับคุณเขาสิครับ  ไม่สงสารหลานเลยผับผ่าเด่ะ

   เดี๊ยะ !

   ไปกรุงเทพฯ  เมื่อไหร่ปล่อยนั่งแท็กซี่ให้เข็ด  ไม่ยอมเป็นสารถีรับส่งแล้ว  แอบงอน  ฆ่ากันเลยดีกว่า มาเล่นแบนี้ต่อหน้าคุณมารดา  

   “เพื่อนอยู่นกแอร์แหง  มีทั้งหมวกทั้งเสื้อ”  คุณน้องเขาเอาด้วยกับแม่ หัวเราะกันครื้นเครงเลย  ตลกตรงไหนฟร่ะ  

   สงสารคนขับมั่งเหอะ . . .

   . . . แม่หันมามองไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว

   “NOK  MAI  ชื่อผู้ชายหรือผู้หญิงอ่ะม๊า  อ่านว่าใหม่หรือไม้ละเนี่ย”   นั่น  คุณน้องเล่นตอกตะปูปิดฝาโลง  เหลือเพียงส่งขึ้นเมรุรอเผาสถานเดียวเท่านั้นงานนี้

   “ชื่อไม้  เพื่อนไอ้เค  หลานน้าปูไง  จำไม่ได้เหรอ  ก็ลงสนามบิน  ไม่มีใครไปรับ  เจอน้องไม้ เลยยืมรถมันมา  เดี๋ยวบ่ายโมงก็จะเอาไปคืนแล้วล่ะ”  เอาล่ะครับ  งานนี้  มีเถไปน้ำใส ๆ  ล่ะว๊า  

   ถือคติ . . .

   . . . ทำผิดอย่ารับ

   จับติดรับแค่ครึ่งเดียวพอ !   

   “อ๋อ  นึกออกแล้ว  น้องไม้คนหล่อ ๆ   ที่สนามบินไงลูก  ม๊าก็เคยเจอบ่อย  นิสัยดีนะ  ยิ้มเก่ง”  อาแกดันพาซื่อ  จบเกมส์เสียง่าย ๆ     หรือเพราะสำนึกได้ว่า  เวลามากรุงเทพฯ  ยังต้องอาศัยคนขับรถแบบผมอยู่  เลยไม่อยากฝากบาดแผลเอาไว้ให้มากกว่านี้

   แค่นี้ก็เลือดซิบ ๆ  แล้วคร๊าบบบบบบ  อย่าสาวไปมากกว่านี้เลย  ผมจะตายเอาคารถไอ้น่ารัก

   “โอเค  ถึงร้านแล้ว  เชิญสั่งตามสบาย”  ผมจอดที่ร้านอาหารที่ไม่ได้ตั้งใจมากินร้านนี้  แต่เพื่อความปลอดภัยของเงาหัว  ทำอย่างไรก็ได้  ที่จะให้เรื่องราวมันยุติลงอย่างรวดเร็ว ขืนนานกว่านี้  มีหวังตายแหงแก๋  ไม่รอดแน่ ๆ

   กินเสร็จต้องรีบเอาแม่ส่งกลับบ้าน เพราะขืนอยู่นาน . . .

   . . . แม่จะลมจับ  ที่ลูกชายคนโตได้เมียเป็นผู้ชาย  กร๊ากกกกกกกกกก


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2010 10:51:52 โดย ต้นสาย »

OhJa

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #62 เมื่อ13-03-2010 09:22:04 »

ความสัมพันธ์ค่อยคืบหน้าไปอีกขั้นแล้ว
อิตาพี่โมกข์อาการหนักแฮะ หลงน้องไม้เต็มขั้นเลยทีเดียว  :-[

13th Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #63 เมื่อ13-03-2010 10:20:54 »

เข้าช่วยทำแผลครับ...เอ...คิดอีกที เอาแผลไปอ้อนแฟนน่าจะเวิร์คกว่านิ
ขอบคุณครับผม...

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #64 เมื่อ13-03-2010 13:04:12 »


• “. . .เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะในรถนี้ไม่มีของจุกจิก”  เหตุผลประกอบเสร็จสรรพอาผม
เอากับคุณเขาสิครับ  ไม่สงสารหลานเลยผับผ่าเด่ะ

ว้าย ห้ามคุณอาเปิดกลั๊ฟบ็อกซ์(glove box)นะคะ
เดี๋ยวจะเจอแป้งพัฟฟ์กับบลัชออน(cake powder & blush on) อิอิ

๒๘๕ + ๑ = ๒๘๖
ขอบคุณนะคะ คุณ ต้นสาย


ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #65 เมื่อ13-03-2010 13:57:51 »

โดนเข้าไปรี่เตรียมเผาได้เลยนะเนี่ย

ซักกันไม่หยุดใส่กันไม่ยั้งเลยคุณอาเนี่ย

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #66 เมื่อ13-03-2010 14:00:08 »

5555+

ขำ ๆ

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #67 เมื่อ14-03-2010 20:49:28 »

ตายสนิทกันเลย

วิ้วววววววววว

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #68 เมื่อ14-03-2010 21:02:02 »

เมื่อความรักมาเคาะประตูบ้านขนาดนี้ ไม่สมหวังให้มันรู้

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #69 เมื่อ15-03-2010 03:39:29 »

มาอ่านเล้วน่ะะๆๆ     เเต่  ยังไม่จบ  เดี่ยว พรุ้งนี้มาอ่านต่อ  อือิอิ   

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
« ตอบ #69 เมื่อ: 15-03-2010 03:39:29 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #70 เมื่อ16-03-2010 00:46:08 »

พีต้น  มาต่อได้เเล้ววววววววว   รออยุ่น่ะ



 :t3: :t3: :t3:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #71 เมื่อ21-03-2010 11:59:38 »

อ่า เงียบหายอ่ะพี่ต้น


Solar cell

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #72 เมื่อ22-03-2010 22:29:49 »

รอ ร๊อ รอ เมื่อไหร่จะมาสักที

ออฟไลน์ FÂntastic 1st™

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #73 เมื่อ23-03-2010 13:49:32 »

 :o8:

tonsai_2520

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #74 เมื่อ28-03-2010 11:11:30 »





ตอนที่  ๖



HS-TDE  นกสุรินทร์
ในเคบิน เหนือความสูงสามหมื่นฟิต . . .


   . . . เหม่อมองบนฟ้าไกล จ้องมองด้วยความสงสัย  ว่าใครกันนะใคร  ที่พาให้เธอเดินหลงทางมาเจอกับฉัน  มีคนเป็นล้านคน ช่างไร้เหตุผลจริง ๆ  ที่เราเจอกัน  จากเป็นคนไม่เชื่ออะไร  สุดท้ายก็ได้แต่ถามตัวเองซ้ำ ๆ  . . .

   . . . ตกลงคือพรหมลิขิตใช่ไหม  ที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น  ตกลงให้เรารักกันใช่ไหม  อย่างนั้นขอได้หรือไม่  โปรดอย่าทำให้เราพลัดพราก  ให้เรารักกัน   เนิ่นนานถึงจนวันตาย

   โอ้ . . . โอ  ฉันขอได้ไหม . . .

   ผมนั่งยิ้มคนเดียวตามเคยเมื่อมองไปนอกหน้าต่างเคบิน  มองฟากฟ้ายามอรุณแรก  ที่อุดมไปด้วยเมฆเหมยยามเช้า  ลอยเอื่อย ๆ ท่ามกลางแสงแดดอ่อน ๆ     ในสองหูมีลำโพงเล็ก ๆ  ที่เชื่อมต่อจากเครื่องโทรศัพท์มือถือ  เพลงเดิมที่ผมเปิดฟังมันซ้ำ ๆ   ในขณะที่เครื่องบินกำลังไต่ระดับเพดานบินเรื่อย ๆ  ปุยเมฆาบางเบาขาวราวสำลี  ลอยละล่องในห้วงเวลายามเช้าตรู่ของวันสวยงามเหมือนทุก ๆ  วัน  หรือ  จริง ๆ  แล้ว  มันสวยงามแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร  เพียงแต่ในเวลานั้น  ผมไม่เคยที่จะหยุดมองมันเลยเสียด้วยซ้ำ

   . . . เมื่อก่อนลมหายใจ  ก็คิดว่าเป็นของฉัน  แต่พอได้พบเธอ  เพิ่งรู้จริง ๆ  ลมหายใจคือเธอเท่านั้น  มีคนเป็นล้านคน  ช่างไร้เหตุผลจริง ๆ  ที่เราได้เจอกัน

   ผมมีความสุขนะ . . .

   . . .  แอบคิดไปเอง  เพลงนี้เขาแต่งมาเพื่อผมในเวลานี้จริง ๆ  เหมือนกับที่ก่อนหน้านี้  ผมแอบชอบเพลงประกอบภาพยนตร์พี่ลุง  ในหนังรัก   

   “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ”

   ชีวิตทุกชีวิตเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา . . .

   . . . เวลาสร้างและทำลาย  ทุก ๆ  อย่างล้วนขึ้นอยู่กับเวลาแทบทั้งสิ้น  เวลาเป็นสิ่งเดียวที่เที่ยงแท้  และไม่เคยทรยศ  จะเดินอย่างสม่ำเสมอ

   ไม่มีเหตุผลที่เธอต้องเลือกฉันจากเป็นคนไม่เชื่ออะไร  สุดท้ายก็ได้แต่ถามตัวเองซ้ำ ๆ  . . .

   . . . ตกลงคือพรหมลิขิตใช่ไหม  ที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น  ตกลงให้เรารักกันใช่ไหม  อย่างนั้นขอได้หรือไม่  โปรดอย่าทำให้เราพลัดพราก  ให้เรารักกัน   เนิ่นนานถึงจนวันตาย

   ทุก ๆ  ชีวิตมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกัน . . .

   . . . และปลายทางก็ไม่เหมือนกัน

   เพราะในแต่ละชีวิต  ย่อมมีวิถีทางที่เป็นของตัวเอง  ไม่มีใครเมหือนกันทั้งร้อย  ทุก ๆ  ชีวิตต่างดิ้นรน  เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ  จุดเริ่มต้น   ของแต่ละคนอยู่ที่ความต้องการของเขา

   และ . . .

   . . . ปลายทางของแต่ละคน  ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของคน ๆ  นั้นเป็นหลักแทบทั้งสิ้น

   สำหรับผม . . .   

   . . . ปลายทางของเช้าวันนี้   จังหวัดใหญ่อันดับหนึ่งของภาค จังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของภาคเหนือ

   เชียงใหม่




   ผมหลับตา . . .

   . . .  ยิ้มอย่างมีความสุขเพราะภาพเก่า ๆ  มันค่อย ๆ  เดินทางมาเยือนอีกครั้งในยามที่ผมหลับตาอยู่แบบนี้  ภาพนั้นชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น


   ผมชอบเครื่องบินตั้งแต่จำความได้  และกระเสือกกระสนมากมายที่จะบินให้บ่อยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้  ตอนเด็ก ๆ  อาจจะยากสักหน่อย  แต่พอเข้าสู่วัยทำงาน  การเดินทางของผมก็สะดวกมากขึ้น  และมันแปรผันตรงกับเงินในกระเป๋าสำหรับค่าใช้จ่ายในการบินแต่ละครั้งเสียด้วย

   ตั้งแต่เข้าสู่วัยทำงานเป็นต้นมา  ทางเลือกสองทางในการกลับบ้านที่เชียงใหม่ . . .

