
บุพเพวายร้าย
19.
หลังพี่แบงค์กลับไปแค่แป้บเดียว พยาบาลก็เข้ามาพร้อมอาหารมือค่ำ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องพยาบาลก็จัดแจงเอาเลื่อนโต๊ะคร่อมเตียงให้ผมกินข้าวเองได้
พอผมกินข้าวได้ 3 คำ
“...........................”
“ ...!!?” ผมหันไปมองประตูที่เปิดออกโดยไม่มีเสียงเคาะประตูก่อน
พี่วุฒิอยางที่คิด เพราะคนที่เข้าห้องไม่เคาะมีพี่วุฒิคนเดียวเท่านั้น
“ ...................................” พี่วุฒิเข้ามาก็ไม่พูดไม่จา ผมก็ไม่กล้าถามเลยกินข้าวต่อ จนเมื่อผมกินอิ่มพี่วุฒิก็เดินมาเลื่อนโต๊ะออกไปราวกับว่ามันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ
6 โมงเย็นหมอมาตรวจผมยังมีไข้อยู่เหมือนเดิมลดลงแค่นิดเดียว
พี่วุฒิยังคงเอาแต่เล่นโน๊ตบุ๊ค ผมเลยเผลอจ้องพี่วุฒิไม่วางตา
ไม่รู้ว่ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่พูดอะไรเลย หรือว่ากำลังไม่พอใจอะไร
ผมสงสัย...?
ทำอะไร? หรือมีอะไรที่พี่วุฒิสนใจอยู่ในโน๊ตบุ๊ค?
ควับ!
พี่วุฒิหันมาจ้องผมเขม็ง โดยที่ผมหลบยังไงก็ไม่ทัน
“ มองอะไร?”“ ปะเปล่าครับ” ผมบอก แต่พี่วุฒิเดินมาหาผมแล้ว
ไม่น่าเลยผม
“ เอาดิ”
“ เอาอะไรครับ?” ผมถามไม่เข้าใจสิ่งที่พี่วุฒิบอกว่าให้เอา
“ มองกรูไง”
“ ?”
“ กรูเห็นมรึงจ้องกรูได้จ้องเอา กรูเลยเดินมาให้มองใกล้ๆจะได้เห็นชัดๆ” ผมก้มหน้าลง อายครับอายจนหน้าร้อนผ่าวเลย หมายความว่าพี่วุฒิรู้ตั้งแรกว่าผมมอง
“ ก้มทำไม” พี่วุฒิพูดพร้อมเอามือทั้ง 2 ข้างประครองหน้าผมให้เงยหน้าขึ้น
“ ...............................”
สั่น“ เป็นไงเห็นหน้ากรูชัดไหม? ผัวมรึงหล่อใช่ไหมล่ะ...” พี่วุฒิถาม ผมพยายามจะก้มหน้าลงแต่พี่วุฒิไม่ยอม
“ พี่ครับ ปล่อยเถอะครับ” ผมขอร้อง
“ ปล่อยก็ได้ บอกมาก่อนกรูหล่อไหม?”
“ ..............................”
“หล่อไหม” เสียงพี่วุฒิเริ่มก้าวร้าวเพราะผมไม่ตอบ
“ ......................................ครับ...............” ผมตอบ แล้วพี่วุฒิก็ปล่อยจริงๆพร้อมทั้งเดินกลับไป แต่แล้วพี่วุฒิก็เดินกลับมาซึ่งขณะนั้นผมกำลังก้มตัวลงจะนอน
“ อ๊ะ ...อุ๊บ!?” พี่วุฒิประคองหน้าผมเหมือนเมื่อกี้แต่มันรวดเร็วมากทั้งยังจูบผมหนักหน่วงอีก ผมตกใจมากผมเลยพยายามดันพี่วุฒิออกไปแต่ทว่าจูบของพี่วุฒิก็ช่วงชิงพละกำลังและความกล้าของผมไป
“ ........................” ลิ้นร้อนของพี่วุฒิล่วงล้ำเข้ามา และสำรวจภายในอย่างชำนาญทำให้ร่างกายที่สั่นเพราะกลัว ตอนนี้เพิ่มสั่นสะท้านรวมเข้าไปด้วย
ตัวผมถูกตัวพี่วุฒิดันให้แนบกับเตียง โดยที่พี่วุฒิยังไม่ปล่อยริมฝีปากผมกลับยิ่งเมามันจนปากผมเริ่มเจ็บ มือที่เคยประครองหน้าเลื่อนต่ำลงลูบไหล้ร่างกายผมผ่านชุดโรงบาล ก่อนที่จะถึงชายเลื้อแล้วมือก็เข้าสัมผัสผิวหนังที่แท้จริง
“ อื-อ” ผมร้องในลำคอเตือนสติพี่วุฒิแต่ไม่เป็นผล เพราะพี่วุฒิโต้ตอบด้วยการนวลคลึงหน้าอกผมหนักหน่วงจนเรียกได้ว่ารุนแรง ผมได้แต่ส่งเสียงร้อง แต่มันไม่ได้เล็ดรอดออกมีเพียงเสียงครางในลำคอแคบๆเท่านั้น....
น้ำตาของผมที่ไหลออกมาไม่ได้ช่วยให้พี่วุฒิเห็นใจเลย ไม่มีเลย
“ ................................”
คงไม่รอดหรอกผม คราวนี้ก็เช่นกันตัวผมคงไม่รอดจากมือพี่วุฒิ
ผมไม่ต้องการ ไม่ต้องการ ทำไมถึงไม่มีใครช่วยผมเลย
ช่วยผมด้วย!
“ อือ” “ จุม” พี่วุฒิเรียกชื่อผมขณะกำลังเลียเล็ดใบหูผม ถึงแม้ปากผมจะเป็นอิสระแต่ผมร้องไม่ออกเหมือนปากมันกลายเป็นอัมพาดขยับก็ไม่ได้ มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่มันยังไหลเหมือนปกติ
พี่ครับ พี่วุฒิผมกลัวพี่เหลือเกิน.................ทำไมพี่ถึงทำกับว่าผมไม่มีหัวใจ ที่พี่จะทำอะไรกับผมก็ได้
“ ................................” ตาที่มันมีน้ำไหลออกมา มองเพดาน .........เพดานสีขาว......
มือพี่วุฒิไม่ได้อยู่บนตัวผมแล้ว แต่มือได้เลื่อยต่ำลง ต่ำลง......
มือพี่วุฒิจับน้องชายผม ร่างกายผมสะดุ้งเฮือก! ตัวเย็นซีด
ทุกอย่างมืดสนิท....
..
......
..
.
.
.
...... .........
..
คืนนั้นผมมารู้หลังจากตื่นว่าผมหมดสติ ขอบคุณร่างกายที่อ่อนแอที่ทำให้พี่วุฒิไม่ได้ทำอะไรผม ถึงแม้ว่าผมจะอยู่โรงพยาบาลนานขึ้นแต่พี่วุฒิก็ไม่ได้ทำอะไรผมอีก และวันนี้วันเสาร์ เป็นวันที่ผมจะได้ออกจากโรง-บาลแล้ว และที่สำคัญวันนี้แม่ผมออฟกะด้วยเลยไม่ต้องเข้าเวร ท่านเลยมาหาตั้งแต่เช้า และจะไปส่งผมที่คอนโดด้วย
“ วุฒิ ลูกไม่ลืมอะไรนะ” แม่ถามพี่วุฒิที่พายเป้ของใช้ส่วนตัว หิ้วตะกร้าของฝากทั้งนม ทั้งซุบไก่ที่ไม่ว่าจะเป็นคุณวชิระ คุณแพร พี่แบงค์ พี่ชนะมาครั้งไหนก็ต้องติดมาด้วยทุกครั้งจนเต็มห้องไปหมด ตอนแรกพี่วุฒิก็จะไม่เอากลับแต่แม่ผมเสียดาย เพราะพวกผมไม่ใช่คนรวยที่ชาตินี้ใช้เงินยังไงก็ไม่หมดอย่างพี่วุฒิ
“ ไม่ลืมครับ” พี่วุฒิบอกคว้าเอาของกินในถุงซึ่งเป็นผลไม้เป็นถึงสุดท้าย นี่เหลือจากที่แม่แจกพยาบาลไปแล้วนะครับ
“ พี่ครับ เดี๋ยวผมช่วย” ผมบอกจะเข้าไปช่วย เพราะดูแล้วพี่วุฒิพะรุงพะรังมาก แต่กลับถูกสายสายดุๆส่งมาแทนว่า ‘ไม่ต้องยุ่ง’ ผมเลยถอยออกมาเดินกับแม่เหมือนเดิม
รวมแล้วผมอยู่โรง-บาล อาทิตย์หนึ่งครับโรงเรียนก็ไม่ได้ไป วันจันทร์บันบันกับธีโทรมาวาผมทำไมไม่รับโทรศัพท์ นั่นเพราะพี่วุฒิเพิ่งเอาโทรศัพท์จากคอนโดมาให้ และยังถามว่าผมทำไมไม่ไปโรงเรียน ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับบันบันและธีเลย
อย่างที่คิดพอผมบอกว่าย้ายโรงเรียน 2 คนตกใจกันมาก อย่าว่าแต่บันบันกับธีเลยแม้แต่ผมเองยังตกใจ พอถามถึงสาเหตุผมตอบว่าย้ายไปโรงเรียนสาธิตมอพี่วุฒิ บันบันก็ไม่ถามอะไรอีก...ผมขอโทษบันบันและธีที่ไม่ได้บอก เพราะมีหลายเรื่องทำให้ผมลืมไป บันบันบอกว่าไม่เป็นไร แต่ผมต้องเลี้ยงไอศครีมเป็นการไถ่โทษ เสียงมันเศร้าอย่างเห็นได้ชัด เรื่องไอศครีมมันก็พูดไปอย่างั้นแหละ
ผมรับปากบันบันและธีว่าเดี๋ยวเสาร์อาทิตย์นี้ค่อยไปกินกัน และผมจะเลี้ยงหนังด้วย แต่ที่สำคัญกว่านั้นพวกเราจะได้เจอกัน
“ ................................” ตอนนี้รถจอดที่คอนโดแล้ว ผมนั่งข้างพี่วุฒิที่เป็นคนขับ แม่นั่งอยู่ข้างหลัง
แม่ออกไปรอข้างนอกและพี่วุฒิก็เปิดประตูไปช่วยแม่ขนของท้ายรถ แต่ผมไม่อยากขยับ ผมไม่อยากกลับมาที่นี่อีก ผมอยากจะไปอยู่บ้านกับแม่
“ ..............................” แม่ครับ ให้ความกล้ากับผมด้วย
แม่ครับ
พี่วุฒิเปิดประตูด้านผมนั่ง แล้วก้มลงเอาหน้าลงมา
“ เป็นอะไร ไม่ออกมา?” พี่วุฒิถามปกติแต่ผมกลับหวั่นเกรงเพราะผมกำลังจะพูดในสิ่งที่ผมคิด ผมว่าจะพูดตั้งแต่อยู่ที่โรงบาลแล้วแต่ไม่มีความกล้าพอ
แม่ครับ
“ ......................................”
“ เร็ว!” พี่วุฒิเค้นเสียง พร้อมทั้งดึงแขนผมออกมา
ทั้งเสียง ทั้งแรงบีบที่แขนทำให้ความกล้ามันลดลงแต่ความกลัวมันมากขึ้น
“ จุมเป็นอะไรลูกหน้าซีดเชียว หรือไข้ขึ้นอีก” แม่ถามผมขณะที่เดินเข้าลิฟท์ด้วยกัน
“ ............................................” ผมส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร
ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วครับ แต่ผมไม่กล้าพูด
พี่วุฒิกุมมือผมอยู่ตลอดทำให้ผมคิดว่า ผมไม่มีทางหนีไปไหนได้
“ จุมพี่ว่าพอถึงห้องแล้วนอนพักหน่อยดีไหม?” พี่วุฒิหันมาถามผม
“ แม่ก็ว่าดี หน้าจุมซีดมาก นอนพักสักหน่อยดีกว่า” แม่ผมเห็นด้วยกับพี่วุฒิ
“ .........................คะครับ” ผมตอบ มือพี่วุฒิที่กุมมือผมอยู่กลายเป็นบีบจนผมต้องหันไปมองพี่วุฒิ แต่พี่วุฒิกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
เตือนผมว่า อย่าคิดจะทำอะไร!!
“ ...............................”
พอถึงห้องพี่วุฒิก็วางของแล้วพาผมเข้าห้องนอนอย่างที่พูด
“ แม่ครับ..............” ผมเรียกแม่ ถึงพี่วุฒิจะส่งสายตาถามผมว่า ‘มรึงคิดจะทำอะไร?’
“ แม่ไปนอนเป็นเพื่อนผมหน่อย” ผมอ้อนแม่
“ จุมโตแล้วนะ ทำตัวเป็นเด็กไปได้” แม่ว่ายิ้มน้อยๆแต่ก็เดินตามพวกผมเข้าไป
“ ก็ผมคิดถึงแม่” ผมบอกอีก พลางนอนลงมีแม่ห่มผ้าให้
“ แม่คงไม่ได้นอนด้วยหรอก แต่แม่จะอยู่จนกว่าจุมจะหลับ แล้วแม่ก็จะกลับ ให้พี่วุฒิเขาดูแลต่อนะ” แม่บอกผมนั่งบนเก้าอี้ที่พี่วุฒิยกมาไว้ข้างเตียงก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง
พอหัวถึงหมอนผมก็ชักจะง่วงขึ้นมาจริงๆ แล้วยังมีมืออบอุ่นของแม่คอยลูบหัวให้อีก ผมอยากหลับแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีก
“ แม่ครับ ทำไมแม่ให้ผมาอยู่ที่กับพี่วุฒิทั้งเรื่องย้ายโรงเรียนอีก?” ผมถาม คิดว่าแม่ทำไมถึงได้ยอมง่ายแบบนี้ ถ้าเป็นพ่อแม่คนอื่นคงไม่ยอม
“ ก็เพราะมันเป็นความต้องการของจุม” แม่ตอบ ผมรู้สึกจุกที่ลำคอ
“ ทั้งๆที่....”
“ ทั้งๆที่อะไรก็ตามแต่...” แม่หันมาสบตากับผม รอยยิ้มของแม่ทำให้ผมอยากอ้อนแม่ไปเรื่อยๆ
“ ถ้ามันเป็นความสุขความจุมแม่ยอมได้แม่ยอม แม่ไม่อยากให้เมื่อถึงเวลาหนึ่ง แล้วจุมมาเสียใจสิ่งที่ไม่ได้ทำ และถ้าสิ่งที่จุมทำแล้ว มันไม่ดีก็กลับมาบ้านเรานะ แม่รอจุมอยู่เสมอ”
“ แม่ครับ ฮือๆ” ผมร้องไห้ออกมาลุกขึ้นมากอดแม่
ผมจะกลับบ้าน!! “ แม่ไม่ยักรู้ว่าลูกแม่จะร้องไห้เก่งด้วย” แม่โอบกอด ผมอบอุ่นจนเพิ่มกล้าพอที่ผมจะพูดแม่แล้ว
ผมจะกลับไปอยู่บ้าน ย้ายมาได้ผมก็ย้ายกลับได้เปิดเทอมมาแค่อาทิตย์เดียว โรงเรียนคงยินดีรับผมเพราะผมไม่ใช่เด็กมีปัญาหา การเรียนผมก็ดี
“ แม่ จุมจะกลับ....”
ก็อกๆ
เสียงเคาะประตู พี่วุฒิเปิดประตูเข้ามา ผมหันไปมองแล้วรีบหันกลับมาเหมือนคนมีความผิดติดตัว
“ กับข้าวที่คุณแม่ทำมาจะให้เก็บยังไงครับ พอดีผมไม่รู้” พี่วุฒิบอกเกาหัวไปพลาง
“ ไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่ไปทำเอง” แม่ผมบอกจะลุกขึ้น แต่ผมดึงมือไว้
“ ไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่มา ไปเก็บกับข้าวก่อนจุมจะได้อุ่นกินอีก”
“ จุม เดี๋ยวพี่นั่งเป็นเพื่อน” พี่วุฒิพูดสีหน้ายิ้มแย้ม มือก็จับแขนผม แล้วออกแรงบีบ
ร่างกายผมเย็นเฉียบ! จนไม่รู้ว่ามือผมหลุดจากแขนแม่ตั้งแต่เมื่อไร
“ คุณแม่รีบมานะครับ จุมท่าทางไม่อยากผมเท่าอ้อนคุณแม่” พี่วุฒิว่า นั่งลงแทนที่ที่แม่เคยนั่ง
พอประตูปิดน้ำตาผมก็ร่วงพราว
“ คิดจะทำอะไร?” พี่วุฒิถามเสียงที่พูดกับแม่หายไปเหลือแต่เสียงแข็งกระด้าง
“ ผมจะกลับบ้าน ผมอยากกลับบ้าน” ผมบอกดึงแขนตัวเองกลับ แต่พี่วุฒิกระชากตอบผม
“ มรึงว่าไงนะ!” พี่วุฒิถามพยายามบีบเสียงให้เล็กลง
“ พี่ครับ ให้ผมกลับไปอยู่กลับแม่เถอะ”
“ กรูไม่ให้มรึงไป มรึงเป็นของกรูก็ต้องอยู่กับกรู!” “ ไม่ครับ ผมไม่อยากอยู่” ผมบอกส่ายหน้าไปด้วย
“ .....
.............................มรึงต้องอยู่” พี่วุฒิสั่ง จากดึงแขนเปลี่ยนมาเป็นจับต้นแขนผมและเขย่าแรงๆ
“ ไม่ครับ” ผมบอกแม้จะแค่ 2 คำแต่ต้องใช้ความกล้ามหาศาล มือก็กำแน่นสร้างความเข้มแข็งให้ตัวเอง
“ พูดอีกที ว่ามรึงจะอยู่ที่นี่กับกรูไหม?” “ ไม่ครับ” ผมบอกอีกครั้ง
“ มรึงคิดว่ามรึงแน่เร๊อะที่กล้าพูดกับกรูแบบนี้ ทั้งที่ตอนนี้มรึงตัวสั่นยังกะเจ้าเข้า” “ .................................”
“ ..................................เอาสิเอาเลย อยากกลับ กลับไปเลย”
“ จริงเหรอครับ” ผมถามดีใจไม่คิดว่าพี่วุฒิจะยอม
“ จริง”
“ขอบคุณครับพี่ ขอบคุณ” ผมบอกดีใจมาก ผมจะได้กลับพร้อมแม่เลย
“ แต่มรึงต้องแน่ใจนะว่าจะหนีกรูพ้น เพราะกรูจะให้คนไปลากคอมรึงมาอีก คราวนี้กรูจะล่ามโซ่ขังมรึงไว้ ไม่ให้มรึงออกไปไหน ไม่ได้เจอใครและไม่มีใครเจอมรึง พอถึงตอนนั้นอย่าหวังว่ามรึงจะได้เจอแม่มรึงอีก คิดดีๆว่ามรึงจะเจอแม่เป็นครั้งคราวแบบนี้ หรือจะไม่ได้เจออีก” พี่วุฒิพูดปกติแต่มันกลับน่ากลัวมาก ผมถอยหลังแต่มือพี่วุฒิที่จับไหล่ผมทั้ง 2 ข้าง ทำให้ผมไปไหนไม่ได้ไกล
“ ................. .............” ผมหวาดหวั่นกับกับสายตาที่กำลังขู่ผมว่า พี่วุฒิไม่ได้ล้อเล่น และจะทำจริงๆ
“ มรึงอย่าคิดว่ากรู ทำไม่ได้ แต่ถ้ามรึงไม่เชื่อลองดูก็ได้” พี่วุฒิผลักตัวผมล้มลงไปกองกับเตียง ส่วนพี่วุฒิยืนขึ้น
“ ฮือๆ อึ้ก” ผมจะร้องก็ร้องไม่ได้ กลัวแม่จะได้ยิน ต้องเอามือปิดปากเอาไว้
“ ...................และถ้าอยากอยู่กับกรูแล้วก็นอนอยู่เฉยๆ และถ้ามันลำบากนักก็แกล้งนอนหลับไปแล้วก็ไม่มีใครว่า”
ผมไม่รู้ว่านี่จะเรียกว่านอนเฉยๆหรือเปล่าผมค่อยขดตัวให้ลีบลงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วพี่วุฒิก็เอาผ้าห่มมาห่มตัวผม ตอนนั้นผมหลับตาลงรู้สึก..........สิ้นหวัง........
แล้วแม่ก็เคาะประตูตามด้วยเปิดเข้ามา
“ อ้าว หลับแล้วเหรอ?” เสียงแม่ถามพี่วุฒิจากด้านหลัง
“ครับ ท่าทางจะเหนื่อย เพราะวันนี้รถค่อนข้างติดคงเพลีย” พี่วุฒิบอกแม่
“ เหรอ” แม่ว่านั่งลงลูบหัวผม “ ฝากวุฒิดูแลจุมด้วยนะ ช่วงนี้ไม่ค่อยสบายบ่อย” แม่พูดน้ำเสียงเป็นห่วงเช่นเคย
“ ครับ”
“ งั้นแม่กลับนะ ต้องไปทำงานบ้านอีก”
“ งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง”
“ ไม่เป็นไรจ้ะ อยู่ดูจุมดีกว่า เดี๋ยวแม่กลับเอง”
“ จะดีหรือครับ?”
“ ดีจ้ะ อยู่ดูแลจุมเถอะ แม่เป็นห่วงจุม”
“ ถ้างั้นก็ได้ครับ แต่ให้ผมไปส่งข้างล่างนะครับ”
“ บอกแล้วไงจ้ะ ไม่เป็นไร เอาแค่หน้าห้องก็พอ”
“ ครับ”
แล้วพี่วุฒิก็ไปส่งแม่ก่อนที่จะกลับเข้ามาอีก
“ ไม่ต้องแกล้งหลับสนิทขนาดนั้น” พี่วุฒิพูดแล้วนั่งลงบนเตียงด้านหลังผม
“ ............................” ใช่ผมยังไม่หลับ
“ นิ่ง นิ่ง ทำเป็นนิ่งผัวพูดด้วย ไม่ตอบ”
หมับ! ไหล่ผมถูกจับให้ตัวพลิกมาอีกด้าน
“ อย่าให้กรูได้ยินอีกว่า มรึงจะไปจากกรูอีก”
“ .........................”
“......ไม่งั้น กรูจะทำอย่างที่พูดจริง
เข้าใจไหม!” “ ............................” ผมเข้าใจ แต่ผมไม่อยากอยู่ที่นี่จริงๆ ผมอยากกลับบ้าน
“
เข้าใจไหม!” พี่วุฒิตะคอก ที่ผมไม่ตอบ แต่ที่ผมไม่ตอบมีเหตุผล ถ้ามีประโยคเดียวที่ผมอยากจะพูดตอนนี้คือ ‘ผมอยากกลับบ้าน’ และถ้าผมจะพูดก็คงจะพูดประโยคนี้ แต่ถ้าพูดพี่วุฒิต้องโกรธมากแน่
“ ..........................” ผมเงียบ แม้จะรู้ว่าอาจจะทำให้พี่วุฒิโกรธแต่คงน้อยกว่าที่ผมจะพูดว่า ‘ผมอยากกลับบ้าน’
“ เออ ดีพูดกับคนใบ้ แล้วอย่าพูดแล้วกัน” พี่วุฒิพูดขึ้นมาคร่อมผมบนเตียง
“ !!?”
“ ตอนอยู่โรง-บาล ไม่ได้ทำ วันนี้กรูจะเอามรึงต้นทบดอกทบต้นอีกที”
“ อย่านะครับพี่!” ผมบอกเอามือดันอกพี่วุฒิไม่ให้ให้พี่วุฒิก้มลงมา แต่อีกคนกลับยิ่งเอาตัวดันแขนสั่นๆผมลงมา
“ พูดทำไม เมื่อกี้กรูถามไม่ตอบ พอตอนนี้ทำมาเป็นพูดดี” พี่วุฒิว่าจับข้อมือผมแล้วกดกับเตียง
“ พี่ครับ อย่าทำแบบนี้เลย อย่าทำ ฮือๆ ความผิดของผมเมื่อไรจะหมด เมื่อไรกัน” “ .......ไม่วันหมด มรึงต้องอยู่กับกรูไปทั้งชีวิต” พี่วุฒิบอกแล้วก้มลงมาจูบผม จูบเหมือนจะกินปากผมทั้งปาก
ผมบอกว่าตัวเองให้ต่อต้าน ต้องขัดขืน แต่ร่างกายที่สั่นระริกไม่ยอมขยับ
นี่มันคือสิ่งที่ผมต้องยอมรับใช่ไหม?
ใช่ไหม?
ผม........................................
******************
