รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .  (อ่าน 26284 ครั้ง)

tonsai_2520

  • บุคคลทั่วไป
รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
« เมื่อ09-03-2010 16:26:25 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม, ติดเรท x ทำให้กระทู้กลายพันธุ์ ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวบบอร์ด

3.ถ้าอยากเอานิยายเรื่องนี้ไปโพสต่อ กรุณาบอกผมก่อนด้วย  แต่โดยมายาทแล้ว  มิควรเอาไปโพสต์ที่อื่นอย่างเด็ดขาด

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม


เวบไซต์ แห่งนี้เป็นเวบไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวบไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวบไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวบไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณ สติสตัง ความรู้ และสามัญสำนึกของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชมด้วยนะครับผม



กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่








ต อ น ที่   ๑




ปีที่ผ่านมา . . .


"เอารีวิวมาลงเร็วจิงๆนะคับ
วันนี้ผมยังเห็นคุณแอบถ่ายรูปบูธของผมอยู่เลย
ก็คิดอยู่ในใจว่าเค้าถ่ายไปลง hf. รึป่าว แต่ก็ไม่ได้ติดใจอาราย
ตอนนี้เข้ามาดู แอบเห็นหัวตัวเองอยู่ในรูปด้วย"



   เพราะข้อความนี้ ทำให้คิ้วของผมขมวดเข้าหากันอย่างก๊ะโบว์ผูกผม

    ใครหว่า ?

   คำถามที่เกิดขึ้นในใจ ผมหลับตา และพยายามนึกถึงห้วงเวลาก่อนหน้านี้สักสี่ห้าชั่วโมง . . .

   . . . หน้าใครคนนึงลอยมาในห้วงความคิดของผมอย่างช้า ๆ

   สนามบินเชียงใหม่ในยามบ่าย  ผู้คนไม่ได้มากมายอะไร  ผมเดินเรื่อย ๆ  บนชั้นสายในอาคารผู้โดยสาร  ถ่ายภาพตรงโน้นตรงนั้นไปเรื่อย ๆ   ที่สะดุดตาที่สุดก็  เคาเตอร์สีแดงของสายการบินลูกครึ่งกับสีแดงของสายการบินไทยแท้ . . .

   . . . ในบูธสีเหลือง  ผมเห็นใครคนนึงนั่งอยู่คนเดียว  อาจเพราะว่าคนส่วนมากนิยมการจองตั๋วผ่านอินเตอร์เน็ท  ตามบูธขายตั๋วจึงไม่ค่อยมีใครสนใจ  ผมเดินเฉียด ๆ ไป  มองรอบ ๆ  ตัว  และสิ่งที่ผมเห็น

   ใครคนนึงที่นั่งอยู่หลังเคาเตอร์นั่น . . .

   . . . ผมแอบยกกล้อง  ก่อนเก็บภาพของเขาเอาไว้   นั่นคือการเจอกันครั้งแรกผมเรียกมันว่า

   “ความบังเอิญ”

   ผมเอาหยิบเอากล้องที่ถ่ายภาพเมื่อตอนบ่ายมาดูอีกครั้ง  ผมค่อย ๆ  กดเลื่อนไปทีละรูป ๆ  อย่างช้าจน  จนกระทั้งมาหยุดที่บูธสีเหลือง   ใครคนนึงที่ก้มศรีษะอยู่ในบูธนั้น  แล้วผมก็ยิ้มกับรูปนั้น  คนในรูป  มีแค่หัวจริง ๆ  ด้วย  

   จะใช่คนเดียวกับที่มาตอบรีพลายในรีวิวผมหรือปล่าวหว่า ? . . .

   . . . คำถามที่เกิดขึ้นในใจผมอีกครั้ง





ปล.  โปรดอย่าถามถึงเรื่องดองเค็มทั้งหลาย  เพราะอารมณ์ตอนนี้คงต่อเรื่องดองเค็มไม่ติดแล้วมังครับ



*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2010 21:13:43 โดย THIP »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #1 เมื่อ09-03-2010 16:31:32 »

 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:


เจิมๆๆๆๆ

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #2 เมื่อ09-03-2010 16:53:27 »

ว้าย แล้วใครจะรับผิดชอบเรื่องภู.กับเด็กในท้องล่ะคะนั่น
ขอบคุณนะคะ คุณ ต้นสาย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2010 17:02:26 โดย kit »

tonsai_2520

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #3 เมื่อ09-03-2010 18:23:45 »



หลายวันต่อมา . . .

   ผมได้มีโอกาสคุยกับเจ้าของรีพลายนั้นอีกครั้ง    ผ่านทางโปรแกรมยอดฮิตเอ็มเอสเอ็น  หากเพียงแต่  เขากลับบอกผมว่า  เขาทำงานที่บริษัทเกี่ยวกับสินค้าทางการเกษตรระดับชาติ  นั่นมันยิ่งทำให้ผมแปลกใจ  เพราะถ้าเขาคือคนเดียวกับเจ้าของศรีษะในภาพ  เขาจะทำงานที่ซีพีได้อย่างไร

   แต่ . . .

   ผมพอจะเข้าใจ การรู้จักผ่านโลกไซเบอร์  ที่เสมือนหนึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในโลกปัจจุบัน   ทุกคนล้วนอยากปกป้องตัวเองเอาไว้ก่อน  ผมจึงไม่แปลกใจ  หากเขาทำงานสนามบิน  แล้วมาบอกว่าทำงานอีกที่  เพราะอย่างไรเสีย  ผมมีสมมติฐานในการจับผิด  หรือ  ค้นหาความจริงของผมเอง  ซึ่งผมมั่นใจ  ว่า  ถ้าเจ้าของเมล์คนนี้ที่ผมกำลังแชทอยู่  เป็นบุคคลเดียวกับที่ผมแอบถ่ายรูปเอาไว้ 

   เรา . . .

   . . . ซึ่งหมายถึงผม  และมัน  จะต้องเจอกันอีกแน่นอน

   การเจอผ่านโลกที่ไร้ตัวตนแบบนี้  เราต่างแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันมากมาย  หลายหลาก  โดยเฉพาะเรื่องเครื่องบิน  สนามบิน  มันรู้เรื่องราวเหล่านี้ดี 

   เราแลกเบอร์โทรกัน . . .

   ผมเป็นฝ่ายโทรไปหา  แต่ไม่มีการรับสายจากปลายทาง  นั่นทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า  เริ่มขาดความมั่นใจพอสมควร  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าขาดความมั่นใจไปเพราะอะไร  ผมรู้เพียงแต่ว่ามันมีอะไรบางอย่างที่จะทำให้ผมได้คุยกับเขาอีก

   และ . . .

   . . . คืนนั้น  หลังจากที่ผมเปิดคอมพิวเตอร์

   “ไม่กล้ารับ”

   สิ่งที่เขาพิมพ์ค้างเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน  หลังจากที่ผมโทรไปหาเขา  ผมยิ้มกับตัวเอง  โดยที่ผมเองก็บอกไม่ได้  ว่าทำไม  ผมต้องยิ้ม  ทั้ง ๆ ที่กับคนอื่น ๆ  ผมกลับเฉย ๆ  ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย  แต่กลับคนนี้  คนที่ผมเคยเห็นเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ มันทำให้หัวใจผมป่วนปั่นได้ขนาดนี้เลยหรือ ?

   ผมนับว่าการเจอกันบนโลกไซเบอร์  และการได้เบอร์โทรของเขาเป็นการเจอกันครั้งที่สอง . . .

   . . . ครั้งแรกผมเรียกมันว่า

   ความบังเอิญ

   ครั้งที่สองสำหรับผม . . .

   . . . เพราะโลกมันกลม
   




   ธันวาคม  ปีเดียวกัน . . .



   “สวัสดีครับ”  ผมกรอกเสียงไปตามสาย  ในขณะที่กำลังขับรถเลี้ยวซ้ายไปทางถนนเลี่ยงเมืองเยื้อง ๆ  บิ้กซี  ที่ซุปเปอร์ไฮเวย์

   “ครับ”  เสียงนั้นตอบกลับมา

   “ไม่ทำงานหรือครับ”

   “ทำครับเข้าบ่าย”

   “ว๊า นึกว่าเช้า  ไม่ได้เจอกันอีกแหง”  ผมยิ้ม  ในขณะที่สายตามองไปข้างหน้า  เพราะถนนเลี่ยงเมืองเป็นถนนสองเลนเท่านั้น

   “พี่ขึ้นมาเชียงใหม่  เหรอครับ”

   “ช่าย”

   “ทีจีเหรอครับ”

   “ป่าว  ขับรถมาครับ”

   “ถึงไหนแล้ว”

   “เลี่ยงเมืองแถว ๆ บิ้กซี  ไม้จะไปทำงานหรือยัง”

   “กำลังออกจากบ้าน”

   “อะไรซีพีเข้าบ่ายด้วยเหรอ  เลิกกี่ทุ่ม”

   “สี่ทุ่มครึ่งครับ”

   โห . . .

   . . . ไอ้น่ารัก  เวลาที่เมิงเลิกงานน่ะมันเวลาเลิกงานของสายการบิน  ชัด ๆ  มาแถอีกว่าอยู่ซีพี  ช่างเหอะ ไม่บอกวันนี้  วันหน้า จะรู้ให้ได้  ว่าทำงานที่ไหนกันแน่

   และ . . .

   . . . สอยมาเป็นคนรักให้ได้คอยดู๊

   ผมยิ้มกับตัวเองอีกครั้ง กับ ทฤษฏีความคิดบ้า ๆ  ของตัวเอง ที่ผมคิดมันเอง เออมันเอง  ทั้ง ๆ  ที่อีกฝ่ายยังไม่รู้เรื่องรู้ราวเสียด้วยซ้ำไป

   “โอเค  งั้นไว้เดี๋ยวพี่ว่างจะโทรหา” 

   และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่ผมได้คุย  เพราะหลังจากนั้นผมเหมือนลืมเขาไปเลย  ด้วยภาระ  หน้าที่การงานมันยุ่งเหยิง จนผมลืมไปว่า  ผมยังมีใครคนนึงซ่อนอยู่ในหัวใจ  มันอาจจะเป็นความทรงจำที่รางเลือน  หรืออะไรก็ไม่รู้  ผมไม่ได้โทรหาเขาอีกเลยร่วมเดือน . . .

   . . . และ  ไม่เจอแม้ในโลกไซเบอร์

   ระหว่างเขากับผม . . .

   ความบังเอิญน่ะใช่  เพราะเราบังเอิญเจอกัน  ในสถานที่ทำงานของอีกฝ่าย  และไม่มีการพูดคุยกันด้วยซ้ำ    แต่เราก็ก้าวข้ามความบังเอิญมาถึง . . .

   โลกมันกลม  เพราะเราเจอกันในเน็ท  คุยกันทางโทรศัทพ์  และเป็นผม  ที่ทิ้งให้เราสองคนหยุดลงตรงที่โลกกลม . . .

   เพราะหากเราบังเอิญเจอกันอีกในครั้งที่สาม . . .

   . . . ผมจะเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่า

   “พรหมลิขิต”

   และ ถ้ามันคือพรหมลิขิตผมจะเดินเข้าไปหา และไม่ปล่อยให้เขาคนนั้นต้องหลุดลอยไปแน่ ๆ   ผมจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาสิ่งที่พระพรหมลิขิตมาให้ผมเอาไว้ได้นานที่สุด





   มกราคม . . .

   ผมผ่านด่านตรวจวัตถุระเบิดของสนามบิน  ยกข้อมือดูเวลา  อีกเกือบสองชั่วโมงกว่าเครื่องจะเทคออฟ  ผมมองไปที่เคาเตอร์ของสายการบินที่จะเดินทาง  เคาเตอร์เปิดแล้ว  หากยังเวลาอีกมาก  ทำให้ผมไม่รีบร้อนที่จะไปแสดงตัว  สายตาผมกวาดมองไปที่เคาเตอร์อีกแห่งที่อยู่ติดกัน

   ผมยืนนิ่ง . . .

   . . . คนที่ยืนหน้าเคาเตอร์

   คนนั้นเหลือบมองมาทางผมแค่นิดเดียว  เป็นจังหวะเดียวกันทีค่ผมก้มหน้าต่ำ  หัวใจเต้นแรง  เลือดสูบฉีดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  ผมก้มหน้า  ยิ้มกับตัวเอง 

   ภาพของคนที่นั่งในบูธสีเหลืองเมื่อสองเดือนก่อน . . .

   . . . ภาพของคนในเอ็มที่คุยกัน

   ผมแหงนหน้ามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเคาเตอร์นั้นอีกครั้ง  ภาพทั้งสามเวลา  ค่อย ๆ  ทับซ้อนกัน  แล้วร่างนั้นก็เดินผ่านผมไปอย่างช้า ๆ  เหมือนใครมาหยุดเวลาเอาไว้  ขาผมเหมือนแข็งไปชั่วขณะ  ผมได้แต่มองร่างที่เดินผ่านผมไปที่บันไดเลื่อน  แล้วร่างนั้นค่อย ๆ  หายไปกับการเลื่อนของบันได

   เร็วเท่าความคิด  ผมวิ่งไปที่บันได้เลื่อนในทันที . . .

   . . . เขาคนนั้นหันหน้ามามองผม

   ผมมองจ้องไปที่เขา

   สายตาประสานกันแค่เสี้ยววินาที  ก่อนที่เขาจะแบนหน้ากลับไป  เสมือนหนึ่งไม่เคยมีผมอยู่ตรงนั้น  ผมคว้าโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง  ก่อนกดไปหาคนที่เพิ่งเดินหายไปในเคาน์เตอร์สีเหลืองของสนามบิน

   ตื๊ด . . . ตื๊ด . . . ตื๊ด

   . . . หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถมารถติดต่อได้ในขณะนี้

   ผมหัวใจหล่นหายลงไปในตาตุ่ม . . .

   นั่นแปลว่า  ไม่มีการรับสาย  จากคนนั้น  จะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม  ความมั่นใจมันหายไปมากกว่าครึ่ง  เพราะแปลว่าสมมุติฐานของผม  มันไม่ใช่

   เสียงจากปลายสายว่าง  หากแต่ไม่มีการรับสายจากปลายทาง  ผมนะหรือ  หัวใจมันหวิว ๆ  อย่างไรไม่รู้  ผมเชื่อในลางสังหรณ์ของตัวเอง ของบางอย่างมันสัมผัสได้ด้วยใจ  ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี . . .

   ผมลองอีกครั้ง . . .

   . . . ทำไมต้องลองอีกครั้ง

   สำหรับผม  ครั้งแรก . . .

   . . . เป็นครู

   ครั้งที่สอง  ให้อภัย

   หากไม่รับครั้งที่สามนั่นแหละผมจึงถอย  ผมจะทำอะไรซ้ำ ๆ  ได้ไม่เกินสามครั้งเสมอ 

   เพราะหากมากกว่านั้น  ผมจะคิดว่า  ระหว่างเขากับผม  มันแค่พรหมลิขิตให้มาเจอกันเท่านั้น  แต่พรหมไม่ได้ต้องการให้เขากับผมรู้จักกันมากกว่านั้น  เราคงเป็นได้  แค่คนคุ้นตาที่บังเอิญเจอกันบ่อย 

   เหมือนคนที่เจอกันตามป้ายรถเมล์ในเวลาเช้า . . .

   . . . เหมือนคนที่โหนเรือในคลองแสนแสบที่เห็นหน้ากันทุกวันหลังเลิกงาน

   เพราะหากมันมีอะไรที่มากกว่านั้น  มันต้องอยู่ที่คนสองคน  สองคนที่จะทำให้การเชื่อมต่อสมบูรณ์แบบ  ตอนนี้ผมพยายามในครั้งที่สองที่จะเชื่อมต่อ  ผมรอฟังเสียงเรียกสายด้วยหัวใจเต้นระส่ำ  มันแอบลุ้นนี่หว่า  อยากรู้จัก  อยากคุย  กับคนที่เดินผ่านหน้าผมไปเมื่อสักครู่จะใช่คนเดียวที่มาปั่นป่วนหัวใจผมก่อนหน้านี้หรือปล่าวหว่า

   “สวัสดีครับ”

   เสียงจากปลายสาย  การพยายามเชื่อมต่อของผมสัมฤทธิ์ผล  ผมยิ้ม

   “ครับผม  ไม่ทำงานหรือ”  ผมถามกลับไป

   “วันนี้วันหยุด  ไม่ได้ไป” 

   ตอบมาแบบนี้เล่นเอาหัวใจผมมันหล่นไปนอนกองกับพื้นอ่ะดิ๊  เพราะแปลว่าคนที่ผมเห็นไม่ใช่  ในเวลานั้น  ผมบอกตรง ๆ  ว่าผมไม่เชื่อที่เขาพูดสักนิด  ผมยังเชื่อในความรู้สึกของผม  ว่าผมกำลังฟังคำโกหกอยู่  เพราะว่า  มันไม่ใช่แน่ ๆ  ผมไม่ได้จำคนผิด  หัวใจผมบอกเช่นนั้น

   แล้ว . . .

   . . . หากมันไม่ใช่ล่ะ

   เหมือนอีกเสียงจะบอกผม

   . . . ไม่มีทาง  ต้องใช่  ต้องใช่  เชื่อกรูดิ๊  ดูเหมือนความมั่นใจในตัวเองของผมจะมากมายเสียเหลือเกิน  ทำไมผมต้องมั่นใจขนาดนั้น

   และดูเหมือนว่าเทพมูรติจะอยู่เคียงข้างผม . . .

   . . . เสียงที่ผมได้ยินนั้น เสียงโทรศัพท์บ้าน

   “เสียงโทรศัพท์บ้านด้วย  รับสิครับ”

   “ไม่ใช่  เสียงแฟ็กซ์”  ไอ้น่ารักตอบกลับมา

   “แน่ะ  มีแฟ็กซ์ด้วย  บ้านหรูเนาะ”  มันไม่รู้ตัวหรือ  ว่ามันเองก็กำลังพ่ายแพ้  ต่อความรู้สึกผิดที่โกหกก็ไม่รู้

   “ไม่ใช่ที่บ้านที่ทำงาน”

   “โห  หลอกกันได้  ทีเมื่อกี้บอกที่บ้าน   คนเรา”  ผมทำเสียงน้อยอกน้อยใจ

   “นิดนึง  แล้วตอนนี้อยู่ไหนล่ะนี่”

   “แถว ๆ  นี้แหละ  ไม่ไกลกันเท่าไหร่หรอก”  ผมเริ่มออกแนวให้เขาค้นหาตัวตนผมบ้างแล้ว  เพราะผมเชื่อ  ว่าหากเราบอกไม่หมด  คนที่เราคุยด้วยต้องการจะรู้ความเป็นไป แน่ ๆ

   “แถวไหนหรือ”

   “ในเขตเชียงใหม่  นี่แหละ”

   “ที่สนามบินเหรอ” 

   “ใครบอก  เซ็นทรัลแอร์พอร์ท”  ผมยิ้ม  เพราะตอนนี้ความมั่นใจของผมกลับคืนมาแทบเต็มร้อย  เพราะผมว่า  สิ่งที่ผมคิดมันใช่แน่ ๆ

   “อย่า  อย่ามาโกหก  เห็นอยู่ว่าเดินอยู่แถวสนามบิน”

   นั่น . . .

   . . . คราวนี้ผมยิ้มกว้าง  ส่ายหน้ากับตัวเองเบา ๆ  ผมมีความสุขนะ  มีความสุขกว่าที่ผมเห็นมันครั้งแรกที่บูธนกเมื่อสองเดือนก่อน  มีความสุขมากกว่าตอนที่ผมขอเบอร์โทรมันแล้วมันคุยกับผมครั้งแรกเสียอีก  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร

   ผมรู้แค่ว่า  เหมือนการรอคอยสิ้นสุดลงแล้ว . . .

   “ออกมาเหอะ  อยากเห็นหน้า  แค่นี้นะ”  ผมอ้อน  ก่อนตัดสายทิ้ง

     หากสายตามองที่ประตูออฟฟิศชั้นล่างของสนามบิน  หัวใจมันคอยลุ้นตลอดเวลา  ว่าจะใช่แบบที่ผมคิดหรือไม่  ดูเหมือนว่า  หัวใจผมมันจะเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ  เพียงครู่ลมหายใจเดียวเท่านั้น  ประตูบานนั้นค่อย ๆ  แง้มออกมาอย่างช้า ๆ

   ผมแทบจะกระโดดกอดมันตรงนั้น . . .

   . . . มันยิ้มกว้าง  เดินมาที่ผมนั่ง

   “มาทำอะไร”

   “ตามหาหัวใจครับผม”  ผมยิ้ม  ไม่กล้ามองหน้ามันอย่างเต็มตา คอยเดี๋ยวนะ  คอยปรับความรู้สึกให้มันดีกว่านี้อีกสักหน่อยได้ไหม  ตอนนี้เหมือนกึ่งฝันอย่างไรไม่รู้  แต่ก็ไม่วายหยอดเขาไปอีก

   “เล่นได้อีก”

   “มาทำอะไร”

   “มากินข้าวเที่ยงกับแม่”    ผมยิ้มให้ไอ้น่ารัก  คราวนี้ผมเห็นแล้ว  มองหน้ามันชัดเจน  กล้าที่จะมองหน้ามันเต็มตา 

   ขอบคุณพรหมลิขิต . . .

   . . . ขอบคุณไอ้น่ารัก  ที่ยอมเดินออกมาหาผม

   เพราะหากมันจะยืนยันว่า  มันไม่ได้ทำงานที่นี่  ผมก็คงถอย  เพราะผมรู้แล้ว ว่าคนที่ผมอยากเจอไม่ได้อยู่ที่นี่  คนที่ยืนยิ้มตรงหน้าผมคนนี้ต่างหากที่ผมอยากเจอ  ผมมองคนในเสื้อสีเหลือง ก่อนมองที่ป้ายชื่อหน้าอก ใช่คนเดียวกับที่ผมคุยเอ็ม . . .

   . . . NOK   MAI

   “อย่ามาอำ  มาเมื่อไหร่”

   “เมื่อเช้าจริง ๆ  บินลงเชียงราย แล้วก็มานี่ไง”  ผมยิ้ม

   “พูดจริงหรือนี่  รวยบินเช้ากลับเย็น”  แววตาไอ้น่ารักสงสัย  ไอ้นี่บ้าแหง๋ ๆ  บินมาเมื่อเช้า  สี่โมงเย็นจะบินกลับอีกแล้ว 

   “ขอบคุณ O บาท  ขอบคุณคุณหางแดง”  ผมยิ้ม

   “พูดจริงเหรอพี่”

   “แล้วการโกหกได้ตังค์ป่าว  ถ้าได้จะโกหกบ่อย ๆ  ว่าอยู่ซีพีงี้  อยู่บ้านงี้”  ผมยิ้มย้อนไอ้น่ารักไปอีกดอก

   “อย่าพี่อย่า  เห็นเงียบไปเป็นเดือน  แล้วจู่ ๆ  มาโผล่แบบนี้  ตั้งตัวไม่ทัน”

   ผมรู้สึกผิดอย่างไรไม่รู้ . . .

   . . . เงียบไปเป็นเดือน

   นั่นสิ !

    เมิงไปทำอะไรมาหว่า  ทำไมปล่อยให้เวลาบางช่วงบางตอนมันหล่นหายไปขนาดนี้  ผมยิ้ม ทั้ง ๆ  ที่ยังรู้สึกผิด  เพราะเวลาที่ผ่านมา  ผมอยู่กับงาน  กับการเที่ยวกับเพื่อน ๆ  ผมไม่รู้จักหัวใจตัวเอง  หรืออาจเพราะว่าที่ผ่านมา  ผมไม่แน่ใจ  ว่าเจ้าของรีพลาย  จะใช่คน ๆ  เดียวกับที่ผมคุยเอ็มหรือไม่  ผมเลยได้แต่ปล่อยให้เวลามันกัดกร่อนหัวใจตัวเองช้า ๆ

   “ขอโทษ  ต่อไปจะไม่หายไปไหนอีก”  ผมก้มหัวต่ำ

   “อะไรพี่  เป็นอะไรมากไหมนี่ . . .”  ไอ้น่ารักหัวเราะเบา ๆ

   “. . . เออ  เดี๋ยวอังคารว่าจะลงไปกรุงเทพฯ  ด้วยล่ะ”

   “จริงดิ  ไปไฟลท์ไหน”

   “3238”

   ผมขมวดคิ้ว . . .

   “ไรว่ะ  อยู่นกนั่งหางแดง”

   “ก็หางแดงมัน O บาท”

   โห . . .

   . . . คำตอบไอ้น่ารัก  เล่นเอาผมมอบหัวใจรักให้อีกสิบดวง  มันเหมือนผมเลย  รักเธอเฉพาะโปรฯ O บาท  เสียด้วย  เพราะมันทำให้เงินตราไม่รั่วไหล  จ่ายแค่ภาษีสนามบินเท่านั้น

     ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ที่เกิดขึ้นกับผมในเวลานี้ . . .

   . . .   ผมรู้แค่ว่า ที่ผ่านมา  ผมเจอเรื่องราวอะไรมามากมาย  ทุก ๆ  เรื่องล้วนเป็นบทเรียนให้เราได้จดจำได้แทบทั้งสิ้น

   ผมเคยรักคน ๆ  นึง  รักมาก  มากจนผมคิดว่าผมจะไม่สามารถรักใครได้อีกในชีวิตนี้  จนกระทั่งเมื่อถึงปลายทาง ที่ทั้งผมและเขาเดินจากกัน  ผมก็ไม่เคยมีความรู้สึกจะรักใครได้อีกเลย  ทุก ๆ คนที่ผ่านมา  ในชีวิต  ไม่มีใครจะหยุดผมเอาไว้ได้  ผมแค่คนเหงา ๆ  ที่เรื่อยเปื่อยกับชีวิต  ไม่เคยรู้สึกว่าจะต้องหยุดที่ใครอีกเลย

   ผมกลัว . . .

   . . . ความรักครั้งใหม่  จะสร้างความเจ็บปวดให้กับผมอีก

   หากแต่ . . .

   . . . สิ่งที่ผมไม่เคยรู้  ความรักมันก็คือความรัก  เพราะมันอยู่รอบ ๆ  ตัวเรา  บางสถานะมันคือความสุข และบางสถานการณ์  มันจะทุกข์  แต่ทุก ๆ  อย่างที่รวมกัน วันเวลาที่เราไม่ได้อยู่แค่คนเดียว  วันเวลาที่เรามีใครอีกคนมาอยู่ในหัวใจ  มันมีความสุขไม่ใช่หรือ ?

   แล้วเราลองเอาสองสิ่งมาชั่งดู  ว่าสิ่งใดมากกว่า . . .

   . . . ผมยิ้ม  เพราะสิ่งที่มากกว่า  คือสิ่งที่หัวใจผมปิดตายมาสองปี  หากผมจะรักใครอีกสักครั้ง  ผมจะรักและถนอมเขาเอาไว้ให้นานมากที่สุด 

   “ถ้ายังไม่มีใครไปรับพี่ไปรับไม้ที่สุวรรณภูมิ”

   “อย่าลำบากเลย  ไม่แน่ว่าจะไปหรือปล่าวด้วย”  มันมองหน้าผม

   “มีคนไปรับแล้วว่างั้น” 

   “ไม่มีพี่  แต่ยังไม่แน่ใจจะไปจริง ๆ  ไงครับ”

   “ช่างเหอะ  ไว้พี่โทรหาแล้วกัน    ไปก่อนนะ”  ผมยิ้มให้ไอ้น่ารักอีกรอบ  ก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดเลื่อนมายังชั้นสอง 

   ตอนนี้หัวใจผมคล้ายมีปีก . . .

   . . . มันลิงโลดอย่างบอกไม่ถูก

   ผมบอกแล้ว . . .

   . . . ถ้ามันคือ   “พรหมลิขิต”

   ต่อจากนี้เป็นต้นไป  ผมจะไม่ยอม  ปล่อยให้มันหลุดลอยไปจากผมเป็นแน่  ผมจะเดินเข้าไปหา แล้วเมื่อถึงเวลานั้น  พรหมหน้าไหนก็มาลิขิตหัวใจของผมไม่ได้  เพราะผมจะขีดเส้นทางเดินของหัวใจตัวเอง  ผมไม่ยอมให้พรหมมาลิขิตชีวิตของผมอีกอย่างเด็ดขาด



   

   ผมกระสับกระส่ายมาหลายวัน  เรียกว่าตั้งแต่วันที่บินกลับมาก็ว่าได้   ผมถามตัวเองนับร้อย ๆ ครั้ง  ว่ามันเกิดอะไรกับชีวิตผมในตอนนี้กันแน่    เพราะหัวใจผมมันไม่ได้เต้นแรงขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้ว  ผมทั้งอยากเจอ  ทั้งกลัวสารพัด  เพราะอดีตที่ผ่านมาของผม  มันค่อนข้างฝังลึก  ลึกจนผมเองไม่กล้าเปิดหัวใจไปรักใครอีก  ผมกลัว  ความรักที่ผมมีจะทำให้ผมเจ็บปวดอีก

   แต่ . . .

   . . . ผมห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้  หลายต่อหลายครั้งที่ผมเผลอกดรูปที่ผมถ่ายที่สนามบินเชียงใหม่  มาดู  ผมจะยิ้มกับภาพที่ผมถ่ายทุกครั้ง และในเวลาที่ผมเหนื่อยล้า  แค่ผมกดโทรศัพท์ไปยังเลขหมายที่อยู่ห่างไปเกือบเจ็ดร้อยกิโลเมตร  แค่เสียงจากปลายสายหัวใจผมมันกลับมีพลังเอาดื้อ ๆ  ซะงั้น

   ความรัก . . .

   . . . หรือ

   ความหลง . . .

   มันคล้ายกันจนแทบแยกไม่ออก  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้  ผมกำลังอยู่ในส่วนใดกันแน่  ผมรู้แค่ว่า  ยิ่งใกล้เวลาค่ำ มันยิ่งทรมาน  ผมอยากเจอ  ยากอยู่ใกล้ ๆ  คน ๆ  นั้น 

   “ไม้ลงมามั้ยนี่  ค่ำนี้จะรอรับ”

   “ไม่รู้เหมือนกัน”  เสียงตอบมาจากปลายสาย

   “อ้าว ไมอ่ะ  ไหนบอกจะมาไม่สงสารคนคอยหรือ”   ช่วงสามสี่วันมานี่  ผมหยอดใส่ไอ้น่าร๊ากกกกกก  มันตลอด  จะเรียกว่านิสัยหรือสันดานดี

   “ไม่รู้ดิ  ไม่ค่อยอยากไปเลย ห่วงทางนี้”

   ผมพอรู้อยู่หรอกว่าไอ้น่ารักมันห่วงอะไรอยู่  ก็มารดาของคุณน่ารักเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาล  ยังไม่แข็งแรงสักเท่าไหร่    แล้วที่บ้านมันก็มีแค่  พ่อ  กับ พี่ชายมันเท่านั้น  ที่อยู่ดูแล  มันมาแบบนี้อีกคน  คนที่ช่วยดูแลก็น้อยลง

   “มาเหอะนะ  นะนะ  จะพาเที่ยวเมืองกาญจนฯ”

   ไอ้ผมมันเอาของเที่ยว  เข้าล่อ  เหมือนล่อเด็ก ๆ  ที่บอกว่า  ทำแบบนั้นจะแจกขนม  มุขเน่าๆ   ที่เขาไม่เล่นกันแล้ว แต่ไอ้กระผมดันเล่นซะงั้น

   “คิดดูก่อนได้ไหม”

   “ไม่รู้ล่ะ  จะคอย  มาไม่มาก็จะนั่งคอย  จนหมดไฟลท์ภายในประเทศนั่นแหละ”  ผมวางสายเอาดื้อ ๆ  ก่อนกดปุ่มปิด

   นิสัยเลวได้อีก . . .

   . . . เมิงกำลังทดสอบอะไรหรือ ?

   เมิงกำลังคิดว่าเมิงหล่อประหนึ่งเคน ธีรเดชที่เขาต้องง้อ . . .

   . . .  หรือ 

   รวยขนาดทายาทน้ำเมาเจ้าป่าหรือไง . . .

   คนบางคนเขามีภาระความจำเป็น  อย่าวาดหวังอะไรให้มากนักเลยเมิง  เสียงที่ด่าตัวเองในใจ  เบากว่าความรู้สึกว่า  ผมต้องไปรอที่สุวรรณภูมิ . . .

   . . . ผมจะรอ

   รอไอ้น่ารักมันตรงทางออกชั้นสอง

   ผมแหงนหน้ามองบอร์ดใหญ่ที่ชั้นสองขาเข้า  เวลาบอกเครื่องลงราวสิบนาทีแล้ว  หัวใจผมเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ  ผมเชื่อว่าอย่างไรเสีย  มันต้องมา  เพราะหัวใจผมอยู่กับมัน  นั่นเอากับผมดิครับ  เรื่องคิดเข้าข้างตัวเองไม่มีใครเทียบได้  ผมเคยถามตัวเองเหมือนกัน  หากมันไม่มา ?

   กลับบ้านนอนเด่ะ . . .

   แต่ผมรู้  ยังไงมันก็ต้องมา  เพราะผมรักมัน  มันคงสัมผัสความรักจากผมได้  มันไม่ปล่อยให้ผมรอมันเก้อแน่ ๆ  ยังไงมันก็ต้องมา  ผมไม่ได้เตรียมเอาความผิดหวังไว้เลย  เพราะในหัวใจรักของผม ผมมีแต่มันในเวลานี้  ผมมั่นใจว่าผมมองมันไม่ผิด

   แล้วผมก็ยิ้มกว้าง . . .

   . . . คนที่ยิ้มให้ผม  เดินลากกระเป๋ามา  คนเดียวกันกับที่ผมรอ

   ผมสัมผัสได้ถึงความสุขที่จบลงหลังการรอคอยอันยาวนานสัมฤทธิ์ผล  มันมาแล้ว  มันจะมาหาเพื่อน  หรือหาใครก็ตามแต่ผมไม่สนทั้ง ๆ เพราะก่อนหน้านี้  เราคุยกันบ้างแล้วว่า  หากไอ้น่ารักมากรุงเทพฯ    เขาจะมาเที่ยว  พักผ่อน  กับเพื่อน ๆ  แต่ผมก็ยังแอบหวังจะรั้งเขาไว้ให้อยู่กับผมได้สักชั่วเวลาหนึ่ง . . .

   . . . แม้จะเป็นระยะเวลา  จากสุวรรณภูมิมาถึงลาดพร้าว  ผมก็จะทำ  หากนั่นคือความสุขที่ผมรอมาตลอดนับจากวันที่ผมกลับมาจากเชียงใหม่  ครั้งหลังสุด  ผมเป็นเอามากจริง ๆ

   แต่ตอนนี้ . . .

   . . . ผมรู้แค่ว่า  ผมเป็นคนที่มันรู้จักคนแรกที่มันเจอที่สนามบินสุวรรณภูมิ  ผมอยากเดินเข้าไปกอดมันชะมัด  แต่สายตาผู้คนตรงนั้น  ผมทำไม่ได้

   ผมไม่อายนะ  กล้าทำด้วย . . .

   . . . แต่ผมกลัวมันอายมากกว่า

   ผมไม่อยากให้มันรู้สึกแย่ ๆ  ในการเจอกันอีกครั้ง  ผมอยากให้ทั้งมันและผม  มีวันเวลาดี ๆ  เอาไว้  หากเมื่อวันหนึ่งสิ่งที่เราทั้งสองคิดอาจจะไม่ใช่  แต่อย่างน้อยที่สุด  เราก็ได้มีวันเวลาดี ๆ  อันน่าจดจำหลงเหลืออยู่บ้าง 

   “นี่ขนมของฝาก  แม่ค้าบอกไอ้นี่อร่อย”   มันส่งถุงขนมให้ผม

   “ขอบใจนะ . . .”  ผมยิ้ม รับถุงขนมจากมัน

   หาก . . .

   . . . มันจะรู้ไหม  ผมไม่ได้ขอบใจมันที่มันเอาขนมมาฝาก  แต่ผมขอบใจ  ที่มันโผล่หน้าหล่อ ๆ  มาให้ผมดูต่างหาก

   “. . . ขอบใจที่มา  ไปกันเหอะ”  ผมยิ้มให้อีกครั้ง  ก่อนที่จะเดินนำมายังลานจอดรถ

   ผมแอบมองมันตลอดทาง . . .

   . . .  ผมยิ้ม 

   มีความสุขอย่างที่สุดแล้ว  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม  ผมรู้แค่ว่า  ผมมีความสุขเหลือเกินที่ได้อยู่ใกล้ ๆ  กับคนที่ผมเองก็ไม่คิดว่าจะได้เข้าใกล้ เพราะระหว่างผมกับไอ้น่ารัก  มันห่างไกลกันมาก  หน้าตาหรือ  ผมคงได้สักเสี้ยวของมันหรอก  อายุอานามก็ห่างกันเยอะ  มันจะมองคนที่ดีกว่าผม  ก็ได้  แต่ทำไมมันต้องมาเดินกับผมในเวลานี้ . . .

   “อยากไปไหน”  ผมถามเมื่อค่อย ๆ  ขับรถออกมาที่มอเตอร์เวย์

   “แล้วแต่คนจะพาไป”

   “เดี๋ยวพาไปนอนห้องพี่เลย”  นั่น  ได้คืบจะเอาศอก  ไอ้หมาเอ้ย  รุกซะจนคนนั่งไปด้วยเขาตัวสั่นหมดแล้ว 

   “เอาดิ๊  ถ้ากล้า”

   มีหรือจะไม่กล้า  คนแบบผมกลัวเสียที่ไหนล่ะครับ  เพราะผมไม่มีอะไรจะเสียนี่หว่า  แล้วทำไม  ผมต้องกลัวด้วย  ผมหันไปมองหน้ามัน  ก่อนจับมือมันเบา ๆ

   มือมันนิ่มชะมัด . . .

   “แน่ะ ทำเป็นมือไว”  มันบอก หากยังปล่อยให้อุ้งมือผมกุมมือมันเอาไว้

   “ไปไหนบอกมาเหอะ  เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

   “เพื่อน ๆ  เขานัดกันไปรูทคืนนี้  คงไปเที่ยวรูทมั้ง”

   “แล้วคืนนี้ค้างไหน ห้องเพื่อนหรือห้องพี่”  ผมไม่ละความพยายาม  ผมบอกตรง ๆ เลยว่าอยากอยู่ใกล้ ๆ  มัน  ไม่อยากปล่อยให้มันไปไหนเสียด้วยซ้ำ 

   แต่ . . .

   . . . ผมมีสิทธิอะไรที่จะรั้งมันเอาไว้

   สุดท้าย  ผมเลยต้องไปส่งมันที่หน้า RCA  ตามที่มันต้องการ  จะเรียกว่ามันต้องการคงไม่ถูกนัก  เพราะผมสังเกตุ  เพื่อน ๆ  มันโทรมาเร่งให้มันไปมากกว่า  อาจเพราะมันไม่เจอเพื่อน ๆ  นานก็เป็นได้  มันอาจจะอยากสนุกกับเพื่อน ๆ  วัยเดียวกัน

   ส่วนผม . . .

   . . . ผมนั่งรอมันที่แมคฯ  เอสพละนาด

   ก็มันบอกว่าฝากของไว้ในรถก่อน  ผมรู้ มันเองก็รู้สึกดีกับผม  เพียงแต่ว่า  อะไรบางอย่างทำให้ไม่กล้าพูดออกไป    มันอาจจะยังไม่เชื่อใจผม  หรือ  บางที  เราเพิ่งเจอกันจัง ๆ  และคุยกันนาน ๆ ก็ตอนที่นั่งรถมาจากสุวรรณภูมินี่แหละ  ยังมีเวลาที่จะเรียนรู้กันอีกมาก

   หรือ . . .

   . . . อาจเป็นแค่คืนนี้แล้วห่างหายไปตลอดชีวิต

   มันอยู่ที่ว่าผมจะเลือกและปฏิบัติกับไอ้น่ารักแบบไหนมากกว่า  แต่ผมรับรองว่า  ผมรู้สึกกับมันมากกว่าคนอื่น ๆ  ที่ผ่านมา    ผมอยากดูแลมัน  อยากนั่งใกล้ ๆ  มันเหมือนที่ผมเคยมีคนที่ผมรัก  แต่มันจะรู้สึกแบบเดียวกับผมหรือเปล่านี่สิคือปัญหาใหญ่  ที่ผมต้องแก้โจทย์ข้อนี้ให้ได้

   “สวัสดีครับ”  ผมกรอกเสียงไปตามสาย  เมื่อเวลาเลยเที่ยงคืนมาเล็กน้อย

   “พี่โมกข์อยู่ไหนแล้ว”

   “เอสพละนาด”

   “ไม้อยู่หน้าแมคฯ  แล้ว  ออกมาเหอะ”  มันบอกผม

   ผมยิ้มกับตัวเองอีก  มันไม่ได้โกหกผม  เพราะมันบอกว่าจะอยู่กับเพื่อนแค่เที่ยงคืน  ไม่อยู่จนผับปิด  แบบนี้ทำให้ผมมีกำกลังใจอีกมากโข  มันยิ้ม หน้าตามันแดง  เพราะฤทธิ์แอลกอร์ฮอร์แหง  มันคงโดนเพื่อน ๆ  มอมเอาไว้หลายแก้ว

   ผมพามันกลับมาที่อพาร์ทเม้นท์ของผม . . .

   “อาบน้ำไหม”

   “อาบดิ  ใครจะไม่อาบเหม็นขนาดนี้”  มันยิ้ม  เมื่อค่อย ๆ  รื้อข้าวของออกจากกระเป๋า

   “อาบให้ป่าว”  ผมทำหน้าหื่นใส่มัน 

   “บ้าเหรอ อาบเองได้”  มันเอาชุดที่มันจะใส่นอน ถือเอาไว้ในมือ 

   “เอาผ้าเช็ดตัวมาไหม”

   “หึ . . .”   มันส่ายหน้า

   ผมเปิดประตูตู้  หยิบผ้าขนหนู  ผืนที่ยังไม่ได้ใช้ส่งให้มัน

   “แน่ใจนะว่าไม่ให้พี่อาบให้”

   “ไอ้บ้า”  มันยิ้ม  ก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป

   ผมหัวเราะเบา ๆ  มีความสุขที่ได้แกล้งมัน  ผมชอบมองเวลามันยิ้ม โลกสว่าง  สวยงาม  มันอายุน้อยกว่าผมมาก    ผมถามตัวเอง  จะทำอย่างไรต่อดี

   หากเป็นคนอื่นมาอยู่กับผมสองต่อสองแบบนี้ . . .

   . . . คงคงไม่ปล่อยให้รอดพ้นคืนนี้แน่ ๆ

   แล้ว . . .

   . . . ไอ้น่ารัก

   มันจะรอดผมคืนนี้หรือปล่าวหว่า ?


ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #4 เมื่อ09-03-2010 18:53:06 »


น่ารักมากจริงๆ ค่า  :-[
หวังว่า... คงจะจบดีเน้อ  อิอิ
:L2:


ออฟไลน์ 0nePiece

  • ++..ชีวิตไร้รัก..++
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #5 เมื่อ09-03-2010 18:57:38 »

มาเจิม มาเจิม พี่ต้นสาย  อิอิ

 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

ยังไม่ใด้อ่านเลย ขอไปอ่านก่อน
   
     ^_______^

ออฟไลน์ DEMON3132

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #6 เมื่อ09-03-2010 19:53:28 »

+1 ให้สำหรับเรื่องใหม่ของคุณต้นสาย
 :mc4: :mc4: จะรอลุ้นตอนต่อไป
ว่าคืนนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า  :pighaun:

ออฟไลน์ ~l3aml3ery~

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #7 เมื่อ09-03-2010 20:04:31 »

จัดการเลยค่ะ พี่โมกข์ :m25:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #8 เมื่อ09-03-2010 20:14:15 »

มา + เจิมเรื่องใหม่

ไอ้น่ารัก น่ารักจริงๆ อ่า

KM

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #9 เมื่อ09-03-2010 21:11:50 »

เอาอีก


พระเอกเท่ห์ดี


นายเอกก็น่ารัก

ทั้งคู่ต้องมีอดีตร้ายๆแน่ๆเลย เริ่มจิตตก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
« ตอบ #9 เมื่อ: 09-03-2010 21:11:50 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






littlepretty

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #10 เมื่อ09-03-2010 21:36:28 »

 :mc4: จิ้มเรื่องใหม่


alterlyx

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #11 เมื่อ09-03-2010 21:38:54 »

น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก  :-[

ทำไมเขียนได้น่ารักมากมายก่ายกองขนาดนี้ค่ะ ... +1 โทษฐานที่ทำให้อ่านไป ยิ้มไป ซะหลายประโยค

OhJa

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #12 เมื่อ09-03-2010 21:51:14 »

เจิมเรื่องใหม่  ชอบบบบบบบบบบบบบบบ  :o8:

ออฟไลน์ kogomon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #13 เมื่อ09-03-2010 22:13:12 »

 :z1: :z1:

ชอบเนื้อเรื่อง

เหอะๆ


น่ารักดี

13th Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #14 เมื่อ09-03-2010 22:14:25 »

ไม่รู้เป็น'ไร อ่านแล้วน้ำตาคลอ...
+1 ให้ครับพี่

Jinkle

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #15 เมื่อ09-03-2010 22:34:14 »

 :L2:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #16 เมื่อ09-03-2010 22:36:26 »

 :L2:

อ่านแล้วลื่นไหล

ได้อารมณ์..ดี



จะเข้ามาติดตามเรื่อยๆคับ

 :pig4:ต้นสาย

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #17 เมื่อ09-03-2010 22:55:38 »

•    “อย่า  อย่ามาโกหก  เห็นอยู่ว่าเดินอยู่แถวสนามบิน”

   นั่น . . . คือบัตรเชิญ . . . . . . . อิอิ

ขอบคุณนะคะ คุณ ต้นสาย


Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #18 เมื่อ10-03-2010 03:58:40 »

 :L2: เรื่องใหม่มาแล้ว


+1

ออฟไลน์ Cha Ris Ma

  • สาระไม่ค่อยมี...หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +670/-0
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #19 เมื่อ10-03-2010 08:07:53 »

 :-[
อ่านไป ยิ้มไป บ้าไปแล้วผม
+1 ให้ไอ้น่ารักของพี่โมกข์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
« ตอบ #19 เมื่อ: 10-03-2010 08:07:53 »





C2U

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #20 เมื่อ10-03-2010 09:16:47 »

เรื่องใหม่มาอีกแล้ว   

เริ่มต้น น่ารักเชียว  จบคงไม่เศร้า  เนอะ 


แต่ยังไงก็ชอบอ่านอยู่ดี   :L2:

tonsai_2520

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #21 เมื่อ10-03-2010 09:54:23 »



ต อ น ที่   ๒




   ผมชื่อโมกข์ . . .

   บ้านผมอยู่เชียงใหม่ใกล้ ๆ กับบ้านอดีตนายกที่ไม่เคยได้สัมผัสเก้าอี้ในทำเนียบ ทางไปแม่มาลัย  หากเป็นสมัยเมื่อหลายปีก่อนบ้านผมเงียบ แต่ปัจจุบันนี้  เมืองขยายออกอย่างรวดเร็ว  ทำให้บ้านเมืองที่คุ้นตาเริ่มแปลก ๆ  ไป  ผมเป็นคนเมือง  แต่ไม่ได้อยู่เชียงใหม่  เพราะผมทำงานที่กรุงเทพฯ


   นาน ๆ  กลับบ้านสักครั้ง . . .

   อายุผมหรือครับ  มากแล้ว  สามสิบกว่านิด ๆ  ยังแจ๋วอยู่ครับ  หน้าที่การงานก็พอจะเลี้ยงตัวเองไหว และยังพอเหลือช่วยเหลือ  น้อง ๆ  หลาน ๆ  เป็นค่าเทอม  อันนี้หมายถึง  น้องที่เป็นลูก ๆ  ของอา  หรือหลาน ๆ  นามสกุลเดียวกันนะครับ  เพราะผมยังเข็ดกับความรักครั้งเก่าไม่หาย

   ความรักครั้งแรก

   ที่เล่นเอาผมเจียนตาย . . .

   . . . หากแต่ผมกลับผ่านเวลานั้นมาได้  ผ่านมาแบบที่เรียกว่าแทบไม่เป็นผู้เป็นคนเลยทีเดียว  ความเจ็บปวดในครั้งนั้น  ทำเอาผมเข็ดขยาดกับความรัก  ผมไม่กล้ารักใครอีกแล้ว  เกือบสองปีที่ผมอยู่คนเดียว  รักตัวเองมากกว่าสิ่งใดทั้งหมด  ก็ผมถือคติ

   “รักกับพี่มันไม่ง่าย  แต่ได้กับพี่มันไม่ยาก”

   ไม่ยากครับ . . .

   . . .  ผ่านมาสองปี  ได้มาเกือบสิบคน  

   และด้วยความเลวระยำของตัวเอง . . .

   ทุก ๆ  คน  จะโดนผมตีกรรเชียงชิ่งหนีอย่างไม่ใยดี  หลังจากการมีอะไรด้วย  คนที่คบนานด้วยที่สุด  ก็เกือบเดือนนึง  แต่เป็นครั้งเดียวเท่านั้นที่ผมยอมมีอะไรด้วย  

   เลวได้ใจ . . .

   . . . คนแบบผม  

   เพราะผมถือว่า  ผมสนุก  คุณสนุก   เราสองคนต่างสนุก จะมาผูกมัดกันเพื่ออะไร  ทำทุก ๆ  อย่างให้มันสนุกเข้าไว้  อย่าเอาหัวใจไปผูกไปพันกับใครอีก  เพราะไอ้ความผูกพันมันถอนหัวใจลำบาก  ผมได้แต่บอกตัวเองแบบนั้น

   หัวใจของผมมันด้านชา . . .

   . . . ไม่เคยนึกถึงความเจ็บปวดของคนที่ผมสลัดทิ้งอย่างไม่ใยดี  เพียงเพราะความรักครั้งแรก    ที่ผมวาดหวังเอาไว้มันพังทลายไม่เป็นท่า  ความผิดหวังในครั้งนั้นกลายมาเป็นปมในหัวใจของผมเอง  ปมที่มีแต่ความเคียดแค้น  และกลัวการโดนทิ้ง  ผมสัญญากับตัวเองในเวลานั้นว่า  ต่อจากนี้  จะไม่มีใครทำให้ผมเจ็บได้อีก  ผมจะทำกับคนอื่น ๆ  เหมือนกับที่ผมโดนกระทำ  

   ผมสัญญา . . .

   . . . ผมจะทิ้งทุก ๆ  คนที่ผมนอนด้วย   กรรมทั้งหลายทั้งมวลเลยมาตกกับคืนอื่น ๆ  โดยไม่รู้ตัว

   เพื่อน ๆ  หลาย ๆ  คนมันบอกว่าผมประชดชีวิตตัวเอง  ผมยอมรับในส่วนหนึ่ง  ถูกของมัน  ผมอาจจะอยากมีชีวิตแบบอิสระบ้าง  ในเมื่อเวลาที่ผ่านมา  ผมรักคนนึงหมดหัวใจ  แต่ผลที่ได้  ผมแทบตาย  ผมยอมลาเรียนต่อ  ๑ ปี  จากที่ทำงานแบบไม่รับเงินเดือน  เพราะไม่สามารถทนอยู่กับสภาพรักครั้งแรกของผมได้

   ผมทิ้งอนาคตตัวเอง . . .

   . . . จมดิ่งกับความรักครั้งแรก

   หากพอครบปี . . .

   ผมลุกขึ้นอีกครั้ง  ผมยืนหยัดสู้ความจริง  ไม่มีใครรักเรา  มันไม่แปลก  แต่จะแปลกมากหากเราไม่รักตัวเอง  ผมเลยรักตัวเอง  เพราะที่ผ่านมามันคือบทเรียนที่มีค่า ผมค่อย ๆ  เรียนรู้  สิ่งที่ผิดพลาดทั้งหลายทั้งปวง  เริ่มจากการทำตัวเลว ๆ  

   ใครอยากนอนกับผม . . .

   . . . ถ้าผมพึงใจ  ผมก็ยินดี

   ผมยินดีแก้ผ้านอนด้วยโดยไม่อาย  จะอายทำไม  ในเมื่อที่ผ่านมา มันก็แก้ผ้านอนสม่ำเสมออยู่แล้ว  ผมยอมรับ  ช่วงสองปีที่ผ่านมา มันคือบทเรียนที่ล้ำค่าของผม  บทเรียนแห่งความเลวที่ผมไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรมันได้อีกแล้ว

   ตราบาปที่มันจะติดตัวผมไปจนตาย . . .
   



   . . . ไอ้น่ารัก

   มันจะรอดผมคืนนี้หรือปล่าวหว่า ?


   ถ้าผมเจอมันเมื่อปีก่อน  ผมคงไม่ต้องคิดมากแบบวันนี้  เพราะมันจะต้องเป็นเหยื่อรายต่อไปของผมอย่างไม่ต้องคิดให้นาน  แต่มันเดินเข้ามาในยามที่หัวใจผมอยากมีใครสักคน  หรือ  เพราะว่าจริง ๆ  แล้ว  มันมีอะไรมากกว่าหลาย ๆ  คนที่ผมเคยเจอ

   ข้อนี้ผมไม่รู้ . . .

   . . . ผมไม่รู้จริง ๆ  

   ผมรู้แค่ว่า  ตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมเห็นหน้ามัน  ผมไม่ได้มีความรู้สึกอยากทำร้ายหรือทำลายมันเลย   ก่อนหน้าที่ผมจะเจอมัน  ผมหยุดตัวทำเลว ๆ  มาได้ร่วมสามเดือนแล้ว เพราะผมตั้งใจแล้วว่า  ต่อจากนี้ผมจะเป็นคนดี

   เป็นคนดีเหมือนที่ผมเคยเป็น

   การทำตัวเลว ๆ  ประชดตัวเอง  ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมาเลย  มันกลับทำให้ตัวเราตกต่ำลงเรื่อย ๆ เสียด้วยซ้ำ  ผมเคยคิดว่า  ผมจะไม่รักใครอีกแล้ว  แต่ผมถามตัวเอง  เราจะจมตัวเองกับอดีตหรือ

   อดีตที่ผ่านมา . . .

   . . . เราไม่สามารถที่จะแก้ไขอะไรได้  แล้วเราจะมาจมอยู่กับอดีตที่ผ่านมาได้อย่างไร  ทำชีวิตให้เหมือนดวงตะวัน  ที่โผล่มาทุกเช้า  และลาดับลับฟ้าในยามเย็น  ชีวิตคนเราก็ต้องเป็นเฉกเช่นตะวัน  พรุ่งนี้ดวงตะวันจะสว่างเสมอ

   ผมก็จะสว่างแบบดวงตะวัน

   มันจะรอดผมคืนนี้หรือปล่าวหว่า ?

   ผมถามคำถามเดิมซ้ำ ๆ . . .

   . . . รอดแน่ ๆ  ผมบอกตัวเอง  

   เพราะอะไรนะหรือครับ ?

    เพราะผมรักมันเข้าไปแล้วมั้ง  เป็นรักตั้งแต่แรกพบ  หรือ หลงตั้งแต่แรกเจอ  ผมเองก็ยังตอบไม่ได้  แต่ที่ผมรู้  ผมไม่เคยพาใครมาค้างที่ห้อง  มันเป็นคนแรกที่ผมยอมพามาค้าง  และผมคิดเสมอที่ผ่านมาทุก ๆ  คนที่มีอะไรกับผม ล้วนเกิดจากความเต็มใจทั้งสองฝ่าย เพราะผมไม่เคยบังคับฝืนใจใคร  

   และสุดท้าย  เพราะผมอยากมองมันแบบที่ผ่านมา  อยากเดินไปสนามบินแล้ว  เห็นหน้ามันอีก  เห็นมันยิ้มกับผู้โดยสาร กับคนอื่น ๆ    ผมไม่อยากมีอะไรกับมัน  แล้วไม่มองหน้ากันอีกตลอดชีวิต

   ผมยังอยากมีเวลาต่อไปกับมันอีกตราบนานเท่านาน. . .

   . . . ทำไมนะหรือครับ

   อย่างที่ผมบอกไปแล้ว  ผมมันคนมีปม  ปมที่ผมแก้ไม่หาย  จากความรักเก่าที่ผ่านมา  ผมอยู่กับคนที่ผมรักมากว่าหกปี  แล้วเมื่อถึงปลายทาง  ทั้งผมและมัน  เราต่างเดินจากกันด้วยความรู้สึกที่ไม่ดี  และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  ผมจะปิดตัวเอง  ปิดทุก ๆ  ความรู้สึกที่ส่งเข้ามา

   การมีอะไรกับคนอื่น ๆ . . .

   . . . ครั้งเดียวเท่านั้น

   ผมไม่ยอมให้เกิดครั้งที่สองกับใครอีกเด็ดขาด  เพราะผมกลัว  กลัวว่าหากผมรักเขาอีกครั้ง  ผมจะชิงทิ้งเขาไปก่อน  เพราะผมกลัว  กลัวว่าหากผมรักเขาแล้ว  เขาจะมาทิ้ง  ให้ผมต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดอีก  ผมจะตัดฉับในดาบเดียวกับทุก ๆ  คน  ไม่มีการติดต่อกันอีก

   ไอ้น่ารัก . . .

   . . . ผมหลับตานิ่ง  

   มันคือคนที่เข้ามาเขย่าหัวใจผมอย่างหนัก  หลายวันที่ผ่านมา  ผมคิดเรื่องนี้  คิดแทบทุกเวลาที่ว่าง ผมไม่อยากเสียมันไป  เพราะผมเริ่มรู้สึกว่า  การที่เราสร้างปมปลอมมาเพื่อปิดบังหัวใจตัวเอง  มันเจ็บปวด  และเราจะนึกเสียดาย  คนที่ผ่านมาทุก ๆ  ครั้ง  ผมปล่อยให้ความรู้สึกด้านต่ำมาควบคุมหัวใจตัวเอง  เพียงเพราะว่า  ผมไม่กล้าที่จะเปิดหัวใจรักใคร

   ไม่มีใครลืมรักแรกได้ . . .

   . . . แต่คนที่ทำให้เราลืมรักแรกได้  นั่นต่างหากที่เราควรจะรักษาเอาไว้

   ผมมองไอ้น่ารัก ในเสื้อที่ระลึกของการเปิดรูทบินใหม่  เมื่อมันออกมาจากห้องน้ำยิ้มให้ผม  เหมือนรอยยิ้มที่ผมเจอที่สนามบินเชียงใหม่เมื่อหลายวันก่อน  ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำบ้าง  ผมเปิดน้ำราดรดตัว  กำลังต่อสู้กับตัวเองเป็นอย่างมาก  

   ผมจะทำอย่างไรกับความต้องการตอนนี้   บางครั้งผมอยากนอนกอดมัน  

   หากแต่ . . .

   . . .  ผมกลัว

   ผมไม่อยากเสียมันไปอีก  ผมอยากให้มันอยู่ใกล้ ๆ  ผม   อยากคุยโทรศัพท์กับมันเหมือนหลายวันที่ผ่านมา  ผมไม่อยากเสียเวลาแห่งความสุขในห้วงหลาย ๆ วันที่ผ่านมา  ผมจะทำอย่างไรดี  กับหลาย ๆ  อย่างในหัวใจตัวเอง ที่มันตีกันอย่างหนักหน่วง

   ผมค่อยให้สายน้ำมันดับหัวใจที่ร้อนรุ่มของผม  หัวใจที่มีทั้งความเลวและความดีต่อสู้กันอย่างหนัก  ผมจะทำอย่างไรกับชีวิตดี  เพราะแค่ผมเปิดประตูออกไปจากห้องน้ำ  ผมก็จะเจอมันไอ้น่ารักของผม  มันกล้ามานอนค้างที่ห้องผมขนาดนี้  หากผมจะทำอะไรมันไป  

   ง่ายกว่าสิ่งใด ๆ  ทั้งหมด

   เพราะอะไรนะหรือครับ  ก็ลองเจอกันครั้งที่สองแล้วหอบผ้ามานอนค้างด้วยแบบนี้  ถ้าผมไม่สำเร็จโทษมันในคืนนี้  ผมมันก็ควายดี ๆ  นี่เอง  เขามาให้ถึงที่  ดันไม่ยอมเอา  ปล่อยให้หลุดรอดคืนนี้ไปได้  คงมีแต่คนหัวเราะเยาะผมแน่ ๆ

   โทษฐานกลืนหญ้าแทนข้าว . . .


ออฟไลน์ Cha Ris Ma

  • สาระไม่ค่อยมี...หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +670/-0
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #22 เมื่อ10-03-2010 10:07:25 »

“รักกับพี่มันไม่ง่าย  แต่ได้กับพี่มันไม่ยาก”

 :z1:น่าเอามายึดเป็นหลักดำเนินชีวิตบ้าง


13th Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #23 เมื่อ10-03-2010 12:07:34 »

อ่ะ...อ่านเรื่องนี้แล้วกลัวใจตัวเองจังเลยครับ... ขอบคุณครับผม

OhJa

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #24 เมื่อ10-03-2010 12:14:50 »

น้องน่ารักจะรอดมือพี่โมกข์รึเปล่าเนี่ย  :serius2:

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #25 เมื่อ10-03-2010 12:56:33 »

เจิมด้วยคน

หวังว่าเรื่องนี้คงไม่ลงไปอยู่ในไหอีกนะ :a5:


เป็นกำลังใจให้ค่ะ
 :z13:


ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #26 เมื่อ10-03-2010 13:43:34 »


๒๘๐ + ๑ = ๒๘๑
ขอบคุณนะคะ คุณ ต้นสาย


tonsai_2520

  • บุคคลทั่วไป
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #27 เมื่อ10-03-2010 15:02:59 »




ต อ น ที่    ๒   ( ต่ อ )



   คืนนั้น . . .

   . . . คืนที่ผมรู้สึกหลับยากที่สุดในชีวิต  ในความมืด  นอกจากเสียงของเครื่องปรับอากาศที่มีเบา ๆ  แล้ว  จะมีเพียงถอนหายใจของผมเป็นระยะ ๆ  เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่  มีเพียงมือผมกับมือของมันที่เกาะกุมกันอยู่  โดยมีหมอนข้างกั้นกลาง ในหลาย ๆ  ครั้งที่ผมหันมามองหน้ามัน  ผมรู้สึกดี  และมีความสุขอย่างที่สุด

   แค่สัมผัสจากปลายนิ้วที่เกี่ยวรัดกัน  ก็สร้างความสุขได้อย่างมากมาย . . .

   . . .  ผมบีมมือมัน  มันบีบมือผม

   หากเป็นเมื่อก่อน  กับคนอื่น ๆ  ผมแน่ใจ ป่านนี้จะไม่มีเสื้อผ้าในร่างกายผมสักชิ้นเดียวเหลืออยู่แน่ ๆ  แต่ไม่ใช่กับมัน

   น้องไม้ . . .

   . . . ไอ้น่ารักของผม

   “ทำไมถึงขึ้นมากรุงเทพฯ”  ผมเองที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหว  เอ่ยออกมาทำลายความเงียบนั้นเสีย

   “ก็จอง  O  บาทเอาไว้”

   “แล้วทำไมกล้ามานอนกับพี่  ไม่กลัวพี่ปล้ำหรือไง”

   “ก็กลัว”

   “กลัวแล้วยังกล้ามาอีกนะคนเรา”  ผมหัวเราะเบา ๆ

   “ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร  เคยเจอกันแล้ว  พี่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร  แถมเป็นคนบ้านเดียวกันอีก  ไม้มาขออาศัยคืนสองคืน  มันคงไม่ลำบากใจพี่หรอก”  ผมเหลือบศรีษะไปมอง  เห็นไม้นอนหงายนิ่ง

   “ลำบากสิ . . .”  ผมนอนตะแคง

   “. . . ลำบากใจมากด้วย มากที่สุดแล้ว”

   “ถ้าพี่ลำบากใจ  เดี๋ยวไม้ไปนอนห้องเพื่อนแถวแจ้งวัฒนะก็ได้ครับ”  มันหันมาหาผม  ทำท่าจะลุกขึ้น

   “ไปไหน”  ผมฉุดมือไม้เอาไว้  หลังจากที่เจ้าตัวลุกขึ้นนั่ง

   “ไปห้องเพื่อนไง  พี่โมกข์จะได้ไม่ลำบากใจ”  มันยิ้มเหมือนเคย  ผมเห็นนะ  แม้จะมืด  แต่ยังพอมีแสงไฟจากทางนอกห้องที่ลอดเข้ามา

   “ไม่ได้ลำบากใจเรื่องนั้น”

   “ก็พี่บอกลำบากใจมากที่สุด”  เสียงมันเหมือนจะขาดความมั่นใจไปเล็กน้อย

   “ที่ลำบากใจ  เพราะมีคนน่ารักมานอนใกล้ ๆ  มันนอนไม่หลับ  และที่ลำบากใจมากที่สุด  เพราะกลัวว่าเวลาที่เขามากรุงเทพฯ  เขาจะไม่มานอนให้พี่มองหน้าแบบนี้อีก”  ผมกลั้นใจพูดซะรัวเร็ว

   เกิดมาสามสิบกว่าปี  รู้สึกว่าพูดอะไรเห่ย ๆ  เน่า ๆ  ไปก็วันนี้นี่เอง  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะคำพูดแบบนี้มาจากไหน  จากหนัง  หรือละคร  หรือว่าแท้จริงแล้ว  ความเน่ามันแฝงอยู่ในร่างกายผมนานแล้ว  เพียงแต่ว่า ผมยังไม่มีโอกาสได้บอกใคร ๆ  ไปนั่นเอง

   “มาเน่า”  มันยิ้ม  อาย เพราะมันหลบสายตาผม

   จะว่าไปแล้ว  ไอ้น่ารักของผม  มันคงไม่ต่างอะไรจากเนื้อกวาง  ที่กำลังตกบ่วงเสือแบบผม ลีลาท่วงท่าในการตะล่อม   ของเสือ มันมีท่วงทำนองเฉพาะตัว  เจ้ากวางน้อยหรือแอบชะล่าใจ  เพราะคิดว่านี่คือที่ปลอดภัยแต่หารู้สักนิดไม่ชะตากำลังจะขาด

   เสือจ้องตะปบอยู่ตลอดเวลา . . .

   “นอนเหอะพี่  ตีหนึ่งกว่าแล้ว”  

   “ขอกอดทีได้ไหม”  ผมลุกขึ้นนั่งใกล้ ๆ  มัน

   แววตาที่ผมทอดมองมัน  มีแต่ความน่ากลัว  ผมไม่รู้หรอกว่าตอนนั้น  ผมคิดอะไรอยู่  ผมรู้เพียงแต่ว่า  ผมอยากกอดมันเอาไว้  อยากสัมผัสแก้ม  อยากจูบที่หน้าผากของมัน  ถ้าผมย้อนเวลาได้  ผมจะย้อนเวลา  และหยุดเวลาเอาไว้ ณ  วันนั้น วันที่มีแค่ผมและมันบนเตียงใหญ่ ๆ  

   เวลาที่มีเพียงคนสองคน . . .

   ผมไม่รอคำตอบใด ๆ  ดึงมันมากอดเอาไว้  อ้อมแขนผมกระชับร่างมันไว้  ใบหน้าผมแนบอยู่กับแก้มของมัน  แก้มมันนุ่มผมสัมผัสได้ถึงใบหน้าที่อบอุ่นของมัน  หัวใจของผมนะหรือ  เต้นแรง  

   และ . . .

   . . . ไอ้ความรู้สึกบางอย่างในร่างกายของผมมันเริ่มตื่นตัว !

   ผมคงต้องใช้กำลังที่มีอยู่ในร่างกายทั้งหมดต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองอีกครั้ง  ผมจะยอมให้มันจบลงแบบคนอื่น ๆ  ที่ผ่านมาอีกหรือ ?

   ไม่ . . .

   . . . มันต้องไม่จบแบบนั้น  ผมบอกกับตัวเอง  หากแต่ตอนนนี้  จมูกของผมมันอยู่นิ่งเสียที่ไหน  มันกลายเป็นเวลา  จมูกไปวิ่งเล่นอยู่ตามซอกคอของไอ้น่ารักเบา ๆ  ผมรับรู้ได้ถึงแผ่นหลังของตัวผมเอง  ที่มีมือมาโอบกระชับแน่นเข้าไปอีก

   ภาษากายกำลังดำเนินต่อไป . . .

   เพียงไม่นานผมก็รับรู้ว่า  ร่างกายของเราทั้งสองมีเพียงแค่เนื้อเท่านั้นที่ห่มเนื้อเอาไว้  เครื่องปรับอากาศไม่สามารถต้านความเร่าร้อนที่อยู่ในส่วนลึกของร่างกายได้  ผมไม่รู้หรอกว่าเวลานี้คืออะไรกันแน่  แต่ผมรู้ว่ามีบางอย่างคอยห้าม  คอยดึงเอาไว้ไม่ให้มันถลำลึกลงไปมากกว่านี้

   ถ้านี่คือความรักจริงอย่าทำ . . .

   . . . อย่าทำแบบที่ผ่านมาเด็ดขาด

   เสียงในร่างกายผมสั่ง  และมันมีอิทธิพลมาก  พอที่ผมจะหยุดทุก ๆ อย่าง  ผมทาบทับอยู่บนร่างที่เล็กกว่า  แต่ทันทีที่สิ้นเสียงคำสั่งนั้น ผมกลับพลิกตัวลงมานอนหงายใกล้ ๆ  มัน  มีเพียงมือเท่านั้นที่เกาะกุมอีกมือเอาไว้

   “ขอโทษนะไม้  พี่ขอโทษที่ทำอะไรลงไป”  ผมบอกมัน ก่อนสอดมือไปใช้ต่างหมอนให้มัน  ดึงร่างมันมากอดเอาไว้

   “ครับ  ผมเข้าใจ   ผมไม่โกรธพี่โมกข์หรอกครับ”  มันนอนตะแคงกอดผมเอาไว้

   “พี่รักไม้”

   “เร็วไปมั้ยพี่”

   “อะไรเร็ว”

   “คำที่ออกมาจากปากพี่  มันเร็วไปมั้ยล่ะ”  ไม้หัวเราะเบา ๆ

   “จริง ๆ  พี่ไม่ได้รักใครง่าย ๆ  แต่ไม่รู้ทำไม  กับไม้  พี่กลับรู้สึกรัก  รักอย่างบอกไม่ถูก”  ผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ  หรือแท้จริงแล้ว  มันแค่คำพูดที่ออกมาจากปาก  เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการกันแน่  แม้ผมจะเข้าใจตัวเอง  และรู้ถึงความรู้สึกในส่วนลึกของตัวเอง   ว่าแท้จริงแล้วหัวใจผมคิดเช่นไร

   “ไม้เหมือนคนใจง่ายเนาะ  พี่โมกข์ว่ามั้ย”

   คำพูดของมัน  กินไปในหัวใจผม  นี่ผมกำลังสร้างรอยด่างในหัวใจของใครคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ  ผมกำลังทำสิ่งไม่ดี  สร้างเรื่องราวให้มันยุ่งยากมากไปอีกอย่างนั้นหรือ  ผมกอดกระชับมันแน่นกว่าเดิม  ร่างกายที่ไร้อาภรณ์มันเสียดสี  เราทั้งสองต่างรู้ได้  ถึงอารมณ์ที่คุโชนอยู่ภายในของทั้งสองคนดี  เพราะบางอย่างมันยังไม่สงบ

   เรื่องของหัวใจผมสั่งได้ . . .

   . . . แต่บางอย่างของร่างกาย  จะสั่งอย่างไรนี่สิ

   “ไม่หรอก . . .”  ผมจูบไปที่เปลือกตาไม้เบา ๆ

   “. . . เพราะหากไม้ใจง่าย  พี่ก็คงใจง่ายด้วยสิ เพราะเราสองคนต่างช่วยกันทำให้ง่าย”

   “ตายเลย  เคยพูดกับใครแบบนี้กี่คนแล้วนี่”  มันหัวเราะเบา ๆ  

   “พูดว่า”

   “เราสองคนต่างช่วยกันทำให้ง่ายไง”

   “เดี๋ยวนับก่อน . . .”  ผมหัวเราะเบา ๆ  ก่อนเอามือมานับนิ้ว

   “. . . ว๊า  นิ้วมือพี่ไม่พอว่ะ  ยืมมือไม้มานับด้วยได้มั้ย”  ผมกอดไม้  แล้วหอมมันอีกครั้ง  ผมไม่รู้นะ  แค่ได้นอนกอดมัน  เก็บร่างที่ไร้เสื้อผ้าไว้ในอ้อมกอดของผมแบบนี้  มันก็มีความสุขอย่างที่สุดแล้ว  

   และ . . .

   . . . ดูเหมือนว่าผมจะตัดสินใจเด็ดขาดในการกระทำของผมต่อจากนี้แล้วล่ะ

   “พี่โมกข์หื่นว่ะ”  มันพยายามดิ้น เมื่อผมเอามือของผมเองเลื้อยลงไปต่ำ  จับลงตรงส่วนนั้นของมัน

   “อะไร ก็ไม่รู้ว่าอะไรมาแทงตรงสะโพกพี่  แค่จัดระเบียบสังคม”  ผมหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่จะพลิกตัวขึ้นคร่อมมันอีกครั้ง

   แววตามันเป็นประกาย . . .

   . . . ผมบอกไม่ถูกหรอกว่าแววตามันตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่  เพราะหากผมรู้ความคิดมัน  ผมคงไม่เจอบทเรียนใด ๆ  แต่เพราะผมไม่รู้หัวใจคนอื่น  ผมเลยต้องทำใจยอมรับกับทุก ๆ เรื่องที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของผม  ผมจะยอมรับกับทุก ๆ  เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากคืนนี้

   ผมจ้องมองมันนาน . . .

   . . . นานจนผมอยากหยุดเวลาเอาไว้แบบนี้  คิ้วมันสวย  ขนคิ้วเรียงกันเป็นระเบียบ  แววตามันสีน้ำตาล  แม้จะไม่มีแสงสว่างมากมายในห้องนอน  แต่ผมก็เห็นว่าแววตาคู่นั้นมีแต่ความประหม่า

   มันคงกลัวผม . . .

   . . . กลัวว่าผมไม่ยอมทำอะไรมันมากกว่านั้น

   ฮิ้วววววววววว

   “พี่รักไม้นะครับ”

   “เอาอีกแล้วพี่โมกข์  พูดคำนี้อีกแล้ว”

   “พี่พูดจริง ๆ  นะครับ  ชีวิตพี่ผ่านอะไรมากมาก  แต่พี่ก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน  แต่กับไม้  พี่บอกไม่ถูกว่าทำไม  ทำไมพี่ต้องรู้สึกแบบนี้  ทั้ง ๆ ที่กับคนอื่น ๆ  พี่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน  สาบานนะ  สาบานให้ตายตรงนี้ คนอื่น ๆ  พี่แค่อยากนอน ๆ  อยากให้เสร็จ ๆ  กันไป . . .”  ผมเอาปลายจมูกของผมไปแตะที่ปลายจมูกของไม้

   ลมหายใจเราถ่ายเทถึงกัน . . .

   . . . ผมรู้ได้ทันที  ตอนนี้  เราสองคนมีความต้องการปลดปล่อย

   “. . . แต่กับไม้  พี่กลับรู้สึก อยากรัก  อยากกอดเอาไว้แบบนี้  แค่นอนกอดสำหรับพี่ก็มีความสุขกว่าไปถึงจุดนั้น”  ผมหอมที่แก้มไม้อีกรอบ

   “ผู้ชายรักเพื่อเซ็กส์”  มันยิ้ม

   หาก . . .

   . . .  คิ้วของผมขมวดเข้าหากันทันที

   “อะไร  พูดอะไรไม่เห็นเข้าใจ” ผมเอามือมาไล่ไรผมขอไม้เล่น  ผมมันไม่ยาวมาก  มันตัดทรงนักเรียน  ม.ปลาย  รองทรงสูงด้วยซ้ำไปมั้ง

   “ก็ผู้ชายส่วนมากชอบพูดว่ารัก  คำว่ารักออกมาจากปากได้อย่างง่ายดาย  เพียงเพื่ออยากจะมีเซ็กส์  ไม้ถึงบอกไงว่าผู้ชายรักเพื่อเซ็กส์”  มันยิ้มอีกรอบ

   ผมถึงกับพลิกตัวนอนแผ่หราใกล้ ๆ กับไม้ในทันที

   “พูดแบบนี้ใครจะกล้าทำอะไรต่อละเนี่ย”  ผมหัวเราะเบา ๆ

   “ส่วนผู้หญิง เซ็กส์เพื่อรัก”  คราวนี้กลับกลายเป็นไม้ที่พลิกตัวมานอนคร่อมผมเอาไว้

   มันจ้องหน้าผม . . .

   . . . ก่อนจะหอมที่แก้มผมเบา ๆ

   ผมอยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้  ไม่อยากให้เวลามันขยับเขยื้นแม้แต่วินาทีเดียว  สิ่งที่มันกระทำต่อผมทั้งหมดในเวลานี้  ผมไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรดี  แต่รวม ๆ  แล้ว  มันสร้างความอิ่มเอมในหัวใจผมอย่างที่สุดแล้ว  ผมหลับตานิ่งเหมือนลอยอยู่กลางอากาศ

   “ทำอะไรน่ะ”  ผมพยามดิ้นในส่วนล่าง  เพราะผมรู้สึกว่า  มันจะพยามใช้ขาของมันเอง  เขี่ยให้ขาผมแยกจากกัน

   อย่านะโว้ย . . .

   . . . พี่ไม่รับ  ไม่รับเด็ดขาด

   “ล้อเล่นน่ะครับ . . .”  มันหัวเราะเบา ๆ  เมือ่เห็นผมพยายามที่จะดิ้นให้กลับสู่สภาพที่ปกติที่สุด

   “. . .ก็พี่โมกข์ชอบแกล้งไม้  ไม้เลยแกล้งมั่ง” มันหัวเราะเบา ๆ

   “ทำไมไม้ต้องบอกว่า ผู้หญิงต้องเซ็กส์เพื่อรัก”  ผมไม่เข้าใจ  ยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่ไม้บอกมา

   “ก็ผู้หญิงส่วนมาก  อยากได้ยินคำว่ารักจากปากผู้ชาย  และ ยอมมีเซ็กส์  เพียงเพื่อให้ผู้ชายบอกรัก  ผู้หญิงกับผู้ชายจึงแตกต่างกัน  ผู้ชายพูดอะไรก็ได้เพียงเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ . . .”  แววตาไม้เจ้าเล่ห์

   “. . .  แต่ผู้หญิง  ยอมกระทำทุก ๆ  อย่างเพียงเพื่อให้ผู้ชายบอกรัก  ผู้หญิงยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนที่ตัวเองรัก รักตัวเอง”

   ผมหัวเราะเบา ๆ

   “เหมือนพี่เลย พี่ก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ไม้รักพี่ให้ได้”

   “ไม่มีทาง  ไม่มีทางที่ไม้จะรักพี่”  มันยิ้ม

   “เอาเห๊อะ วันนี้ไม่รักไม่ว่า วันหน้าอย่ามารักแล้วกัน รักกูเมื่อไหร่กูทิ้งแน่ ๆ  คอยดู๊”  ผมหัวเราะเบา ๆ หัวเราะกับมัน  หัวเราะกับ   ความคิดมันแปลกดี !

   ผมกอดมันเอาไว้  ทั้ง ๆ  ที่มันนอนทับร่างผมเอาไว้ ร่างที่ไร้อาภรณ์กลับไม่ได้รู้สึกหนาวเหน็บจากอากาศ  อาจเพราะตอนนนี้เราทั้งสองต่างห่มเนื้อของกันและกันอยู่  เหมือนที่โบราณบอกไว้ หนาวกายห่มผ้า  หนาวเนื้อห่มเนื้อจึงหายหนาว . . .

   . . . แต่

   สำหรับไอ้น่ารัก . . .

   ตอนนี้ผมใช้หัวใจของผมห่มให้มันเรียบร้อยแล้ว  ผมเอามือของผมลูบไล้ไปมาบนร่างกาย  ตามแผ่นหลัง  และลามไปถึงสะโพกของมัน  เอามือกดให้สะโพกของมันเสียดสีกับร่างกายของผม  บทรักที่ผมสัญญาว่าจะไม่ยอมให้มันได้หลับแน่ ๆ  ในคืนนี้

   “ไม้ . . .”  ผมเรียกที่ข้างหูมันเบา ๆ  ในขณะที่มันนอนทับอยู่บนร่างของผม

   “ครับ”

   “พี่ถามไม้ตรง ๆ  ไม้มีใครอยู่ในหัวใจหรือเปล่า”  ผมแทบจะกลั้นหายใจถาม เพราะผมรู้ดี  สิ่งที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้  มันมากกว่า

   “เคยมีครับ  แต่ตอนนี้ไม่มี”

   “งั้นถ้าพี่จะดูแลไม้”

   “พี่แน่ใจแล้วหรือ  เพราะจากคืนนี้ไปพี่อาจจะไม่อยากคุยกับไม้แล้วก็ได้  พี่อย่าพูดอะไรออกมาหากพี่ยังคิดว่าทำไม่ได้”  เสียงของมันเหมือนคนคิดหนัก

   นั่นสิ !

   มันคงต้องคิดหนักเป็นธรรมดา เพราะว่าในเวลานี้  มันเหมือนกลืนไม่เข้าคาไม่ออก  ผมจะทำอะไร  จะหักหาญน้ำใจมันอย่างไรก็ได้  เพราะผมอยู่ในสถานะที่เหนือกว่ามันทุกอย่าง  มันมาอาศัยห้องผม เพราะมันเชื่อใจผม  การที่ผมทำแบบนี้กับมัน  มันก็ยากที่จะขัดขืน

   “พี่ไม่ได้พูดเพราะอยากพูด  หรืออยากได้ไม้แบบนั้น  พี่รับรองด้วยเกียรติที่มีอยู่น้อยนิดว่าพี่จะไม่ทำร้ายไม้ ไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ตาม  พี่บอกตัวเองอีกครั้งว่าพี่รักไม้  ไม่ได้ออกมาพร่อย ๆ  แต่พี่รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ”  ผมหอมที่แก้มมันเบา ๆ

   “ขอบคุณครับพี่  แต่เรายังมีเวลาอีกมาก  ผมไม่อยากให้พี่มาผูกมัดอะไรกับผม เพราะเมื่อวันนึงพี่เจอใครสักคน  พี่จะลำบากใจ”

   โอ้ย !

   พูดแบบนี้  ผมมีแต่ตายกับตายนะสิครับ ไอ้หน้าตาแบบผมนี่  หล่อเลือกได้หรืออย่างไร  ทำไมมันไม่มองหน้ามันในกระจกว่ะ ว่าคำพูดที่มันพูดมาเมื่อกี้  ใครกันแน่ที่ควรจะพูด  เป็นมันหรือว่าเป็นผม

   คนลำบากใจ . . .

   . . . ควรเป็นมันมากกว่า

   “ไม้เชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม”

   “หึ หึ  จะมาเน่าอะไรอีกพี่โมกข์”

   “ปล่าวหรอก  ถามไปงั้น ๆ  เพราะพี่กำลังเล่นอยู่กับพระพรหม  อยากรู้เหมือนกัน  ว่าเขาจะมาเล่นอะไรกับพี่ต่อ”  ผมชิงความได้เปรียบ  พลิกร่างขึ้นคร่อมร่างไม้เอาไว้

   ผมใช้จมูกจดลงที่หน้าผากเบา ๆ  ก่อนที่จะลากจมูกมาที่ซอกหู  แล้ววนอยู่ที่ข้างแก้มนุ่ม ๆ  ก่อนที่จะหอมมันฟอดใหญ่

   “นอนนะครับ  คนดีของพี่”

   ผมพลิกตัวกลับลงมา ก่อนที่จะดึงร่างมันมากอดเอาไว้  ผมรู้หรอกว่าสิ่งที่ผมทำ  จะเรียกว่าโง่หรือฉลาด  แต่ผมเลือกแล้วที่จะกระทำแบบนี้  ผมไม่เคยรักใครมาสองปีกว่า  หากวันนี้ผมจะรักใครสักคน  ไอ้น่ารักคือคนแรกที่ผมจะรักมันอย่างเต็มหัวใจ

   “เดี๋ยวพี่ ไม้ปวดฉี่”

   ผมปล่อยพันธนาการจากวงแขนที่ผมกอดมันอยู่  ปล่อยร่างนั้นให้เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ  ผมลืมตานิ่งในความมืด  ยิ้มกับตัวเอง  ผมแอบเอามือไปบีบตรงน้องชายตัวเองแรง ๆ  มันเจ็  แปลว่าตอนนี้ผมไม่ได้ฝัน  ผมอยู่ในโลกของความเป็นจริง

   ความจริงที่ผมสัมผัสได้ . . .

   . . . ถ้าวันหน้า  ผลที่จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปอันสืบเนื่องมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ผมสัญญา  ว่าผมจะไม่เสียใจไม่เสียใจกับอะไรก็ตามที่มันเกิดขึ้นกับผมในคืนนี้

   เพราะผมเลือกเองที่จะให้เรื่องราวในคืนนี้  มันเป็นแบบนี้  ผมขีดเส้นให้เรื่องราวมันเป็นแบบนี้เอง  ผมจะยิ้มรับกับทุก ๆ  เรื่อง  เรื่องระหว่างผมกับไม้

   “หายไปนาน รู้นะทำไร”  ผมบอกในทันที  ที่มันเข้ามานอนซุกในอ้อมกอดผมอีกครั้ง

   “ก็คนนะครับ  มีความรู้สึก  มีความต้องการ  พี่โมกข์ล่ะไม่ไปเอาออกหรือ”

   “ไม่ครับ  เพราะพี่ไม่อยากทำแบบนั้น  พี่อยากให้ไม้รู้ว่า  แค่พี่ได้กอดไม้เอาไว้แบบนี้  พี่ก็มีความสุขแล้ว  ขอบคุณนะครับ  ขอบคุณสำหรับทุก ๆ  อย่างที่เกิดขึ้น”  ผมยิ้มให้ไม้  ก่อนที่จะจูบไปบนหน้าผากไม้อีกครั้ง  

   ผมมีความสุขนะ . . .

   . . . มีความสุขกับการได้นอนกอดใครสักคนเอาไว้  คนที่อยู่ในอ้อมกอดผมไร้เสื้อผ้าเช่นเดียวกันกับผม  จะมีก็เพียงผ้าห่มผืนเดียวที่ห่มร่างกายของเราทั้งสองคนเอาไว้  ผมกำลังพาตัวเองก้าวผ่านความรู้สึกต่ำ ๆ  ที่ผมเคยกระทำ

   คืนนี้ . . .

   . . . สำหรับมัน  ไอ้น่ารัก มันจะรู้สึกเฉกเช่นไร  ผมไม่รู้เพราะผมบอกแล้วว่า  ผมไม่รู้หัวใจคนอื่น  ผมรู้แค่หัวใจตัวเอง  หัวใจของคนที่รักใครสักคนอย่างเต็มหัวใจ

   มันเร็วไปไหม ?

   เร็วครับ  เร็วมาก  แต่ผมจะรอให้มันเดินออกไปจากชีวิตผมไม่ได้  ผมจะต้องใช้เวลาที่มีทั้งหมดพิสูจน์ให้มันรู้ว่า  คนอย่างผมหากรักใคร  ผมรักจริง  รักจนตาย

   ผมกระชับร่างที่นอนตะแคงหันหลัง  มันพยายามกระเถิบร่างเพื่อให้อยู่ในวงแขนของผมในเวลานี้  ผมได้แต่ยิ้มมองมันจากด้านหลังก่อนที่จะจดจมูกลงไปที่ท้ายทอยของมัน  คนเดียวที่สามารถเข้ามาป่วนหัวใจผมได้ทั้ง ๆ  ที่ผมคิดเสมอว่า  

   “ถ้าผมจะรักใครอีกสักคนในชีวิตนี้    คน ๆ  นั้นจะเป็นผู้ชายคนสุดท้ายที่ผมรัก”







ถ้า . . .

. . . ไม่มีอะไรผิดพลาด  จะลงให้วันละ  ๑ ตอนนะครับ

เรื่องนี้  เขียนยาวมั้ย   ตอบไม่ได้ครับ  เพราะเห็นเท่าที่มี  มีเท่าที่เห็น  แต่ถามว่า  จบมั้ย  ก็จบแน่ ๆ  ครับ  ทีแรกตั้งใจเขียนแค่  ๕ ตอนจบ  แต่ก็ไม่แน่  ว่าจะยาวจะสั้นขนาดไหน  มันแล้วแต่ว่า  เวลาจะอำนวยขนาดไหนครับ  ส่วนจะเศร้า  จะสุข  สมหวัง  หรือผิดหวัง  ก็ยังไม่รู้เช่นกัน  เพราะไม่มีปลายทางสำหรับเรื่องนี้ครับ

รู้อย่างเดียว . . .

. . . อยากเขียน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-03-2010 15:10:16 โดย ต้นสาย »

ออฟไลน์ Cha Ris Ma

  • สาระไม่ค่อยมี...หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +670/-0
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #28 เมื่อ10-03-2010 15:20:17 »

น้องไม้น่ารักซะ
:z1:แต่รักแท้ต้อง อด...





...ทน เนอะพี่โมกข์

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3
Re: รั ก แ ท้ บ ท ที่ ๑ . . .
«ตอบ #29 เมื่อ10-03-2010 17:18:41 »

ต๊าย ไม่รู้ว่าทำไม อ่านเรื่องนี้แล้ว กิต.นึกถึงชื่อ "เอก" กับ "ต้น" หึหึ
ขอบคุณนะคะ คุณ ต้นสาย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2010 00:03:02 โดย kit »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด