บุพเพวายร้าย
4.
ร่างกายที่หวาดกลัวถูกสอดแทรกเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่ามันไม่ได้มอบแต่ความเจ็บปวด แต่บางครั้งความรู้สึกมันแผ่ซ่านไปทั้งร่างกาย เสียงที่ร้องไม่ออก ร้องไปก็ส่งไปไม่ถึง ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งได้รับการกำราบที่เจ็บปวด
อย่า!......... ได้โปรด“ อย่า!” ผมสะดุ้งตื่น ทั้งหอบใจหอบแรงๆบนเตียงในตอนบ่ายอีกครั้ง
ทั้งที่รู้ว่าแค่ฝัน แต่ก็ไม่อาจห้ามอาการสั่นกลัวของตัวเองได้ ต้องนั่งอยู่กับตัวเองอยู่นานกว่าร่างกายและจิตใจยอมเข้าใจว่าตอนนี้มันไมได้มีอะไรแบบนั้นแล้ว.....
วันนี้ผมต้องนอนแต่อยู่บนเตียง เพราะไข้ขึ้นสูงมาก โดยแม่ต้องแลกเวรกับเพื่อนอยู่ดูแลผม แต่ตอนบ่ายๆแม่ก็ออกไปข้างนอก
ตอนนี้ไข้ก็ลดลงมากแล้ว แต่อาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวยังคงมีอยู่ เวลาเดินเข้าห้องน้ำก็เดินอย่างระมัดระวังเกาะโน่นเกาะนี่ไปด้วยเพราะบาดแผลเบื้องล่างไม่หายไปในวันเดียวถึงจะกินยาทายาแล้วก็ตาม
แม่บอกว่าดีที่วุฒิใส่ถุงยาง แต่ก็อยากให้ผมไปตรวจที่โรง-บาล แต่ผมไม่ไป แล้วแม่ก็ให้ผมกินยาหลายเม็ดซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ายาอะไรบ้าง
พลันสายตาก็มองไปเห็นตะกร้าสีเขียวข้างตู้เสื้อผ้า ในตะกร้ามีเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ผมใส่มาเมื่อคืน ผมหลับตาลงพยายามหลบภาพ หลบความทรงที่เกิดขึ้นแต่มันไม่หายไป กลับชัดเจนขึ้นอีกด้วย
ทั้งหน้าที่วุฒิ ทั้งความรู้สึกเสียวซ่านจาการสัมผัส ทั้งเสียงครางของพี่วุฒิและเสียงของผม ที่มีเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดแทรกเข้ามาด้วย
ข้อมือของผมมีผ้าก็อตสีขาวพันอยู่ทั้ง 2 ข้างผมอยากจะกระชากมันทิ้งไปแล้วทำเหมือนมีอะไรเกิดขึ้น แต่ผมทำไมได้
“ ฮือๆ” ทำไมมันต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย
ทำไมพี่วุฒิต้องทำแบบนี้กับผม ทำไมไม่ปล่อยเพ้อเจ้อไปคนเดียว
ผมเกลียดตัวเอง....ผมสกปรก...........
ผมเจ็บปวดกับความการกระทำของเขาแต่ก็สุขสมในคราวเดียว
“ ฮือๆๆ” ตอนนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าน้ำตา ถึงแม้น้ำตามันทำให้ผมดูอ่อนแอ
ถ้าทุกอย่างเป็นความฝันก็คงดี แล้วผมก็ไปโรงเรียนเหมือนเดิม ตอนเที่ยงกินขนมเรื่อยเปลื่อย เข้าห้องสมุดไปเพื่อหลับกับธีและบันบัน ตอนเย็นไปซ้อมบอล บางครั้งก็หลอกการบ้านเพื่อน เมื่อใกล้สอบก็เตรียมตัวอ่านหนังสือ และมีความสุขกับการได้มองพี่วุฒิอยู่ห่างๆ ........
“ ฮือๆๆ” ผมจะลืมมันได้ไหม ผมอยากลืมเหลือเกิน
ก็อกๆ
เสียงเคาะประตูทำให้รู้สึกตัวรีบเช็ดน้ำตาให้เหือดแห้ง คงเป็นแม่ ผมคงอยู่กับตัวเองมากเกินเลยไม่ได้ยินเสียงรถ
“ ครับ แม่”
แกร๊ก ประตูเปิด แต่เป็นธีกับบันบันเข้ามา
“ ธี บันบัน?” ผมแปลกใจที่ 2 คนนี้มา ไม่ยักจะโทรบอกก่อน
“ ............” ธีกับบันบันเข้ามาก็จ้องผมไม่วางตา ผมคิดถึงเรื่องถึงเมื่อคืนก็หลบสายตาเบือนหน้าไปอีกทางทันที สายตาที่มองผมเหมือนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ จุม เมื่อคืนโทรหาทำไมไม่รับ รู้บ้างดิคนเขาเป็นห่วง”บันบันบอกนั่งบนเตียงข้างตัวผม ส่วนธียืนอยู่ข้างๆ
“ .......................เมื่อคืนไปไหนมา ...” ธีถามผมเสียงแข็ง
“ ...........................” ผมจะตอบว่าอะไรดี ขอร้องล่ะอย่าเพิ่งถามอะไรเลยแม้แต่ผมก็ยังสับสน
“ ธี กรู...”
“ เมื่อเช้าแม่มรึงโทรหากรูและถามเรื่องพี่วุฒิ...” บันบันบอก เอามือลูบรอยช้ำที่หน้าผม แม้บันบันคิดว่าจะไม่ทำให้ผมเจ็บแต่ผมก็ร้องโอ๊ย เพราะมันบวมและเจ็บมาก
“ .....!!!” แม่ถามเรื่องพี่วุฒิ ทำไม??!!!
“ ธี ออกไปข้างนอกก่อนไป เดี๋ยวกรูถามมันเอง” บันบันสั่งคนตัวโต ตอนแรกธีก็เดินวนไม่ยอมออกไปแต่พอบันบันสั่งครั้งที่ 2 ก็ยอมออกไปโดยดี
“ จุม...กรูรู้ว่ากิดอะไรขึ้น ถึงป้าจันทร์ไม่ได้เล่าหมด แต่กรูดูสภาพมรึงออก”
“บันบัน” ผมโผเข้ากอดมัน สับสน เศร้า เสียใจ “ ฮือๆ”
“ มรึงไม่ได้ยอมพี่เขาใช่ไหม?” ผมพยักตอบทั้งที่หน้าอยู่บนไหล่เล็กๆของบันบัน
“ ไอ้ธีมันหัวเสียมาก ว่าจะไปเอาเรื่องไอ้พี่วุฒิ แต่กรูห้ามมันไว้ นี่ล่ะพวกกรูถึงได้มาจนบ่าย ต้องรอให้ไอ้ธีมันใจเย็นก่อน”
“ พี่วุฒิ เขาโทรหากรูตอนที่พวกมรึงกลับไปแล้ว กรูก็ออกไปนึกว่าพี่อาจจะสนใจกรู นึกว่าเขาจะชอบกรู แต่เขาสนใจร่างกายกรู ...ฮือๆ บันบันพี่วุฒิเขาทำแบบนี้กับกรูทำไม กรูชอบเขามากมรึงก็รู้....”
“ .................” บันบันไม่ออกความเห็นเพราะมันเองก็คงไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่เอามือลูบแผ่นหลังผมไปมา
“ บันบันกรูเสียใจ พี่เขาข่มขืนกรู ...”
“ ก็มันเชี่ย มรึงอย่าไปสนใจ ตอนนี้มรึงอยากร้องไห้มรึงก็ร้องเลย ร้องให้พอ ร้องให้ความเสียใจมันหมดไป ขอให้มรึงรู้ก็พอว่ามรึงยังมีเพื่อน คือกรูกับไอ้ธี และป้าจันทร์ที่รักมรึงก็พอ”
“ ฮือๆ” ผมเอาแต่ร้องไห้จริงๆนั้นแหละ แต่ความเสียใจมันไม่มีท่าทีจะลดลงเลย และผมเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็เย็นมากแล้วแม่นั่งอยู่บนเตียงตรงที่บันบันเคยนั่ง แม่บอก ธีกับบันบันเพิ่งกลับไป
“ แต่งตัว เดี๋ยวแม่จะพาไปข้างนอก” แม่บอก ผมสังเกตเห็นเสื้อที่พับไว้ตรงหัวเตียง แม่คงเตรียมไว้ให้
“ ไปไหนครับ?” ผมถามลุกขึ้นพอเท้าเหยียบพื้นเซเล็กน้อย แต่แม่ก็เข้ามาพยุงผมทั้งที่แม่ตัวเล็กกว่าผมตั้งเยอะ
“ ไปถึงก็รู้เอง” แม่บอกผม มีลับลมคมในทั้งที่แม่ไม่ใช่จะพูดเล่นแบบนี้ ผมเลยเดินเข้าห้องไป อาบน้ำและใส่เสื้อยืด กับกางเกงยีนต์ที่แม่เตรียมไว้ให้ เลือกกางเกงยีนต์ตัวโปรดผมส่ะด้วย
ไม่ถึง 40 นาทีร่วมเวลาผมกินข้าว กินยา แล้ว ผมก็มานั่งในรถโตโยต้าสีบอร์นของพวกเราโดยที่แม่ไม่บอกว่าจะพาผมไปไหนเหมือนเดิม รถเก่งคันนี้เป็นคนที่แม่ขับไปทำงานทุกวันครับ และไปรับไปส่งผมถ้าไม่ตรงกับวันแม่เข้าเวร แต่วันไหนแม่เข้าเวร ผมเดินไปขึ้น BTS และเดินต่อไปจนถึงโรงเรียน แต่บางทีก็นั่งรถเมล์ไปเพราะรถเมล์ถึงหน้าโรงเรียนเลยแต่รถติดมาก ผมเลยเลือก BTS และเดินต่ออีกนิดหน่อยดีกว่า
แม่ขับรถไปไกลมากเลยครับ ไปจนถึงแถบชานเมืองซึ่งตอนนี้ด้านนอกมืดแล้ว เลยมีแต่แสงไฟจากตึกราบ้านช่อง และจากเสาไฟฟ้า
“ .....................” แม่ไม่บอก ผมก็ไม่กล้าถาม เพราะถ้าแม่จะบอกก็คงบอกไปแล้ว
แล้วแม่ก็ไปจอดรถหน้าบ้านหลังหนึ่ง หลังใหญ่เปิดไฟสว่างมาก ผมไม่รู้เหมือนกันว่าบ้านใคร ผมไม่เคยมา
แม่ใช้ให้ผมไปกดกริ่ง ผมก็ทำตามไม่นานประตูก็เปิด ให้แม่ขับรถเข้าไป ในรั้วบ้านมีเนื้อที่กว้างขวางคงเป็นพวกคนรวย ถึงได้มีบ้านหลังใหญ่โต และสวนสวย มีไม้ดอกไม่ประดับที่จัดสรรอย่างดูดี แม้ในตอนกลางคืนแบบนี้
แม่ขับรถเข้าไปจอดและบอกว่ามาพบคุณวชิระ สาวใช้ก็บอกให้เข้าไปได้เหมือนแม่นัดไว้แล้ว ผมกับแม่ถูกพาไปห้องรับแขกหรูหรา พร้อมกับเสริฟ์อาหารว่างเป็นคุกกี้ชิ้นเล็กๆกับน้ำเย็นๆ สาวใช้คนเดิมถามพวกผมว่าจะเอาอะไรอีกไหม แม่หันมาถามผมด้วย ผมบอกว่าไม่เอา สาวใช้เลยปล่อยให้พวกเรานั่งอยู่ตามลำพัง
“ แม่บ้านใคร?” ผมถามรู้สึกว่าตัวเองอยู่ไม่ถูกที่ถูกทาง
“ บ้านคุณวชิระ...................” แม่ตอบ
“ แล้วเรามาที่นี่ทำไม?” ผมถามอีก หันซ้ายหันขวาเห็นสาวใช้คนเมื่อกี้แอบมองผมกับแม่ พอผมมองเห็นก็หายวับเข้าไปด้านใน
“ อย่าเพิ่งถาม จุม นั่นไงคุณวชิระมาแล้ว” แม่บอกพร้อมยืนขึ้น และผู้ชายตัวสูงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวเดินเข้ามาพร้อมผู้หญิงที่สวยมากๆแต่ดูหยิ่งๆ พวกเขา 2 คนดูผู้ดีตั้งหัวจอดเท้า
“ สวัสดีค่ะ ดิฉันคนที่โทรมา และนี่ลูกชายของดิฉัน ชื่อจุม”
“ สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ และผมก็นั่งลงพร้อมทุกคน ผมรู้ได้เลยว่า คุณวชิระและผู้หญิงคนนั้นจ้องมองผมตาไม่กระพริบ จ้องดูตั้งหัวจดเท้า
“ ครับ และนี่แพรพลอยภรรยาผม ส่วนตาวุฒิกำลังเดินทางมา”
วุฒิ ผมหันไปมองมองหน้าแม่....เต็มไปด้วยคำถามากมาย
วุฒินี่คงไม่ใช่พี่วุฒิใช่ไหม?
คำถามไม่ต้องรอให้แม่ตอบ เสียงเบรกรถด้านนอกเสียงดังจนแสบแก้วหู แล้วก็มีผู้ชายเดินฉับๆเข้ามา
“ พี่วุฒิ...” ผมพูดเสียงไม่ออกจากลำคอ
“ นี่มันเรื่องอะไร!!!” พี่วุฒิถามเสียงดังหันมาทางผม ทั้งที่ผมต่างหากว่านี่มันเรื่องอะไร
“ แล้วแกไปทำอะไรไว้ล่ะ” คุณวชิระพูดขึ้นไม่ได้สะทกสะท้าน ส่วนคุณแพรพลอยหันมาจ้องผมอย่างเดียว
“ ทำอะไร ไม่ได้ทำอะไรเลย” พี่วุฒิพูด เสียงอ่อนลง นั่งลงข้างคุณแพรพลอย
“ ฉันปล่อยแกมามากแล้วนะวุฒิ ...”
“ อะไร !” พี่วุฒิพูดตั้งท่า
“ วุฒิ จะให้คุณแม่กับคุณพ่อ พูดจริงๆใช่ไหมว่าลูกทำอะไร?” คุณแพรพลอยถาม
“ ....................” พี่วุฒิไปได้ตอบครับ แต่หันมาทางผมสายตาเกรี้ยวกาจแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาก
“ มาทำไม!!” พี่วุฒิถามผมแน่นอนไม่ใช่ใครอื่น
“ ผมไม่ได้ตั้งใจจะมา..”
“ โกหก!!” พี่วุฒิไม่รอให้ผมพูดจบด้วยซ้ำ ท่าทางเขาจะเข้ามาทำร้ายผมด้วยซ้ำถ้าไม่มีแม่ผม พ่อแม่เขา
“ ที่พวกเรามาก็จะมาถามว่าจะรับผิดชอบจุมยังไง” แม่ผมพูดขึ้นบ้าง เสียงดังกว่าการพูดโดยปกติของแม่ แต่ก็นุ่มนวล
นี่แม่ผมจะทำอะไรกันแน่
“ รับผิดชอบอะไร?”
“ รับผิดชอบที่.....”
“ แม่ครับ เรากลับเถอะครับ” ผมบอกเขย่าแขนแม่เป็นการกระตุ้น ไม่ให้แม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ ผมเหมือนตัวประหลาดที่ทุกคนกำลังจับจ้อง ทั้งพี่วุฒิที่มองผมอย่างรังเกลียด
“ รับผิดอะไร ในเมื่อสนุกกันทั้ง 2 ฝ่าย”
“ ตาวุฒิ!!” คุณวชิระขึ้นเสียง
“ ก็มันจริง อย่าบอกนะจะให้ผมรับผิดชอบเหมือนกับที่รับผิดชอบผู้หญิง” พี่วุฒิว่ายิ้มอย่างดูถูกมาที่ผม นั่นทำให้น้ำตาที่กลั้นไว้ของผมร่วงอาบแก้มลงมา
“ แม่ครับ แม่ครับเรากลับกันได้ไหม?” ผมถามแม่นั่นคือการขอร้อง
ขอร้องให้ผมไปจากที่นี่
ผมไม่ได้ต้องการให้พี่วุฒิรับผิดชอบ ผมต้องการให้ทุกอย่างมันจบดี๋ยวนี้
“ อย่าเพิ่งกลับเลยหนูจุม คุยกันให้รู้เรื่อง”คุณแพรพลอยบอกผมท่าทางหยิ่งๆลดลง หน้าตาบอกว่ากำลังสงสารผม แต่ผมไม่ต้องการให้สงสาร!
“ ไม่ครับ ผมจะกลับบ้าน”
“ แล้วมาตั้งแต่แรกทำไม? หวังอะไรอยู่คนอื่นเขาดูกันออกหมดแล้ว” พี่วุฒิพูดหมายถึงอะไรผมไม่รู้
“ ขอโทษนะค่ะที่เรา 2 แม่ลูกมารบกวน และพวกเราก็ขอตัวกลับก่อน เพราะสิ่งที่พวกเราต้องการดูเหมือนจะไม่ได้แล้ว” แม่บอกลุกขึ้น ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าสิ่งที่แม่พูดหมายถึงอะไร
“ เดี๋ยวก่อนครับ” คุณวชิระเรียกผมกับแม่ที่กำลังยืนขึ้น
“ ผมไม่ข้องใจว่าลูกผมทำอะไรกับลูกชายคุณ เพราะงั้นพวกเราจะรับผิดชอบแน่นอน ถึงลูกของคุณจะไม่ใช่ผู้หญิงแต่เขาก็ถูกทำร้ายจิตใจและร่างกายไม่ต่างกัน...”
“ ไม่ต้องหรอกค่ะ เรา 2 คนเข้าใจแล้ว” แม่ดึงแขนผมให้เดินตามท่าน
“ อย่าเพิ่งไปเลยค่ะ ดิฉันเชื่อว่าที่วุฒิทำไปต้องมีเหตุผลแน่ ให้เด็กๆเขาคุยกันก่อนเถอะค่ะ” คุณแพรพลอยอ้อนวอนแม่ แล้วหันมามองผม ก่อนที่จะถามว่า “ จุมว่าไงลูก..”
ส่วนผมส่ายหน้าตอบว่าไม่มีอะไรจะคุย
“ คุยก็ได้ ไม่เห็นเป็นไร”พี่วุฒิพูดพร้อมเข้ามาจับมือผม
“ นี่แกจะทำอะไรวุฒิ!”
“ พาไปคุย” พี่วุฒิตอบแล้วดึงแขนผมให้เดินตาม ทั้งที่ผมพยายาแก้มือแข็งๆนั้นออกแต่พี่วุฒกลับยิ่งกลับแน่น และทับรอยแผลเดิม
“ จุม” แม่ผมพูดด้วยความตกใจจะตามมาแต่ถูกคุณแพรพลอยรั้งไว้ ผมเลยถูกพี่วุฒิพามาอีกห้องหนึ่ง
“ ต้องการอะไรกันแน่!”พี่วุฒิถามและปล่อยมือผมราวกับขยะแขยง
“ ผมไม่ต้องการอะไร ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่พาผมมาบ้านพี่” ผมอธิบายเอามือลูบข้อมือที่ผ้าก็อดพันอยู่
“ เหรอ...จะบอกว่าแม่มรึงเป็นคนจัดการทุกอย่าง..หรือไง!!”
“ ......................”
“ ตอแหล่ เขาจะมาได้ยังไง ถ้าไม่มีคนฟ้อง!” พี่วุฒิพูดแล้วเดินเข้ามาหาผม ผมถอยหลังกรูเข้าผนัง รู้สึกเหมือนบรรยายเมื่อคืนมันกลับมาหลอกหลอน
“ ............................”
“ เงียบทำไม กรูพูดถูกใช่ไหมล่ะ เจริญล่ะเคยเห็นแต่ผู้หญิงไล่จับผู้ชาย แต่นี่ผู้ชายไล่จับผู้ชาย”
“ ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้จะจับพี่...” ผมบอก
“ โกหก!!” พี่วุฒิว่ากระแทกไหล่ผมกับผนังห้อง ผมกลัวจนลนลานแต่ร่างกายกลับไม่ยอมขยับปกป้องตัวเอง
ผมกลัว
“ พาแม่มาบอกให้กรูรับผิดชอบถึงบ้าน แบบนี้ไม่เรียกว่าไล่จับ จะเรียกว่าอะไร หรืออยากเงินจะเอาเท่าไรล่ะว่ามา”
“ ไม่ครับ ไม่เอา” ผมบอกส่ายหน้าไปด้วย
“ ทำไม ไม่เอาเงิน แต่จะเอากรูว่างั้นเหอะ” พี่วุฒิว่าโน้มใบหน้าเข้าแทบชิดหน้าผม
“ ไม่ครับ” ผมผลักพี่วุฒิเต็มแรงแล้วจะวิ่งออกไปหาแม่ข้างนอก แต่พี่วุฒิกระชากแขนผมกลับไป แล้วอาศัยจังหวะผลักผมลงๆไปกองกับพื้น
“ อย่าเล่นบทนางเอก เพราะมรึงไม่ใช่!”
“ ผมจะกลับบ้าน และจะไม่มาที่นี่อีก” ผมบอกคำที่คิดว่าพี่วุฒิจะพอใจ แล้วพยายามยืนขึ้นแต่ก็ทรุดลงหลายครั้ง แรงกระแทกกับพื้นเมื่อครู่ทำให้ก้นระบมทับรอยเก่า แต่ก็ยืนขึ้นมาได้แม้จะโงนเงนก็ตาม
“ กรูไม่เข้าใจมรึงจริงๆมาบอกให้รับผิดชอบ และก็จะกลับไป บอกว่าไม่ต้องการอะไร แล้วมรึงมาทำไม!!!”
“ .........................” ผมก็ไม่รู้เหมือนกันไม่รู้ว่าแม่มาผมมาที่นี่ทำไม จึงไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี
“ หรือมรึงจะติดใจกรู ก็เห็นครางตลอดเลยนิ” พี่วุฒิว่า ซึ่งทุกคำล้วนแต่ดูถูกผมทั้งนั้น แต่ผมจะไม่โต้ตบ เพราะผมรู้ว่าพี่วุฒิกำลังโกรธที่ผมมาที่นี่ คิดว่าผมมาเพื่อที่จะต้องการอะไรจากเขา
“ ......................................”
“ ติดใจขนาดมาขอถึงบ้าน สนองเลยแล้วกัน” พูดจบพี่วุฒิก็ดึงตัวผมเต็มแรงจนผมกระแทกกับอกแข็งๆพี่วุฒิอย่างแรง ตามด้วยริมฝีปากพี่วุฒิบดขยี้ริฝีปากจนเจ็บไปหมด ผมทั้งผลักทั้งดันให้พี่วุฒิปล่อย แต่แรงคนป่วยอย่างผมย่อมไม่ช่วยมากนัก ต้องยอมให้พี่วุฒิจูบพอใจ น้ำตาอุ่นๆผมไหลอาบแก้มลง สมเพชตัวเอง
“ อึ้ก อือ..!!” พี่วุฒิบีบคางผมจนปวดไปหมดจนผมต้องยอมให้พี่วุฒิพาลิ้นตวัดเข้ามา นานแสนนานสำหรับผมกว่าที่พี่วุฒิจะปล่อยให้ผมได้หายใจ แต่ปากก็ถูกประกบอีกครั้งเสื้อยืดถูกถลกขึ้นจนเอวเปล่าโล่ง พร้อมๆกับมือร้อนนวลเฟ้นรุนแรงบนอก
“ อือๆ” ถึงแม้พี่วุฒิจะทำรุนแรงอย่างดูถูกแต่ด้วยความชำนาญจนกลืนเรี่ยวแรงผมจนแทบยืนไม่ไหว
“ ก็แค่เนี่ยะ” พี่วุฒิว่าน้ำเสียงดูกถูกไม่ต่างจากการกระทำ ผลักผมออกห่างจากตัว
“ ร่านก็บอกดิ จะสนองให้” พี่วุฒิว่าดันร่างผมให้ถอยหลัง จนชนผนังห้อง ก่อนที่จะมือไปไปบีบเน้นสะโพกผ่านกางเกงยีนที่ผมใส่อยู่ ผมรู้ว่าพี่วุฒิต้องไปหยุดแค่นี้แน่
ผมไม่อยากรับรู้ความเจ็บปวดที่เหมือนร่างกายจะฉีกออกเป็นชิ้นอีกแล้ว ผมกลัว
“ อย่า ~!” ผมว่าทั้งดันใบหน้าพี่วุฒิที่อยู่ซอกคอผม แต่กลับถูกกัดที่คอหนักๆแทน
ผมจะต้องทำ !
ผมเริ่มผ่อนแรงตามที่พี่วุฒิต้องการ จนพี่วุฒิยิ้มที่มุกปาก คิดว่าผมคงจะยอมแล้ว แค่พี่เขาคิดผิด ผมผลักอกพี่วุฒิ แล้วตบหน้าตอบไปเต็มแรง
ผวักะ!
แรงตบผมดังกว่าที่ผมคิดมาก และรอยมือก็แดงขึ้นบนใบหน้าสีขาวจัดแทบจะทันที
“ นี่มรึงกล้าตบกรู!” พี่วุฒิว่าแทบไม่เชื่อว่าตัวเองถูกตบ ขณะที่ผมตัวสั่น ไม่คิดเช่นกันว่าตัวเองจะกล้าตบพี่วุฒิ
“เกิดอะไรขึ้น!” คุณวชิระวิ่งเข้ามา ตามด้วยแม่และคุณแพรพลอย
“ ผะผม....”
“ จุม เป็นอะไรลูก” แม่ถามผม แต่ผมกลับมองพี่วุฒิที่กำลังจ้องผมไม่วางตาเช่นกัน
“ จุม” พี่วุฒิคุกเข่าลง แล้วกอดขาผม
“ จุมพี่ขอโทษนะ” พี่วุฒิว่าเอาหน้าแนบกับกางเกงของผมแน่น “ จุมยกโทษให้พี่เถอะ พี่ขอร้อง”
“ นี่มันเรื่องอะไรกัน วุฒิ?” คุณวชิระ ถามเสียงแข็งจะลากตัวพี่วุฒิออก แต่เขาก็กลับมากอดขาผมได้ทุกครั้ง
เกิดอะไรขึ้นกับพี่วุฒิ!?
“ พี่วุฒิปล่อยเถอะครับ” ผมบอกพยายามถอยออกมา แต่พี่วุฒิก็ตามมากอดขาผมอีก
“ ไม่พี่ไม่ปล่อย จนกว่าน้องจุมจะยกโทษให้พี่”
“ .......................”
“ พี่รู้ว่าพี่ผิด แต่ทุกอย่างที่พี่ทำเพราะพี่รักจุม”
คำว่ารักที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน ได้แต่ตกใจทว่าไม่ดีใจหรือรู้สึกอะไรเลย
“ เพราะจุมทำให้พี่หวง และหึง พี่ขอโทษนะ”
“ วุฒิปล่อยน้อง เดี๋ยวนี้!!”คุณวชิระสั่งและมาดึงพี่วุฒิออกไป และผมก็วิ่งออกมาทันที
“ จุม!” เสียงแม่เรียกตามหลัง แต่ไม่ทำให้ผมหยุดได้
แม่ครับ ขอโทษครับ แต่ผมอยากกลับบ้านเรา
“ จุม?”
“ แม่ครับ เรากลับได้หรือยัง?” ผมถามน้ำตามันไหลอาบแก้ม ทั้งที่สั่งมันว่า อย่าไหล อย่าร้อง แต่มันไม่ฟังเลย เพราะผมมันอ่อนแอ
“ จ้ะ” แม่บอกแล้วพวกเราก็กลับบ้าน มาถึงบ้านผมก็เข้าห้องไปทันที
.
.
.....
ก็อกๆ
“ จุมให้แม่เข้าไปนะ” แล้วแม่ก็เปิดประตูเข้ามาหาผมที่นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง
“ ................................” แม่ทำแบบนี้ทำไมผมไม่เข้าใจ ทำเหมือนผมเป็นตัวตลกไล่จับผู้ชายทั้งที่ผมก็เป็นผู้ชายอย่างที่พี่วุฒิพูด
“ จุมโกรธแม่ใช่ไหม?” ผมส่ายหน้าตอบว่าผมไม่โกรธแม่ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไม?
“ ที่แม่พาจุมไปที่บ้านเขา เพราะแม่อยากได้ยินคำว่าขอโทษ เท่านั้นเองนะ แม่อยากรู้ว่าเขาป็นคนแบบไหนที่ทำกับจุมของแม่ได้”
“ .....................................”
“ แค่อยากให้เขาขอโทษจุม ให้เขารู้ว่าลูกของแม้ไม่ใช่ตัวอะไรที่เขาจะทำอะไรก็ได้...” แม่ผมพูดน้ำตาเอ่อดวงตาเศร้าๆ
“ แม่” คงเป็นผมอ่อนแอเอง แม่ถึงได้ทำแบบนี้
“ จุม โง่เองครับ เพราะงั้นปล่อยให้เรื่องนี้มันผ่านไปเถอะครับ” ผมบอกคิดอย่างนั้นจริงๆ เขาว่าชีวิตต้องสั่งสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ งั้นเรื่องนี้ก็เป็นประสบการณ์ของผมอย่างหนึ่ง ว่า อย่าได้ไว้ใจใครง่ายๆเพียงเพราะเรารู้สึกดีๆกับเขา ทั้งที่เราไม่รู้จักเขาเลย
แต่ถึงผมจะคิดแบบนั้น ในใจผมก็ไม่ไม่อาจจะเบาลงได้ เรื่องที่วุฒิพูดและทำที่บ้านเขา เมื่อกี้นี้ พี่เขาทำเพื่ออะไร ผมรู้ว่าเขาไม่ได้รู้สึก หรือคิดอย่างที่พูดจริงๆทั้งที่ผมตบหน้า และเขาก็มองผมอย่าจะกินเลือดกินเนื้อผม
พี่วุฒิทำแบบนั้นต้องคิดอะไรอยู่แน่ๆ แต่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือว่าผมจะคิดมากไป
“ แม่ เราอย่าพุเรื่องนี้อีกนะครับ” ผมบอกแม่ แม่หยักหน้าให้ผมพร้อมทั้งรอยยิ้มจางๆ บีบมือที่กุมมือให้ผมอุ่นใจ
“ จุมนอนเถอะ พรุ่งนี้ถ้าอาการดีขึ้น จะได้ไปโรงเรียน แต่ถ้าพรุ่งนี้จุมจะขี้เกลียดเป็นเด็กไม่ดี แม่จะยอมให้จุมขาดเรียนวันหนึ่ง”
“ ครับ” ผมยิ้มตอบแม่ให้สบายใจ แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะไปโรงเรียน จะไปโรงเรียนให้เหมือนปกติ ทุกอย่างมันจะเป็นเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากความรู้สึกที่ผมมีต่อพี่วุฒิเท่านั้นที่มันเปลี่ยนไป..
**********************************
อัพเร็วดั่งสายฟ้าแลบ (ฮา) เจ้าค่ะ