   . . . ขับรถกลับมาเอง

   และ . . .

   . . . บิน

   หากแต่ . . .

   ช่วงปีหลังมานี้บินบ่อยมาก  มากจนแทบอ้วกออกมาเป็น A320  อะไรมันจะมากขนาดนั้น  แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น  บินเพราะอานิสงค์คุณหางแดง 

   “ฉันรักเธอนะโปร O บาท”

   นั่นคือเหตุผลแรกในเมื่อก่อนที่ผมรักหางแดง . . .

   . . . แต่วันนี้ผมรักหางแดงด้วยอีกเหตุผลนึง

   “เพราะหางแดงรีไทม์  จึงทำให้ผมเจอใครบางคน”

   เพราะเดือนก่อน  ผมตัดใจทิ้ง  O  บาทไปหลายไฟลท์  เนื่องจากขี้เกียจกลับบ้าน  แต่บังเอิญว่าก่อนกลางเดือน  หัวหน้างาน  ท่านกวนอวัยวะที่ใช้เดิน   ผมเลยหาเรื่องหยุดเล่น ๆ  ให้แกด่า  เลยโทรเข้าคอลฯ  ของคุณหางแดงเค้า

   “FD รีไทม์  ผมไม่สะดวกเวลาใหม่จะทำอย่างไรได้บ้างครับ”    ไอ้เวรเอ้ย  รู้ทั้งรู้เลื่อนได้  แต่ที่ผมจองเอาไว้มัน  O  บาท  จะหน้าด้านเลื่อนอีกหรือนั่น

   ไม่สน . . .

   . . . จะเลื่อน เพราะผลประโยชน์ของผมเอง

   หลังจากเสียงเพราะ ๆ  ผ่านสายอธิบายมาผมก็ตกลงเลื่อนไฟลท์ทันที

   “แอร์เอเชียขอขอบพระคุณ ที่ท่านกรุณาเลือกใช้บริการของสายการบิน  มีอะไรให้รับใช้อีกไหมค่ะ”

   กำลังจะบอกขอบคุณ  แต่ดันนึกขึ้นมาได้

   “อีกหนึ่งบุคกิ้งได้ไหมครับ”

   “ยินดีค่ะ  ขอนัมเบอร์บุคกิ้งด้วยค่ะ”  เสียงหล่อนใจดีชะมัด

   แบบนี้เสร็จโจรอ่ะดิ๊ . . .

   “อะไรนะคะ  กลับวันเดียว  เกรงว่าจะไม่ทัน  จะกลับวันเดียวแน่หรือคะ”  หล่อนเป็นห่วงผม  เพราะดันอยากกลับในไฟลท์ค่ำ

   ไรฟร่ะ . . .

   “ทันครับผม  ผมทำบ่อย”

   ถ้า . . .

   . . . หางแดงไม่รีไทม์ 

   ผมคงไม่ได้เจอกับใครคนนึง ?

   และสิ่งนี้คือเหตุผลที่สองนอกจากโปร O บาท  ที่ทำให้ผมรักหางแดง  เพราะหางแดงรีไทม์  ทำให้ผมได้เจอกับสิ่งที่ชีวิตค้นหามานาน

   แต่ . . .

   . . . ณ  ขณะนี้ 

   ที่ความสูงกว่าสามหมื่นฟิต  ผมกำลังนั่งอยู่ในเครื่อง 737-400  ไฟลท์เช้าสุดของวันที่จะลงที่เชียงใหม่  หลังจากที่แอบวางแผนเอาไว้หลายวัน  แอบกลัวความลับจะรั่วไหล  และแอบโกหกคุณคนนั้นไปหลายครั้งเสียด้วย  เพราะผมมีความตั้งใจที่จะบินกลับในตอนเช้า   พอลงจากเครื่องบิน ก็ได้เจอแสงสว่างที่ปลายหัวใจ

   ปลายทาง . . .

   . . . สำหรับผม  มีความหวังเสมอ

   ผมจำได้ดีปีที่ผ่านมา  มีหนังเด็ก ๆ  ใส ๆ  เรื่องนึง  ผมดูตัวอย่าง  แล้วหลงรักทันที  เพราะหนังเรื่องนั้นใช้สถานที่หลักในการถ่ายทำคือ  “ภูเก็ต”

   ผมชอบบ้านเรือนในสไตล์ชิโนโปรตุเกสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  ผมเลยมีความตั้งใจอย่างแรงกล้า  ว่าจะต้องไปดูหนังเรื่องนั้นให้ได้  แล้วผมก็ได้ทำแบบที่หวัง  เพราะเมื่อหนังเข้าโปรแกรม  ผมก็ไปดู  ด้วยความอยาก  ไม่ได้ต้องการอะไรมากในหนังนอกจาก  อยากเห็นสภาพบ้านเรือน  วิถีชีวิตของคนภูเก็ต  และภาพสวย ๆ  เพลงเพราะ ๆ  ตามสไตล์หนังของค่ายแถบลาดพร้าว

   “คนบ้าไรว่ะ  บินไปดูหน้าคนรักแล้วบินกลับ ไร้สาระชิบ . . . (ละไว้แล้วคำหยาบ)  คนแบบนี้มีจริง ๆ  หรือ?”

   สิ่งที่ผมไม่รู้ . . .

   . . . ความรัก

   มันเป็นอะไรที่เราไม่สารถหาเหตุผลรองรับได้  ผมอาจเคยมีความรัก  แต่มันก็นานมาแล้ว  นานจนผมลืมไปว่า  ในความรัก  มันไม่ได้ต้องการเหตุผล  มากไปกว่า  การได้ทำอะไรตามที่หัวใจตัวเองปรารถนา  เหมือนกับที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้ไง

   ไม่อย่างนั้นคงไม่มีสุภาษิต

   “ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว”

   เพราะทุก ๆ  ชีวิตในละคร หรือ หนัง  มันก็จำลองแบบมาจากการใช้ชีวิตของผู้คนแทบทั้งสิ้น  สิ่งที่เราคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้  มันเป็นไปได้เสมอ  ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เป็นแบบที่เราหวังทั้งร้อยหรอก  มันมีทั้งดีแล้วไม่ดีผสมผสานกันไปเสมอ

   เพราะหลังจากไฟล์รีไทม์เมื่อครั้งก่อนโน้น . . .

   . . . ผมบินไปเชียงใหม่เพียงเพื่อ  อยากไปนั่งกินข้าวกับใครคนนึง ?

   ขนาดแม่ยังแอบแซว . . .

   “บินทำไมบ่อย ๆ เปลือง  กลับมาอยู่บ้านเลยดิ๊”

   บินเช้ากับน้องนกกลับบ้านทำให้เวลาในการอยู่กับคน ๆ  นึงก็มากขึ้น  เพราะยังมีอีกหลายไฟลท์ในหนึ่งวันที่นกบินเชียงใหม่ ทำให้มีเวลาเกือบทั้งวันในการอยู่กับคนที่ผมรัก  ผมไม่รู้  ใครคนนั้นจะรักผมหรือไม่  เพราะผมไม่สามารถรู้หัวใจคนอื่น

    แต่ . . .

   . . . ผมรู้หัวใจตัวเอง 

   หัวใจผมมันบอกอยู่เสมอว่าผมรักใคร  และกำลังทำอะไร

   แล้วพอตกค่ำ . . .

     ผมก็สอยไฟลท์ค่ำเพื่อบินกลับ  ก่อนมานอนเอาแรงในการทำงานในวันรุ่งขึ้น  เห็นไหม  ว่าเวลานกแอร์  แค่สี่ไฟลท์ต่อวันในรูทบ้านผม  ทำให้ผมมีความสุขกับการได้ใช้เวลาอยู่กับคนที่ผมรักมากขึ้น

   ใครบอกว่าเงินซื้อเวลาไม่ได้ . . .

   . . . แต่ผมกำลังใช้เงินซื้อเวลา  ในการอยู่กับใครคนนั้นนานกว่าเดิมอยู่นี่ไง

   ใครคนนั้นรู้ว่าผมทำแบบที่ผ่านมา . . .

   . . . ด่าผมเสียยับเลย

   คนบ้าไรว๊า  บินเช้า  เพื่อมาใช้เวลาอยู่ด้วยกันเพียงไม่นาน  แล้วบินกลับ

   อ้าว !

   ตอนนี้ผมมันบ้า  แถมตาบอด  มองอะไรไม่เห็นเสียด้วย  ไม่งั้น  คงไม่ทำซ้ำอีกครั้งในเวลานี้หรอก  วันนี้ ในเวลานี้  เวลาที่ผมนั่งมองเมฆขาว ๆ  ที่ปลายปีก  ผมกำลังเดินทางไปหามัน    ทั้ง ๆ  ที่ผมควรไปหามันตั้งแต่เมื่อวาน

   เพราะ . . .

   . . . เมื่อวานคือ  วาเลนไทน์

   แต่ผมเลือกที่จะไม่ไปในเมื่อวาน . . .

   . . . เพราะสำหรับผม  ผมไม่ได้รักมันแค่วันนั้น 

   แต่ผมรักมันทุก ๆ  วัน

   . . . และทุกลมหายใจที่ผมมี 

   ฮิ้วววววววววววววววว

   และ . . .

   . . . ผมไม่สนใจด้วย  ว่ามันจะรักผมหรือไม่  แค่รอยยิ้มจากมัน เวลาที่เจอหน้ากัน  ผมก็มีความสุขแล้ว  แค่ได้เจอกับมันก็คุ้ม  ที่ได้มีชีวิตอีกหนึ่งให้ผมได้รัก  เพราะความรักไม่ได้ต้องการเหตุผล 

   เรื่องของความรัก . . .

   . . .   คือเรื่องราวของหัวใจ  คือสิ่งที่วัดกันด้วยความรู้สึกล้วน ๆ   

   ผมถือคติ . . .

   แค่ได้รักมันในวันนี้  ก็มีความหมายมากมายให้ผมได้เดินต่อไปในวันข้างหน้า   แรงขับเคลื่อนในชีวิต  ที่เหมือนจะขาดหายไปจากตัวผมนานมากแล้ว  แต่ตอนนี้  มันกลับมีพลังขึ้นมาอีกครั้งตั้งแต่วันที่ผมได้เจอกับใครคนนึง  คนนั้น

   ใคร  คือ  คนที่คุณ  โทรหาคนแรก  ในวันวาเลนไทน์ ? . . .

   คำถามแรกที่ผมตั้งไว้เล่น ๆ   

   แล้วคนแรกที่โทรหาคุณในวันวาเลนไทน์คือใคร ?  . . .

   คำถามที่สองที่ตามมาในเวลากระชั้นชิดที่สุดแล้ว  ผมไม่รู้หรอกว่า  ในวันแห่งความรัก จะมีอะไรบ้าง  ที่เกิดขึ้นกับผู้คนมากมายบนโลก  แต่สำหรับผมแล้วผมรู้ว่า  มันช่างเป็นวันเวลาที่แจ่มที่สุดเลยทีเดียว

   กับคำถามสองคำถามที่ผมถามตัวเองเล่น ๆ

   แต่ . . .

   . . . คำตอบของผม

   คือคำตอบเดียวกัน ?

   เอ๊ะ ! มันยังไง

   คนที่ผมโทรหาคนแรก . . .  คือ  ใครคนนั้น

   ส่วนคนที่โทรหาผมคนแรก . . .ก็  ใครคนนั้น  แม้มันจะแค่ยิงมาหาผมก็เถอะ  เพราะผมบอกกับมันเอง  ว่าไม่รับสายมัน  แต่ผมจะโทรหามันเอง 

   ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะรู้หรือไม่  ว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่บนเครื่องบินเพื่อบินไปหามัน  แต่มันรู้ว่าผมจะกลับกรุงเทพฯ  ค่ำนี้  TG126 . . .

   ถ้ามันรู้ว่า . . .

   . . .  เช้านั่งนกไปหามัน  ค่ำนั่งป้าม่วงกลับ  มันคงด่าผมยับตามเคย

   ที่จริงมีรุ่นน้องคนนึง  เสนอขายตั๋วหางแดง  ที่มันซื้อมาพันนึง  โดยจะขายผมพันห้า ตั้งแต่สิบกว่าวันก่อน  แต่ผมไม่ได้สนใจ  เพราะผมไม่เคยนั่ง  FD  แพงกว่า O บาท   ยกเว้น  AK  ที่แพงกว่าผมก็นั่ง  แต่ไม่รู้ทำไม  พอเป็น  FD  ไม่นั่งซะงั้น

   ดันไปจ่ายน้องนกกับคุณป้า  แพงกว่าเห็น ๆ    




   ผมมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง คงจะอยู่แถว ๆ  นครสวรรค์ ทำไมเวลาบินชั่วโมงเดียวมันนานนักก็ไม่รู้  หรืออาจเพราะว่า  หัวใจมันเดินทางเร็วกว่าสิ่งใดทั้งหมด    ก็คงจะใช่  เพราะหัวใจผมเตลิดไปถึงปลายทางตั้งแต่ที่ผมจองตั๋วเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๗  กุมภาพันธ์  โน่น 


   ผมปิดคนนั้นไว้มิดชิดเสียด้วย ว่าจะบินวันไหน ?

   หรือ . . .

   . . . บางทีมันอาจจะรู้แล้วก็ได้ว่าผมจะบินลงไปวันไหน  เพียงแต่มันอาจทำเป็นแกล้งโง่  ว่าไม่รู้ว่าผมไปวันไหนก็เป็นได้ 

   ผมแค่อยากให้มันแปลกใจ . . .

   . . . สำหรับคนที่ผมรัก  ผมจะใส่ใจกับวันเวลาเสมอ  เหมือนที่ผมรู้  ว่าผมเจอมันครั้งแรกที่ไหน  เจออย่างไร  วันไหนสำคัญสำหรับผมบ้าง  ผมเลือกที่จะไม่บินในวันแห่งความรัก  เพราะวันแห่งความรักคงไม่สำคัญเท่ากับวันนี้ . . .

   . . . วันที่ผมเจอกับมันอย่างเป็นทางการ

   วันที่ผมยืนตะลึงก้าวขาไม่ออก . . .

   . . . วันที่ผมดินตามมันลงมาทางบันไดเลื่อน 

   สบสายตากับมันครั้งแรก  ที่หน้าร้านกาแฟชั้นหนึ่ง  ก่อนที่ผมจะโทรหามัน  แล้วนั้บจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้  ยังไม่มีสักวันที่ผมกับมันไม่ได้คุยกันก่อนนอน  ขอบคุณเทคโนโลยี่สมัยใหม่  ที่ทำให้ผมได้ยินเสียงมันก่อนนอนทุกค่ำคืน

   สำหรับคนอื่นผมไม่รู้  ผมรู้แค่ว่า  วันที่  ๑๕  สำหรับผม  สำคัญกว่าวันที่  ๑๔  แน่ ๆ  ผมเลยเลือกที่จะบินในวันที่  ๑๕  โดยวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าเสียด้วย    ทุก ๆ  ย่างก้าวสำหรับผมมีความหมายเสมอ  เพราะผมคิดว่า 

   หาก . . .

   . . . พระพรหม  ได้ขีดเส้นให้ได้มาเจอกับสิ่งที่ดีแล้ว  เราจะต้องรักษาสิ่งที่ดีนั้นเอาไว้

   ถึงมันจะไม่ได้รู้สึกแบบที่ผมรู้สึก  แต่ผมก็ยินดีที่จะกอดเก็บเอาความรู้สึกแบบนี้เอาไว้  ความรู้สึกทั้งหมดจากหัวใจผม  สู่ใครบางคน

   ผมชอบที่จะทำอะไรหมดทั้งหัวใจเสมอ  และ  ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นเช่นไร  ผมจะยิ้มรับเสมอเช่นเดียวกัน  ผมไม่เสียใจกับผลที่เกิดขึ้น  ไม่ว่าจะในแง่บวกหรือลบ  เหมือนเหรียญ  เหรียญมีสองด้านเสมอ  และในทุก ๆ  ด้านของเหรียญ  ความสำคัญของมันก็เท่ากัน

   ถ้าผมรัก . . .

   . . . ใครคนนั้น

   ผมเต็มที่กับความรัก  ทำให้ดีที่สุด  หากเขาไม่รักผม  ผมอาจจะเสียใจ  แต่ผมก็ดีใจ  ที่อย่างน้อยผมก็ได้ทำไปเต็มที่แล้ว  กับสิ่งที่ผมทำไป  มันอาจจะไม่ใช่สำหรับใครคนนั้น    ผมก็รู้สึกดี  เพราะสิ่งที่ผมทำลงไป  เต็มที่  เต็มกำลังของผม  ผมจะไม่เสียใจในสิ่งที่ผมทำไป

   ในทางกลับกัน . . .

   . . . หากผมทำไปไม่เต็มที่นี่สิ  มันน่าเสียใจ  เพราะผมไม่ได้พยายามทำเพื่อเขาเลย

   ความรัก . . .

   . . . ความหลง

   มันห่างกันแค่เส้นบาง ๆ  กั้นเท่านั้น  เพราะว่าในบางครั้งที่เราคิดว่ารัก  มันอาจจะแค่ความหลงเท่านั้น เพราะอะไร ผมก็บอกไม่ได้  แต่มันเหมือนกันจนแยกไม่ออก  ผมใช้เวลามาระยะนึง  เพื่อทบทวนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคือความรักหรือความหลงกันแน่

   ผมแน่ใจ . . .

   . . . ไม่ใช่อย่างหลัง

   เพราะวัยขนาดผม  คงเลยความรู้สึกพึงพอใจในรูปร่างหน้าตามานานแล้ว  ผมไม่ปฎิเสธ  ว่าคนส่วนมาก  จะพึงพอใจที่รูปลักษณ์ภายนอกที่เรามองเห็นที่เราสัมผัสได้  ก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด  แต่เมื่อมันก้าวข้ามเลยสิ่งนั้นมาแล้ว  เราจะมองกันที่  นิสัยใจคอ  การค่อย ๆ  เรียนรู้  และปรับปรุงในสิ่งที่ทั้งเรา  และ  คน ๆ  นั้น  จะปรับตัวเพื่อเข้าหากัน

   การเรียนรู้  เพื่อจะก้าวข้ามบางอย่างก็เริ่มต้นขึ้น . . .

   . . . แผนบันไดสามขั้น

   ขั้นแรก . . .

   . . .  คนรัก   ผมเชื่อว่าทุกคนอยากที่จะมีคนรัก  การที่เราจะรักใครสักคน  มันไม่ยาก  เพราะความรัก  ความชอบ เกิดจากความรู้สึกประทับใจกับสิ่งแรกเห็นเสมอ  เหมือน ๆ  กับที่ผมเคยเจอกับใครคนนึง  คนนั้นที่ผมเจอ  ทำให้ผมรู้สึกรักในทันที  และพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ได้ไปอยู่ใกล้ ๆ  กับคนที่ผมรัก  และหากวันนึง  ผมทำสำเร็จ  ผมก็จะมี . . .

   . . . คนรักเป็นของผมเสียที

   ขั้นที่สอง . . .

   . . . คู่รัก  ก็บอกอยู่ว่า  “คู่”  หมายถึงสอง  จะเป็น หนึ่ง สาม  ห้า ฯลฯ  ไม่ได้  คู่จะต้องมีแค่สองเท่านั้น  เมื่อเราก้าวผ่านการเป็นคนรัก  เราก็จะได้เจอกับคู่รัก  คนที่พร้อมที่จะใช้ความรู้สึกร่วมกัน  คนที่จะโอบไหล่อีกฝ่ายเอาไว้  ยามอีกคนเจอปัญหาท้อแท้  และอุปสรรค  คู่รักจะคอยเป็นกำลังใจให้กับอีกฝ่าย  ในขั้นนี้  มีหลาย ๆ  คนที่อยู่บนบันไดขั้นนี้ . . .

   . . . คู่รักที่เราปรารถนาจะมี

   ขั้นที่สาม   ขั้นสุดท้าย . . .

   . . . คู่ชีวิต  คนทุกคนที่มีความรัก  อยากที่จะเดินมาถึงขั้นนี้ด้วยกันทั้งนั้น  เพราะในขั้นนี้  หมายถึงทุก ๆ  อย่างของคนสองคน  มากองรวมกันไว้  คนที่พร้อมจะดูแลอีกคนไปจนตราบหมดลมหายใจ  มันมากกว่าความรัก  เพราะคนที่จะเป็นคู่ชีวิตกับใครสักคน  ต้องผ่านการเรียนรู้  ผ่านความรู้สึกต่าง ๆ  ผ่านหยดเลือดและหยาดน้ำตามามากต่อมา ในขั้นนี้เป็นขั้นที่ทุก ๆ  คนอยากจะมีด้วยกันทั้งนั้น . . .

   . . . คู่ชีวิต  คู่คิดของกันและกัน

   ผมเคยมีคนรัก . . .

   . . . แต่ไม่เคยมีคู่รัก

   และ  ในเมื่อไม่มีคู่รัก

   ผมจะรู้จักคู่ชีวิตได้อย่างไรกัน 

   ผมยิ้ม . . .

   . . . เมื่อนึกถึงทฤษฎีบ้าบอคอแตกที่ผมคิดเอาไว้ 

   เพราะผมรู้ดีการที่เราจะอยู่บนโลกใบนี้ได้ มันยาก  และมีอไรอีกมากมายที่เราเองต้องเรียนรู้  และมันก็เป็นประสบการณ์ชีวิต  ที่มาจากการใช้ชีวิตด้วยกันแทบทั้งสิ้น

   เวลา . . .

   . . . คือสิ่งที่เราเรียนรู้มันได้โดยไม่มีวันหมด

   ผมปล่อยความคิดตัวเองให้ไหลไปเหมือนสายน้ำที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ . . .

   . . . คุณสมบัติที่ดีที่สุดของน้ำ

   คือ  ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเสมอ

   ผมมารู้สึกเอาอีกครั้ง  เมื่อเครื่องค่อย ๆ  กระแทกกับรันเวย์  แล้วเบครจนตัวโก่ง . . .

   . . . นกแอร์ขอขอบคุณที่ท่านเลือกใช้บริการ  และมีความยินดีจะแจ้งให้ท่านทราบว่า  เรานำท่านมาถึงก่อนกำหนดเป็นเวลาสิบห้านาที

   ผมมองดูอาคารผู้โดยสารที่สะท้อนอยู่กลางแสงแดดยามเช้า . . .

   . . . หัวใจผมเต้นระส่ำไปหมด

   ต่อจากนี้  อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง  กับผม  ใครคนนั้นจะยิ้มยินดีกับการเห็นหน้าผมหรือไม่  หรือ  จะมีน้ำตาตก  เพราะอยากเซอร์ไพรซ์เขาแต่กลับโดนเซอร์ไพรซ์เสียเองก็ไม่รู้

   เอาน่า !

   อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

   ผมปลุกความกล้าที่จะยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น  อย่างไรเสียก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว  ตอนนี้เดินมาไกลเกินกว่าจะกลับไปสู่ที่เดิม

   เครื่องจอดเทียบสนิท . . .

   . . . หัวใจผมล่ะ

   ไม่รู้สิ  มันเต้นเหลือเกินแล้ว  เต้าแรงกว่าทุก ๆ  ครั้ง  ผมค่อย ๆ  สูดลมหายใจเข้าปอดให้เต็มปอด  ก่อนค่อย ๆ  ก้าวลงมาจากเจ้านกสุรินทร์

   จะเจอมันไหม? . . .

   . . .  มันจะอยู่ตรงไหนของแผ่นดินเชียงใหม่  หนอ

   แล้วผมมีเรื่องมากมายอยากจะบอกกับมัน  อยากคุยให้มันฟัง  อยากเห็นรอยยิ้มของมัน อยากเห็นมันยิ้ม  อยาก . . .

   . . . สารพัดความอยากของผม  มันมากมายเหลือเกิน

   ผมรักมัน . . .

   . . . หัวใจผมบอกกับตัวเองแบบนั้น

   เพราะ . . .

   . . . ถ้าผมไม่รัก  จะบ้า  บินมาทำอะไรที่นี่ ?

   แถม . .

   . . . นี่เป็นการบินครั้งที่สองเพื่อมาหามันโดยเฉพาะ  บินไปกลับในวันเดียวกัน เพียงเพื่ออยากมีเวลาอันน้อยนิดได้อยู่กับมัน  ได้เห็นรอยยิ้มของมัน  ผมไม่รู้หรอก  ว่า  ยังมีความบ้าอะไรอีก  ที่ผมยังไม่ได้ทำ  ถ้ามีอะไรบ้ามากกว่าการบินไปกลับเพื่อได้เจอมัน  ผมก็จะทำ

   ทำด้วยความเต็มใจเสียด้วย

   ผมร่ำลาเจ้านกสุรินทร์  แทบจะเป็นคนสุดท้าย . . .

   . . . เพราะอะไรนะหรือครับ

   เมื่อมาถึงเชียงใหม่  ผืนแผ่นดินเดียวกัน  ผมกลับรู้สึกป๊อดขึ้นมาดื้อ ๆ  ผมจะต้องเจออะไรอีกก็ไม่รู้  ผมคิดเอาไว้  หากเจอกับสิ่งไม่คาดฝัน

   “จะสอยทีจีไฟลท์เที่ยงกลับ  ทิ้งตั๋วไฟลท์ค่ำไว้เป็นอนุสรณ์รัก”

   วันนี้ . . .

   . . . ผมจะเจอมันอีกไหม ?

   ถ้าเจอ  ผมจะถามมัน  ให้หายข้องใจไปเลย  ว่า  มันมีใครอยู่ในหัวใจหรือปล่าว 

   ผมสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างช้า ๆ . . .

   . . . หากแต่ยังแอบกลัว จนต้องแจ้นเข้าห้องน้ำที่ห้องรอรับกระเป๋า

   ถ้าผมเจอมัน ผมจำทำอย่างไรหนอ?

   ผมจะถามมัน . . .

   . . . "พี่มีโอกาสไหม มีมีสิทธิ์ ที่จะได้ความรักที่พี่ให้ไปหรือเปล่า ถ้าคุณมีใครอยู่ในหัวใจ ก็บอกมาตรง ๆ เพราะคราวห้าพี่จะได้บินลงเชียงราย นั่งรถอ้อมโลกเล่นดีกว่า"

   ผมจะถามมัน หากผมเจอมันอีกครั้ง . . .

   . . . ผมไม่กลัวคำตอบ เพราะความจริงคือ พรหมลิขิตมาให้ผมเจอมัน แต่ พระพรหม อาจจะลิขิตให้มันรักคนอื่นอีกคนก็ได้

   ผมเดินออกมาจากห้องรอรับกระเป๋า . . .

   . . . ยิ้มกับตัวเอง

   ผมจะถามมันให้หายข้องใจเลย ถ้าเจอตัวมัน คอยดู . . .

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ .
«ตอบ #75 เมื่อ28-03-2010 11:15:21 »

จิ้ม ๆ ๆ ๆ พี่ต้น

โห ตอนนี้ คมสุด ๆ เลยอ่ะ พี่ต้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2010 15:09:17 โดย zandwizz »

kei_kakura

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #76 เมื่อ28-03-2010 11:43:15 »



   . . . "พี่มีโอกาสไหม มีมีสิทธิ์ ที่จะได้ความรักที่พี่ให้ไปหรือเปล่า ถ้าคุณมีใครอยู่ในหัวใจ ก็บอกมาตรง ๆ เพราะคราวห้าพี่จะได้บินลงเชียงราย นั่งรถอ้อมโลกเล่นดีกว่า"

   

.
.
 
 :-[... :-[... :-[

ได้ใจไปเรยอ่า....ประโยคเนี่ยะ..... :3123:

tonsai_2520

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #77 เมื่อ29-03-2010 08:04:17 »


ตอนอวสาน


“ความรัก”  ควรจบลงที่จุดเริ่มต้นจริงหรือ ?


   ผมไม่รู้หรอก  เพราะ  สำหรับผมแล้ว  ทุก ๆ  อย่างที่ผมทำ  ผมจะเต็มร้อยเสมอ   เพราะผมระลึกเสมอว่า  หากผมทำอะไรลงไปทั้งร้อยแล้วเกิดผิดพลาด  หรือเจ็บปวด  ผมอาจจะเสียใจมาก  แต่ผมก็ยังมีความดีใจว่า  ผมทำมันลงไปเต็มร้อยแล้ว   ผมทำไปด้วยหัวใจอย่างที่สุดแล้ว

   ในทางกลับกัน . . .

   . . . หากผมไม่เต็มที่เต็มร้อยกับมัน  แล้วผมผิดหวัง  ผมอาจจะเสียใจ  แต่ผมก็เสียใจมากไปอีก  ที่ผมไม่ทำมันเต็มร้อย  เพราะหากผมทำเต็มที่  ผมอาจจะไม่เสียใจมากขนาดนี้ก็ได้  ทุก ๆ  อย่างในชีวิตของผมจึงเต็มไปด้วยความคาดหวัง  ยิ่งผมคาดหวังเอาไว้มากเท่าไหร่  ผมก็ต้องเตรียมหัวใจสำหรับหารผิดหวังมากเท่านั้น

   เหมือนตอนนี้ . . .

   . . . วันนี้  วันที่มีความหมายมากสำหรับผม  มากขนาดไหนหรือครับ ก็ขนาดที่ว่า  ถ้าผมจะรักใครอีกสักคน  คน ๆ  นั้นจะเป็นคนสุดท้ายที่ผมรัก

   สิบกว่าปีที่ผ่านมา . . .

   รักครั้งแรกของผม เกิดขึ้น ณ  เกาะเล็ก ๆ  ที่มีพื้นที่ราว ๒๑ ตารางกิโลเมตร  เกาะที่ต้องนั่งเรือไปหนึ่งคืนกับอีกครึ่งวัน  เพราะในสมัยนั้น  การคมนาคมไม่ได้สะดวกแบบปัจจุบันนี้  ความรักครั้งแรกของผมเกิดขึ้นกลางอ่าวไทย  จังหวัดที่ได้ชื่อว่า   “เมืองร้อยเกาะ”

   มันเกิดขึ้นเมื่อราวสิบกว่าปีก่อน  มันเริ่มอย่างไรผมไม่รู้  ผมรู้แค่ว่า  เจ็ดปีที่คนสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน  มันเวลาที่น่าจดจำมากที่สุดแล้ว    ผมผ่านทั้ง  ทุกข์  สุข  รอยยิ้มและน้ำตา  ผ่านวันเวลาที่เพาะบ่มให้ความรักที่ผมมีกลายเป็น   “ความผูกพัน”

   ความรัก  มันง่ายดายสำหรับการบอกกล่าว  เพียงแค่หลับตาแล้วพ่นลมปากออกมาว่า  “รักนะครับ”

   แค่นั้นเอง . . .

   . . . แต่

   ไอ้ความผู้พัน  มันไม่สามารถบอกออกมาเป็นคำพูดได้  มันคือความรู้สึกที่ค่อยก่อขึ้นทีละนิดจากวันเวลา  ทุก ๆ  อย่างมันค่อย ๆ  สะสม เหมือนตะกอนที่ค่อย ๆ  หล่นลงสู่ก้นแก้วอย่างช้า ๆ   ความผูกพันสำหรับผมจึงยากที่จะลืมมันให้ได้ในเวลาสั้น ๆ

   สำหรับผม . . .

   . . . ความรักมันสวยงาม  และหากผมรักใครสักคน  ผมจะไม่เคยวอกแวก  วอแวเลย  ผมจะทำเพื่อคนที่ผมรักเพียงคนเดียว  รักได้คนเดียว  จนกระทั่งสองปีก่อน  เมื่อความรักมันเดินมาสุดทาง  เมื่อคน ๆ  นึงหมดรักไปแล้ว  ในขณะที่อีกคนนึงยังรักเต็มหัวใจ

   คนที่เจ็บปวดที่สุดในเวลานั้นคือใคร ?

   ผมเจ็บปวดเจียนตาย  ทุรนทุรายเพราะพิษของความรัก  วันเวลาดี ๆ  ที่เคยมี  ไม่ได้ช่วยให้ผมได้หาย  หรือ  คลายจากความเจ็บปวด  ยามหลับตา  ภาพของวันที่เลวร้ายที่สุดตามมาหลอกหลอนผมเสมอ  ผมใช้เวลาสองปีทำตัวแย่ ๆ  

   สิ่งเลว ๆ  บางอย่างที่ผมไม่เคยทำ  ผมทำได้อย่างไม่รู้สึกสะท้านใด ๆ  เลย

   มันเป็นช่วงเวลาที่แย่  ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต  เวลาที่ผมประชดตัวเองไปวัน ๆ  เพียงเพื่อให้ได้ลืมใครคนนั้น  ผมเหมือนตัวอะไรสักอย่าง  ที่ไร้อดีต  ไม่มีอนาคต มีเพียงลมหายใจที่อยู่ไปวัน ๆ  เท่านั้น

   ความรักผมเริ่มที่นั่น . . .

   . . . แล้วผมก็จบความรักของผมลงที่นั่น  

   จากวันนั้นมาวันนี้สองปีกว่า  ที่ผมไม่เคยเหยียบไปที่นั่นอีกเลย  ไม่แม้คิดที่จะไป  หรือ โทรหา  ทุกครั้งที่มีการพูดถึงใครคนนั้น  ผมพยายามที่จะเอาตัวเองออกจากตรงนั้นอย่างเร็วที่สุด  ผมเหมือนคนที่มีบาดแผลฝังลึก ลึกจนผมเองก็ไม่คิดว่ามันจะทำให้ผมหายจากบาดแผลนั้นได้อีก

   ผมจบความรักที่ผมมีพร้อม ๆ  กับหยดเลือดและหยาดน้ำตาที่ท่วมหัวใจผมเอง . . .

   ผมสัญญากับตัวเอง  

   “ถ้าผมจะรักใครอีกสักคนในชีวิตนี้  คน ๆ  นั้นจะเป็นคนสุดท้ายที่ผมจะรัก”



   ๑๕ มี.ค. ๕๓ . . .

   ผมนั่งนิ่ง ๆ  ที่ร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ชั้นหนึ่งของสนามบิน  ร้านกาแฟสดที่สนามบินแห่งนี้มีสองร้าน  ที่ชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องผู้โดยสารขาออก  และชั้นหนึ่งที่ชั้นผู้โดยสารขาเข้า  ผมเลือกที่จะนั่งที่ร้านชั้น  ๑


   เหตุผลเดียวที่ผมนั่งที่ร้านกาแฟร้านนี้ . . .

   . . . ผมชอบชื่อร้าน  เพราะผมชอบเครื่องบิน  เป็นความชอบที่หาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้  ผมมีความสุขทุกครั้งในการได้มองเครื่องบิน  

   ผมกำลังสับสนวกวนกับความคิดของตัวเอง . . .

   . . . เพราะอะไรนะหรือครับ

   รักครั้งที่สองของผมมันเกิดขึ้นที่นี่  หรือผมจะเรียกว่า  รักครั้งสุดท้ายดี  เพราะผมตั้งใจเอาไว้แล้ว  ว่าผมจะไม่ยอมเจ็บปวดกับความรักเป็นครั้งที่สามแน่ ๆ  ครั้งเดียวสำหรับผมมันเจียนตาย  หากครั้งที่สองอีก  ผมจะทำอย่างไรดี  ผมจะอยู่บนโลกนี้ได้หรือ  ในเมื่อหัวใจมันเจ็บปวดเพียงนี้

   ผมนั่งนิ่ง ๆ  ที่โต๊ะเล็ก ๆ  ริมกระจก  จับหลอดกาแฟคนมันไปมา  หลาย ๆ  อย่างมันวนเข้ามาในความรู้สึกของผม  ผมจะทำอย่างไรต่อไปดี  กับสิ่งที่เป็นอยู่ในเวลานี้   เวลาที่ดูเหมือนว่ามันยากในการตัดสินใจของผมมากมายเหลือเกิน

   ผมเจอกับใครคนนึงที่นี่ . . .

   . . .เมื่อสองเดือนก่อน  ๑๕ ม.ค.  ไม่ใช่สิ  ผมเจอกันแล้วก่อนหน้านั้น  เพียงแต่ในเวลาแรกที่เจอกัน  ผมเป็นฝ่ายเห็นเขา  ไม่ใช่เขาที่เห็นผม  แต่เมื่อสองเดือนก่อน  เป็นครั้งแรกที่ผมกล้าที่จะคุยกับเขา

   ผมรักมันทันทีตั้งแต่แรกเห็น . . .

   . . . รักทั้ง ๆ  ที่ผมเองก็คิดว่า  ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับผมอีกแล้ว

   บาดแผลลึกจากรักครั้งแรกของผม ค่อย ๆ  หายลงอย่างรวดเร็วเมื่อผมเจอกับใครคนนึง  เพราะอะไรผมไม่รู้  ผมไม่รู้เหมือนกัน  ผมรู้เพียงแค่ว่า  ตั้งแต่มันเข้ามาในชีวิตของผม  ผมมีแต่รอยยิ้ม  มีความรู้สึกว่า วันพรุ่งนี้ของผมต้องดีกว่าวันนี้

   ไอ้นิสัยเลว ๆ  แย่ ๆ  ผมทิ้งไปหมด . . .

   ผมคิดเสมอ  ว่าหากผมรักใครสักคน  ผมคงต้องหยุดทุก ๆ  สิ่ง  เพราะหากผมไม่ชอบให้เขาทำสิ่งแย่ ๆ  ผมควรที่จะไม่ทำสิ่งแย่ ๆ  นั้นก่อน  ผมใจเย็ลงมาก  มีรอยยิ้มทุกครั้งที่ได้เจอกับใครคนนึง  

   ผมกลับลงไปบ้านบ่อยขึ้น . . .

   . . . อาทิตย์เว้นอาทิตย์  หรือบางครั้งไม่ถึงสองอาทิตย์  ผมก็ลงไป  ผมลงไปเพียงเพื่อได้เห็นหน้า ได้เจอรอยยิ้มของใครบางคน

   ผมถามตัวเอง . . .

   รัก กับ หลง  ห่างกัน  หรือเหมือนกันจนเราแยกมันไม่ออก  ผมแน่ใจแล้วหรือ  ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้คือความรัก  คำถามที่ผมถามตัวเองมาตลอดสองเดือนเต็มที่ผมรู้จักกับใครคนนั้น  มันเหมือนคามรักที่เกิดอยู่บนเส้นของความไม่แน่นอน

   เขาคนนั้น . . .

   . . . ผมไม่รู้  ผมไม่รู้หัวใจคนอื่น  เพราะผมรู้แค่หัวใจตัวเอง  และผมคิดเสมอว่า  ความรักมันไม่น่าจะเกิดพร้อมกันจากคนสองคน  แต่มันเกิดจากใครคนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายไปกระตุ้นอีกฝ่าย  หัวใจผมบอกตัวเองว่า  ผมรักใครคนนั้นไปแล้ว

   ผมเสียใจมั้ยหากเขาไม่ได้รักผมแบบที่ผมรัก . . .

   . . . ก็มีบ้างครับ  แต่ผมก็ดีใจ  ว่าอย่างน้อย ผมก็รักคนอื่นเป็น  การเจ็บปวด  และน้ำตา  มันทำให้ผมรู้ว่า  ผมยังมีความรู้สึก  มีชีวิตอยู่บโลกใบนี้  เพราะที่ผ่านมาสองปี  ผมไม่เคยมีน้ำตาให้ใครอีกเลย  ผมด้านชา  จนบางครั้งดูเหมือนเฉยชา

   แต่สองเดือนที่ผ่านมา . . .

   . . . ใครคนนั้นทำให้ผมรู้ว่า  ผมยังมีชีวิต  มีเลือดเนื้อ  มีความรัก  มีความเจ็บปวด  ไม่ได้เป็นเหมือนซากชีวิตที่มีแค่ลมหายใจอยู่ไปวัน ๆ  แบบที่ผ่านมา เพราะผมเสียน้ำตาไปแล้ว  น้ำตาที่ไม่เคยไหลออกมาเลยในห้วงสองปีกว่าที่ผ่านมา

   แต่ . . .

   . . . ใครคนนั้น ทำให้ผมมีน้ำตาได้อีกครั้ง

   ผมควรขอบคุณใครคนนั้น  เพราะอย่างวน้อยที่สุด  เขาก็ทำให้ผมรู้ว่า  หัวใจผมมันยังอ่อนแอ  มันยังมีความรัก  ความสวยงามอยู่  ผมยิ้มทั้งน้ำตา  ยิ้มทั้ง ๆ  ที่รู้ว่า  บางครั้งผมอาจจะคิดมากไปกว่าที่ใครคนนั้นคิด  ผมเสียใจ

   ผมไม่ได้เสียใจที่เขาไม่รักผม . . .

   . . . แต่ผมเสียใจ ที่ผมทำให้เขารักผมไม่ได้

   ผมยิ้มเมื่อนึกถึงเมื่อเช้า . . .

   . . . ภาพต่าง ๆ  ที่ผ่านมา  ที่เคยเกิดขึ้นระหว่างผมกับมันลอยเข้ามาในสมองเหมือนภาพยนตร์ที่ฉายย้อนกลับ

     ตอนที่เจ้านกสุรินทร์ ค่อย ๆ แท็กซี่มายังลานจอดอย่างช้า ๆ  เพราะผมเห็น  คนที่ลานจอด  คนๆ  นั้นใช่คน ๆ  เดียวกับคนที่ผมรักแน่ ๆ  แต่แปลกที่วันนี้  ฟอร์มของทุกคนตั้งแต่ดอนเมืองยันเชียงใหม่เป็นสีชมพู   วันนี้ผมโชคดี  ที่คนที่ผมรักมารอผมถึงลานจอด  เพราะเมื่อเครื่องจอดสนิท  บันไดค่อย ๆ  เข้ามาเทียบ  ความวุ่นวายในเคบินก็เกิดขึ้น

   ผมกลับหัวใจเต้นโครมครามเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างเคบิน . . .

   . . . ใครคนนั้นกำลังคุย  ว.  อยู่กับใครก็ไม่รู้  

   มันจะรู้ไหม ว่ามีใครบางคนที่รักมันอย่างเต็มหัวใจอยู่ในเครื่องลำนี้  มันอาจจะรู้  หากมันรักผม  และเช็คได้แน่ ๆ  ว่าผมจะมาวันไหนหรือ  หากมันใช้หัวใจเดียวกับผม  มันก็จะรู้เองว่า  ผมต้องมา  ผมต้องมาหามันในวันนี้

   ทำไมนะหรือครับ . . .

   . . . เพราะตั้งแต่  มกราคม  ผมเลือกที่จะบินวันที่  ๑๕  เดือนที่ผ่านมา  กุมภาพันธ์  ผมก็เลือกที่จะบินในวันที่  ๑๕  แทนที่จะเป็นวันที่  ๑๔  วันแห่งความรัก  

   “ถึงจะไม่ได้ให้ในวันวาเลนไทน์  แต่ก็ซื้อในวันวาเลนไทน์นะครับ  สำหรับผม  วันนี้สำคัญกว่าวาเลนไทน์”  ผมบอกกับมันเมื่อยื่นถุงของฝากให้ในวันที่ ๑๕ ของเดือนก่อน

   ถ้า . . .

   . . . หัวใจผมอยู่กับมัน  แล้วมันดูแลเหมือนที่ผมดูแลหัวใจของมัน  มันจะรู้ได้ทันที  ว่าเช้านี้  จะมีหัวใจที่ไกลกันอยู่ในเคบินเจ้านกสุรินทร์แน่นอน

   ประตูด้านหลังพร้อมเปิด  ในขณะที่ผมหัวใจเต้นโครมคราม  กับ  การได้ลงมาจากเครื่องแล้วเจอคนที่ผมรัก  ผมจะก้าวขาออกไหม  ผมจะคุยกับใครคนนั้นได้หรือปล่าว  ผมบอกไม่ถูก  รู้แค่ว่าตอนนี้  มือชุ่มไปด้วยเหงื่อ

   ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอด  ก่อนเดินตามผู้โดยสารออกมาจากเคบิน . . .

   . . .  ผมมองเห็นมัน  มันหันหลังให้ผมอยู่

   ผมค่อย ๆ  ก้าวขาลงบันได้มาอย่างช้า ๆ  สายตาจับจ้องที่ทุกอากัปกริยาที่ใครคนนั้น  ผมยิ้ม  ก้มหน้าต่ำ  เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ใครคนนั้นหันกลับมา    ผมเห็นมัน  คิ้มคู่นั้นขมวดเข้าหากัน  เป็นเชิงแปลกใจ  ก่อนที่จะมีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า  มันเดินมาที่บันได

   ช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ผมเดินลงบันไดขั้นสุดท้ายพอดี

   “มาทำไมไม่โทรมาบอก”

   “ก็เพิ่งตัดสินใจมา . . .”  ผมยิ้ม  กับคนที่อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม

   แค่เอื้อม . . .

   . . . ที่ผมเองก็ไม่กล้าที่จะเอื้อมไปในเวลานี้

   “. . . ของฝากครับ”  ผมยื่นถุงนั้นให้กับเจ้าตัว

   “ขอบคุณครับ  ไม่ต้องซื้อมาก็ได้”

   “ไม่ได้ดิ  พี่ไม่ได้เอามาฝากไม้  พี่เอามาฝากแม่  บอกแม่ด้วยนะลูกเขยฝากมา”

   มันหันมาทำตาขวางเชิงตำหนิผมนิดนึง . . .

   . . . กลางลานจอด  กล้าเล่นนะเนาะ  ผมไม่สนใจคนรอบ ๆ  ตัว  หรือเพราะว่า  สิ่งรอบ ๆ  ตัวผมไม่มีความสำคัญเท่ากับมันในเวลานี้

   ผมปล่อยให้เขาได้ทำงานของเขาไป  หลังจากที่ส่งถุงของฝาก ส่วนผมก็ทำหน้าที่ของผม  เก็บรูปเจ้านกสุรินทร์  แพนหางเจ้าสุรินทร์วันนี้สวยเนาะ  ผมไม่เร่งรีบเพราะผู้โดยสารวันนี้เต็มลำ และผมก็ลงคนแรก ๆ  ยังมีเวลาอีกมากในการเก็บรูปของผม

   หรือเรียกว่า . . .

   . . . ผมถ่ายรูป  เพื่อถ่วงเวลาในการเดินเข้ามาในอาคารผุ้โดยสารพร้อมกับใครคนนั้น  คนที่ไปรับเครื่องจะเดินกลับมาเป็นคนสุดท้ายเพื่อแน่ใจว่าผู้โดยสารออกมาหมดแล้ว  ผมเดินมาที่ปีก  แอบถ่ายใต้ปีกเจ้าสุรินทร์อีก  เนียนชะมัด

   “เที่ยงนี้ว่างไหม” ผมถามในขณะที่เดินห่างจากใครคนนั้นพอสมวร

   “ไม่แน่ใจ”

   “ว๊า  แย่เลยเนาะ”  หัวใจผมหล่นไปเล็กน้อย

   “ทำไมเหรอ”

   “อยากไปกินข้าว  กินข้าวด้วยกันสักมื้อได้ไหม”

   “พรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ”  มันหันมามองหน้าผม

   “ไม่ได้หรอก  พรุ่งนี้คงไม่ได้”  ผมยิ้มก้มหน้าลงต่ำ  จะพรุ่งนี้ได้อย่างไร ในเมื่อคืนนี้  ผมต้องบินกลับแล้ว  ผมคงไม่มีพรุ่งนี้อีกแล้ว

   “เดี๋ยวโทรไปบอกแล้วกัน  ว่าได้ไหม”

“ครับ”  ผมยิ้ม  ก่อนเดินออกมายังรถลิมูซีนที่จอดรอที่อาคารด้านนอกสนามบิน  



      อาหารมื้อเที่ยง . . .

   . . . น่าจะเป็นมื้อที่กลืนลงคอยากที่สุดแล้วสำหรับผม


   เพราะแค่สลัดกุ้งทอดที่ยกมาวางเสิร์ฟก่อน  ผมก้แทบไม่ได้แตะอาหารอื่น ๆ  อีกเลย  ทุก ๆ  อย่างสำหรับผม  คล้ายจะหยุดนิ่ง

   “ไม้คุยอะไรกับพี่ได้ไหมครับ”

   “เอาดิ๊  มีอะไร”  ผมย้มให้  ทั้ง ๆ  ที่ยังไม่รู้ว่าคนที่นั่งตรงกันข้ามกับผมกำลังเงื้อดาบที่จะฟันคอผมอยู่

   “ทำไมพี่ไม่หาใครดูแลสักคนครับ”

   ผมมองหน้าไม้ เป็นครั้งแรก  ที่ใบหน้านั้นนิ่งเฉยมาก  ไม่มีอาการใด ๆ  ผมอ่านความรู้สึกนั้นไม่ถูก  แต่ผมรับรู้ได้ถึงความหนาวเหน็บ  ที่ค่อย ๆ  เกาะเข้ามาครอบคลุมหัวใจ  ทั้ง ๆ  ที่เป็นบ่ายของฤดูร้อน  กลางเดือนมีนาคม

   “พี่ไม่มีใครหรอก  มีไม้คนเดียวก็พอ”

   “แต่ไม้คิดว่ามันไม่ใช่”

   “พี่ไม่ดีตรงไหน”

   “ป่าวหรอกครับ  พี่ดี  ดีมากดีทุกอย่าง  แต่ไม้กลับรู้สึกเองว่ามันไม่ใช่หรอกพี่  อย่าพยายามอีกเลย”  มันยิ้มให้ผม  ก่อนตักอาการกินอย่างปกติ

   ผมนะหรือ  ลำคอตีบตัน   ขนาดที่น้ำลายก็ยังกลืนไม่ลงเสียด้วยซ้ำ  ผมแบนหน้าไปมองผักตบชวาที่ลอยล่องกลางคลองมะขามเตี้ย  

   เหมือนหัวใจผมตอนนี้กระมัง ล่องลอย

   ทุก ๆ อย่างที่ผ่านมา มันเกิดจากการคิดไปเองของผมกระนั้นหรือ  สิ่งที่ผมรับรู้  หรอืรู้สึกได้  มันไม่ได้เกิดจากความรู้สึกของคนสองคน  เพียงแต่มันเกิดจากใครคนนึงใช่หรือไม่

   “พี่เป็นไรมั้ยครับ”  เสียงมันปลุกผมจากอาการลอย

   “ไม่รู้เหมือนกัน  บอกไม่ถูก”  ผมหันไปยิ้มกับมัน  ยิ้มเพียงนิดเดียวเท่านั้น  เพราะตอนนี้  ผมรู้แล้ว  ว่า  หลาย ๆ  อย่างที่เราคิด  มันอาจจะไม่ใช่แบบที่เราคิด  ความคิดของเรามันไปล่วงหน้าตัวเราเองเสมอ

   ถามว่าตอนนี้ผมเจ็อบไหม ?

   ยังหรอก  มันยังแค่ชา ๆ  เพราะเหมือนมีดที่กรีดลงเนื้อ  มันยังไม่มีความเจ็บปวด  แต่มันมีแค่อาการด้าน ๆ  ชา ๆ  ผมจะทำอย่างไรต่อไปดี  อ่อนแอให้มันเห็นหรือ  คงไม่ดีแน่ ๆ  สิ่งเดียวที่ผมทำได้ตอนนี้คือ  ซ่อนทุก ๆ อย่างเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่มีรอยยิ้มเหมือนเฉกเช่นเคย

   “พี่ไหวมั้ย”

   “ไหวดิครับ  ขอบคุณไม้  ขอบคุณที่ทำให้พี่ยิ้มได้  ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่ผ่านมา พี่เข้าใจดี  เข้าใจทุกอย่าง  และพี่ก็เคารพในหารตัดสินใจของไม้ครับ”

   “ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี”

   “ไม่ต้องพูดหรอกครับ  พี่เองที่เดินไปหาไม้  อาจจะเร็วไป  เพราะพี่กลัวว่า  จะมีใครสักคนเข้าใกล้ไม้มากกว่านี้  พี่ต้องขอโทษไม้มากกว่า ที่ไปทำให้ชีวิตไม้วุ่นวาย . . .”   บางอย่างในหัวใจผมบอกให้ยิ้ม  ยิ้มให้กับทุก ๆ  อย่างที่ผ่านมา

   “ผมเสียใจ”

   “อย่าเสียใจไปเลย  พี่เข้าใจดี  พี่บอกแล้วไง  พี่ขอบคุณไม้  เพราะหากไม่ใช่ไม้  ป่านนี้พี่ก็ยังใช้ชีวิตเรื่อย ๆ  เฉื่อย ๆ  แบบเคย  พอมีไม้เข้ามา  ชีวิตพี่เปลี่ยนไป มีความรู้สึกอยากยืนบนโลกนี้ต่อ”

   “พี่หาใครสักคนไว้ดูแลนะครับ  จะไม่เหงา”

   ผมมองหน้าไม้  แววตามันอ่อนโยน  เหมือนเคย มันยิ้มแบบที่เคยยิ้ม ทุกอย่างเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน  

   “ไม่หรอก  พี่เคยบอกไม้ไปแล้ว  ว่าไม้ไม่ใช่คนแรกที่พี่รัก  แต่ไม้จะเป็นคนสุดท้ายที่พี่จะรักได้ในชาตินี้”

   ผมยิ้ม  ผมพูดจริง ๆ  เพราะรู้ดีว่า  ความรักมันไม่ได้เดินเข้ามาในชีวิตของเราบ่อย ๆ  ทุก ๆ  อย่างมีวันเวลาของมัน  แล้วยิ่งความรักที่เกิดจากคนสองคน  โอกาสที่จะปรับเข้าหากันมันยาก  ยากเกินกว่าที่เราจะไปคิดว่า  มันจะเป็นแบบไหน อย่างไร

   “พี่ . . .”  มันลากเสียงยาว

   “ช่างเหอะ  อย่าไปพูดถึงมันเลย  ตอนนี้  พี่อยากอยู่นิ่ง ๆ  อยากทบทวนว่า  มันเกิดอะไรขึ้นมาในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา  ไม้บอกพี่เสมอว่าพี่หลง  แต่พี่ว่าพี่รู้จักหัวใจพี่ดี  เพียงแต่พี่ไม่รู้จักหัวใจไม้  เอาเป็นว่า พี่ขอไม้ไว้สองเรื่องได้ไหม”  ผมมองหน้าไม้

   “เรื่องอะไร”

   “เรื่องแรก  ที่ไม้บอกจะบวช  บอกพี่ด้วย  พี่จะมา”

   “ได้ ๆ  ๆ  แล้วอีกเรื่อง”

   “พี่ไม่รู้  ว่าพี่จะแข็งแรง  และรับรู้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเวลานี้ได้มากขนาดไหน  เอาเป็นว่า  ต่อจากที่เราแยกกันในวันนี้  หากบังเอิญเจอกันอีกครั้ง  ถ้าพี่ไม่ทักไม้ก่อน  ไม้ไม่ต้องทักทายพี่นะ  พี่อยากกลับไปสู่จุดเดิม  จุดที่พี่ยังไม่ได้รักไม้  ไว้พี่ทำใจคิดว่าไม้เป็นเพื่อนเป็นน้องเมื่อไหร่  ค่อยคุยกัน”

   “ทำไมต้องทำเหมือนไม่รู้จัก”

   “ไม่รู้สิ  เอาเป็นว่าพี่ขอ  เพราะพี่รักไม้มากกว่าที่ไม้คิด  คนที่เจ็บปวดคือพี่  พี่ไม่รู้ว่า  มันจะเจ็บปวดไปอีกนานแค่ไหน  แต่พี่สัญญาว่าหากพี่เข้มแข็งพอ  พี่ก็คุยกับไม้เหมือนเดิม  ยกเว้น . . .”  ผมสูดลมหายใจลึก ๆ

   “อะไรหรือครับ”

   “. . . ถ้าพี่ไม่ไหวจริง ๆ  พี่ขอโทรหาไม้นะครับ”

   “โอเคครับ  ผมทำตามที่พี่ขอ  แต่ผมขอพี่เรื่องนึง”

   “อะไร”  ผมเลิกคิ้วสูง

   “พี่อย่าอ่อนแอได้ไหม  พี่อย่ามีน้ำตาได้ไหมครับ”

   ผมมองหน้ามัน  เหมือนมันรู้ว่าตอนนี้หัวใจผมมันท่วมไปด้วยน้ำตา  เพราะผมกำลังสู้กับความรู้สึกของตัวเอง  ผมจะสู้กับมันได้มากแค่ไหนผมไม่รู้ เพราะในเวลานี้  หัวใจผมมันไม่ไหวแล้ว  ผมแทบจะทรงตัวให้นิ่งไม่ไหวอยู่แล้ว

   ผมขอลงกลางทางไม่ยอมให้ไม้มาส่งผมที่บ้าน . . .

   . . . ผมรู้ดี  การอยู่กับไม้อีกแค่นาทีเดียว  ผมคงปล่อยความอ่อนแอที่คลุมหัวใจอยู่ตอนนี้ไม่ไหว

   ผมลงมาจากรถที่ฝั่งตรงกันข้ามหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีเป้ใบเล็ก  มีป้ายสำหรับคอยรถประจำทาง  ทว่าผมไม่ต้องคอย  เนื่องจากสองแถวเข้ามาจอดพอดี  ขาผมมันก้าวขึ้นไปโดยไม่ต้องคิด  ไปไหนก็ไปกัน  ไม่ต้องกลัวการหลงทาง  

   ผม   “หลง”   กับถนนชีวิตมาพักใหญ่แล้ว  การจะหลงอะไรอีกไม่แปลก  

   ผมกอดเป้ไว้แน่น   “ยึด”  ว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่มีที่เป็นของผม  มองภาพข้าง ๆ  ทางไปเรื่อย ๆ  

   เห็น . . . ก็สักแต่ว่าเห็น  

   ไร้ความรู้สึกไร้ความทรงจำใด ๆ  ทั้งสิ้นสิ่งที่รู้ตอนนี้    กลับไปบ้านไม่ได้เพราะบอกแม่ไว้แล้ว  ว่าจะไปสนามบินเลย    และการอยู่นิ่ง ๆ  กับที่จะทำให้ มันกระวนกระวาย  การได้ไปเรื่อย ๆ  ตามผู้คนตามถนนสายชีวิต  จะทำให้ความกระวนกระวายบรรเทาลง

   หัวใจมันสั่ง . . .

   ไป   ไป  ไป

   แต่ทว่า . . .

   . . . ไร้จุดหมาย

   มันมีชีวิต  แต่ทว่าไร้ชีวิต

   โลกยังหมุน . . .

   . . .  แต่ชีวิตดำเนินไป  ทว่าทุกอย่างจบแล้ว

   ผมลงที่ทางขึ้นเขาลูกเล็ก ๆ  ก่อนเดินไปขึ้นรถอีกคันที่จอด จนถึงจุดหมาย  ยอดเขาที่ตั้งของ . .

   “พระธาตุดอยสุเทพ”  

   แล้วเดินไปนั่งที่ริมผาซึ่งเป็นจุดชมวิว  มองลงมาเห็นตัวเมืองเชียงใหม่  เสียงระฆังจากผู่ช้คนที่เดินรอบโบสถ์ดังลอยมาตามลม  กระรอกลงมาขอขนมปังป้าแอนที่ติดมาตั้งแต่เมื่อเช้า  น้ำดื่มที่ซื้อเมื่อสักครู่ กลืนแทบไม่ลงคอทั้ง ๆ  ที่หิวแทบขาดใจ  ผมพยายามกินเพื่ออยู่  การขาดน้ำจะทำให้ร่างกายแย่    จากนั้นก็เดินเที่ยวเล่น  การอยู่ในโลกคนเดียวดีเสียกว่า  

   เพราะขี้เกียจกลับไปใส่หน้ากากแป๊ะยิ้ม ที่สนามบิน ผมไม่อยากได้ยินเสียงน้องไม้อีกแล้ว  ผมเดินอย่างไร้ทิศในวัดใหญ่ใกล้ ๆ  ตัวเมือง  จนเย็นย่ำ ก่อนอาศัยรถประจำทางจากพระธาตุลงมาในเมือง ถนนมีสายเดียว  ผมเดินทางคนเดียว  เหมือนถนนสายหัวใจ . . .

   . . . หัวใจผมมีดวงเดียว  เพื่อรักคน ๆ  เดียว

   ถนนบนภูเขามีทางเดินขึ้นเดินลง

   เหมือนถนนสายชีวิต . . .

   . . . ตอนเดินขึ้นเหน็ดเหนื่อยสาหัส

   ตอนเดินลง . . .

   . . . ละลิ่วหัวทิ่ม

   กว่าจะถึงหน้าสวนสัตว์ก็เกือบทุ่ม ผมโทร  1318  แล้วกด 4  เพื่อเช็คอินน์  ไม่ของของโหลดจะกลัวอะไร    ขอบคุณที่พระเจ้าสั่งให้ผมคำนวนเวลาถูก  ความมืดซ่อนรอยบางอย่างบนใบหน้าได้ดี    ผมแนบใบหน้ากับกระจก  ปล่อยความอ่อนแอที่เกาะกุมหัวใจอย่างที่สุดแล้ว 





tonsai_2520

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #78 เมื่อ29-03-2010 08:05:09 »

   ผมมองแก้วกาแฟ  ที่ยังมีเกือบเต็ม  เรื่องราวในวันนี้ มันกำลังสอนอะไรผมหรือ  ผมไม่รู้  ผมดูเวลา  ตอนนี้หางแดงกำลังจะออก  แปลว่า  ผมควรเดินไปรับบอร์ดดิ้งพาสแล้วขึ้นเครื่องได้แล้ว  ผมควรเดินไปข้างบน  เพื่อจะไปรอในห้องผู้โดยสารขาออก

   ผมเดินขึ้นบันไดเลื่อนมายังชั้นสองของอาคาร  ก่อนเอาเป้ที่ผมกอดไว้แน่นผ่านเครื่องเอ็กซเรย์  ที่หน้าประตู  ข้างในอาคารบูธสีเหลือง  โดนขนาบด้วยเคาน์เตอร์เช็คอินสีม่วง  และสีแดง  คนที่ยืนหน้าเคาน์เตอร์  ผมจำได้ดี    ผมสูดลมหายใจเข้าปอด  ตรงนั้นเวทีแสดง  จากนี้ไป ผมจะแสดงมันออกมาให้สวยงามที่สุด  ให้สมกับที่ผมรักมัน

   “ทำไมมาเสียค่ำเลย  นึกว่าไม่มาแล้ว”  มันยิ้มเหมือนเคย

   “มาสิ  ยังไงก็ต้องมา  จองไว้ก็ต้องกลับ  พอดีแวะไปหาแม่มาอีกรอบ”  ผมยิ้ม  ก่อนเดินไปที่เคาน์เตอร์  แล้วส่งบัตรประชาชนให้  นกแฟนคลับที่เช็คอินทางโทรศัพท์แล้ว  มารับบัตรขึ้นเครื่องได้ที่ตรงนี้  ไม่จำเป็นต้องไปรอที่เคาน์เตอร์เชคอินอีก 

   “รอตั้งนาน”

   “รอทำไม”  ผมพยายามยิ้ม  เพราะต้องแสดง  ละครฉากนี้ให้ไม้เห็น  ว่าผมปกติยิ่ง  สุข  ไม่ได้มีอะไรกับเรื่องราวที่ผ่านมา

   “กินไรยัง”

   “อิ่มแล้ว  แม่ทำน้ำเงี้ยวให้กิน”  ผมยิ้มเอามือลูบท้องไปมา มองหน้าน้องไม้

   ผู้ชายตรงหน้าผม . . .

    . . . ไม่รู้จัก  ผมจริง ๆ  เสียด้วย  ไม่รู้ว่าตอนไหนเป็นตัวตนจริง ๆ  และตอนไหนเป็นการแสดง 

   “ขอบคุณครับ”  ผมยิ้มให้  เจ้าหน้าที่ในบูธ  ที่ส่งบัตรขึ้นเครื่องมาให้ผม 

   “กลับแล้วนะ”  ผมยิ้ม  ก่อนเดินจาก  ผมรู้ดี  ไม่ได้จบการแสดง  ขืนอยู่ต่อหน้าน้องไม้นานกว่านี้  ผมต้องแย่แน่ ๆ 

   “เดี๋ยว”  ไม้เดินตามมา  ก่อนผมเข้าห้องสำหรับผู้โดยสารขึ้นเครื่อง  ผมหยุดเพราะข้อมือโดนจับเอาไว้ ผมหยุดนิ่ง  ทั้ง ๆ  ที่แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

   “มีอะไร”  ผมหันไปยิ้ม

   “พี่จะมาอีกวันไหน”  แววตานั้นเศร้า

   “ไม่รู้  ทำใจให้สบายเถอะน้องไม้พี่เข้าใจ . . .”  ผมยิ้มอีกครั้ง

   “ . . . ลาก่อนนะ น้องชาย”   เสียงตอนท้ายผมข่มใจแทบตายกว่าจะลอดออกมา  ไม่วายหันกลับไปลาก่อนที่จะเดินตรงดิ่งเข้าไปห้องรอขึ้นเครื่อง  แล้วจมอยู่กับตัวเองอีกครั้งบนเก้าอี้นุ่ม ๆ  หากผมกลับรู้สึกคล้ายมีเข็มราวพันคอยทิ่มแทงหัวใจ

   ลาก่อนนะ . . .

   ไม้มันจะรู้ไหม  คำสั้น ๆ  แต่ความหมายยืดยาว

   ลาก่อน. . .

   . . . คือกัลปาวสาน

   ลาก่อน . . .

   . . . ไม่ผ่านมาอีก

   ลาก่อน . . .

   . . . แยกส่วนเป็นสองซีก

   ลาก่อน . . .

   . . . คือหลีกเร้นไกล


   ผมเดินตรง  ผ่านบานประตูขึ้นเครื่อง  ไปเป็นคนแรก ๆ  เมื่อมีเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่อง HS-TDB  นกภูเก็ตมารออยู่ตรงลานจอด   ผมตรงดิ่งไปทางประตูด้านหลัง  เพราะที่นั่งผม  51A  แล้วผมก็นั่งนิ่ง  ไม่กล้าแม้แต่จะมองออกไปที่อาคารผู้โดยสาร

   เอ . . . ทำไรดีหว่า?

   ท้องไม่ได้กินอะไรมากี่ชั่วโมงแล้วก็ไม่รู้ เพราะเมื่อตอนไปนั่งกินข้าวกับน้องไม้ปากบอกหิวแต่กลับเขี่ยข้าวไปมา  ไม่แตะมันสักนิด  ข้าวสักคำมันก็ไม่อยากกิน ผมนั่งลงก่อนดึงหมวกไหมพรมมาปกปิดแววตา  เสมือนหนึ่งไม่อยากสุงสิงกับใคร ก่อนปล่อย ศรีษะพิงไปกับขอบหน้าต่าง เสียงคนในเคบินดังเข้าหู   ดังมาแล้วห่าง . . . หาย . .

   ผมรับรู้แค่มีคนมานั่งใกล้ ๆ  ผม  หากแต่ตอนนี้  ผมไม่อยากสนใจอะไรเลย  เพราะโลกของผมตอนนี้มันไม่มีอะไรอีกแล้ว  ผมซุกหน้ากับริมฝั่งซ้ายของเก้าอี้  ไม่แม้แต่จะสนใจการสาธิตในการเจอสถานการณ์ฉุกเฉิน

   เสียงค่อย ๆ  เงียบลง  เมื่อ  เครื่องค่อย ๆ  แท็กซี่ไปอย่างช้า ๆ   

   โลก . . . สงบ . . . เงียบ . . . ดังเดิม

   แต่ . . .

   . . . โลกตอนนี้ไม่ยักใช่โลกใบเดียวกับเมื่อตอนเช้า  โลกตอนนั้นยังมีความสุขอยู่เลย    ผมกอดเป้ที่มีกล้องถ่ายรูปข้างในแน่น คล้ายสัตว์บาดเจ็บ  ไม่มีน้ำตาเหลืออีกแล้ว  แม้แต่เวลากระพริบตา . . .

   . . .ยังเจ็บ

   และถึงพยายามหลับตาก็ไม่สำเร็จ

   “เสือมันจะหลบเลียแผลตัวเองเสมอ”     เสียงพ่อก้องอยู่ในหัว  เพราะมันคือคำปลอบทุกครั้งที่ผมเจ็บ  พ่อผมเกิดปีเสือ  พ่อบอกต้องอดทนให้ได้ดั่งเสือ

   ผมแน่ใจและบัดนี้ต้องพูดว่า . . .

   . . . แน่ใจเป็นอย่างยิ่ง  ผมเป็น  “ลูกเสือ”  ไม่ใช่หมาที่จะร้องเอ๋ง ๆ  วิ่งหางจุกตูดให้คนเวทนา 

   ขอเวลานิ้ดเดียวน่า . . .

   ขอเวลาให้ผมเป็น  “เสือ”  เต็มตัวก่อน

   ตอนนี้มันยัง . . .

   . . . ครึ่งหมาครึ่งเสือยังไงก็ไม่รู้

   ผมหลับตานิ่งเมื่อเครื่องค่อย ๆ  กระชากออกอย่างรวดเร็ว  แล้วมันค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ    หากหัวใจผมว่างเปล่า  ถ้าจะถามว่านานเท่าใด  คงตอบได้แค่ว่า 

   “ไม่รู้สิ” 

   ถ้าจะถามว่า . . . 

   “ไม่หิวหรือ ?”    คงต้องย้อนถามตัวเองไปว่า 

   “ต้องกินด้วยเหรอ ?” 

   “คิดอะไรอยู่น่ะ ?”

   “ไม่ได้คิด”

   แล้วผมก็เผลอหลับไป  ในความฝันอันยุ่งเหยิง  มันหลงทางเดินร้องไห้ไปตามถนนที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต  ขรุขระ  ตะปุ่มตะป่ำ  เหมือนเดินตามหาใครก็ไม่รู้  เมื่อตื่นขึ้นมาในเคบินยังมืด

   อ้าว! 

   หมวกไหมพรมดึงปิดลงมาแค่จมูก  ไม่มืดได้อย่างไร  มีเพียงเสียงครางของเครื่องยนต์เท่านั้นที่เล็ดลอดมา  แสดงว่าเผลอหลับไป นิดเดียว  แต่น้ำตายังเปียกแก้ม 

   แย่จังนะ!   

   ดันอ่อนแอออกมาในเคบิน   ผมร้องไห้หรือ ?

   ผมใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ไหลผ่านหมวก  แล้วเกลือกหน้าไปซุกไว้กับหน้าต่าง  น้ำตาตัวเองต้องเช็ดเอง  อย่าให้ใครเห็น  อย่าให้ใครหยัน  เพราะผมเป็นลูกเสือไม่ใช่ลูกหมาจะได้ร้องเอ๋ง ๆ

   ผมต้องผ่านช่วงเวลาแย่ ๆ  นี้ให้ได้ . . .

   . . . ผมแน่ใจเสมอว่าได้จากมาอย่างคนที่เต็มไปด้วยความรัก  ผมรักมัน  รักมันอย่างเต็มหัวใจ  ที่ผมเจ็บปวด  เพราะผมทำให้มันรักผมไม่ได้ ผมไม่ได้โกรธมัน  ไม่ได้เกลียดมันเลยผมพยายามยิ้ม  นึกถึงวันเวลาดี ๆ   

   เสืออย่างผมค่อย ๆ เลียแผลหัวใจของตัวเอง  ผมกอดกระเป๋าเอาไว้แน่นอีกครั้ง  และผมมั่นใจต้องอยู่อย่างเสือ!!!

   เสียงกัปตันประกาศเครื่องกำลังจะแลนดิ้ง ให้ทุกคนอยู่ในที่นั่ง  ปรับพนักเก้าอี้ตรงและเปิดบานหน้าต่าง  ไฟในห้องผู้โดยสารปิดอีกครั้ง . . .

   . . . ผมค่อย ๆ  พับหมวกไปไว้ที่หน้าผาก  หากแต่ยังไม่กล้าลืมตา  หลบซ่อนหน้าไว้กับกระจกที่ช่อง  51A

   ผมเลื่อนมือมาที่เข็มขัดตามความเคยชินทุกครั้งที่ได้ยินเสียงประกาศ  เข็มขัดยังไม่ได้ปลด ตั้งแต่รัดไว้ที่เชียงใหม่  กำลังจะเลื่อนมากอดเป้ . . .

   . . . มีอีกสองมือมากุมมือข้างขวาผมเอาไว้

   ผมปล่อยน้ำตาไหลอีกครั้ง  คราวนี้ผมซุกหน้าหนี  ผมกำลังฝัน  หรือ  ความจริงกันแน่  มือนั้นกระชับมือผมแน่น  เหมือนมีกระแสไฟไหลจากมือทั้งสองที่เกาะกุม  ผ่านมือของผมก่อนวิ่งเข้ามาสู่หัวใจ  แล้วเจ้าของมือคู่นั้นเอามือผมไปทาบไว้กับอกด้านซ้ายของเจ้าของมือนั้น  ผมสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นอยู่  ผมมีแต่น้ำตาที่ไหลออกมา

   เป็นน้ำตาที่แตกต่างจากเมื่อตอนบ่าย . . .

   . . . ต่างจากในห้องรอขึ้นเครื่อง

   ในเคบินมืด  มีแค่แสงไฟสลัว ๆ  เท่านั้น  หากแต่ตอนนี้ผมหยุดตัวเองไม่ได้  ผมปล่อยให้สิ่งที่มันคั่งค้างไหลออกมา  พร้อม ๆ  กับที่เครื่องค่อย ๆ  แลนดิ้งลงที่รันเวย์ที่ดอนเมือง   เจ้าของมือคู่นั้นกุมมือผมเอาไว้แนบกับอกของเขา

   ทำไมผมไม่เฉลียวใจ . . .

   . . . ที่หน้าบูธที่ชั้นสองของอาคารสนามบิน  มันไม่ได้อยู่ในชุดทำงานนี่หว่า  ผมน่าจะฉุกคิดตั้งแต่ตอนนั้น  เพียงแต่ในเวลานั้น ผมกำลังอยู่ในโลกของความเจ็บปวด  ผมลืมทุก ๆ  สิ่งที่อยู่ตรงหน้า

   ผมยังไม่กล้าหันหน้าไปมองเจ้าของมือคู่นั้น . . .

   . . . เพราะใบหน้าผมมันเกรอะกรังด้วยน้ำตา

   รออีกเดี๋ยวนะ  รอให้ผมซึมซับรับกับความจริงที่เป็นอยู่ตอนนี้ก่อน  แล้วผมจะเอาคืน  ผมลืมตามองนอกหน้าต่าง  เมื่อเครื่องจอดสนิท เจ้านกศรีสะเกษจอดอยู่เคียงข้าง  ผมยิ้มกับเจ้านกตัวใหม่ของฝูง

   ผู้คนค่อย ๆ  ทะยอยกันลุกขึ้น  เมื่อเครื่องจอดสนิท . . .

   “จะกลับห้องยังนี่  ไม้ง่วงนอน  เร็ว ๆ  ดิพี่”  เสียงนั้นเร่ง . . .

   ผมเอามือปาดน้ำตา . . .

   . . . แบบทดสอบแรกที่ผมโดน  ผมจะเอาคืน  ผมสัญญา  ผมจะเอาคืนอย่างสาสมเลยคอยดูเหอะ  แววตาผมกร้าว   แฝงความเจ้าเล่ห์ในตัวเอง

   คืนนี้ . . .

   . . . มันต้องชดใช้ค่าของน้ำตาที่ผมเสียไป




จบบริบูรณ์
 

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
วู้ว ๆ ๆ ๆ จบแบบ happy อ่ะ ชอบ ๆ อ่ะพี่ต้น

ไอ้ไม้ คืนนี้มันตายแน่ เอิ๊กกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






C2U

  • บุคคลทั่วไป
ว้าว   จบแบบเฮปปี้ด้วย   :-[


น่ารักดี 

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
นึกว่าจะจบแบบเศร้าซะแล้ว ขอบคุณนะครับสำหรับเรื่องดีๆที่มาแบ่งปันกันครับ

ออฟไลน์ bluesky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

   +1 ให้พี่โมก...คิดว่าจะเศร้าซะแล้ว

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
ทำเอาน้ำตาซึมไปเหมือนกัน ร่วมดีใจกับความสมหวังที่น้ำตามามันร่วงมาก่อน แบบรันทดนิดนึงคิดตลอดว่าเขาไม่รัก ขอบคุณสำหรับเรื่องรักดีๆที่นำมาฝาก แนวคิดการกระทำที่น่าจดจำ ทำให้คนโสดไม่มีแฟนยิ้มออกบ้าง :pig4: :pig4: :pig4:

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป
วิ้วววว

ต่อด้วย รักแท้บทที่ ๒  โลดดดดดดดดด


จนกว่าจะถึงรักแท้บทสุดท้าย

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

ว้าย คืนนี้น้องม้ายโดนตบ อิอิ
๒๙๔ + ๑ = ๒๙๕
ขอบคุณนะคะ คุณ ต้นสาย


ptyunjae

  • บุคคลทั่วไป
จบได้น่ารักดีค่ะ :L2:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
จบได้อิ่มมากครับ
Thanksssssssss :L1: :L1: :L1:

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้
ขอบคุณครับที่นำเรื่องดีๆ มาให้ได้อ่านกัน
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
อ่าวววววว~ จบไม่รู้ตัว เพิ่งอ่านได้ไม่กี่ตอนเอง ขอกลับไปอ่านก่อน  :m23: 


เรื่องนี้น่ารักค่ะ  :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด