***
บุพเพวายร้าย
51.
พี่วุฒิกุมมือผมเดินเข้าประตูที่ผมวิ่งออกมาเมื่อกี้ แล้วพาผมไปที่รถพาผมกลับไปถึงบ้านอย่างที่สัญญาไว้
หน้าบ้านมีรถสปอร์ตสีแดงจอดอยู่ รถพี่แบงค์ครับ!!?
“ เหี้ย!!” พี่วุฒิว่า จอดรถได้ก็พุ่งตัวออกไป เดินลิ่วๆไป พี่แบงค์และพี่ชนะที่เปิดประตูรถออกมา
พี่วุฒิเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อพี่แบงค์ยกแขนจะต่อยแต่พี่ชนะเอามือ 2 ข้างไปดึงไว้
“วุฒิอย่า!” (พี่ชนะ)
“ มรึงมาที่นี่ทำไม!” พี่วุฒิถามพี่แบงค์ ผมวิ่งเข้าไปยืนข้างๆพี่วุฒิ สบตากับพี่แบงค์ครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจเหมือนว่าทำไมพี่แบงค์ถึงได้มาที่นี่ ทำไมไม่รู้ให้พี่วุฒิใจเย็นกว่านี้ก่อน
“ อยากมาคุยกับมรึงให้รู้เรื่อง”
“ กรูไม่มีอะไรจะคุย!!!”“ วุฒิ”(พี่แบงค์)
“ กรูจะลืมว่ามีเพื่อนอย่างมรึง!!”“ วุฒิ!?” (พี่ชนะและพี่แบงค์)
“ พี่ครับ” (ผม)
“ ไอ้วุฒิ มรึงจะไปตัดเพื่อนกับไอ้แบงค์มันทำไม
ไอ้แบงค์มันก็มีสิทธ์จะชอบใครก็ได้ มรึงไม่มีสิทธิ์ไปว่ามัน!” “ แต่คนที่มันชอบคือ เมียกรู!!” พี่วุฒิแทบตะโกน ใบหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม
“ แล้วไง มรึงคิดว่าความรักมันห้ามได้เหมือนน้ำประปาหรือไงวะ ขนาดน้ำประปามันยังมีวันไม่ไหล!” พี่ชนะพูดราวกับตะคอก ใบหน้าเริ่มซับสีเลือดด้วยอารมณ์ไม่ต่างจากพี่วุฒิ
“ มันคิดจะปล้ำเมียกรู มรึงได้ยินไหมชนะ!!”“ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ทำ ถ้ามันทำปานนี้จุมไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอก ที่มันหยุดตัวเองไว้ก็เพราะว่ามันรู้ว่าจุมคือเมียมรึง ถึงแม้จะเป็นเมียที่มรึงใช้กำลังได้มาก็ตาม!”“ แล้วไง แต่ยังไงจุมก็คือเมียกรู!”“ วุฒิที่กรูบอกมรึงก็เพราะ กรูไม่อยากปิดบังมรึง กรูอยากบอกมรึงเพราะมรึงคือเพื่อนกรู” พี่แบงค์ดูจะพูดปกติแล้วแต่เสียงกลับสั่น
“เพราะกรูเป็นเพื่อนมรึง มรึงเลยบอก กรูดีใจตาย!” พี่วุฒิพูดไม่มีท่าทางเกรี้ยวกราดเหมือนเมื่อกี้ แต่กลับแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาแทน ดวงตาคมในพื้นที่สีขาวเป็นสีแดงมากขึ้น
“ ตอนกรูไม่อยู่ กรูไว้ใจมรึง ให้มรึงดูแลจุมแทนกรู
แต่มรึงกลับหักหลังกรู!!” พี่วุฒิว่าเสียงสั่น ....ตัวสั่น หมัดที่ยกค้างไว้ไม่มีทีท่าว่าจะลง
ผมรู้ว่าพี่วุฒิกำลังเสียใจและกำลังผิดหวัง แม้แต่พี่ชนะเองก็เช่นกันสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด . . .
“ มรึงก็รู้ กรูไว้ใจ แต่กับพวกมรึงที่เป็นเพื่อนกรู กรูไม่เคยปิดปังเรื่องอะไร คำว่าเพื่อนกรูให้พวกมรึงเต็ม 100 กรูคิดว่าไม่ว่าจะผ่านไปปี ยังไงความเป็นเพื่อนมันก็ไม่เปลี่ยน แต่ดูสิ่งที่มรึงทำกับกรู! มรึงบอกกรูว่ามรึงรักจุม และยังมาบอกกรูอย่างหน้าด้านทำเหมือนเป็นเรื่องปกติที่มันเกิดขึ้นได้ !...” ยิ่งพูดพี่วุฒิก็ยิ่งสงบลง
“ วุฒิ กรูขอโทษ แต่กรูห้ามใจแล้ว มรึงก็น่าจะรู้จักกรูว่า สำหรับพวกมรึงกรูก็ให้มากกว่า 100 กรูเหมือนกัน กรูไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ แต่หัวใจมันไม่รักดีชอบเมียมรึงไปแล้ว กรูไม่รู้จะทำยังไง . . .ห้ามมันแล้ว แต่มันเหี้ย!ไม่เชื่อเลยต้องบอกมรึง” พี่แบงค์แสดงสีหน้าไม่ต่างจากพี่วุฒิ เสียงทั้งสั่นและแหบ
ผมรู้สึกผิด ที่เป็นต้นเหตุ . . .ผมเชื่อแล้วว่าพี่แบงค์รักผมจริง
“ อย่าพูดให้ตัวเองดูดี สุดท้ายมรึงก็ไม่ใช่เพื่อนกรู” พี่วุฒิบอกเสียงเบาลงเรื่อยๆยิ่งท้ายประโยคยิ่งแผ่วเบา แขนกำหมัดสะบัดหลุดจากมือพี่ชนะ
“ ไอ้วุฒิ แค่ไอ้แบงค์มันมีความรัก มรึงก็ตัดเพื่อนกับมัน ถึงมันจะรักเมียมรึงแต่มันได้แย่งจุมจากมรึงไหมก็ไม่! ………………… แล้วใครที่ไหนดูแลจุมตอนที่มรึงทำร้ายจุม ถ้าไม่มีมันป่านนี้จุมตายไปนานแล้วมรึงคิดบ้างไหม ใครที่ไหนที่ให้คำปรึกษาเรื่องมรึงกับจุม ใครที่ไหนที่เป็นเพื่อนร่วมเป็นรวมตายกับมรึงมา
เป็น 10 กว่าปี !!” “ หึ!” พี่วุฒิยักยิ้มมุมปาก แต่แววตาเจ็บปวดเช่นเดิม ก่อนที่จะเดินมาดึงแขนผม
“ อยากกลับบ้านนัก ก็เข้าบ้าน!” พี่วุฒิว่า ผมหันไปมองพี่แบงค์ที่ยืนก้มหน้า มีพี่ชนะยืนอยู่ข้างๆ แต่ผมไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว
พี่วุฒิดึงแขนผมเข้ามาในห้อง ก่อนที่ปล่อยแล้วพี่เขาก็นั่งบนเตียง เหมือนคนหมดแรง
“ ขอโทษนะครับ ที่ผมทำให้พี่กับเพื่อนต้องทะเลาะกัน”
“ ชอบไอ้แบงค์ไหม!?” พี่วุฒิถามผมอีก ทั้งที่เคยถามไปแล้ว
“ ถามว่าชอบไอ้แบงค์ไหม!” พี่วุฒิกระชากเสียง ผมถอนห่างออกมา
“ ไม่ได้ ชอบครับ” พี่วุฒิยื่นแขนมาหาผม
“ มาหาพี่” ผมมองหน้าพี่วุฒิที่ฉายแววไม่เปลี่ยนจากตอนอยู่ข้างล่าง ผมเลยเดินไปแล้วแขนพี่วุฒิก็กอดเอวผมเข้าไปกอด ลงไปนั่งบนตักพี่วุฒิ ผมไม่ได้ปฏิเสธ
ผมเห็นใจ สงสาร.................................................................และเจ็บปวด
“ แล้วพี่ล่ะชอบไหม?” พี่ถามเอา แก้มตัวเองมาแนบแก้ม ผมเอี้ยงหน้านิดหน่อยเพราะแรงกดจากหน้าพี่วุฒิ
“ พี่ถามผมบ่อยแล้วนะครับ”
“ ถามบ่อย แต่จุมไม่เคยตอบว่าชอบสักครั้ง”
“ พี่ครับ” ผมเงยหน้าขึ้นสบตาพี่วุฒิ “ ผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ผมรักพี่หรือเปล่า แต่ตอนนี้หลังจากที่ผมฟื้นจากโรงบาลมาไม่ถึง 2 อาทิตย์ ซึ่งเท่ากับผมเพิ่งรู้จักพี่แค่ 2 อาทิตย์ ผมคงจะบอกพี่ได้ไม่เต็มปากว่าชอบพี่หรือเปล่า แต่บางครั้งผมก็เขินพี่ หัวใจเต้นแรง กับการกระทำของพี่ หรือคำพูดพี่ ถึงไม่ใช่คำว่าชอบที่อยากจะเป็นแฟนแต่ผมว่ามันคงใกล้เคียง” ผมบอกอย่างที่รู้สึก แต่ผมไม่ได้พูดหรอกว่า บางครั้งพี่วุฒิก็ทำให้ผมกลัวเช่นกัน
“ .......................”
“ เพราะงั้นอย่าเร่งรัดผม ให้ชอบพี่เลยครับ”
“ อย่างงั้นเขาเรียกชอบแล้ว” พี่วุฒิบอก ก้มหน้าลงมาผมหันหนี ปากพี่วุฒิเลยโดนแก้มผม ไม่เพียงเท่านั้น พอโดนแก้มพี่วุฒิกลับเอาปากมาจูบแก้มผม
หัวใจผมเต้นเร็วมาก เต้นจนแทบจะกระเด็นออกมา ใบหน้าก็ร้อนเหมือนไฟสุม
“ พี่ครับ พอแล้วครับ” ผมบอกดันหน้าพี่วุฒิที่เหมือนจะมีใครติดกาวไว้ไม่ยอมจะออกไปง่ายๆ
“ พี่ครับ ถ้าพี่ไม่เอาปากพี่ออกไปจากแก้มผม ผมจะโกรธนะครับ”
“ ก็แก้มจุมมันหอมดีพี่ชอบ” พี่วุฒิพูดตาเป็นประกาย แต่ใบหน้ายังมีแววเหนื่อยล้า
“ บ้า แก้มผมเหม็นเหงื่อจะตาย” ผมบอกเขิน
“ ก็พี่หอมของพี่”
“ เรื่องของพี่
ดิ ”
“ เรื่องของพี่ไม่ได้หรอก แก้มไม่ใช่แก้มพี่..”
“ ...............................” ผมไม่กล้าสบตา ลุกขึ้นจากตักพี่วุฒิแต่พี่วุฒิก็ดึงไปนั่งเหมือนเดิม ผมได้นั่งอยู่เฉยๆทำอะไรไม่ถูก เขินจนหัวเบลอไปหมด
“ เมียใครหว่า น่ารักโคตร”
“ ...........................” ผมไม่ใช่เมียใครสักหน่อย
เสียงรถหน้าบ้าน ยังเงียบ พี่แบงค์และพี่ชนะน่าจะจะยังไม่กลับไป
“ พี่วุฒิ”
“ ครับผม” ยังกอดเอวไว้หลวม ๆ เอาคางวางบนไหล่ผม
“ เรื่องพี่แบงค์”
“ จุม อย่าพูดชื่อมันให้พี่ได้ยิน” เสียงพี่วุฒิเปลี่ยนไปในทันที
“ แต่พี่แบงค์เป็นเพื่อนพี่ ผมไม่อยากให้พวกพี่ผิดใจกันเพราะผม มันไม่คุ้มหรอกครับ”
“ จุม อย่าพูดเรื่องนี้อีก!”
“ พี่ลองคิดดูดีๆนะครับ ว่าถึงพี่แบงค์จะชอบผม แต่ถ้าผมไม่มีใจให้พี่เขามันก็ไม่มีประโยชน์ แล้วทุกอย่างที่ผ่านมา เพราะเป็นพี่แบงค์ใช่ไหมครับ แต่ถ้าเป็นคนอื่น......................” ผมเงียบให้พี่วุฒิคิดเอง
“ ........................” (พี่วุฒิ)
“พี่ครับ”
“ พี่ไม่อยากฟัง!!” พี่วุฒิพูดหันหน้าไปอีกทาง ผมเลยไม่กล้าพูดต่อ เรื่องนี้คงไม่จบแค่วันเดียวหรอกครับ
แต่ผมเชื่อว่าถ้าเป็นเพื่อนกันจริงๆเวลาจะช่วยรักษามิตรภาพไว้ได้ เพราะไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ดีกว่าเวลา
“ ผมโทรหาแม่นะครับ” ผมบอกลุกขึ้น พี่วุฒิยังนิ่งอยู่แม้ผมว่าจะลุกขึ้นมาแล้ว ผมโทรหาแม่
“ อัลโหลแม่ครับ วันนี้มีโอหรือครับ?” ผมถาม เพราะพยาบาลห้องไอซียูเวลาไม่ค่อยแน่นอน
“ เปล่า แม่กำลังซื้อกับข้าว หน้าปากซอย ว่าจะโทรบอกจุมอยู่พอดี ให้หุงข้าวรอแม่ด้วย” แม่บอก
“ ครับ”
ผมคุยกับแม่เสร็จ หันกลับมาพี่วุฒิยังนั่งอยู่ไม่ต่างจากเดิม(ตอนนี้ ทุ่มกว่าๆ)
“ พี่ครับ ผมจะลงไปหุงข้าวรอแม่ พี่อาบน้ำเลยก็ได้นะครับ” ผมบอกเดินออกมา
“ พี่ไปด้วย” พี่วุฒิบอกเดินตามหลังผมออกมา
แล้วก็ยืนรอจนผมกดหมดหุงข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินตามผมขึ้นมา นี่ใช่ไหมครับที่เขาเรียกเงาตามตัว
“ ...................”
ตอนแม่กลับมาจนกินข้าว พี่วุฒิก็ไม่ยอมพูดยอมจา และเหมือนเมื่อเช้าแม่ส่งสายตาถามผมว่าพี่วุฒิเป็นอะไร แต่คราวนี้ผมรู้ว่าเพราะอะไร ทว่าผมรู้แต่ส่ายหน้าตอบแม่ไม่รู้เพราะไม่อาจจะพูดต่อหน้าแม่ได้ว่าพี่วุฒิทะเลาะกับเพื่อนเพราะผม (ตอนนั้นพี่แบงค์ พี่ชนะกลับไปแล้ว ผมถามแม่ตอนพี่วุฒิรับโทรศัพท์ว่าเห็นรถสปอร์ตสีแดงที่หน้าบ้านไหม? แม่บอกว่าไม่มี)
กินข้าวเสร็จ ..อาบน้ำ .. . .จนผมทำการบ้านจวนจะนอนแล้วผมเพิ่งขึ้นได้ว่า มีกุหลาบแดงช่อใหญ่ในรถพี่วุฒิ ผมเลยว่าจะลงไปเอามาใส่แจกันไว้
ผมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หันไปหาพี่วุฒิที่นอนบนเตียงด้านหลัง สายตาพี่วุฒิมองเพดานแต่ผมว่าพี่วุฒิไม่ได้มองเพดานหรอกครับ
“ พี่.. เดี๋ยวผมผมจะลงไปเอากุหลาบในรถ กุญแจอยู่ไหนครับ?” ผมถามพี่วุฒิหันหน้ามาหาผม
“ ไม่ต้องลงไปเอา”
“ ผมว่าจะเอาไปใส่แจกัน” ผมบอก พี่วุฒิเงียบ “ นะครับ”
“ เดี๋ยวพี่ลงไปเอาให้”
“ ครับ เดี๋ยวผมเตรียมแจกันรอ” ผมยิ้มบอก
“ เอามาให้แล้ว หอมพี่เป็นการขอบคุณ”
“ งั้นผมไปเอาเอง”
“ หอมหน่อยดิ” พี่วุฒิพูดเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น เพราะมีแต่จะเอาอย่างเดียวโดยไร้เหตุผล
“ ผมจะไปเอาเอง” ผมบอก
“ พี่ไม่ให้กุญแจ”
“ พี่วุฒิ ! ”
“ ก็รถพี่” พี่วุฒิพูดลอยหน้าลอยตา เมื่อกี้ลุกขึ้นมานั่งแล้วตอนนี้กลับลงไปนอนเหมือนเดิม
“ แต่ดอกไม้ผมนะครับ!”
“ ขอให้หอมแก้มนิดเดียวก็ไม่ทำให้ ก็ปล่อยกุหลาบมันไว้นั่นแหละ”
“ พี่ครับ”
“ ..................................”(พี่วุฒิ)
ผมเลยหันกลับไปทำการบ้านต่อ จนผ่านไปสัก 10 นาที จึงมีเสียงพี่วุฒิเรียกผมจากด้านหลัง
“ จุม”
“ ครับ”
“ งอนพี่เหรอ?”
“ เปล่าครับ” ก็นิดหน่อยครับ ไม่เข้าใจว่าแค่ผมจะไปเอากุหลาบมาใส่แจกัน ทำไมต้องต่อรองด้วย
“ พี่จะจูบจุมก็ได้ แต่พี่อยากให้จุมจูบพี่มากกว่า ไม่อยากบังคับนะ” ผมว่ามันไม่ต่างกันเลย
“ นั่นเขาเรียกบังคับ” ผมบอก ยังไม่หันกลับไป
“ เดี๋ยวพี่ลงไปเอาให้” ผมไม่ตอบ แต่พี่วุฒิก็ออกจากห้องไป ผมจึงค่อยลงไปหาแจกันในครัวด้วย ผมจำได้ว่าในตู้มีแจกันอยู่หลายอัน
ในตู้ทีติดผนังด้านขวาแม่เอาไว้เก็บของหลายอย่าง ในนั้นมีแจกันอยู่ 4 ห้าใบ ผมเลือกสีขาวล้วน และสีเขียวลายดอกเล็กๆที่มี 2 ใบมาล้างแล้วเช็ดให้แห้งพอเช็ดเสร็จ พี่วุฒิก็เดินถือช่อกุหลาบเข้ามา แล้วยิ้มแปลกๆ ก่อนที่จะเดินมาหาผมแล้วคุกเข่าลง ชูช่อกุหลาบสีแดงสดขึ้น ??
“ คุณจุมฟ้าครับ ได้โปรดยกโทษให้ผมนายวรวุฒิด้วยครับ” พี่วุฒิพูดพร้อมเงยหน้าจ้องผมที่กำลังตกใจ ที่พี่วุฒิเล่นแปลกๆ
“ ...................” ผมพูดไม่ออก จะเขินก็ใช่ดีใจก็ยิ่งใช่ และยังสายตาหวานเยิ้มที่พี่วุฒิมองผมอีก ..
“ ผมนายวรวุฒิขอสัญญาจะพยายามเป็นสามีที่ดี ”
“ เอาดอกไม้ผมมาขอโทษ แล้วคิดว่าจะถูกยกโทษหรือครับ ” ผมพูดกลบเกลื่อนอาการหน้าร้อนตัวเอง แล้วดึงช่อกุหลาบจากมือพี่วุฒิมาแล้วหันหน้าหาถาดที่ผมวางรอไว้ก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นการหันหลังให้พี่วุฒิโดยปริยาย
“ ยกโทษหรือไม่ยกโทษ พี่ก็ต้องทำหน้าที่สามีอยู่แล้ว ” พี่วุฒิบอกข้างหู ผมเอี้ยงตัวหนี
“ ...........................” ผมไม่ตอบ ก้มหน้าก้มตาแกะช่อกุหลาบไม่ยอมหันไปมองพี่วุฒิ โดยมีพี่วุฒิยืนอยู่ข้างๆผม จนผมเอากุหลาบใส่แจกันทั้ง 3 ใบเสร็จ ผมตั้งไว้โต๊ะกินข้าวในครัว 1 ใบ และตรงโต๊ะห้องดูโทรทัศน์(เป็นห้องรับแขกด้วย) 1 ใบและใบสีขาวผมเอาขึ้นห้องไปตั้งไว้โต๊ะเขียนหนังสือที่ผมทำการบ้านเมื่อกี้ ผมตั้งไว้แล้วเดินห่างออกมา 3 ก้าวมองดู แล้วรู้สึกถึงความสุขจนต้องยิ้มออกมา
“ ยกโทษแล้วก็ .........” พี่วุฒิว่าอุ้มผมแบบเจ้าบ่าวอุ้มเจ้าสาวจนตัวผมลอยขึ้น
“ พี่ครับ นี่พี่จะทำอะไร!?” ผมว่าดิ้น แต่ไม่ทันแล้วผมถูกนำไปวางบนเตียงเรียบร้อยแล้ว
“ ทำหน้าที่สามี” พี่วุฒิตอบหน้าตาเฉย
“ ผมยังไม่ได้........” ผมว่าตีไหล่พี่วุฒิพี่ที่อยู่เหนือตัวขึ้นไป
“ ยังไม่ยกโทษให้ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือ” พี่วุฒิตอบแทรกไม่ทันให้ผมพูดจบ หน้าตาเฉยอีก
“ แต่ผมถือ!” ผมพูด
“ ...........................................”(พี่วุฒิ)
“ ..................” ผมหน้ามุ่ย พี่วุฒิก้มลงจูบหน้าผากผมเร็วๆก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามอง
“ ก็ได้ เดี๋ยวรอสัก 5 นาที”
“ รออะไรครับแค่ 5 นาที” ผมว่าดิ้น พี่วุฒิเลยนอนลงกอดผมแล้วกอดผมเต็มๆแทน
“ รอ10 นาทีไม่ไหวเลยต้องรอ 5 นาที”
“ พี่บ้า!” ไม่รู้สรรหาคำมาพูดเอาคำว่าบ้านี่แหละ เหมาะดี เพราะพี่วุฒิทำอะไรไรไม่มีที่มา บางที่อารมณ์ก็ขึ้นๆลงๆเดาใจไม่ถูก
“ ฮ่าๆๆ” พี่วุฒิหัวเราะ ก่อนที่จะหันมาจ้องผมแทน
“ พี่คนบ้า!!”
“ ถ้าว่าพี่บ้าจริงๆพี่ทำอะไรอย่าถือสาพี่เลยนะ” อยู่ๆพี่วุฒิก็พูดจริงจังขึ้นมา คงจะหมายถึงเรื่องคราวที่แล้ว
“ ก็ ……ต้องดูก่อน” ผมบอกเสียงเบาไม่ได้ตอบถึงเรื่องคราวนั้นไม่อยากคิดถึงเรื่องคราวนั้นอีก
คิดว่าฝันไป แต่บางอย่างมันตอกย้ำว่ามันคือเรื่องจริง
หรือว่าผมยึดติดกับเรื่องคืนนั้นมากเกินไป แต่ผมว่าก็ไม่ เป็นใครที่เจอเหมือนผมก็ต้องจำไม่ลืม
* * * *
ตื่นเช้าผมไปโรงเรียนเหมือนเมื่อวาน โดยมีพี่วุฒิไปส่งแต่วันนี้พี่วุฒิเรียนถึง 5 โมงเย็นเลยจะให้คนที่บ้านมารับ ผมบอกว่าไม่ต้อง พี่วูฒิก็ดูโมโหขึ้นมาผมไม่อยากมีปัญหาก็เลยตามใจพี่วุฒิ
ตอนเลิกเรียนผมออกมารอที่หน้าโรงเรียนตามปกติ(หลังจากทำความสะอาดเขตรับผิดชอบแล้ว) แต่ว่าคนที่มาเป็นพี่แบงค์ พี่เขาเดินมาหาผม
“ .....................” พี่แบงค์เดินมาหยุดตรงหน้าผม ซีซี่เดินไปกระแซะพี่แบงค์
“ จุม”
“ พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ผมถาม
“ พี่ไม่มีอะไร มาหาจุมไม่ได้เหรอ?”
กริ้งๆ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดัง ผมรีบรับทันที
“ คุณจุมครับ ผมลุงใบ รอคุณจุมอยู่หน้าโรงเรียนตอนนี้คุณจุมอยู่ไหนครับ?” คงเป็นคนที่จะมารับผม ตามที่วุฒิบอก
“ ครับลุงใบ อยู่หน้าโรงเรียนเลยครับ” ผมบอกมองหาลุงใบ เห็นคนอายุราว 50 กำลังยืนหันซ้ายแลขวาข้างรถเบนต์สีดำที่ไม่ไกล ผมเลยโบกมือ
“ ผมโบกมือให้ลุงใช่ไหมครับ?” ผมถาม
“ ใช่แล้วครับ”
“ ถ้างั้นเดี๋ยวผมเดินไปหานะครับ” เมื่อผมบอกลุงใบแล้วก็กดวาง พี่แบงค์ยังเอาแต่จ้องผม ทำให้ผมทำตัวไม่ถูก
“ พี่ครับเดี๋ยวผมต้องกลับบ้าน มีคนมารับแล้ว ” ผมบอกพี่แบงค์และบอกพวกจักรก่อนที่จะเดินออกมา
ผมไม่รู้ต้องทำตัวยังไง จะให้ทำตัวเป็นปกติ ก็กำลังพยายามทำอยู่
“ จุม พี่ไปส่ง” เสียงพี่แบงค์บอกข้างหลัง ผมหันกลับไป
“ ...............”
“ ได้ไหม” น้ำเสียงสั่นเครือ
“ ถ้าพี่วุฒิรู้ พี่เขาต้องไม่พอใจและอาจจะโกรธพี่นะครับ” ผมบอกสงสารพี่แบงค์
“ พี่แค่อยาก..............เลวบ้าง พี่ยอมหากเลวได้ใกล้ชิดกับจุมแม้เล็กน้อยก็ยังดี เพราะตอนนี้หัวใจพี่มันดื้อด้านตัดใจไม่ได้”เสียงที่ว่าสั่นเครือแล้วยิ่งสั่นเครือเข้าไปอีก
“คุณจุมครับ” ลุงใบเดินมาหาที่หยุดเดินระหว่างทาง ตอนนี้
“ อ้าวคุณแบงค์”
“ ลุงครับเดี๋ยวผมไปส่งจุมเอง” ลุงใบหันหน้ามาไม่พูด แต่เป็นเชิงถาม
“ ...............................” ผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิดที่พี่แบงค์จะไปส่งผม แต่ผมกลับคิดว่านั่นมันจะเป็นปัญหา
“ พี่แบงค์ขอบคุณนะครับ ที่จะไปส่งผม แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งเลย ไว้ให้พี่ปรับความเข้าใจกับพี่วุฒิได้ก่อนเถอะครับ” ผมบอก เดินนำลุงใบไปรถ
“ จุม” พี่แบงค์ว่าดึงมือผม
“ พี่ครับ” ผมไม่ได้หันกลับไป
“ ให้โอกาสพี่เหมือนที่ให้ไอ้วุฒิไม่ได้หรือไง จุมก็ไม่ได้ชอบมันแล้ว พี่ไม่มีสิทธิ์ใช่ไหม หรือว่าเพราะเป็นพี่..จึงไม่ได้รับโอกาสนั้น” ลุงใบเดินไปรอผมในรถเหมือนต้องการจะให้ผมพูดกับพี่แบงค์ให้จบ
“ ...................”
“ พี่ถามตัวเองว่า พี่มีอะไรที่แตกต่างกับไอ้วุฒิ จุมถึงไม่ยอมให้โอกาสพี่ คิดเท่าไรพี่ก็คิดไม่ออก ถ้าจะบอกว่าจุมเป็นเมียไอ้วุฒิแต่จุมบอกเองว่าไม่ใช่ งั้นก็พี่จีบจุมก็ได้...”
“ แต่พี่เป็นเพื่อนพี่วุฒิ” ผมบอกหันกลับไปหาพี่แบงค์ แล้วดึงมือตัวเองกลับ มองหน้าพี่แบงค์ที่ทั้งเหนื่อยล้าและเหมือนเจ็บปวดได้แค่แป๊บเดียวก็หันไปมองถนนแทน เพราะทนมองไม่ได้
“ พี่เลยต้องตัดใจ ใช่ไหม?”
“ ...................” ผมไม่ตอบ
“ พี่คิดว่าทำไมพี่ไม่เลวกว่านี้จะได้ฉุดจุมไปเก็บไว้ไม่ให้ใครเห็น จะได้ข่มขืนจุม จะได้กอดจุม เหมือนอย่างที่ไอ้วุฒิมันทำ เผื่อว่าพี่อาจจะสมหวัง จุมจะได้เปรียบเทียบว่าใครเลวกว่ากัน ...” ยิ่งพูดสีหน้าพี่แบงค์ก็ยิ่งเหมือนกำลังเจ็บมากขึ้นราวกับว่าคำพูดนั้นกำลังเสียดแทงตัวพี่เขาอยู่
“ พี่ครับ อย่าพูดอีกเลย พี่ที่เป็นพี่แบบนี้ดีแล้ว” ผมบอก
“ ไม่ดีหรอก”
“ ดีสิครับ พี่ดูอบอุ่น แข็งแรง ผมอยากมีพี่ชายแบบนี้ ผมว่าเรามาเป็นพี่น้องกันเถอะครับ”
“ พี่ไม่อยากเป็นพี่ชาย พี่อยากเป็น ...”
“ ..............” จุกด้วยคำพูด
“ ไม่ต้องคิดมากหรอก พี่ก็แค่คนเลวที่มันคิดไม่ซื่อ เอาแต่ใจตัวเองที่ยัดเหยียดความรู้สึกตัวเองให้จุมรับรู้พี่รู้ตัวว่าผิด แต่กลับอยากผิดมากกว่าเดิม...............”
“ ........................ผม ไม่รู้ว่าพี่เห็นอะไรในตัวผม ถึงได้ชอบผม”
“ ไม่ได้ชอบ พี่รักจุม”
“ครับ” ผมพูดได้แค่นั้น ก้มหน้ามองรองเท้าตัวเอง
“ แค่เป็นจุม ก็เพียงพอที่จะรักแล้ว....พี่รักนัยน์ตาซื่อๆของจุม พี่รักนิสัยของจุม พี่รักที่เป็นตัวจุม ถึงแม้ตอนนี้แรกจะแค่สงสารแต่ตอนนี้รัก
มาก ” พี่แบงค์บอกเน้นพยางค์สุดท้าย
“ พี่ ผมตอบรับความรู้สึกพี่ไม่ได้” เสียงผมแผ่วเบาโดยอัตโนมัติ
“ ..............................” ผมที่ก้มลงนอกจากจะมองเห็นปลายรองเท้าตัวเองก็ยังเห็นปลายรองเท้าพี่แบงค์ตอนนี้เท้าพี่แบงค์ขยับถอยออกไป 1 ก้าวก่อนที่หันกลับไปอีกทาง ผมเงยหน้าขึ้น มองเห็นแผ่นหลังพี่แบงค์ที่กำลังเดินไป ผมจ้องมองมองแผ่นหลังที่โดดเดียว..
ผมเสียใจที่เรื่องมันป็นแบบนี้
พี่แบงค์เอามือขึ้นมากด 2 สามครั้ง แล้วยกเอาขึ้นแนบหู
กริ้งๆ โทรศัพท์ผมดัง เอาขึ้นมาดูคนที่โทรมาคือ พี่แบงค์! ?
“ .....................”
ผมกดรับ แต่ไม่รู้จะพูดว่าอะไร
“ พี่จะรอโอกาส รอจุม ...”
“ .......................” (ผม)
“เลวได้แค่รอ พี่ ขอ โทษ ที่ ตัด ใจ ไม่ ได้ ”
ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ ที่ไม่อาจจะรักพี่ได้
* * * *
ฉลอง 100,000 ลงอีกตอนเน้อ^^~
มากๆเจ้าค่ะ
เครดิตเพลง: youtube-อย่าเกลียดกันก็พอ aof pongsak (live concert) [อยากให้สนใจเสียงและเนื้อเพลง เลยไม่ให้เห็นหน้าจอเจ้าค่ะแต่ทำได้แค่นี้T^T]